เอกสารประกอบการพิจารณา ตามระเบียบวาระการประชุม เรื่องดว่ น กลมุ่ งานระเบยี บวาระ สานักการประชมุ
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๑ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา พระราชกาหนด แกไ้ ขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจา้ อยู่หัว ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปที ี่ ๖ ในรัชกาลปจั จบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มพี ระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยทเ่ี ป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ พระราชกาหนดน้ีมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้ โดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั แิ หง่ กฎหมาย เหตุผลแ ละความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลต ามพ ระราชกาหนดน้ี เพ่ือป้องกันมิให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบ้ียจากลูกหน้ีในอัตราหรือวิธีการที่ก่อให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้สูงเกินสมควร ซ่ึงการตราพระราชกาหนดน้ีสอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทยแล้ว อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชกาหนดขึ้นไว้ ดงั ต่อไปน้ี
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๒ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑ พระราชกาหนดน้เี รยี กว่า “พระราชกาหนดแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔” มาตรา ๒ พระราชกาหนดนี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ตน้ ไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และใหใ้ ช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา ๗ ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กาหนดอัตราดอกเบ้ียไว้โดยนิติกรรมหรือ โดยบทกฎหมายอันชดั แจ้ง ให้ใช้อตั ราร้อยละสามต่อปี อัตราตามวรรคหน่ึงอาจปรับเปล่ียนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพ่ือให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ของประเทศได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยปกติให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนทุกสามปี ให้ใกลเ้ คียงกับอัตราเฉล่ยี ระหวา่ งอตั ราดอกเบ้ียเงนิ ฝากกบั อัตราดอกเบยี้ เงินให้กู้ยมื ของธนาคารพาณชิ ย์” มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๒๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้ใช้ความต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๒๒๔ หน้ีเงินนั้น ให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนดั ในอัตราที่กาหนดตามมาตรา ๗ บวกด้วยอัตราเพ่ิมร้อยละสองต่อปี ถ้าเจ้าหน้ีอาจจะเรียกดอกเบ้ียได้สูงกว่าน้ันโดยอาศัยเหตุอย่างอื่น อนั ชอบด้วยกฎหมาย ก็ใหค้ งส่งดอกเบย้ี ตอ่ ไปตามนัน้ หา้ มมิให้คดิ ดอกเบ้ยี ซ้อนดอกเบีย้ ในระหว่างผิดนดั การพสิ จู น์ค่าเสียหายอย่างอ่นื นอกจากน้ัน ให้พิสจู น์ได้” มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๒๒๔/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ “มาตรา ๒๒๔/๑ ถ้าลูกหนี้มีหน้าท่ีผ่อนชาระหนี้เงินเป็นงวด และลูกหน้ีผิดนัดไม่ชาระหนี้ ในงวดใด เจา้ หน้อี าจเรยี กดอกเบี้ยในระหวา่ งเวลาผิดนัดไดเ้ ฉพาะจากต้นเงนิ ของงวดท่ีลกู หน้ีผดิ นดั นนั้ ข้อตกลงใดขดั กบั ความในวรรคหน่ึง ขอ้ ตกลงนัน้ เป็นโมฆะ” มาตรา ๖ บทบัญญตั ิตามมาตรา ๗ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยซ์ ึ่งแก้ไขเพ่ิมเติม โดยพระราชกาหนดนี้ ให้ใช้แก่การคิดดอกเบ้ียท่ีถึงกาหนดเวลาชาระตั้งแต่วันที่พระราชกาหนดน้ี ใชบ้ งั คับ แตไ่ ม่กระทบกระเทอื นถงึ การคดิ ดอกเบย้ี ในระหว่างชว่ งเวลาก่อนที่พระราชกาหนดน้ีใชบ้ ังคับ
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๓ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๗ บทบัญญัติตามมาตรา ๒๒๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกาหนดน้ี ให้ใช้แก่การคิดดอกเบ้ียผิดนัดท่ีถึงกาหนดเวลาชาระตั้งแต่วันท่ี พระราชกาหนดน้ีใช้บังคับ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบ้ียผิดนัดในระหว่างช่วงเวลาก่อนท่ี พระราชกาหนดนีใ้ ช้บงั คับ มาตรา ๘ บทบัญญัติตามมาตรา ๒๒๔/๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซ่ึงเพ่ิมโดยพระราชกาหนดน้ี ให้ใช้แก่การคิดดอกเบ้ียผิดนัดในงวดที่ถึงกาหนดเวลาชาระตั้งแต่วันที่ พระราชกาหนดนใ้ี ช้บงั คบั มาตรา ๙ ใหร้ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงการคลงั รกั ษาการตามพระราชกาหนดน้ี ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๒๖ ก หน้า ๔ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกาหนดฉบับนี้ คือ โดยที่อัตราดอกเบ้ียที่มิได้กาหนด โดยนติ ิกรรมหรอื โดยบทกฎหมายอันชัดแจง้ และอัตราดอกเบ้ียผดิ นัดทีก่ าหนดไวใ้ นประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ในอัตราร้อยละเจ็ดคร่ึงต่อปี ได้ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานโดยมิได้มีการแก้ไขปรับปรุง ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจ ทาให้ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ย เกินสมควร สมควรปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและกาหนดวิธีการในการปรับเปล่ียนอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ให้สอดคล้องกบั สภาพการณแ์ ละสภาพเศรษฐกิจ พร้อมท้งั กาหนดวธิ กี ารคานวณดอกเบย้ี ผิดนดั ชาระหน้ี ให้เหมาะสม ประกอบกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ของประเทศอย่างกว้างขวาง ทาให้ประชาชนจานวนมากมีภาระหนี้สินเพ่ิมข้ึน อัตราดอกเบ้ีย ตามท่ีกาหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซ่ึงไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงเป็นภาระอย่างมากต่อลูกหน้ีซ่ึงเป็นผู้ประกอบวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมท้ังประชาชนทั่วไป และก่อให้เกดิ ความเส่ียงสูงท่จี ะทาให้ลกู หนไ้ี ม่สามารถชาระหนีไ้ ด้ สมควรทีร่ ฐั จะตอ้ งดาเนนิ การปรับปรงุ แกไ้ ข กฎหมายเพ่ือเป็นการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าวโดยเร่งด่วน จึงเป็นกรณีฉุกเฉิน ทม่ี คี วามจาเปน็ รีบดว่ นอนั มอิ าจจะหลกี เล่ยี งได้เพ่อื ประโยชน์ในอันทจ่ี ะรักษาความม่ันคงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ จึงจาเป็นต้องตราพระราชกาหนดนี้
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๕ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา พระราชกาหนด การใหค้ วามช่วยเหลือและฟน้ื ฟผู ปู้ ระกอบธรุ กจิ ท่ีได้รบั ผลกระทบจากการระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปที ่ี ๖ ในรัชกาลปัจจบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มพี ระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ ท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ราพระราชกาหนดข้นึ ไว้ ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชกาหนดน้ีเรียกว่า “พระราชกาหนดการให้ความช่วยเหลือและฟ้ืนฟู ผปู้ ระกอบธุรกจิ ที่ได้รบั ผลกระทบจากการระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔” มาตรา ๒ พระราชกาหนดนใ้ี หใ้ ช้บงั คบั ต้ังแต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชกาหนดนี้ “สถาบันการเงิน” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และสถาบนั การเงนิ เฉพาะกิจตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบนั การเงนิ ซ่ึงประกอบธรุ กิจให้สินเชอ่ื
เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๒๖ ก หน้า ๖ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา “รัฐมนตรี” หมายความวา่ รัฐมนตรีผ้รู ักษาการตามพระราชกาหนดน้ี มาตรา ๔ เพอ่ื เป็นการช่วยเหลอื และฟ้นื ฟผู ู้ประกอบธรุ กิจท่ไี ด้รบั ผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือจากมาตรการท่ีรัฐกาหนดให้ประชาชนต้องปฏิบัติอันเป็น การระงับ ยับยั้ง และแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการระบาดของโรคดังกล่าว ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม มีหน้าที่และอานาจ ดาเนินการตามวิธีการท่บี ญั ญตั ิไว้ในพระราชกาหนดน้ดี ้วย มาตรา ๕ นอกจากการให้กู้ยืมเงินตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจให้กูย้ ืมเงินแก่สถาบันการเงินเปน็ การเฉพาะคราว เพื่อให้สถาบันการเงนิ นาไปให้ผู้ประกอบธุรกิจกู้ยืม หรือเพ่ือใช้ประโยชน์ตามที่กาหนดในพระราชกาหนดนี้ ท้ังนี้ ภายในวงเงิน ไมเ่ กินสามแสนห้าหมนื่ ล้านบาท การให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงินตามวรรคหนึ่ง อาจทาโดยวิธีการรับซื้อต๋ัวสัญญาใช้เ งิน ทส่ี ถาบันการเงินผกู้ ู้เป็นผู้ออกกไ็ ด้ มิให้นาบทบัญญัติมาตรา ๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บงั คบั แก่การให้กยู้ มื เงินของธนาคารแห่งประเทศไทยตามพระราชกาหนดน้ี มาตรา ๖ ในการดาเนินการตามพระราชกาหนดน้ี ให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ เจ้าของทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ได้รับยกเว้น คา่ ธรรมเนียม ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจานอง และค่าธรรมเนียมเก่ียวกับการจดทะเบียนสัญญา หลักประกันทางธุรกิจ อันเน่ืองมาจากการกู้ยืมเงินตามหมวด ๑ หรือการกู้ยืมเงินเพ่ือซื้อคืนทรัพย์สิน อนั เป็นหลักประกันตามหมวด ๒ (๒) ค่าธรรมเนียมอันเนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินเพื่อชาระหนี้ให้แก่บรรษัทประกันสินเช่ือ อุตสาหกรรมขนาดย่อมตามหมวด ๑ หรือการโอนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเพื่อชาระหน้ี ให้แก่สถาบันการเงินหรือการโอนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันคืนผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สิน อันเปน็ หลกั ประกันตามหมวด ๒ มาตรา ๗ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรกั ษาการตามพระราชกาหนดน้ี
เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๒๖ ก หน้า ๗ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานุเบกษา หมวด ๑ มาตรการสนบั สนุนการใหส้ นิ เชอื่ แกผ่ ู้ประกอบธุรกิจ มาตรา ๘ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงิน เพ่ือให้สถาบันการเงินนาไปให้ผู้ประกอบธุรกิจกู้ยืมตามที่กาหนดในหมวดน้ี ภายในวงเงินไม่เกิน สองแสนหา้ หม่ืนลา้ นบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรอี าจให้กู้ยืมเงินแกส่ ถาบันการเงิน เพิ่มเติมจากวงเงินตามวรรคหนึ่งได้ แต่เมื่อรวมกับวงเงินให้กู้ยืมตามหมวด ๒ แล้ว ต้องไม่เกินวงเงิน ตามมาตรา ๕ วรรคหนง่ึ อัตราดอกเบ้ียในการให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงินตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้คิดในอัตรา ร้อยละศูนย์จดุ ศนู ย์หนึ่งต่อปี มาตรา ๙ ให้สถาบันการเงินย่ืนคาขอกู้ยืมเงินต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกาหนด ภายในสองปีนับแต่วันที่พระราชกาหนดนี้ ใช้บังคับ แต่ในกรณีท่ียังมีวงเงินเหลืออยู่และมีความจาเป็นต้องให้ความช่วยเหลือต่อไป หรือจะยุติ การดาเนินมาตรการ ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจะขยายระยะเวลา ย่นื คาขอกยู้ มื เงินดงั กล่าวออกไปอีกไม่เกินหนึง่ ปกี ็ได้ หรอื จะยตุ กิ ารดาเนินมาตรการนก้ี ่อนกาหนดก็ได้ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ ในการให้กู้ยืมเงินตามวรรคหน่ึง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกาหนดหลกั เกณฑแ์ ละเงื่อนไขใหส้ ถาบนั การเงนิ ผกู้ ตู้ ้องปฏิบัติด้วยก็ได้ มาตรา ๑๐ เงนิ ที่สถาบันการเงนิ ได้รบั ตามมาตรา ๙ ต้องนาไปใชใ้ หก้ ูย้ มื แกผ่ ปู้ ระกอบธรุ กจิ ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน หรือมีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่จะให้กู้ยืม ไม่เกินห้าร้อยล้านบาทหรือจานวนมากกว่านั้นตามท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกาหนด ท้ังน้ี ใหพ้ ิจารณาวงเงนิ สินเช่อื ณ วันท่ี ๒๘ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เปน็ เกณฑ์ วงเงินสินเชื่อตามวรรคหนึ่งไม่รวมถึงวงเงินสินเชื่อเพ่ือการอุปโภคบริโภคตามที่ธนาคาร แหง่ ประเทศไทยประกาศกาหนด มาตรา ๑๑ ในการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจตามมาตรา ๑๐ สถาบันการเงิน ต้องดาเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปน้ี
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๘ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา (๑) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการให้กู้ยืมเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกาหนด (๒) คิดอัตราดอกเบ้ียโดยเฉลี่ยตลอดอายุสัญญาตามท่ีธนาคารแหง่ ประเทศไทยประกาศกาหนด แต่ต้องไม่เกินร้อยละห้าต่อปี โดยในช่วงระยะเวลาสองปีแรกของสัญญาให้คิดอัตราดอกเบ้ียได้ ไม่เกินร้อยละสองตอ่ ปี (๓) ไม่เรียกเก็บดอกเบ้ยี จากผปู้ ระกอบธรุ กจิ ในระหว่างหกเดอื นแรกนบั แต่วนั ท่ีผู้ประกอบธรุ กจิ ได้รับสินเชือ่ ของการย่ืนขอสินเชอื่ แตล่ ะคราว หลักเกณฑแ์ ละเง่อื นไขที่ธนาคารแหง่ ประเทศไทยประกาศกาหนดตาม (๑) ใหค้ านึงถึงวตั ถปุ ระสงค์ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธรุ กิจที่ประสบปัญหาหรือได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการระบาด ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ไดอ้ ย่างกว้างขวางและทั่วถึงเปน็ สาคัญ ให้กระทรวงการคลังจ่ายเงินชดเชยตาม (๓) ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยตามท่ี ธนาคารแหง่ ประเทศไทยเรียกเก็บ เพือ่ จา่ ยชดเชยใหแ้ ก่สถาบันการเงินต่อไป มาตรา ๑๒ ให้สถาบันการเงินชาระคืนเงินท่ีได้กู้ยืมตามหมวดน้ีพร้อมดอกเบี้ยแก่ธนาคาร แห่งประเทศไทยภายในห้าปีนับแต่วันท่ีได้รับเงินกู้ หรือระยะเวลายาวกว่าน้ันตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกาหนด การชาระคืนตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขท่ีธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกาหนด มาตรา ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่ีประสบปัญหาหรือได้รับ ผลกระทบอันเน่ืองมาจากการระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง ใหบ้ รรษัทประกนั สินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมมวี ตั ถุประสงค์ หน้าท่ี และอานาจในการคา้ ประกนั สินเชื่อ ที่สถาบันการเงนิ ให้ผ้ปู ระกอบธุรกิจกู้ยมื ตามพระราชกาหนดนี้ดว้ ย ในการค้าประกันสินเช่ือตามวรรคหน่ึง ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รับภาระไม่เกินร้อยละสสี่ ิบของวงเงินสินเช่ือท้ังหมดท่สี ถาบนั การเงนิ แต่ละแหง่ ไดใ้ ห้เงนิ กู้แกผ่ ู้ประกอบธุรกจิ ตามมาตรา ๑๑ และมีการค้าประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมตามมาตรานี้ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่อ อุตสาหกรรมขนาดย่อม รว่ มกันกาหนด
เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๒๖ ก หน้า ๙ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ค่าธรรมเนียมการค้าประกันสินเช่ือตามวรรคหน่ึง ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละหน่ึงจุดเจ็ดห้าต่อปี ของวงเงนิ คา้ ประกนั สนิ เช่อื โดยให้กระทรวงการคลงั จ่ายเงนิ ชดเชยคา่ ธรรมเนียมการคา้ ประกนั สินเชือ่ ดงั กลา่ ว ไมเ่ กินรอ้ ยละสามจุดห้าของวงเงินค้าประกนั สนิ เช่ือใหแ้ ก่บรรษทั ประกนั สินเชอื่ อุตสาหกรรมขนาดยอ่ ม ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมยุติการค้าประกันสินเช่ือตามวรรคหน่ึง เม่ือพ้นหกเดือนนับแต่วันส้ินสุดระยะเวลาการกู้ยืมตามมาตรา ๙ การยุติการค้าประกนั สินเชือ่ ดังกล่าว ไมก่ ระทบตอ่ สทิ ธิและความรับผิดท่ีเกดิ ขนึ้ จากการคา้ ประกันที่กระทาไปก่อนแลว้ มาตรา ๑๔ ในระหว่างการดาเนินการตามมาตรา ๑๓ หากบรรษัทประกันสินเชื่อ อุตสาหกรรมขนาดย่อมขาดสภาพคล่องเฉพาะที่เกิดจากการดาเนินการตามมาตรา ๑๓ ให้กระทรวงการคลังมีหน้าท่ีและอานาจดาเนินการให้ความช่วยเหลือตามควรแก่กรณี เพื่อให้ บรรษทั ประกนั สนิ เชอื่ อตุ สาหกรรมขนาดย่อมสามารถดาเนนิ การตามพระราชกาหนดนี้ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ในการดาเนินการตามมาตรา ๑๓ หากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมมีภาระ ต้องชาระหนอี้ นั เป็นผลให้ขาดทนุ เปน็ จานวนเท่าใด ให้กระทรวงการคลังชดใช้ให้ โดยใหส้ านกั งบประมาณ ตง้ั งบประมาณชดใชเ้ ปน็ รายปีใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในห้าปีนับแตว่ นั ที่ทราบจานวนเงินทข่ี าดทนุ หลักเกณฑ์และวิธีการในการคิดผลขาดทุนตามวรรคสองให้เป็นไปตามท่ีกระทรวงการคลัง ประกาศกาหนด มาตรา ๑๕ เม่ือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมชาระหนี้ให้สถาบันการเงิน ตามมาตรา ๑๓ แล้ว ให้บรรษัทประกันสินเช่ืออุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นผู้รับช่วงสิทธิ ของสถาบันการเงนิ ทม่ี ีตอ่ ผ้ปู ระกอบธรุ กิจ การบริหารจัดการหนี้ท่ีได้รับช่วงสิทธิตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไข ท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนด โดยจะกาหนดให้มอบหมายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วย บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือบุคคลอ่ืน ดาเนินการแทนก็ได้ ในกรณีเช่นนั้นให้ถือว่าบรรษัทประกันสินเช่ือ อุตสาหกรรมขนาดยอ่ มเปน็ สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยบริษทั บริหารสินทรพั ย์ ผลกาไรทีไ่ ดจ้ ากการดาเนนิ การตามพระราชกาหนดน้ใี ห้นาสง่ คลงั เปน็ รายได้แผ่นดิน หมวด ๒ มาตรการสนับสนุนการรบั โอนทรัพยส์ ินหลกั ประกนั เพอื่ ชาระหน้ี มาตรา ๑๖ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงินเพื่อใช้ ในการดาเนนิ การตามหมวดนี้ ภายในวงเงนิ ไม่เกนิ หน่ึงแสนล้านบาท
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๑๐ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรอี าจให้กูย้ ืมเงินแก่สถาบันการเงนิ เพิ่มเติมจากวงเงินตามวรรคหนึ่งได้ แต่เมื่อรวมกับวงเงินให้กู้ยืมตามหมวด ๑ แล้ว ต้องไม่เกินวงเงิน ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง มาตรา ๑๗ สถาบันการเงินที่จะขอกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามหมวดนี้ ต้องเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับโอนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขที่ธนาคาร แห่งประเทศไทยประกาศกาหนด แต่หลักเกณฑ์และเงอื่ นไขดังกลา่ วต้องไมข่ ัดต่อหลกั เกณฑ์ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ เปน็ ลกู หนี้ของสถาบนั การเงินน้นั อยแู่ ลว้ ก่อนวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) ผู้ประกอบธุรกิจมีทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นของผู้ประกอบธุรกิจเองหรือของบุคคลอ่ืน เปน็ หลักประกนั การชาระหนี้ตาม (๑) อยู่แล้ว (๓) สถาบันการเงินรับโอนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันการชาระหน้ีตาม (๒) เพื่อชาระหนี้ ท่ีคา้ งชาระอยูต่ ามจานวนท่ตี กลงกัน (๔) ในการรับโอนทรพั ย์สนิ ตาม (๓) ต้องมเี งือ่ นไขวา่ ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ หรือเจา้ ของทรัพย์สิน อันเป็นหลักประกัน หรือบุคคลอื่นซึ่งผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันกาหนด มีสิทธิซื้อทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันคืนได้ภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ โอนทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน หรือภายในระยะเวลาท่ียาวกว่านั้นตามท่ีธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศขยายตามมาตรา ๑๙ (๕) เม่ือผู้ประกอบธุรกิจโอนทรัพย์สินตาม (๔) แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิเช่าทรัพยส์ นิ น้นั จากสถาบันการเงินเพ่ือไปประกอบธุรกิจตามสภาพแห่งทรัพย์สินได้ ตามอัตราค่าเช่าท่ีจะตกลงกัน แตต่ ้องแจง้ ความประสงค์ว่าจะเช่าให้สถาบันการเงินทราบภายในสิบหา้ วนั นับแตว่ นั ทีโ่ อนทรัพย์สนิ (๖) ราคาทรัพย์สินท่ีสถาบันการเงินจะขายคืนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สิน อันเป็นหลักประกันตาม (๔) ต้องไม่สูงกว่าราคาท่ีรับโอนไว้รวมกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และค่าใช้จา่ ยอืน่ ใดทีธ่ นาคารแหง่ ประเทศไทยประกาศกาหนด หกั ดว้ ยคา่ เชา่ ตาม (๕) มาตรา ๑๘ เม่ือสถาบันการเงินทาสัญญารับโอนทรัพย์สินตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไข ตามมาตรา ๑๗ แล้ว สถาบันการเงินมีสิทธิกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามหลักเกณฑ์ และเง่ือนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกาหนด
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๑๑ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา ภายในสองปีนับแต่วันท่ีพระราชกาหนดนี้ใช้บังคับ ให้สถาบันการเงินยื่นคาขอกู้ยืมเงิน ต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามวรรคหน่ึงได้ไม่เกินจานวนเงินท่ีเป็นราคารับโอนทรัพย์สินดังกล่าว โดยคิดดอกเบยี้ ในอัตราร้อยละศูนย์จุดศูนย์หนงึ่ ต่อปี แต่ในกรณีที่มีเหตอุ ันสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรจี ะขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปอกี ไมเ่ กนิ หนงึ่ ปีก็ได้ มาตรา ๑๙ ให้สถาบันการเงินชาระคืนเงินที่ได้กู้ยืมตามหมวดนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่ธนาคาร แห่งประเทศไทยภายในห้าปนี ับแต่วันท่ีไดร้ ับเงินกู้ หรือระยะเวลายาวกว่านั้นตามท่ีธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกาหนด การชาระคืนตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกาหนด ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๘ ตอนท่ี ๒๖ ก หน้า ๑๒ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกาหนดฉบับนี้ คือ โดยท่ีการระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส่งผลกระทบเป็นวงกวา้ งและยาวนานกว่าท่ีคาดการณ์ไว้เดิม ส่งผลให้ความเสยี่ ง ด้านเครดิตในระบบการเงินของประเทศปรับสูงข้ึนมาก แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐจะดาเนินมาตรการ ให้ความช่วยเหลือลกู หนีใ้ นดา้ นต่าง ๆ อยา่ งต่อเนอ่ื งเพือ่ บรรเทาผลกระทบท่ีเกิดข้นึ แตผ่ ้ปู ระกอบธรุ กิจ ท่ีได้รับผลกระทบจานวนมากจาเป็นตอ้ งใช้ระยะเวลาในการฟ้ืนตวั และต้องการความช่วยเหลือเพ่ิมเติม เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบธรุ กิจได้ จึงจาเป็นตอ้ งมีมาตรการทางการเงนิ เพื่อสรา้ งสภาพคล่องเพิ่มเตมิ แก่ผปู้ ระกอบธรุ กจิ ใหส้ อดคล้องกบั วัฏจกั รการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลก รวมถึงมีมาตรการลดภาระหน้ี ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธรุ กิจโอนทรัพย์สินชาระหนี้แก่สถาบนั การเงนิ โดยมีเงอ่ื นไข ซื้อคืนในราคาที่โอนไปและมีสิทธิเช่าทรัพย์สินนั้นกลับไปใช้ประกอบธุรกิจเพ่ือป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะ ขาดสภาพคล่องหรือผิดนดั ชาระหนอ้ี ันจะส่งผลต่อฐานะทางการเงินของสถาบนั การเงิน และต่อเสถียรภาพ ทางการเงินและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง การดาเนินมาตรการดังกล่าว จึงต้องกระทาโดยเร่งด่วนเพ่ือป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามบานปลาย จึงเข้าลักษณะเป็นกรณีฉุกเฉิน ทมี่ ีความจาเป็นรบี ด่วนอันมิอาจจะหลกี เล่ยี งไดเ้ พอื่ ประโยชน์ในอันท่จี ะรักษาความมน่ั คงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ จงึ จาเป็นตอ้ งตราพระราชกาหนดนี้
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: