Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานเรื่องอาหารภาคใต้3

รายงานเรื่องอาหารภาคใต้3

Published by นภาวรรณ บัวคลื้น, 2021-10-04 10:04:32

Description: รายงานเรื่องอาหารภาคใต้3

Search

Read the Text Version

รายงาน เร่ือง อาหารประจาภาคใต้ จดั ทาโดย นางสาวนภาวรรณ บวั คล้ืน รหสั 663406600010 สาขา อุตสาหกรรมอาหารปี 2 เสนอ รศ.ดร.ชุตินุช สุจริต วิชา การอา่ นและการเขียนเชิงวิชาการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั วทิ ยาเขต ตรัง

ก คานา รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชา การอา่ นและการเขียนเชิงวชิ าการ โดยมี จุดประสงค์ เพอ่ื การศึกษาความรู้ท่ีไดจ้ ากเรื่อง อาหารประจาภาคใต้ ท้งั น้ี ในรายงานฉบบั น้ีมี เน้ือหาซ่ึงประกอบดว้ ย ความมายของอาหารประจาภาคใต้ เมนูอาหารประจาภาคใตห้ ลายเมนู ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหัวขอ้ น้ีในการทารายงาน เนื่องจากเป็นเร่ืองท่ีน่าสนใจ และพเป้น เรื่องใกลต้ วั รวมท้งั เป็นลกั ษณะสาคญั ของภาคใต้ ผจู้ ดั ทาตอ้ งขอขอบคุณ รศ.ดร.ชุตินุช สุจริต ผใู้ หค้ วามรู้ และแนวทางการศึกษา หวงั วา่ รายงานฉบบั น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผอู้ า่ น ทุกๆท่าน หากมีขอ้ เสนอแนะประการใด ผจู้ ดั ทาขอรับไวด้ ว้ ยความขอบพระคุณอยา่ งยงิ่

สารบญั เรื่อง หนา้ ความหมาย 1 เมนู สะตอผดั กงุ้ สด 2-3 แกงเหลืองหรือแกงสม้ 4 ขนมจีนน้านาปักษใ์ ต้ 5-7 แกงไตปลา 8-9 ขา้ วยา 10-12 คว่ั กลิง้ หมูสบั 13-16 ไก่ตม้ ขมิน้ 17-18 ผกั เหลียงผดั ไข่ 19-20 แกงควั่ หองแครงใส่ใบชะพลู 21-22 ปลากรายทอดขมิน้ 23-24 น้าพริกกะปิ 25-26

1 อาหารประจาภาคใต้ อาหารพ้ืนบา้ นภาคใตม้ รี สชาติโดดเด่นเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะ สืบเน่ืองจากดินแดนภาคใตเ้ คย เป็นศูนยก์ ลางการเดินเรือคา้ ขายของพ่อคา้ จากอินเดีย จีนและชวาในอดีต ทาใหว้ ฒั นธรรมของ ชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดียใต้ ซ่ึงเป็นตน้ ตารับในการใชเ้ ครื่องเทศปรุงอาหารไดเ้ ขา้ มามีอิทธิพล อยา่ งมาก อาหารพ้ืนบา้ นภาคใตท้ ว่ั ไป มีลกั ษณะผสมผสานระหวา่ งอาหารไทยพ้นื บา้ นกบั อาหาร อินเดียใตเ้ ช่น น้าบดู ู ซ่ึงไดม้ าจากการหมกั ปลาทะเลสดผสมกบั เมด็ เกลือ และมีความคลา้ ยคลึงกบั อาหารมาเลเซียอาหารของภาคใตจ้ ึงมีรสเผด็ มากกว่าภาคอ่ืน ๆ และดว้ ยสภาพภมู ิศาสตร์อยตู่ ิด ทะเลท้งั สองดา้ นมีอาหารทะเลอดุ มสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนช้ืน ฝนตกตลอดปี อาหาร ประเภทแกงและเครื่องจ้ิมจึงมีรสจดั ช่วยใหร้ ่างกายอบอ่นุ ป้องกนั การเจ็บป่ วยไดอ้ ีกดว้ ย ความหลากหลายในสารับอาหารปักษใ์ ตไ้ ดร้ ับอิทธิพลจากอินเดียใต้ ทาใหเ้ กิดตารับอาหาร ใหม่มากมาย ลว้ นผา่ นวธิ ีการดดั แปลง ปรับปรุงเป็ นวฒั นธรรมอาหารการกินที่ถ่ายทอดมาสู่รุ่น ลกู หลานในปัจจุบนั ทาใหม้ ีลกั ษณะพิเศษแตกตา่ งจากภาคอ่ืนอยา่ งชดั เจนคือ รสชาติจดั และเนน้ เคร่ืองเทศและมีผกั สารพดั ชนิดที่เรียกวา่ \"ผกั เหนาะ\" ซ่ึงเป็นพชื พ้นื บา้ นหาไดใ้ นทอ้ งถ่ิน เช่น สะตอ ลูกเหนียงยอดกระถิน มากินร่วมดว้ ย เพ่อื บรรเทารสเผด็ ของอาหาร ท้งั มีสรรพคุณเป็นยาอีก ดว้ ยเน้ือสตั วท์ ี่นามาปรุงเป็นอาหารส่วนมากนิยมสัตวท์ ะเล เช่น ปลากระบอก ปลาทู ปูทะเล กุง้ หอย ซ่ึงหาไดใ้ นทอ้ งถ่ิน ความอุดมสมบูรณ์ของทอ้ งทะเลภาคไดท้ าใหป้ ระชากรหาเล้ียงชีพไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื รวมถึง อาหารการกินกล็ ว้ นมาจากทอ้ งทะเล โดยผสมผสานเขา้ กบั ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ก่อเกิดเป็น เอกลกั ษณ์ประจาภาคอนั โดดเด่นเช่น การใชเ้ คร่ืองเทศชนิดต่าง ๆ ในการปรุงอาหารเพือ่ ดบั กล่ิน คาวของอาหารทะเล โดยเฉพาะขมิ้นซ่ึงเป็นสมนุ ไพรท่ีขาดไมไ่ ดใ้ นครัวใต้ เพราะช่วยดบั กล่ินคาว ไดด้ ียงิ่ ดงั จะเห็นวา่ อาหารใตม้ ีสีเหลืองแทบทุกอยา่ งเช่นแกงไตปลา แกงสม้ แกงพริก ปลาทอด ไก่ทอด ซ่ึงลว้ นมีสีเหลืองจากขมิ้นท้งั ส้ิน เสน่หอ์ าหารใตอ้ ยตู่ รงรสชาติเผด็ ร้อนดว้ ยคนใตน้ ิยม ปรุงรสจดั ท้งั เผด็ เคม็ เปร้ียวไม่นิยมรสหวาน อีกท้งั แหล่งรสอนั หลากหลายท่ีเสริมใหอ้ าหารใตม้ ี เสน่ห์ชวนลิม้ ลอง

2 เมนูอาหารประจาภาคใต้ 1. สะตอผดั กะปิ กงุ้ สด ส่วนผสม 2. กะปิ 3. กงุ้ 4. กระเทียมกลีบเลก็ 1.สะตอ 6. น้าตาลทราย 7. น้ามนั พืช 8. พริกเหลืองหรือพริกข้ีหนูแดงสด 5. หอมแดง วธิ ีปรุง 1. นากระเทียม กะปิ พริก และหอมแดง โขลกรวมกนั ใหล้ ะเอียด 2. กระทะต้งั ไฟ ใส่น้ามนั พืชพอร้อน นาเคร่ืองแกงที่ตาไวผ้ ดั จนหอม 2. ใส่กุง้ ท่ีลา้ งใหส้ ะอาด เด็ดหวั และผา่ หลงั 3. เมื่อกุง้ เร่ิมสุกโดยดูไดจ้ ากตวั กุง้ เร่ิมเปลี่ยนสีจากสีใสๆ เป็นสีส้มออ่ นๆ เสร็จแลว้ สะตอลงผดั ปรุงรสดว้ ยน้าตาลเป็นอนั เสร็จ สะตอ เป็นไมย้ นื ตน้ ในวงศถ์ วั่ มีกิ่งกา้ นที่มีขนละเอียดใบประกอบแบบขนนกสองช้นั จะ ออกช่อท่ีปลายของกิ่งตามตาราแพทยแ์ ผนไทย จะใชเ้ มลด็ ขบั ลมในลาไส้ แกป้ ัสสาวะพกิ าร ไต พกิ าร ชาวโอรังอซั ลีในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซียใชเ้ มลด็ สดรับประทาน แกอ้ าการผดิ ปกติของไต สะตอ มีเมลด็ ที่มีกล่ินเหมน็ เขียวรุนแรง แตน่ ิยมนามารับประทานกนั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใน อาหารไทยปักษใ์ ต้ หลงั จากรับประทานสะตอเขา้ ไปจะมีกล่ิน สามารถดบั กลิ่นสะตอ ดว้ ยการ รับประทานมะเขือเปราะตามสกั สองสามลกู

3 สะตอเม่ือสุกจนฝักเป็นสีดา เน้ือสะตอเป็นสีเหลืองบางๆ รับประทานไดท้ ้งั เมด็ เมลด็ ในระยะน้ีรส มนั เน้ือมีรสหวาน ถา้ แก่กวา่ ระยะน้ี ฝักจะแหง้ เมลด็ เป็นสีดา แขง็ และมีกลิ่นฉุนจดั กินไมไ่ ด้ สรรพคุณของสะตอ 1.สะตอมีส่วนช่วยบารุงสายตา 2.ช่วยทาใหเ้ จริญอาหาร 3.ช่วยป้องกนั หลอดเลือดอดุ ตนั 4.ช่วยลดความดนั โลหิต 5.ช่วยทาใหเ้ มด็ เลือดแดงเกาะกลุ่มกนั ไดด้ ีข้ึน 6.มีผลตอ่ การแบง่ ตวั ของเซลล์ 7.ช่วยลดระดบั น้าตาลในเลือด 8.ช่วยขบั ลมในลาไส้ 9.ช่วยกระตุน้ การบีบตวั ของลาไส้ 10.ช่วยในการขบั ปัสสาวะ 11.สะตอมีฤทธ์ิเป็นยาระบาย ช่วยในการขบั ถ่าย 12.แกป้ ัสสาวะพิการ 13.ช่วยแกไ้ ตพิการ การบรรจุภณั ฑ์

4 2.แกงเหลืองหรือแกงสม้ ส่วนผสม 1.ขมิ้น 2.หอมแดง 3.กระเทียม 4.พริกกระเหร่ียง 5.พริกแหง้ 6.กะปิ 7.เกลือ 8.น้าเปลา่ 9.ปลา/กงุ้ 10.น้าปลา 11.น้ามะนาว วิธีทา 1. ต้งั หมอ้ เติมน้าเปล่า ใส่น้าพริกแกงเหลือง ตม้ จนเดือด ปิ ดไฟ 2. เสร็จแลว้ ใส่ในหมอ้ ตม้ แกงเหลือง ต้งั จนเดือดอีกสกั คร้ัง ใส่ปลา เติมรสดว้ ยน้าปลา น้ามะนาว และน้าตาลทราย พอเดือดจดั เสิร์ฟ สิ่งท่ีขาดไม่ไดเ้ ลยในแกงเหลืองก็คือขมิ้น เพราะนอกจากขมิน้ จะเป็นตวั ช่วยใหส้ ีของแกง ออกมาเป็นสีเหลืองแลว้ ขมิ้นยงั เป็นตวั ช่วยดบั กลิ่นคาวของเน้ือสตั วท์ ี่นามาประกอบอาหาร และ ขมิ้นก็ยงั มีสรรพคุณทางยาท่ีช่วยในการขบั ลมและรักษาแผลในกระเพาะอาหารไดอ้ ีกดว้ ย ดงั น้นั การกินแกงเหลืองจึงไม่ไดแ้ ค่รสชาติอร่อย แตย่ งั มีสรรพคุณทางยาทาใหไ้ ดร้ ับประโยชน์จากการ กินอีกดว้ ย บรรจุภณั ฑ์

5 3. ขนมจีนน้ายา ปักษใ์ ต้ ส่วนผสมพริกแกงปักษใ์ ต้ 1.พริกช้ีฟ้าเมด็ ใหญ่ 2.พริกข้ีหนูแหง้ 3.เกลือป่ น 4.ตะไคร้ซอย 5.ขา่ ซอย 6.ขมิ้นสดซอย 7.หอมแดงซอย 8.กระเทียมไทย 9.พริกไทยดา 10.กะปิ ข้นั ตอนการโคลกพริกแกง 1.นาพริกช้ีฟ้าเมด็ ใหญแ่ ละพริกข้ีหนูแหง้ ลงโคลกใหใ้ ส่เกลือลงไปดว้ ยเลก็ นอ้ ยน่ะคะ่ เพ่ือใหง้ า่ ย แก่การโคลก โคลกใหเ้ ขา้ กนั และละเอียด 2.ใส่พริกไทยดาลงไปโคลกใหล้ ะเอียดและเขา้ กนั ค่ะ แลว้ ก็ใส่ขา่ ตามลงไปโคลกต่อเลยคะ่ ให้ ละเอียด ใส่ขมิ้นตามลงไปเช่นเดิมค่ะ 3.ใส่ตะไคร้แลว้ กโ็ คลกใหส้ ่วนผสมเขา้ กนั และละเอียดดีแลว้ กต็ ามดว้ ยกระเทียม โคลกให้ละเอียด และเขา้ กนั ทุกส่วนผสมตามสัดส่วนที่กาหนดไวข้ า้ งตน้ น่ะค่ะ ท่ีใส่ส่วนผสมตามแบบน้ีก็เพราะ วสั ดุแต่ละชนิดมีความยากงา่ ยแก่การโคลกหรือตาไมเ่ ท่ากนั คะ่ 4.แลว้ กต็ ามดว้ ยหอมแดงซอย ตาทุกอยา่ งใหล้ ะเอียดและเขา้ กนั แลว้ ข้นั ตอนสุดทา้ ยของพริกแกงก็ คือกะปิ คะ โคลกใหล้ ะเอียดและเขา้ กนั ขณะโคลกก็ระวงั ๆหน่อยน่ะค่ะเป็นห่วงกลวั พริกกระเด็น เขา้ ตาคะ เป็นอนั เสร็จข้นั ตอนของพริกแกงปักษใ์ ตแ้ ลว้ ขนมจีน เป็นอาหารคาวชนิดหน่ึง ทาดว้ ยแป้งเป็นเส้นกลม ๆ คลา้ ย เส้นหมี่ กินกบั น้ายา น้าพริก เป็นตน้ อาหารชนิดน้ี ภาษาเหนือเรียก \"ขนมเส้น\" ภาษาอีสานเรียก \"ขา้ วป้นุ \" และภาคใต้ เรียก \"หนมจีน\"

6 ภาคใต้ เรียกวา่ โหนม้ จีน โดยเป็นอาหารเชา้ ท่ีสาคญั ของภาคใตฝ้ ่ังตะวนั ตก เช่น ระนอง พงั งา ภูเก็ต กินกบั ผกั เหนาะชนิดต่าง ๆ ทางภเู กต็ นิยมกินกบั ห่อหมก ปาท่องโก๋ ชาร้อน กาแฟร้อน ทาง ชุมพรนิยมกินขนมจีนเป็ นอาหารเยน็ กินกบั ทอดมนั ปลากราย ส่วนที่นครศรีธรรมราชกินเป็น อาหารเชา้ คูก่ บั ขา้ วยา น้ายาทางภาคใตใ้ ส่ขมิ้นไมใ่ ส่กระชายเหมือนภาคกลาง ถา้ กินคู่กบั แกงจะ เป็ นแกงไตปลา ประโยชนเ์ สน้ ขนมจีน 1.สร้างจุลินทรีย์ ท่ีช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในระบบยอ่ ยอาหาร ระบบขบั ถา่ ย 2.เส้นขนมจีนใหพ้ ลงั งานต่า จึงไม่ทาใหอ้ ว้ น เหมาะกบั ผทู้ ่ีตอ้ งการควบคุมอาหาร 3.ไม่มีสารกนั บูดเน่ืองจากผลิตดว้ ยแป้งหมกั ทาใหเ้ ก็บไวไ้ ดน้ าน ซ่ึงตา่ งจากขนมจีนที่ผลิตจากแป้ง สดเส้นจะไม่เหนียวนุ่มตอ้ งใชต้ วั ช่วยเพมิ่ ความเหนียว และสารกนั บูดซ่ึงเป็ นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ บรรจุภณั ฑ์

7 ส่วนผสมของน้ายาปักษใ์ ต้ 4.หางกะทิ 5.น้าตาลปิ๊ บ 1.ปลาน้าดอกไมห้ รือปลาช่อน 2.ตะไคร้ 3.หวั กะทิ 9.พริกแกงใตท้ ี่โคลกเอง 6.เกลือ 7.น้าปลา 8.ใบมะกรูดฉีก วธิ ีและสูตรเดด็ ของการทาน้ายาปักษใ์ ต้ 1. ลา้ งทาความสะอาดปลาน้าดอกไมใ้ หส้ ะอาด ต้งั หมอ้ ใส่น้าใส่ตะไคร้ใบมะกรูดลงในหมอ้ ที่ตม้ เพือ่ ดบั กล่ินคาวของปลาค่ะ พอน้าเดือดใหใ้ ส่ปลาลงไปตม้ ประมาณ 5 นาทีพอใหป้ ลาสุก พอปลา สุกใหน้ าปลาข้ึนมาพกั ไวใ้ หเ้ ยน็ แลว้ แกะเอาแต่เน้ือปลา ที่เลือกปลาน้าดอกไมเ้ พราะมีเน้ือมากกวา่ กา้ งและเอาเน้ือออกง่ายค่ะ 2. กรองเอาน้าท่ีตม้ ปลาเมื่อสักครู่ไวผ้ สมกบั หางกะทิเพือ่ ทาน้ายาปักษใ์ ตไ้ มต่ อ้ งทิง้ คะ 3. นาเน้ือปลามาโคลกกบั เคร่ืองแกงใตใ้ หเ้ ขา้ กนั 4. ต้งั หมอ้ ใส่หวั กะทิ 1 ถว้ ยเค่ียวใหแ้ ตกมนั แลว้ นาพริกแกงใตท้ ี่โคลกรวมกบั เน้ือปลาลงไปเค่ียว กบั หวั กะทิใหห้ อม 5. ค่อยเติมหางกะทิลงไปในหมอ้ ที่เค่ียวไว้ คอ่ ยๆคนใหเ้ ขา้ กนั เค่ียวน้ายาไปสักพกั แลว้ ปรุงรสดว้ ย น้าตาลป๊ิ บหรือน้าตาลทราย,เกลือคอ่ ยๆใส่เพอ่ื ไม่ใหเ้ คม็ มาก,น้าปลา,ชิมรสดู 6. ฉีกใบมะกรูดใส่แลว้ ปิ ดไฟ เสริฟน้ายาปักษใ์ ตก้ บั ขนมจีนร้อนๆรับประทานพร้อมกบั ไข่ตม้ และ ผกั สด หรือทางใตเ้ รียกวา่ \"ผกั เหนาะ\" ซ่ึงเลือกผกั ท่ีจะมารับประทานกบั ขนมจีนน้ายาปักษใ์ ตไ้ ด้ หลากหลายชนิดแลว้ แตค่ วามชอบและฤดูกาลของผกั ชนิดน้นั ๆ

8 4. แกงไตปลา ส่วนผสม 1.มะเขือเปราะ 2.หน่อไมส้ ด 3.น้าปลา 4.มะขามเปี ยก 5.กะปิ (เคย) 6.น้าตาลปี๊ บ 7.น้าพริกแกงไตปลาสาเร็จรูป 8.มะเขือพวง 9.ถวั่ ฝักยาว 10.ฟักทอง 11.ตะไคร้ 12.ใบมะกรูด 13.ไตปลา 14.ปลาทูน่ึง วิธีทาแกงไตปลา 1. ตม้ น้าไตปลาก่อน ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปเพ่อื ลดกลิ่นคาว ตามดว้ ยมะขามเปี ยกเพื่อตดั รสชาติ รอใหน้ ้าไตปลาเดือดก่อนแลว้ จึงเติมน้าสะอาดตามลงไปประมาณคร่ึงแกว้ หา้ มคนเพราะ จะทาใหไ้ ตปลามีกลิ่นคาวได้ 2. ต้งั น้าใหเ้ ดือด พอน้าเดือดแลว้ ใส่น้าพริกแกงไตปลาลงไป แลว้ เพิม่ ความหอมดว้ ยกะปิ เคย คน ใหน้ ้าพริกแกงและกะปิ ละลายใหเ้ ขา้ กนั พอน้าเดือดแลว้ กรองเอาเฉพาะน้าไตปลาท่ีเราตม้ ไวใ้ ส่ลง ไปในหมอ้ ดบั กลิ่นดว้ ยใบมะกรูด และใส่น้าตาลป๊ี บลงไปเพ่อื ตดั รสชาติ วนั น้ีเราจะไม่ใส่น้าปลา เพราะไตปลาเรามีรสชาติเคม็ แลว้ 3. เรามาใส่ผกั ก่อนเลย อบั ดบั แรกเราใส่ฟักทองก่อน ระหวา่ งน้ีเราตกั ฟองท่ีลอยข้ึนมาออกได้ แลว้ ตามต่อดว้ ยการใส่ปลาทูน่ึงที่เราเตรียมไวแ้ กะเอากา้ งออกใหเ้ รียบร้อย ตามดว้ ยมะเขือพวง 4.ใส่หน่อไมส้ ด ที่เราซ้ือมาตม้ เอง พอฟักทองสุกดีแลว้ ใหใ้ ส่มะเขือเปราะลงไป พอมะเขือเปาะ สุกดีแลว้ ตามดว้ ยถว่ั ฝักยาวเป็นอนั เสร็จเรียบร้อย ต้งั ไฟเดือดประมาณ 5 นาที ก็เป็นอนั เสร็จ เรียบร้อย

9 ไตปลา (ภาคกลาง) หรือ พุงปลา (ภาคใต)้ เป็นการถนอมอาหารแบบหมกั ดองชนิดหน่ึง โดยใชก้ ระเพาะของปลา เช่น ปลาทู ปลาลงั ปลาดุก ปลาช่อน หรือปลาอื่น ๆ มาหมกั กบั เกลือ โดย นาข้ีและดีออกจากกระเพาะก่อน หมกั ไว้ 10 - 30 วนั ก็ใชไ้ ด้ ไตปลาท่ีหมกั ไดท้ ่ีจะเหลวและมีมนั ไหลออกมา นาไปทาเป็นอาหารไดห้ ลายชนิด เช่น ไตปลาท่ีเป็นเคร่ืองจ้ิมคลา้ ยน้าพริกของทาง ภาคกลาง หรือแกงพุงปลาท่ีเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของจงั หวดั พทั ลุง นอกจากน้นั ยงั นาไตปลาไป ผดั กบั น้าพริกแกง ใส่ปลาจิ้งจา้ งและผกั เรียกไตปลาแหง้ [1] ไตปลา ที่เป็นเครื่องจิ้มน้ีเป็นที่มาของอาหารชาววงั ที่เรียกวา่ แสร้งวา่ หรือแสร้งวา่ ไตปลา ซ่ึงเป็นการปรุงแบบเดียวกบั น้าพริกไตปลาเพยี งแต่ตดั ไตปลาที่มีกล่ินเหมน็ คาวออกไป ใส่ เคร่ืองปรุงอ่ืนลงไปแทน สรรพคุณทางยา จากส่วนประกอบของแกงไตปลา -ใบมะกรูด รสปร่ากลิ่นหอมติดร้อน ใชป้ รุง อาหารช่วยดบั กลิ่นคาว แกโ้ รคลกั ปิ ดลกั เปิ ด ขบั ลมในลาไส้ ขบั ระดู แกล้ มจุกเสียด -ขมิน้ ชนั รักษาแผลในกระเพาะอาหาร เจริญอาหาร ขบั ลม รักษาโรคผิวหนงั -ขา่ รสเผด็ ปร่าและร้อน ช่วย ขบั ลม ขบั พษิ ร้ายในมดลูก ขบั ลมในลาไส้ บรรจุภณั ฑ์

10 5. ขา้ วยา ส่วนผสม ขา้ วอญั ชนั 1.ขา้ วหอมมะลแิ ท้ 2.น้าดอกอญั ชนั ค้นั 3.น้ามะนาว 4.น้า ส่วนผสม ขา้ วอญั ชนั ขา้ วหอมมะลิแท้ 500 กรัม น้าดอกอญั ชนั ค้นั 50 มิลลิลิตร น้ามะนาว 1/2 ชอ้ นชา น้า 700 มิลลิลิตร ส่วนผสม น้าปรุงขา้ วยา 1.กะปิ 2.น้าตาลปี๊ บ 3.ขา่ อ่อนหน่ั บาง 4.ตะไคร้หน่ั เป็นทอ่ นทบุ พอแตก 5.น้า 6.น้าปลา 7.พริกไทยดาบบุ พอแตก ส่วนผสม เครื่องเคียง 1.แครอตขดู เป็นเสน้ 2.กะหล่ามว่ งซอยบาง 3.ตะไคร้ซอยบาง 4.ถว่ั ฝักยาวซอยบาง 5.ใบมะกรูดซอย 6.ถว่ั งอกดิบเดด็ ราก 7.ใบชะพลูซอย 8.มะพร้าวคว่ั จนเหลืองกรอบ 9.ขา้ วยาปักษใ์ ต้ จานอร่อยสีสวยกบั สารพดั เคร่ืองเคียงสมนุ ไพร 10.มะพร้าวคว่ั จนเหลืองกรอบ 11.มะม่วงเปร้ียวหน่ั เป็นเส้น 12.มะนาวหน่ั เส้ียว 13.พริกป่ น

11 วิธีทาขา้ วอญั ชนั 1. ใส่ขา้ วหอมมะลิแทล้ งในหมอ้ หุงขา้ ว ซาวขา้ วดว้ ยน้าสะอาด 2-3 คร้ัง 2. เติมน้าดอกอญั ชนั น้ามะนาว และน้า คนใหเ้ ขา้ กนั 3. ปิ ดฝา หุงจนกระทง่ั ขา้ วสุกและระอุดี เตรียมไว.้ มะม่วงเปร้ียวหน่ั เป็นเส้นเส้ียว วธิ ีทาน้าปรุงขา้ วยา 1. ใส่กะปิ น้าตาลป๊ี บ ขา่ ตะไคร้ และน้าลงในภาชนะ ปรุงรสดว้ ยน้าปลาและพริกไทยดา คน ผสมใหเ้ ขา้ กนั 2. นาข้ึนต้งั ไฟ คนส่วนผสมจนกระทง่ั เดือด ใชไ้ ฟอ่อน เคี่ยวจนขน้ เหนียว ปิ ดไฟ กรองเอา เฉพาะน้า พกั ไวจ้ นเยน็ สนิท วิธีจดั เสิร์ฟ 1. ตกั ขา้ วอญั ชนั หุงสุกลงจานเสิร์ฟ 2. วางเคร่ืองเคียงขา้ งจาน 3. โรยพริกป่ นและบีบน้ามะนาว เพ่อื เพม่ิ รสชาติ รับประทานคูก่ บั น้าปรุงขา้ วยา สรรพคุณทางยา 1.มะพร้าว รสมนั หวาน บารุงกาลงั บารุงเสน้ เอน็ ใชร้ ักษาโรคกระดูก 2.พริกข้ีหนู รสเผด็ ร้อน ช่วยกระตนุ้ ใหเ้ จริญอาหาร ขบั ลม ช่วยยอ่ ยอาหาร 3.กระเทียม รสเผด็ ร้อน ขบั ลมในลาไส้ แกไ้ อ ขบั เสมหะ ช่วยยอ่ ยอาหาร แกโ้ รคทางผวิ หนงั 4.น้ามนั กระเทียมมีฤทธ์ิยบั ย้งั การเจริญของเช้ือรา แบคทีเรีย ไวรัส ลดน้าตาลในเลือด ลดไขมนั ใน หลอดเลือด 5.หอมแดง รสเผด็ ร้อน แกไ้ อเพือ่ เสมหะ บารุงธาตุ แกไ้ ขห้ วดั 6.มะนาว เปลือกผลรสขม ช่วยขบั 7.ตะไคร้ รสปร่ากล่ินหอม แกป้ วดทอ้ ง ขบั ลม น้ามะนาวรสเปร้ียว ขบั เสมหะ แกไ้ อ แกเ้ ลือดออก ตามไรฟัน ฟอกโลหิตปัสสาวะ บารุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร

12 8.ใบมะกรูด รสปร่ากลิ่นหอมติดร้อน ใชป้ รุงอาหารช่วยดบั กลิ่นคาว แกโ้ รคลกั ปิ ดลกั เปิ ด ขบั ลม ในลาไส้ ขบั ระดู แกล้ มจุกเสียด บรรจุภณั ฑ์

13 6. คว่ั กลิง้ หมู ส่วนผสม 2.พริกแกงคว่ั ใต้ 3.กะปิ 4.หมสู ามช้นั ลอกหนงั ออก 5.สะโพกหมู 1.น้ามนั พชื 7.น้าตาลมะพร้าว 8.ใบมะกรูด 9.พริกช้ีฟ้า 6.น้าปลา วธิ ีทา 1. หนั่ หมูสามช้นั เป็นชิ้น สับใหล้ ะเอียด พกั ไว้ จากน้นั หนั่ สะโพกหมูเป็นช้ิน สับใหล้ ะเอียด นา หมสู ามช้นั ท่ีสบั แลว้ มาสบั รวมกนั กบั สะโพกหมใู หเ้ ขา้ กนั อีกคร้ัง พกั ไว้ 2. ซอยใบมะกรูดและพริกช้ีฟ้า ใส่ถว้ ย เตรียมไว้ ต้งั กระทะน้ามนั บนไฟกลาง พอน้ามนั ร้อนใส่ พริกแกงและกะปิ ลงผดั ใหห้ อม จากน้นั ใส่เน้ือหมูที่สบั ลงผดั ใหเ้ ขา้ กนั ปรุงรสดว้ ยน้าตาล มะพร้าวและน้าปลา ผดั ใหเ้ ขา้ กนั ใส่พริกช้ีฟ้าและใบมะกรูดท่ีเตรียมไว้ ชิมรสใหเ้ ผด็ เคม็ ผดั ให้ เขา้ กนั อีกคร้ังปิ ดไฟ พกั ไว้ 3. ตกั ควั่ กลิง้ หมใู ส่จาน โรยดว้ ยพริกช้ีฟ้าหน่ั แฉลบและใบมะกรูดซอย เสิร์ฟพร้อมผกั แนม ไขต่ ม้ และขา้ วสวย สรรพคุณ 1. พริกสด, แหง้ – เป็นสมนุ ไพรท่ีมีดี ช่วยขบั เหงื่อ ช่วยยอ่ ย ละลายไขมนั – บรรเทาอาการไขห้ วดั ช่วยการหายใจใหส้ ะดวกข้ึน – ช่วยการอุดตนั ของหลอดเลือด การไหลเวียนของเลือดดีข้ึน – ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล

14 – ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง – บรรเทาอาการเจบ็ ปวดจากผ่ืนแดง – ลดอาการซึมเศร้า ช่วยคลายเครียด หรือนอนไม่หลบั 2. กระชาย – ช่วยบารุงกระดูก มีแคลเซียมสูง – ช่วยใหไ้ ตทางานดี – ป้องกนั ไทรอยดเ์ ป็นพิษ – บารุงมดลกู – แกผ้ มหงอก ผมร่วง – ควบคุม ตอ่ มลกู หมาก – แกป้ ัญหาไส้เลื่อนได้ – แกก้ ระเพาะปัสสาวะเกร็ง 3. ใบมะกรูด – ลดความดนั – ทาใหฟ้ ันและเหงือกแขง็ แรง – บารุงสมอง ไม่เป็นอลั ไซเมอร์ – ไม่เป็นโรคลกั กะปิ ดลกั กะเปิ ด – ลดการบวมน้า ไม่อว้ นตวั เลก็ ลง – ช่วยขบั ลม 4. กระเทียม – ลดคลอเรตเตอรอล บารุงหวั ใจ – ลดอาการปวดขอ้ ปวดกระดูก – กระตนุ้ ภมู ิคุม้ กนั – ลดอาการไอ และหวดั – ตอ่ ตา้ นเช้ือรา – ตอ่ ตา้ นโรคภูมิแพ้

15 5. หวั หอม – ตา้ นเช้ือหวดั – ช่วยเจริญอาหาร – ช่วยใหค้ วามจาดี – บารุงโลหิต – บารุงหวั ใจ – แกอ้ าการหนา้ มืดเป็นลม – ลดการเกิดมะเร็ง – ลดไขมนั ในเสน้ เลือด – ช่วยขบั เสมหะ 6. ขา่ – ขบั ลม แกท้ อ้ งเฟ้อ – แกท้ อ้ งอืด ปวดทอ้ ง คลื่นไส้อาเจียน – ฆา่ เช้ือรา แบคทีเรีย – แกโ้ รคผิวหนงั กลากเกล้ือน – แกล้ มพิษ – ช่วยยอ่ ยอาหาร 7. ตะไคร้ – แกโ้ รคหอบหืด – ลา้ งพิษออกจากร่างกาย – ไล่ลม ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ – ป้องกนั การอาเจียน – ลดการเจบ็ ปวดกลา้ มเน้ือ – ลดอาการ กรดยรู ิค โรคเกา้ ท์

16 8. ขมิน้ – ขบั ลม แกท้ อ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ – ริดสีดวงทวาร – ป้องกนั โรคมะเร็ง – ช่วยควบคุมน้าหนกั – ปรับระบบขบั ถ่าย ถ่ายพยาธิ – ช่วยบารุงผวิ – รักษาโรคผวิ หนงั ลมพิษ – รักษาหลอดลมอกั เสพ 9. พริกไทยดา – บรรเทาอาการไอ – แกท้ อ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ – บรรเทาอาการคดั จมูก – แกเ้ คลด็ ขดั ยอก

17 7. ไก่ตม้ ขมิน้ ส่วนผสม 2.น้าซุปไก่ 3.ตะไคร้บบุ พอแตก 4.ข่า 5.ขมิน้ 1.สะโพกไก่สด 7.กระเทียม8.หอมแดง 9.น้ามะขามเปี ยก 10.เกลือ 6.ใบมะกรูดฉีก วธิ ีทา 1.สบั ไก่ : นาสะโพกไก่ ตราซีพี มาสับเป็นช้ินเตรียมไว้ 2.ตม้ : ต้งั หมอ้ ใส่น้าซุปไก่ ข่า ตะไคร้ ขมิน้ กระเทียม หอมแดง ใบมะกรูด และเกลือ ตม้ ใหน้ ้าพอ เดือด แลว้ จึงใส่สะโพกไก่ท่ีหนั่ ไวล้ งไป ตามดว้ ยน้ามะขามเปี ยก ตม้ จนไก่สุก 3.ตกั เสิร์ฟ : ตกั ข้ึนใส่ชามจดั เสิร์ฟ ขมิ้น เป็นพชื ลม้ ลุกในวงศข์ ิง มีถิ่นกาเนิดในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีเหงา้ อยใู่ ตด้ ิน เน้ือ ในของเหงา้ เป็นสีเหลือง มีกล่ินหอมเฉพาะตวั มีสีเหลืองเขม้ จนสีแสดจดั มีช่ือสามญั อ่ืนอีกคือ ขมิน้ แกง (เชียงใหม่) ขมิน้ ชนั (กลาง, ใต)้ ขมิน้ หยอก (เชียงใหม)่ ขมิน้ หวั (เชียงใหม)่ ข้ีมิ้น (ตรัง, ใต)้ ตายอ (กะเหรี่ยง กาแพงเพชร) สะยอ (กะเหร่ียง แมฮ่ ่องสอน) และ หมิน้ (ตรัง, ใต)้ สรรพคุณของขมิน้ 1.ขมิ้นมีสารตอ่ ตา้ นอนุมลู อิสระซ่ึงช่วยในการชะลอวยั และชะลอการเกิดริ้วรอย 2.ช่วยเสริมสร้างภมู ิตา้ นทานใหก้ บั ร่างกาย 3.ช่วยเสริมสร้างภมู ิคุม้ กนั ใหผ้ วิ หนงั มีสุขภาพดีแขง็ แรง 4.ขมิน้ ชนั อาจมีบทบาทช่วยป้องกนั การเกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งลาไส้ มะเร็งปากมดลูก

18 5.ขมิน้ สามารถช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอลในร่างกายได้ 6.ช่วยกาจดั สารพิษออกจากร่างกาย 7.ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน 8.มีส่วนช่วยรักษาโรคความดนั โลหิตสูง 9.ช่วยลดอาการของโรคเกาต์ 10.ช่วยขบั น้านมของมารดาหลงั คลอดบุตร 11.ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจท่ีมีอาการผิดปกติ 12.ช่วยบารุงสมอง ป้องกนั โรคความจาเส่ือม 13.อาจมีส่วนช่วยในการรักษาโรครูมาตอยด์ (ยงั ไมไ่ ดร้ ับการยนื ยนั ) 14.ช่วยลดการอกั เสบ 15.ช่วยแกอ้ าการวงิ เวยี นศีรษะ 16.ช่วยรักษาอาการแพแ้ ละไขห้ วดั 17.ช่วยบรรเทาอาการไอ บรรจุภณั ฑ์

19 8. ผกั เหลียงผดั ไข่ ส่วนผสม 2.กระเทียมสบั 3.ไขไ่ ก่ 4.น้ามนั หอย 1.ใบเหลียง 6.ซอสถวั่ เหลือง 7.น้ามนั พชื 5.น้าปลา วิธีทา 1. ผดั กระเทียมสับกบั น้ามนั ราขา้ วใหพ้ อหอม จากน้นั ก็ใส่ไขล่ งไป ผดั ใหไ้ ขแ่ ตก จากน้นั ก็ฉีกใบ เหลียงลงไปผดั (เลือกใบเหลียงใบอ่อนๆ ลา้ งน้าสะบดั ใหส้ ะเด็ดน้า) 2. ปรุงรสดว้ ยซีอ๊ิวขาว ซอสหอยนางรม และน้าตาลทราย ใส่กุง้ แหง้ ลงไปผดั ผดั ดว้ ยไฟแรงแลว้ ผดั ดว้ ยความเร็วจนใบเหลียงสุกให้ทว่ั ๆ กนั จากน้นั ก็ตกั ใส่จานเสิร์ฟ ผกั เหลียง ผกั เหลียง (Baegu) จดั เป็นผกั เศรษฐกิจหลกั ของภาคใต้ นิยมใชใ้ บอ่อนประกอบ อาหาร อาทิ ผดั ผดั เหลียง แกงเหลียง ผดั ใส่ไข่ แกงจืด ห่อหมก ลวกจ้ิมน้าพริกหรือรับประทานสด คูก่ บั กบั ขา้ ว ถิ่นกาเนิด และการแพร่กระจาย ผกั เหลียงเป็นพนั ธุไ์ มป้ ่ า มีถิ่นกาเนิดในทวีปเอเชียบริเวณคาบสมุทรมาลายู พบ แพร่กระจายท้งั ในประเทศไทย มาเลเซีย และหมูเ่ กาะบอร์เนียว เติบโตไดด้ ีในภูมิอากาศร้อนช้ืน พบแพร่กระจายบนพ้ืนที่สูงกวา่ ระดบั น้าทะเล 50-200 เมตร โดยประเทศไทยพบแพร่กระจาย ทวั่ ไปบริเวณเชิงเขา และท่ีราบในภาคใต้ บริเวณจงั หวดั ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พงั งา และ กระบ่ี

20 สรรพคุณ ใบเหลียง 1.บารุงสายตา 2.บารุงกระดูก 3.บารุงสมอง 4.ป้องกนั มะเร็ง 5.แกก้ ระหายน้า บรรจุภณั ฑ์

21 9. แกงคว่ั หอยแครงใส่ใบชะพลู ส่วนผสม 4.น้าพริกแกงคว่ั 1.หอยแครงสดแกะเปลือก 2.ใบชะพลซู อยบาง 3.พริกข้ีหนูหน่ั เฉียง 5.กะทิ 6.น้าปลา 7.น้าตาลป๊ี บ 8.น้ามนั พชื วธิ ีทา 1.ผดั น้าพริกแกงกบั น้ามนั จนหอมค่อยๆ เทกะทิลงผดั ใหเ้ ขา้ กนั และแตกมนั 2.ใส่หอยแครงลงไปผดั ใหพ้ อสุก ตามดว้ ยใบชะพลู เคี่ยวส่วนผสมท้งั หมดใหส้ ุกดี 3.ปรุงรสดว้ ยน้าปลาและน้าตาลป๊ี บ ใส่พริกข้ีหนูลงไป รอใหเ้ ดือด ปิ ดเตา ชะพลู หรือ ชา้ พลู เป็นพชื ในวงศ์ Piperaceae มกั สับสนกบั พลแู ต่ใบรสไมจ่ ดั เทา่ พลแู ละมี ขนาดเลก็ กวา่ ชะพลูเป็นพนั ธุ์ไมท้ ่ีชอบพ้ืนท่ีลมุ่ มีความช้ืน ขยายพนั ธุ์ดว้ ยวิธีการปักชา โดยการ เลือกก่ิงท่ีมีใบออ่ นและใบแก่ เด็ดใบแก่ออกและนาไปปักชาได้ ใบมีลกั ษณะคลา้ ยรูปหวั ใจรูปทรง คลา้ ยกบั ใบพลู แตม่ ีขนาดใบเลก็ กวา่ มีสีเขียวเขม้ เป็ นใบเดี่ยว รสชาติเผด็ อ่อน ๆ ดอกออกบริเวณ ปลายยอด มีสีขาวอดั แน่นกนั เป็นทรงกระบอกขนาดเลก็ ลกั ษณะคลา้ ยดีปลีแต่ส้ันกวา่ ชะพลูพบ ในเขตร้อนของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของอินเดีย และตอนใตข้ องจีน และไกลถึงหมู่เกาะอนั ดามนั

22 สรรพคุณของใบชะพลู 1.ช่วยตอ่ ตา้ นอนุมลู อิสระต่าง ๆ (ใบ) 2.ใบชะพลมู ีรสเผด็ ร้อน ช่วยทาใหเ้ จริญอาหารมากย่งิ ข้ึน (ใบ) 3.ใบชะพลมู ีเบตา้ แคโรทีนในปริมาณมากซ่ึงช่วยบารุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น 4.ป้องกนั โรคตาบอดตอนกลางคืน แกโ้ รคตาฟาง เป็นตน้ (ใบ) 5.ช่วยยบั ย้งั และชะลอการขยายตวั ของเซลลม์ ะเร็ง (ใบ) 6.ช่วยรักษาโรคเบาหวาน 7.ช่วยบารุงธาตุ แกธ้ าตพุ กิ าร (ราก) 8.ช่วยบารุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกนั การเกิดโรคกระดูกพรุน (ใบ) 9.ช่วยทาใหเ้ สมหะงวดและแหง้ บรรจุภณั ฑ์

23 10. ปลาทรายทอดขมิ้น ส่วนผสม -ปลาทราย -ขมิ้น -พริกไทยดา -ตะไคร้สบั -พริกข้ีหนูแดง -น้ามนั พืชสาหรับทอด ส่วนผสมน้าจ้ิม -พริกข้ีหนูสีเขียว -กระเทียม -น้ามะนาว -น้าปลา วิธีทา 1.ตาขมิน้ พริกไทยดา ตะไคร้ และเกลือใหแ้ หลกหยาบๆ นามาหมกั ปลาไว้ 1 คืน 2.ก่อนทอดใหต้ าพริกข้ีหนูแดงหยาบๆ แลว้ คลกุ กบั ปลา 3.ทอดปลาและสมนุ ไพรในน้ามนั ร้อนทว่ มนาน 10-15 นาที สมนุ ไพรจะสุกก่อนใหต้ กั ข้ึนพกั ไว้ เมื่อปลาจะสุกจึงใส่สมุนไพรลงทอดอีกคร้ังใหก้ รอบ ตกั ข้ึน พกั ไวใ้ หส้ ะเดด็ น้ามนั

24 ขมิน้ เป็นพชื ลม้ ลกุ ในวงศข์ ิง มีถ่ินกาเนิดในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีเหงา้ อยใู่ ตด้ ิน เน้ือ ในของเหงา้ เป็นสีเหลือง มีกล่ินหอมเฉพาะตวั มีสีเหลืองเขม้ จนสีแสดจดั มีช่ือสามญั อื่นอีกคือ ขมิ้นแกง (เชียงใหม่) ขมิน้ ชนั (กลาง, ใต)้ ขมิน้ หยอก (เชียงใหม่) ขมิ้นหวั (เชียงใหม่) ข้ีมิน้ (ตรัง, ใต)้ ตายอ (กะเหรี่ยง กาแพงเพชร) สะยอ (กะเหร่ียง แมฮ่ ่องสอน) และ หมิน้ (ตรัง, ใต)้ สรรพคุณของขมิน้ 1.ขมิ้นมีสารตอ่ ตา้ นอนุมลู อิสระซ่ึงช่วยในการชะลอวยั และชะลอการเกิดริ้วรอย 2.ช่วยเสริมสร้างภมู ิตา้ นทานใหก้ บั ร่างกาย 3.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุม้ กนั ใหผ้ ิวหนงั มีสุขภาพดีแขง็ แรง 4.ขมิ้นชนั อาจมีบทบาทช่วยป้องกนั การเกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งลาไส้ มะเร็งปากมดลูก 5.ขมิน้ สามารถช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอลในร่างกายได้ 6.ช่วยกาจดั สารพิษออกจากร่างกาย 7.ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน 8.มีส่วนช่วยรักษาโรคความดนั โลหิตสูง 9.ช่วยลดอาการของโรคเกาต์ 10.ช่วยขบั น้านมของมารดาหลงั คลอดบุตร บรรจุภณั ฑ์

25 11.น้าพริกกะปิ ส่วนผสม 1.กะปิ อยา่ งดี 2.น้าตาลปี๊ บ 3.หอมแดง 4.กระเทียมกลีบใหญ่ 5.พริกข้ีหนู 6.น้ามะนาว 7.กุง้ แหง้ วิธีทา 1.แกะกระเทียมใส่ในครกประมาณ 1 ชอ้ นโตะ๊ ตาพอแตก 2.ตามดว้ ยกะปิ 1 ชอ้ นโต๊ะ ตาใหเ้ ขา้ กนั 3.ใส่น้าตาลปี๊ บ คร่ึงชอ้ นโต๊ะ (สาหรับคนไมช่ อบหวาน) ตาใหเ้ ขา้ กนั 4.ใส่พริกข้ีหนูสวน 15 เมด็ (สาหรับทานเผด็ ไม่มาก) ตาพอแตก 5.ใส่มะเขือพวง 1 ชอ้ นโตะ๊ บุบพอแตก 6.ใส่น้ามะนาว 4 1/2 ชอ้ นโตะ๊ คนใหเ้ ขา้ กนั 7.ชิมรส เติมน้ามะนาว น้าปลา ตามใจชอบ อ่านต่อไดท้ ่ี กะปิ เป็นเครื่องปรุงรสอยา่ งหน่ึงที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และ ทางตอนใตข้ องประเทศจีนในประเทศไทย มีกะปิ มากมายหลายชนิดใหเ้ ลือกรับประทาน กะปิ แต่ ละชนิดจะมีความแตกต่างกนั ท้งั คุณภาพ วตั ถดุ ิบ กรรมวธิ ีผลิต ตามแตท่ อ้ งถ่ินน้นั ๆ โดยส่วน ใหญท่ าจากกุง้ เคย ซ่ึงมีมากในแถบชายฝ่ังทะเลอนั ดามนั จึงทาใหม้ ีการผลิตกะปิ ในหลาย ๆ แห่ง ในพ้ืนที่ชายฝั่งติดกบั ทะเล[1] โดยแต่ละทอ้ งที่ในกะปิ จะมีปริมาณของกรดอะมิโนและสารระเหย แตกต่างกนั ทาใหร้ สชาติและกลิ่นแตกต่างกนั

26 สรรพคุณของกะปิ มีแคลเซียมเตม็ เป่ี ยมเพราะวา่ กะปิ ท่ีผา่ นความร้อนน้นั จะปลอ่ ยแคลเซียมออกมาอยา่ งเตม็ ท่ี ช่วย ป้องกนั การเป็นเลือดจางเน่ืองจากมีวิตามินบี12. มีกรดน้ามนั โอเมกา้ 3 ท่ีมีประโยชนต์ ่อร่างกาย ช่วยลดระดบั คอเลสเตอร์รอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ ท่ีเป็นอนั ตราย ลดความเส่ียงของโรคหวั ใจวาย เฉียบพลนั และเส้นเลือดในสมองแตก บรรจุภณั ฑ์

อา้ งอิง https://sites.google.com/site/arhanprajumpak/xahar-praca-phakh-ti https://www.cpbrandsite.com/recipe https://th.wikipedia.org/wiki https://www.sanook.com/women/170561/ https://cooking.kapook.com/view208359.html https://krua.co/recipe https://www.cpbrandsite.com/recipe https://food.mthai.com/food-recipe/139633.html https://food.mthai.com/food-recipe/107055.html https://sites.google.com/site/kwanhathai2245/xa-ha-rthakh-ti/pla-thray-thxd-khmin https://www.wongnai.com/recipes/ugc/1c27518359cc48ddacc57fe78f4f0345?ref=ct


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook