Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รูปแบบการเรียนการสอน

รูปแบบการเรียนการสอน

Description: บทที่.3 รูปแบบการเรียนการสอน

Search

Read the Text Version

1

รูปแบบการเรียนการสอน คาวา่ รูปแบบการสอน รูปแบบการเรียนการสอน และรูปแบบการเรยี นรู้ ยงั คงเป็นคาทม่ี ี การนามาใชใ้ นความหมายท่ีเหมือนกนั นักการศกึ ษาไดใ้ ห้ความหมาย ของรปู แบบการเรียนการสอนดงั นี้ 2

จอยสแ์ ละวีล อ้างแนวคิดของดิวอ้ี (Dewey) ท่กี ลา่ วว่าแกน่ ของกระบวนการสอน กค็ อื การจดั สง่ิ แวดลอ้ มให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพนั ธร์ ่วมดว้ ยเพื่อศึกษาหาวิธีวา่ จะเรยี นรู้ ได้อย่างไร ตง้ั แตก่ ารวางแผนหลักสูตร รายวิชา หนว่ ยการเรยี นรแู้ ละบทเรยี น ไป จนถงึ การออกแบบและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน 3

เอกเกนและคอชัค (Eggen & Kauchak) กล่าวว่ารูปแบบการสอน หมายถงึ กลวธิ กี ารสอนเฉพาะทีไ่ ดร้ ับการออกแบบโดยมี พน้ื ฐานมาจากทฤษฎกี ารเรียนรู้และการจูงใจเพ่ือช่วยให้ผเู้ รยี นบรรลจุ ดุ ประสงคก์ าร เรียนรู้ 4

ทศิ นา แขมมณี ใหค้ วามหมายของรปู แบบการเรียนการสอน คอื สภาพลักษณะของการเรียนการสอนท่ี ครอบคลุมองค์ประกอบสาคัญซงึ่ ไดร้ บั การจดั ไว้อยา่ งเป็นระบบ ตามหลักปรัชญา ทฤษฎีหลักการ แนวคดิ หรือความเช่อื ตา่ ง ๆ โดยประกอบด้วยกระบวนการ หรือข้ันตอนสาคัญในการเรยี นการสอน รวมทง้ั วธิ สี อนและเทคนิคการสอนตา่ ง ๆ ท่สี ามารถชว่ ยใหก้ ารเรียนการสอนนั้นเป็นไปตามทฤษฎี 5

สรุปไดว้ า่ จากความหมายที่นามากล่าวขา้ งตน้ รูปแบบการเรยี นการสอนจงึ เป็นแบบแผนของ การจัดการเรียนการสอนท่ไี ด้รบั การออกแบบโดยมที ฤษฎกี ารเรยี นรแู้ ละการจงู ใจเปน็ พ้นื ฐาน เพ่อื ใชเ้ ป็นแนวทางใหแ้ ก่ครูนาไปจดั การเรยี นการสอนใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงค์ เฉพาะของรปู แบบการเรยี นการสอนนนั้ 6

รปู แบบการเรยี นการสอนแบบ การเรียนรแู้ บบใฝ่รู้ (Active Learning) การเรียนรแู้ บบใฝร่ ู้ (Active Learning) เป็นการเรยี นรทู้ ่ีพัฒนาทกั ษะความคิดระดับสูงอยา่ ง มปี ระสิทธิภาพชว่ ยใหผ้ เู้ รียนวิเคราะหส์ ังเคราะห์ใหมไ่ ด้ดีและประเมินขอ้ มูลในสถานการณ์ในทสี่ ดุ จะชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ แรงจูงใจ จนสามารถชน้ี าตลอดชวี ติ ในฐานะผู้ฝกั ใฝก่ ารเรียนรู้ ธรรมชาติ ของการเรยี นรู้แบบ Active Learning ประกอบด้วยลักษณะสาคญั ตอ่ ไปนี้ 7

1. เป็นการเรียนรู้ที่มุ่งลดการถ่ายทอดความรู้จากผู้สอนสู่ผู้เรียนให้น้อยลง และพัฒนาทักษะให้เกดิ กับผู้เรียน 2. ผูเ้ รยี นมีส่วนร่วมในชั้นเรยี นโดยลงมือกระทามากกวา่ นั่งฟังเพียงอยา่ งเดยี ว 3. ผเู้ รยี นมีสว่ นในกิจกรรมเช่นอา่ นอภปิ รายและเขียน 4. เนน้ การสารวจเจตคตแิ ละคุณค่าทม่ี ีอยใู่ นผเู้ รียน 5. ผเู้ รยี นได้พฒั นาการคดิ ระดับสงู ในการวเิ คราะห์สงั เคราะหแ์ ละประเมินผลการนาไปใช้ 6. ทงั้ ผู้เรียนและผู้สอนรับข้อมลู ปอ้ นกลับจากการสะทอ้ นความคดิ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 8

การสอนแบบ Active Learning ไดด้ ังน้ี 1. เป็นการเรยี นการสอนที่พฒั นาศกั ยภาพทางสมองไดแ้ กก่ ารคิด การแกป้ ัญหาและการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ 2. เป็นการเรียนการสอนท่เี ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนมสี ว่ นร่วมใน กระบวนการเรยี นรสู้ งู สุด 3. ผูเ้ รยี นสร้างองค์ความรู้และจดั ระบบการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 9

4. ผเู้ รียนมสี ่วนรว่ มในการเรียนการสอนทง้ั ในด้านการสร้างองค์ ความรูก้ ารสร้างปฎสิ ัมพนั ธ์ร่วมกันร่วมมอื กนั มากกวา่ การแข่งขัน 10

5. ผเู้ รียนเรยี นรูค้ วามรบั ผดิ ชอบร่วมกนั การมีวนิ ัยในการ ทางานการแบง่ หนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบ 6. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณใ์ หผ้ ูเ้ รยี นอ่านพูดฟงั คดิ อยา่ ง ลมุ่ ลกึ ผ้เู รียนจะเป็นผู้จัดระบบการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 7. เป็นกจิ กรรมการเรียนการสอนเน้นทกั ษะการคิดข้ันสงู 11

8. เปน็ กจิ กรรมทเี่ ปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นบรู ณาการข้อมลู ขา่ วสารหรอื สารสนเทศและ หลักการความคดิ รวบยอด 9. ผสู้ อนจะเปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรเู้ พ่ือให้ผ้เู รียนเปน็ ผู้ปฏิบตั ิดว้ ย ตนเอง 10.ความรู้เกิดจากประสบการณก์ ารสร้างองค์ความร้แู ละการสรปุ ทบทวนของผเู้ รยี น 12

การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ครจู งึ ต้องมคี วามตื่นตวั และเตรียมพร้อมในการจดั การเรยี นรูเ้ พ่อื เตรียมความพรอ้ มให้นักเรยี น มที กั ษะสาหรบั การออกไปดารงชีวติ ในโลก นัน่ คอื ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ทีส่ ง่ ผล ให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรยี นรู้เพ่ือใหเ้ ดก็ มคี วามรู้ ความสามารถ และทักษะจาเป็น ซง่ึ เปน็ ผลจากการปฏริ ูปเปล่ยี นแปลงรปู แบบการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการเตรียมความ พรอ้ มด้านต่าง ๆ 13

ทักษะด้านการเรยี นรู้และนวตั กรรม จะเป็นตัวกาหนดความพร้อมของนักเรียนเขา้ สู่โลกการทางานท่มี คี วามซบั ซอ้ นมากข้นึ ในปัจจุบนั ไดแ้ ก่ ความรเิ ริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และการแกป้ ัญหา การสื่อสารและการรว่ มมือ 14

ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี เนอ่ื งดว้ ยในปจั จบุ ันมกี ารเผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสารผา่ นทางสื่อและเทคโนโลยมี ากมาย ผู้เรยี นจึงตอ้ งมคี วามสามารถในการแสดงทกั ษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและ ปฏบิ ัติงานไดห้ ลากหลาย โดยอาศยั ความรู้ในหลายด้าน ดังน้ี ความรดู้ า้ นสารสนเทศ ความรเู้ กีย่ วกบั สอื่ และความรู้ดา้ นเทคโนโลยี 15

ทักษะดา้ นชีวิตและอาชีพ ในการดารงชีวติ และทางาน ในยุคปจั จุบนั ให้ประสบความสาเรจ็ นกั เรยี นจะตอ้ งพัฒนาทักษะชีวิตทีส่ าคญั คือ ความ ยืดหยนุ่ และการปรบั ตัว การริเริ่มสรา้ งสรรค์และเปน็ ตวั ของตวั เอง ทกั ษะสังคมและ สังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผู้สร้างหรอื ผผู้ ลติ และความรับผดิ ชอบเชอ่ื ถอื ได้ ภาวะ ผนู้ าและความรับผดิ ชอบ 16

ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 การเรยี นรู้ 3R Reading (อา่ นออก) Riting (เขียนได)้ Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) 17

ทักษะอาชีพ และ ทกั ษะดา้ นการ ทกั ษะการเรยี นรู้ สรา้ งสรรค์ และ นวตั กรรม ทกั ษะดา้ นการส่ือสาร การเรียนรู้ 7C ทักษะด้านการคดิ อย่างมี สารสนเทศ และรูเ้ ท่าทนั สือ่ วจิ ารณญาณ และทกั ษะในการ แกป้ ัญหา ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ ทักษะดา้ นความเขา้ ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ใจความตา่ ง การทางานเป็นทมี และ และการสือ่ สาร วัฒนธรรม ต่าง ภาวะผู้นา กระบวนทัศน์ 18

กระบวนการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21 1. กระบวนการเรยี นรูแ้ บบลงมือปฏบิ ัติ มี 3 ลกั ษณะ คือ 2. กระบวนการเรยี นรู้ผา่ นการสอ่ื สารอย่างสร้างสรรค์ 3. การเรียนร้แู บบข้นั บนั ได(IS) 19

1.กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบตั ิ เปน็ แนวคิดหรอื ความเชอ่ื ท่สี นบั สนุนให้คนเราปฏบิ ัตสิ ่ิงต่างๆดว้ ยตนเองตามความสนใจ ตาม ความถนดั และศกั ยภาพ ด้วยการศกึ ษา ค้นควา้ ฝกึ ปฏิบัติ ฝกึ ทักษะจนถงึ การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง เพราะเชอ่ื วา่ หากคนเราไดก้ ระทาจะทาให้เกดิ ความเชือ่ ม่ันเปน็ แรงจงู ใจให้เกดิ การใฝร่ ู้ ใฝ่เรยี น ผ้เู รียนจะสนกุ สนานท่จี ะสืบคน้ หาความรู้ตอ่ ไป มคี วามสุขที่จะเรียน มลี ักษณะดงั น้ี 20

1.1 การเรยี นรูผ้ ่านการทางาน (Work-based Learning) การเรยี นรแู้ บบนเ้ี ป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมผ้เู รยี นใหเ้ กดิ พฒั นาการทกุ ดา้ น ไม่วา่ จะ เปน็ การเรยี นรเู้ นื้อหาสาระ การฝกึ ปฏิบตั จิ ริง ฝึกฝนทกั ษะทางสังคม ทกั ษะชีวิต ทักษะวิชาชพี การ พฒั นาทกั ษะการคิดข้ันสงู โดยสถาบนั การศกึ ษามักรว่ มมอื กับแหล่งงานในชมุ ชน 21

1.2 การเรยี นรู้ผ่านโครงงาน (Project-based Learning) การเรียนรดู้ ้วยโครงงานเป็นการจดั การเรียนร้ทู ี่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญรูปแบบหนงึ่ ท่ีเป็นการ ให้ผเู้ รียนไดล้ งมือปฏิบัติจรงิ ในลักษณะของการศกึ ษา สารวจ คน้ ควา้ ทดลอง ประดษิ ฐ์คิดคน้ 22

1.3 การเรียนรผู้ า่ นกจิ กรรม (Activity-based Learning) ยดึ หลกั การใหผ้ ู้เรยี นสรา้ งองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง “Child Centered” การเรยี นโดยการปฏบิ ตั ิ จริง Learning by Doing และปฏบิ ตั เิ พ่อื ใหเ้ กิดการเรียนรแู้ ละแก้ปัญหาได้ 23

1.4 การเรยี นรูผ้ า่ นการแกป้ ัญหา (Problem-based Learning) เนน้ ผู้เรียนเป็นศนู ยก์ ลาง และรู้จกั การทางานรว่ มกันเปน็ ทีมของผู้เรียน โดยผูส้ อนมสี ว่ นรว่ มนอ้ ย แต่ก็ท้าทายผสู้ อนมากท่ีสุด กระบวนการการเรยี นรู้โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน จะจดั ผู้เรียนเป็นกล่มุ ยอ่ ย ขนาดประมาณ 8 -10 คน โดยมคี รูหรอื ผู้สอนประจากลุ่ม 1 คน ทาหน้าทเี่ ปน็ ผสู้ นบั สนุน การการเรยี นรู้ 24

1.5 การเรยี นรู้ผา่ นกระบวนการทางวิทยาศาสตรห์ รือวธิ วี ิจัย (Research-based Learning) การเรียนรูท้ ่ีเนน้ การวิจัยถอื ไดว้ ่าเปน็ หวั ใจของบณั ฑติ ศกึ ษา เพราะเป็นการเรียนท่เี นน้ การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองของผเู้ รียนโดยตรง เปน็ การพัฒนากระบวนการแสวงหา ความรู้ และการทดสอบความสามารถทางการเรียนร้ดู ้วยตนเองของผเู้ รียน 25

1.6 ชุมชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี (Professional Learning Community) การรวมตวั รว่ มใจร่วมพลังร่วมทา และร่วมเรียนรูร้ ว่ มกนั ของครูผู้บรหิ าร และนกั การศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพนั ธ์แบบกัลยาณมิตร มีวิสยั ทศั น์ คณุ ค่า เป้าหมายและภารกจิ รว่ มกนั โดยทางานร่วมกนั แบบทมี เรียนรู้ทค่ี รูเป็นผู้นาร่วมกัน และผบู้ ริหารแบบผู้ดแู ล สนับสนนุ ส่กู ารเรยี นรู้และพัฒนาวชิ าชีพเปลย่ี นแปลงคุณภาพตนเอง 26

1.7 การสอนแบบสร้างสรรค์เปน็ ฐาน (Creativity-based learning) เป็นหน่งึ ในรูปแบบการสอนแนว active learning ท่วี ิจัยกับเด็กไทย เพ่ือออกแบบการสอน ใหผ้ ู้เรยี นได้ ครบสองด้าน คือไดท้ ง้ั ด้านเน้อื หาวิชา และทักษะในศตวรรษท่ี21 โดยเฉพาะ อยา่ งยิง่ ดว้ ยการสอนรูปแบบนจ้ี ะทาใหผ้ เู้ รยี นมที ักษะในการคดิ สร้างสรรค์ไดอ้ ย่างเป็น รปู ธรรม ไดม้ กี ารนาไปใชแ้ ลว้ และไดผ้ ลดีคอื เป็นการสอนทที่ าให้ผู้เรยี น คดิ วิเคราะหแ์ ละคดิ สรา้ งสรรค์ ตา่ งจากการสอนแบบดั้งเดมิ 27

การสอื่ สารเป็นกระบวนการส่งหรอื ถ่ายทอดเรอ่ื งราว ขา่ วสาร ข้อมูล ความรู้ เหตุการณ์ ต่าง ๆ จากผสู้ อนยังไปผเู้ รยี นด้วยวิธีการทห่ี ลากหลาย ดังน้ี 1.การฝึกทกั ษะในการฟังอยา่ งลกึ ซ้ึง 2.การฝกึ ทักษะการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ โดยใชเ้ ทคนิค 3.การฝกึ ทกั ษะการทางานเปน็ ทมี , เรียนรู้แบบกลุ่ม ปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ 4. การฝึกทักษะการใชเ้ ทคโนโลยีการสื่อสาร ใช้เทคโนโลยเี พอ่ื วิจัย จัดระบบ ประเมนิ และสื่อสาร สารสนเทศ ใช้เครื่องมอื ส่อื สาร เชอื่ มโยงเครือขา่ ย (คอมพวิ เตอร์ เครือ่ งเล่นมีเดีย ฯลฯ) 28

3. การเรียนรแู้ บบขั้นบันได (IS) มขี ัน้ ตอนดงั นี้ ข้นั L1 การต้ังประเดน็ คาถาม/สมมตฐิ าน (Learning to Question) ข้นั L2 การสืบคน้ ความร้จู ากแหลง่ เรียนร้แู ละสารสนเทศ (Learning to Search) ขั้น L3 การสรุปองค์ความรู้ (Learning to Construct) ข้นั L4 การสื่อสารและการนาเสนออยา่ งมีประสทิ ธิภาพ (Learning to Communicate) ข้นั L5 การบริการสงั คมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) 29

คณุ ลักษณะของครใู นยคุ ศตวรรษที่ 21 E-Teacher จะประกอบด้วย 9 คณุ ลักษณะท่คี รูพงึ ปฏบิ ตั ิ มดี ังน้ี 1.Experience คือ มีประสบการณ์การเรยี นร้แู บบใหม่ ใชเ้ คร่ืองมือต่างๆ เช่น Internet , E-Mail 2. Extended คือ มที กั ษะการค้นหาความรูไ้ ด้ตลอดเวลา เพราะ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต สามารถใชไ้ ดต้ ลอด 24 ช่ัวโมง 3. Expanded คอื การขยายผลของความรู้นัน้ สู่นกั เรยี น ประชาชนทว่ั ไป และชุมชน สามารถถา่ ยทอดความร้ลู ง CD , VDO โทรทศั น์หรือบน Web 4. Exploration คือ สามารถเลอื กเน้ือหาทที่ นั สมัย เอกสารอา้ งองิ คน้ ควา้ ทงั้ สาระ และบนั เทงิ เพอ่ื ให้เกิดความคดิ สร้างสรรค์ เพอ่ื นามาออกแบบการเรยี นการสอน 30

5. Evaluation คอื เปน็ นักประเมนิ ท่ดี ี สามารถใชเ้ ทคโนโลยใี นการประเมินผล 31 6. End-User คือ เปน็ ผู้ใชป้ ลายทางทดี่ ี เชน่ สามารถ Browse ไป Web Site ที่ มีคุณค่าบนอนิ เทอรเ์ น็ตและเปน็ ผใู้ ช้เทคโนโลยไี ด้อยา่ งหลากหลาย 7. Enabler คอื สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี รา้ งบทเรยี นและเนอ้ื หาเพิม่ เตมิ มาใช้ใน การประกอบการเรียนการสอน สามารถใชซ้ อฟต์แวรแ์ ละฮารด์ แวรม์ าสรา้ ง บทเรยี น อย่างน้อยทส่ี ดุ ก็สามารถสร้างการนาเสนอเนื้อหาด้วย Power Point

8. Engagement คอื ครทู รี่ ว่ มมือกันแลกเปล่ียนความเหน็ หาแนวรว่ ม เพอ่ื ให้เกิด ชุมชน เชน่ การคยุ กันบน Web ทาให้มคี วามคดิ ใหม่ๆ มีข้อเสนอแนะ เกดิ ชมุ ชนครบู น Web 9. Efficient and Effective คอื ครทู ีม่ ปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผล จะตอ้ ง เปน็ ผูใ้ ช้เทคโนโลยไี ด้อย่างคล่องแคลว่ เป็นผ้ผู ลิต ผกู้ ระจาย และผูใ้ ชค้ วามรู้ 32

รปู แบบการเรยี นการสอน 1.Motivation แบบ MIAP 2.Information 3.Application 4.Progress 33

Motivation ขัน้ สนใจ คอื การกระตุ้นความสนใจกอ่ นเข้าบทเรยี น อาจจะเป็นการเลา่ เร่อื งท่นี า่ สนใจ การใชค้ าถามนา การแสดง หรอื ทาอะไรกแ็ ล้วแตท่ จี่ ะให้ผู้เขา้ เรียนรสู้ กึ และคิดตามหลังจากนน้ั กท็ าการโยงเร่อื งไปสู่ขน้ั ตอนท่ีสอง 34

Information Information ข้ันศกึ ษาขอ้ มูล ขัน้ ตอนน้ีจะเป็นการให้เนื้อหากับผูเ้ ข้าอบรม เปน็ ขั้นตอนของสาระ เนอื้ หา รายละเอียด และความรตู้ ่างๆ จะอยู่ในช่วงนี้ 35

Application 3.Application ขน้ั พยายาม เป็นขั้นตอนทตี่ อ้ งการตรวจสอบผูเ้ รยี นวา่ มีพฤติกรรมทีเ่ ปลี่ยนไป ตามวตั ถุประสงคท์ ี่ตอ้ งการหรือไม่ ขั้นตอนน้จี ะถือเปน็ การสอบผู้เรียนนนั่ เอง อาจจะใชข้ อ้ สอบ หรือใชก้ ารถามคาถาม หรือใหอ้ ธิบายให้ฟงั หรือให้แสดงใหด้ ู ใหป้ ฏบิ ัตจิ รงิ 36

Progress ขน้ั สาเร็จผล ขัน้ ตอนนี้กจ็ ะต่อเนือ่ งกับชว่ ง Aplication เรากจ็ ะนาเอาผลของการสอบ การปฏิบัติมาทาการตรวจสอบวา่ ผ่านตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื ไม่ แลว้ ก็ Feedback กลบั ไป ถ้าไมบ่ รรลุตามวัตถุประสงคเ์ ราก็จะรวู้ า่ ผเู้ รยี นยงั ขาดความรอู้ ะไร และก็ทาการแกไ้ ข แลว้ ก็สรปุ ทาความเข้าใจอีกคร้งั หน่งึ 37

รูปแบบการเรียนการสอนแบบ MACRO model โมเดลการสอนสศู่ ตวรรษท่ี 21 มอี งค์ประกอบทส่ี าคญั 5 ส่วน M จากคาว่า Motivation A จากคาว่า Active learning C จากคาว่า Conclusion R จากคาวา่ Reporting O จากคาว่า Obtain 38

การสร้างแรงจูงใจ สร้างแรงบนั ดาลใจ ความสนใจและความต้องการในการเรียนรู้ ขน้ั นี้เป็น ขั้นแรกของการเรยี นรู้ตามแนวการสอนนี้ เป็นข้ันทีค่ รผู ้สู อนจะตอ้ งร่วมมอื กบั ผู้เรยี นในการ กาหนดและตั้งประเดน็ การเรียนรู้ ในหัวข้อท่ีเกีย่ วกบั การเรียนร้ตู ามแผนท่ยี ดึ โยงกบั หลกั สตู ร 39

เป็นการเรยี นรทู้ ี่ให้ผเู้ รียนได้มโี อกาสได้ความรู้โดยตรงจากการลงมือทาด้วยตนเองผ่าน วธิ กี ารเรียนรู้ทีห่ ลากหลาย จากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ โดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ 40

ซึ่งเปน็ การทีผ่ ูเ้ รยี นสามารถสรุปองค์ความรหู้ รือสงั เคราะหส์ ิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนร้ตู ามความคิดและ ภาษาของตนเองได้ โดยขน้ั นจ้ี ะเปน็ การทีผ่ ู้เรียนจะนาผลการอภปิ รายและสาธิตท่เี ป็นผล จากการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ระหว่างกนั มากาหนดเป็นความคิดหรือองค์ความรูใ้ หม่ 41

คือการท่ีผู้เรยี นสอ่ื สารและนาเสนอผลการเรยี นรู้ดว้ ยภาษา วิธีการและเทคโนโลยี สารสนเทศที่เหมาะสม ซ่ึงเป็นข้ันของการชว่ ยใหผ้ ู้เรียนได้มโี อกาสนาเสนอและ แสดงผลงาน ท่ไี ดจ้ ากการสร้างองคค์ วามรขู้ องตัวเอง เพ่อื ให้บุคคลอื่นได้รบั รู้ 42

ซึ่งเปน็ การทผ่ี เู้ รยี นนาผลการเรยี นรทู้ ไ่ี ด้รับไปใชป้ ระโยชน์ เผยแพร่ความร้สู ู่ครอบครัว ชมุ ชน และสังคมตา่ ง ๆ ซงึ่ ขัน้ นจี้ ะเป็นการสง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นไดฝ้ กึ ฝนการนาความรู้ ความเขา้ ใจของตนไปประยกุ ต์ใช้ในสถานการณต์ ่าง ๆ ทีห่ ลากหลาย เพอ่ื เพ่มิ ความ ชานาญ ความเขา้ ใจ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและความจาในเรือ่ งนัน้ มากยงิ่ ขนึ้ 43

รปู แบบการเรียนการสอนแบบ MOOC รูปแบบการเรยี นการสอนแบบ MOOC 44 MOOC เป็นคาท่มี าจากตวั อกั ษรตัวแรกของคาเตม็ ว่า Massive Open Online Course หมายถงึ รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนออนไลนท์ ่ีเปดิ โอกาศให้ ผู้เรยี นเสามารถเรยี นร้ไู ดจ้ านวนมาก ๆ ผ่านทางหน้าเวบ็ ไซต์

นอกจากนยี้ ังหมายถึง รปู แบบการนาเสนอการเรียนรูห้ ลักสตู รต่าง ๆ ทางออนไลน์ ท่เี ข้าถึง ผู้เรียนจานวนมาก ๆ ได้ผ่านทางหนา้ เวบ็ ไซต์ โดยสว่ นใหญ่เปน็ การใหบ้ รกิ ารฟรี ซึ่ง MOOC น้เี ปน็ นวัตกรรมใหม่ของวงการการศกึ ษาของโลก โดยการนาเทคโนโลยแี ละวธิ กี ารเรยี นการ สอนสมยั ใหมม่ าผสมผสานกัน 45

ผเู้ รียนสามารถเช่ือมต่อเขา้ ไปดวู ิดโี อการบรรยาย เข้าไปฝึกปฏิบตั ิ ทาแบบทดสอบ แบบฝึกหัด หรือเขา้ ไปร่วมสนทนากบั ผเู้ รยี นอ่นื ๆ ได้ ทาใหค้ นท่ัวโลกสามารถเขา้ ถึง การศกึ ษาไดผ้ ่านช่องทางออนไลน์ซ่งึ ตอนน้มี เี ครือขา่ ยครอบคลุมไปทวั่ ทกุ มุมโลก 46

ในการเรยี นรปู แบบดังกล่าวมวี ีดโิ อให้ผู้เรียนสามารถเรียนซา้ ได้ มหี นงั สือออนไลน์ใหศ้ ึกษา คน้ คว้าเพิ่มเติม มแี บบฝึกหัดให้ผเู้ รียนไดฝ้ กึ ทดสอบ และมีฟอรัม (Forum) ใหผ้ เู้ รยี นได้ แลกเปล่ยี นสนทนาระหวา่ งนกั เรยี นดว้ ยกนั หรือกับผสู้ อน และผู้ชว่ ยสอนได้อีกดว้ ย 47

แนวคดิ การเรยี นการสอนทางวิศวกรรมแบบ CDIO โดยแนวการเรียนการสอนแบบ CDIO มงุ่ เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) 4 ดา้ นหลัก ซง่ึ นับเป็นหัวใจสาคัญของวิชาชพี วศิ วกรรม ไดแ้ ก่ 48

การคดิ วิเคราะห์ (Conceive) สามารถคิดวเิ คราะห์และชป้ี ญั หา ในทางวิศวกรรมได้ การออกแบบ (Design) สามารถออกแบบและหาแนวทางแกไ้ ขปัญหา ทางวิศวกรรมได้ Implement สามารถดาเนนิ การ ประยกุ ต์ หรือ แก้ไขปญั หาทาง วิศวกรรมให้สาเร็จลลุ ่วงได้ Operate สามารถพัฒนาและควบคุมระบบต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม 49

องคค์ วามรู้และเหตุผล โดยหลักสูตรควรประกอบ ทักษะทางวิชาชีพและ ทางวิชาชีพ ไปดว้ ยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ทกั ษะดา้ นการทางาน ดงั น้ี CDIO ระบบในบรบิ ทของ เปน็ ทีมและการสื่อสาร องค์กร สังคม และ สง่ิ แวดลอ้ ม 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook