Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Published by นายอิบรอเฮง รีเด็ง, 2021-11-15 11:47:10

Description: หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

1 1. ความรู้เบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั คอมพิวเตอร์ สาระสาคญั คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic device) ท่ีมนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการ จัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ท้ังตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในส่ิงต่าง ๆ โดยคุณสมบัติท่ี สาคัญของคอมพิวเตอร์คือการท่ีสามารถกาหนดชุดคาส่ังล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้( programmable) น่ันคือ คอมพิวเตอรส์ ามารถทางานได้หลากหลายรปู แบบ ขน้ึ อยู่กับชุดคาสั่งทเี่ ลือกมาใช้งานทาใหส้ ามารถนาคอมพิวเตอรไ์ ป ประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ในทางการแพทย์ ใช้ในการตรวจคล่ืนความถี่ของหัวใจ ในภาคธุรกิจ เช่น ธนาคาร ใช้บันทกึ ขอ้ มลู การฝาก – ถอนเงินของลูกคา้ หรอื ในภาคอตุ สาหกรรมยานยนต์ ที่ใชใ้ นการตรวจสอบสภาพ เคร่ืองยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์คือ สามารถทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ มีความถกู ต้อง แมน่ ยา และมี ความรวดเร็ว เนอ้ื หาสาระ 1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ 2. ประวตั คิ วามเปน็ มาของคอมพวิ เตอร์ 3. หลกั การทางานเบือ้ งต้นของคอมพิวเตอร์ 4. องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ 5. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในการนาไปประยกุ ต์ใช้ในงานต่าง จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 2. บอกประวัตแิ ละความเปน็ มาของคอมพิวเตอรไ์ ด้ 3. อธบิ ายหลกั การทางานเบอ้ื งต้นของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 4. บอกองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอรไ์ ด้ 5. บอกประโยชน์ของคอมพวิ เตอรใ์ นการนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นงานตา่ ง ๆ ได้

2 1.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ มาจากภาษาละตินว่า Computer ซ่ึงหมายถึง การนับ หรือ การคานวณ พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า \" เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมตั ิทาหน้าท่ี เหมือนสมองกล ใช้สาหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและท่ีซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ \"คอมพิวเตอร์ จึงเป็น เคร่ืองจกั รอิเลก็ ทรอนิกส์ทถี่ กู สรา้ งข้ึนเพ่อื ใช้ทางานแทนมนษุ ย์ ในดา้ นการคดิ คานวณและสามารถจาข้อมลู ทั้งตวั เลข และตัวอักษรได้ เพ่ือการเรียกใช้งานในคร้ังต่อไป นอกจากน้ียังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยงั มคี วามสามารถในดา้ นต่าง ๆ อีกมาก เช่น การเปรียบเทียบทาง ตรรกศาสตร์ การรบั สง่ ขอ้ มูล การจดั เก็บข้อมลู ในตวั เครอื่ งและสามารถประมวลผลจากขอ้ มูลตา่ ง ๆ ได้ โดยสรุปคอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อช่วยในการทางานให้รวดเร็วและมี ประสทิ ธิภาพดยี งิ่ ข้ึน โดยมนุษย์เป็นผู้เขียนชุดคาสั่ง เพอื่ ใหเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร์ทาตามชุดคาส่ังตามแต่จดุ ประสงค์ของ การใช้งาน โดยเราจะเป็นผู้กาหนดข้อมูล วิธีการ สูตรการคานวณ เพ่ือรวบรวม เขียนเป็นโปรแกรมส่ังการให้ คอมพิวเตอรท์ างานตามท่ีต้องการ 1.2 ประวัตแิ ละความเปน็ มาของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นผลจากการประดิษฐ์คิดค้นเคร่อื งมือในการคานวณซึ่งมีวิวัฒนาการ นานมาแล้ว เริ่มจากเครื่องมือในการคานวณเครื่องแรกคือ \"ลูกคดิ \" (Abacus) ที่สร้างข้นึ ในประเทศจีน เมอ่ื ประมาณ 2,000-3,000 ปี มาแลว้ ลูกคดิ แสดงดังภาพที่ 1-1 ภาพท่ี 1-1 ลูกคดิ ทมี่ า : ลกู คิดจนี โบราณ [ออนไลน]์ http://www.web-pra.com/Auction/Show/261519

3 จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ช่ือ ชาร์ล แบบเบจ ( Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เคร่ืองวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคานวณค่าของตรีโกณมิติ และฟังก์ชันต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์ การทางานของเครื่องน้ีแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บขอ้ มูล สว่ นคานวณ และส่วนควบคุมใช้ระบบ พลังเครื่องยนต์ไอนา้ หมนุ ฟันเฟือง มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คานวณได้โดยอัตโนมัติ และเก็บข้อมูล ชาร์ล แบบเบจ แสดงดังภาพที่ 1-2 ภาพที่ 1-2 ชาร์ลส์ แบบเบจ ท่มี า : ชาร์ลส์ แบบเบจ บดิ าแหง่ คอมพวิ เตอร์ [ออนไลน]์ http://hilight.kapook.com/view/90042 ในหน่วยความจา ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ ทั้งนี้ แบบเบจ ยังเป็นนักปรัชญาวิเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และเป็นผู้บุกเบิกสร้างคอมพิวเตอร์ เน่ืองจากเป็นคนแรกที่มีแนวคิดเรื่อง เคร่ืองคานวณที่สามารถสร้างโปรแกรมหรือสั่งให้ทางานได้ ซ่ึงมีลักษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบของระบบ คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เห็นเคร่ืองในจินตนาการของเขาเสร็จสมบรู ณ์ แต่เขาก็ได้ พสิ ูจน์ใหเ้ หน็ แล้วว่า เคร่ืองจกั รจากแนวคดิ ของเขาสามารถทางานได้จริงและมีคุณประโยชน์ต่อโลกเป็นอยา่ งยิง่ แบบเบจ เกดิ เมื่อวันท่ี 26 ธนั วาคม ค.ศ. 1791 (พ.ศ. 2334) ในครอบครวั ของนายธนาคาร และเติบโตมาใน ยคุ ท่อี งั กฤษเป็นประเทศทีม่ อี านาจ และกาลงั อยู่ ในชว่ งการปฏวิ ัติอตุ สาหกรรม โดยรฐั บาลให้การสนับสนุนทนุ พัฒนา ในสาขาต่าง ๆ อย่างเต็มท่ี แบบเบจ ศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ทรินิตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ท่ีคณะ คณิตศาสตร์ (Mathematical Laboratory) พอเรยี นจบ แบบเบจ ก็ตัดสินใจเป็นอาจารย์ต่อทีค่ ณะ ในปี ค.ศ. 1814 (พ.ศ. 2357) และได้สมรสกับ จอร์เจียนา วธิ มอร์ นักคณติ ศาสตรห์ ญงิ คนเกง่ คนหนึง่ ในยุคนัน้ ท้ังนี้ แบบเบจ มีความ สนใจในการศึกษาด้านแคลคูลสั เป็นพิเศษ โดยในปี1822 (พ.ศ. 2365) งานวจิ ัยท่ีทาให้เขามีช่ือเสียงมากคือ เครื่อง ผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเครื่องนี้สามารถคานวณค่าของฟังก์ชันทาง ตรีโกณมิติได้ ซ่ึงอาศัยหลักการต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตร์ แต่โครงการก็ตอ้ งยุตลิ งเมอ่ื เขาไดค้ น้ พบความไมน่ ่าเช่ือถอื บาง ประการในการคานวณ

4 หลังจากนั้น แบบเบจ ได้คิดเคร่ืองใหม่ท่ีช่ือว่า เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) โดยเครื่องน้ี ประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 4 สว่ น คือ 1. สว่ นเก็บขอ้ มลู เปน็ ส่วนท่ใี ชใ้ นการเกบ็ ข้อมูลนาเข้าและผลลพั ธ์ท่ไี ดจ้ ากการคานวณ 2. สว่ นประมวลผล เป็นส่วนท่ใี ชใ้ นการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ 3. สว่ นควบคุม เป็นส่วนท่ใี ชใ้ นการเคลอ่ื นยา้ ยข้อมูล ระหว่างส่วนเก็บขอ้ มูลและสว่ นประมวลผล 4. สว่ นรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนท่ีใช้รบั ข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่สว่ นเกบ็ ขอ้ มูล และแสดงผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการคานวณ จากหลักการของ แบบเบจ จึงได้นนามาพัฒนาสร้างเครอื่ งคอมพวิ เตอร์สมยั ใหม่ เราจึงยกยอ่ งให้แบบเบจ เป็นบดิ าแห่งเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ หลงั จากน้ันเป็นตน้ มาได้มีผปู้ ระดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์มากมายหลายขนาด ทาให้ เป็นการเร่มิ ยุคของคอมพวิ เตอรอ์ ย่างแทจ้ รงิ 1.3 หลักการทางานเบอ้ื งตน้ ของคอมพิวเตอร์ หลกั การทางานเบ้อื งตน้ ของคอมพวิ เตอร์ ประกอบดว้ ย 4 หนว่ ย ไดแ้ ก่ หน่วยรับขอ้ มลู หน่วยประมวลผล ขอ้ มูล หน่วยจดั เก็บข้อมูลและหน่วยแสดงผลขอ้ มูล หลกั การทางานเบ้อื งต้นของคอมพิวเตอร์แสดงดงั ภาพที่ 1-3 ภาพที่ 1-3 หลักการทางานเบือ้ งตน้ ของคอมพิวเตอร์ ทม่ี า : หลักการทางานของคอมพิวเตอร์ [ออนไลน]์ https://sites.google.com/a/maesuaiwit.ac.th/computero/hlak-kar-thangan-khxng-khxmphiwtexr

5 ขัน้ ตอนที่ 1 หนว่ ยรับขอ้ มลู (Input Unit) หนว่ ยรบั ขอ้ มลู เขา้ เป็นหนว่ ยทท่ี าหนา้ ทรี่ บั ขอ้ มูล หรอื คาสง่ั เขา้ สคู่ อมพิวเตอร์ โดยจะรับข้อมูลและคาสั่งผา่ น อุปกรณ์นาเขา้ ข้อมูลและคาสงั่ ได้แก่ แป้นพิมพ์ (Keyboard) เมาส์ (Mouse) ไมโครโฟน (Microphone) สแกนเนอร์ (Scanner) กล้องดิจิตอล (Digital Camera) และปากกาแสง (Light Pen) เป็นต้น ตัวอย่างของอุปกรณน์ าเขา้ ข้อมูล แสดงดงั ภาพที่ ่ 1-4 แป้นพมิ พ์ เมาส์ ไมโครโฟน สแกนเนอร์ กล้องดจิ ติ อล ปากกาแสง ภาพที่ 1-4 ตัวอยา่ งของอุปกรณ์ นาเข้าขอ้ มลู ที่มา : หน่วยรบั ขอ้ มลู [ออนไลน]์ https://home.kku.ac.th/regis/student/success/hardware_1.html ขั้นตอนที่ 2 หน่วยประมวลผลขอ้ มูล หรือ หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Process Unit : CPU) หน่วยประมวลผลข้อมูล หรือหน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู เรียกอีกช่ือหนึ่งว่ า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสาคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เปรียบได้กับสมองของ คอมพวิ เตอร์มีหนา้ ท่ีประมวลผลของขอ้ มูล หรอื คาส่ังต่าง ๆ และมหี น้าท่ีควบคุมระบบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอรใ์ ห้ทุก หน่วยทางานสอดคล้องกัน เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลท่ีผู้ใช้ป้อนเข้ามา ทางอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลตาม ชดุ คาสั่งหรอื โปรแกรมทผี่ ใู้ ช้ตอ้ งการใช้งาน หนว่ ยประมวลผลกลาง แสดงดังภาพที่ 1-5 ภาพท่ี 1-5 หนว่ ยประมวลผลกลาง ทม่ี า : หลกั การทางานของคอมพวิ เตอร์ [ออนไลน]์ http://moschiraporn.blogspot.com/2014/10/central-processing-unit-cpu-processor.html

6 หนว่ ยประมวลผลกลาง ประกอบดว้ ยสว่ นสาคัญ 2 ส่วน คอื 1. หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit : ALU) หน่วยคานวณตรรกะทาหน้าที่เหมือนกับ เครื่องคานวณอยูใ่ นเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทางานคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวกลบ คณู หาร ความสามารถอีก อย่างหน่ึงท่ี เครื่องคานวณธรรมดาไม่มี คือความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึงความสามารถในการ เปรียบเทียบตามเงอ่ื นไข และกฎเกณฑท์ างคณิตศาสตร์ เพ่ือให้ไดค้ าตอบออกมาว่าเงื่อนไข นนั้ เปน็ จรงิ หรอื เท็จได้ 2. หนว่ ยควบคุม (Control Unit) หนว่ ยควบคุม ทาหนา้ ที่ควบคมุ ลาดบั ขั้นตอนการประมวลผลรวมไปถงึ การ ประสานงานกับอุปกรณ์นาเขา้ ข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และหน่วยความจาสารองด้วยซีพียูท่ีมีจาหน่ายในท้องตลาด ไดแ้ ก่ Pentium III, Pentium 4, Pentium M (Centrino), Celeron, Dulon, Athlon ขั้นตอนท่ี 3 หน่วยจัดเก็บข้อมูล หรือหนว่ ยความจา (Memory Unit) ทาหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูล เพื่อเตรียมส่งออกหน่วยประมวลผลกลาง ทาการประมวลผล และรับผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผล และเตรียมส่งออกหน่วยแสดงผลข้อมูลต่อไป ซึ่งหนว่ ยความจาของคอมพิวเตอรแ์ บ่งออกเป็น 2 ประเภทหลกั ๆ ดงั นี้ 1. หนว่ ยความจาหลกั (Main Memory Unit) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจาข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ท่ีอยู่ระหว่างการประมวลผลของ คอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่า หนว่ ยเก็บขอ้ มูลหลกั (Primary Storage) สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 2 ประเภท คอื 1.1 หนว่ ยความจาหลกั แบบอ่านได้อย่างเดยี ว (Read Only Memory - ROM) รอม (ROM) เป็นหน่วยความจาแบบสารกง่ึ ตัวนาช่ัวคราวชนดิ อา่ นไดอ้ ยา่ งเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพวิ เตอร์เพราะไม่สามารถ บันทึกซา้ ได้ เป็นความจาท่ซี อฟต์แวรห์ รือข้อมูลอย่แู ล้ว และพร้อมทจ่ี ะนามาต่อกับไมโครโพรเซสเซอรไ์ ด้โดยตรง รอม แสดงดงั ภาพท่ี 1-6 ภาพที่ 1-6 รอม ท่ีมา : ROM คืออะไร[ออนไลน]์ http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/rom/ หน่วยความจาประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเล้ียงอยู่ต่อ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากหน่วยความจา (Nonvolatile) ใช้เก็บข้อมูลท่ีไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้ว เช่น เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input Output System : BIOS) หรือเฟิรม์ แวร์ ท่คี วบคุมการทางานของคอมพวิ เตอร์ใช้เก็บโปรแกรมการทางานสาหรบั เคร่อื งคิดเลขใช้เกบ็ โปรแกรม ของคอมพวิ เตอร์ที่ทางานเฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ท่ีใช้ระบบคอมพิวเตอรค์ วบคุมวงจรหรือระบบควบคุมในเคร่อื ง ซักผา้ เป็นต้น

7 1.2 หน่วยความจาหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM) แรม (RAM) เป็นหนว่ ยความจาหลกั ท่ีใช้ในระบบคอมพวิ เตอร์ยคุ ปัจจุบัน หน่วยความจาชนดิ นีอ้ นญุ าตให้เขยี นและอ่านข้อมูลไดใ้ น ตาแหน่งตา่ ง ๆ อย่างอิสระ และรวดเร็วพอสมควร ซง่ึ ต่างจากสื่อเกบ็ ข้อมลู ชนิดอื่น ๆ อยา่ งเทป หรอื ดิสก์ทม่ี ีขอ้ จากัด ในการอา่ นและเขียนขอ้ มลู ที่ต้องทาตามลาดับกอ่ นหลงั ตามทจี่ ัดเกบ็ ไว้ในสอ่ื หรอื มขี ้อกาจัดแบบรอม ทอี่ นุญาตใหอ้ า่ น เพยี งอย่างเดยี ว ขอ้ มูลในแรมอาจเป็นโปรแกรมทกี่ าลังทางานหรือขอ้ มูลที่ใช้ในการประมวลผลของโปรแกรมท่ีกาลัง ทางานอยู่ ขอ้ มูลในแรมจะหายไปทนั ทเี มื่อระบบคอมพิวเตอรถ์ ูกปิดลง เน่อื งจากหน่วยความจาชนดิ น้ี จะเก็บข้อมลู ได้ เฉพาะเวลาท่มี กี ระแสไฟฟ้าหลอ่ เลย้ี งเท่านัน้ แรม แสดงดงั ภาพท่ี 1-7 ภาพที่ 1-7 RAM ท่มี า : หลกั การท างานของคอมพวิ เตอร์ [ออนไลน์] http://kruchatjen17.blogspot.com/p/2_18.html 2. หนว่ ยความจาสารอง (Secondary Memory Unit) เป็นหน่วยความจาท่ีช่วยให้คอมพวิ เตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ผู้ใช้สามารถเรียกข้อมูลและ คาสั่งมาใช้ในภายหลังอุปกรณห์ นว่ ยความจารองทน่ี ยิ มใชใ้ นปัจจบุ นั มีดงั น้ี 2.1 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นอุปกรณ์ท่ีเก็บข้อมูลได้มาก สามารถเก็บได้อย่างถาวร โดยไม่จาเปน็ ตอ้ งมไี ฟฟ้ามาหลอ่ เลีย้ งตลอดเวลา เมื่อปิดเครือ่ งข้อมลู ก็จะไม่สญู หาย จึงถกู จดั เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการ เก็บระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และข้อมูลต่าง ๆ ฮาร์ดดิสก์มีหน่วยความจุต้ังแต่เป็นไบต์ เมกะไบต์จนถึงจิกะไบต์ หากเครอื่ งคอมพิวเตอร์มคี วามจุของฮารด์ ดิสก์มากก็จะทาให้สามารถเก็บข้อมูลได้มาก ฮารด์ ดสิ ก์แสดงดงั ภาพที่ ์ 1-8 ภาพที่ 1-8 ฮารด์ ดิสก์ ท่มี า หนว่ ยความจาสารอง [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng

8 2.2 ออปติคัลดิสก์(Optical Disk) เป็นหน่วยความจารองที่ใช้เทคโนโลยีแสงเลเซอร์ในการ บันทกึ ขอ้ มลู ทาใหส้ ามารถเกบ็ ข้อมลู ไดจ้ านวนมากกว่าฮาร์ดดสิ กธ์ รรมดา ออปติคัลดิสก์ท่นี ยิ มใชใ้ นปัจจบุ ัน ดงั นี้ 2.2.1 ซีดีรอม (CD-Rom : Compact Disk-Read-Only Memory) เป็นหน่วยความจา รองท่ีบนั ทกึ ได้เพียงครั้งเดยี ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านั้นได้รวมทง้ั ไม่สามารถบันทึกข้อมูลเพม่ิ เติมได้ ซดี ีรอมไดร์ฟรนุ่ แรกสุดน้ันมีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 150 กิโลไบต์ต่อวินาที เรียกว่า มีความเร็ว 1 เทา่ หรือ 1X ซึ่งซีดีรอมไดร์ฟรุ่นหลัง ๆ ก็จะอ้างอิงความเร็วใจการอ่านข้อมูลจากรุ่นแรกเป็นหลัก เช่น ความเร็ว 52 เท่า (52X) เป็นต้น ซีดรี อม แสดงดังภาพท่ี 1-9 ภาพท่ี 1-9 ซีดรี อม ทีม่ า หนว่ ยความจาสารอง [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng 2.2.2 ซีดีอาร์ (CD-R : Compact Disk Recordable) เป็นหน่วยความจารองที่เขียน ขอ้ มลู ลงแผ่นแล้วจะไม่สามารถเปลยี่ นแปลงขอ้ มูลเหลา่ นั้นได้ แตผ่ ใู้ ช้สามารถบนั ทกึ ข้อมูลลงแผ่นเดิมได้ จนกระทงั แผ่นเต็ม ซดี อี าร์ แสดงดงั ภาพที่ 1-10 ภาพท่ี 1-10 ซีดอี าร์ ทีม่ า หน่วยความจาสารอง [ออนไลน์] https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng

9 2.2.3 ซีดีอาร์ดับบลิว (CD-RW : Compact Disk Rewrite) หน่วยความจาท่ีสามารถ เขียนข้อมลู ลงแผ่น และสามารถเขียนข้อมูลใหม่ทบั ลงในแผ่นเดมิ หรือผใู้ ช้สามารถเปลี่ยนเนอื้ หาตา่ ง ๆ ภายในแผน ซดี ีอาร์ดบั บลวิ ได้คล้ายแผ่นพลอปปี้ดสิ ก์ ซดี อี าร์ดบั บลวิ แสดงดังภาพที่ 1-11 ภาพท่ี 1-11 ซีดีอาร์ดบั บลิว ท่ีมา หนว่ ยความจาสารอง [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng 2.2.4 ดีวีดี (DVD : Digital Video Disk) เป็นเทคโนโลยีที่กาลังได้รับความนิยมแทน แผนซีดี เนื่องจากมีการนาเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลมาใช้มากขึ้น ซึ่งดีวีดีหนึ่งแผน สามารถเก็บข้อมูลได้ต้ังแต่ 4.7 กิโลไบต์ นิยมใชบ้ ันทกึ ภาพยนตร์ หลงั จากที่บันทึกข้อมลู ลงแผนดวี ดี แี ล้ว ผใู้ ช้ไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ ดวี ีดมี ี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1) ดีวดี รี อม (DVD-ROM) สว่ นมากใชก้ ับการเก็บภาพยนตร์ท่ีมคี วามยาวเกินกว่า สองช่ัวโมง ดีวดี รี อม แสดงดังภาพที่ 1-12 ภาพที่ 1-12 ดีวดิ รี อม ทมี่ า หน่วยความจาสารอง [ออนไลน์] https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng

10 2) ดีวีดี-อาร์ (DVD-R) ใช้ในการเก็บข้อมูลท่ีมีปริมาณมาก และราคาสูงกว่า ดวี ีด-ี รอม ดวี ดี ี-อาร์แสดงดังภาพที่ 1-13 ภาพท่ี 1-13 ดีวดี -ี อาร์ ทีม่ า หน่วยความจาสารอง [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng 3) ดีวีดี-อาร์ดับบลิว (DVD-RW) เป็นเทคโนโลยีแบบแสงมีเครื่องอ่านดีวีดีแรมที่ ให้ผู้ใช้บนั ทกึ ลบ และบันทกึ ขอ้ มูลซ้าลงบนแผนเดมิ ได้ ดีวดี -ี อารด์ บั บลิวแสดงดงั ภาพท่ี 1-14 ภาพที่ 1-14 ดีวดี -ี อาร์ดบั บลวิ ทม่ี า หน่วยความจาสารอง [ออนไลน์] https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng

11 4) บลเู รยด์ ิสก์ (Blue Ray Disk) เป็นเทคโนโลยีแบบแสงลา่ สุ ดูท่ีสามารถบันทึก ขอ้ มลู ความละเอียดสงู ไดถ้ ึง 100 กกิ ะไบต์ ให้ภาพและเสียงที่คมชัด มักนาไปใชใ้ นการบันทึกภาพยนตร์ แตแ่ ผ่นบลู เรย์ดิสก์ จะมีราคาแพง บลเู รย์ดิสก์แสดงดังภาพที่ 1-15 ภาพที่ 1-15 บลเู รยด์ สิ ก์ ท่มี า หนว่ ยความจาสารอง [ออนไลน์] https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng 2.3 อุปกรณห์ นว่ ยความจาแบบแฟลช (Flash Memory Device) หรือทม่ี ชี ่ือเรยี กอีกหลายๆ ช่อื ว่า ธัมไดรฟ์ (Thumb Drive) แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) หรือแฮนดี้ไดร์ฟ (Handy Drive) เป็นความจาประเภท รอมท่ีเรียกว่า อีดีพร็อม (Electrically Erasable Programmable Read Only Memory : EEPROM) ซึ่งเป็น เทคโนโลยแี บบใหม่ สามารถเก็บข้อมูลได้เหมือนฮารด์ ดิสก์ คือ สามารถเขยี นและลบข้อมูลได้ตามต้องการ และเก็บ ข้อมูลได้แม้ไม่ได้ต่อกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ หน่วยความจาชนิดน้ีมีขนาดเล็ก น้าหนักเบา พกพาได้สะดวกธัมไดร์ฟ แสดงดงั ภาพที่ 1-16 ภาพที่ 1-16 ดีวดิ รี อม ทีม่ า หน่วยความจาสารอง [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/kroonom/hnwy-khwam-ca-rxng

12 ขน้ั ตอนท่ี 4 หนว่ ยแสดงผล(Output Unit) หน่วยแสดงผลเป็นหน่วยที่ทาหน้าท่ีนาผลลัพธ์ท่ีได้จากการประมวลผลกลางไปแสดงให้ผู้ใช้ได้เห็นทาง อุปกรณ์ส่งออก ตวั อย่างอุปกรณ์แสดงผล ได้แก ่ จอภาพ (Monitor) เคร่ืองพมิ พ์(Printer) ลาโพง (Speaker) เป็นต้น 1. จอภาพ (Monitor) จอภาพ คือส่วนท่จี ะแสดงผลลพั ธ์หรือเอา้ ท์พุท จากการทางานของคอมพิวเตอร์ออกมาทางจอภาพ ใหเ้ ราได้เห็นกันโดย Monitor จะมสี ายสญั ญาณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โดยตรง จอภาพ แสดงดงั ภาพท่ี 1-17 ภาพท่ี 1-17 จอภาพ ทม่ี า : หนว่ ยแสดงผล [ออนไลน]์ https://sites.google.com/site/myhardware03/hnwy-saedng-phl-output-unit 2. เคร่ืองพมิ พ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ คืออุปกรณ์ท่ีจะแปลการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในรูปแบบกระดาษท้ัง รปู ภาพและอักษร ตัวอย่างเคร่ืองพิมพ์ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-Matrix Printer) เคร่ืองพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer) และพลอ็ ตเตอร์ (Plotter) ตัวอย่างเครื่องพิมพ์ แสดงดงั ภาพที่ ่ 1-18 เคร่ืองพิมพด์ อตแมทรกิ ซ์ เครอ่ื งพิมพเ์ ลเซอร์ พลอ็ ตเตอร์ ภาพที่ 1-18 ตวั อยา่ งเคร่ืองพมิ พ์ ทมี่ า : หนว่ ยแสดงผล [ออนไลน์] https://sites.google.com/site/myhardware03/hnwy-saedng-phl-output-unit

13 1.4 องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ 5 สว่ นด้วยกัน คือ 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง สงิ่ ที่มองเห็นและจบั ต้องสัมผัสได้ท้ังหมดที่เก่ียวข้องกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเคร่ืองคอมพิวเตอร์ (Case) เมนบอร์ด (Mainboard) และอุปกรณ์ต่อพ่วงรอบข้าง (Peripheral) ท่ีเกย่ี วขอ้ ง เช่น ฮาร์ดดสิ ก์ แป้นพิมพ์ เมาส์ หนว่ ยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพแ์ ละอปุ กรณ์อืน่ ๆ ฮาร์ดแวร์ จะไม่สามารถทางานด้วยตัวเองเด่ียว ๆ ได้จะต้องนามาเชื่อมต่อเพื่อทางานร่วมกันเป็นระบบท่ีเรียกว่า ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) ที่มีโครงสรา้ งของระบบจะทางานตามโปรแกรมหรอื ซอฟตแ์ วร์ท่เี ขยี นข้ึน 2. ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง โปรแกรม (Program) หรือชุดคาส่ังที่ควบคุมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทางานให้ได้ผลลัพธ์ตามทตี่ ้องการ ซึ่งคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ทป่ี ระกอบออกมาจากโรงงานจะยงั ไมส่ ามารถทางานได้ ในทันที ต้องมีซอฟต์แวร์ซ่ึงเป็นโปรแกรมหรือชุดคาสั่งท่ีสั่งให้ฮาร์ดแวร์ทางานตามต้องการได้ โดยโปรแกรมหรือ ชุดคาสั่งน้ันจะเขียนจากภาษาต่าง ๆ ท่ีมนุษย์สร้างข้ึน เรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ ( Programming Language) ภาษาใดภาษาหน่ึง และมีโปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียน ซอฟต์แวร์แบบตา่ ง ๆ ขึน้ มา ซอฟตแ์ วรส์ ามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) เป็นโปรแกรมที่สาคัญ ทาหน้าท่ีควบคุมการทางานของ คอมพิวเตอร์ท้ังระบบ และช่วยอานวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในการโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์ สาหรับคอมพิวเตอร์ทุก เคร่ือง จาเป็นต้องตดิ ต้งั ซอฟต์แวร์ระบบกอ่ น เพอ่ื ทาให้คอมพิวเตอร์สามารถบูตได้จากน้ันจึงทาการติดตงั้ โปรแกรม ประยุกตต์ ่าง ๆ ตามที่ต้องการเป็นลาดับต่อไป ตัวอย่างซอฟต์แวร์ระบบก็คือเหล่าโปรแกรมระบบปฏิบัตกิ ารต่าง ๆ เชน่ Windows, Unix และ Linux เป็นตน้ ระบบปฏิบตั ิการWindows แสดงดังภาพที่ 1-19 ภาพท่ี 1-19 ระบบปฏบิ ัติการ Windows

14 2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เป็นโปรแกรมทสี่ รา้ งหรอื พฒั นาขึ้น เพ่อื ใช้งานด้าน ใดด้านหน่ึงโดยเฉพาะตามท่ีผู้ใช้ต้องการ เช่น โปรแกรมสาเร็จรูปต่าง ๆ ได้แก่ชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ (MS-Office) ท่ีนามาใช้กับงานเอกสาร งานคานวณ และงานนาเสนอ หรือโปรแกรมท่ีถูกออกแบบขึ้นด้วย ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง เพื่อใช้ในงานทางธุรกิจต่าง ๆ เช่น โปรแกรมบัญชี หรอื โปรแกรมควบคุมสินค้าคงคลัง โปรแกรมไมโครซอฟตอ์ อฟฟิศ แสดงดงั ภาพที่ 1-20 ภาพท่ี 1-20 โปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ 3. ขอ้ มูล (Data/Information) หมายถึงขอ้ มูลดบิ ทเี่ ก็บรายละเอียดเกี่ยวกับความจริงทั้งหลาย ซ่ึงอาจอยู่ ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร หรือรปู ภาพ เชน่ รหสั นกั เรียน ชื่อ ทอี่ ยู่ อายุ และระดบั ชนั้ ซึง่ เป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการ ประมวลผล 4. กระบวนการ (Procedure) หมายถึง ขน้ั ตอนการทางาน เพอ่ื ให้ผูใ้ ช้งานไดท้ ราบว่า จะมวี ิธีการจัดการ หรอื ปฏบิ ัติการกับข้อมลู อยา่ งนนั้ อยา่ งไร จะต้องทาอะไรบ้าง เพือ่ ดาเนินการกับข้อมูลท่ีได้มาครน้ั เมอ่ื ดาเนินการแล้ว ผลลพั ธท์ ไี่ ด้คืออะไร 5. บคุ ลากร (People ware) หมายถงึ บคุ ลากรทางคอมพวิ เตอร์ ไดแ้ ก่ บคุ ลากรทท่ี าหนา้ ทีอ่ อกแบบและพฒั นา โปรแกรม เชน่ นักวิเคราะหร์ ะบบ โปรแกรมเมอร์ ส่วนบุคลากรทป่ี ฏิบัติหนา้ ทป่ี ระจาวนั กบั คอมพิวเตอร์นั้น จะเรียกว่า ผู้ใชป้ ลายทาง (End User) เช่น พนกั งานป้อนขอ้ มูลเขา้ จะทาหนา้ ที่ป้อนข้อมูลประจาวัน (Data Entry) และสง่ั พมิ พร์ ายงานตา่ ง ๆ โดยพนักงานเหล่านีจ้ ะตอ้ งปฏบิ ตั งิ านตามข้ันตอนทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย เพื่อใหก้ ระบวนการ ทางธุรกจิ ทต่ี นรับผดิ ชอบอยภู่ ายในหน่วยงานน้นั ๆ สาเรจ็ ลลุ ่วงตามวัตถุประสงค์

15 1.5 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ ทาให้ถูกนามาใชป้ ระโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชีวิต ประจาวันในสงั คม เป็นอยา่ งมาก ท่ีพบเห็นได้บ่อยท่สี ุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ เช่น พิมพ์จดหมายรายงาน เอกสารตา่ ง ๆ ซึ่งเรยี กวา่ งานประมวลผล (Word Processing ) นอกจากนย้ี ังมกี ารประยกุ ต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่าง ๆ อีกหลาย ดา้ น ดงั ต่อไปน้ี 1. งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่าง ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทา บัญชี งานประมวลคา และติดตอ่ กบั หน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากน้งี านอตุ สาหกรรม สว่ นใหญ่ กใ็ ช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบช้ินส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โรงงานประกอบ รถยนต์ ซ่ึงทาให้การผลิตมีคุณภาพดีข้ึน หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM) และใชค้ อมพิวเตอร์ คิดดอกเบ้ียให้กบั ผฝู้ ากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชีเช่ือมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย 2. งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในส่วนของการ คานวณที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงนิ สถิติ และเปน็ อปุ กรณส์ าหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซงึ่ จะให้ผลท่แี ม่นยากว่าการตรวจด้วย วิธเี คมีแบบเดิมและให้การรกั ษาไดร้ วดเร็วขน้ึ 3. งานคมนาคมและสอื่ สาร ในส่วนทีเ่ กย่ี วกับการเดินทาง จะใช้คอมพวิ เตอร์ในการจองวันเวลาทีน่ ั่งใน การเดินทาง ซงึ่ มกี ารเชื่อมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทกุ สายการบินได้ ทาให้สะดวกตอ่ ผ้เู ดินทางโดยท่ีไมต่ อ้ งเสียเวลารอ อีกท้ังยังใช้ในการควบคมุ ระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจรและการจราจรทางอากาศ หรอื ในการสือ่ สารก็ใช้ ควบคมุ วงโคจรของดาวเทยี มเพ่อื ใหอ้ ยู่ในวงโคจร ซึง่ จะช่วยสง่ ผลต่อการสง่ สญั ญาณให้ระบบการสอื่ สารมคี วามชัดเจน 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือ จาลองสภาวการณ์ตา่ ง ๆ เช่น การรับแรงสัน่ สะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผนดินไหว โดยคอมพวิ เตอร์จะคานวณ และแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคยี งความจริง รวมท้ังการใช้ควบคุมและติดตามความกาวหน้าของคนงาน เครื่องมือ ผลการทางานในโครงการตา่ ง ๆ 5. งานราชการ เปน็ หนว่ ยงานที่มกี ารใชค้ อมพิวเตอร์มากที่สุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ข้ึนอยู่ กบั บทบาทและหน้าที่ของหนว่ ยงานน้นั ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธกิ าร มกี ารใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพวิ เตอร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพ่ื อเช่ือมโยงไปยังสถาบันต่าง ๆ กรมสรรพากรใช้จดั ในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี 6. การศกึ ษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอรท์ างดา้ นการเรียนการสอน ซง่ึ มีการนาคอมพิวเตอร์มาชว่ ยการ สอนในลักษณะบทเรยี น CAI หรืองานดา้ นทะเบียน ซึ่งทาให้สะดวกตอ่ การคน้ หาขอ้ มูลนกั เรียน การเก็บขอ้ มลู ยมื และ การส่งคนื หนงั สอื ห้องสมุด

16 บทสรปุ คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อมูลท้ังตัวเลข ตวั อักษร หรือสญั ลักษณอ์ ่ืนท่ีใชแ้ ทนความหมายในส่ิงตา่ ง ๆ โดยปฏบิ ัติงานภายใต้การควบคุมของชุดคาส่ังที่อยู่ใน หน่วยความจาของคอมพิวเตอร์เอง เพ่ือทาการคานวณและแสดงผลลัพธ์ออกทางอุปกรณ์แสดงผล โดยท่ีผลลัพธ์ เหล่าน้ีจัดว่าเป็นขอ้ มูลที่ผ่านการประมวลผลและเรยี บเรียงแลว้ จะเรยี กผลลพั ธน์ ว้ี ่า \" สารสนเทศ \" หลักการทางานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยหน่วยทางาน 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูลหน่วย ประมวลผลกลางความจาหลัก หน่วยจดั เกบ็ ข้อมลู และหน่วยแสดงผลข้อมูล การทางานของซพี ียจู ะเปรียบเหมือนกับ สมองที่ใช้ส่งั การของมนุษย์ ซึง่ ทาหนา้ ทใ่ี นการคานวณผล หน่วยความจาหลักทาหนา้ ทีเ่ ก็บข้อมลู และคาส่งั ทไ่ี ดใ้ นการ ประมวลผล หน่วยความจาสารองจะใช้เปน็ ทีเ่ กบ็ และบนั ทึกขอ้ มูลไวใ้ นคอมพิวเตอร์เพื่อสามารถเรยี กใชไ้ ด้ในภายหลงั และมีทางเดนิ ของระบบทางานเหมอื นเสน้ ทางส่งผ่านขอ้ มูลระหว่างซพี ยี ูและหน่วยความจาใหส้ ามารถเชอ่ื มตอ่ กันได้ การทางานร่วมกับของคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 อย่าง คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ข้อมูล กระบวนการ และบุคลากร ซึ่งองค์ประกอบแต่ละอย่างล้วนมีความสาคัญและเกี่ยวข้องกันท้ังสิ้น หากขาดอย่างใด อยา่ งหน่งึ การทางานจะไมส่ มบรู ณ์ คอมพวิ เตอร์มบี ทบาทอย่างกวา้ งขวางในทกุ วงการ และกลายเป็นเครอื่ งมือทสี่ าคญั ของการทางานในทุกด้าน นบั ตงั้ แต่ทางดา้ นการศึกษา พาณิชยกรรม เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การสาธารณสขุ การวจิ ยั และพัฒนา ตลอดจน ดา้ นการเมอื งและราชการ คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การทางานมีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล มากยิ่งข้ึน