ทรพั ย์ในดิน (SOIL) Kru pitsinee yodjit
กระบวนการกาเนิดดนิ ดินแต่ละพื้นที่อาจมีสี ลักษณะ และสมบัติที่แตกต่างกัน เนื่องจากดินในแต่ละพื้นที่มีวัตถุต้นกาเนิดดิน สภาพ ภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ การเวลา และส่วนผสมของฮิวมัสเนื่องจากซากพืชและซากสัตว์ที่ตายทับถมในแต่ละพื้น ท่ี แตกตา่ งกนั อย่างไรกต็ าม การเกิดดนิ มขี ้ันตอนหลกั อยู่ 2 ขน้ั ตอนคือ 1. กระบวนการสลายตัว คือ กระบวนการสลายตัวผุพังของหิน แร่ ซากพืช และซากสัตว์ ได้วัตถุต้นกาเนิดดิน และฮิวมัส ตามลาดับ 2. กระบวนการสรา้ งดนิ คือ กระบวนการผสมคลกุ เคล้าระหว่างวัตถุตน้ กาเนิดจากฮิวมัส โดยมพี ชื และสตั ว์ต่างๆ ชว่ ยรวมทงั้ ลมและฝนมีสว่ นชว่ ยทาให้เกิดดนิ ท่ีมา : http://www.trueplookpanya.com/data/product/uploads/other4/Sci_P4_2_4.png Kru pitsinee yodjit
กระบวนการกาเนดิ ดนิ ข้นั ตอนที่ 1 ข้ันตอนที่ 2 ขั้นตอนที่ 3 การผุพงั อยกู่ บั ท่ีเปน็ สาเหตุใหห้ นิ แตก พชื จะเจริญเตบิ โตตามบริเวณรอย สัตวท์ อ่ี ยู่ภายในดินจะช่วยทาให้ฮิวมัส ออกมขี นาดต่าง ๆ เม่ือถกู แสงแดดและ แตกของหิน แมลงและสตั วอ์ ่ืนจะเข้า ผสมกับเศษหนิ และแร่ กลายเปน็ ดนิ ที่ ฝน หนิ ก็จะแตกหกั และผพุ ังทลายลง มาอาศัยตามบริเวณรอยแตก เมอื่ พืชและสัตว์ อดุ มสมบูรณ์ เรยี กวา่ ดินชนั้ บน มากขน้ึ กลายเปน็ หินทม่ี ีขนาดเลก็ ลง ตายลงจะสลายตัวกลายเป็น ฮิวมสั (humus) ฮิวมสั หินท่ีผพุ ังและกลายเป็นดินชัน้ ลา่ ง ดินช้ันบน หนิ ช้นั ลา่ งสดุ
ดิน (Soil) คือ วัตถุธรรมชาติที่ปกคลุมผิวโลกอยู่บางๆ วัตถุต้นกาเนิดดินส่วนใหญ่มีต้นกาเนิดหลักมา จากการผุพังอยู่กับที่ของหินซึ่งมีกระบวนการผุพังที่แตกต่างกันทาให้ดินแต่ล ะบริเวณมี ปริมาณแรธ่ าตุสดี นิ เนื้อดนิ โครงสรา้ งของดินและสมบตั ิทางเคมีของดินแตกต่างกนั สว่ นประกอบของดนิ 25 45 5 25 แร่ธาตุ อากาศ อนิ ทรยี ฺวตั ถุ นา้ Kru pitsinee yodjit
สว่ นประกอบของดนิ อนิ ทรยี ์วัตถุ (organic matter) สว่ นที่เนา่ เปอ่ื ยผุพงั ของพืช และสัตว์ ทับถมกัน ซ่ึงอนิ ทรยี วตั ถทุ ่ีสลายตัวสมบูรณ์แลว้ เรยี กวา่ ฮิวมัส (humus) อนินทรีย์วตั ถุ (mineral matter) ส่วนทเ่ี กดิ จากแร่ธาตแุ ละหนิ ตา่ งๆ ที่ สลายตวั ทางเคมี ทางฟิสกิ ส์ และทางชวี ภาพ Kru pitsinee yodjit
ส่วนประกอบของดิน อากาศในดิน (soil air) ดินจะมีช่องอากาศบรรจุอากาศในดินเสมอ ซึ่งสัดส่วนจะ แปรผกผันกับปริมาณของน้า อากาศในดินจะมีก๊าซไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ แต่จะมี ก๊าซออกซิเจนทีต่ ่ากวา่ ในบรรยากาศ น้าในดิน (soil water) ได้จากฝนหรือน้าผิวดินเมื่อดินได้รับน้า น้าจะแทรกซึมลงไป ตามช่องระหว่างเม็ดดิน หรอื อนภุ าคดิน Kru pitsinee yodjit
ปัจจยั ท่มี อี ทิ ธพิ ลต่อดิน ท่มี า : https://images.app.goo.gl/iGF5EDSRKqeBJmVS6 Kru pitsinee yodjit
ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ทีม่ า : https://images.app.goo.gl/Y9nY4SWt1wi1kkJHA ทีม่ า : https://www.sanook.com/campus/1401504/ ที่มา : https://images.app.goo.gl/hAUQhfMrzuqxgH756 Kru pitsinee yodjit
ภูมิอากาศ ปริมาณฝน ความช้นื ที่ได้รับจากนา้ ฝน ทาให้เกดิ กระบวนการทางเคมี สง่ ผลให้หนิ และแร่ธาตสุ ลายตวั กลายเป็นดินได้ง่าย ที่มา : https://images.app.goo.gl/XSFDWG8rNmv59QFa9 อุณหภูมิ หินที่อยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนจะมีอัตราการขยายตัวเนื่องจาก ทม่ี า : https://images.app.goo.gl/7kfw3ARo1x9qzBFGA ปฏิกิริยาเคมีได้รวดเร็วกว่าหินที่อยู่ในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรือเย็น นอกจากนี้ อุณหภูมิยังมีผลต่อปฏิกิริยาการย่อยสลายของจุลินทรีย์ในดิน ซ่งึ จะเกิดขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ หรอื ชา้ ข้ึนอยู่กบั ชนดิ ของจุลนิ ทรีย์ ลม มีสว่ นช่วยทาใหห้ ินซง่ึ เป็นวัตถุตน้ กาเนดิ แตกออกและพฒั นากลายเป็น ดินในเวลาต่อมา ที่มา : https://images.app.goo.gl/fmgyhS4x1KWdUL6W9 Kru pitsinee yodjit
สงิ่ มชี วี ิตในดนิ ท่มี า : https://images.app.goo.gl/bAexDdB384kK76Py9 ท่มี า : https://images.app.goo.gl/EW6rnnFKDrr8e4zG9 ที่มา : https://images.app.goo.gl/ysRqrs73CYzvXoFb9
สมบตั ิของดนิ เนอื้ ดนิ (Soil Texture) การจาแนกเน้อื ดนิ สามารถจาแนกตามขนาดอนภุ าคของเม็ด ดนิ เป็นเกณฑ์ 1. ดินเหนียว (Clay) คือ ดินที่มีเนื้อละเอียดที่สุด ยืดหยุ่นเมื่อ เปียกน้า เหนียวติดมือ ปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ พังทลายได้ยาก การอุม้ น้าดี จบั ยึดและแลกเปลีย่ นธาตุอาหารพชื ได้ค่อนข้างสูงจึงมีธาตุอาหาร พชื อย่มู าก 2. ดินทราย (Sand) คือ เป็นดินที่เกาะตัวกันไม่แน่น ระบายน้า และอากาศไดด้ ีมาก อมุ้ นา้ ไดน้ ้อย พังทลายง่าย มคี วามอุดมสมบูรณ์ต่าเพราะ ความสามารถในการจับยึดธาตุอาหารมีน้อย พืชท่ีขึ้นอยู่ในบริเวณดนิ ทรายจึง ขาดน้าและธาตอุ าหารไดง้ า่ ย 3. ดินร่วน (Loam) คือ ดินที่มีเนื้อค่อนข้างละเอียด นุ่มมือ ยืดหยุ่นพอควร ระบายน้าได้ดีปานกลางมีแร่ธาตุอาหารพืชมากกว่าดินทราย เหมาะสาหรับใชเ้ พาะปลูก ที่มา : https://support.rainmachine.com/hc/en-us/articles/228001248-Soil-Types Kru pitsinee yodjit
สมบตั ขิ องดิน ความชืน้ ของดนิ สขี องดิน ความเปน็ กรด-เบสของดนิ ทีม่ า : https://images.app.goo.gl/Df16p6QrxirwzSoEA Kru pitsinee yodjit
การตรวจวดั ความเป็นกรด-เบส ทม่ี า : https://www.youtube.com/watch?v=m0xnvjMi4Y4&t=46s Kru pitsinee yodjit
การตรวจวัดความเปน็ กรด-เบส https://images.app.goo.gl/LvPy1S1oG9p32zC28 https://images.app.goo.gl/nvFuJvfDnEhK5doq9 https://images.app.goo.gl/gXmDU9tBbDh8DZPc9 Kru pitsinee yodjit
โครงสรา้ งดิน (Soil Structure) หมายถึง รปู แบบของการยึดและการเรยี งตวั ของอนภุ าคเดยี่ วของดินเป็นเมด็ ดิน ในหนา้ ตัดดนิ เมด็ ดินแตล่ ะชนดิ มีความแตกตา่ งกันท้งั ด้านขนาดและรปู ร่าง ท่ีมา : https://images.app.goo.gl/bAexDdB384kK76Py9 Kru pitsinee yodjit
โครงสร้างดิน (Soil Structure) ที่มา : https://dlink.me/SBtDS แบบก้อนกลม (Granular) มีรูปร่างคล้ายทรงกลม เม็ดดินมีขนาดเล็ก ประมาณ 1 - 10 มิลลิเมตร มักพบในดินชั้น A มีรากพืชปนอยู่มาก เนื้อ ดินมคี วามพรุนมาก จึงระบายนา้ และอากาศไดด้ ี ทีม่ า : https://dlink.me/SBtDS แบบก้อนเหลี่ยม (Blocky) มีรูปร่างคล้ายกล่อง เม็ดดินมีขนาดประมาณ 1-5 เซนติเมตร มักพบในดินชั้น B มีการกระจายของรากพืชปานกลาง นา้ และอากาศซมึ ผา่ นได้ Kru pitsinee yodjit
โครงสรา้ งดิน (Soil Structure) ที่มา : https://dlink.me/SBtDS แบบแผ่น (Platy) ก้อนดินแบนวางตัวในแนวราบ และซ้อนเหลื่อมกัน เป็นชัน้ ขัดขวากรากพืช น้าและอากาศซมึ ผ่านได้ยาก มักเปน็ ดินช้ัน A ท่ี ถกู บีบอัดจากการบดไถของเคร่อื งจักรกลการเกษตร ทม่ี า : https://dlink.me/SBtDS แบบก้อนทึบ (Massive) เป็นดินเนื้อละเอียดยึดตัวติดกันเป็นก้อนใหญ่ ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร ดินไม่แตกตัวเป็นเม็ดจึงท้าให้น้าและ อากาศซมึ ผ่านไดย้ าก Kru pitsinee yodjit
โครงสรา้ งดนิ (Soil Structure) แบบแท่งหัวมน (Columnar) มีการจับตัวคล้ายคลึงกับแบบแท่ง หัวเหลี่ยม แต่ส่วนบนของปลายแท่งมีลักษณะกลมมน ปกคลุมด้วยเกลือ เม็ดดินมีขนาด 1 - 10 เซนติเมตร มักพบในดินชั้น B และเกดิ ในเขตแห้งแลง้ น้าและอากาศ ทมี่ า : https://dlink.me/SBtDS ซมึ ผา่ นไดน้ อ้ ย และมีการสะสมของโซเดียมสูง แบบแท่งหัวเหลี่ยม (Prismatic) ก้อนดินแต่ละก้อนมีผิวหน้าแบบและเรียบ เกาะตัวกันเป็นแท่งหัวเหลี่ยมคล้ายปริซึม ก้อนดินมีลักษณะยาวในแนวดิ่ง สว่ นบนของปลายแทง่ มักมีรูปร่างแบน เมด็ ดินมีขนาด 1 - 10 เซนติเมตร มัก ทีม่ า : https://dlink.me/SBtDS พบในดนิ ชัน้ B น้าและอากาศซึมได้ปานกลาง Kru pitsinee yodjit
ท่มี า : https://www.aksorn.com/interactive3D/RK862
ชน้ั หน้าตัดดิน O A ชนั้ O (Organic layer) E B เป็นดินชั้นบนสุดมักมีสีคล้า ประกอบด้วยซาก C พืชซากสัตว์ อินทรียวัตถุ หรือ ฮิวมัส ซึ่งทา R ให้เกิดความเป็นกรด ดินชั้นโอส่วนใหญ่จะพบ ในพื้นที่ปา่ ส่วนในพ้ืนที่การเกษตรจะไม่มชี ั้นโอ Kru pitsinee yodjit ในหน้าตัดดนิ เน่ืองจากถกู ไถพรวนไปหมด ท่มี า : https://www.aksorn.com/
ชั้นหน้าตดั ดิน O A ชน้ั E E B เป็นชั้นดินที่มีสีซีดจาง มีปริมาณอินทรียวัตถุ C น้อยกว่าชั้น A และ มีเนื้อดนิ หยาบกว่าชั้น B R ทอ่ี ย่ตู อนลา่ ง Kru pitsinee yodjit ท่ีมา : https://www.aksorn.com/
ชั้นหนา้ ตดั ดิน O A ชั้น A (Topsoil) E B เป็นดินชั้นบน มีน้าซึมผ่านประกอบด้วยหินแร่ C และอินทรียวัตถุที่ ย่อยสลายสมบูรณ์แล้วอยู่ R ด้วย ทาให้ดินมีสีเข้ม ในพื้นที่เกษตรกรรมดิน ชั้นเอจะถูกไถพรวนโดยปกติโครงสร้างของดิน Kru pitsinee yodjit จะเป็นแบบก้อนกลม แต่ถ้าดินมีการอัดตัวกัน แน่น โครงสร้างของดินในชั้นเอจะเป็นแบบ แผ่น ที่มา : https://www.aksorn.com/
ชั้นหนา้ ตัดดิน O A ชน้ั B (Subsoil) E B เป็นชั้นดินล่าง เกิดจากการชะล้างแร่ธาตุต่างๆ C ของสารละลายต่างๆ เคลื่อนตัวผ่านชั้นเอ ลง R มาสะสมในชั้นบี เนื้อดินและโครงสรา้ งเป็นแบบ ก้อนเหลี่ยมหรือแท่งผลึก ในเขตภูมิอากาศชื้น Kru pitsinee yodjit ดินในชั้นบีส่วนใหญ่จะมีสีน้าตาลปนแดง เนอ่ื งจากการสะสมตวั ของเหลก็ ออกไซด์ ทีม่ า : https://www.aksorn.com/
ชั้นหน้าตัดดิน O A ชัน้ C (Parent layaer) E B เกิดจากการผุพังของหินกาเนิดดิน ไม่มีการ C ตกตะกอนของวัสดุดินจากการชะล้าง และไม่มี R การสะสมของอินทรียวตั ถุ Kru pitsinee yodjit ทมี่ า : https://www.aksorn.com/
ชนั้ หน้าตดั ดิน O A ชน้ั R (Bedrock) E B เป็นชั้นของวัตถุต้นก้าเนิดดิน หรือ หินพื้น C (bedrock) R ท่มี า : https://www.aksorn.com/ Kru pitsinee yodjit
ดิน ชัน้ หนา้ ตัดดนิ Kru pitsinee yodjit ชนั้ Oหรือ หรอื ชัน้ อินทรียวตั ถุ O A เปน็ ช้ันทเี่ หมาะสมต่อการเจริญของพชื เน่อื งจากมีการสะสมของ E สารอนิ ทรียท์ ี่ไดจ้ ากซากพชื ซากสัตว์ B C ชน้ั A หรือชั้นดินแร่ R เปน็ ชัน้ ทปี่ ระกอบด้วยอินทรียวัตถุท่ีสลายตวั แล้วคลุกเคล้ากับแร่ ธาตุท่ีอยภู่ ายในดิน มักมีสีคลา้ ชั้น E หรอื ช้ันชะลา้ ง เปน็ ชั้นที่มีสซี ดี จาง มีปรมิ าณอนิ ทรียวัตถุนอ้ ยกวา่ ชนั้ A และมี เนื้อดนิ หยาบกว่าชั้น B ท่ีอยู่ตอนลา่ ง ทีม่ า : https://www.aksorn.com/
ช้ันหน้าตัดดนิ Kru pitsinee yodjit ชนั้ หBรอื หรอื ช้ันดนิ ล่าง O A เป็นชน้ั ทม่ี กี ารสะสมของตะกอนและแรธ่ าตุ ซงึ่ ถกู ชะลา้ งมาจากดินชนั้ บน E ดินชั้นนจี้ งึ มีเนอ้ื แน่น มคี วามชื้นสงู และสว่ นมากเป็นดินเหนียว B C ชน้ั C หรือชน้ั การผุพังชองหิน R เปน็ ชน้ั ทีห่ นิ ต้นกาเนิดหรอื หนิ ดนิ ดานเกิดการผุพงั สลายตัวกลายเป็นเศษ หนิ ท่ีมลี กั ษณะเปน็ ก้อน เป็นผืน ชนั้ R หรือชั้นหนิ พน้ื ฐาน เป็นชน้ั ของหินแขง็ ชนดิ ต่างๆ ท่ียงั ไม่ผพุ ังสลายตวั ท่ีมา : https://www.aksorn.com/
การปรบั ปรงุ คุณภาพดิน ทีม่ า : https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/33755 Kru pitsinee yodjit
การปรบั ปรงุ ดินทข่ี าดความอุดมสมบูรณ์ คณุ ภาพดนิ เนื้อดินมีลักษณะหยาบ ดูดซับน้าและธาตุอาหารได้น้อย ไม่เหมาะสมต่อการเจริญ ของพชื บางกรณีดินมีเน้อื แน่น ทาให้รากพชื ชอนไชไดย้ าก เม่ือดนิ สูญเสียความอุดมสมบูรณ์ ทาใหใ้ ชป้ ระโยชน์จากดนิ ไดไ้ มเ่ ตม็ ประสิทธภิ าพ แนวทางการแกไ้ ข การใส่อินทรียวัตถุลงในดินอย่างสม่าเสมอ เพราะอินทรียวัตถุช่วยเพิ่มความอุดม สมบูรณ์ เพิ่มการดูดซับน้าช่วยให้อนุภาคดินเกาะยึดกันจนทนต่อการกัดเซาะของน้าฝนหรือน้า ไหลบ่าได้ ชว่ ยให้ดนิ มีรพู รนุ และร่วนซยุ มากขึ้น Kru pitsinee yodjit
การปรบั ปรุงคุณภาพดนิ ดินจืด ดนิ เปร้ยี ว ดนิ ทมี่ ีธาตุอาหารไม่เพียงพอ ดนิ ทีค่ ่า pH ตา่ กวา่ 5.5 เนือ่ งจากมีกรดกามะถันอยู่ ต่อความต้องการของพืช ในช้นั หนา้ ตัดดิน ซ่งึ เป็นผลมาจากกระบวนการ เกดิ ดนิ หรอื การใชป้ ๋ยุ เคมีเป็นเวลานาน แนวทางการแกไ้ ข แนวทางการแกไ้ ข ปลกู พืชตระกลู ถัว่ หรอื ใสป่ ุ๋ย อนิ ทรียใ์ นอัตราส่วนทีเ่ หมาะสม ใส่สารที่มีฤทธิเ์ ปน็ ด่าง เช่น ใสป่ นู ขาวลงไปในดนิ ให้ มีปรมิ าณเทา่ กบั ความเปน็ กรดท้งั หมดของดิน Kru pitsinee yodjit
การปรับปรุงคณุ ภาพดิน ดินเค็ม ดนิ ด่าง ดินมีความเขม้ ข้นของเกลอื ทอ่ี ยู่ภายในดินสงู ดินท่ีมคี า่ pH มากกว่า 7 เนือ่ งจากมเี กลือโซเดยี มคลอไรด์ ทาใหพ้ ืชไม่สามารถดดู น้าจากดนิ มาเลยี้ งลาตน้ หรือเกลอื โซเดยี มคาร์บอเนตปนอยูใ่ นดนิ ซึ่งไม่เหมาะสม ต่อการเจริญของพืช มักพบบรเิ วณพืน้ ท่ีแถบภเู ขาหินปูน ได้ จงึ ทาใหพ้ ืชเหยี่ วเฉาและใบไหม้ หรือดนิ ทีม่ กี ารใสป่ ุ๋ยเคมีเปน็ เวลานาน แนวทางการแกไ้ ข แนวทางการแกไ้ ข เตมิ สารแคลเซยี มซัลเฟต หรอื ผงกามะถันลงในดนิ เติมผงกามะถันลงไป เพอื่ ให้ดินปรบั สภาพ เพื่อใหด้ ินปรบั สภาพเป็นเกลือโซเดียมซลั เฟต แล้วใช้น้าชะล้างออก Kru pitsinee yodjit
………….
กิจกรรม Layer of soil • แก้วพลาสติกใส แข็ง 2 ใบ • ชอ้ นพลาสตกิ 2 คนั และถงุ พลาสติกใส • สีเมจกิ /กระดาษโนต๊ หรอื post it • ขนม 5 ชนดิ อยา่ งละ 1 ห่อเลก็ เชน่ ซีเรลอาหารเช้า ชอ๊ คโกแลตหนิ โอวันติน โอริโอ้ เปน็ ตน้ • ถงุ พลาสตกิ สาหรับใส่ขยะ Kru pitsinee yodjit
กจิ กรรมที่ค่นั หนังสือชั้นดิน สามารถดาว์นโหลด ไดท้ น่ี ี่เลยค่ะ
ท่มี า : https://www.freepik.com/ character_4317330.htm#page=1&query=Education%20icon%20collection&position=47
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: