ศาลรัฐธรรมนญู า แผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๖๔ ำำ “ยดึ หลกั นติ ธิ รรม คำ้ จนุ ประชาธปิ ไตย หว่ งใยสทิ ธเิ สรภี าพของประชาชน” “องคก์ รแหง่ ความถกู ตอ้ งและยตุ ธิ รรม” T: Teamwork มงุ่ มน่ั ทำงานเปน็ ทมี R: Righteousness I: Intelligence G: Good will H: Harmony 37
วสิ ยั ทศั น์ แผนภาพท่ี ๓ แผนทยี่ ทุ ธศาสตร์ (Strategy Map) “ศาลรฐั ธรรมนูญเปน็ สถาบนั หลกั ท่ีคุม้ ครองความเปน็ กฎหมายสงู สุดของรัฐธรรมนูญตามหลักนติ ธิ รรม สรา้ งความเชอ่ื มน่ั แก่ประชาชน โดยมกี ลไกสนับสนุนงานทมี่ ปี ระสิทธภิ าพและมมี าตรฐานเป็นท่ียอมรับ” พนั ธกจิ ๑. รักษาความชอบธรรม ๒ . รกั ษาความเปน็ ๓. รกั ษาความสมดลุ ๔. สรา้ งความเชอ่ื มน่ั ๕. สรา้ งความถกู ตอ้ ง ๖. สร้างบรรทัดฐาน ของการปกครองใน กฎหมายสูงสดุ ของ ในระบบการเมอื ง ต่อภารกิจของ เปน็ ธรรมตามหลกั ในการคมุ้ ครองสทิ ธิ ระบอบประชาธปิ ไตย รัฐธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนูญ นติ ธิ รรม และเสรภี าพใหแ้ ก่ อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ประชาชน ทรงเป็นประมุข เปา้ ประสงค์ ๑. ยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน ๒ . เสรมิ สรา้ งและพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การ ๓. เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ และความศรทั ธา การพจิ ารณาคดสี รู่ ะดับสากล ภายในองคก์ รมคี วามเขม้ แขง็ บคุ ลากร เชอ่ื มน่ั ของประชาชนตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู มีความสามารถควบค่คู ุณธรรมและจรยิ ธรรม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ (ภารกจิ /งาน) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ (ระบบ/เทคโนโลย)ี ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ (บคุ ลากร) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ (เครอื ขา่ ย/ประชาสมั พนั ธ)์ ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานงาน เสรมิ สรา้ งระบบฐานข้อมลู พัฒนาเทคโนโลยี บุคลากรมีสมรรถนะสงู และได้รับการพัฒนา ส่งเสริมความรว่ มมือและประชาสมั พนั ธ์ ดา้ นงานคดี งานบริหาร งานวิชาการ ดจิ ิทัลทีเ่ หมาะสมกับบคุ ลากรและองค์กร เรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมองคก์ ร กับเครือข่ายดา้ นการจดั การความรู้ทัง้ ภายใน เพอื่ สนบั สนนุ คณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู เพิม่ ประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั งิ าน ประเทศและตา่ งประเทศ ให้กา้ วหน้า ทันสมยั และเปน็ มาตรฐานสากล กลยทุ ธท์ ่ี ๓.๑ ปรบั ปรงุ โครงสรา้ ง ระบบงาน กลยทุ ธท์ ่ี ๑.๑ ขอ้ มลู และงานวจิ ยั มคี ณุ ภาพ กรอบอตั ราก�ำลงั และก�ำหนดสมรรถนะ กลยทุ ธท์ ี่ ๔.๑ สง่ เสรมิ และขยายการพฒั นางาน สามารถใชส้ นบั สนนุ งานศาลรฐั ธรรมนญู กลยทุ ธท์ ่ี ๒.๑ พฒั นาเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอ่ื สนบั สนนุ ใหม้ คี วามเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกจิ งาน ใหค้ รอบคลุมตามข้อตกลงความรว่ มมอื ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ และชว่ ยพัฒนา การปฏิบัตหิ นา้ ที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนญู ของศาลรฐั ธรรมนญู ในอนาคต ทั้งในประเทศและต่างประเทศท้ังท่มี อี ย่ใู นปัจจบุ ันและ มาตรฐานการปฏบิ ตั งิ านของส�ำนกั งาน ใหม้ คี วามสะดวก รวดเรว็ โปรง่ ใส และใหก้ ารปฏบิ ตั งิ าน กลยุทธ์ท่ี ๓.๒ บคุ ลากรมี ความรู้ ทกั ษะ เพิ่มข้ึนในอนาคต ศาลรัฐธรรมนูญ ของเจ้าหน้าที่ของส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนญู ความเชีย่ วชาญ รวมถงึ มคี วามพร้อมดา้ นภาษา กลยทุ ธท์ ี่ ๔.๒ พฒั นางานเครอื ขา่ ยดา้ นประชาสมั พนั ธ์ กลยทุ ธ์ท่ี ๑.๒ การปรบั ปรงุ และพัฒนา เปน็ มาตรฐานทัดเทียมกับสถาบันเทยี บเท่า ต่างประเทศและระบบเทคโนโลยดี ิจทิ ลั ให้ครอบคลมุ ประชาชนทกุ ระดับทกุ พื้นที่ ระบบบรหิ ารความเสยี่ ง และระบบการควบคมุ กลยุทธท์ ่ี ๒.๒ พฒั นาระบบบรหิ ารจดั การ โดยมีการจัดระดับการพัฒนา การประเมนิ กลยุทธ์ท่ ี ๔.๓ พัฒนาองค์ความรู้และความรว่ มมอื ภายใน เพื่อใช้เปน็ กรอบการบรหิ ารงาน องค์ความรู้ เช่ือมโยงเข้ากับระบบ e-Library และการออกแบบให้สอดคล้องกบั บคุ ลากรภายใน ดา้ นวิชาการ ตามภารกิจ ทัง้ ภายในประเทศและตา่ งประเทศ กลยทุ ธ์ท่ี ๓.๓ ปรับปรงุ ทัศนคติมุ่งใหบ้ ุคลากร กลยทุ ธท์ ่ี ๔.๔ ยกระดับสถานท่ี และคณุ ภาพ กลยุทธ์ที่ ๒.๓ พัฒนาระบบการตดิ ตาม ภายในมีคา่ นิยมวฒั นธรรมองค์กรร่วมกัน การใหบ้ ริการห้องสมดุ กฎหมายรัฐธรรมนูญ การปฏิบัติงานควบคู่ไปกบั การสรา้ งความโปร่งใส มีความเป็นทีม พิพิธภณั ฑศ์ าลรฐั ธรรมนญู หอจดหมายเหตุ และมาตรฐานในการปฏบิ ัตงิ าน กลยุทธ์ที่ ๓.๔ จัดท�ำข้อตกลงในการประเมนิ ผล ศาลรฐั ธรรมนูญ และวทิ ยาลยั ศาลรัฐธรรมนูญ การปฏิบตั งิ านตามแผนยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุม ตลอดจนการเตรียมความพร้อมและความเหมาะสม บคุ ลากรทกุ ระดบั ทางด้านสถานท่ที �ำงานของศาลรัฐธรรมนญู กลยุทธ์ที่ ๓.๕ บูรณาการแผนการพฒั นาบคุ ลากร และส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ในอนาคต ร่วมกับหน่วยงานที่เกยี่ วข้องเพ่ือประสิทธภิ าพ ในการบริหารงบประมาณได้อย่างคมุ้ คา่ รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ 38
ศาลรฐั ธรรมนญู ๓.๔ อตั ราก�ำลังของส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ นบั ตงั้ แตม่ กี ารจดั ตง้ั สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดด้ ำ� เนนิ การสรรหา บคุ ลากรเพอื่ รองรบั ภารกจิ ในการสนบั สนนุ งานดา้ นพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดี และงานบรหิ ารดา้ นตา่ ง ๆ ของศาลรฐั ธรรมนญู และส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่มีปริมาณเพ่ิมขึ้นทุกปี จนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒) มีอัตราก�ำลัง รวมทัง้ สิ้น ๒๒๔ อัตรา ประกอบดว้ ย ๑) ขา้ ราชการสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู จำ� นวน ๑๖๙ อตั รา (มขี า้ ราชการดำ� รงตำ� แหนง่ อยจู่ รงิ จำ� นวน ๑๕๕ อตั รา) ๒) อตั รากำ� ลงั ของลกู จา้ งประจำ� จำ� นวน ๓๐ อตั รา (มลี กู จา้ งประจำ� ดำ� รงตำ� แหนง่ อยจู่ รงิ จำ� นวน ๓๐ อตั รา) ๓) อตั รากำ� ลงั ของพนกั งานราชการจำ� นวน๒๕อตั รา(มพี นกั งานราชการดำ� รงตำ� แหนง่ อยจู่ รงิ จำ� นวน๑๙อตั รา) รายละเอยี ดดงั น้ี ตารางที่ ๑ แสดงจำ� นวนอตั ราก�ำลังและจำ� นวนท่ีมอี ยู่จรงิ ของข้าราชการและลูกจา้ งตามโครงสร้างของ สำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนญู ส�ำนกั /กล่มุ งาน ขา้ ราชการ (อตั รา) ลกู จา้ งประจ�ำ (อัตรา) พนกั งานราชการ (อัตรา) กรอบ ทีม่ ีอยจู่ ริง กรอบ ทม่ี ีอยจู่ รงิ กรอบ ท่ีมีอย่จู รงิ ผบู้ ริหารส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ๕ ๔ ๐ ๐ ๐ ๐ ที่ปรึกษาด้านวชิ าการ ๑๐๐๐๐๐ กลุม่ งานผเู้ ชีย่ วชาญ ๑๗ ๑๔ ๑ ๑ ๒ ๒ กลุ่มงานตรวจสอบภายใน ๓๓๐๐๐๐ ส�ำนักประธานศาลรฐั ธรรมนูญ ๙๙๒๒๑๑ สำ� นกั บริหารกลาง ๒๒ ๒๑ ๑๘ ๑๘ ๕ ๒ ส�ำนักคดี ๑ ๑๑ ๑๑ ๐ ๐ ๐ ๐ สำ� นกั คดี ๒ ๑๑ ๙ ๐ ๐ ๐ ๐ สำ� นักคดี ๓ ๑๑ ๙ ๐ ๐ ๐ ๐ ส�ำนักคดี ๔ ๑๐ ๑๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ส�ำนกั คดี ๕ ๑๕ ๑๕ ๔ ๔ ๒ ๒ ส�ำนกั พฒั นาระบบบรหิ าร ๑๖ ๑๕ ๒ ๒ ๔ ๓ สำ� นกั เทคโนโลยีสารสนเทศและ ๑๗ ๑๗ ๒ ๒ ๕ ๔ ประชาสัมพนั ธ์ สถาบนั รฐั ธรรมนญู ศกึ ษา ๒๑ ๑๘ ๑ ๑ ๖ ๕ รวม ๑๖๙ ๑๕๕ ๓๐ ๓๐ ๒๕ ๑๙ ๓.๕ งบประมาณรายจา่ ยประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำนวน ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ บาท พบว่า รายการค่าใช้จ่ายท่ีได้รับการจัดสรรงบประมาณมากท่ีสุด คือ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร จ�ำนวน ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ บาท (ร้อยละ ๗๑.๔๓) รองลงมาเป็นค่าใช้จ่ายด้านการด�ำเนินงาน จ�ำนวน ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ บาท (ร้อยละ ๒๘.๕๗) ดงั ตารางที่ ๒ และแผนภมู ทิ ่ี ๑ 39
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ตารางที่ ๒ การจดั สรรงบประมาณจ�ำแนกตามรายการคา่ ใช้จา่ ยท่ไี ดร้ บั การจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการ จ�ำนวน ร้อยละ ๑. คา่ ใชจ้ ่ายดา้ นบุคลากร ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ ๗๑.๔๓ ๑.๑ คา่ ตอบแทนคณะตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู และคณะสนับสนนุ ๕๐,๑๕๘,๕๐๐ ๒๒.๔๒ การปฏิบัติงานของคณะตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ ๑.๒ ค่าตอบแทนข้าราชการ ลูกจ้าง และเจา้ หนา้ ท่ีส�ำนกั งาน ๑๐๙,๖๒๑,๘๐๐ ๔๙.๐๑ ศาลรัฐธรรมนูญ ๒. คา่ ใช้จ่ายด้านการดำ� เนนิ งาน ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ ๒๘.๕๗ ๒.๑ คา่ ตอบแทน ๙,๓๗๒,๒๐๐ ๔.๑๙ ๒.๒ ค่าใชส้ อย ๔๔,๔๕๗,๗๐๐ ๑๙.๘๗ ๒.๓ ค่าวัสดุ ๓,๐๘๐,๐๐๐ ๑.๓๘ ๒.๔ คา่ สาธารณปู โภค ๗,๐๐๕,๕๐๐ ๓.๑๓ ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ ๑๐๐.๐๐ รวม แผนภูมทิ ี่ ๑ แสดงสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำแนกตามประเภทรายการ คา่ ใช้จา่ ยที่ได้รับจดั สรร ค่าใชจ้ ่ายดา้ นการด�ำเนนิ การ ๒๘.๕๗ % ไดร้ บั จดั สรรงบประมาณทัง้ สิ้น ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ บาท ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ บาท ๗๑.๔๓ % ๑๐๐ % คา่ ใชจ้ า่ ยด้านบคุ ลากร ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ บาท ๓.๖ ความเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี สู่แผนยทุ ธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ ศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีแผนยุทธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนูญที่ใช้ก�ำหนดทิศทาง และแนวทางต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานที่มีความเช่ือมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ แผนการปฏริ ปู ประเทศ และรา่ งแผนแมบ่ ทการบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ ดงั รายละเอียดตามแผนภาพท่ี ๔ 40
แผนภาพที่ ๔ ความเชิ่ือมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอน่ื ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง ศาลรฐั ธรรมนญู 41 ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ดา้ นความมั่นคง ยุทธศาสตรท์ ี่ ๒ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ ดา้ นการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ๔.๑.๓ การพัฒนาและเสริมสร้างการเมือง ด้านการสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั ๔.๑ ภาครฐั ทย่ี ดึ ประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง ตอบสนองความตอ้ งการ และใหบ้ รกิ ารอยา่ งสะดวก รวดเรว็ ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ๔.๔.๔ พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานเทคโนโลยี โปรง่ ใส แผนแม่บท ทรงเป็นประมุขท่ีมีเสถียรภาพและมีธรรมาภิบาล สมยั ใหม่ ๔.๒ ภาครฐั บรหิ ารงานแบบบรู ณาการโดยมยี ทุ ธศาสตรช์ าตเิ ปน็ เปา้ หมายและเชอื่ มโยงการพฒั นาใน ภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ เหน็ แกป่ ระโยชนข์ องประเทศชาตมิ ากกวา่ ประโยชน์ ทกุ ระดบั ทกุ ประเดน็ ทกุ ภารกจิ และทกุ พนื้ ท่ี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ สว่ นตน ประเด็นการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรม ๔.๓ ภาครฐั มขี นาดเลก็ ลง เหมาะสมกบั ภารกจิ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนและทกุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มในการ แผนพฒั นาเศรษฐกิจ - แผนยอ่ ยการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรม พฒั นาประเทศ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท ่ี ๑๒ ประเดน็ กฎหมายและกระบวนการยตุ ธิ รรม ดา้ นสงั คม ๔.๔ ภาครฐั มคี วามทนั สมยั พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ - แผนยอ่ ยการพฒั นากฎหมาย ยทุ ธศาสตร์ที่ ๘ : การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ ๔.๕ บุคลากรภาครัฐเป็นคนดีและเก่ง ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม มีจิตส�ำนึก มีความสามารถสูง แผนการปฏิรปู ประเทศ - การพฒั นากระบวนการยตุ ธิ รรม เทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรม มงุ่ มนั่ และเปน็ มอื อาชพี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ ๓.๓ พัฒนาสภาวะแวดล้อมของการพัฒนา ๔.๖ ภาครฐั มคี วามโปรง่ ใส ปลอดการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี๖ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรม ๔.๗ กฎหมายมคี วามสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั บรบิ ทตา่ ง ๆ และมเี ทา่ ทจ่ี ำ� เปน็ รา่ งแผนแมบ่ ท การบรหิ ารจดั การในภาครฐั การปอ้ งกนั ๓ .๓.๓ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ๔.๘ กระบวนการยตุ ธิ รรมเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชนและปฏบิ ตั ติ อ่ ประชาชนโดยเสมอภาค การบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมแหง่ ชาติ แผนการปฏริ ปู ด้านกระบวนการยตุ ธิ รรม การทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบและ ๑. การก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนินงานใน ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ ฉบบั ที่ ๓ ธรรมาภบิ าลในสงั คมไทย ทกุ ขน้ั ตอนของกระบวนการยตุ ธิ รรมทชี่ ดั เจน การเสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ ๓.๖ ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดย และการมสี ว่ นรว่ มดา้ นกฎหมาย ให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และสอดคล้องกับ ไม่ลา่ ช้า ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ๒. การพัฒนากลไกช่วยเหลือและเพิ่ม กระบวนการยตุ ธิ รรม ๓.๖.๒ ปฏริ ปู กระบวนการยตุ ธิ รรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ศกั ยภาพเพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ กระบวนการ แผนการปฏริ ปู ดา้ นกฎหมาย ยตุ ธิ รรม ๖. มีกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดท�ำ ๙. การเสรมิ สรา้ งและพฒั นาวฒั นธรรมองคก์ ร และเสนอร่างกฎหมายหรือกฎที่มีความส�ำคัญ ขององค์กรตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้องในกระบวนการ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดท�ำ ยุ ติ ธ ร ร ม เ พ่ื อ มุ ่ ง อ� ำ น ว ย ค ว า ม ยุ ติ ธ ร ร ม และเสนอรา่ งกฎหมาย รวมทงั้ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็ว ทางกฎหมายแกป่ ระชาชน ๑ ๐. ก า ร พั ฒ น า ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ๗. มีกลไกให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมาย กฎ กระบวนการยุติธรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพ โดยสะดวกและเข้าใจกฎหมายได้ง่ายรวมทั้ง ในการแขง่ ขนั ของประเทศ ก า ร พั ฒ น า ร ะ บ บ ฐ า น ข ้ อ มู ล ข อ ง ก ฎ ห ม า ย ค�ำพิพากษา ค�ำวินิจฉัย หรือการตีความ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ กฎหมาย หรอื กฎใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ไดโ้ ดยสะดวก การขบั เคลอื่ นกระบวนการยตุ ธิ รรม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ ดว้ ยดจิ ทิ ลั การพฒั นากฎหมายและระบบบรหิ ารงาน ยตุ ธิ รรม แผนยุทธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ : ย ก ร ะ ดั บ คุ ณ ภ า พ แ ล ะ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ : เสริมสร้างระบบฐานข้อมูล ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ : บุคลากรมีสมรรถนะสูง ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ : สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื และ ศาลรัฐธรรมนูญ มาตรฐานงาน ด้านงานคดี งานบริหาร พั ฒ น า เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล ที่ เ ห ม า ะ ส ม กั บ และได้รับการพัฒนาเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ประชาสัมพันธ์กับเครือข่ายด้านการจัดการ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) งานวิชาการ เพื่อสนับสนุนคณะตุลาการศาล บุคลากรและองค์กร เพื่อประสิทธิภาพ สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมองคก์ ร ความรทู้ งั้ ภายในประเทศและตา่ งประเทศ รฐั ธรรมนญู ในการปฏิบัติงานให้ก้าวหน้า ทันสมัย และเป็น มาตรฐานสากล
แผนภาพที่ ๔ ความเช่ืิอมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอืน่ ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง (ต่อ) แผนยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ : ยกระดบั คณุ ภาพและ ยทุ ธศาสตรท์ ี่๒: เสรมิ สรา้ งระบบฐานขอ้ มลู ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ : บุคลากรมีสมรรถนะสูง ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ : ส่งเสริมความร่วมมือและ ศาลรัฐธรรมนูญ มาตรฐานงาน ด้านงานคดี งานบริหาร พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับ และได้รับการพัฒนาเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ประชาสัมพันธ์กับเครือข่ายด้านการจัดการ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) งานวชิ าการ เพอื่ สนบั สนนุ คณะตลุ าการ บุคลากรและองค์กร เพื่อประสิทธิภาพใน สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมองคก์ ร ความรทู้ งั้ ภายในประเทศและตา่ งประเทศ ศาลรฐั ธรรมนญู การปฏบิ ตั งิ านใหก้ า้ วหนา้ ทนั สมยั และเปน็ มาตรฐานสากล ๑. โครงการศึกษาวิจัย จ�ำนวน ๓ เรื่อง ๑. โครงการพฒั นาและขยายระบบสารสนเทศ ๑. โครงการสัมมนาประเด็นรัฐธรรมนูญ ๑. ด้านการจัดท�ำความร่วมมือบันทึกข้อตกลง ไดแ้ ก่ เพอ่ื การบรหิ ารองคก์ ร (e-Office) ระหวา่ งทปี่ รกึ ษาและผเู้ ชย่ี วชาญประจำ� คณะ ความรว่ มมอื ทางวชิ าการกบั สถาบนั การศกึ ษา (MOU) (๑) ห ลั ก เ ก ณ ฑ ์ ใ น ก า ร ก� ำ ห น ด ๒ . โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู จำ� นวน ๑ แหง่ คอื สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ มาตรการช่ัวคราวและการบังคับตาม งานคดี (Case Management System) ๒ . โครงการพัฒนาบุคลากรของส�ำนักงาน ๒. โครงการเสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู คำ� วนิ จิ ฉัยศาลรัฐธรรมนญู ๓. งานบำ� รงุ รกั ษาระบบสารสนเทศเพอ่ื การ ศาลรฐั ธรรมนญู ดว้ ยดจิ ทิ ลั และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยณมหาวทิ ยาลยั (๒) ขอบเขตหน้าท่ีและอ�ำนาจของ บรหิ ารองคก์ ร (e-Office) ๓. โครงการปรบั ปรงุ มาตรฐานงานเพอ่ื พฒั นา ราชภฏั รำ� ไพพรรณี ศาลรัฐธรรมนูญ รวมท้ังดุลยภาพในการ ๔. โครงการจัดซ้ือระบบกล้องวงจรปิด สัมฤทธิผลและสมรรถนะองค์กรส�ำนักงาน ๓. โครงการเสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู ค้มุ ครองเสรีภาพในการชมุ นุม และระบบรกั ษาความปลอดภยั การเขา้ -ออก ศาลรฐั ธรรมนญู และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยณมหาวทิ ยาลยั (๓) การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อาคาร พรอ้ มตดิ ตงั้ ๔. โ ค ร ง ก า ร ฝ ึ ก อ บ ร ม เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร นเรศวร ของผู้ดอ้ ยโอกาสและคนกลุม่ เฉพาะ ๕. งานบ�ำรุงรักษาระบบถอดเสียงอัตโนมัติ ด ้ า น เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล ข อ ง ส� ำ นั ก ง า น ๔. โครงการเสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู ภาษาไทย ศาลรฐั ธรรมนญู หวั ขอ้ “การจดั ทำ� แบบฟอรม์ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยณมหาวทิ ยาลยั อเิ ลก็ ทอนกิ ส์ (E-Form)” สงขลานครนิ ทร์ ๕. โครงการสัมมนาการแปลงค่านิยม ๕. โครงการเสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นกฎหมายรฐั ธรรมนญู ใหเ้ กดิ เปน็ ผลสมั ฤทธเ์ิ ปน็ รปู ธรรมแกบ่ คุ ลากร และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยณมหาวทิ ยาลยั เพื่อความเป็นองค์กรแห่งความถูกต้องและ แมฟ่ า้ หลวง ยตุ ธิ รรม ๖. การเดนิ ทางไปราชการตา่ งประเทศ เพอ่ื เขา้ รว่ ม ประชมุ ระดบั นานาติ ๗. การรับรองการเข้าเย่ียมคารวะและการรับรอง การศกึ ษาดงู าน ณ ศาลรฐั ธรรมนญู ๘. โครงการพฒั นายวุ ชนศาลรฐั ธรรมนญู ๙. การด�ำเนินโครงการบูรณาการสานเครือข่าย ศาลรฐั ธรรมนญู สปู่ ระชาชน ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๐. ความรว่ มมอื ในการจดั นทิ รรศการเผอื่ เผยแพร่ ความรเู้ กย่ี วกบั หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจของศาลรฐั ธรรมนญู ตลอดจนความรดู้ า้ นกฎหมายใหก้ บั ประชาชน รว่ มกบั หนว่ ยงานอน่ื ๆ ๑๑. การใหบ้ รกิ ารทางวชิ าการดา้ นการศกึ ษาดงู าน ขององคก์ รหนว่ ยงานและสถาบนั การศกึ ษาทงั้ ภายใน ประเทศและตา่ งประเทศ ณ ศาลรฐั ธรรมนญู ๑ ๒. โครงการเก่ียวกับการจัดพิมพ์สื่อส่ิงพิมพ์และ ผลติ สอ่ื ประชาสมั พนั ธเ์ พอื่ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ ๑ ๓. โครงการอบรมหลักสูตร “หลักนิติธรรมเพ่ือ ประชาธปิ ไตย” (นธป.) รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ 42
ศาลรฐั ธรรมนูญ ๒สว่ นท่ี ภาพรวมการเปรยี บเทียบ ผลการด�ำเนินงานของ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ 43
๒ รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ภาพรวมการเปรียบเทียบผลการดำ�เนนิ งาน ของส�ำ นักงานศาลรัฐธรรมนญู ประจำ�ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑ การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดร้ บั จดั สรรงบประมาณในปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๒รวมทง้ั สน้ิ จำ� นวน๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐บาท (ลดลงจากปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๓๗,๙๖๒,๐๐๐ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๔.๕๑) โดยมคี า่ ใชจ้ า่ ยดา้ นบคุ ลากร จำ� นวน ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ บาท (เพม่ิ ขน้ึ จากปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๒,๑๖๕,๙๐๐ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑.๓๗) คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน จำ� นวน ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ บาท (ลดลงจากปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๑๒,๑๒๗,๙๐๐ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๕.๙๕) สำ� หรบั การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ รายละเอยี ดดงั ตารางท่ี ๓ และแผนภมู ทิ ่ี ๒ ตารางท่ี ๓ การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ ปงี บประมาณ ปงี บประมาณ ๒๕๖๒ เทียบกบั รายการ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ จำ� นวน ร้อยละ จำ� นวน รอ้ ยละ จ�ำนวน ร้อยละ เพ่ิม/(ลด) เพมิ่ /(ลด) ๑. ค่าใช้จา่ ยดา้ นบุคลากร ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ ๖๐.๒๔ ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ ๗๑.๔๓ ๒,๑๖๕,๙๐๐ ๑.๓๗ ๑๘.๖๖ ๕๐,๑๕๘,๕๐๐ ๒๒.๔๒ ๑,๓๓๑,๙๐๐ ๒.๗๓ ๑.๑ ค่าตอบแทนคณะตลุ าการ ๔๘,๘๒๖,๖๐๐ ศาลรฐั ธรรมนญู และคณะสนบั สนนุ ๔๑.๕๘ ๑๐๙,๖๒๑,๘๐๐ ๔๙.๐๑ ๘๓๔,๐๐๐ ๐.๗๗ การปฏบิ ตั ิงานของคณะตลุ าการ ศาลรัฐธรรมนญู ๒๙.๐๖ ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ ๒๘.๕๗ (๑๒,๑๒๗,๙๐๐) (๑๕.๙๕) ๒.๕๒ ๙,๓๗๒,๒๐๐ ๔.๑๙ (๒,๗๖๗,๘๐๐) (๔๑.๙๑) ๑.๒ คา่ ตอบแทนข้าราชการ ลกู จ้าง ๑๐๘,๗๘๗,๘๐๐ ๒๒.๖๘ ๔๔,๔๕๗,๗๐๐ ๑๙.๘๗ (๑๔,๘๙๕,๗๐๐) (๒๕.๑๐) และเจ้าหนา้ ที่สำ� นักงาน ๑.๑๘ ๓,๐๘๐,๐๐๐ ๑.๓๘ ศาลรัฐธรรมนญู ๒.๖๘ ๗,๐๐๕,๕๐๐ ๓.๑๓ -- -- ๒. คา่ ใชจ้ า่ ยด้านการดำ� เนนิ งาน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๒.๑ ค่าตอบแทน ๖,๖๐๔,๔๐๐ ๒.๒ คา่ ใช้สอย ๕๙,๓๕๓,๔๐๐ ๒.๓ ค่าวัสดุ ๓,๐๘๐,๐๐๐ ๒.๔ ค่าสาธารณูปโภค ๗,๐๐๕,๕๐๐ 44
ศาลรฐั ธรรมนญู ตารางท่ี ๓ การเปรียบเทียบการจัดสรรงบประมาณประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ (ตอ่ ) รายการ ปีงบประมาณ ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ เทยี บกับ จ�ำนวน รอ้ ยละ จ�ำนวน รอ้ ยละ ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ จำ� นวน ร้อยละ เพิ่ม/(ลด) เพ่มิ /(ลด) ๓. ค่าใชจ้ ่ายด้านครภุ ณั ฑ์ ทีด่ นิ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐.๗๐ - - (๒๘,๐๐๐,๐๐๐) (๑๐๐) และส่งิ กอ่ สร้าง ๓.๑ ครภุ ณั ฑ์สำ� นักงาน - - -- -- ๓.๒ ครภุ ัณฑ์ยานพาหนะและขนสง่ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐.๗๐ ๓.๓ ครภุ ณั ฑไ์ ฟฟา้ และวทิ ยุ - - (๒๘,๐๐๐,๐๐๐) (๑๐๐) ๓.๔ ครภุ ณั ฑค์ อมพิวเตอร์ - - - - -- -- -- -- รวม ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ ๑๐๐.๐๐ ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ ๑๐๐.๐๐ (๓๗,๙๖๒,๐๐๐) (๑๔.๕๑) แผนภมู ทิ ่ี ๒ การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑- ๒๕๖๒ ลา้ นบาท ๒๖๑.๖๕๗๗ ๓๐๐ ๒๒๓.๖๙๕๗ ๒๕๐ ๒๐๐ ๑๕๗.๖๑๔๔ ๑๕๙.๗๘๐๓ ๑๕๐ ๗๖.๐๔๓๓ ๖๓.๙๑๕๔ ๑๐๐ ๕๐ ๒๘.๐๐๐๐ ๐ ๐ ๒๕๖๑ คา่ ใช้จ่ายด้าน คา่ ใชจ้ ่ายดา้ น ค่าใชจ้ า่ ยดา้ น รวม ๒๕๖๒ บุคลากร การด�ำเนนิ งาน ครภุ ัณฑ์ ที่ดนิ และส่งิ ก่อสรา้ ง ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๐ 45
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ๒ การเปรยี บเทยี บงบประมาณท่ีไดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดร้ บั จดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� นวน ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ บาท โดยมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณ จ�ำนวน ๒๐๕,๗๑๐,๘๗๗.๑๖ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๙๖ คงเหลืองบประมาณ จำ� นวน ๑๗,๙๘๔,๘๒๒.๘๔ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๘.๐๔ ประกอบดว้ ยคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นบคุ ลากร และคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน โดยมีรายละเอยี ด ดงั นี้ ตารางท่ี ๔ การเปรยี บเทยี บงบประมาณทไี่ ดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบประมาณ ผลการเบิกจ่ายเงนิ คงเหลอื ที่ไดร้ ับจัดสรร รายการ งบประมาณ งบประมาณ (บาท) (บาท) รอ้ ยละ ร้อยละ ๑. คา่ ใชจ้ า่ ยด้านบุคลากร ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ ๑๕๖,๔๓๓,๕๙๖.๒๘ ๙๗.๙๑ ๓,๓๔๖,๗๐๓.๗๒ ๒.๐๙ ๒. คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ ๔๙,๒๗๗,๒๘๐.๘๘ ๗๗.๑๐ ๑๔,๖๓๘,๑๑๙.๑๒ ๒๒.๙๐ รวม ๒๒๓,๖๙๕,๗๐๐ ๒๐๕,๗๑๐,๘๗๗.๑๖ ๙๑.๙๖ ๑๗,๙๘๔,๘๒๒.๘๔ ๘.๐๔ หมายเหตุ: งบประมาณคงเหลือเป็นงบประมาณในโครงการตอ่ เนือ่ งซ่งึ จะเบกิ จา่ ยในปีงบประมาณถดั ไป จากตารางที่ ๔ แสดงการเปรียบเทียบงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบดว้ ย ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จ�ำนวน ๑๕๙,๗๘๐,๓๐๐ บาท มีผลการเบิกจ่าย งบประมาณ จำ� นวน ๑๕๖,๔๓๓,๕๙๖.๒๘ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙๗.๙๑ คงเหลอื งบประมาณ จำ� นวน ๓,๓๔๖,๗๐๓.๗๒ บาท คดิ เป็นร้อยละ ๒.๐๙ ค่าใช้จ่ายด้านการด�ำเนินงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จ�ำนวน ๖๓,๙๑๕,๔๐๐ บาท มีผลการเบิกจ่าย งบประมาณ จำ� นวน ๔๙,๒๗๗,๒๘๐.๘๘ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗๗.๑๐ คงเหลอื งบประมาณ จำ� นวน ๑๔,๖๓๘,๑๑๙.๑๒ บาท คดิ เป็นร้อยละ ๒๒.๙๐ 46
ศาลรฐั ธรรมนูญ แผนภมู ทิ ่ี ๓ การเปรยี บเทยี บงบประมาณทไี่ ดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๑๕๙.๗๘๐๓ ๒๒๓.๖๙๕๗ ด้านบุคลากร ๑๕๖.๔๓๓๖ ๒๐๕.๗๑๐๙ ดา้ นการด�ำเนินงาน จัดสรร ๐ จา่ ยจรงิ ๖๓.๙๑๕๔ ๑๕๐ ๒๐๐ ๒๕๐ ๔๙.๒๗๗๓ ๕๐ ๑๐๐ ๓ การเปรยี บเทยี บการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ตารางที่ ๕ การเปรยี บเทยี บการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ รายการ ปีงบประมาณ ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๑. ค่าใชจ้ า่ ยด้านบคุ ลากร ๒. ค่าใช้จา่ ยด้านการด�ำเนินงาน จำ� นวน จำ� นวน ๓. คา่ ใชจ้ า่ ยด้านครภุ ณั ฑ์ ทีด่ ิน และสิ่งก่อสรา้ ง ๑๕๔,๒๖๖,๘๓๙.๕๘ ๑๕๖,๔๓๓,๕๙๖.๒๘ รวม ๔๔,๔๐๒,๕๔๗.๖๑ ๔๙,๒๗๗,๒๘๐.๘๘ ๒๖,๘๗๒,๐๐๐ - ๒๒๕,๕๔๑,๓๘๗.๑๙ ๒๐๕,๗๑๐,๘๗๗.๑๖ 47
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ แผนภมู ทิ ี่ ๔ การเปรยี บเทยี บการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๒ คา่ ใช้จ่ายด้านบุคลากร คา่ ใช้จ่ายดา้ นการด�ำเนนิ งาน คา่ ใช้จา่ ยดา้ นครุภัณฑ์ ทีด่ นิ และสงิ่ ก่อสรา้ ง รวม ๒๒๕.๕๔๑ ๒๐๕.๗๑๐๙ ๑๕๔.๒๖๖๘ ๑๕๖.๔๓๓๖ ๔๔.๔๐๒๕ ๔๙.๒๗๗๓ ๒๖.๘๗๒๐ ๐ ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ ปงี บประมาณ ๒๕๖๒ ล้านบาท 48
ศาลรัฐธรรมนูญ ๓ส่วนท่ี ผลการด�ำเนินงาน ของศาลรฐั ธรรมนญู และส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนญู 49
๓ รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ผลการด�ำ เนนิ งานของศาลรัฐธรรมนูญ และส�ำ นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๑ ผลการดำ� เนนิ งานดา้ นคดี ความสอดคลอ้ งเชือ่ มโยงยทุ ธศาสตร์ ๑) ความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ ดา้ นการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครฐั ประเด็นยุทธศาสตรท์ ่ี ๔.๗ กฎหมายมคี วามสอดคลอ้ งเหมาะสมกับบริบทตา่ ง ๆ และมเี ทา่ ทจี่ ำ� เปน็ ประเดน็ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔.๘ กระบวนการยตุ ธิ รรมเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชนและปฏบิ ตั ติ อ่ ประชาชนโดยเสมอภาค ๒) ความสอดคล้องกบั แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ ยุทธศาสตร์ท่ี ๖ การบริหารจัดการในภาครัฐ การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบและธรรมาภิบาล ในสงั คมไทย แนวทางการพัฒนาที่ ๓.๖ ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และ สอดคลอ้ งกบั ข้อบงั คบั สากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ๓.๖.๒ ปฏริ ปู กระบวนการยตุ ิธรรมใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ๓) ความสอดคลอ้ งกบั แผนการปฏริ ปู ประเทศ แผนปฏริ ปู ประเทศ ดา้ นกฎหมาย เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์ที่ ๖ มีกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดท�ำและเสนอร่างกฎหมาย หรือกฎที่มีความส�ำคัญ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดท�ำและเสนอร่างกฎหมาย รวมทั้งการให้ ความชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายแกป่ ระชาชน เปา้ หมายหรอื ผลอนั พงึ ประสงคท์ ี่ ๗ มกี ลไกใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ กฎหมาย กฎ โดยสะดวกและเขา้ ใจกฎหมาย ได้ง่ายรวมท้ังการพัฒนาระบบฐานข้อมูลของกฎหมาย ค�ำพิพากษา ค�ำวินิจฉัย หรือ การตีความกฎหมาย หรือกฎ ให้ประชาชนเขา้ ถึงได้โดยสะดวก ๔) ความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนญู ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานงาน ด้านงานคดี งานบริหาร งานวิชาการ เพ่อื สนบั สนนุ คณะตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ กลยทุ ธท์ ่ี ๑.๑ ขอ้ มลู และงานวจิ ยั มคี ณุ ภาพ สามารถใชส้ นบั สนนุ งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และชว่ ยพฒั นามาตรฐานการปฏบิ ตั งิ านของสำ� นักงานศาลรัฐธรรมนูญ แผนงานท่ี ๑.๑.๒ การพัฒนาระบบงานคดี งานบริหาร งานวิชาการ เพ่ือสนับสนุนคณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู 50
ศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญมีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คือ นายนุรักษ์ มาประณีต และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก ๘ คน ได้แก่ ๑) นายจรัญ ภักดีธนากุล ๒) นายชัช ชลวร ๓) นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ๔) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ๕) นายบุญส่ง กุลบุปผา ๖) นายปัญญา อุดชาชน ๗) นายวรวทิ ย์ กงั ศศิเทียม และ ๘) นายอดุ มศกั ด์ิ นิติมนตรี รวมท้งั ส้ิน ๙ คน ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๐๐ โดยศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู มผี ลการดำ� เนนิ งานดา้ นคดปี ระจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ในแต่ละส่วน ดังนี้ สว่ นทห่ี นง่ึ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดขี องศาลรฐั ธรรมนญู แผนภมู ิท่ี ๕ สรุปสถิตคิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนูญ (ระหวา่ งปปี ฏทิ ิน พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒) จ�ำนวน รอ้ ยละ ๑๐๐.๐๐ ๑๕๐ ๙๐.๐๐ ๘๐.๐๐ ๑๒๕ ๗๐.๐๐ ๖๐.๐๐ ๑๐๐ ๕๐.๐๐ ๔๐.๐๐ ๗๕ ๓๐.๐๐ ๒๐.๐๐ ๕๐ ๑๐.๐๐ ๐.๐๐ ๒๕ ๐ ๒๕๕๔ ๒๕๕๕ ๒๕๕๖ ๒๕๕๗ ๒๕๕๘ ๒๕๕๙ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๕๓ ๑๓๑ ๑๒๓ ๑๒๑ ๙๖ ๓ ๘ ๗๖ ๙๑ ๑๑๕ ๙๔ ๑๐๙ ๘๔ ๙๖ ๑ ๘ ๖๑ ๗๕ ๘๒ จ�ำนวนคำ� ร้อง ๑๓๐ ๗๑.๗๖ ๘๘.๖๒ ๖๙.๔๒ ๑๐๐.๐๐ ๓๓.๓๓ ๑๐๐.๐๐ ๘๐.๒๖ ๗๑.๓๐ ๘๒.๔๒ ผลดำ� เนนิ การรวม ๔๙ รอ้ ยละ ๓๗.๖๙ แผนภมู ทิ ี่ ๖ สรุปสถติ ิคดีของศาลรฐั ธรรมนญู (ระหว่างปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒) จ�ำนวน ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ร้อยละ ๑๕๐ ๕๒ ๙๑ ๑๐๘ ๑๐๐.๐๐ ๑๒๕ ๔๖ ๗๕ ๗๗ ๙๐.๐๐ ๑๐๐ ๗๑.๐๐ ๘๐.๐๐ ๗๕ ๘๘.๐๐ ๘๒.๐๐ ๗๐.๐๐ ๕๐ ๖๐.๐๐ ๒๕ ๕๐.๐๐ ๐ ๔๐.๐๐ ๓๐.๐๐ ๒๐.๐๐ จำ� นวนคำ� รอ้ ง ๑๐.๐๐ ผลดำ� เนนิ การรวม ๐.๐๐ รอ้ ยละ 51
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ตงั้ แตว่ นั ที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๑ ถงึ วนั ท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๒ มคี ดอี ยใู่ นการพจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู จำ� นวน ๑๐๘ เรอ่ื ง จำ� แนกรายละเอยี ดได้ ดงั นี้ ๑. คดีท่ีค้างพิจารณามาจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๑๖ เร่ือง แยกเป็นคดีตามรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓๑ จำ� นวน ๖ เร่ือง และคดีประเภทอน่ื จำ� นวน ๑๐ เร่ือง ๒. คดที ม่ี กี ารยน่ื เขา้ มาใหมใ่ นระหวา่ งปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� นวน ๙๒ เรอ่ื ง แยกเปน็ คดตี ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จ�ำนวน ๕๙ เรื่อง และคดปี ระเภทอื่น จ�ำนวน ๓๓ เรื่อง ๓. คดที ศี่ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาแลว้ เสรจ็ และมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ในระหวา่ งปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� นวน ๑๕ เรอื่ ง โดยเปน็ คดที มี่ ใิ ชก่ รณีตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ท้งั ส้นิ ๔. คดที ศี่ าลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สง่ั ไมร่ บั ดำ� เนนิ การ/จำ� หนา่ ยคด/ี ยกคำ� รอ้ งในระหวา่ งปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� นวน ๖๒ เรอ่ื ง แยกเปน็ คดตี ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จำ� นวน ๕๓ เรอื่ ง และคดปี ระเภทอืน่ จ�ำนวน ๙ เรื่อง ๕. คดีที่ยังคงค้างพิจารณาอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ยกไปด�ำเนินการต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จ�ำนวน ๓๑ เรื่อง แยกเป็นคดตี ามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จำ� นวน ๑๒ เร่อื ง และ คดปี ระเภทอ่ืน จำ� นวน ๑๙ เร่อื ง ๑ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ บญั ญตั วิ า่ “บคุ คลซง่ึ ถกู ละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรภี าพ ทร่ี ฐั ธรรมนญู คมุ้ ครองไวม้ สี ทิ ธิ ยนื่ คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ มคี ำ� วนิ จิ ฉยั วา่ การกระทำ� นน้ั ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู ทง้ั นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยวิธีพจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ” 52
ศาลรัฐธรรมนญู 53 ตารางท่ี ๖ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู (ระหวา่ งปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒) ปีงบประมาณ พ.ศ. คดีคา้ งพิจารณามาจาก คดีทเ่ี ขา้ มาใหมใ่ น คดีท่เี สรจ็ การพจิ ารณาโดย คดีทเ่ี สรจ็ การพจิ ารณาโดย คดคี ้างพจิ ารณายกไป ๒๕๖๐ ปงี บประมาณก่อนหน้า ปงี บประมาณปัจจุบนั ศาลมคี ำ�วนิ จิ ฉัย ศาลมคี ำ�สง่ั ปงี บประมาณถดั ไป ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ มาตรา มาตราอนื่ มาตรา มาตราอื่น มาตรา มาตราอนื่ มาตรา มาตราอ่ืน มาตรา มาตราอนื่ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๐๐ ๔๖ ๖ ๐ ๒ ๔๒ ๒ ๔๒ รวม ๐ รวม ๕๒ รวม ๒ รวม ๔๔ รวม ๖ มาตรา มาตราอ่นื มาตรา มาตราอืน่ มาตรา มาตราอ่นื มาตรา มาตราอน่ื มาตรา มาตราอื่น ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๔๒ ๖๕ ๒๐ ๐ ๖ ๖๓ ๖ ๖ ๑๐ รวม ๖ รวม ๘๕ รวม ๖ รวม ๖๙ รวม ๑๖ มาตรา มาตราอน่ื มาตรา มาตราอน่ื มาตรา มาตราอนื่ มาตรา มาตราอื่น มาตรา มาตราอื่น ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๒๑๓ ๖ ๑๐ ๕๙ ๓๓ ๐ ๑๕ ๕๓ ๙ ๑๒ ๑๙ รวม ๑๖ รวม ๙๒ รวม ๑๕ รวม ๖๒ รวม ๓๑ หมายเหตุ สถิตคิ ดใี นระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ สามารถสรปุ ได้ดงั น้ี ๑. มคี ดเี ข้าสกู่ ารพจิ ารณาของศาลรัฐธรรมนญู รวมจำ� นวน ๒๒๙ เรื่อง แยกเปน็ คดีตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓ จ�ำนวน ๑๗๐ เรอ่ื ง และเป็นคดีตามรฐั ธรรมนญู มาตราอื่นอีก จ�ำนวน ๕๙ เร่ือง ๒. ศาลรัฐธรรมนูญพจิ ารณาแล้วเสร็จและมคี �ำวนิ จิ ฉัย รวมจำ� นวน ๒๓ เรือ่ ง เป็นคดีตามรฐั ธรรมนูญมาตราอื่นทมี่ ใิ ชม่ าตรา ๒๑๓ ทั้งสน้ิ ๓. คดีทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู มีคำ� สงั่ ไมร่ ับด�ำเนนิ การ/จำ� หน่ายคด/ี ยกคำ� ร้อง มีจำ� นวนรวม ๑๗๕ เรือ่ ง แยกเป็นคดีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓ จ�ำนวน ๑๕๘ เรอ่ื ง และเปน็ คดีตามรฐั ธรรมนูญมาตราอนื่ อกี จ�ำนวน ๑๗ เร่อื ง
ตารางท่ี ๗ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำแนกตามประเภทคดี ประเภทคดี เร่อื งคา้ งพจิ ารณา เรือ่ งท่ีมาสู่ เร่ืองท่ศี าลรฐั ธรรมนญู เรอ่ื งทีศ่ าลรฐั ธรรมนูญ เร่อื งคา้ งพจิ ารณา ยกมาจากปงี บประมาณ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำ� วนิ จิ ฉยั มีคำ� สง่ั ไมร่ ับ ยกไปด�ำเนนิ การตอ่ ในระหว่างปงี บประมาณ ดำ� เนินการ/ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� หนา่ ยคด/ี ยกคำ� ร้อง พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑. คดีเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ - กฎหมายหรอื รา่ งกฎหมาย ๑.๑ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย - - - - - รัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติประกอบ ๑๑ รัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย - พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ ประกอบมาตรา ๑ ๑๔๘) ๑.๒ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย - - - - รฐั ธรรมนญู ของรา่ งพระราชบญั ญตั ิ (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๘) ๑.๓ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่ง ๙ ๑๗ ๑๐ ๕ กฎหมายทศ่ี าลจะใชบ้ งั คบั แกค่ ดใี ด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๒) ๑.๔ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย - ๒ ๑ ๑ รฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทผ่ี ตู้ รวจการ แผน่ ดนิ เปน็ ผเู้ สนอ (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๓๑ (๑)) รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ - ๑ - - 54 ๑.๕ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย รัฐธรรมนูญของเง่ือนไขการตราพระราชก�ำหนด (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๓)
ตารางท่ี ๗ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) ศาลรัฐธรรมนญู 55 ประเภทคดี เรอ่ื งค้างพจิ ารณา เรื่องท่มี าสู่ เร่ืองทศี่ าลรฐั ธรรมนญู เร่ืองทศี่ าลรัฐธรรมนญู เรื่องค้างพิจารณา ยกมาจากปงี บประมาณ ศาลรฐั ธรรมนญู มคี �ำวินจิ ฉยั มีคำ� สัง่ ไม่รบั ยกไปด�ำเนนิ การต่อ ในระหว่างปีงบประมาณ ดำ� เนนิ การ/ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� หนา่ ยคด/ี ยกค�ำร้อง พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. คดีเก่ียวกับหน้าที่และอ�ำนาจของสภา ๑-๑ - ผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา รฐั สภา คณะรฐั มนตรหี รอื ๑ องค์กรอิสระ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึง่ (๒)) - ๖ ๓. คดีเกี่ยวกับการร้องขอให้เลิกการกระท�ำ ๓-๒ - ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๔๙) ๔. คดีที่ประชาชนหรือชุมชนฟ้องหน่วยงาน - - - - ของรัฐเพ่ือให้ได้รับประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๑) ๕. คดีเก่ียวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพของ - ๖ - - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๒) ๖. คดเี กยี่ วกบั การเสนอรา่ งพระราชบญั ญตั ทิ มี่ ี - - - - หลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการ ข อ ง ร ่ า ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ท่ี ต ้ อ ง ยั บ ยั้ ง ไ ว ้ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๙)
ตารางท่ี ๗ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) ประเภทคดี เร่ืองคา้ งพิจารณา เรอ่ื งทม่ี าสู่ เร่ืองท่ศี าลรฐั ธรรมนญู เรอ่ื งท่ีศาลรัฐธรรมนญู เร่อื งค้างพจิ ารณา ยกมาจากปีงบประมาณ ศาลรัฐธรรมนญู มีค�ำวินิจฉยั มีค�ำสั่งไมร่ ับ ยกไปดำ� เนนิ การต่อ ในระหว่างปีงบประมาณ ด�ำเนนิ การ/ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำหนา่ ยคด/ี ยกคำ� ร้อง พ.ศ. ๒๕๖๓ ๗. คดีเกี่ยวกับการเสนอ การแปรญัตติหรือ - การกระท�ำด้วยประการใด ๆ ท่ีมีผลให้สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือ - - - - - กรรมาธกิ ารมสี ว่ นไมว่ า่ โดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม ในการใช้งบประมาณรายจ่าย (รัฐธรรมนูญแห่ง - ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา - ๑๔๔) ๑๒ ๘. คดีเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ - - - - ของร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รา่ งขอ้ บงั คบั การประชมุ วฒุ สิ ภา และรา่ งขอ้ บงั คบั การประชมุ รฐั สภา(รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๙) ๙. คดีเก่ียวกับการส้ินสุดลงของความเป็น ๑ ๒ ๓ - รัฐมนตรี (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐) ๑๐. ค ดี เ กี่ ย ว กั บ ห นั ง สื อ สั ญ ญ า ที่ ต ้ อ ง ไ ด ้ รั บ - - - - ความเห็นชอบจากรัฐสภา (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๘) รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ 56 ๑๑. ค ดี ท่ี ผู ้ ถู ก ล ะ เ มิ ด สิ ท ธิ ห รื อ เ ส รี ภ า พ ที่ ๖ ๕๙ - ๕๓ รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ร้องขอว่าการกระท�ำนั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓)
ตารางที่ ๗ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) ศาลรัฐธรรมนญู 57 ประเภทคดี เรือ่ งค้างพิจารณา เรอ่ื งท่มี าสู่ เรื่องทศี่ าลรฐั ธรรมนูญ เร่อื งท่ศี าลรฐั ธรรมนญู เรื่องคา้ งพิจารณา ยกมาจากปงี บประมาณ ศาลรฐั ธรรมนูญ มคี ำ� วินจิ ฉยั มีค�ำสงั่ ไมร่ ับ ยกไปดำ� เนินการตอ่ ในระหว่างปงี บประมาณ ดำ� เนนิ การ/ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จ�ำหนา่ ยคด/ี ยกคำ� ร้อง พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๒. คดเี กย่ี วกบั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของ - - - - - ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา - ๒๕๖ (๙)) - ๓๑ ๑๓. คดีอ่ืนที่รัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมายอน่ื กำ� หนดใหอ้ ยใู่ นเขต อ�ำนาจของศาลรฐั ธรรมนูญ ๑๓.๑ การพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับค�ำร้อง - ๑ ๑ - คดั คา้ นมติ ค�ำสงั่ และประกาศของคณะกรรมการ ก า ร เ ลื อ ก ตั้ ง แ ล ะ ก า ร ยุ บ พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑๓.๒ การพิจารณาวินิจฉัยเก่ียวกับมติคณะ - - - - รัฐมนตรีหรือการด�ำเนินการของคณะรัฐมนตรี ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๑๖ ๙๒ ๑๕ ๖๒
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ สว่ นทสี่ อง บรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั คดแี ละคำ� สง่ั ศาลรฐั ธรรมนญู ก. คำ� วินจิ ฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ต้ังแต่วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีแล้วเสร็จ และมคี ำ� วนิ จิ ฉยั แลว้ จำ� นวน ๑๕ คำ� วนิ จิ ฉยั ๒ ดงั ตอ่ ไปนี้ โดยทง้ั หมดเปน็ คดที ม่ี ใิ ชก่ รณตี ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ๑. คำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญที่ ๕/๒๕๖๑ วันท่ี ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอื่ ง คณะกรรมการการเลือกต้ังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ สนิ้ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหน่ึง (๕) ประกอบมาตรา ๑๘๗ หรอื ไม่ ผลคำ� วนิ ิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการตา่ งประเทศไมส่ นิ้ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึง่ (๕) ประกอบมาตรา ๑๘๗ บรรทดั ฐานค�ำวนิ ิจฉยั ๑) รัฐมนตรี รวมถึงคู่สมรส และบุตรท่ียังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี จะตอ้ งไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ ซ่ึงความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทต่อไปตาม จำ� นวนทกี่ ฎหมายบญั ญตั ติ ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๘๗ โดยกรณถี อื หนุ้ เกนิ กวา่ จำ� นวนทกี่ ฎหมายกำ� หนดหากรฐั มนตรปี ระสงคจ์ ะไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการถอื หนุ้ ดงั กลา่ วตอ่ ไป ใหแ้ จง้ ประธานกรรมการปอ้ งกนั และปรามปรามการทจุ รติ แห่งชาติทราบภายในสามสบิ วันนับแตว่ ันท่ีได้รบั แตง่ ตั้ง เมอ่ื ผูถ้ ูกรอ้ งเปน็ รัฐมนตรีซ่ึงอยู่ในคณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อน วนั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู วนั ทไี่ ดร้ บั แตง่ ตง้ั ตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจงึ ไดแ้ ก่ วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ เป็นวันเริ่มต้นเข้ารับต�ำแหน่ง (วินิจฉัยตาม แนวคำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๒๐/๒๕๔๔) ๒) การโอนหุ้นของคู่สมรสของผู้ถูกร้องซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมาย แพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๑๑๒๙ และไดด้ ำ� เนนิ การโอนหนุ้ ภายในระยะเวลา สามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ถูกร้องได้รับการแต่งตั้ง (กรณีนี้คือวันที่ประกาศ ใชร้ ฐั ธรรมนญู ) เปน็ การโอนหนุ้ ใหแ้ กบ่ คุ คลอน่ื ไปโดยชอบดว้ ยกฎหมายแลว้ ๒ คำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๖-๗/๒๕๖๑ และคำ� วินจิ ฉัยศาลรัฐธรรมนญู ท่ี ๔-๕/๒๕๖๒ เปน็ การรวมพจิ ารณาวนิ จิ ฉัยในคราวเดียวกัน 58
ศาลรัฐธรรมนญู ๒. คำ� วนิ ิจฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๖-๗/๒๕๖๑ วนั ท่ี ๒๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เรือ่ ง พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ(ฉบบั ที่๖)พ.ศ.๒๕๖๐มาตรา๘ขดั หรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนญู มาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๒๗๙ วรรคสอง หรอื ไม่ ผลค�ำวนิ จิ ฉัย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๘ วรรคหนึง่ เฉพาะในสว่ นท่หี า้ มมิให้น�ำมาตรา ๑๕ วรรคสามมาตรา๑๗วรรคสองและมาตรา๒๖วรรคสองแหง่ พระราชบญั ญตั ิ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ให้โทษ (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาใช้บังคับแก่คดีท่ียังไม่ถึงที่สุด เปน็ บทบัญญตั ิที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๙ วรรคสอง จึงเป็นอันใชบ้ งั คบั มไิ ด้ตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๕ บรรทัดฐานค�ำวินจิ ฉัย การที่พระราชบัญญตั ยิ าเสพตดิ ให้โทษ (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๘ วรรคหนง่ึ บญั ญตั มิ ใิ หน้ ำ� บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทเี่ ปน็ คณุ แกจ่ ำ� เลยมาใช้ บงั คบั แกค่ ดที อี่ ยใู่ นระหวา่ งการพจิ ารณาของศาลอทุ ธรณห์ รอื ศาลฎกี าทงั้ ท่ี หลกั พนื้ ฐานของการบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมทางอาญาทดี่ แี ละเปน็ ธรรมของไทย จะต้องน�ำกฎหมายที่เป็นคุณมาใช้บังคับแก่จ�ำเลยในคดีอาญาตราบเท่าที่ ยงั ไมม่ คี ำ� พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ บทบญั ญตั มิ าตรา ๘ ในสว่ นนจ้ี งึ เปน็ บทบญั ญตั ิ แห่งกฎหมายที่ขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสองและจำ� กดั สทิ ธเิ สรภี าพของบคุ คลเกนิ สมควรแกเ่ หตตุ ามมาตรา๒๖ วรรคหนง่ึ ทงั้ ยงั เปน็ การปฏบิ ตั ติ อ่ จำ� เลยเสมอื นวา่ เปน็ บคุ คลทไ่ี ดก้ ระทำ� ความผดิ โดยที่ศาลยังไม่มีค�ำพิพากษาอันถึงที่สุด อันเป็นการขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนญู มาตรา ๒๙ วรรคสองด้วย ส�ำหรับกรณีคดีถึงท่ีสุดแล้วการมิให้น�ำบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เป็นคุณ แกจ่ ำ� เลยมาใชบ้ งั คบั นนั้ เปน็ ไปเพอ่ื คมุ้ ครองกระบวนพจิ ารณาและคำ� พพิ ากษา ในคดที ถี่ งึ ทสี่ ดุ ไปแลว้ โดยชอบดว้ ยกฎหมาย และเปน็ ไปตามหลกั ความศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ แหง่ คำ� พพิ ากษาหรอื ลกั ษณะเดด็ ขาดถงึ ทสี่ ดุ ของคำ� วนิ จิ ฉยั ขององคก์ รตลุ าการ มไิ ดเ้ ปน็ การขดั หรอื แยง้ ตอ่ หลกั การพนื้ ฐานของระบบงานยตุ ธิ รรมทางอาญา หรือข้อสันนิษฐานท่ีว่าผู้ต้องหาหรือจ�ำเลยในคดีอาญาเป็นผู้บริสุทธ์ิ (Presumption of Innocence) อันถือเปน็ หลกั สากลตามที่บญั ญัติไว้ใน รฐั ธรรมนญู มาตรา๒๙วรรคสองและมไิ ดเ้ ปน็ การเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรม ตอ่ บคุ คลโดยปราศจากเหตผุ ลและความชอบธรรมตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๗ 59
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ วรรคสามแตอ่ ยา่ งใดอกี ทง้ั เปน็ การดำ� เนนิ การตามความเหมาะสมซงึ่ ไดค้ ำ� นงึ ถงึ หลกั ความไดส้ ดั สว่ นเพอ่ื ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของผตู้ อ้ งโทษ เดด็ ขาดในคดตี ามกฎหมายยาเสพตดิ ใหโ้ ทษเพยี งเทา่ ทจี่ ำ� เปน็ เพอื่ การรกั ษาไว้ ซงึ่ ประโยชนส์ าธารณะและความสงบเรยี บรอ้ ยในสงั คม อนั เปน็ การคมุ้ ครอง ประโยชนส์ ว่ นรวมของประเทศชาติ และความผาสกุ ของประชาชนโดยรวม จงึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ หลกั นติ ธิ รรมตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๓ วรรคสอง และ ไมก่ ระทบตอ่ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ยข์ องบคุ คลตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ ๓. ค�ำวนิ จิ ฉัยศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๘/๒๕๖๑ วันที่ ๒๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอ่ื ง พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๕๑ วรรคสาม ขัดหรือแย้งต่อรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ หรอื ไม่ ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ พระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ ผลคำ� วนิ จิ ฉัย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๕๑ วรรคสาม ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ บรรทดั ฐานคำ� วนิ ิจฉัย การท่ีพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๕๑ วรรคสาม บัญญตั ิวา่ “...หากผู้อ้างวา่ เปน็ เจ้าของหรอื ผู้รบั โอน ทรัพย์สินตามมาตรา ๕๐ วรรคหน่ึง เป็นผู้ซ่ึงเก่ียวข้องหรือเคยเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กับผู้กระท�ำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินมาก่อน ให้สันนิษฐานไวก่อนว่าบรรดาทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เก่ียวกับ การกระท�ำความผิดหรือไดร ับโอนมาโดยไมสจุ ริต แล้วแต่กรณ”ี มผี ลเปน็ เพียงการผลักภาระการพิสูจน์ท่ีมีความเก่ียวเน่ืองหรือสัมพันธ์กันอย่างมี เหตผุ ลอนั ชอบธรรมระหวา่ งขอ้ เทจ็ จรงิ พน้ื ฐานตามเงอ่ื นไขแหง่ ขอ้ สนั นษิ ฐาน ทกี่ ำ� หนดไวใ้ นมาตรา ๕๑ วรรคสาม กบั ข้อเทจ็ จรงิ ทต่ี อ้ งการพิสูจนต์ าม มาตรา ๕๐ กอ่ นทศี่ าลแพง่ จะมคี ำ� สงั่ ใหท้ รพั ยส์ นิ ทเ่ี กยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ ตามมาตรา ๕๑ วรรคหนง่ึ นอกจากนพ้ี ระราชบญั ญตั นิ ี้ ยงั ไดก้ ำ� หนดใหม้ มี าตรการคมุ้ ครองบคุ คล ทเี่ ปน็ เจา้ ของทรพั ยส์ นิ ดงั กลา่ ว ทไ่ี ดม้ าโดยสจุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทน สามารถจะพสิ จู นก์ ารไดม้ าโดยชอบ ของทรพั ยส์ นิ นน้ั ตอ่ ศาลแพง่ ตามมาตรา๕๐ทง้ั ยงั มมี าตรการเยยี วยาโดยศาลแพง่ อาจมคี ำ� สงั่ คมุ้ ครองสทิ ธขิ องผรู้ บั ประโยชนต์ ามมาตรา ๕๒ วรรคหนงึ่ หรอื การคนื ทรพั ยส์ นิ กอ่ นศาลแพง่ มคี ำ� สงั่ หรอื ภายหลงั ศาลแพง่ มคี ำ� สงั่ รบิ ทรพั ยส์ นิ แลว้ แตก่ รณตี ามมาตรา ๕๓ อนั เปน็ การคมุ้ ครองสทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ ของบคุ คล ทไ่ี ด้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และใหเ้ จา้ ของทรัพย์สินหรือผูร้ บั ประโยชน์ 60
ศาลรฐั ธรรมนญู สามารถพิสูจน์ความบริสุทธ์ิของท่ีมาแห่งทรัพย์สินได้ อันแสดงให้เห็นถึง การก�ำหนดมาตรการทางกฎหมายที่เป็นธรรมเพ่ือที่จะรักษาดุลยภาพ ระหวา่ งการปราบปรามอาชญากรรมบางประเภททมี่ คี วามรา้ ยแรงเพอ่ื คมุ้ ครอง ประโยชนส์ าธารณะกบั การคมุ้ ครองสทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ ของบคุ คลจากการใช้ มาตรการด�ำเนินการเก่ียวกับทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน บทบัญญัติ มาตรา ๕๑ วรรคสาม จึงไม่ขัดต่อหลักนิติธรรมเพราะการมีค�ำส่ังใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินกระท�ำโดยองค์กรศาล (ศาลแพ่ง) ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้ อ�ำนาจตุลาการ โดยตรวจสอบและถ่วงดุลการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน เจ้าหน้าที่ในการด�ำเนินคดี ต่อทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระท�ำความผิด และคู่ความมีสิทธิในการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแม้เป็นการจ�ำกัดสิทธิ ในทรพั ยส์ นิ ของบคุ คลอยบู่ า้ ง แตเ่ ปน็ การจำ� กดั สทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ ของบคุ คล อย่างสมเหตุสมผลพอเหมาะพอควรตามความจ�ำเป็น และมีความสมดุล ระหว่างประโยชน์สาธารณะหรือส่วนรวมกับสิทธิของบุคคลที่ถูกจ�ำกัด โดยไดร้ ะบเุ หตผุ ลความจำ� เปน็ ในการจำ� กดั สทิ ธไิ วแ้ ลว้ ไมเ่ ปน็ การเพมิ่ ภาระ หรอื จำ� กดั สทิ ธขิ องบคุ คลเกนิ สมควรแกเ่ หตุ และไมม่ ขี อ้ ทปี่ รากฏใหเ้ หน็ ไดว้ า่ การดำ� เนนิ การใหท้ รพั ยส์ นิ เกยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ จะกระทบตอ่ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ยแ์ ตอ่ ยา่ งใด อกี ทงั้ บทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว มผี ลใชบ้ งั คบั เปน็ การทวั่ ไป ไมม่ งุ่ หมายใหใ้ ชบ้ งั คบั แกก่ รณใี ดกรณหี นงึ่ หรอื แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจงจึงไม่ขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ (ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามแนวค�ำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๔๐-๔๑/๒๕๕๖ ซ่ึงรับรองหลักการการคุ้มครองประโยชน์ของสังคม หรือประโยชน์สาธารณะ หลักการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และ หลกั การติดตามและเรยี กคืนทรพั ยส์ ินทไ่ี ดม้ าจากการกระทำ� ความผดิ ) ๔. ค�ำวินิจฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๑/๒๕๖๒ วนั ที่ ๑๓ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๘/๑ ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ วรรคหนงึ่ และวรรคห้า หรือไม่ ผลค�ำวนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๘/๑ วรรคหนง่ึ และวรรคสอง ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ วรรคหนงึ่ และ วรรคหา้ 61
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ บรรทดั ฐานค�ำวนิ จิ ฉัย ๑) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๘/๑ วรรคหนงึ่ เพยี งแตบ่ ญั ญตั ใิ หศ้ าลทม่ี ี อำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดนี ำ� รายงานและสำ� นวนคดขี องคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาเปน็ หลกั ในกระบวนพจิ ารณาเทา่ นนั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ บทบงั คบั ใหศ้ าล ทม่ี อี ำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดตี อ้ งรบั ฟงั ขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานเปน็ ยุติตามท่ีปรากฏในรายงาน และส�ำนวนคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แตป่ ระการเดยี ว ศาลยงั คงมอี ำ� นาจวนิ จิ ฉยั ชงั่ นำ�้ หนกั พยานหลกั ฐานแหง่ คดี สว่ นโจทกย์ งั ตอ้ งมภี าระการพสิ จู นก์ ารกระทำ� และเจตนาของจำ� เลยใหค้ รบ องคป์ ระกอบความผดิ เชน่ เดยี วกบั ความผดิ อาญาทว่ั ไป และจำ� เลยยงั คงมสี ทิ ธิ ในการต่อสู้คดี เสนอพยานหลักฐาน รวมท้ังโต้แย้งและน�ำสืบหักล้าง พยานหลกั ฐานของคคู่ วามอกี ฝา่ ยหนง่ึ ได้ อกี ทงั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ บทบญั ญตั ทิ เ่ี ปน็ ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่มีผลเป็นการสันนิษฐานความผิดของจ�ำเลย แต่อย่างใด โดยต่างฝ่ายก็มีภาระการพิสูจน์ไม่ได้เป็นการผลักภาระการ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตกแก่จ�ำเลย แต่เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทสี่ อดคลอ้ งกบั สทิ ธขิ องจำ� เลยตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒ วรรคหนงึ่ ทจี่ ะตอ้ งไดร้ บั การพจิ ารณาคดโี ดยเปดิ เผยตอ่ หนา้ จำ� เลย ไมไ่ ดเ้ ปน็ ขอ้ สนั นษิ ฐานความรบั ผดิ ทางอาญา บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย ดงั กลา่ วจงึ ไมข่ ดั ตอ่ หลกั นติ ธิ รรมเพราะการพจิ ารณาคดกี ระทำ� โดยองคก์ รศาล ซงึ่ เปน็ องคก์ รทใ่ี ชอ้ ำ� นาจตลุ าการและไมเ่ พม่ิ ภาระหรอื จำ� กดั สทิ ธหิ รอื เสรภี าพ ของบคุ คลเกนิ สมควรแกเ่ หตตุ ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖ ๒) สถานะของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั มคี วามแตกตา่ งไปจากบคุ คลทว่ั ไป จงึ ตอ้ ง ดำ� เนนิ คดอี าญาแตกตา่ งกนั สว่ นการพจิ ารณาพพิ ากษาคดขี องศาล จำ� เลย หรอื ผถู้ กู กลา่ วหาซงึ่ เปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ยงั คงไดร้ บั สทิ ธใิ นการตอ่ สคู้ ดตี ามวธิ ี พจิ ารณาคดใี นชน้ั ศาลอยา่ งเปน็ ธรรม โดยมศี าลเปน็ องคก์ รตรวจสอบ และ ถว่ งดลุ การดำ� เนนิ การของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เชน่ เดยี วกนั กบั ในคดอี าญา ทว่ั ไป ดงั นน้ั กระบวนพจิ ารณาพพิ ากษาคดขี องศาลตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๘/๑ วรรคหนงึ่ และวรรคสอง แม้จะมคี วามแตกตา่ งไปจากวิธี พิจารณาคดีอาญาส�ำหรับบุคคลทั่วไปอยู่บ้าง แต่ก็มีความจ�ำเป็นต้อง กระทำ� เพอื่ ปราบปรามการทจุ รติ ในวงงานราชการ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ประโยชน์ ส่วนรวม บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ 62
ศาลรฐั ธรรมนญู โดยไม่เป็นธรรม เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล ซง่ึ เปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั แตอ่ ยา่ งใด จงึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๗ วรรคหน่ึง และวรรคห้า ๕. คำ� วินจิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๒/๒๕๖๒ วันที่ ๒๗ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง ประกาศคณะปฏริ ปู การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๒๕ เรื่อง การด�ำเนินการเก่ียวกับการยุติธรรม ทางอาญา ลงวันท่ี ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เฉพาะในส่วนท่ี ก�ำหนดให้เป็นความผิดและโทษทางอาญา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๘ วรรคหนงึ่ และมาตรา ๒๙ วรรคสี่ หรอื ไม่ ผลคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับท่ี ๒๕ เรื่อง การด�ำเนินการเก่ียวกับการยุติธรรมทางอาญา ลงวันที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เฉพาะในส่วนท่ีก�ำหนดให้เป็นความผิดและโทษ ทางอาญา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๒๖ วรรคหนง่ึ และมาตรา ๒๘ วรรคหนง่ึ บรรทัดฐานคำ� วนิ จิ ฉยั ประกาศคณะปฏริ ปู การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ ฉบบั ท่ี ๒๕ กำ� หนดมาตรการลงโทษแกผ่ ซู้ งึ่ ถกู กลา่ วหาวา่ กระทำ� ความผดิ อาญากรณไี มพ่ มิ พล์ ายนวิ้ มอื ลายมอื หรอื ลายเทา้ ตามคำ� สง่ั ของพนกั งานอยั การ ผวู้ า่ คดี หรอื พนกั งานสอบสวนเปน็ การจำ� กดั สทิ ธแิ ละ เสรีภาพของผู้ต้องหาซ่ึงเป็นกรณีจ�ำเป็นในขณะท่ีบ้านเมืองอยู่ในช่วง การรัฐประหาร อย่างไรก็ดี ในยามท่ีบ้านเมืองปกติสุข การใช้ชีวิตของ ปัจเจกบุคคลย่อมแตกต่างไปจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะหลัง การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึ่งได้รับรองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน การกระท�ำอันฝ่าฝืนหรือ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามประกาศดงั กลา่ วมใิ ชเ่ ปน็ การกระทำ� อนั เปน็ การรา้ ยแรง หรอื กระทบกระเทือนความสงบสุขของบ้านเมืองถึงขนาดต้องบัญญัติให้เป็น ความผิดที่มีโทษทางอาญาที่มีระวางโทษจ�ำคุกถึงหกเดือน ตามหลัก ภยันตราย (The Principle of Harm) ซ่ึงใช้เป็นกรอบในการก�ำหนด ความผิดที่มีโทษทางอาญา ประกอบกับปัจจุบันมีมาตรการทางกฎหมาย อ่ืนท่ีเหมาะสมอยู่แล้ว อันได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ 63
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ วรรคหนงึ่ และประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓๑/๑ ประกาศดงั กลา่ ว จงึ เปน็ การจำ� กดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลทรี่ ฐั ธรรมนญู รบั รองคมุ้ ครองไวเ้ กนิ กวา่ ความจำ� เปน็ กระทบตอ่ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ และขัดต่อหลักนิติธรรม อันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๒๖ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ๖. ค�ำวนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๒ วนั ที่ ๗ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง คณะกรรมการการเลือกต้ังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพ่ือมี คำ� ส่ังยบุ พรรคไทยรักษาชาติ ผลค�ำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ที่ด�ำรงต�ำแหน่ง อยู่ในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีการกระท�ำอันเป็นเหตุให้ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ มีก�ำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มคี ำ� สงั่ ยบุ พรรคไทยรกั ษาชาติ และหา้ มมใิ หผ้ ซู้ ง่ึ เคยดำ� รงตำ� แหนง่ กรรมการ บริหารพรรคไทยรักษาชาติดังกล่าวไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดต้ัง พรรคการเมอื งขึ้นใหมอ่ กี ภายในก�ำหนดสบิ ปีนบั แตว่ นั ท่ีศาลรฐั ธรรมนูญ มีค�ำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ บรรทัดฐานคำ� วนิ จิ ฉัย ๑) หลกั การขน้ั พนื้ ฐานของระบอบการปกครองประชาธปิ ไตยของไทยมสี าระ ส�ำคัญว่า พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปย่อมด�ำรง อยเู่ หนอื การเมอื งทง้ั หลาย ถอื เปน็ ทง้ั เจตนารมณร์ ว่ มของการสถาปนาระบอบ การปกครองของไทยไว้ในรัฐธรรมนูญแต่เร่ิมแรก และเป็นฉันทามติ ทฝ่ี า่ ยสภาผแู้ ทนราษฎรใหก้ ารยอมรบั ปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ มา การใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพ ในการกระท�ำการใด ๆ ของพรรคการเมือง ย่อมต้องไม่เป็นการท�ำลาย หลักการพ้ืนฐาน บรรทัดฐาน คุณค่า และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถงึ แมจ้ ะไมม่ บี ทบญั ญตั ริ ฐั ธรรมนญู ถงึ สถานะทตี่ อ้ งทรงอยเู่ หนอื การเมอื ง และเปน็ กลางทางการเมอื งไวเ้ ปน็ การเฉพาะ กต็ อ้ งนำ� ประเพณกี ารปกครอง ประเทศไทยในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ มาใชบ้ งั คบั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๕ วรรคสอง 64
ศาลรฐั ธรรมนูญ ๒) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐มาตรา๙๒วรรคหนง่ึ (๒)คำ� วา่ “ลม้ ลา้ ง”หมายถงึ การกระทำ� ทม่ี ี เจตนาเพอื่ ทำ� ลายหรอื ลา้ งผลาญใหส้ ญู สลายหมดสนิ้ ไป ไมใ่ หด้ ำ� รงอยหู่ รอื มอี ยอู่ กี ตอ่ ไป สว่ นคำ� วา่ “ปฏปิ กั ษ”์ นน้ั ไมจ่ ำ� ตอ้ งรนุ แรงถงึ ขนาดมเี จตนาทจี่ ะ ล้มล้างท�ำลายให้สิ้นไป ท้ังยังไม่จ�ำต้องถึงขนาดต้ังตนเป็นศัตรูหรือ ฝา่ ยตรงขา้ มเทา่ นนั้ เพยี งแคเ่ ปน็ การกระทำ� ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ การขดั ขวางหรอื สกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือเป็นการกระท�ำท่ีก่อให้เกิดผลเป็นการ เซาะกรอ่ นบอ่ นทำ� ลายจนเกดิ ความชำ� รดุ ทรดุ โทรมเสอ่ื มทรามหรอื ออ่ นแอลง กเ็ ขา้ ลกั ษณะของการกระทำ� ทเี่ ปน็ ปฏปิ กั ษไ์ ดแ้ ลว้ ๓) ส�ำหรบั ประเดน็ เร่อื งเจตนา เม่อื พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคหน่ึง (๒) บัญญัติ ชัดเจนว่า เพียงแค่ “อาจเป็นปฏิปักษ์” ก็ต้องห้ามแล้ว ไม่จ�ำเป็นต้องมี เจตนาประสงคต์ อ่ ผล หรอื ตอ้ งรอใหเ้ กดิ ผลเสยี หายรา้ ยแรงขน้ึ จรงิ เสยี กอ่ น ๔) ระยะเวลาในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคสอง จะตอ้ งพจิ ารณาใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั ความไดส้ ดั สว่ นพอเหมาะพอควรระหวา่ ง พฤตกิ ารณแ์ ละความรา้ ยแรงแหง่ การกระทำ� ใหไ้ ดส้ ดั สว่ นกบั โทษทจี่ ะไดร้ บั ๗. คำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๔-๕/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง พระราชบญั ญตั วิ ธิ พี จิ ารณาคดผี บู้ รโิ ภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๔ วรรคหนง่ึ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๗ วรรคหน่ึงและวรรคสอง และ มาตรา ๒๖ หรือไม่ ผลคำ� วินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๔ วรรคหนง่ึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๓๗ วรรคหนง่ึ และวรรคสอง และมาตรา ๒๖ บรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั พระราชบญั ญตั วิ ธิ พี จิ ารณาคดผี บู้ รโิ ภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๔ วรรคหนง่ึ เป็นเพยี งมาตรการทางกฎหมายทบี่ ญั ญตั ขิ ้ึนเพอ่ื ใหอ้ ำ� นาจศาลใช้ดลุ พินจิ เรียกหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้นหรือบุคคลท่ีมีอ�ำนาจควบคุมการด�ำเนินงานของ นติ บิ คุ คล หรอื ผรู้ บั มอบทรพั ยส์ นิ จากนติ บิ คุ คลดงั กลา่ วเขา้ มาเปน็ จำ� เลยรว่ ม และให้ศาลมีอ�ำนาจพิพากษาให้บุคคลเช่นว่านั้นร่วมรับผิดชอบในหน้ี ทนี่ ติ บิ คุ คลมตี อ่ ผบู้ รโิ ภคไดด้ ว้ ย แตถ่ า้ ผนู้ นั้ สามารถพสิ จู นต์ นเองไดว้ า่ มไิ ด้ 65
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ มีส่วนรู้เห็นในการกระท�ำของนิติบุคคลดังกล่าว ก็หลุดพ้นความรับผิดไป ทง้ั นกี้ ารใชอ้ ำ� นาจของศาลในการเรยี กบคุ คลดงั กลา่ วเขา้ มาเปน็ จำ� เลยรว่ ม หรือมีอ�ำนาจพิพากษาให้ร่วมรับผิดชอบในหน้ีที่นิติบุคคลมีต่อผู้บริโภคได้ ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขท่ีกฎหมายก�ำหนด ซ่ึงจ�ำเลยร่วมมีสิทธิในการต่อสู้ในคดีโดยกระท�ำต่อศาลซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้ อำ� นาจตุลาการหากตนไม่สามารถพสิ ูจน์ตอ่ ศาลไดต้ ามเง่อื นไขทีก่ ฎหมาย ก�ำหนด การพิพากษาให้บุคคลดังกล่าวร่วมรับผิดชอบในหนี้ที่นิติบุคคล มีต่อผู้บริโภคก็เป็นไปตามหลักความรับผิดชอบต่อการด�ำเนินการของ นิติบุคคล และยังเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีความเหมาะสมเพราะ เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั เพอื่ ใหก้ ระบวนพจิ ารณาพพิ ากษาในคดผี บู้ รโิ ภคสามารถ บรรลุวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการคุ้มครองผู้บริโภคซ่ึงมี ความสามารถในการตอ่ สคู้ ดนี อ้ ยกวา่ ผปู้ ระกอบธรุ กจิ และเปน็ กรณจี ำ� เปน็ เนื่องจากศาลจ�ำต้องน�ำเคร่ืองมือดังกล่าวมาใช้ในการพิจารณาพิพากษา เพื่อไม่ให้บุคคลใดอาศัยสถานะความเป็นนิติบุคคลปฏิเสธความรับผิด ในหน้ีของนิติบุคคลที่ตนควรต้องร่วมรับผิดด้วย นอกจากนี้บทบัญญัติ มาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไม่มีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดขอบเขตแห่งสิทธิ หรือจ�ำกัดสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลเพราะการต้องร่วมรับผิดในหนี้ของ นิติบุคคลและต้องมีภาระการพิสูจน์ ไม่เป็นการจ�ำกัดอ�ำนาจหรือกีดกั้น ขดั ขวางหรอื ปฏเิ สธอำ� นาจในการถอื ครองหนุ้ ของบคุ คล สทิ ธใิ นการถอื หนุ้ ของบุคคลมีอยู่อย่างไรก็ยังคงมีอยู่อย่างนั้น ประกอบกับเมื่อชั่งน�้ำหนัก ระหว่างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของบุคคลท่ีรัฐธรรมนูญให้ การรบั รองและคมุ้ ครองไวก้ บั ประโยชนส์ ว่ นรวมของสงั คมตามวตั ถปุ ระสงค์ ของกฎหมายนที้ ต่ี อ้ งการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคแลว้ บทบญั ญตั มิ าตรา๔๔วรรคหนง่ึ จึงไม่เป็นบทบัญญัติท่ีกระทบสิทธิในการถือครองทรัพย์สินของบุคคล จนเกินความจ�ำเปน็ หรือเพ่ิมภาระ หรือจำ� กดั สิทธิและเสรภี าพของผูท้ ีถ่ กู สันนิษฐานจนเกินสมควรแก่เหตุ หากแต่เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วน พอเหมาะพอควรแก่กรณี ท้ังไม่เปน็ การขัดหรือแย้งตอ่ หลักนิตธิ รรม มไิ ด้ กระทบต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์และเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มี ผลใชบ้ ังคบั เป็นการทั่วไป ไมม่ ุ่งหมายให้ใช้บงั คับแก่กรณใี ดกรณีหนึ่งหรอื แก่บุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นการเจาะจง 66
ศาลรัฐธรรมนญู ๘. ค�ำวินจิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๖/๒๕๖๒ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอ่ื ง ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเร่ืองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) ว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ มีปญั หาเก่ียวกบั ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑ หรือไม่ ผลคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา๙๑จงึ ไมม่ ปี ญั หาเกย่ี วกบั ความชอบดว้ ย รฐั ธรรมนูญ บรรทดั ฐานค�ำวินิจฉัย พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ เปน็ บทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยรายละเอยี ดของหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารคำ� นวณ รวมทงั้ การคดิ อตั ราสว่ นของการคำ� นวณหาจำ� นวนสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อท่ีแต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ เมื่อหลักการของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑ และพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ เปน็ บทบญั ญตั ทิ ม่ี หี ลกั การเกยี่ วกบั การกำ� หนด หลักเกณฑ์และวิธีการค�ำนวณ และการคิดอัตราส่วนของสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือเพื่อให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อจ�ำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๓ วรรคหนึ่ง (๒) แม้บทบัญญัติพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการเลอื กตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ มีการบัญญัติรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑ แตก่ ็เปน็ เพยี งการกำ� หนดรายละเอียดหลกั เกณฑ์และวิธีการค�ำนวณ และ การคดิ อตั ราสว่ นเพอ่ื ใหไ้ ดส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอ่ื ใหค้ รบ จ�ำนวนตามที่รัฐธรรมนูญก�ำหนด โดยก�ำหนดวิธีการคิดค�ำนวณในกรณี ที่ไม่สามารถจัดสรรให้ครบหนึ่งร้อยห้าสิบคนดังปรากฏรายละเอียด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ วรรคหนง่ึ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) และ (๗) ซึ่งเป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑ วรรคหนง่ึ และวรรคสาม แล้ว 67
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๙. ค�ำวนิ ิจฉัยศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๗/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เร่ือง คณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกลุ นายสุวทิ ย์ เมษินทรยี ์ นายไพรนิ ทร์ ชูโชติถาวร และนายธีระเกยี รติ เจริญเศรษฐศิลป์ ส้ินสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหน่ึง (๕) หรอื ไม่ ผลคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ส้ินสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนง่ึ (๕) นบั แตว่ ันทไ่ี ด้ลาออกจากต�ำแหน่ง คอื วันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ส่วนความเป็นรฐั มนตรีของหมอ่ มหลวงปนัดดา ดิศกลุ นายสวุ ิทย์ เมษนิ ทรยี ์ และนายไพรนิ ทร์ ชโู ชตถิ าวร ไมส่ น้ิ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหน่ึง (๕) บรรทัดฐานค�ำวนิ จิ ฉยั ๑) การกระทำ� อนั เปน็ การตอ้ งหา้ มตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๘๖ ประกอบ มาตรา ๑๘๔ วรรคหนง่ึ (๒) และวรรคสาม ไมร่ วมถงึ การถอื หนุ้ ทม่ี มี ากอ่ น การด�ำรงต�ำแหน่งรัฐมนตรีแม้จะยังคงถือหุ้นไว้หลังจากด�ำรงต�ำแหน่ง รัฐมนตรีแล้วก็ไม่เป็นการกระท�ำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตราดงั กลา่ ว (เปน็ ไปตามบรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๑๒-๑๔/ ๒๕๕๓) ๒) หากที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิกบริษัทและได้จดทะเบียนเลิกบริษัท ไปกอ่ นแลว้ ไมถ่ อื เปน็ กระทำ� การอนั เปน็ การตอ้ งหา้ มตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๘๗ ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔ (๒) แม้การช�ำระบัญชีจะเสร็จส้ินภายหลังจากท่ี นายสวุ ทิ ย์ เมษนิ ทรยี ์ เขา้ รบั ตำ� แหนง่ รฐั มนตรแี ลว้ กต็ าม เนอ่ื งจากประมวล กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๑๒๔๙ ใหถ้ อื วา่ บรษิ ทั ยงั คงตงั้ อยแู่ ละ มีสภาพเป็นนิติบุคคลเพ่ือให้การช�ำระบัญชีเสร็จส้ินไปเท่านั้น โดยบริษัท ไม่สามารถประกอบกิจการอื่นใดนอกเหนือไปจากเพ่ือการช�ำระบัญชี รวบรวมทรพั ยส์ ินมาเพื่อช�ำระหน้ีให้เสร็จสิ้นไป ๓) กรณที น่ี ายธรี ะเกยี รติ เจรญิ เศรษฐศลิ ป์ ผถู้ กู รอ้ งที่ ๔ ไดพ้ น้ จากตำ� แหนง่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยลาออกเมอื่ วนั ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ กอ่ นทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู จะมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ในคดนี ้ี การลาออกจากตำ� แหนง่ ดงั กลา่ ว แมจ้ ะเปน็ เหตใุ หค้ วามเปน็ รฐั มนตรสี นิ้ สดุ ลงตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๒) ก็ตาม แต่ก็เป็นคนละเหตุกันกับเหตุตามค�ำร้องนี้ ซึ่งมิได้ มผี ลท�ำใหเ้ หตุตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนง่ึ (๕) ตามค�ำรอ้ งนี้ 68
ศาลรัฐธรรมนูญ จ�ำตอ้ งระงบั ไปด้วย ประกอบกับรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๘) ไดบ้ ัญญัติ ถงึ ลกั ษณะตอ้ งหา้ มของการเปน็ รฐั มนตรไี วว้ า่ ตอ้ งไมเ่ ปน็ ผเู้ คยพน้ จากตำ� แหนง่ เพราะเหตกุ ระทำ� การอนั เปน็ การตอ้ งหา้ มตามมาตรา๑๘๖หรอื มาตรา๑๘๗ มาแลว้ ยงั ไมถ่ งึ สองปนี บั แตว่ นั แตง่ ตง้ั ซง่ึ มลี กั ษณะในเชงิ ลงโทษผกู้ ระทำ� การ อนั เป็นการตอ้ งห้ามตามรฐั ธรรมนูญ การจะวินจิ ฉยั ให้ความเป็นรัฐมนตรี ของผถู้ กู รอ้ งที่ ๔ สนิ้ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหนงึ่ (๕) มผี ลนบั แตเ่ มอ่ื ใดนน้ั จำ� ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู และ ไมเ่ ป็นการขดั หรือแยง้ กบั ข้อเทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขึน้ ดงั กลา่ ว ดงั นนั้ การวินิจฉยั วา่ ความเปน็ รฐั มนตรขี องผถู้ กู รอ้ งท่ี ๔ สน้ิ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหนงึ่ (๕) ศาลรฐั ธรรมนญู จงึ กำ� หนดใหม้ ผี ลนบั แตว่ นั ที่ ผู้ถกู รอ้ งท่ี ๔ ลาออกจากต�ำแหน่ง ๑๐. คำ� วนิ ิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๘/๒๕๖๒ วันท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคหน่ึงและวรรคสอง ขัดหรือแย้ง ตอ่ รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๓ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ หรือไม่ ผลค�ำวินจิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคหนง่ึ และวรรคสอง ไม่ขัดหรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนญู มาตรา ๓ มาตรา ๒๖ และ มาตรา ๒๗ บรรทดั ฐานค�ำวนิ ิจฉยั ๑) บทเฉพาะกาลทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู เปน็ บทบญั ญตั ทิ ย่ี กเวน้ เนอื้ หา ในรฐั ธรรมนญู ซง่ึ จำ� เปน็ ตอ้ งมขี นึ้ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาในชว่ งเปลยี่ นผา่ นระหวา่ ง การบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับก่อนกับฉบับปัจจุบัน เพ่ือให้การบังคับใช้ รฐั ธรรมนญู เปน็ ไปอยา่ งราบรน่ื และเหมาะสมกบั สภาพบา้ นเมอื งในระยะเรม่ิ แรก โดยรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๗๓ วรรคหนง่ึ ประกอบมาตรา ๒๖๗ วรรคสแี่ ละ วรรคหา้ บญั ญตั ใิ หส้ ภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตเิ ปน็ ผกู้ ำ� หนดการดำ� รงตำ� แหนง่ ตอ่ ไปเพยี งใดของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู ถอื ไดว้ า่ รัฐธรรมนูญได้มอบหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา กำ� หนดการดำ� รงตำ� แหนง่ ตอ่ ไปของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ดงั กลา่ ว ซง่ึ รฐั ธรรมนญู ไมไ่ ดบ้ ญั ญตั เิ รอื่ งระยะเวลาในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี อ่ ไปหรอื การพน้ จากตำ� แหนง่ ของบคุ คลดงั กลา่ วไวโ้ ดยเฉพาะ (เปน็ ไปตามบรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๑/๒๕๖๐ และค�ำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๑/๒๕๖๑) การก�ำหนด 69
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ให้ประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดเดิมต้องพ้น จากต�ำแหน่งนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ แต่ให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานกรรมการและกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติท่ีแต่งต้ังข้ึนใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เพื่อให้องค์กร คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาตสิ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี อ่ ไปไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มิให้เกิดช่องว่างอันส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรต้องหยุดชะงัก กรณีจึงสอดคล้องกับหลักความจ�ำเป็นเพ่ือประโยชน์สาธารณะหรือ ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และไมถ่ อื วา่ เป็นการเลือกปฏิบัติโดย ไมเ่ ปน็ ธรรม บทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจงึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๓ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ ๒) กรณีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ สทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคสอง มผี ลใหผ้ รู้ อ้ งไมไ่ ด้ รบั เงนิ คา่ รบั รองเหมาจา่ ยเปน็ รายเดอื นตาม มาตรา๓๑วรรคสองเปน็ กรณที ่ี ค�ำนึงถึงเหตุผล ความจ�ำเป็น และความเหมาะสมแก่กรณีแล้ว เน่ืองจาก ประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติท่ีจะได้รับ การสรรหาใหมต่ ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มีหน้าท่ีและอ�ำนาจท่ีแตกต่างไปจากประธานกรรมการและกรรมการ สทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาตชิ ดุ เดมิ หลายประการจงึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๓ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ แต่อยา่ งใด ๑๑. คำ� วนิ ิจฉัยศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๙/๒๕๖๒ วันท่ี ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรือ่ ง พระราชบัญญัตภิ าษสี รรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๔๐ และมาตรา ๗๕ หรือไม่ ผลคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ ไมข่ ดั หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๐ และมาตรา ๗๕ บรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั ๑) พระราชบญั ญตั ภิ าษสี รรพสามติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ มเี จตนารมณ์ เพอื่ การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคและเพอ่ื คมุ้ ครองสขุ ภาพของประชาชน ถอื เปน็ ประโยชน์มหาชนหรือประโยชน์สาธารณะท่ีรัฐสามารถตรากฎหมายขึ้น จ�ำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพของบุคคลในการประกอบอาชีพ ผลติ และจำ� หนา่ ยบหุ รซี่ กิ าแรตไดจ้ งึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๔๐ ๒) พระราชบญั ญตั ภิ าษสี รรพสามติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ ทบ่ี ญั ญตั ิ ใหก้ ารผลติ บหุ รซี่ กิ าแรตเปน็ กจิ การผกู ขาดของรฐั มคี วามมงุ่ หมายควบคมุ 70
ศาลรฐั ธรรมนญู การผลติ บหุ รแี่ ละควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ในประเทศ เนอื่ งจากบหุ รถ่ี อื เปน็ สงิ่ เสพตดิ ชนดิ หนง่ึ ทเี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพของประชาชนจำ� เปน็ ตอ้ งควบคมุ ปริมาณการผลิต กระบวนการผลิตและจ�ำหน่ายยาสูบให้ได้คุณภาพและ มาตรฐาน มใิ หก้ ระทบตอ่ สขุ ภาพของประชาชน มไิ ดเ้ ปน็ กรณที รี่ ฐั ไมเ่ ปดิ โอกาสให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ในอตุ สาหกรรมบหุ รซี่ กิ าแรตไมถ่ อื เปน็ การผกู ขาดทางเศรษฐกจิ ทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรม และไมถ่ อื เปน็ กรณที ร่ี ฐั ประกอบกจิ การทม่ี ลี กั ษณะเปน็ การแขง่ ขนั กบั เอกชน เนอื่ งจากเปน็ กรณที รี่ ฐั มคี วามจำ� เปน็ เพอื่ ประโยชนใ์ นการรกั ษาความมนั่ คง ของรฐั และรกั ษาผลประโยชนส์ ว่ นรวมดงั นน้ั พระราชบญั ญตั ภิ าษสี รรพสามติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ จงึ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๗๕ ๑๒. คำ� วินิจฉัยศาลรฐั ธรรมนูญที่ ๑๐/๒๕๖๒ วันท่ี ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง พระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๐๐ มาตรา ๔ ซงึ่ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ ขัดหรือแย้งต่อรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๔ และมาตรา ๒๗ วรรคหนึง่ และวรรคสาม หรอื ไม่ ผลคำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติบ�ำเหน็จบ�ำนาญข้าราชการ ส่วนทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๐๐ มาตรา ๔ ซงึ่ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ บำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ ไมข่ ดั หรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๔ และมาตรา ๒๗ วรรคหนงึ่ และวรรคสาม บรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั เจตนารมณใ์ นการแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการ ส่วนทอ้ งถิ่น (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ ก็เพ่อื ให้ข้าราชการท่มี สี ถานะเปน็ พนกั งานสว่ นตำ� บลและอยใู่ นสงั กดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลทกุ คนสามารถ ได้รับสิทธิในการค�ำนวณเงินบ�ำเหน็จบ�ำนาญตามกฎหมายดังกล่าว พระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ใช้บังคับจึงมิใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีตราข้ึนเพ่ือตัดสิทธิการรับ บ�ำเหน็จบ�ำนาญของข้าราชการ บทบัญญัติดังกล่าวจึงมิได้มีลักษณะ กระทบกระเทือนสิทธิของจ�ำเลย ส่วนการท่ีกรมบัญชีกลางให้เรียกเงิน ทจี่ ำ� เลยไดร้ บั เกนิ สทิ ธคิ นื กเ็ พอ่ื ไมใ่ หม้ กี ารเบกิ จา่ ยงบประมาณรายจา่ ยงบกลาง ในหมวดหรอื ประเภทของเงนิ เบย้ี หวดั บำ� เหนจ็ บำ� นาญโดยถอื เปน็ เงนิ จาก งบประมาณประเภทเดียวกัน ซ่ึงจะท�ำให้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ทซี่ ำ�้ ซอ้ นกนั ดงั นน้ั พระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ 71
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๐๐ มาตรา ๔ ซงึ่ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญ ขา้ ราชการสว่ นท้องถนิ่ (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ จงึ มิได้กระทบกระเทือน สิทธิของจ�ำเลย มิได้ขัดหรือแย้งกับหลักนิติธรรม ละเมิดศักด์ิศรี ความเป็นมนุษย์ และมิได้เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๔ และมาตรา ๒๗ วรรคหนงึ่ และ วรรคสาม แต่อย่างใด ๑๓. คำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนญู ท่ี ๑๑/๒๕๖๒ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งค�ำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ประกอบมาตรา ๘๒ ว่า ความเป็น รฐั มนตรขี องพลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี สนิ้ สดุ ลงเฉพาะตวั ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหน่งึ (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๖) และมาตรา ๙๘ (๑๕) หรอื ไม่ ผลคำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผถู้ กู รอ้ ง ไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งหา้ มตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๖๐ (๖) ประกอบ มาตรา ๙๘ (๑๕) ความเป็นรฐั มนตรขี องผถู้ กู รอ้ งจงึ ไมส่ ้นิ สุดลงเฉพาะตวั เพราะเหตเุ ปน็ เจา้ หนา้ ทอ่ี นื่ ของรฐั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๐ วรรคหนงึ่ (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๖) และมาตรา ๙๘ (๑๕) บรรทดั ฐานคำ� วนิ จิ ฉยั “เจา้ หนา้ ทอี่ นื่ ของรฐั ” หมายความวา่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทเ่ี รยี กชอื่ อยา่ งอน่ื ซ่งึ มีสถานะ ตำ� แหน่งหน้าท่ี หรอื ลกั ษณะงานทำ� นองเดียวกนั กับพนกั งาน หรอื ลกู จา้ งของหนว่ ยงานของรฐั หรอื รฐั วสิ าหกจิ หรอื ของราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ (๑) ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกต้ังตามกฎหมาย (๒) มอี ำ� นาจหนา้ ทดี่ ำ� เนนิ การหรอื หนา้ ทป่ี ฏบิ ตั กิ ารใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายและ ปฏิบัตงิ านประจำ� (๓) อย่ใู นบังคับบัญชา หรอื ในก�ำกับดแู ลของรัฐ และ (๔)มเี งนิ เดอื นคา่ จา้ งหรอื คา่ ตอบแทนตามกฎหมาย(เปน็ ไปตามบรรทดั ฐาน คำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญที่ ๕/๒๕๔๓) ถ้อยค�ำทบ่ี ัญญัตถิ ึงเจา้ หน้าที่อ่นื ของรฐั จงึ เปน็ การบญั ญตั เิ พอื่ ใหค้ รอบคลมุ ถงึ บคุ คลผมู้ คี ณุ สมบตั แิ ละสถานะ เชน่ เดยี วกบั พนกั งานหรอื ลกู จา้ งของหนว่ ยราชการ หนว่ ยงานของรฐั หรอื รัฐวิสาหกิจ ซ่ึงอาจมีช่ือเรียกเป็นอย่างอ่ืน ประกอบกับลักษณะต้องห้าม เป็นกฎหมายที่จำ� กดั สิทธขิ องบคุ คล จึงตอ้ งตีความอย่างแคบ การตคี วาม ถอ้ ยคำ� ทม่ี คี วามหมายทว่ั ไปตอ่ ทา้ ยคำ� เฉพาะหลายคำ� ทน่ี ำ� หนา้ มากอ่ นนนั้ จะตอ้ งตคี วามคำ� ทวั่ ไปใหม้ คี วามหมายสอดคลอ้ งกบั คำ� เฉพาะและแคบกวา่ 72
ศาลรัฐธรรมนญู ความหมายธรรมดาของคำ� นน้ั โดยจะตอ้ งมคี วามหมายเฉพาะในเรอื่ งและ ประเภทเดียวกบั คำ� เฉพาะซงึ่ เป็นไปตามหลักการสากลทวั่ ไป การแต่งต้ังต�ำแหน่ง “หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ” เป็นผล สืบเน่ืองมาจากการยึดอ�ำนาจและเป็นต�ำแหน่งท่ีใช้อ�ำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซ่ึงเป็นอ�ำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ หัวหน้าคณะรักษา ความสงบแหง่ ชาติ ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาหรือก�ำกับดูแลของรัฐ หรอื หนว่ ยงานของรฐั ใด ทง้ั เปน็ ตำ� แหนง่ ทไ่ี มไ่ ดร้ บั การแตง่ ตง้ั โดยกฎหมาย แ ล ะ ไ ม ่ มี ก ฎ ห ม า ย ก� ำ ห น ด ก ร ะ บ ว น วิ ธี ก า ร ไ ด ้ ม า ห รื อ ก า ร เ ข ้ า สู ่ การด�ำรงต�ำแหน่ง โดยมีอ�ำนาจหน้าท่ีเป็นการเฉพาะช่ัวคราวในช่วง ระยะเวลาหนึ่งเพ่ือให้มีอ�ำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและ ความมนั่ คงปลอดภัยของประเทศและประชาชน ดงั นั้น ต�ำแหนง่ หัวหนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติจงึ ไมม่ สี ถานะตำ� แหนง่ หนา้ ที่หรอื ลกั ษณะงาน ท�ำนองเดียวกับพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ และมิใช่เจ้าหน้าท่ีอื่นของรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘ (๑๕) ข. ค�ำสงั่ ศาลรฐั ธรรมนูญ ต้ังแต่วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังไม่รับคดีไว้ พจิ ารณาวนิ จิ ฉัยและจ�ำหน่ายคดี จำ� นวน ๖๒ เรอื่ ง สำ� หรบั คดที ย่ี นื่ เปน็ คำ� รอ้ งเขา้ มาตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีค�ำสั่งไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยและจ�ำหน่ายคดี จ�ำนวน ๕๓ ค�ำส่ัง ได้แก่ ค�ำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ท่ี ๕๖/๒๕๖๑ ถึงค�ำสั่งศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๔๖/๒๕๖๒ (ยกเว้นค�ำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ท่ี ๖๘/๒๕๖๑, ท่ี ๖๙/๒๕๖๑, ท่ี ๗๐/๒๕๖๑, ที่ ๑๖/๒๕๖๒, ท่ี ๑๗/๒๕๖๒, ท่ี ๒๕/๒๕๖๒, ท่ี ๒๖/๒๕๖๒, ที่ ๓๖/๒๕๖๒ และที่ ๓๗/๒๕๖๑) สรปุ เป็นบรรทดั ฐานค�ำสั่งในกรณีดังกลา่ วได้ ดงั น้ี 73
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ตารางที่ ๘ แสดงบรรทดั ฐานค�ำสงั่ ศาลรฐั ธรรมนญู กรณคี �ำรอ้ งทย่ี น่ื เขา้ มาตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ บรรทัดฐานค�ำสั่ง หมายเลขคำ� สง่ั ๑. ผรู้ อ้ งไมไ่ ดเ้ ปน็ บคุ คลทถ่ี กู ละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรภี าพ ทรี่ ฐั ธรรมนญู ๕๗/๒๕๖๑ ๓/๒๕๖๒ ๔/๒๕๖๒ คุ้มครองไว้ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๕/๒๕๖๒ ๖/๒๕๖๒ ๗/๒๕๖๒ ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ ๑๐/๒๕๖๒ ๑๓/๒๕๖๒ ๒๒/๒๕๖๒ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๔/๒๕๖๒ ๒๗/๒๕๖๒ ๒๘/๒๕๖๒ มาตรา ๔๖ วรรคหน่งึ ) ๒๙/๒๕๖๒ ๓๐/๒๕๖๒ ๓๑/๒๕๖๒ ๓๔/๒๕๖๒ ๓๘/๒๕๖๒ ๔๒/๒๕๖๒ ๒. ผรู้ อ้ งมใิ ชผ่ ถู้ กู ละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรภี าพทร่ี ฐั ธรรมนญู คมุ้ ครองไว ้ ๔๔/๒๕๖๒ ๔๕/๒๕๖๒ ๔๖/๒๕๖๒ อันเป็นผลจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อ ๖๔/๒๕๖๑ ๖๕/๒๕๖๑ ๑/๒๕๖๒ รฐั ธรรมนญู (รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๙/๒๕๖๒ ๑๙/๒๕๖๒ ๓๙/๒๕๖๒ ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ๕๗/๒๕๖๑ มาตรา ๔๘ วรรคหนงึ่ ) ๓. การยน่ื คำ� รอ้ งใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั วา่ การกระทำ� ใด ๑๔/๒๕๖๒ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓ ตอ้ งไมใ่ ชก่ รณที กี่ ารกระทำ� ดงั กลา่ วขดั หรอื แยง้ ตอ่ พระราชบญั ญตั ิ ๕๘/๒๕๖๑ ๓/๒๕๖๒ ๑๔/๒๕๖๒ หรือประมวลกฎหมาย ๒๓/๒๕๖๒ ๒๗/๒๕๖๒ ๔. ค�ำร้องไม่ได้ระบุการกระท�ำท่ีอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิ หรือ ๖๒/๒๕๖๑ ๓๒/๒๕๖๒ เสรีภาพของตนโดยตรงให้ชัดเจนว่าเป็นการกระท�ำใด และ ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของตนอย่างไร (พระราชบัญญัติ ๖๕/๒๕๖๑ ๗๑/๒๕๖๑ ๒/๒๕๖๒ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ๑๑/๒๕๖๒ ๒๑/๒๕๖๒ ๒๒/๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๘ วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๔๖ วรรคสอง) ๕. ผู้ร้องยังไม่ได้ยื่นค�ำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อน ๓๓/๒๕๖๒ (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง และ มาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง) ๖. การย่ืนค�ำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน มิได้เป็นการยื่นค�ำร้อง เพ่ือขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นค�ำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยวิธพี ิจารณาคดีรัฐธรรมนญู มาตรา ๔๖ ๗. ค�ำร้องไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย (พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๖ วรรคสาม) 74
ศาลรัฐธรรมนูญ ตารางที่ ๘ แสดงบรรทดั ฐานค�ำสง่ั ศาลรฐั ธรรมนญู กรณคี �ำรอ้ งทย่ี น่ื เขา้ มาตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ (ตอ่ ) บรรทัดฐานค�ำสั่ง หมายเลขคำ� สงั่ ๘. การกระท�ำท่ีเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพไม่ได้เกิดจาก ๑๘/๒๕๖๒ การกระท�ำของหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ หน่วยงานซ่ึงใช้อ�ำนาจรัฐ (พระราชบัญญัติประกอบ ๓๕/๒๕๖๒ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ๑๒/๒๕๖๒ ๒๐/๒๕๖๒ ๓๙/๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๗ วรรคหน่งึ ) ๙. เป็นการกระท�ำของรัฐบาล (พระราชบัญญัติประกอบ ๖๒/๒๕๖๑ ๖๔/๒๕๖๑ ๑/๒๕๖๒ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ๘/๒๕๖๒ ๓๒/๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๗ (๑)) ๑๐. รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ก�ำหนด ๕๖/๒๕๖๑ ๕๘/๒๕๖๑ ๕๙/๒๕๖๑ กระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้ ๖๑/๒๕๖๑ ๖๓/๒๕๖๑ ๖๖/๒๕๖๑ เป็นการเฉพาะแล้ว (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑/๒๕๖๒ ๔/๒๕๖๒ ๕/๒๕๖๒ มาตรา ๔๗ (๒)) ๗/๒๕๖๒ ๘/๒๕๖๒ ๑๕/๒๕๖๒ ๑๑. กฎหมายบัญญัติขั้นตอนหรือวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ ๑๘/๒๕๖๒ ๒๗/๒๕๖๒ ๔๐/๒๕๖๒ และยงั มไิ ดด้ ำ� เนินการตามขน้ั ตอนหรอื วิธีการนัน้ ครบถว้ น (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ๔๑/๒๕๖๒ ๔๓/๒๕๖๒ ของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๗ (๓)) ๕๙/๒๕๖๑ ๑๒. เร่ืองท่ีอยู่ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอ่ืน หรอื เรอ่ื งทศี่ าลอนื่ มคี ำ� พพิ ากษาหรือคำ� ส่ังถงึ ท่ีสุดแล้ว ๖๐/๒๕๖๑ ๖๗/๒๕๖๑ ๖๘/๒๕๖๑ (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ๖๙/๒๕๖๑ ๗๐/๒๕๖๑ ของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๗ (๔)) ๑๓. การใช้สิทธิยื่นค�ำร้องเพ่ือขอให้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ท่ีเกิดข้ึน และเป็นกรณีท่ียุติไปแล้วก่อนท่ีรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ใชบ้ งั คบั ไมเ่ ปน็ ไป ตามเจตนารมณข์ องรัฐธรรมนูญ ๑๓. ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีค�ำวินิจฉัยหรือค�ำส่ังปรากฏว่า ผู้ร้องตาย หรือมีการขอถอนค�ำร้อง หรือไม่มีเหตุท่ีจะต้อง วนิ ิจฉัยคดนี ัน้ ศาลรัฐธรรมนญู จงึ มคี �ำส่ังจ�ำหน่ายคดี (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑) หมายเหตุ ค�ำส่ังศาลรัฐธรรมนูญบางค�ำส่ังมีประเด็นท่ีศาลจะต้องพิจารณาหลายประเด็น โดยอาศัยรัฐธรรมนูญ หลายมาตรา จงึ อาจปรากฏอยใู่ นบรรทดั ฐานคำ� สงั่ หลายขอ้ 75
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ ส่วนคดีท่ีย่ืนเข้ามาโดยอาศัยรัฐธรรมนูญมาตราอ่ืนศาลรัฐธรรมนูญได้มีค�ำสั่งไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัยและ จ�ำหนา่ ยคดจี �ำนวน ๙ ค�ำสัง่ ได้แก่ คำ� สง่ั ศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๖๘/๒๕๖๑, ท่ี ๖๙/๒๕๖๑, ที่ ๗๐/๒๕๖๑, ท่ี ๑๖/๒๕๖๒, ที่ ๑๗/๒๕๖๒, ที่ ๒๕/๒๕๖๒, ท่ี ๒๖/๒๕๖๒, ท่ี ๓๖/๒๕๖๒ และท่ี ๓๗/๒๕๖๑ สรุปเป็นบรรทดั ฐานค�ำสัง่ ได้ ดังนี้ ๑. คำ� สงั่ ศาลรฐั ธรรมนูญที่ ๖๘/๒๕๖๑ วนั ที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอื่ ง คำ� ส่งั หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ เร่อื ง การรกั ษา ความสงบเรยี บรอ้ ยและความมนั่ คงของชาติ ลงวนั ท่ี ๑ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ขอ้ ๑๒ ขัดหรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๔ หรือไม่ ผลของคำ� สงั่ ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สงั่ จำ� หนา่ ยคดี เนอ่ื งจากในระหวา่ งการพจิ ารณาของ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ คี ำ� สง่ั หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๒๒/๒๕๖๑ เรอ่ื ง การใหป้ ระชาชนและพรรคการเมอื งดำ� เนนิ กจิ กรรมทางการเมอื ง ลงวนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ โดยความในขอ้ ๑“ใหย้ กเลกิ (๗) คำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติท่ี ๓/๒๕๕๘ เรอื่ ง การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย และความมน่ั คงของชาติ ลงวนั ท่ี ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เฉพาะ ในขอ้ ๑๒” อนั มผี ลเปน็ การยกเลกิ คำ� สงั่ ดงั กลา่ วในสว่ นทเ่ี กยี่ วกบั คำ� โตแ้ ยง้ ของจำ� เลยทงั้ สท่ี ขี่ อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั แลว้ กรณจี งึ ไมม่ เี หตุ ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู จะตอ้ งพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดนี ตี้ ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ อกี ตอ่ ไป ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ การท่ีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นนั้ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทข่ี อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั จะตอ้ งมผี ลใชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณา วนิ จิ ฉัย ๒. ค�ำสั่งศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๖๙/๒๕๖๑ วนั ท่ี ๒๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอ่ื ง คำ� สั่งหัวหนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๓/๒๕๕๘ เร่อื ง การรักษา ความสงบเรยี บรอ้ ย และความมนั่ คงของชาติ ลงวนั ที่ ๑ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ข้อ ๑๒ ขดั หรือแย้งตอ่ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๔ หรอื ไม่ ผลของคำ� สง่ั ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สง่ั จำ� หนา่ ยคดี เนอื่ งจากในระหวา่ งการพจิ ารณาของ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ คี ำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๒๒/๒๕๖๑ เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองด�ำเนินกิจกรรมทางการเมือง ลงวนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ โดยความในขอ้ ๑ “ใหย้ กเลกิ (๗) 76
ศาลรัฐธรรมนูญ ค�ำส่ังหัวหนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี ๓/๒๕๕๘ เรอื่ ง การรักษา ความสงบเรยี บรอ้ ยและความมนั่ คงของชาติ ลงวนั ท่ี ๑ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ เฉพาะในขอ้ ๑๒”อนั มผี ลเปน็ การยกเลกิ คำ� สงั่ ดงั กลา่ วในสว่ นทเี่ กยี่ วกบั ค�ำโต้แย้งของจ�ำเลยท้ังหกท่ีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยแล้ว กรณจี งึ ไมม่ เี หตทุ ศี่ าลรฐั ธรรมนญู จะตอ้ งพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดนี ตี้ ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ อีกต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วธิ พี ิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ บรรทดั ฐานคำ� สง่ั การท่ีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นน้ั บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทข่ี อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั จะตอ้ งมผี ลใชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณา วนิ จิ ฉัย ๓. ค�ำสั่งศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๗๐/๒๕๖๑ วันท่ี ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรอื่ ง คำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๓/๒๕๕๘ เรอ่ื ง การรกั ษา ความสงบเรยี บรอ้ ย และความมนั่ คงของชาติ ลงวนั ท่ี ๑ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ข้อ ๑๒ ขดั หรือแยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๔ หรือไม่ ผลของคำ� สงั่ ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำสั่งจ�ำหน่ายคดี เน่ืองจากในระหว่างการพิจารณา ของศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ คี ำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๒๒/๒๕๖๑ เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองด�ำเนินกิจกรรมทางการเมือง ลงวนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ โดยความในขอ้ ๑ “ให้ยกเลกิ (๗) คำ� สง่ั หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๓/๒๕๕๘ เรอ่ื ง การรกั ษา ความสงบเรยี บรอ้ ยและความมน่ั คงของชาติ ลงวนั ที่ ๑ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ เฉพาะในข้อ ๑๒” อนั มีผลเปน็ การยกเลกิ คำ� สง่ั ดังกลา่ วในส่วนที่ เกย่ี วกบั คำ� โตแ้ ยง้ ของจำ� เลยทง้ั หา้ ทข่ี อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั แลว้ กรณจี งึ ไมม่ เี หตทุ ศี่ าลรฐั ธรรมนญู จะตอ้ งพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดนี ตี้ ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ อีกต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วธิ ีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ บรรทดั ฐานคำ� สง่ั การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นน้ั บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทข่ี อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั จะตอ้ งมผี ลใชบ้ งั คบั อยใู่ นวนั ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณา วินิจฉัย 77
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๔. คำ� สั่งศาลรัฐธรรมนญู ที่ ๑๖/๒๕๖๒ วนั ที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึง่ (๑) และ (๒) ผลของคำ� สงั่ ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำสั่งไม่รับค�ำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึง่ (๑) และ (๒) โดยแยกเป็นรายประเดน็ ดังน้ี ประเด็นทหี่ น่งึ การขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ของกฎหมาย รฐั ธรรมนญู ไดบ้ ญั ญตั กิ ระบวนการและขน้ั ตอนในการยนื่ คำ� รอ้ ง ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั ิ แหง่ กฎหมายไวเ้ ปน็ การเฉพาะแลว้ โดยการใชส้ ทิ ธทิ างศาล ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ และการใช้สิทธิทางผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) ผรู้ อ้ งจงึ ไมอ่ าจยนื่ คำ� รอ้ งโดยตรงในประเดน็ นโี้ ดยอาศยั ชอ่ งทางตามรัฐธรรมนญู มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึง่ (๑) ได้ ประเดน็ ทสี่ อง ไมป่ รากฏวา่ ผรู้ อ้ งไดใ้ ชห้ นา้ ทแี่ ละอำ� นาจตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิกรณจี งึ ยงั ถอื ไม่ได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำ� นาจของผู้ร้องเกิดขึ้นแล้ว คำ� ร้องน้ี จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคหน่ึง (๒) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๔ ทศี่ าลรฐั ธรรมนญู จะรบั ไวพ้ จิ ารณา วนิ จิ ฉัยได้ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ ๑) รฐั ธรรมนญู ไดบ้ ญั ญตั กิ ระบวนการและขน้ั ตอนในการยนื่ คำ� รอ้ งขอให้ ศาลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั ิ แหง่ กฎหมายไวเ้ ปน็ การเฉพาะแลว้ โดยการใชส้ ทิ ธทิ างศาลตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ และการใช้สิทธิทางผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) จงึ ไมอ่ าจยน่ื คำ� รอ้ งในประเดน็ นโี้ ดยอาศยั ชอ่ งทางตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๐ วรรคหนงึ่ (๑) ได้ ๒) การยนื่ คำ� รอ้ งเพอ่ื ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกย่ี วกบั หนา้ ที่ และอำ� นาจขององคก์ รอสิ ระ ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๐ วรรคหนง่ึ (๒) จะตอ้ งเปน็ ปญั หาซงึ่ เกยี่ วกบั หนา้ ทแี่ ละอำ� นาจทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ 78
ศาลรฐั ธรรมนญู ๕. ค�ำส่ังศาลรัฐธรรมนูญท่ี ๑๗/๒๕๖๒ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอ่ื ง พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ ขัดหรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ หรอื ไม่ ผลของคำ� สง่ั ศาลรัฐธรรมนญู มคี �ำสัง่ แยกเปน็ สองส่วน ดังน้ี ส่วนท่ีหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังไม่รับค�ำโต้แย้งของจ�ำเลยไว้พิจารณา วินิจฉัย ในข้อที่ว่ามาตราของพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ที่เก่ียวข้องกับมาตรา ๗ และที่เก่ียวข้องกับค�ำฟ้องของโจทก์ในคดีอาญา ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ เนอ่ื งจากจำ� เลยไมไ่ ด้ ระบุเหตุผลและไม่มีข้อความที่ชัดเจนพอท่ีจะท�ำให้เข้าใจได้ว่าหมายถึง บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายมาตราใด รวมทง้ั ไมไ่ ดบ้ รรยายและไมไ่ ดใ้ หเ้ หตผุ ล สนับสนุนว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ ประกอบพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี ิจารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๓ ส่วนที่สอง ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังรับค�ำโต้แย้งของจ�ำเลยไว้พิจารณา วนิ จิ ฉยั เฉพาะในขอ้ ทวี่ า่ พระราชบญั ญตั ปิ า่ ไม้พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ มาตรา๗ และมาตรา ๑๑ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๕ และมาตรา ๓๗ เนื่องจากเป็นกรณีท่ีศาลฎีกาจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว บังคับแก่คดี และยังไม่มีค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนท่ีเกี่ยวกับ บทบญั ญตั นิ ้มี ากอ่ น เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒ ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๑ วรรคสาม และมาตรา ๕๐ ในระหวา่ งการพจิ ารณาคดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ กี ารยกเลกิ พระราชบญั ญตั ปิ า่ ไม้ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ มาตรา ๗ วรรคหนงึ่ โดยพระราชบญั ญตั ปิ า่ ไม้(ฉบบั ที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔ และบัญญตั ขิ ้ึนใหมว่ า่ “... ไมท้ กุ ชนิดท่ีขึ้นในทดี่ ิน ท่ีมีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้ หวงห้าม …” โดยไม่มีการคงหลักการเดิมของประเด็นท่ีโต้แย้ง ส่งผลให้ การกระท�ำตามมาตรา ๑๑ ไม่จ�ำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าท่ีอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายท่ีขอให้ ศาลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ไดถ้ กู ยกเลกิ ไปแลว้ และไมม่ ผี ลใชบ้ งั คบั อกี ตอ่ ไป จึงไม่มีเหตุท่ีศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยคดีนี้ จึงมีค�ำส่ังจ�ำหน่ายคดี ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ 79
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ ๑) หนังสือราชการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคดี (ในท่ีน้ีคือ หนงั สอื ของศาลฎกี าทส่ี ง่ คำ� โตแ้ ยง้ ของจำ� เลยมาเพอื่ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณา วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒) อย่างน้อยต้องระบุรายละเอียด แหง่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ความประสงคท์ จี่ ะใหศ้ าลดำ� เนนิ การ และมาตรา ของรฐั ธรรมนญู และกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ ง (พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๓) ๒) การทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู จะพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั วา่ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายใด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นน้ั บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทข่ี อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พิจารณาวินิจฉัยจะต้องมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วนิ จิ ฉยั ๖. ค�ำสงั่ ศาลรฐั ธรรมนูญท่ี ๒๕/๒๕๖๒ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เรือ่ ง ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเร่ืองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตาม รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) วา่ ค�ำสง่ั คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่๑/๒๕๖๒เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสรรหาสมาชกิ วฒุ สิ ภา ลงวนั ท่ี ๘กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ มปี ญั หาเกยี่ วกบั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู มาตรา ๘๑ วรรคสอง และ มาตรา ๒๖๙ (๑) (ข) และ (ค) หรือไม่ ผลของคำ� สงั่ ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังไม่รับค�ำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากค�ำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ สรรหาสมาชิกวฒุ ิสภา ลงวันที่ ๘ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๒ มเี น้อื หาสาระสำ� คญั เปน็ เพยี งการแตง่ ตง้ั คณะกรรมการขนึ้ มาเพอื่ ทำ� หนา้ ทกี่ ลนั่ กรองเสนอรายชอื่ สมาชกิ วฒุ สิ ภาชดุ แรกตามบทเฉพาะกาลของรฐั ธรรมนญู เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตาม ทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๖๙ เทา่ นน้ั มใิ ชเ่ ปน็ การออกกฎเกณฑ์ ทม่ี ีผลใชบ้ งั คบั เป็นการทัว่ ไป ค�ำสัง่ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติดังกล่าว จึงไม่เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายตามความหมายของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑) ท่ศี าลรัฐธรรมนูญจะรับไวพ้ ิจารณาวนิ จิ ฉัยได้ บรรทดั ฐานคำ� สง่ั “บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย” ตามความหมายของรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๓๑ (๑) ทผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ อาจเสนอเรอ่ื งใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั วา่ มปี ญั หาเกย่ี วกบั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู หรอื ไมน่ นั้ จะตอ้ งมลี กั ษณะ เปน็ กฎเกณฑท์ ีม่ ีผลใช้บงั คับเปน็ การทวั่ ไป 80
ศาลรัฐธรรมนูญ ๗. คำ� ส่งั ศาลรฐั ธรรมนญู ท่ี ๒๖/๒๕๖๒ วนั ที่ ๑๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เร่อื ง พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๘๑ วรรคสอง ขดั หรอื แย้งต่อรัฐธรรมนญู มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ ประกอบมาตรา ๔ และมาตรา ๕ หรอื ไม่ ผลของคำ� สงั่ ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สง่ั ไมร่ บั คำ� รอ้ งไวพ้ จิ ารณาวนิ จิ ฉยั เนอื่ งจากพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๘๑ วรรคสอง เปน็ บทบญั ญตั เิ กยี่ วกบั การกำ� หนดภาระการพสิ จู นใ์ น คดที รี่ อ้ งขอใหท้ รพั ยส์ นิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ ซงึ่ ในกรณตี ามคำ� รอ้ งนศ้ี าลแพง่ ไดม้ ีคำ� สัง่ ให้ทรัพย์สนิ ของผู้คดั คา้ นทัง้ สองตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว และ คดอี ยใู่ นระหวา่ งการอทุ ธรณ์ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทผ่ี คู้ ดั คา้ นทง้ั สองโตแ้ ยง้ ดงั กล่าวจึงมใิ ชบ่ ทบัญญัตแิ ห่งกฎหมายทศี่ าลแพ่งจะใชบ้ งั คบั แก่คดี กรณี จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒ วรรคหนึ่ง ทศ่ี าลรัฐธรรมนูญจะรบั ไวพ้ จิ ารณาวินิจฉยั ได้ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ ศาลท่ีจะมีอ�ำนาจส่งค�ำโต้แย้งของคู่ความ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒ วรรคหนงึ่ ตอ้ งเปน็ ศาลทจ่ี ะใชบ้ ทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทโี่ ตแ้ ยง้ นน้ั บงั คบั แกค่ ดี ๘. คำ� สงั่ ศาลรัฐธรรมนญู ท่ี ๓๖/๒๕๖๒ วันที่ ๑๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรอื่ ง คำ� รอ้ งขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู วนิ ิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ผลของคำ� สง่ั ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สง่ั ไมร่ บั คำ� รอ้ งไวพ้ จิ ารณาวนิ จิ ฉยั เนอื่ งจากขอ้ เทจ็ จรงิ ตามคำ� รอ้ ง และเอกสารประกอบคำ� รอ้ งเปน็ เพยี งกรณที ผี่ รู้ อ้ งกลา่ วอา้ งวา่ ผูถ้ กู ร้องไมก่ ระท�ำการใหเ้ ป็นไปตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๖๑ วรรคหนึง่ (การถวายสัตยป์ ฏิญาณตอ่ พระมหากษตั ริย)์ และมาตรา ๑๖๒ วรรคหนึ่ง (การแถลงนโยบายตอ่ รฐั สภา) ซงึ่ เปน็ การกระทำ� ทเี่ ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทผี่ ถู้ กู รอ้ ง ไดด้ ำ� เนนิ การหรอื ยตุ ไิ ปแลว้ กอ่ นทผี่ รู้ อ้ งจะไดย้ น่ื คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ใหว้ นิ จิ ฉยั โดยไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชส้ ทิ ธหิ รอื เสรภี าพ เพอื่ กระทำ� การลม้ ลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคหนึ่ง แต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้อง ด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ วรรคสอง ประกอบพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗ (๓) ท่ีศาลรัฐธรรมนูญ จะรับค�ำร้องไวพ้ จิ ารณาวินิจฉัยได้ 81
รายงานประจ�ำ ปี ๒๕๖๒ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ ค�ำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ จะต้อง ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การใชส้ ทิ ธหิ รอื เสรภี าพเพอื่ กระทำ� การลม้ ลา้ ง การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ๙. ค�ำส่งั ศาลรัฐธรรมนญู ท่ี ๓๗/๒๕๖๒ วนั ที่ ๑๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เรื่อง คำ� รอ้ งขอใหศ้ าลรัฐธรรมนูญวินจิ ฉยั ตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ผลของคำ� สั่ง ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำสั่งไม่รับค�ำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เน่ืองจากมติ การจัดสรรต�ำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของ คณะกรรมการการเลือกต้ัง ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เร่ือง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ัง เร่ือง ผลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ (คร้ังที่ ๒) ลงวันท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นการกระทำ� ทเี่ ปน็ ไปตามกระบวนการ จัดการเลือกตั้งตามหน้าที่และอ�ำนาจของคณะกรรมการการเลือกต้ัง ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ จงึ ไม่มมี ลู กรณี ทผี่ ถู้ กู รอ้ งที่ ๑ (ประธานกรรมการการเลอื กตง้ั ) กระทำ� การทเ่ี ปน็ การใชส้ ทิ ธิ หรอื เสรภี าพเพอ่ื ลม้ ลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ กรณจี งึ ไมต่ อ้ งดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๔๙ ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจย่ืนค�ำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ได้ บรรทดั ฐานคำ� สงั่ การยื่นคำ� รอ้ งตามรฐั ธรรมนูญมาตรา ๔๙ ตอ้ งเป็นไปตามหลกั เกณฑ์และ วิธีการท่ีบัญญัติไว้ว่าผู้ร้องต้องใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั สงั่ การใหเ้ ลกิ การกระทำ� ดงั กลา่ วตามรฐั ธรรมนญู กอ่ น และจะต้องปรากฏมูลกรณีว่าผู้ถูกร้องกระท�ำการที่เป็นการใช้สิทธิหรือ เสรีภาพเพื่อกระท�ำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข 82
ศาลรัฐธรรมนูญ ๒ ผลการด�ำเนนิ งานดา้ นการวิจยั ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจ�ำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงข้อมูลและงานวิจัยให้มีคุณภาพ สามารถใช้ สนบั สนนุ งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ชว่ ยพฒั นามาตรฐานการปฏบิ ตั งิ านของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู โดยใชก้ ระบวนการสรา้ ง/พฒั นางานขอ้ มลู และงานวจิ ยั ทง้ั ภายในประเทศและตา่ งประเทศ นอกจากนค้ี วรตอ้ งสนบั สนนุ การเผยแพร่รายงานการศึกษาวิจัยและบทความทางวิชาการและการให้ทุนสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางวิชาการ เงนิ สมนาคณุ ผลงาน ใหค้ รอบคลมุ กลมุ่ เปา้ หมายและมกี ารดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยมกี ารดำ� เนนิ การดงั นี้ ความสอดคล้องเชอื่ มโยงยุทธศาสตร์ ๑) ความสอดคลอ้ งกบั ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๒ ด้านการสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔.๔.๔ พฒั นาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยสี มัยใหม่ ๒) ความสอดคล้องกับแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๘ การพฒั นาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ัย และนวัตกรรม แนวทางการพฒั นาท ่ี ๓.๓ พฒั นาสภาวะแวดลอ้ มของการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรม ๓.๓.๓ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ๓) ความสอดคลอ้ งกับแผนการปฏริ ูปประเทศ แผนปฏริ ูปประเทศ ด้านกระบวนการยตุ ธิ รรม ประเดน็ ปฏริ ปู ที่ ๒ การพฒั นากลไกชว่ ยเหลอื และเพม่ิ ศกั ยภาพเพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ กระบวนการยตุ ธิ รรม ประเด็นปฏริ ูปท่ี ๑๐ การพัฒนาประสิทธภิ าพของกระบวนการยุติธรรมเพอ่ื เพมิ่ ศักยภาพในการแขง่ ขนั ของประเทศ ๔) ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ศาลรฐั ธรรมนญู ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานงาน ดา้ นงานคดี งานบรหิ าร งานวชิ าการ เพอื่ สนบั สนนุ คณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญ กลยุทธ์ที่ ๑.๑ ข้อมูลและงานวิจัยมีคุณภาพ สามารถใช้สนับสนุนงานศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและช่วยพัฒนามาตรฐานการปฏบิ ตั งิ านของสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนูญ แผนงานที่ ๑.๑.๑ สรา้ ง/พฒั นาขอ้ มูลและงานวิจัย ท้ังภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อใช้สนับสนุน งานของศาลรัฐธรรมนญู เพอ่ื เปน็ การขบั เคลอื่ นภารกจิ ในดา้ นการศกึ ษาวจิ ยั ในการศกึ ษาคน้ ควา้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ องคค์ วามรใู้ นการพฒั นา แกไ้ ขปญั หา รวมถงึ การปอ้ งกนั มใิ หเ้ กดิ ปญั หาในกระบวนการใชก้ ฎหมายรฐั ธรรมนญู ตลอดจนถงึ กระบวนการพจิ ารณา คดีและด้านอ่นื ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง สำ� นักงานศาลรัฐธรรมนญู จงึ มกี จิ กรรมและผลผลิต ดงั น้ี ๒.๑ ด้านโครงการศึกษาวจิ ัย จ�ำนวน ๓ เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ ๑) โครงการศึกษาวิจัยเร่ือง “หลักเกณฑ์ในการก�ำหนดมาตรการช่ัวคราวและการบังคับตามค�ำวินิจฉัย ศาลรฐั ธรรมนญู ” โดย คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร เปน็ ทป่ี รกึ ษา ซงึ่ มผี ชู้ ว่ ยศาสตราจารยจ์ กั รกฤษณ์ สถาปนศริ ิ 83
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดเก่ียวกับท่ีมาและ เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติ ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอ�ำนาจในการก�ำหนดมาตรการหรือวิธีการช่ัวคราว และค�ำบังคับของค�ำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อศึกษาเก่ียวกับหน้าที่และอ�ำนาจ รวมถึงวิธีปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญในการก�ำหนดมาตรการหรือวิธีการช่ัวคราว และการก�ำหนดค�ำบงั คบั ของค�ำวนิ ิจฉัย โดยเปรยี บเทยี บกรณีของศาลรฐั ธรรมนูญไทยกับต่างประเทศ และเพื่อศกึ ษา สภาพปัญหาและผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากการก�ำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราว และค�ำบังคับของค�ำวินิจฉัย ศาลรฐั ธรรมนญู รวมถงึ แนวทางการแกไ้ ขสภาพปญั หาและผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ดงั กลา่ ว โดยศกึ ษาเปรยี บเทยี บกบั กรณี ของประเทศไทยและตา่ งประเทศ รวมถงึ เสนอแนะแนวทางทเี่ หมาะสมในการกำ� หนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และประเภทคดี ในการกำ� หนดมาตรการหรอื วธิ ีการชั่วคราว และการกำ� หนดค�ำบงั คับของคำ� วนิ จิ ฉยั ๒) โครงการศึกษาวิจัยเร่ือง “ขอบเขตหน้าที่และอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญรวมทั้งดุลยภาพ ในการคมุ้ ครองเสรภี าพในการชมุ นมุ ” โดย คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ เปน็ ทปี่ รกึ ษา ซง่ึ มรี องศาสตราจารย์ สมชาย ปรชี าศลิ ปะกลุ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ เปน็ หวั หนา้ โครงการมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษาแนวคดิ เกยี่ วกบั ทมี่ า และเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๔๔ และพระราชบญั ญตั กิ ารชมุ นมุ สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพอ่ื ศกึ ษาหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การชมุ นมุ สาธารณะ ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ น พระราชบัญญัตกิ ารชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายอืน่ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งทน่ี ำ� มาใช้บังคบั กบั การชุมนมุ สาธารณะ และเพอื่ ศึกษาแนวทางในการยื่นคำ� ร้องในคดที ี่เก่ียวข้องกับการใชเ้ สรีภาพในการชุมนมุ สาธารณะ และความเปน็ ไปได้ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องศาลรฐั ธรรมนญู ในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดที เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชเ้ สรภี าพในการชมุ นมุ สาธารณะ โดยศกึ ษาเปรยี บเทยี บกบั กรณขี องประเทศไทยและตา่ งประเทศรวมถงึ ศกึ ษาสภาพปญั หาและผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากการปฏิบัติหน้าท่ีของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงแนวทางการแก้ไขสภาพปัญหาและผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึนดังกล่าว โดยศึกษาเปรียบเทยี บกับกรณขี องประเทศไทยและตา่ งประเทศ ๓) โครงการศึกษาวิจัยเร่ือง “การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ด้อยโอกาสและคนกลุ่มเฉพาะ” โดยคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร เปน็ ทปี่ รกึ ษา ซง่ึ มี ดร.ฉตั รพร หาระบตุ ร คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการ มวี ัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ศึกษาขอบเขตของค�ำวา่ “ผดู้ ้อยโอกาส” และ “คนกลมุ่ เฉพาะ” และขอบเขต ของสทิ ธิและเสรภี าพของ “ผดู้ อ้ ยโอกาส” และ “คนกลุม่ เฉพาะ” เพือ่ ศึกษาแนวคิดเกีย่ วกบั ทมี่ าและเจตนารมณข์ อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่ามีการบัญญัติให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ด้อยโอกาสและ คนกลุ่มเฉพาะหรือไม่ อย่างไร และเพื่อศึกษาบทบาทหน้าท่ีขององค์กรตุลาการในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ ผดู้ อ้ ยโอกาสและคนกลมุ่ เฉพาะ โดยศกึ ษาเปรยี บเทยี บกรณขี องประเทศไทยกบั ตา่ งประเทศ รวมถงึ ศกึ ษาสภาพปญั หา และผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขนึ้ จากการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ ององคก์ รตลุ าการในการคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของผดู้ อ้ ยโอกาส และคนกลมุ่ เฉพาะ รวมถงึ แนวทางการแกไ้ ขสภาพปญั หาและผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขน้ึ โดยศกึ ษาเปรยี บเทยี บกรณขี องไทย กับต่างประเทศ 84
ศาลรัฐธรรมนูญ ๒.๒ โครงการใหท้ ุนสนับสนนุ การจดั ท�ำวทิ ยานิพนธ์ กลมุ่ งานวจิ ยั และพฒั นารฐั ธรรมนญู สถาบนั รฐั ธรรมนญู ศกึ ษา ไดด้ ำ� เนนิ การเกยี่ วกบั การใหท้ นุ สนบั สนนุ การจัดท�ำวิทยานิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษาให้แก่นิสิต นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชน โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในหวั ขอ้ เกยี่ วกบั รฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู กฎหมายมหาชน การเมอื งการปกครอง ซ่ึงมีผู้สนใจส่งข้อเสนอเพ่ือขอรับการสนับสนุนการจัดท�ำวิทยานิพนธ์เป็นจ�ำนวนมาก โดยส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ไดพ้ จิ ารณาใหท้ นุ สนบั สนนุ การจดั ทำ� วทิ ยานพิ นธ์ ใหแ้ กน่ สิ ติ นกั ศกึ ษาในระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา จำ� นวน ๑๐ ราย งบประมาณ รวมทัง้ สิ้น ๗๐๐,๐๐๐ บาท แบ่งเปน็ - ทุนสนับสนนุ ฯ ระดบั ปริญญาโท ทุนละ ๕๐,๐๐๐ บาท จำ� นวน ๖ ราย - ทุนสนบั สนุนฯ ระดบั ปรญิ ญาเอก ทนุ ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท จ�ำนวน ๔ ราย ๓ ผลการดำ� เนินงานดา้ นเอกสารส่งิ พิมพแ์ ละสอื่ ประชาสัมพนั ธ์ ความสอดคล้องเชอื่ มโยงยุทธศาสตร์ ๑) ความสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ด้านการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจัดการภาครฐั ประเดน็ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔.๑ ภาครฐั ทย่ี ดึ ประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง ตอบสนองความตอ้ งการ และใหบ้ รกิ าร อย่างสะดวก รวดเรว็ โปร่งใส ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี ๔.๒ ภาครัฐบริหารงานแบบบูรณาการโดยมียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายและ เชอื่ มโยงการพัฒนาในทกุ ระดับ ทุกประเดน็ ทุกภารกจิ และทุกพ้ืนที่ ๒) ความสอดคล้องกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ ยุทธศาสตร์ท่ี ๖ การบริหารจัดการในภาครัฐ การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบและธรรมาภิบาล ในสงั คมไทย แนวทางการพฒั นาท ่ี ๓.๖ ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ๓.๖.๒ ปฏริ ปู กระบวนการยุตธิ รรมให้มีประสิทธิภาพ ๓) ความสอดคล้องกับแผนการปฏิรปู ประเทศ แผนปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมาย เปา้ หมายหรอื ผลอนั พงึ ประสงคท์ ่ี ๖ มกี ลไกใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� และเสนอรา่ งกฎหมาย หรือกฎท่ีมีความส�ำคัญ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดท�ำและเสนอร่างกฎหมาย รวมทั้งการให้ ความชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายแกป่ ระชาชน เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์ท่ี ๗ มีกลไกให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมาย กฎ โดยสะดวกและ เขา้ ใจกฎหมายไดง้ า่ ยรวมทงั้ การพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู ของกฎหมาย คำ� พพิ ากษา คำ� วนิ จิ ฉยั หรอื การตคี วามกฎหมาย หรอื กฎใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ไดโ้ ดยสะดวก 85
รายงานประจำ�ปี ๒๕๖๒ ๔) ความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ส่งเสริมความร่วมมือและประชาสัมพันธ์กับเครือข่ายด้านการจัดการความรู้ท้ังภายใน ประเทศและต่างประเทศ ยุทธศาสตรท์ ี่ ๔.๒ พฒั นางานเครือข่ายด้านประชาสัมพันธใ์ หค้ รอบคลมุ ประชาชนทุกระดบั ทกุ พน้ื ที่ แผนงานที่ ๔.๒.๑ เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั อำ� นาจ หนา้ ทขี่ องศาลรฐั ธรรมนญู ตลอดจนภารกจิ ของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ด�ำเนินโครงการเก่ียวกับการจัดพิมพ์สื่อส่ิงพิมพ์และผลิตส่ือประชาสัมพันธ์ เพอ่ื เผยแพรแ่ ละประชาสัมพันธ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ ๓.๑ การจัดพิมพ์วารสารศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเผยแพร่ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นหน่วยงานของรัฐและ เอกชน สถาบันการศึกษา สมาชกิ วารสาร และผ้สู นใจทวั่ ไป จำ� นวน ๒ ฉบับ ดงั น้ี - ฉบบั ปีที่ ๒๐ เล่มที่ ๖๐ เดือนกันยายน - ธนั วาคม ๒๕๖๑ จำ� นวน ๑,๐๐๐ เล่ม - ฉบบั ปีที่ ๒๑ เลม่ ท่ี ๖๑ เดอื นมกราคม - เมษายน ๒๕๖๒ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม ๓.๒ การจัดพิมพ์หนังสือรายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “การละเมิดอ�ำนาจศาล : ศึกษาเปรียบเทียบ ศาลรฐั ธรรมนญู ไทยกบั ตา่ งประเทศ” โดย ศนู ยบ์ รกิ ารทางวชิ าการ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตรเ์ พอ่ื เผยแพรใ่ หแ้ ก่ กลมุ่ เป้าหมายทเ่ี ป็นหน่วยงานของรัฐและเอกชน สถาบนั การศกึ ษา และผสู้ นใจทั่วไป จำ� นวน ๑,๐๐๐ เล่ม ๓.๓ การจดั พิมพห์ นงั สอื “ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั ศาลรฐั ธรรมนูญ” (พมิ พค์ ร้ังที่ ๒) เพอ่ื เผยแพรใ่ ห้แก่ กลุ่มเปา้ หมายท่ีเป็นหนว่ ยงานของรฐั และเอกชน สถาบนั การศึกษา และผู้สนใจท่วั ไป จำ� นวน ๕,๐๐๐ เลม่ ๓.๔ การจดั พิมพ์เผยแพรห่ นังสอื “สรุปผลโครงการสมั มนาทางวชิ าการ เรอื่ ง “หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และ เงอื่ นไขในการยน่ื คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู กรณที ปี่ ระชาชนหรอื ชมุ ชนฟอ้ งรอ้ งหนว่ ยงานของรฐั เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั ประโยชน์ ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๑” จำ� นวน ๑,๐๐๐ เลม่ ๓.๕ การจัดพมิ พ์เผยแพร่หนังสือ “สรุปผลโครงการสมั มนาทางวิชาการ เรอื่ ง “หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และ เงอ่ื นไขในการยน่ื คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓” จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม ๓.๖ การจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ รายงานผลการศึกษาดูงาน โครงการแลกเปล่ียนเรียนรู้สู่สากล ณ สาธารณรฐั เกาหลี จำ� นวน ๕๐ เลม่ ๓.๗ พมิ พร์ วมคำ� วินิจฉัยศาลรฐั ธรรมนูญ - พมิ พ์รวมคำ� วนิ ิจฉัยศาลรฐั ธรรมนูญประจ�ำปี ๒๕๖๑ เล่ม ๑ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เลม่ เล่ม ๒ จำ� นวน ๑,๐๐๐ เลม่ เลม่ ๓ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม - พมิ พร์ วมคำ� วินิจฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ประจำ� ปี ๒๕๖๒ เลม่ ๑ จำ� นวน ๑,๐๐๐ เล่ม 86
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182