Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tบทที่ 2 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับพลังงาน

tบทที่ 2 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับพลังงาน

Description: บทที่ 2 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับพลังงาน

Search

Read the Text Version

วชิ าโลกกบั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี บั พลงั งาน

พลงั งานคอื อะไร ii-2



ความหมายของพลงั งาน พลงั งาน หมายถงึ ความสามารถในการทาํ งานซง5ึ มอี ยู่ในตวั ของสง5ิ ทอ5ี าจใหง้ านไดโ้ ดยการ ทาํ ใหว้ ตั ถหุ รอื ธาตเุ กดิ การเคลอ5ื นทห5ี รอื เปลย5ี นรูปแบบไปได้ การทว5ี ตั ถเุ คลอ5ื นทจ5ี ากทห5ี น5ึงไปยงั อกี ทห5ี น5ึงไดก้ เ็ พราะมแี รงหรอื พลงั งานเขา้ ไปกระทาํ ซง5ึ ในนิยามของประชาชน พลงั งานจะหมายถงึ แรงงานทไ5ี ดม้ าจากธรรมชาติ เช่น ไดจ้ ากนาํL แสงแดด คลน5ื ลม และเชLอื เพลงิ ธรรมชาติ (Fossil fuel) ซง5ึ ไดแ้ ก่ ถา่ นหนิ นาํL มนั และกา๊ ซธรรมชาติ พลงั งานทส5ี ามารถหามาไดจ้ ากความรอ้ นใตพ้ ภิ พ แร่นิวเคลยี ร์ ไมฟ้ ืน แกลบและชาน ออ้ ย เรยี กวา่ พลงั งานตน้ กาํ เนิด (Primary energy) ส่วนพลงั งานทไ5ี ดม้ าโดยการนาํ พลงั งานตน้ กาํ เนิดมาแปรรูปเพอ5ื ใชป้ ระโยชนใ์ นลกั ษณะต่างๆ เช่น พลงั งานไฟฟ้า ผลติ ภณั ฑป์ ิโตรเลยี ม ถา่ น โคก๊ และกา๊ ซหงุ ตม้ เรยี กวา่ พลงั งานแปรรูป (Secondary energy) พลงั งานสามารถเปลย5ี นรูปได้ เช่น การเคลอ5ื นทข5ี องวตั ถบุ างอย่างจะเกดิ พลงั งานจลนแ์ ละเปลย5ี นพลงั งานจลนเ์ ป็นพลงั งานความ รอ้ นรวมทงLั พลงั งานความรอ้ นทไ5ี ดใ้ นสภาวะทเ5ี หมาะสมจะเกดิ พลงั งานแสงสวา่ ง

ความสาํ คญั ของพลงั งาน ความสาํ คญั ของ – พลังงานมีความสําคัญต่อสรรพสิ3งในโลก เป็ นรากฐานสําคัญท3ีทําให้ชีวิต พลงั งาน เจรญิ เตบิ โตเคล3อื นไหวทํางานได้ ไม่มอี ะไรในโลกท3ไี ม่เก3ยี วขอ้ งกบั พลงั งาน ดงั นันH หากขาดพลงั งาน มนุษย์กค็ งต้องเผชญิ กบั สถานการณ์ทเ3ี ลวรา้ ยอย่าง ใหญ่หลวง – ก่อนการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม พลงั งานจากดวงอาทิตย์ พลงั งานจากนHําและ พลงั งานจากลมเป็นแหล่งพลงั งานท3มี นุษยชาตริ ูจ้ กั นํามาใช้ แสงอาทติ ย์ช่วย สรา้ งอาหารสาํ หรบั พชื แสดงอาทติ ยม์ ปี ระโยชน์ต่อมวลมนุษยอ์ ยา่ งมากมาย

ความสาํ คญั ของ – ตงั# แต่ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ 6,888 ปีทผ;ี ่านมา มนุษยร์ ูจ้ กั ใชเ้รอื ทแ;ี ลน่ โดยใชพ้ ลงั งานลม พลงั งาน (ต่อ) ต่อมาอกี J,888 ปี รูจ้ กั ใชก้ งั หนั ลม กงั หนั นาํ# มารูจ้ กั หลงั จากนน#ั ถา่ นหนิ กม็ าใชเ้มอ;ื ไมก่ ;ี รอ้ ยปีทผ;ี ่านมา – ส่วนนาํ# มนั และกา๊ ซเป็นพลงั งานทใ;ี ชก้ นั มาเมอ;ื R88 กวา่ ปีมาน#นี บั ไดว้ า่ พลงั งานเป็น สง;ิ จาํ เป็นของมนุษยใ์ นโลกปจั จบุ นั และทวคี วามสาํ คญั ข#นึ เมอ;ื โลกยง;ิ พฒั นามากข#นึ แหลง่ พลงั งานเร;มิ ค่อย ๆ เปลย;ี นไปเป็นแหลง่ พลงั งานทต;ี อ้ งอาศยั เทคโนโลยใี นการผลติ มาก ยง;ิ ข#นึ จากนาํ# มนั ปิโตรเลยี มไปเป็นพลงั งานแสงอาทติ ยแ์ ละพลงั งานลมเป็นตน้ – ประเทศไทยมแี หลง่ พลงั งานหลายประเภทดว้ ยกนั แต่อาจจะมใี นปรมิ าณทค;ี ่อนขา้ งนอ้ ย เมอ;ื เทยี บกบั หลายประเทศ ซง;ึ บางครง#ั วกิ ฤตการณข์ องโลกทาํ ใหส้ ่งผลกระทบต่อประเทศ ไทยอย่างหลกี เลย;ี งไมไ่ ด้

การใชพ้ ลงั งานของมนุษย์ ยุคปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม (ครสิ ตศ์ ตวรรษท7ี 19) § มกี ารประดษิ ฐเ์ คร7อื งจกั รไอนาํB เร7มิ มกี ารใชถ้ า่ นหนิ เป็นเชBอื เพลงิ แทนการใช้ ไม้ และใชก้ งั หนั นาํB และลมในการเกษตร เช่น การใชก้ งั หนั ลมในการสขี า้ ว ววิ ฒั นาการของพลงั งาน เคร9อื งจกั รไอน=ํา กงั หนั น=ํา

ววิ ฒั นาการ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท=ี 5 (พ.ศ. 2411 – พ.ศ. 2453) พลงั งานใน ประเทศไทย § ไดม้ กี ารใชไ้ ฟฟ้าเกดิ ขMนึ ครงMั แรก § ในปี พ.ศ. 2427 มกี ารซMอื เคร=อื งกาํ เนดิ ไฟฟ้ามาสองเคร=อื งและซMอื สายเคเบMลิ มาจากประเทศ องั กฤษ และมกี ารนาํ ไฟฟ้าไปใชใ้ นดา้ นการสญั จรซง=ึ ในสมยั นนัM เรยี กวา่ รถรางไฟฟ้า ทงัM ใน กรุงเทพฯและหวั เมอื งบางแห่ง § ในปี พ.ศ. 2431 มกี ารสรา้ งโรงไฟฟ้าเพอ=ื ผลติ กระแสไฟฟ้าและจาํ หน่ายใหก้ บั ประชาชน § เร=มิ มกี ารก่อสรา้ งสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น โทรศพั ท์ ไปรษณีย์ โทรเลข โรงพยาบาล เป็นตน้ รถไฟฟ้ า รถรางไฟฟ้ า

วิวฒั นาการการใช้ § ปี พ.ศ. 2435 ประเทศไทยมกี ารนาํ เขา้ พลงั งานจากต่างประเทศ เช่น ผลติ ภณั ฑ์ พลงั งานในประเทศ จากปิโตรเลยี ม หรอื ทเIี รยี กกนั ทวัI ไปวา่ นาํK มนั โดยบรษิ ทั รอยลั ดทั ช์ ปิโตรเลยี ม ไทย (ต่อ) จาํ กดั § ปี พ.ศ. 2488 บรษิ ทั รอยลั ดทั ช์ ปิโตรเลยี ม จาํ กดั ไดก้ ่อตงัK บรษิ ทั ลูกขKนึ มาชIอื วา่ บรษิ ทั เชลล์ แห่งประเทศไทย จาํ กดั และทาํ การตงKั สถานีบรกิ ารนาํK มนั ขKนึ § ปี พ.ศ. 2503 รฐั บาลไดต้ ราพระราชกฤษฏกี าใหม้ กี ารตงKั องคก์ ารเชKอื เพลงิ ขKนึ เพอIื ใหม้ คี วามสะดวกต่อการดาํ เนินธุรกจิ โดยมตี ราสญั ลกั ษณก์ ารคา้ “สามทหาร” ต่อมาคอื บรษิ ทั ปตท.จาํ กดั มหาชน

ประเภทของ 1. แหลง่ พลงั งานส/นิ เปลอื ง (Non-renewable energy แหลง่ พลงั งาน resources) แหลง่ พลงั งานทไ3ี มส่ ามารถสรา้ งข:นึ มาใหม่ หรอื หามาทดแทนไดท้ นั ตามความ ตอ้ งการมแี ต่จะลดนอ้ ยลงไปหรอื หมดส:นิ ไป ไดแ้ ก่ กา๊ ซธรรมชาติ นาํ: มนั ดบิ ถา่ นหนิ และพลงั งานนิวเคลยี ร์

ประเภทของ 2. แหลง่ พลงั งานหมนุ เวยี น (Renewable energy resources) แหลง่ พลงั งาน แหลง่ พลงั งานทไ3ี ดจ้ ากธรรมชาตใิ ชไ้ ดไ้ มม่ วี นั หมด หรอื สามารถสรา้ งทดแทนได้ ในช่วงเวลาสนDั ๆ โดยธรรมชาตหิ ลงั จากมกี ารใชไ้ ป และไมท่ าํ ใหเ้กดิ มลพษิ ต่อ สง3ิ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลงั งานนาํD เป็นตน้

รูปแบบของ พลงั งานศกั ย์ พลงั งาน ต่างๆ พลงั งานศกั ย์ หมายถงึ พลงั งานทว/ี ตั ถมุ อี ยู่ขณะทว/ี ตั ถุ ถกู ยดึ ใหอ้ ยู่น/ิงอยู่กบั ทภ/ี ายใตส้ นามพลงั หรอื พลงั งานท/ี เกบ็ หรอื แฝงในวตั ถนุ นGั เช่น กอ้ นหนิ มพี ลงั งานศกั ย์ จงึ ทาํ ใหโ้ มเลกลุ ของมนั เกาะรวมกนั อยู่เป็นกอ้ น พลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ ง พลงั งานศกั ยย์ ดื หยุ่น พลงั งานศกั ยไ์ ฟฟ้า

พลงั งานจลน์ รู ป แ บ บ ข อ ง พลงั งานจลน์ หมายถงึ พลงั งานทม1ี ใี นวตั ถุ เน1ืองมาจากการ พ ลั ง ง า น เคลอ1ื นทข1ี องวตั ถดุ ว้ ยความเรว็ เช่น กอ้ นหนิ ตกลงสู่พEนื ได้ ต่างๆ (ต่อ) เพราะมพี ลงั งานจลนเ์ กดิ ขEนึ จากการเคลอ1ื นทข1ี องกอ้ นหนิ

รู ป แ บ บ ข อ ง พลงั งานกล พ ลั ง ง า น ต่างๆ (ต่อ) เป็นพลงั งานท,นี ํามาใชโ้ ดยผ่านกลไก ท,ไี ดม้ าจากการเคล,อื นท,โี ดย เร,มิ จากพลงั งานศกั ยท์ ,สี ะสมอยู่ในวตั ถแุ ลว้ เปลย,ี นเป็นพลงั งานจลน์ เม,ือมีการเคล,อื นท,ี เช่น นJําในเข,ือนมีพลงั ศกั ยส์ ะสมอยู่เม,ือปลอ่ ยให้ ไหล จะเปลย,ี นเป็นพลงั งานจลนน์ Jําไหลไปผ่านกงั หนั ทาํ ใหเ้ พลา หมนุ เกดิ เป็นพลงั งานไฟฟ้ า เราเรยี กวา่ พลงั งานกล

พลงั งานความรอ้ น รู ป แ บ บ ข อ ง คอื วตั ถุ มีการเปล6ยี นแปลงอณุ หภมู ิ จะเกดิ การถา่ ยเท พ ลั ง ง า น ความรอ้ น ซ6ึงเป็นความรอ้ นท6สี มั ผสั ได้ เช่นความรอ้ น ต่างๆ (ต่อ) จากเชJือเพลงิ ความรอ้ นท6เี กดิ การเสยี ดสขี องวตั ถุ

รู ป แ บ บ ข อ ง พลงั งานเคมี พ ลั ง ง า น ต่างๆ (ต่อ) เป็นพลงั งานที,สะสมในแหล่งพลงั งาน เกิดจากการเปลี,ยนรปู ของปฎิกิริยาเคมี จะทาํ ให้พลงั งานความออกมา พลงั งานเคมี สะสมอย่ภู ายในเป็นเชืFอเพลิงท,ีต้องการเผาไหม้ เช่น ถ่านหิน นํFามนั เตานFํามนั ดิบ แกส๊ ธรรมชาติ การบริโภคกถ็ ือว่าเกิด พลงั งานเคมีเช่นเดียวกนั

พลงั งานไฟฟ้า แบง่ เป็น 1 ประเภทได้แก่ ไฟฟ้ ากระแส ไฟฟ้ าสถติ

รู ป แ บ บ ข อ ง พลงั งานจากรงั สี พลงั งาน ต่างๆ (ต่อ) รังสีเป็ นการปล่อยอนุภาคหรือพลงั งานในรูปของคล9ืนแม่เหล็กไฟฟ้ า โดยสเปกตรัมของคล9ืน แม่เหลก็ ไฟฟ้า แบ่งไดห้ ลายชนิด ขGนึ กบั ความยาวคลน9ื และความถข9ี องรงั สแี ต่ละชนิด พลงั งานดงั กล่าวจะถูก ปลอ่ ยออกมาจากอะตอม ในหลายรูปแบบ เช่น แสง ความรอ้ น คลน9ื วทิ ยุ คลน9ื โทรทศั น์ และกมั มนั ตรงั สี รงั สี แบง่ ออกเป็น O ประเภท ไดแ้ ก่ รงั สแี ตกตวั และรงั สไี มแ่ ตกตวั ความยาวคลน9ื ของรงั สจี ะแปลผกผนั กบั ความถ9ี ของรงั สี โดยรงั สที ม9ี คี วามยาวคลน9ื ตาํ9 จะมคี วามถส9ี ูง ในขณะทพ9ี ลงั งานหรอื ความสามารถในการทะลทุ ะลวงของ รงั สจี ะแปลผนั ตรงกบั ความถ9ี โดยลาํ รงั สที ม9ี คี วามถส9ี ูง จะมพี ลงั งานสูงดว้ ย

ประเภทของรงั สมี ี D กลมุ่ รูปแบบของพลงั งาน 1. รงั สแี ตกตวั ได้ (Ionizing Radiation) ต่างๆ (ต่อ) !.! รงั สแี อลฟา !.. รงั สบี ตี า !.1 รงั สแี กมมา !.4 รงั สเี อกซ์ !.8 รงั สนี ิวตรอน

รู ป แ บ บ ข อ ง 2. รงั สไี ม่มีการแตกตวั (Non Ionizing Radiation) พลงั งาน ต่างๆ (ต่อ) รงั สไี ม่แตกตวั (Non-Ionizing radiation) หมายถงึ รงั สที พ.ี ลงั งานเพยี งพอทจ.ี ะกระตนุ้ อะตอม หรืออิเลค็ ตรอนแต่ไม่เพยี งพอท.จี ะนาํ อิเลก็ ตรอนออกมาจาก ออบติ อล (Orbital) ของอะตอม ตวั อย่างของรงั สที ไ.ี มแ่ ตกตวั เช่น Ultraviolet, Infrared, Microwave และ Radio อนั ตรายของ รงั สกี ลมุ่ นFีมหี ลายรูปแบบขFนึ กบั รงั สี เช่น รงั สี Ultraviolet radiation (UV) ทม.ี ผี ลกระทบต่อ ดวงตา และสามารถทาํ ใหเ้กดิ มะเรง็ ผวิ หนงั ได้ ส่วนรงั สอี นิ ฟราเรดและไมโครเวฟ อนั ตรายจะเป็น ลกั ษณะของคลน.ื ความรอ้ น มผี ลต่อการทาํ งานของเซลลร์ ่างกายเป็นตน้ ส่วนคลน.ื วทิ ยุโทรทศั นก์ ็ มผี ลกระทบต่อการทาํ งานของระบบสมอง เป็นตน้

สถานการณ์พลงั งาน แนวโนม้ การเพม4ิ ข7ึนของการใชพ้ ลงั งานแต่ละประเภท ท4มี า : U.S. Energy Information Administration, 2016

สถานการณ์พลงั งาน ระยะเวลาทป*ี รมิ าณสาํ รองของเช6อื เพลงิ ฟอสซลิ ทใ*ี ชป้ ระโยชนไ์ ด้ ท/มี า : ดดั แปลงจาก BP Statistical Review of World Energy, 2018

สถานการณ์พลงั งาน ปรากฏการณก์ ารใชพ้ ลงั งานของโลก ท/มี า : World Energy Council, 2016

สถานการณ์ ภาพรวมการใชพ้ ลงั งานของประเทศไทย พลงั งานของประเทศ การใชพ้ ลงั งานขนั- ตน้ ระหวา่ งปี 6777 – 2559 ไทย ท=มี า : กระทรวงพลงั งาน, 677;

พลงั งานเชิงพาณิชยข์ น.ั ตน้

พลงั งานจากถา่ นหนิ คา่ ความรอ้ นสงู Ø เกดิ จากการทบั ถมของซากพชื ตามธรรมชาติ (ลา้ นปี -รอ้ ยลา้ นปี) Ø เมอ@ื ไดร้ บั แรงกดดนั และความรอ้ น รวมทงัF การกระทาํ ของจลุ นิ ทรยี ์ ทาํ ใหซ้ ากพชื เหลา่ นนัF เปลย@ี นแปลงเป็นชนFั ของถา่ นหนิ ต่างๆ Ø ชนัF ของถา่ นหนิ (Coal rank) : Ø แอนทราไซต์ (Anthracite) Ø บทิ ูมนิ สั (Bituminous) Ø ซบั บทิ ูมินสั (Sub-bituminus) Ø ลกิ ไนต์ (Lignite) Ø พที (Peat)

แผนท&ีแสดง แ อ่ ง ถ่ า น หิ น ในประเทศ ไทย



พลงั งานนํา( มนั และกา๊ ซธรรมชาติ v เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน v สถานะเป็นกา๊ ซ (Gas Phase) มอี งคป์ ระกอบ ส่วนใหญ่เป็นไฮโดรคารบ์ อนทเGี บา คอื มคี ารบ์ อน นอ้ ย ตงัM แต่ C1-C4 v สถานะเป็นของเหลว (Liquid Phase) มี ส่วนประกอบของไฮโดรคารบ์ อนชนิดหนกั (ตงMั แต่ C5 ขMนึ ไป) ปะปนอยู่กบั กา๊ ซเนGืองจากมอี ยู่มากซงGึ จะอยู่ในสถานะใดนนMั ขMนึ อยู่กบั อณุ หภมู ิ (Temperature) และความดนั (Pressure)

ปิ โตรเลียม เป็ นสารประกอบ ไฮโดรคารบ์ อนท4เี กดิ ข8ึนเอง โดยธรรมชาติ

แหลง่ ปิโตรเลยี มทค0ี น้ พบใน ประเทศไทย ทม0ี า: กรมเช>อื เพลงิ ธรรมชาติ

ปิโตรเลยี ม แบ่งเป็น 1. แกส๊ ธรรมชาติ 1. แกส๊ แหง้ 2. แกส๊ ช>ืน 3. แกส๊ ธรรมชาตเิ หลว 2. น>ํามนั ดิบ - น>ํามนั เบนซิน น>ํามนั ดีเซล น>ํามนั กา๊ ด



–ผลติ ภณั ฑจ์ ากการกลนั. น1ํามนั 3. แกส๊ LPG ไดใ้ นสว่ นท.เี บาท.สี ดุ ท.ไี ดจ้ ากการกลนั. ใช้ สาํ หรบั การหงุ ตม้ J. น1ํามนั เบนซินธรรมดา (สาํ หรบั รถยนต)์ 3. แนพธา เป็นน1ํามนั เบนซินท.ตี อ้ งนําไปปรบั ปรุงคณุ ภาพ เพอ.ื เพม.ิ ค่าออกเทน X. น1ํามนั กา๊ ด นําไปใชส้ าํ หรบั จุดไฟ หรอื นําไปใชเ้ ป็นน1ํามนั เช1ือเพลงิ ของเคร.อื งยนตเ์ จท [. น1ํามนั ดีเซล 6. น1ํามนั เช1ือเพลงิ ท.ใี ชใ้ นเรอื และโรงงานอตุ สาหกรรม 7. น1ํามนั หลอ่ ล.นื ท.ใี ชข้ ดั เงา `. บทิ ูเมน (ยางมะตอย)

NGV=Natural Gas for Vehicles หรอื กา๊ ซธรรมชาตสิ าํ หรบั ยานยนต์ อยู่ใน I รูปแบบคอื ØCNG ซงOึ ย่อมาจาก Compressed Natural Gas หรอื กา๊ ซธรรมชาตอิ ดั ØLNG ซงOึ ย่อมาจาก Liquified Natural Gas หรอื กา๊ ซธรรมชาตเิ หลว



สว่ นประกอบของกา๊ ซธรรมชาตเิ อนจวี ี กา๊ ซมเี ทน C1 72% 7% กา๊ ซอเี ทน C2 2% กา๊ ซโปรเพน C3 1% 1% กา๊ ซบวิ เทน C4 ก๊าซเช(ือเพลิงอ.ืน กา๊ ซไนโตรเจน N2 2% กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ CO2 15%



อนาคต พลงั งานไทย

ii-40

ii-41

ENERGY 4.0 Energy 1.0 คอื ยุคของการคน้ พบไฟและการเร7มิ ตน้ ของพลงั งาน Energy 2.0 คอื ยุคของการคน้ พบถา่ นหนิ และแร่ธาตเุ พอ7ื นาํ มาจดุ ไฟ และนาํ ไปใชใ้ น ภาคอตุ สาหกรรมและการเกษตรขนาดเลก็ Energy 3.0 คอื ยุคปจั จบุ นั ซง7ึ เป็นยุคของการคน้ พบนาํK มนั กา๊ ซธรรมชาติ เพอ7ื นาํ ไปใชง้ าน อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ Energy 4.0 คือ ยุคของการขบั เคลอ7ื นภายใตก้ ารใชเ้ ทคโนโลยีและนวตั กรรม มกี ารพฒั นาการ ใชพ้ ลงั งานของประเทศใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและมมี ลู ค่าเพม7ิ มากขKนึ มกี ารมงุ่ เนน้ การใชพ้ ลงั งานสะอาดใหส้ อดรบั กบั เทคโนโลยที ก7ี าํ ลงั จะเปลย7ี นแปลงไป

ประโยชนข์ อง นโยบาย Energy 4.0

องคป์ ระกอบเมืองอจั ฉรยิ ะและเทคโนโลยที 8เี หมาะสม § ระบบบรหิ ารจดั การพลงั งานระดบั ชมุ ชน (Community Energy Management Systems: CEMS) • โครงขา่ ยไฟฟ้าอจั ฉรยิ ะ (Smart Grid) “Smart Grid” หรอื โครงขา่ ยจ่ายไฟอจั ฉรยิ ะ • ระบบสะสมพลงั งาน (Energy Storage) ระบบสะสมพลงั งานทาํ หนา้ ทเYี พมYิ ความ ยดื หยุ่นใหก้ บั ระบบไฟฟ้า • เทคโนโลยดี า้ นสาธารณูปโภคพbนื ฐานและดา้ นสงYิ แวดลอ้ มในระบบจดั การนาํb § เทคโนโลยดี า้ นสารสนเทศ เช่น เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตความเรว็ สูง Cloud Computing, Embedded System, Big Data & Analysis และ Image Processing § เทคโนโลยกี ารจดั การคมนาคมขนส่ง มหานครส่วนใหญ่มกั จะประสบกบั ปญั หาดา้ น การจราจรตดิ ขดั

อะไรคอื พลงั งานทางเลอื กในอนาคต

พลงั งานไฮโดรเจน ü ไฮโดรเจนเป็นธาตุท1เี บาท1สี ุดและเป็น องคป์ ระกอบของนาํ> (H2O) ทม1ี มี าก ทส1ี ุดบนโลก ü ในปี ค.ศ. IJKI โรเบิร์ต บอยล์ (Robert Boyle) คน้ พบวา่ การทาํ ปฏกิ ิริยาระหว่างเหลก็ และกรดอ่อนๆ ทาํ ใหเ้กดิ กา๊ ซไฮโดรเจน

พฒั นาการของยานยนต์ ii-47

ขอ้ ดีของ Hydrogen fuel cell ในรถยนต์ ตวั อย่างยานยนตพ์ ลงั งานไฮโดรเจน 1) ไมม่ กี ารปลอ่ ยสารพษิ (Zero- Emission) 2) การบาํ รุงรกั ษานอ้ ย F) ไฮโดรเจนมอี ยู่ทวัN ไปสามารถใชเ้ป็น แหลง่ พลงั งานไดเ้ป็นอย่างดี V) ใชใ้ นททNี มNี อี ากาศหนาวจดั ได้ 5) Fuel cell มขี นาดเลก็ และนาํ_ หนกั เบา และมปี ระสทิ ธภิ าพดกี วา่ รถปกตถิ งึ F เท่า d) เดนิ ทางระยะไกลโดยไมต่ อ้ งแวะเตมิ เช_อื เพลงิ f) การเตมิ เช_อื เพลงิ ไฮโดรเจนใชเ้วลานอ้ ย g) มคี วามปลอดภยั สูง

พลงั งานไฮโดรเจนใน เคร1อื งยนตส์ นั ดาปภายใน

กรณีศึกษา เทคโนโลยี CETO นําพาพลงั งาน คล:นื สูพ่ ลงั งานไฟฟ้ า ทม#ี า : (สํานักงานนโยบายและแผนพลงั งาน กระทรวงพลงั งาน, 2555) เทคโนโลยที พี# ัฒนาขนึ; โดย คารเ์ นกเี วฟ เอนเนอรย์ ี ทนี# อกจากใชท้ นุ่ ทเี# คลอื# นทตี# าม แรงซดั ของคลน#ื ในการหมนุ กงั หนั ผลติ กระแสไฟฟ้า และยงั สามรถผลติ นํ;าจดื ไดจ้ าก การแยกเกลอื จากน;ําทะเลภายในระบบเยอ#ื เมมเบรน