Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน

แผนการสอน

Published by Guset User, 2022-11-25 04:26:16

Description: แผนการสอน

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 บทที่1 เรื่อง การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูไ่ ทย วนั ที่ 17 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2565 ใชเ้ วลา 2 ชวั่ โมง/คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวตั ิความสาคญั ศาสดาหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ทต่ี นนบั ถอื และศาสนาอนื่ มศี รัทธาที่ถูกตอ้ งยืดมนั่ และปฏิบตั ิตามหลักธรรมเพอ่ื อยูร่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ติสุข ตัวชี้วดั ส1.1ม.1/1 อธิบายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือสู่ประเทศไทย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ หรือพทุ ธิพสิ ยั ทกั ษะพิสัย จิตพสิ ยั ) 1.อธิบายประวตั คิ วามเป็นมาและการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่สังคมไทยได้ (K) 2.วเิ คราะห์ลกั ษณะการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ งั คมไทย (P) 3.มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) 3. สมรรถนะทส่ี าคัญของผ้เู รยี น 1.ความสามารถในการคดิ 2.ความสามารถในการสื่ อสาร 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4. สาระสาคัญ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูป่ ระเทศไทย ดินแดนอนั เป็นทตี่ ้งั ของประเทศไทยในปัจจุบนั น้ีรวมไป ถึงดนิ แดนของประเทศเพอ่ื นบา้ นใกลเ้ คยี งท่ีอยหู่ ลายรอบเมื่อคร้ังอดีตจะเรียกรวมๆกนั วา่ สุวรรณภูมิ จาก หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ตา่ งๆทาให้อนุมานได้วา่ ผู้คนในดนิ แดนสุวรรณภูมนิ ้ีนับถอื ศาสนาและลทั ธิ ความเช่อื แตกตา่ งกนั ออกไปกลา่ วคือผู้คนบางกลุม่ กน็ ับถือบชู าภตู ผีปี ศาจและปรากฏการณ์ ทางธรรมชาตอิ นั เป็นความเชอื่ ที่มมี าตง้ั แตเ่ดิมในขณะท่ีผู้คนอีกสว่ นหน่ึงกน็ ับถือพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาพราหมณฮ์ นิ ดู ตา่ งกนั ไป

5. สาระการเรยี นรู้ 1.ประวตั ิความเป็นมาและการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่สงั คมไทย 2.ลักษณะการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่สังคมไทย 6. กิจกรรมการเรียนรู้ (ระบกุ จิ กรรมขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรียนข้นั นาเสนอเนือ้ หาสาระ(ขน้ั สอน)และขน้ั สรุป) ชั่วโมงท1ี่ ประวตั ิความเป็นมาและการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่สังคมไทย ข้นั นา 1.ซกั ถามหรือพดู คยุ กบั ผเู้ รียนเพอ่ื เตรียมความพร้อมกอ่ นเร่ิมเรียน 2.ทดสอบทาแบบฝึ กหัด(กอ่ นเรียน)เพอ่ื วดั ความรู้ ความเขา้ ใจกอ่ นเรียน ขน้ั นาเสนอเนื้อหาสาระ (ขน้ั สอน) 1.ใหน้ กั เรียนเปิดหนังสือเรียนหน้าที่ เรื่องทจี่ ะเรียน พร้อมนาเสนอ Power Point ในการเรียนควบคกู่ นั ไป 2.อธิบายเนื้อหาสาระท่ีเรียนใหก้ บั นกั เรียน 3.แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4คน ให้บอกประวตั คิ วามเป็นมาและการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทยเพ่อื ระดมสมอง 4.สุม่ ถามนักเรียนทลี ะคน เพ่ือเชค็ ความเขา้ ใจวา่ เขา้ ใจมากน้อยเพียงใด 5.จากน้นั ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั หลงั เรียน คนทไี่ ดค้ ะแนนเยอะทง้ั กอ่ นเรียนหลงั เรียนมรี างวลั ให้ ข้นั สรุป 1.ครูสรุปเน้ือหา ประวตั คิ วามเป็นมาการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทย 2.ซกั ถามขอ้ สงสยั ความคิดเห็นของนักเรียน ชั่วโมงที่ 2 ลักษณะการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเข้าสู่สังคมไทย ขน้ั นา 1.ซกั ถาม พดู คยุ กบั ผเู้ รียนเพื่อเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเริ่มเรียน 2.ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 3.ครูกระตนุ้ และเร้าความสนใจของผเู้ รียนให้สนใจที่จะศึกษาบทเรียน 4.จากน้นั แบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ละ 2-6 คน แนะนาทกั ษะในการเรียนรูร้ ว่ มกนั ระเบยี บของ กลมุ่ บทบาทหนา้ ที่ของสมาชกิ กลุม่

ข้นั นาเสนอเน้ือหาสาระ(ข้นั สอน) 1.ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรียน แนะนาเนื้อหา เรื่องลกั ษณะการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทยและ มอบหมายภาระงานให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ โดยใชใ้ บงาน 2. จากน้นั นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามใบงาน โดยแตล่ ะคนจะมบี ทบาทหน้าท่ีตามท่ีได้รบั มอบหมาย เพอื่ รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบตอ่ ผลงานกลมุ่ 3.ให้นกั เรียนทง้ั กลุม่ ไดส้ รุปแผนผงั ความคิด และนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 4.ครูใหน้ กั เรียนไดท้ าแบบทดสอบหลงั เรียน เพื่อนาไปเทียบกบั กอ่ นเรียนคนที่ไดค้ ะแนนเยอะทง้ั กอ่ น เรียนหลงั เรียนมรี างวลั ให้ ขน้ั สรุป 1.ครูสรุปเน้ือหาลกั ษณะการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทย 2.ซกั ถามขอ้ สงสัยความคิดเห็นของนกั เรียน 7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 2. PowerPoint 3.ใบงาน 4.แบบฝึ กหัด แหลง่ การเรียนรู้ 1.ห้องสมดุ 2.อนิ เทอร์เน็ต 3.หอ้ งเรียน

8. การวัดผลและประเมนิ ผล 8.1 การวัดผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เคร่ืองมือ แบบฝึ กหดั 1.อธิบายประวตั ิความเป็นมาและการเผย ใชแ้ บบฝึกหัดทดสอบ แผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทยได้ (K) 2.วเิ คราะห์ลกั ษณะการเผยแผ่ ตรวจใบงาน แบบประเมนิ ใบงาน พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูส่ ังคมไทย (P) 3.มคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน -โดยการสังเกตพฤติกรรม -แบบสังเกตพฤติกรรมดา้ นการมี (A -ใชแ้ บบประเมนิ ความมงุ่ มน่ั ในการทางาน พฤติกรรม -แบบประเมนิ พฤติกรรม 8.2 เกณฑ์การประเมินผล (รูบริค (rubric) ) ประเด็นการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ นา้ หนัก (K,P,A และ (4) (3) (2) (1) ปรบั ปรุง สมรรถนะ) ดมี าก ดี พอใช้ 1.อธิบาย ความรู้ (K) 1.อธิบายเน้ือหา ได้ 1.อธิบาย 1.อธิบาย เน้ือหาไม ่ ครบตาม ใบงาน ครบถว้ นและ เนื้อหาได้ เนื้อหาได้ ถว้ น สมบรู ณ์แบบ ครบถว้ น ครบถว้ น 2.ยงั จบั ใจความ 2. เนื้อหาตรง ตาม 2. เน้ือหาตรง 2. เนื้อหายงั ไม ่ สาคญั ไม ่ คอ่ ย หวั ขอ้ ตามหวั ขอ้ ตรงตาม ได้ 3.ตกแตง่ ได้ อยา่ ง 3. ตกแตง่ ได้ หวั ขอ้ 3. สง่ งาน สวยงาม อยา่ ง ลา่ ชา้ กวา่ ท่ี 4.สง่ งานตรงตอ่ สวยงาม กาหนด เวลา

ทกั ษะ (P) 1.เนื้อหา 1.เนื้อหา 1.เน้ือหายงั ไม ่ 1.เน้ือหายงั แผนผงั ความคดิ ครบถว้ น ครบถว้ น ครบถว้ น ไม ่ 2.สรุปใจความ 2.สรุปใจความ การนาเสนอ สาคญั ไดด้ ี สาคญั ไดด้ ี 2.สรุปใจความ ครบถว้ น 3.มกี ารตกแตง่ 3.มกี ารตกแตง่ สาคญั ไดอ้ ยา่ ง 2.สรุป ไดอ้ ยา่ ง ไดอ้ ยา่ ง ใจความ สวยงาม สวยงาม ไมด่ พี อ สาคญั ไดไ้ ม ่ 4.อา่ นนออก 4.อา่ นนออก 3.มกี ารตกแตง่ เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย ไดอ้ ยา่ งพอใช้ ดี 5.สง่ ตรง 5.สง่ ตรง 5.สง่ งานชา้ พอ กวา่ ท่กี าหนด 3.ไมม่ กี าร เวลา เวลา ตก 1.นาเสนอ แตง่ งาน 1.นาเสนอ 1.นาเสนอ เน้ือหาใน 4.อา่ นไม ่ เนื้อหาใน เนื้อหาใน ผลงานได้ ออก ผลงานได้ ผลงานได้ คอ่ นขา้ ง เขา้ ใจยาก ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง 5.สง่ งานชา้ กวา่ 2.การ 2.การ 2.การ ทก่ี าหนด เรียงลาดบั เรียงลาดบั เรียงลาดบั 1.นาเสนอ ข้นั ตอนของ ข้นั ตอนของ ขน้ั ตอนของ เนื้อหาใน เนื้อหาไดด้ ีมาก เน้ือหาไดด้ ี เน้ือหาคอ่ นขา้ ง ผลงานได้ 3.การมสี ว่ นรว่ ม 3.การมสี ว่ น ไม ่ ของสมาชิกใน รว่ มของ ดี ถูกตอ้ ง สมาชกิ ในกลมุ่ 3.การมสี ว่ น 2.การ กลมุ ่ 4.สง่ งาน รว่ มของ เรียงลาดบั 4.สง่ งานตรง ตรงเวลา สมาชิกในกลมุ ่ ขน้ั ตอนของ เนื้อหาไดไ้ ม ่ เวลา บางคร้งั ดี 4.สง่ งานตรง 3.ไมม่ สี ว่ น รว่ ม ภายในกลมุ ่ 4.สง่ งาน ลา่ ชา้

คณุ ลกั ษณะ (A) ตรงตอ่ เวลา ตรงตอ่ เวลา เวลา กวา่ ท่ี มวี นิ ยั กาหนด ปฏบิ ตั งิ าน ปฏบิ ตั ิงาน ตรงตอ่ เวลา ไมต่ รงเวลา ปฏบิ ตั ติ าม ปฏบิ ตั งิ าน เรียบร้อยเหมาะสม เรียบรอ้ ย ขอ้ ตกลง ไมเ่รียบรอ้ ย ไมป่ ฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิตาม ปฏิบตั ิตาม ตาม ขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลง มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามตง้ั ใจ และ มคี วามต้งั ใจ มคี วามอดทน ไมม่ คี วาม ทางาน พยายามในการ ในการทางาน ตง้ั ใจทางาน ตง้ั ใจในการ ทางานท่ไี ดร้ บั มคี วามอดทน ทางาน มอบหมาย ไมม่ คี วาม มคี วามอดทนและ อดทนจนทา ไมท่ อ้ อปุ สรรค์ ให้งานไม ่ เพื่อใหง้ านสาเร็จ สาเร็จ สมรรถนะ มคี วามสามารถ ใน การคดิ วเิ คราะห์ มคี วามสามารถ มคี วามสามารถ ไมม่ คี วาม

1.ความสามารถ คดิ เป็น ระบบเพอ่ื ในการคดิ ในการคดิ สามารถใน ในการคดิ สรา้ ง องค์ความรู้ วเิ คราะห์คดิ วเิ คราะห์คิด การ คิด โดย ปฏบิ ตั ิชดั เจน เป็ นระบบเพอ่ื เป็ นระบบเพื่อ วเิ คราะห์คดิ สมา่ เสมอ สรา้ งองค์ สรา้ งองค์ เป็ นระบบเพอื่ ความรู้โดย ความรู้โดย สรา้ งองค์ ปฏิบตั ิชดั เจน ปฏบิ ตั ชิ ดั เจน ความรูโ้ ดย บอ่ ยคร้งั บางคร้งั ปฏิบตั ชิ ดั เจน 2.ความสามารถใน มคี วามสามารถ ใน มคี วามสามารถ ไมม่ ี ไมม่ ี การสื่อสาร การรบั -สง่ สาร มี ในการ รับ-สง่ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ใน สาร มี ในการ รบั -สง่ ในการ รับ-สง่ การถา่ ยทอด ความสามารถ สาร แต่ ยงั มี สารไมม่ ี ความรู้ ความคิด ในการ ความสามารถ ความสามารถ ความ เขา้ ใจของ ถา่ ยทอด ในการ ในการ ตนเอง โดยใช้ ความรู้ ถา่ ยทอด ถา่ ยทอด ภาษาอยา่ ง ความคดิ ความ ความรู้ ความรู้ เหมาะสม ใช้ เขา้ ใจของ ความคดิ ความ ความคดิ วธิ ีการสื่อสารท่ี ตนเอง ยงั มี การ เขา้ ใจของ ความ เขา้ ใจ เหมาะสม ใชภ้ าษาที่ ไม ่ ตนเอง มกี ารใช้ ของ ตนเอง มี เหมาะสม ภาษาทไ่ี ม ่ การใช้ ภาษา วธิ ีการสื่อสาร เหมาะสม ที่ไม ่ ยงั ไมเ่หมาะสม วธิ ีการส่ือสาร เหมาะสม ยงั ไมเ่หมาะสม วธิ ีการส่ือสาร ยงั ไม ่ เหมาะสม

3.ความสามารถใน มที กั ษะ มที กั ษะ มที กั ษะ -ไมม่ ที กั ษะ การใชเ้ ทคโนโลยี กระบวนการ ทาง เทคโนโลยี กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ สามารถ นา เทคโนโลยไี ป ใช้ ทางเทคโนโลยี ทาง เทคโนโลยี ทาง พฒั นา ตนเอง -ใช้เทคโนโลยใี น สามารถ นา สามารถนา เทคโนโลยี แกป้ ัญหาได้ อยู่ สร้างสรรค์ เทคโนโลยไี ป เทคโนโลยไี ป สามารถนา สมา่ เสมอ ใชพ้ ฒั นาตนเอง ใชพ้ ฒั นา เทคโนโลยีไป -ใชเ้ ทคโนโลยี ตนเอง ใชพ้ ฒั นา ใน แกป้ ัญหาได้ -ใช้เทคโนโลยี ตนเอง อยา่ ง ใน แกป้ ัญหาได้ -ไมใ่ ช้ สรา้ งสรรค์ อยา่ ง เทคโนโลยใี น บอ่ ยคร้ัง สรา้ งสรรค์ แกป้ ัญหาได้ บางคร้ัง เกณฑก์ ารประเมนิ (ดา้ นความรู้) 16-20 คะแนน 4 (ดมี าก) ชว่ งคะแนน 11-15 คะแนน 3 (ดี) ชว่ งคะแนน 6-10 คะแนน 2 (พอใช)้ ชว่ งคะแนน 1-5 คะแนน 1 (ปรบั ปรุง) ชว่ งคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ) 4 (ดมี าก) ชว่ งคะแนน 9-10 คะแนน 3 (ดี) ชว่ งคะแนน 7-8 คะแนน 2 (พอใช)้ ชว่ งคะแนน 5-6 คะแนน 1 (ปรบั ปรุง) ชว่ งคะแนน 1-4 คะแนน

เกณฑ์การประเมนิ (ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์) 4 (ดมี าก) ชว่ งคะแนน 3 คะแนน 3 (ด)ี ชว่ งคะแนน 2 คะแนน 2 (พอใช)้ ชว่ งคะแนน 1 คะแนน 1 (ปรบั ปรุง) ชว่ งคะแนน 0 คะแนน 8.3 เกณฑ์การตัดสิน - รายบุคคล นกั เรียนมผี ลการเรียนรู้ไมต่ ่ากวา่ ระดับ 2 จึงถือวา่ ผา่ น - รายกลมุ่ รอ้ ยละ......ของจานวนนกั เรียนท้งั หมดมผี ลการเรียนรูไ้ มต่ ่ากวา่ระดบั 2 1. ข้อเสนอแนะ  ใชส้ อนได้  ควร ปรับปรุง …………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………..…………… ลงช่อื ………..…………………….………………….…….. () ครูพเ่ี ลี้ยง วนั ที่........เดอื น..............พ.ศ............

2. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของเนื้อหา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของส่ือ ดี  พอใช้ ปรับปรุง……………………… อน่ื ๆ……………………………………………………………………………………………………... สรุปผลการประเมินผ้เู รยี นด้านความรู้ นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 3 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 4 สรุปผลการประเมนิ ผ้เู รียนด้านทกั ษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 4 สรปุ ผลการประเมนิ ผ้เู รยี นด้านคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 4 สรปุ ผลการประเมนิ ผ้เู รยี นด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 1 นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดบั 3 นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 4

สรปุ ผลการประเมนิ ภาพรวมในแต่ละด้านของผ้เู รยี น ด้านความรู้ จานวนนกั เรียนท่ผี า่ นเกณฑ์ ........................... คน คิดเป็นร้อยละ ........................... จานวนนักเรียนทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑ์ ....................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ........................... ด้านทกั ษะกระบวนการ จานวนนกั เรียนที่ผา่ นเกณฑ์ ........................... คน คิดเป็นร้อยละ ........................... จานวนนักเรียนที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ....................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ........................... ด้านเจตคติ จานวนนักเรียนที่ผา่ นเกณฑ์ ........................... คน คดิ เป็นร้อยละ ........................... จานวนนักเรียนทไ่ี มผ่ า่ นเกณฑ์ ....................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ........................... ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ จานวนนกั เรียนท่ผี า่ นเกณฑ์ ........................... คน คิดเป็นร้อยละ ........................... จานวนนักเรียนที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ....................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ........................... ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น จานวนนกั เรียนท่ีผา่ นเกณฑ์ ........................... คน คิดเป็นร้อยละ ........................... จานวนนกั เรียนทไ่ี มผ่ า่ นเกณฑ์ ....................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ........................... สรุปโดยภาพรวม มนี ักเรียนจานวน………คน คดิ เป็นร้อยละ……….ที่ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ข้ึนไป ซ่งึ สูง (ตา่ ) กวา่ เกณฑท์ ่ี กาหนดไวร้ ้อยละ…… และมนี ักเรียนจานวน………คน คดิ เป็นร้อยละ…… ท่ไี มผ่ า่ นเกณฑท์ ี่กาหนด

3. ข้อสังเกต/ค้นพบ …………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………… ……………….………………………………………………………………………………………… …………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………….………………… 4. แนวทางแก้ไขปัญหาเพือ่ ปรับปรุง …………………………………………………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………… ……………….………………………………………………………………… 5. ผลการพฒั นา …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ……………….………………………………………………………………………………………… ……………………………………….………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………….……………………… ………………………………………………………… ลงช่อื ………..……..……………..…………….… () ผ้สู อน

6. ความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระ/สายช้นั ………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………..……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….…………………………… …………………………………………………… ลงชือ่ ……………..………..…………………..…..…… () หวั หน้ากลุ่มสาระ/สายช้นั 7. ความเห็นของฝ่ ายวชิ าการ ………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………..……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………..……………………………………… ……………………………………………………………………………………..…………………… …………………………………………………………………………………………………………… ………………..……………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………....……..…… () ฝ่ ายวชิ าการ

8. ความเหน็ ของผ้อู านวยการโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………..……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………..……………………………………… ……………………………………………………………………………………..…………………… …………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………....……..………… () ผ้อู านวยการโรงเรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook