Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานพริกไทย 2

รายงานพริกไทย 2

Published by นภาวรรณ บัวคลื้น, 2021-10-16 10:48:44

Description: รายงานพริกไทย 2

Search

Read the Text Version

รายงาน เรอ่ื ง พรกิ ไทย จดั ทาโดย นางสาวนภาวรรณ บวั คลนื้ รหสั 663406600010 สาขา อตุ สาหกรรมอาหารปี 2 เสนอ รศ.ดร.ชตุ นิ ชุ สจุ รติ วชิ า การอา่ นและการเขียนเชงิ วชิ าการ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั วทิ ยาเขตตรงั

ก คานา รายการฉบบั นเี้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของวิชา การอา่ นและการเขยี นเชิงวิชาการ โดยมจี ดุ ประสงค์ เพ่อื การศกึ ษาความรูท้ ่ไี ดจ้ ากเรือ่ ง พรกิ ไทย ทง้ั นใี้ นรายงานฉบบั นี้ มเี นอื้ หา ซง่ึ ประกอบดว้ ย ประวตั ิของพรกิ ไทย สายพนั ธขุ์ องพรกิ ไทย วิธีการปลกู การแปรรูป การตลาด และวจิ ยั ผจู้ ดั ทาไดเ้ ลอื กหวั ขอ้ นใี้ นการทารายงานเน่อื งจากเป็นเรื่องท่นี ่าสนใจ และ เป็นเรื่องใกลต้ วั ผจู้ ดั ทาตอ้ งขอขอบคณุ รศ.ดร.ชตุ ินชุ สจุ รติ ผใู้ หค้ วามรู้ และแนวทาง การศกึ ษา หวงั วา่ รายงานฉบบั นจี้ ะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านทกุ ๆทา่ น หากมี ขอ้ เสนอแนะประการใด ผจู้ ดั ทาขอรบั ไวด้ ว้ ยความขอบพระคณุ อยา่ งย่งิ นางสาวนภาวรรณ บวั คลืน้ ผจู้ ดั ทา

สารบญั หนา้ เรอ่ื ง 1-2 3-4 ประวตั ขิ องพรกิ ไทย 4 วิธีการปลกู พรกิ ไทย 5 การผลิต (แปรรูป) 5-6 การเกบ็ รกั ษา 7 ลกั ษณะภมู ิอากาศ , ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ 8-9 การตลาด 10-11 พรกิ ไทยสายพนั ธเุ์ จา้ ดงั ของจงั หวดั ตรงั งานวิจยั พรกิ ไทย

1 ประวตั ิของพรกิ ไทย เม่อื พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 5 เสด็จประพาสเมืองตรงั พบวา่ สภาพของเมอื งตรงั สมยั นนั้ มคี นจีนไปตงั้ รกรากทาสวนพรกิ ไทยกนั มาก โดยสง่ พรกิ ไทยไปขายท่เี มือง ปีนงั และเร่มิ ทาเหมืองแรท่ ่บี า้ นท่าปราง สาหรบั ขา้ วไม่ใครช่ อบทานา มกั ซอื้ ขา้ วจากปีนงั มาบรโิ ภค และ จากบนั ทึกของ พระยารษั ฎานปุ ระดิษฐ์มหศิ รภกั ดี ไดร้ ายงานพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 5 ตงั้ แต่ ร.ศ. 107 - 110 ไดก้ ลา่ วถึงสนิ คา้ สาคญั ของเมืองตรงั คอื พรกิ ไทยและดีบกุ ดว้ ย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั รชั กาลท่ี 5 ไดพ้ ฒั นาการทาเหมืองดีบกุ และไดอ้ ดุ หนนุ การทาไร่ พรกิ ไทย ทาใหพ้ ริกไทยกลายเป็นสนิ คา้ ท่สี าคญั จากเมืองตรงั และเมอื งปะเหลยี นท่สี ง่ ไปจาหนา่ ยยงั เมอื ง ปีนงั เป็นท่ีรูจ้ กั ในนาม “พรกิ ไทยตรงั ” หรือ “Trang Pepper” และเป็นท่รี ูจ้ กั กนั ท่วั ไปในตลาดยโุ รป ราว ร.ศ. 116 พรกิ ไทยเรม่ิ ราคาตกต่า ทางเมืองปีนงั ไมใ่ ครร่ บั ซอื้ พระยารษั ฎานปุ ระดิษฐ์มหิศรภกั ดีจึง สง่ เสรมิ ใหป้ ลกู พืชชนดิ อ่นื ทดแทนการปลกู พรกิ ไทย ไดแ้ ก่ มะพรา้ ว หมาก จนั ทนเ์ ทศ และยางพารา ซ่งึ ได้ นาพนั ธุม์ าจากแหลมมลายู ทาใหป้ ระชาชนสว่ นใหญ่หนั ไปปลกู ยางพารากนั มากขนึ้ จนกลายเป็นสินคา้ ท่ี สาคญั ของจงั หวดั ตรงั และภาคใตใ้ นเวลาต่อมา ต่อมาเม่ือปีพ.ศ. 2445 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ เสด็จตรวจราชการ เมืองตรงั ในวนั ท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2445 (จดหมาย เหตปุ ระพาสหวั เมอื งปักษใ์ ต้ ร.ศ. 128) มีกล่าวถงึ พรกิ ไทยว่าพนื้ ท่นี าตาลว่ งและทบั เท่ียงยงั มีพรกิ ไทยอยู่ จงึ แสดงใหเ้ ห็นวา่ พรกิ ไทยตรงั ยงั คงมกี ารเพาะปลกู ในพืน้ ท่ตี าบล ทบั เท่ยี งอยู่ ซ่งึ ลกั ษณะของพรกิ ไทยตรงั สายพนั ธุด์ งั้ เดิมนีก้ ย็ งั คงพบวา่ กระจายอยทู่ ่วั ไปตามบา้ นเก่าแก่โบราณหรือท่ลี กู หลานยงั คงดแู ลอยู่ สว่ นใน พนื้ ท่อี าเภอปะเหลยี นยงั คงมีการสง่ เสรมิ การปลกู พรกิ ไทย โดยมีการเรียกช่ือตามช่ืออาเภอว่า “พรกิ ไทย พนั ธุป์ ะเหลยี น” เพ่ือใหพ้ นั ธุข์ องพรกิ ไทยตรงั พนั ธุพ์ นื้ เมอื ง (ปะเหลยี น) ไม่สญู หายและขยายพนื้ ท่ปี ลกู เพ่มิ ขึน้ ศนู ยบ์ รกิ ารและถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบลสโุ สะ ไดร้ ่วมกบั เกษตรกรในตาบลสโุ สะ ไดจ้ ดั ทาแปลงขยายพนั ธุพ์ รกิ ไทยพนั ธุพ์ นื้ เมอื ง (ปะเหลียน) ขนึ้ เพ่ือสง่ เสรมิ ใหป้ ลกู เป็นไมป้ ระดบั และพชื สวนครวั รวมถงึ เพ่อื การคา้ “พรกิ ไทยตรงั ” ในปัจจบุ นั มีการปลกู กระจายท่วั ไปทงั้ จงั หวดั ดว้ ยกลนิ่ และ รสชาตทิ ่เี ป็นเอกลกั ษณ์ คือ รสชาตเิ ผ็ดรอ้ นและกล่ินหอมกว่าพรกิ ไทยท่วั ไป ทาใหพ้ รกิ ไทยตรงั เป็นท่ีนิยม ในการนาไปเป็นสว่ นผสมในอาหารต่างๆ เพ่ือใหร้ สชาติอาหารดีย่งิ ขึน้

2 พรกิ ไทยตรงั (Phrikthai Trang หรอื Trang Peper) หมายถึง พรกิ ไทยออ่ น พรกิ ไทยแหง้ ชนิดเม็ด และป่น ซ่งึ ผลติ จากพรกิ ไทยสายพนั ธพุ์ นื้ เมอื ง (ปะเหลยี น) ท่ีมรี สชาติ เผด็ รอ้ น กลิน่ ฉนุ เป็นเอกลกั ษณ์ ปลกู และแปรรูปในเขตพนื้ ท่จี งั หวดั ตรงั ลกั ษณะของสินคา้ (1) พนั ธ:ุ์ พรกิ ไทยสายพนั ธพุ์ นื้ เมอื ง (ปะเหลยี น) มี 2 ลกั ษณะคอื ยอดแดงและยอดม่วง (2) ลกั ษณะทางกายภาพ (2.1) พรกิ ไทยอ่อน ผลติ จากผลอ่อนของพรกิ ไทย มีสเี ขียวออ่ น เมด็ กลม กลนิ่ ฉนุ นอ้ ยกวา่ เมด็ พรกิ ไทยดารสชาติเผด็ รอ้ น (2.2) พรกิ ไทยดาแบบเม็ด ผลติ จากพรกิ ไทยท่แี ก่จดั นามาตากแดดหรืออบใหเ้ ม็ดแหง้ มี ลกั ษณะเป็นเมด็ กลม เปลอื กนอกสีนา้ ตาลเขม้ เกือบดา ผวิ เปลอื กมีรอยย่น กล่ินหอมเยน็ มี รสชาติเผด็ รอ้ น (2.3) พรกิ ไทยขาวแบบเม็ด ผลิตจากพริกไทยท่แี กจ่ ดั นามาทาใหเ้ ปลือกหลดุ ออก แลว้ นาไป ตากแดดหรืออบใหเ้ มด็ แหง้ มีลกั ษณ ะเป็นเม็ดกลม สีขาวอมเทา ผวิ เรยี บ มีรอยเสน้ ตามยาว กล่นิ หอมเย็นมีรสชาติเผ็ดรอ้ น (2.4) พรกิ ไทยดาแบบป่น ผลิตจากพรกิ ไทยดาแบบเมด็ ท่ผี า่ นกระบวนการป่นใหม้ ลี กั ษณะเป็น ผงละเอยี ดมสี นี า้ ตาลเขม้ ออกดา รสชาตเิ ผ็ดรอ้ น กลิ่นหอมฉนุ ไม่มสี ง่ิ เจอื ปน (2.5) พรกิ ไทยขาวแบบป่น ผลติ จากพรกิ ไทยขาวแบบเมด็ ท่ีผ่านกระบวนการป่นใหม้ ีลกั ษณะ เป็นผงละเอยี ด มีสนี า้ ขาวอมเทา รสชาติเผ็ดรอ้ น กล่นิ หอมฉนุ ไม่มสี ่งิ เจอื ปน

3 วธิ ีการปลกู สาหรบั พรกิ ไทยสายพนั ธุป์ ะเหลยี น กระบวนการผลติ การปลกู 1. ตน้ พนั ธตุ์ อ้ งเป็นตน้ กลา้ สายพนั ธพุ์ นื้ เมือง (ปะเหลยี น) ของจงั หวดั ตรงั ท่มี ีแหลง่ เพาะปลกู ในพนื้ ท่ีจงั หวดั ตรงั โดยการคดั เลือกตน้ พนั ธทุ์ ่มี ีลาตน้ กลมสมบรู ณ์ มีสีเขียวเขม้ ถึงสีเขียวอม นา้ ตาล และมีใบติดลาตน้ โดยคดั จากตน้ พนั ธอุ์ ายุ 6 - 18 เดอื น ท่สี มบรู ณ์ แขง็ แรง ปราศจาก โรค และแมลง 2. เตรียมคา้ ง (เสา) จากวสั ดตุ ่างๆ เชน่ ปนู ไม้ หรืออ่นื ๆ เป็นตน้ โดยหากเป็นคา้ งปนู ควรมี ขนาดหนา้ กวา้ ง 3-4 นวิ้ สงู 2.5-4 เมตร สว่ นคา้ งไมค้ วรเป็นไมเ้ นอื้ แข็งความสงู ตามความ เหมาะสม 3. ควรปลกู ในช่วงฤดฝู น ระหวา่ งเดือนพฤษภาคม - เดอื นตลุ าคม 4. การเตรียมพนื้ ท่ปี ลกู ขดุ หลมุ กวา้ งและลกึ ขนาด 15*15 เซนตเิ มตร ระยะปลกู ระหวา่ งตน้ 2-3 เมตรปลกู สลบั ฟันปลา เพ่อื ใหแ้ สงสอ่ งถงึ ทรงพ่มุ หรอื ตามความเหมาะสมของพนื้ ท่ี 5. ควรนาป๋ ยุ คอกคลกุ กบั ดนิ กน้ หลมุ และนาตน้ กลา้ ลงปลกู ในหลมุ ท่เี ตรียมไว้ คา้ งละ 2 ตน้ หลงั จากนนั้ กลบดนิ ใหพ้ นู โคนสงู กวา่ ระดบั ผิวดินเลก็ นอ้ ย เพ่อื ปอ้ งกนั นา้ ท่วมขงั บรเิ วณโคนตน้ พรกิ ไทย ใชไ้ มห้ ลกั ผกู ยดึ ตน้ ปอ้ งกนั การโยกคลอนโดยเฉพาะในช่วง 1 ปีแรกของการปลกู หรือ ในชว่ งฤดฝู น 6. การใสป่ ๋ ยุ ควรใสป่ ๋ ยุ เป็นระยะตามพฒั นาการของตน้ พรกิ ไทย หรอื ตามความเหมาะสมของ พนื้ ท่ี 7. ควรใหน้ า้ อย่างสม่าเสมอ ตามสภาพอากาศ หรือตามความเหมาะสมของพนื้ ท่ี 8. ควรตดั แต่งก่ิงแขนงหรอื กิ่งไหลตามบรเิ วณโคนตน้ พรกิ ไทยอย่างสม่าเสมอเพ่อื รกั ษาทรงพ่มุ การเกบ็ เก่ียว และการดแู ลรกั ษาหลงั การเก็บเก่ียวตน้ พรกิ ไทย จะเร่มิ ใหผ้ ลผลิตเม่อื อายุ 2 ปี ระยะเวลาท่เี หมาะสมในการเก็บเก่ียว คือ ช่วงเดือนมกราคม -เมษายน ของทกุ ปี

4 1. การเก็บพรกิ ไทยออ่ น ควรเก็บเฉพาะช่อผลอ่อน ซ่งึ มีสเี ขยี วอ่อน โดยเกบ็ ทีละชอ่ ลงใน ภาชนะท่เี ตรยี มไว้ เพ่อื รอจาหนา่ ย 2. การเกบ็ พรกิ ไทยสด ควรเก็บเฉพาะชอ่ สีแดงหรือท่แี ก่จดั อย่างนอ้ ยรอ้ ยละ 10 ของช่อ เก็บที ละช่ออยา่ งประณีต เกบ็ ลงในถงั หรอื ผา้ ใบ เพ่อื ปอ้ งกนั การปนเปื้อน กอ่ นแปรรูปเป็นพรกิ ไทย ดาแบบเม็ด พรกิ ไทยขาวแบบเมด็ พรกิ ไทยดาแบบป่น และพรกิ ไทยขาวแบบป่น 3. หลงั เกบ็ ผลผลติ แลว้ ควรตดั แตง่ ก่ิง ถางหญา้ ใตโ้ คนตน้ และควรใสป่ ๋ ยุ เดือนละ 1 ครงั้ แลว้ รดนา้ ใหม้ ีความชนื้ พอเหมาะ การผลิต(แปรรูป) 1. พรกิ ไทยดาแบบเมด็ นาเมล็ดพรกิ ไทยสด ไปตากแดด 2-3 ช่วั โมง เพ่อื ใหง้ ่ายตอ่ การเอา เมลด็ พรกิ ไทยออกจากชอ่ แลว้ นามาลา้ งใหส้ ะอาด อยา่ งนอ้ ย 3 ครงั้ คดั แยกเมลด็ ท่ลี อยออก นาไปตากแดดหรืออบใหแ้ หง้ จนเปลอื กเป็นสนี า้ ตาลเขม้ เกือบดา และตอ้ งมีความชนื้ ไมเ่ กินรอ้ ย ละ 15 จากนนั้ นาไปบรรจใุ นภาชนะท่สี ะอาด 2. พรกิ ไทยขาวแบบเม็ด นาเมล็ดพรกิ ไทยสด มาทาการเอาเมลด็ พรกิ ไทยออกจากช่อ แลว้ นามาแช่นา้ 3-5 วนั หลงั จากนนั้ ทาการขยลี้ อกเปลือกผลออก ลา้ งใหส้ ะอาด และนาไปตาก แดดหรอื อบจนเมล็ดพรกิ ไทยแหง้ จะไดเ้ มล็ดกลม เปลือกนอกมสี ขี าวอมเทา ผวิ เรยี บ มรี อยเสน้ ตามยาว และตอ้ งมคี วามชนื้ ไมเ่ กินรอ้ ยละ 15 จากนนั้ นาไปบรรจใุ นภาชนะท่สี ะอาด 3. พรกิ ไทยดาแบบป่น นาเมลด็ พรกิ ไทยดาท่แี หง้ สนิทแลว้ และไมม่ ีกลิ่นท่ไี ม่พงึ ประสงคม์ าป่น ใหล้ ะเอียด และตอ้ งมีความชนื้ ไมเ่ กินรอ้ ยละ 10 จากนนั้ นาไปเก็บในภาชนะท่สี ะอาด แหง้ ปิด สนิท ปอ้ งกนั ความชืน้ และสามารถปอ้ งกนั การปนเปือ้ นจากภายนอกได้ 4. พรกิ ไทยขาวแบบป่น นาเมล็ดพรกิ ไทยขาวท่แี หง้ สนทิ แลว้ และไม่มีกล่ินท่ีไม่พงึ ประสงค์ มา ป่นจนละเอียดและตอ้ งมคี วามชนื้ ไม่เกินรอ้ ยละ 10 จากนนั้ นาไปเกบ็ ในภาชนะท่สี ะอาด แหง้ ปิดสนิท ปอ้ งกนั ความชนื้ สามารถปอ้ งกนั การปนเปือ้ นจากภายนอกได้

5 เก็บรกั ษาเมลด็ พรกิ ไทย การเกบ็ รกั ษาเมล็ดพรกิ ไทย ตอ้ งผ่านการอบหรือตากใหแ้ หง้ ความชืน้ ตอ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 15 บรรจใุ นถงุ พลาสตกิ แบบหนา 2 ชนั้ จดั เก็บไวใ้ นท่ีแหง้ สะอาด อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก ไม่ถกู แสงแดด พนื้ ท่เี กบ็ ตอ้ งมีความสงู จากระดบั พนื้ ประมาณ 50 เซนตเิ มตร การบรรจหุ ีบห่อ (1) รายละเอยี ดบนฉลากหรือบรรจภุ ณั ฑ์ ใหป้ ระกอบดว้ ยคาวา่ “พรกิ ไทยตรงั หรือ Phrikthai Trang หรอื Trang Peper” (2) ใหร้ ะบชุ ่อื และท่อี ยู่ ผผู้ ลิต ผจู้ ดั จาหนา่ ย วนั ท่ผี ลิต วนั หมดอายุ วิธีเก็บรกั ษา หรืออ่ืนๆ ท่ี เก่ียวขอ้ งเพ่อื ใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภค ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสนิ คา้ กบั แหลง่ ภมู ศิ าสตร์ ลกั ษณะภมู ิประเทศ จงั หวดั ตรงั อยทู่ างภาคใตข้ องไทยเป็นจงั หวดั ท่ีมีพนื้ ท่เี ลียบฝ่ังทะเลอนั ดามนั ของ มหาสมทุ รอนิ เดยี ตงั้ อย่ทู ่ลี ะตจิ ดู 7 องศา 31 ลปิ ดาเหนือ และเสน้ แวงท่ี 99 องศา 38 ลิปดาตะวนั ออก มีเนอื้ ท่ีทง้ั สิน้ ประมาณ 4,941 ตารางกิโลเมตร ลกั ษณะพนื้ ท่ีของจงั หวดั ตรงั เป็นเนินสงู ต่าสลบั ดว้ ยภเู ขาใหญ่ เล็ก กระจดั กระจายอยทู่ ่วั ไป พืน้ ท่รี าบเรียบมีจานวนนอ้ ย ลกั ษณะเป็นลกู คล่ืนลอนลาดเลก็ นอ้ ยถึงลกู คลนื่ ลอนลาด มีความลาดชนั รอ้ ยละ 2 - 12 การ ระบายนา้ ดี การไหลบา่ ของนา้ บนผิวดินเรว็ การซึมผา่ นของนา้ ปานกลาง ชดุ ดนิ ของจงั หวดั ตรงั คอื กลมุ่ ชดุ ดนิ ท่ี 53 เป็นดินลกึ ดนิ บนมเี นอื้ ดินเป็นดนิ รว่ นปนดินเหนยี ว สีแดง ปฏกิ ิรยิ าดนิ เป็นกรดจดั ถงึ กรดปานกลาง (pH 5.5 - 6.0) ดนิ ลา่ งมีเนอื้ ดนิ เป็นดินเหนยี ว สแี ดง หรอื สี แดงปนเหลือง และดินลา่ งลกึ กวา่ 80 เซนติเมตรลงไป จะพบลกู รงั ปะปนกบั เศษหนิ ดินดานใน เนอื้ ดิน ปฏกิ ิรยิ าดินเป็นกรดจดั มากถงึ กรดจดั (pH 4.5 - 5.5)

6 สภาพภมู อิ ากาศ จงั หวดั ตรงั ไดร้ บั อทิ ธิพลจากลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ ท่พี ดั พาเอาความชืน้ จากทะเลแถบ มหาสมทุ รอินเดยี ในชว่ งกลางเดอื นพฤษภาคมถึงกลางเดอื นตลุ าคม หรือในชว่ งฤดฝู น ทาให้ จงั หวดั ตรงั มีฝนตกหนาแน่นท่วั ไป ปรมิ าณฝนเฉล่ียตลอดทงั้ ปี 2,148.50 มลิ ลเิ มตร อณุ หภมู ิ ชว่ งกลางวนั และกลางคนื จงึ ไมค่ ่อยแตกตา่ งกนั มากนกั อณุ หภมู ิเฉลยี่ ตลอดทงั้ ปีอย่ทู ่ี 27.1 องศาเซลเซยี ส ความชนื้ สมั พทั ธย์ อ้ นหลงั ปี 2560 – 2562 เฉลี่ยอย่ทู ่รี อ้ ยละ 81.16พรกิ ไทยเป็น พืชเขตกงึ่ รอ้ น สามารถขนึ้ ไดด้ ใี นภมู อิ ากาศแถบรอ้ นท่มี อี ณุ หภมู คิ อ่ นขา้ งรอ้ นและมคี วาม ชนื้ สงู อณุ หภมู ิท่เี จรญิ เติบโตไดด้ อี ย่รู ะหวา่ ง 25 - 40 องศาเซลเซยี ส และความชนื้ สมั พทั ธร์ อ้ ย ละ 65 - 95 พรกิ ไทยตอ้ งการปรมิ าณนา้ มากและสม่าเสมอ พืน้ ท่ปี ลกู จงึ ควรมีปรมิ าณนา้ ฝนท่ีมี การกระจายตวั ตลอดปี โดยเฉพาะฤดแู ลง้ ตอ้ งมีนา้ เพยี งพอ ปรมิ าณนา้ ฝนท่ีเหมาะสม โดย เฉล่ียอย่ทู ่ี 1,200 - 2,500 มลิ ลเิ มตร และดว้ ยสภาพภมู ปิ ระเทศและภมู อิ ากาศดงั กลา่ วของ จงั หวดั ตรงั ซง่ึ เหมาะสมกบั การปลกู พรกิ ไทย ทาให้ พรกิ ไทยตรงั มีรสชาติเผ็ดรอ้ น มีกลิ่นหอม มีเอกลกั ษณแ์ ตกต่างจากพนื้ ท่อี ่ืน จงึ เป็นท่นี ิยมในการนาไปเป็นสว่ นผสมในอาหารตา่ งๆ

7 การตลาด ตลาดพรกิ ไทยดาปะเหลียน ยงั ไปไดอ้ ีกไกล คนปลกู นอ้ ย แต่ความตอ้ งการสงู เลา่ ถึงสถานการณก์ ารตลาดของพรกิ ไทยปะเหลียนวา่ ถึงแมต้ นจะเร่มิ ปลกู พรกิ ไทยได้ ไม่นาน แต่ก็พอท่จี ะทราบถงึ สถานการณค์ วามตอ้ งการของพรกิ ไทยพนั ธุน์ มี้ าบา้ ง เพราะจาก ขอ้ มลู ท่กี ลา่ วไปขา้ งตน้ วา่ ท่บี า้ นมีการปลกู พรกิ ไทยไวบ้ รเิ วณรอบบา้ นมานานแลว้ ถึงแมจ้ ะ ปลกู ไม่มากนกั แตก่ พ็ อมีไดข้ ายปีละ 30-40 กิโลกรมั ราคาท่ผี ่านมาถือวา่ ดีมากๆ กิโลกรมั ละ ไม่ต่ากว่า 350-400 บาท และถึงแมจ้ ะใหร้ าคาตกอย่างไร กจ็ ะไม่ต่ากว่ากิโลกรมั ละ 300 บาท มีพอ่ คา้ แมค่ า้ มารบั ซอื้ ถงึ ท่บี า้ นเพ่อื นาไปทาพรกิ แกงใต้ ทกุ วนั นผี้ ลผลติ ท่ีทาไดก้ ย็ งั ไม่พอขาย จึงไดม้ กี ารขยายพนื้ ท่กี ารปลกู เพ่มิ และมองวา่ การตลาดพรกิ ไทยดาปะเหลยี นยงั ไปไดอ้ กี ไกล และท่สี าคญั ตอนนที้ ่จี งั หวดั ตรงั มีการสนบั สนนุ เรื่องการปลกู พรกิ ไทยเป็นอย่างมาก ท่ผี า่ นมาไม่เคยเกิดการสินคา้ ลน้ ตลาด เพราะเป็นท่ี ตอ้ งการมาก แตใ่ นอนาคตเม่อื คนเร่มิ ปลกู มากขนึ้ สนิ คา้ มีมากก็ยงั สามารถเก็บรกั ษาใสถ่ งุ ไดไ้ ม่ เสยี หาย เกบ็ ไวไ้ ดน้ านเป็นปี”

8 พรกิ ไทยเจา้ ดงั ในจงั หวดั ตรงั นายกิตติ ศิรริ ตั นบญุ ชยั อายุ 41 ปี อดีตพนกั งานบรษิ ัทท่กี รุงเทพฯ ตดั สินใจกลบั บา้ นเกิดมา ดแู ลพอ่ และหนั มาทาเกษตรแนวใหม่ ดว้ ยการพลิกพนื้ ท่จี ากการปลกู ยางพารา มาปลกู พรกิ ไทยพนั ธปุ์ ะเหลยี นกว่า 800 ตน้ บนเนอื้ ท่ี 2 ไร่ ในพนื้ ท่หี มู่ 7 บา้ นเขาเพดาน ใกลส้ ามแยก ตน้ ชด ต.นาเมอื งเพชร อ.สเิ กา จ.ตรงั เป็นระยะเวลา 6 ปีแลว้ ซ่งึ เหมาะท่เี กษตรกรจะปลกู เป็น อาชีพเสรมิ เน่อื งจากพรกิ ไทยจะออกผลปีละครงั้ ในชว่ งตน้ ปี หรือชว่ งหนา้ แลง้ อีกทง้ั ยงั ปลกู ไม่ ยาก ไมต่ อ้ งดแู ลมากนกั เพราะพนื้ ท่ภี าคใตเ้ ป็นเขตรอ้ นชนื้ จึงมีปัจจยั หลายอยา่ งเออื้ ต่อการ ปลกู พรกิ ไทย เพียงแค่ตอ้ งเขา้ ใจเรอ่ื งการปลกู เท่านนั้ และลา่ สดุ พรกิ ไทยกาลงั ใหผ้ ลผลติ เต็ม ตน้ โดยพรกิ ไทย 1 ตน้ จะสามารถผลติ เป็นพรกิ ไทยแหง้ ไดเ้ ฉลี่ยประมาณ 4-5 กิโลกรมั และ จาหน่ายไดใ้ น 2 รูปแบบ คอื เมล็ดพรกิ ไทยดา กิโลกรมั ละ 400 บาท และเมลด็ พรกิ ไทยขาว กิโลกรมั ละ 1,000 บาท ทง้ั นี้ การทาพรกิ ไทยดาจะเรม่ิ จากการนาเมล็ดมาลา้ งจนสะอาด แลว้ แชน่ า้ เกลอื 20 นาที เพ่อื ฆา่ เชอื้ โรคบางอย่าง และลา้ งนา้ อกี รอบ ก่อนนาไปตากในโรงเรอื นท่ีเป็นระบบปิด เพ่อื ปอ้ งกนั สงิ่ แปลกปลอมเขา้ มา และเก็บทกุ ช่วงเย็นของวนั เพ่อื ไมใ่ หม้ ีความชนื้ ในเมล็ด สว่ นการทา พรกิ ไทยขาว จะตอ้ งใชพ้ ริกไทยท่เี มล็ดสแี ดง หรือสกุ จดั แชน่ า้ ไว้ 1 คืน แลว้ ขยเี้ ปลือกออก ลา้ ง นา้ และนามาตากแดด ซ่ึงจะผา่ นกรรมวิธีหลายขนั้ ตอน เพ่อื ใหพ้ รกิ ไทยแหง้ สะอาดมากท่สี ดุ ขณะท่รี สชาตขิ องพรกิ ไทยพนั ธปุ์ ะเหลียน ก็มคี วามโดดเด่น จนไดร้ บั การขึน้ ทะเบยี น GI (ส่ิง บ่งชที้ างภมู ิศาสตร)์ เน่อื งจากมคี วามเผ็ดรอ้ นเป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั จงึ เป็นท่ตี อ้ งการของ ลกู คา้ ท่วั ประเทศ ซ่งึ สว่ นใหญ่จะเป็นรา้ นอาหารประเภทโฮมเมด หรอื พรีเมียม ท่ใี หค้ วามสนใจ

9 ส่งั ซอื้ เขา้ มาทางออนไลนท์ ่วั ประเทศ ทง้ั ทางเพจ “สวนพรกิ ไทยตรงั พริกไทยพนั ธปุ์ ะเหลียน” หรือโทร.08-6702-6514

10 รายงานวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณ์ ประจาปีงบประมาณ 2558 การพฒั นาเทคนิค multiplex RT-PCR เพ่อื ใชใ้ นการคดั เลือก ตน้ พรกิ ไทยปลอดเชือ้ ไวรสั สาขาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ และศลิ ปะศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พาวิทยาเขตจนั ทบรุ ี พรกิ ไทยมชี ่อื วิทยาศาสตร์ คือ Piper nigrum Linn. มีช่อื สามญั ไดแ้ ก่ Pepper,White pepper, Black pepper และ Pepper Corn เป็นตน้ ลาตน้ ของพรกิ ไทยเป็นไมเ้ ถาเลือ้ ย เนอื้ ออ่ นยืนตน้ ไมส่ ามารถยืนอย่ไู ดโ้ ดยลาพงั ตอ้ งเกาะยดึ ตดิ อย่กู บั คา้ ง โดยใชร้ ากเลก็ ๆ ท่ี เจรญิ ออกมาตามขอ้ ของลาตน้ ท่เี รียกว่า รากตนี ต๊กุ แกหรือมือต๊กุ แก หากพรกิ ไทยเจรญิ อย่ตู าม ธรรมชาติโดยไมม่ ีปัญหารบกวนจากการทาลายของโรคและแมลงศตั รูพืชแลว้ จะสามารถมชี ีวติ ยืนนานกว่า 15 ปีขณะท่ีตน้ พรกิ ไทยยงั มีอายนุ อ้ ยอยเู่ ปลอื กล าตน้ จะมีสเี ขียวและจะ เปล่ยี นเป็นสีนา้ ตาลตามอายทุ ่เี พ่มิ ขนึ้ ลาตน้ มีขอ้ และปลอ้ งเห็นไดช้ ดั เจน บรเิ วณขอ้ มกั จะมี ลกั ษณะโป่งออก ท าใหม้ ีขนาดใหญ่กว่าสว่ นของลาตน้ ในสว่ นของใบพรกิ ไทยเป็นใบเด่ียวเรยี ง สลบั ตามขอ้ และตามก่ิงแขนง ใบมีรูปรา่ งแบบรูปไข่โคนใบใหญ่ ฐานใบมีหลายแบบ เชน่ กลม มน หรอื รูปหยกั ปลายใบแหลม ใบกวา้ งประมาณ 6-10 เซนติเมตร ยาว 7-14 เซนติเมตร ลกั ษณะคลา้ ยใบพลู ผิวใบเรียบ ผวิ ใบดา้ นบนเป็นมนั ดา้ นใตใ้ บมสี ีจางกว่าบนใบ บางพนั ธใุ์ บ มีลกั ษณะหยกั เป็นคลื่น ขนาดและลกั ษณะของใบจะแตกต่างกนั ไปตามพนั ธุด์ อกพรกิ ไทยจะ ออกเป็นช่อในแนวยาวตรงขา้ มกบั ใบในสว่ นของกิ่งแขนง ไม่มีกา้ นดอก ช่อดอกยาวประมาณ 7-14 เซนติเมตร ช่อดอกแตล่ ะชอ่ ประกอบดว้ ยดอกยอ่ ยประมาณ 70-85 ดอก ชอ่ ดอกออ่ นมสี ี เหลืองอมเขียว เม่อื แก่จะมสี ีเขยี วและปลายชอ่ หอ้ ยลงดอกจะบานหมดทง้ั ช่อใชเ้ วลาประมาณ 5-7 วนั ดอกพรกิ ไทยมีทง้ั ดอกตวั ผแู้ ละดอกตวั เมียท่เี กิดแยกกนั เป็นดอกไม่สมบรู ณเ์ พศหรอื อาจเป็นดอกสมบรู ณเ์ พศ แต่สว่ นใหญ่เป็นดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ ปรกตพิ รกิ ไทยเป็นพืชท่มี กี าร ผสมตวั เองผลของพรกิ ไทยมลี กั ษณะคอ่ นขา้ งกลม เรียงตวั กนั เป็นพวงอดั แน่นอย่กู บั แกนของ ช่อ มีรสเผด็ รอ้ น ผลอ่อนมสี เี ขยี วและสจี ะเขม้ ขนึ้ ตามอายขุ องผล ผลอ่อนท่ีอายไุ ม่เกินหนึง่ เดือน เม่อื บบี จะแตกออกภายใน

11 ผลจะมลี กั ษณะขนุ่ ขน้ คลา้ ยนมสด ตอ่ มาเม่อื ผลมอี ายไุ ดป้ ระมาณ 5 เดือน ผวิ ของผลจะมี ลกั ษณะเป็นมนั เงาและเปล่ยี นเป็นสีเขียวปนเหลือง ผลแก่เม่อื สกุ เตม็ ท่จี ะมีสีสม้ หรือสแี ดง เม่อื ผลแหง้ จะเป็นสดี าผลจะสกุ ไมพ่ รอ้ มกนั ทง้ั ช่อ เม่ือผลสกุ จะรว่ งหลน่ ไป เม่อื น าผลสกุ มาขยี้ เปลอื กจะหลดุ ออกง่าย ภายในผลหนง่ึ ๆ จะมี1 เมล็ด ผลท่นี ามาใชม้ สี องชนิด คือ พรกิ ไทยด า และพรกิ ไทยลอ่ น พรกิ ไทยดาทาไดโ้ ดยเก็บผลท่โี ตเตม็ ท่มี ีสเี ขียวแก่ มาตากจนแหง้ ซ่งึ จะได้ พรกิ ไทยสดี าเห่ยี ว สว่ นพรกิ ไทยลอ่ นคอื การเก็บผลพรกิ ไทยท่ีเรม่ิ สกุ มาแช่นา้ แลว้ น ามานวด เพ่อื ลอกเปลือกออก แลว้ ตากแดด จะไดผ้ ลพรกิ ไทยมีสขี าวเป็นเงาเมลด็ โดยท่วั ไปเมล็ดจะมสี ขี าวนวล มีลกั ษณะแขง็ รูปรา่ งคอ่ นขา้ งกลมเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง ประมาณ 3-4มิลลเิ มตร ภายมนเมล็ดมตี น้ อ่อนขนาดเล็กอยู่ เมล็ดมีกล่นิ ตวั มกี ลนิ่ ฉนุ และมีรส เผด็ เมล็ดจะสกุ ไมเ่ สมอกนั รากของพรกิ ไทยถา้ ยดึ ตามหนา้ ท่ีของรากจาแนกออกไดเ้ ป็น 2 ชนดิ คอื รากหาอาหารและรากตนี ตกุ๊ แก ซ่งึ รากหาอาหารเป็นรากท่ีท าหนา้ ท่หี ารแรธ่ าตอุ าหารและ นา้ จากพืน้ ดิน เพ่ือสง่ ผา่ นลาตน้ ไปยงั ใบปรุงอาหารหลอ่ เลีย้ งสว่ นตา่ ง ๆ ซ่งึ หากปลกู ดว้ ยการใช้ เมลด็ จะมีรากแกว้ แต่ปัจจบุ นั มกั จะปลกู จากการปักช ากิ่งจึงมกั จะไมม่ ีรากแกว้ พรกิ ไทยจะมี รากขนาดใหญ่ประมาณ 10-20 ราก และแตล่ ะรากจะมคี วามยาวประมาณ 3-4 เมตร มรี าก แขนงเจรญิ ออกไปจากรากใหญ่มากมาย กลมุ่ ของรากเหลา่ นจี้ ะกระจายอยู่บรเิ วณผิวดนิ สว่ น รากตีนตกุ๊ แกจะทาหนา้ ท่ีเป็นรากคา้ จนุ ซ่งึ จะช่วยยดึ เกาะ ท าใหพ้ รกิ ไทยเลอื้ ยสงู ได้ ราก ตนี ต๊กุ แกจะเจรญิ ออกมาจากขอ้ ในระยะเดยี วกบั การเจรญิ ของยอดออ่ น รากประเภทนสี้ ามารถ เกาะติดกบั คา้ งในระยะเรม่ิ งอกออกมาใหม่ ๆ เท่านนั้ เม่อื รากแก่จนเป็นสีนา้ ตาลมกั จะไม่ เกาะติดกบั คา้ งอกี แลว้ หรือตดิ ไดแ้ ตต่ ดิ ยากขนึ้

อา้ งอิง https://mgronline.com/south/detail/9640000019257 https://scholar.google.co.th/scholar?q https://mobile.facebook.com/bantonriangmoo6.lamo/photos/a. https://www.technologychaoban.com/agricultural- technology/article_162845


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook