บทที่ 3 การถ่ายภาพและจดั แสง ISO – คา่ ความไวแสง ISO เปน็ ความไวแสงที่กล้องมีครบั ถ้าย่งิ ISO มาก กลอ้ งกจ็ ะไวแสงมาก ขอ้ ดีคือ ISO สงู จะทำ�ให้เราถ่ายภาพ ในท่มี ดื ได้ แตก่ ารท่ี ISO สูงมากก็จะทำ�ให้เกิดสัญญาณรบกวนหรือวา่ Noise นนั่ เองครบั ดังนน้ั การเลือกใช้ ISO กค็ วรดดู ้วยว่าเราตอ้ งการอะไรในภาพตอนนนั้ ถ้าเราถา่ ย Landscape กลางแจ้ง มีขาตัง้ เราก็ไมต่ ้องดนั ISO ครับ ใชต้ �ำ่ ทส่ี ดุ ทกี่ ลอ้ งใหก้ ไ็ ด้ แตถ่ ้าหากเราถ่ายภาพในอาคาร เราไม่สามารถเพ่มิ รูรบั แสง หรอื ลดสปีดจนถอื กล้องไดแ้ ลว้ เรากค็ วรเลือกท่จี ะดนั ISO เพ่ือให้กลอ้ งรับแสงได้ไวขนึ้ ครับ มี Noise ดกี ว่าไม่ได้ภาพเลยนะครับ พ้นื ฐานการถ่ายภาพ ค่า ISO หรือ ความไวแสง พ้ืนฐานการถ่ายภาพ คา่ ISO หรือ ความไวแสง FOCAL LENGTH – ทางยาวโฟกสั ทางยาวโฟกสั ถ้าจะใหล้ ะเอยี ดวันนงึ คงไมจ่ บแน่ ทางยาวโฟกสั ทอ่ี ยากให้มอื ใหมเ่ ขา้ ใจง่าย ๆ คือกจ็ ะมี 3 ระยะดว้ ยกันคือ 1. มุมกวา้ ง ระยะประมาณ 50mm ลงมาครบั สว่ นใหญ่ปัจจุบันเลนส์กว้างทีใ่ ช้มาก ๆ คือ Ultra Wide ระยะ ประมาณ 12mm – 16mm เพราะวา่ ถ่ายภาพไดอ้ ลงั การงานสรา้ งมาก 2. ระยะ Normal ระยะ 50mm ครับ เป็นชว่ งระยะประมาณสายตา ถ่ายง่าย และเลนส์ 50mm เป็นเลนส์ ครทู ี่มอื ใหม่ทุกคนควรใช้ครับ เพราะเราจะรสู้ ไตลต์ วั เองไดจ้ ากเลนส์ 50mm น่นั เองว่าควรใช้เลนสแ์ คบหรอื กวา้ ง กนั แน่ 3. ระยะ Telephoto คอื เลนส์ที่มีช่วงซมู มาก ๆ เหมาะกับการถ่ายดงึ ภาพไกล ๆ อยา่ งทวิ ทัศนเ์ นน้ มมุ แคบ ดึงภาพจากภเู ขามาได้เลย หรอื ว่าถ่ายภาพบคุ คลที่เนน้ เจาะครึ่งตวั กจ็ ะใช้ Tele ประมาณ 85mm ครบั ระยะเลนสท์ เ่ี หมาะสมนนั้ อยู่ทเ่ี ราจะเลอื กใช้ แต่สงิ่ สำ�คัญคือเมอ่ื ชว่ งทางยาโฟกัสเลนสม์ ากข้นึ มุมภาพทีร่ ับไดก้ ็จะ แคบลงครบั ควรเขา้ ใจถงึ ขอ้ จ�ำ กัดตรงน้ีดว้ ยนะ 44บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง
บทที่ 3 การถ่ายภาพและจัดแสง WHITE BALANCE – ค่าสมดุลแสงสขี าว White Balance จะคอยท�ำ หนา้ ทค่ี วบคมุ ใหส้ ขี องภาพออกมาตรงอย่างท่ีตาเห็นโดยดจู ากสมดลุ ของแสงสขี าว นน่ั เองครบั ประโยชนข์ อง White Balance คอื อะไร อย่างท่ีบอกวา่ เมือ่ กลอ้ งรบั ภาพ รบั แสงเข้ามา เมือ่ สีในภาพเกิดอาการผิดเพ้ียน ติดสีสม้ เยอะเกนิ ไป หรอื สฟี า้ เยอะเกนิ ไป กล้องกจ็ ะคอยปรับคา่ White Balance ใหส้ มดุลกับภาพทเ่ี ราเห็น ท�ำ ใหภ้ าพของเราออกมาสีตรง นน่ั เองครบั สงั เกตว่าอาการสีเพี้ยน ๆ น้ีมักจะเกิดเม่ือเราถ่ายภาพในอาคาร ในหอ้ ง ท่แี สงจะไมม่ ากนกั ซึง่ อาการ นจ้ี ะเกดิ กับกล้องมือถือหรอื กล้องมลิ เรอรเ์ ลส (mirrorless) กไ็ ด้ แลว้ ในเมอ่ื กล้องปรบั ใหเ้ รา ทำ�ไมเราต้องมาเรยี น เร่ือง White Balance กนั ละ่ ? ค่าของ White Balance มอี ะไรบ้าง และ หมายถงึ อะไร? ค่าของ White Balance โดยหลักแลว้ จะมอี ยู่ 8 อยา่ งด้วยกนั ครับ ไมต่ อ้ งจำ�ทง้ั หมดนะครับ ให้เขา้ ใจว่ากล้องมี โหมดอะไรบ้าง แล้วถา้ จะเลอื กปรบั โหมดเองควรไปท่ีไหน Auto – กลอ้ งคิดให้จะเป็นการปรับคา่ แสงสมดลุ สีขาวแบบอัตโนมตั ิ Tungsten – แก้สสี ้มในภาพโดยใส่สีนำ�้ เงนิ สีฟ้าเขา้ ไป Fluorescent – แกส้ นี ้�ำ เงนิ สเี ขียวในภาพ โดยใส่สีม่วงลงไป Daylight – แก้สฟี า้ อ่อน ซ่ึงจะเป็นสที ีเ่ กดิ จากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวนั โดยใสส่ ีสม้ เขา้ ไป Flash – แกส้ ีฟ้าออ่ น คล้ายกบั Daylight โดยใส่สีส้ม สีเหลืองเข้าไป Cloudy – แกส้ ฟี ้า ท่ีเกดิ จากการมีเมฆ จะมีสฟี า้ มากกว่าปกติ กลอ้ งกใ็ สส่ สี ้มเข้าไป Shade – แกส้ ฟี ้า ท่ีเกดิ จากการถา่ ยภาพในร่ม ซึ่งอาจจะมีสฟี ้ามากกว่าปกติ กลอ้ งจะใสส่ ี สม้ เข้าไป Custom – เลือกปรับเติมสีของ White Balance เอง ในกรณที ี่เราเลือกปรบั ค่า White Balance แล้วแตส่ ีก็ ยงั ออกมาไม่ตรง 45 บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจดั แสง
บทที่ 3 การถ่ายภาพและจัดแสง COMPOSITION & RULE OF THIRD – การจัดองคป์ ระกอบภาพ และ กฎสามสว่ น เราจะเห็นได้วา่ ในชอ่ งมองภาพของกล้องเราทผ่ี ู้ผลิตท�ำ มาจะมีจดุ ตดั 9 ช่อง ซง่ึ จะแบ่งเป็น 3 สว่ นหลกั ในแนว ต้ัง และ 3 สว่ น หลกั ในแนวนอน โดยจุดตดั นเี้ ราจะใช้วิธีการจัดองค์ประกอบร่วมกันสองแบบครบั วธิ แี รกทจ่ี ะใชก้ ่อนเลยคอื กฎสามส่วน วธิ ีนี้มักจะใชแ้ บง่ สดั ส่วนของพืน้ ดินและทอ้ งฟา้ ถา้ ตอ้ งการนำ�เสนอท้องฟา้ ให้เดน่ กเ็ ป็นทอ้ งฟา้ 2 ส่วน พน้ื ดิน 1 สว่ น, ถ้าเนน้ พ้นื ดินก็ พน้ื ดิน 2 สว่ น ทอ้ งฟา้ 1 ส่วน จากนน้ั เราจะสร้างจุดสนใจให้กับแบบ ถา้ เราสังเกตเวลาถ่ายภาพเราจะไมว่ างจดุ สนใจไว้ตรงกลางภาพเทา่ ไหร่ วิธี การนั้นคือวางแบบหลักให้อยูต่ รงจุดตดั 9 ช่อง ดูตน้ ไม้นน้ี ะครับ ถกู วางไวใ้ นจุดตดั อยา่ งชดั เจน ทำ�ใหแ้ บบดูนา่ สนใจเลย 46บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจดั แสง
การจัดไฟ การจัดไฟเพ่ือการถ่ายรูป แสงและการจดั แสงเบือ้ งต้น การถ่ายภาพนงิ่ หรอื วิดีโอ หากมีความรู้เรือ่ งแสงเบื้องตน้ จะทำ�ใหส้ ามารถประยกุ ต์ใชก้ ับการท�ำ งานใน สถานการณ์ต่างๆได้ และงานทอี่ อกมาจะสวยงามมากขน้ึ โดยเฉพาะงานถา่ ยภาพและวดิ โี อบคุ คล โดยสิง่ หลกั ท่ี ตอ้ งคำ�นงึ เสมอในการจดั แสง คอื “มติ ิ และความโดดเด่น” “มิติ” ในทนี่ ้ีหมายถึงความมมี ิตขิ องภาพ เพราะปกตินั้นตาของมนุษย์จะมองภาพเป็น 3 มิติ แตเ่ ม่อื เราถา่ ย ภาพผลงานท่ีออกมาจะอยู่ในรปู แบบ 2 มติ ิ ถ้าหากขาดแสงเงาท่ีดีจะท�ำ ให้ภาพไร้มิตหิ รอื ท่เี รียกกันสั้นๆว่า “ภาพ แบน” ดังน้นั การค�ำ นึงถงึ แสงเงาที่เกิดข้ึน หรอื การจดั ไฟให้เกิดแสงเงาท่ดี ี จะท�ำ ให้งานทอี่ อกมามีมิติ น่าสนใจ “ความโดดเด่น” หมายถงึ การดูทิศทางของแสงหรือจดั แสงเพอ่ื ใหต้ ัวแบบโดดเดน่ ออกมาจากฉากหลัง เพราะจะ ท�ำ ให้คนทด่ี ูงานเขา้ ใจได้งา่ ยขน้ึ วา่ เราต้องการถ่ายเน้นไปท่ีใด 37 บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง
บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง แหล่งก�ำ เนิดแสง แสงจากธรรมชาติ ซง่ึ หมายถึงแสงอาทิตย์ การถา่ ยภาพสว่ นใหญ่แลว้ ก็อาศยั แสงจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก ซง่ึ แสงจากดวงอาทิตยใ์ นแต่ละชว่ งเวลาจะมที ศิ ทางและสีท่ีแตกตา่ งกนั – ช่วงแสงทไวไลท์ หรือชว่ งเวลาโพลเ้ พล้หรือพระอาทติ ย์กำ�ลังจะขนึ้ หรือตกไปแล้ว เวลาประมาณ 05.30- 06.30 น. และช่วงเวลา 18.00-19.00 น. จะมีแสงน้อย ท้องฟา้ จะมีสสี นั ตา่ งๆ น้ำ�เงิน มว่ ง ชมพู ฯลฯ ดังน้ันการ ถา่ ยภาพมักจะใช้ขาตั้ง ถ้าถา่ ยบุคคลจะตอ้ งใชไ้ ฟเขา้ ช่วยถึงจะมองเหน็ ใบหนา้ ตวั แบบ – ชว่ งแสงสีทอง หรือชว่ งเวลาเชา้ ตรแู่ ละตอนเยน็ ก่อนพระอาทิตยต์ ก เวลาประมาณ 6.30-8.30 น. และ 16.00-18.00 น. แสงอาทติ ย์จะเร่ิมเปลี่ยนเปน็ สที องหรอื สีสม้ จะเปน็ ชว่ งท่ชี า่ งภาพนยิ มเกบ็ ภาพกัน จะไดภ้ าพที่ มีความน่มุ นวล ดูมีมติ ิ ได้อารมณ์ มองดสู บายตา สภาพอากาศก็ก�ำ ลังดไี ม่รอ้ นจนเกินไป แต่บางคร้งั ภาพอาจจะมี เงาดำ�มากเกนิ ไป(Contrastสูง) ช่างภาพบางคนกจ็ ะจดั แสงช่วยในการเปดิ เงาด้วย – ช่วงแสงใส เป็นช่วงทีแ่ สงพระอาทิตยไ์ ม่มสี สี ้ม และทอ้ งฟา้ เปน็ สีน�ำ้ เงนิ ฟ้า (ยกเว้นฝนตก) จะอย่ทู ่ีเวลา ประมาณ 9.00-11.00 น. และ 14.00-15.30 น. ชว่ งนี้พระอาทติ ย์จะมีต�ำ แหนง่ ให้แสงในทศิ ทางท่เี หมาะกบั การ ถา่ ยภาพบุคคลใหส้ ีสนั ทถี่ กู ต้อง – ช่วงแสงเทยี่ ง เปน็ ชว่ งทีแ่ สงของพระอาทิตยจ์ ะแรงมาก หรอื ท่ีเรยี กกนั ทว่ั ไปว่า “แสงแข็ง” โดยจะอยู่ทีเ่ วลา ประมาณ 11.30-13.30 น. ซึง่ ชว่ งเวลาน้ี นอกจากจะใหแ้ สงที่แรงและร้อนแล้ว ทศิ ทางของแสงยังมาจากดา้ นบน ทำ�ใหเ้ กิดเงาขึน้ ท่ใี ตต้ า จมูกและปาก ซง่ึ เปน็ เงาท่ีไมพ่ งึ ประสง ไม่เหมาะกบั การถ่ายภาพและวีดโี อเลยโดยเฉพาะอย่างย่งิ การถ่ายภาพบคุ คล ถา้ จะถา่ ยควรถา่ ยในรม่ ใหแ้ สง สะทอ้ นเขา้ มาทางหนา้ ตา่ งแทน แสงประดษิ ฐ์ หรือแหลง่ กำ�เนดิ แสงท่มี นษุ ย์สร้างข้ึน เชน่ หลอดไฟ กองไฟ เทียน แฟลช ฯลฯ โดยสว่ นมาก แสงเหล่าน้ีจะสามารถควบคมุ ไดท้ ัง้ ความแรงและทิศทาง แตก่ ารใชแ้ สงประดิษฐจ์ ะมีอุณหภมู ิสีที่แตกตา่ งกัน อาจ จะตอ้ งใส่ใจเร่อื งการตัง้ ค่ากล้องมากขน้ึ Tip: การใช้ชนดิ หลอดไฟทแ่ี ตกตา่ งกัน จะทำ�ให้กล้องไมส่ ามารถหาค่าอุณหภมู สิ ที ีถ่ ูกต้องได้ 48บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจดั แสง
บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจัดแสง ทศิ ทางของแสง ทศิ ทางแสงทแี่ ตกตา่ งกันจะสง่ ตอ่ มิติของภาพ หรอื ให้อารมณภ์ าพแตกตา่ งกนั ได้ ดังนัน้ ในการถา่ ยภาพสง่ิ ท่ี ควรพิจารณาอกี อย่างคอื ความเหมาะสมของทศิ ทางของแสง โดยเราสามารถแบ่งทศิ ทางของแสงออกเปน็ 5 ทิศ ทางใหญๆ่ ดงั น้ี ทิศทางจากดา้ นบน คือแหล่งกำ�เนิดแสงจะอยู่บนหวั เรา จะทำ�ให้เกดิ เงา ตกกระทบทางดา้ นล่างของวตั ถุ แมแ้ สงในทศิ ทางนจ้ี ะไม่ นยิ มใช้ถ่ายงาน แต่ในหลายๆครง้ั กส็ ามารถน�ำ มาใชไ้ ด้ โดย มกั ใช้ในฉากทีต่ อ้ งการใหต้ ัวแบบมีเงาข้นึ ทผี่ ม หรือ สร้างออ รา่ ดเู ป็นผู้สูงส่ง ทิศทางแสงจากดา้ นหน้า แสงทสี่ อ่ งมาจากทางด้านหน้าของวัตถทุ ี่จะถ่ายมาจาก ทิศทางเดียวกนั กบั กล้องถ่ายภาพ หรือที่เรยี กกนั วา่ “ถ่าย ตามแสง” ทำ�ให้ตัวแบบได้รับแสงสวา่ งได้ทัว่ ด้านหน้า วัตถุ จะไมม่ ีเงาท�ำ ให้ได้ภาพมลี กั ษณะเรียบแบนไม่มีความลึก ความหนา เหมาะส�ำ หรับการถา่ ยภาพท่ีต้องการเนน้ ใหเ้ หน็ รายละเอียด ทิศทางแสงจากด้านขา้ ง แสงที่มาจากด้านขา้ งน้ี จะท�ำ ให้ภาพมมี ติ ิ แตจ่ ะท�ำ ให้ เกิดแสงเงาทางด้านตรงขา้ มของแสง โดยปกตมิ ักจะใชอ้ ปุ กรณส์ ะทอ้ นแสง หรือสร้างแสงทอ่ี อ่ น กวา่ เพอ่ื เปดิ เงาให้เหน็ รายละเอียด และสว่ นมากจะวางไวท้ ่ี มมุ ราวๆ 45 องศาจากหนา้ ตรง 49 บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจดั แสง
บทที่ 3 การถ่ายภาพและจดั แสง ทิศทางแสงจากด้านหลัง แสงท่สี อ่ งมาจากดา้ นหลงั ของวตั ถุท่จี ะถา่ ย อยูต่ รงกนั ขา้ มกบั กล้องถา่ ยภาพ ท�ำ ให้มองเห็นวัตถแุ ยกออกจากพ้นื ฉากหลงั ชดั เจน บางครง้ั กจ็ ะเรียกวา่ แสง “Rim light” แต่ อาจจะต้องระวังรายละเอยี ดด้านหนา้ ของตวั แบบมืดเกินไป อาจจะมีการจดั แสงช่วยหรือใช่อุปกรณ์สะท้อนแสงเพอื่ ให้ เหน็ รายละเอียดในส่วนนี้ ทิศแสงจากด้านล่าง แสงทีส่ อ่ งมาจากดา้ นล่างของตัวแบบ จะใชเ้ ปิดเงาด้าน ลา่ งของตวั แบบ หรือใชใ้ นงานถา่ ยฉากสยองขวญั ผหี ลอก หรือเปิดเงาใตค้ าง แมจ้ ะไม่นยิ มใชแ้ ตก่ ส็ ามารถจัดแสงให้ใช้ งานได้ตามความเหมาะสม Tip: ปจั จุบันช่างภาพมืออาชพี จะใช้การจดั แสงท่ีซบั ซอ้ นเพือ่ ใหไ้ ด้ภาพท่มี ีมติ ิ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ ให้เปน็ ไปตามความต้องการ 50บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจดั แสง
บทท่ี 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง การจดั แสงเบื้องต้น แมป้ ัจจบุ ันจะมเี ทคนคิ การจดั แสงท่ซี บั ซ้อนมากมาย แต่เทคนิคพ้ืนฐานก็ยังได้รบั การยอมรบั และใชง้ าน อยู่เสมอๆ เพราะสามารถทำ�ไดง้ ่าย ไมซ่ บั ซอ้ น และใช้อุปกรณ์ไม่มาก นน่ั คอื กฏ Three-Point Lighting Three-Point Lighting การจดั แสงแบบ Three-Point Lighting (การจดั แสงสามจุด) เป็นการจดั แสงทใี่ ชก้ นั ใน Studio ต่างๆ ซ่ึงสว่ นใหญจ่ ะใชใ้ นการถ่ายคน โดยภาพที่ไดจ้ ะดูโดดเดน่ มีมติ ิ ไมร่ าบเรยี บไปกับพ้ืนหลงั โดยตำ�แหนง่ ไฟ 3 ตำ�แหน่ง คอื Key Light, Fill Light และ Rim Light แต่ละตำ�แหนง่ มีหนา้ ที่ ดงั นี้ Key Light ท�ำ หนา้ ทเี่ ป็นตวั หลักทีใ่ ห้แสงสวา่ งกับวตั ถุ จะอยดู่ ้านซ้ายหรอื ขวาจากกลอ้ งกไ็ ด้ จะทำ� มุมไม่เกนิ 15 – 45 องศาจากหน้าตรงของแบบ และระดับความสูงของไฟจะสงู กว่าใบหน้าของตวั แบบ ประมาณ15-45องศา ส่องกดลงมาทต่ี ัวแบบ Fill Light เม่ือเราถ่ายวีดีโอโดยใช้ Key Light อยา่ งเดียวมักจะเกิด contrast (สว่ นต่างแสงและเงา) เราจงึ ต้องใช้ Fill Light เป็นตัวช่วยเพอ่ื ลบเงาที่เกดิ ขึน้ จากการใช้ Key Light ซง่ึ มกั จะใชไ้ ฟที่มีกำ�ลังอ่อน หรือ อปุ การณส์ ะทอ้ นแสงช่วย โดยจะตงั้ ไวด้ า้ นตรงข้ามกบั Key Light และอยใู่ นระดับสายตาของตวั แบบ Rim Light/Back Light จะท�ำ ให้เกิดแสงจากด้านหลังเวลาถา่ ยวีดโี อออกมาทำ�ให้ตัวแบบดูโดดเดน่ ขึ้น จากฉากหลงั การวางต�ำ แหน่งของไฟจะวางอยขู่ ้างหลังวัตถุทางดา้ นขา้ ง และอย่สู งู กว่าวตั ถแุ ละส่องท�ำ มมุ ประมาณ 45 องศาส่องลงมายังศรษี ะ ไหล่ และหลัง 51 บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง
บทที่ 3 การถา่ ยภาพและจัดแสง 52บทท่ี 3 การถ่ายภาพและจดั แสง
บทที่ 4 กราฟกิ การออกแบบกราฟกิ
กราฟกิ คืออะไร ค�ำ ว่า กราฟิก (Graphic) นน้ั มที ม่ี าจากภาษากรกี 2 คำ�ดว้ ยกันคือ 1. Graphikos หมายถึง การวาดเขยี น 2. Graphein หมายถงึ การเขยี น มีคนทีใ่ หค้ วามหมายหรือคำ�จำ�กัดความของคำ�ว่า “กราฟิก” ไวม้ ากมายหลายแบบด้วยกนั แต่หลกั ๆก็ มดี ังน้ี – กราฟกิ เปน็ ศิลปะแบบหนงึ่ ท่ีแสดงออกถึงความคดิ อา่ นและอารมณ์โดยใช้เส้น รูปภาพ ภาพเขยี น หยาบๆ ไดอะแกรม ฯลฯ – กราฟิกเป็นการสอ่ื ความหมายด้านการใชภ้ าพวาด ภาพสเกต แผนภาพ การถ่ายภาพ และอน่ื ๆ ที่ ต้องอาศัยศิลปะ เข้ามาช่วยเพอ่ื ท�ำ ให้ผู้ดเู กดิ ความคิดและการตีความหมายได้ตรงตามทีผ่ ้สู ง่ สารต้องการ เช่น แผนภมู ิ แผนภาพ ภาพโฆษณา การต์ ูน เปน็ ตน้ – วสั ดุทเ่ี กิดจากการวาดและการเขยี นงานออกแบบตา่ งๆ ในส่งิ ทีเ่ ปน็ วตั ถุ 2 มิติ มคี วามกว้างและความ ยาวเทา่ กนั อันไดแ้ ก่ งานสถาปนิกในการเขยี นแปลนบ้าน การเขียนภาพเหมือนของจติ รกร การออกแบบ โฆษณาของช่างออกแบบ – กราฟกิ เป็นศิลปะหรอื ศาสตรใ์ นการเขียนภาพลายเส้น รวมไปถงึ การพิมพ์ การแกะสลกั การถ่าย ภาพ และการจัดทำ�หนงั สือ ดังนน้ั สรปุ ไดว้ ่า กราฟกิ น้ันหมายถึง ศลิ ปะแขนงหน่ึงซ่งื ใช้การสื่อความหมายดว้ ยการใช้เส้น ภาพวาด สัญลกั ษณ์ ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ การต์ นู ฯลฯ เพ่ือให้สามารถสอื่ ความหมายของข้อมูลไดถ้ ูกตอ้ งตรง ตามท่ีผู้รับสารตอ้ งการ 55 บทท่ี 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟกิ
พน้ื ฐานการออกแบบ 10 พืน้ ฐานองค์ประกอบการออกแบบ 1. เส้นในการออกแบบ (Lines) เส้นใช้ในการแบง่ พื้นที่หรอื สร้างสว่ นประกอบต่างๆขน้ึ มา เส้นแตล่ ะชนดิ ก็บง่ บอกถึงอารมณง์ านทตี่ า่ งกนั ได้ 2. สี (Color) สีคอื สง่ิ ทก่ี ำ�หนด Mood and Tone และสร้างความแตกตา่ งใหก้ บั งานเรา ซ่ึงมนั จะอย่ใู นเสน้ รูปทรง พน้ื ผิว พืน้ หนงั และตวั หนังสือตา่ งๆ 3. รูปรา่ งตา่ งๆ (Shape) รปู รา่ งเปน็ สิง่ ท่ีชว่ ยเพม่ิ ความน่าสนใจให้กบั งานหรอื จะใช้เน้นสว่ นประกอบใน”งานออกแบบ” ซึ่งรูปทรง แตล่ ะแบบก็มคี วามหมายในทางทตี่ ่างกนั 4. พนื้ ท่ีในงาน (Space) พนื้ ที่สามารถสรา้ งรปู ทรงท่ีแปลกตาขนึ้ มาได้ มักจะน�ำ ไปใชใ้ นโลโก้ หรอื งานออกแบบ ที่ตอ้ งการแฝงความ หมายตา่ งๆ เอาไว้ 5. พนื้ ผิว (texture) พิ้นผวิ สามารถสรา้ งลกั ษณะสามมติ ิให้กับงาน และสรา้ งสรรค์ให้งานออกมาสมจริงได้ 6. ตวั อักษร (Typography) การเลอื กสไตล์ของตวั อกั ษรก็มีความส�ำ คัญ เพราะมนั ก็เปน็ อีกหนึ่งส่ิงท่คี อยบอกอารมณ์ของงานออกมา 7. ขนาดต่างๆ (Scale) เลน่ กบั ขนาดของรปู ทรงหรือแมแ้ ตต่ วั อกั ษรจะช่วยเพิ่มความนา่ สนใจให้กบั งานได้ 8. องคป์ ระกอบหลักและรอง (Dominance and Emphasis) สร้างองคป์ ระกอบหลกั ที่เป็นจดุ เดน่ ของงาน และสร้างองคป์ ระกอบรองเพื่อส่งเสรมิ ใหง้ านของเราดมู ี Contrast และมนั จะยงิ่ ชว่ ยใหอ้ งค์ประกอบหลักของเราเดน่ ข้ึนมา 9. สมดุล (Bฺ alance) สร้างสมดลุ ใหก้ ับงานเปน็ สิ่งสำ�คญั ลองสงั เกตแุ ละมองไปรอบๆ งานของคุณให้ดีๆ เม่อื ไหร่ทีร่ สู้ ึกว่ามันเอยี ง หรือดงึ ดูดสายตาไปทางมมุ ไหนมากเกนิ ไป นน่ั แสดงวา่ สมดลุ ในงานของคณุ ไม่ดี ลองแกไ้ ขโดยการวางองค์ ประกอบอะไรสกั อยา่ งเข้าไปอีกด้าน 10. ต้องสอดคล้องกัน (Hฺ armony) รายละเอยี ดองคป์ ระกอบในงานเราควรจะมีความสอดคล้องไปด้วยกันได้ไม่ขัดกนั จะท�ำ ให้ งานออกแบบ ของเราดสู มบรู ณ์ทส่ี ุด 56บทที่ 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟิก
บทท่ี 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟกิ หลักการการออกแบบกราฟกิ ในการออกแบบกราฟิก เพอื่ ให้ตรงกบั ประเภทและเกดิ ประโยชน์ต่อการน�ำ ไปใช้นัน้ ผูผ้ ลติ งาน ควร ค�ำ นึงหลกั การในการออกแบบดงั ตอ่ ไปน้ี 1. หลักการทางศิลปะ การน�ำ หลกั การทางศิลปะมาใชใ้ นการออกแบบกราฟิกนัน้ ให้พิจารณาจากหลกั การดังตอ่ ไปน้ี ( วรพงศ์ วรชาติอดุ มพงศ.์ 2540 : 17-18 ; รสริน พิมลบรรยงก์. 2552 : 39 - 44 ; ณฐั กร สงคราม. 2553 : 105 – 113 ) 1.1 รปู แบบ/ขนาดตัวอกั ษร การสร้างรูปแบบตัวอกั ษรให้มีรูปแบบทีแ่ ปลกตา สวยงามจะชว่ ยเร่งความ ร้สู กึ ตอบสนองไดอ้ ย่างดี โดยจะเนน้ เรือ่ งความชัดเจน สวยงาม อ่านงา่ ย และสอดคลอ้ งกบั การออกแบบนั้น ๆ ด้วย นอกจากรูปแบบตวั อักษรแลว้ การก�ำ หนดขนาดตัวอักษรทม่ี ีความส�ำ คัญไมน่ ้อยเลย ขนาดตวั อักษร ทุกสว่ นบนชนิ้ งานตอ้ งมขี นาดท่เี หมาะสมกับพื้นทท่ี ่ีจะท�ำ ให้อา่ นง่าย ตวั อกั ษรทีม่ ขี นาดเลก็ มากอาจเป็น อปุ สรรคในการส่ือความหมายท่ีดี ความกว้างและความสูงพอเหมาะก็จะช่วยให้รปู แบบดงู า่ ยขึน้ ไมค่ วรใช้ ตัวอักษรมากกว่า 2 รปู แบบในส่วนของพืน้ ท่ีเดยี วกนั หรอื หน้าจอเดยี วกนั 1.2 ระยะหา่ งและพ้นื ทวี่ ่าง การจัดพืน้ ทว่ี ่างในการออกแบบกราฟกิ มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ต้องการจัด ระเบียบของขอ้ มลู ช่วยการเนน้ ความชัดเจนและความเป็นระเบยี บมากขนึ้ ระยะหา่ งหรือพน้ื ท่ีวา่ งจะช่วย พกั สายตาในการอ่าน ทำ�ใหด้ สู บายตา สรา้ งจังหวะลีลาขององค์ประกอบภาพให้เหมาะสมและสวยงาม การจัดต�ำ แหนง่ ของตวั อกั ษร เชน่ ชิดซา้ ย ชดิ ขวา กึ่งกลาง หรอื ชิดซา้ ยและขวา ควรพิจารณาการวางขอ้ ความ ความสมดุล และวัตถปุ ระสงคใ์ นการเนน้ 1.3 การกำ�หนดโครงสรา้ งสี สีมีบทบาทอย่างยงิ่ ที่จะช่วยเน้นความชดั เจน ท�ำ ใหส้ ะดุดตา สร้างสรรค์ ความสวยงาม การก�ำ หนดโครงสีจะใช้วิธกี ารใดกต็ อ้ งขึน้ อย่กู ับลกั ษณะและประเภทของงานนั้น ๆ ขอ้ คำ�นงึ สำ�คัญคือสีบนตัวภาพพน้ื ภาพและบนตัวอกั ษรต้องมคี วามโดดเดน่ ชัดเจน เหมาะกับกลุ่มเปา้ หมาย ซง่ึ จะมีความสนใจและความชอบทีแ่ ตกตา่ งกนั ไป นกั ออกแบบอาจใช้หลักการทางทฤษฎผี สมผสานกบั หลัก จติ วทิ ยาการใชส้ ใี นการจัดโครงสีบนชน้ิ งาน เพอ่ื เปา้ หมายการตอบสนองดที ่ีสดุ 1.4 การจัดวางตำ�แหนง่ หมายถงึ การออกแบบจัดโครงร่างทงั้ หมดที่จะกำ�หนดตำ�แหนง่ ขนาดของภาพ ประกอบ ตำ�แหน่งของขอ้ ความทงั้ หมดและสว่ นประกอบอ่นื ๆ ท่ีปรากฏ ควรค�ำ นึงจุดเด่นทค่ี วรเนน้ ความ สมดุลต่าง ๆ ตลอดจนความสบายตาในการมอง และให้ความสำ�คัญต่อสาระทุกส่วนทป่ี รากฏบนช้นิ งานเท่า กันหมด ความเหมาะพอดีขององคป์ ระกอบตำ�แหนง่ ตา่ ง ๆ จะท�ำ ให้งานกราฟกิ เปน็ ท่นี ่าสนใจยงิ่ ข้ึน 57 บทท่ี 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟิก
บทที่ 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟกิ 2. องคป์ ระกอบในการออกแบบ 2.1 ความง่าย ( Simplicity )การออกแบบกราฟิกในการใช้เพ่ือจุดประสงคต์ ่างๆ กนั ควรจะค�ำ นึงถงึ การน�ำ ไปใช้ ในกรณนี ้กี ราฟกิ ประเภทแผนภูมิ แผนภาพ หรอื แผนสถติ ิ ท่ใี ชส้ �ำ หรับประกอบในเอกสารส่ิง พิมพ์ อาจไม่เหมาะต่อการนำ�ไปใชก้ บั เคร่ืองฉาย เพราะอาจมีข้อความมากเกินไป จนทำ�ใหเ้ กดิ ความสับสน แต่อาจเหมาะต่อการออกแบบหน้าจอคอมพวิ เตอรเ์ พราะช่วยทำ�ใหข้ อ้ มูลให้เปน็ รปู ธรรมและงา่ ยต่อการ ทำ�ความเข้าใจ ดังน้นั ควรพจิ ารณาองคป์ ระกอบภายในแตล่ ะภาพวา่ ควรจะมีความคิดเพียงความคดิ เดยี ว โดยมีสิง่ สนับสนนุ ลักษณะท่เี ปน็ ความงา่ ย ดังนี้ 2.1.1 งา่ ยตอ่ การนำ�ไปใช้ คือให้มขี นาดพอเหมาะไมใ่ หญ่เกนิ ไปหรอื เลก็ เกินไป ท�ำ ดว้ ยวัสดคุ งทน ไม่เปรอะเปื้อนงา่ ย หรืองา่ ยตอ่ การเรยี กภาพมาแสดงหน้าจอ 2.1.2 งา่ ยตอ่ การนำ�ไปท�ำ วสั ดุฉาย คอื ให้มสี ดั สว่ นต่อการนำ�ไปดดั แปลงใชใ้ นการทำ�เปน็ งานศลิ ป์ ( art work ) เพอื่ การจดั ท�ำ แมแ่ บบส�ำ หรับการผลติ สอื่ รปู แบบอ่ืนๆ 2.1.3 งา่ ยต่อการอา่ น เน้นลักษณะขององค์ประกอบในด้านการใชต้ ัวหนังสือ จะต้องมีรูปแบบท่ี อ่านง่าย ขนาดใหญ่พอเหมาะกบั เนอ้ื ท่ี และระยะการอา่ น 2.1.4 งา่ ยตอ่ ความเข้าใจ เป็นการใชข้ อ้ ความสน้ั ๆ กะทดั รดั ความยาวไม่ควรเกินกวา่ 20 คำ� อ่านและเขา้ ใจไดท้ ันที ส่วนภาพประกอบ ควรเน้นภาพท่ีมีลักษณะที่ชดั เจน เหมาะสมกับวยั ผูเ้ รียน ดูแล้ว เขา้ ใจได้โดยไม่ตอ้ งมขี อ้ ความอธบิ ายมากนกั 2.2 ความเป็นเอกภาพ (Unity)ลักษณะทเี่ ป็นเอกภาพ ก็คอื การแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความสมั พันธข์ ององค์ ประกอบในภาพท่ีแสดงออกเปน็ หนง่ึ อันเดียวกัน การสรา้ งความเปน็ เอกภาพอาจใช้เคร่ืองช่วย โดยการ ซอ้ นภาพ ใชล้ กู ศรชี้เชอ่ื มโยง หรอื เครอื่ งช้ีภาพ ใช้องค์ประกอบอืน่ ๆ เชน่ เสน้ สี รปู ร่าง ชอ่ งว่าวและพนื้ ผวิ ลกั ษณะของความเป็นเอกภาพ ก็คือ การผสมผสานองคป์ ระกอบตา่ งๆ ของงานกราฟิกเข้าด้วย กนั ในรูปแบบของภาพ 2 มติ ิ องค์ประกอบต่างๆ เหล่าน้จี ะต้องมีความหมายรวมกนั เพยี ง “หนง่ึ อยา่ ง” เท่านัน้ หรือมคี วามเก่ียวพนั ซ่ึงกันและกัน การจัดภาพและขอ้ ความประกอบจะต้องมีความสมั พันธ์กัน และ มลี ำ�ดับตอ่ เน่อื งทจ่ี ะอยูภ่ ายในองค์ประกอบเดยี วเทา่ น้ัน 2.3 การเน้น ( Emphasis )การเนน้ เป็นเรื่องจำ�เป็นในการออกแบบ เพื่อช่วยเปน็ จุดสนใจของภาพ การเนน้ อาจท�ำ โดยใช้ขนาดความใกลไ้ กลของวัสดแุ ละความลกึ ของภาพหรือทศั นะมติ ิ ( perspective ) นอกจากนก้ี ย็ ังใช้สี หรอื ระยะห่างเพ่อื ชว่ ยในการเน้นกไ็ ด้ 2.4 ความสมดลุ ( Balance )การจดั ภาพหรอื การออกแบบเพื่อใหเ้ กิดความสมดลุ กค็ ือ จดั ให้น�้ำ หนัก ของภาพทง้ั 2 ซึก คือ ซีกซ้ายและซกี ขวาเท่ากนั ซึง่ ขึน้ อย่กู ับการจัดภาพ ทำ�ได้ 2 ลักษณะคือ 2.4.1 สมดุลแบบเท่ากนั ( formal balance )คือการวางภาพโดยให้เกดิ ที่วา่ งเท่ากนั ท้งั สอง ดา้ น โดยองค์ประกอบทัง้ 2 ดา้ น มลี กั ษณะเหมอื นกนั 58บทที่ 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟกิ
บทที่ 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟกิ 2.4.2 สมดลุ แบบไมเ่ ท่ากัน ( informal balance )เปน็ ความสมดลุ ทีเ่ กดิ จากการใหน้ ำ�้ หนกั ทาง สายตา สว่ นประกอบในภาพของทัง้ สองดา้ นซ้ายและขวาของภาพไม่จ�ำ เปน็ ต้องมีขนาดเหมอื นกันและเทา่ กนั ด้วยน�้ำ หนัก 2.5 รปู รา่ ง ( Shapes )รปู รา่ งทีผ่ ิดปกตหิ รอื แปลกไปจากท่เี ปน็ จะชว่ ยท�ำ ใหภ้ าพน่าสนใจ 2.6 ช่องวา่ ง ( Space )การเว้นทวี่ า่ งรอบๆ ภาพและค�ำ ที่ปรากฏในงานออกแบบจะชว่ ยทำ�ให้ผู้ดูรู้สึก ผ่อนคลายความอดึ อดั และความแนน่ ในภาพใหล้ ดลง อนั จะเปน็ ผลดีตอ่ งาน 2.7 เสน้ ( Lines )การใช้เสน้ จะช่วยเชือ่ มต่อองคป์ ระกอบภายในภาพ และก�ำ หนดทศิ ทางเพ่ือให้ผู้ดู ลำ�ดบั ความคดิ และเนอ้ื หาได้ 2.8 พ้นื ผวิ ( Texture )เปน็ ส่วนทใี่ หค้ วามรูส้ กึ ในด้านการสมั ผัส เชน่ เดียวกนั กับการใชส้ ี ลกั ษณะของ พนื้ ผวิ เชน่ ผิวเปลอื กไม้ การดาษหนงั ช้าง กระดาษตะกัว่ หรือเย่อื บุชน้ั ในของกระดาษลงั เป็นตน้ พ้นื ผวิ จะ ชว่ ยในการเน้นหรือแยกแยะหรอื ช่วยเสริมความเป็นเอกภาพไดด้ ีข้ึน 2.9 สี ( Color )สีเป็นสว่ นประกอบท่ีส�ำ คญั สำ�หรับการผลิตงานกราฟกิ ทกุ ประเภท แต่กค็ วรจะรู้จักน�ำ มาใชเ้ พ่อื ให้เกิดประโยชน์มากที่สดุ เนื่องจากการใชส้ ีจะช่วยในเรือ่ งการเนน้ การแยกแยะหรอื เสริมความ เป็นเอกภาพของกราฟกิ นัน้ ๆ ไดเ้ ปน็ อย่างดกี ารออกแบบกราฟิกโดยใชค้ ุณสมบัติของสพี ิจารณาได้จากงวง ลอ้ สี เพ่ือเลอื กใชแ้ ละน�ำ มาช่วยให้ผ้ดู เู กดิ การรบั รเู้ นอ้ื หาหรือสารไดอ้ ย่างถูกต้อง 2.9.1 ความหมายของสี ( Meanings of color )สีแต่ละสีสามารถสรา้ งอารมณ์ความรู้สึกหรือสสี ัน ของงเน้ือหาไดเ้ ป็นอย่างดี ซ่ึงถ้าพจิ ารณาความหมายของสแี ต่ละสีตามลักษณะของสกี ็พอแยกแยะออกได้ ดงั น้ี สีแดง = ความรกั ความเกลียด โกรธ อันตราย สีเหลือง = ความอบอ่นุ ความสงบ ความเจริญเตม็ ที่ ( สุก) สีน้�ำ เงนิ = เยือกเยน็ จิตใจเห่ียวแห้ง เศร้าซึม สดี �ำ = แข็งแรง ประณตี รวย เปน็ การเปน็ งาน สีเขยี ว = หนุม่ ออ่ นวยั สดช่นื ความเจรญิ เติบโต สขี าว = สะอาด ประณตี ความบริสทุ ธ์ิ สีส้ม = พลังงาน ร่าเรงิ สดใส สนกุ สนาน สมี ่วง = สงู ศกั ด์ิ ร�่ำ รวย หรูหรา ความรู้ในเรอ่ื งความหมายของสี และการใชส้ เี ปน็ สัญลกั ษณ์น้ี สว่ นใหญจ่ ะเหน็ ได้จากการนำ�ไปใชใ้ นชีวติ ประจำ�วัน เชน่ การออกแบบผลิตภณั ฑ์ หรอื เครือ่ งแตง่ กาย เป็นต้น 59 บทท่ี 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟิก
บทที่ 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟิก 2.10 สดั ส่วน (proportion) การออกแบบทด่ี คี วรคำ�นงึ ถึงการใชส้ ัดส่วนของวัสดุกราฟฟกิ ของ แต่ละชนดิ อยา่ งเหมาะสมเนือ่ งจากขนาดของงานท่ผี ลิตจะแตกต่างกนั ท้งั นี้เพื่อให้การน�ำ ไปใช้งา่ ยขนึ้ นอกจากนใ้ี นการจัดองคป์ ระกอบภายในการท�ำ เลย์เอาท์ หรอื การออกแบบ กจ็ ะสะดวกยิง่ ขน้ึ ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งความกวา้ งกบั ความยาวของงานกราฟกิ แตล่ ะชนดิ หรือท่เี รยี กวา่ Aspect Ratio ซง่ึ สดั สว่ นระหวา่ ง ความสูงและความกวา้ งของกรอบชิน้ งานทน่ี �ำ ไปใชเ้ พือ่ งานถ่ายทำ� 2.11 การรวบรวมจัดวาง (organize) การวางภาพและขอ้ ความควรเรียงลำ�ดับเพอื่ ไม่ใหผ้ ู้ดเู กดิ ความ สับสน ซงึ่ ในบางครง้ั ตอ้ งคำ�นึงถึงพ้นื ฐานทางวัฒนธรรมของผู้ดดู ้วยเช่น การดูภาพจากซ้ายไปขวา การอา่ น ตวั หนงั สอื เป็นคอลัมน์ หรอื อ่านจากด้านหลงั มาดา้ นหน้า เป็นต้น 2.12 การอ่านไดง้ า่ ย(legibility) องค์ประกอบต่างๆในเนื้อหาการน�ำ เสนอไม่ว่าจะเปน็ ภาพตวั อักษร ควรเป็นแบบงา่ ย อ่านง่าย และมีขนาดใหญเ่ หน็ ได้ชัดเจน การท�ำ ให้กราฟกิ มองเหน็ ได้ชัดเจน การทำ�การใชข้ นาดของให้กราฟกิ มองเหน็ ไดช้ ัดเจน เข้าใจงา่ ยนน้ั นอกจากจะคำ�นึงถงึ ลักษณะงา่ ยๆของ ภาพและตัวอกั ษรแลว้ การใช้ขนาดของตักอักษรและการวางลงบนพนื้ ผวิ ท่ีมสี ตี ่างๆ กนั กม็ ผี ลตอ่ ความ ง่ายในการอา่ นด้วยเหมือนกนั นอกจากนกี้ ารจดั ช่องไฟของตวั อกั ษร และการเวน้ บรรทัดก็มผี ลในด้าน การอ่านได้ง่าย เชน่ กนั หลักการใชส้ เี พ่อื ช่วยให้อา่ นง่าย มดี ังน้ี ช .12.1 สีพ้นื หลังกบั สีตัวอักษรควรมสี เี ขม็ อ่อนตดั กนั คอื พ้ืนสีเข็มด้วยอักษรควรมีสีอ่อน และ ถา้ พ้ืนหลงั สอี ่อนตวั อักษรควรมสี ีเขม็ เช่น ตวั อักษรสีขาว/เหลืองบนพนื้ สีน้�ำ เงิน อักษรดำ� บนพน้ื สเี หลอื ง เปน็ ต้น 2.12.2 หลกี เลี่ยงการจบั คสู่ ขี อ้ ความ/ภาพทีต่ ดั หรือกลมกลนื กนั มาก เช่น แดงกบั เขียว น�้ำ เงิน กับเขียว 2.12.3 ในกรณีทสี่ พี ้ืนและตัวอักษรใกล้เคียงกัน อาจเพ่ิมเส้นขอบตัวอกั ษร ท�ำ เงา หรอื ทำ�สี ฟงุ้ รอบตวั อกั ษร( Shadow ) หรอื ทำ�สีฟงุ้ รอบตัวอักษรกไ็ ด้ 2.12.4 ไมค่ วรใช้สหี ลายสใี นค�ำ /ประโยคเดยี วกัน ยกเวน้ ตอ้ งการเนน้ ให้สนใจ และไม่ควรใช้ เกนิ กวา่ 3สี(รวมสีพน้ื ) 60บทท่ี 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟิก
บทท่ี 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟกิ 3.การออกแบบหนา้ จอ การออกแบบหน้าจอส�ำ หรบั การสร้างชิ้นงานเพือ่ น�ำ เสนอดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เชน่ การท�ำ บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ บทเรยี นมัลติมเี ดยี โปรแกรมการนำ�เสนอ ซึ่งตอ้ งมกี ารนำ�เสนอบนจอคอมพิวเตอร์ น้นั หลกั พน้ื ฐานของการออกแบบกราฟิกส�ำ หรบั การนำ�เสนอบนหน้าจอควรประกอบดว้ ย ความเรียบง่าย ความสมำ่�เสมอ ความชัดเจนในประเดน็ การนำ�เสนอ และความสวยงามนา่ ดู รายละเอยี ดในแต่ละองค์ ประกอบมดี ังนี้ 3.1 ความเรยี บง่าย (Simplicity) หมายถึง ปรมิ าณขอ้ มลู จ�ำ นวนช้นิ งาน รูปแบบการปรากฏใน ลักษณะ ( Effect )ตา่ งๆ จำ�นวนสี ควรมีความเรียบงา่ ย และไมม่ ากจนเกินไป 3.2 ความสมำ่�เสมอ (Consistency) เปน็ หลักการสำ�คัญของการออกแบบสอ่ื ทุกประเภทความ สม่�ำ เสมอของสสี นั ขนาดและรปู ทรง คำ�ชี้แนะ การใช้คำ�/ประโยค รูปแบบการน�ำ เสนอ ต�ำ แหน่งทปี่ รากฏ และเทคนิคทใ่ี ชส้ ร้างงาน 3.3 ความชดั เจน (Clarity) หมายถงึ การใช้ถ้อยคำ� ภาษา คำ�ศพั ท์ ท่ีนำ�มาใช้ในการนำ�เสนอบทเรียน และการสรา้ งเปน็ ขอ้ ความ เน้อื หาในบทเรยี น ควรเลอื กใชศ้ พั ท์ที่ผู้เรียนในแตล่ ะระดับเข้าใจ ประโยคควร สน้ั กะทดั รดั ตรงประเด็น และเหมาะสมกับวัยและความต้องการของผ้เู รยี น 3.4 ความสวยงามนา่ ดู (Aesthetic Consideration)ออกแบบหน้าจอเป็นเรอื่ งการออกแบบงานศิลป์ โดยมีพื้นฐานจากธรรมชาติการรับร้ขู องมนุษย์ ดงั นน้ั ความสวยงามน่าดจู ึงให้พิจารณาจาก 1) ความสมดลุ 2) ความกลมกลืน 3) ความเปน็ เอกภาพ 4) ระยะห่าง 5) ความต่อเนอ่ื งในการมองภาพ 6) ต�ำ แหน่งการ แสดงภาพ 61 บทที่ 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟกิ
บทที่ 4 กราฟิกและการออกแบบกราฟฟกิ 62บทท่ี 4 กราฟกิ และการออกแบบกราฟฟกิ
บทท่ี 4 คอมพวิ เตอร์พืน้ ฐาน
คอมพิวเตอรค์ ือ?? ความหมายของของพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ หมายถงึ อุปกรณ์ชนดิ หนงึ่ ที่ทำ�งานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจ�ำ ขอ้ มูลและค�ำ สั่ง ได้ ทำ�ให้สามารถทำ�งานไปได้โดยอัตโนมตั ดิ ้วยอัตราความเรว็ ทสี่ งู มาก ใช้ประโยชน์ในการคำ�นวณหรือการ ทำ�งานตา่ งๆไดเ้ กือบทกุ ชนิด คอมพิวเตอรเ์ ปน็ เครือ่ งมอื ทชี่ ว่ ยในการคำ�นวณและประมวลผลขอ้ มูล ซ่ึง ประกอบด้วยคุณสมบตั ิ 3 ประการ คอื ความเรว็ (Speed) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ท�ำ งานด้วยความเร็วสูงมาก หนว่ ยความเร็วของการทำ�งานของ คอมพิวเตอรว์ ัดเป็น - มิลลเิ ซกนั (Millisacond) ซ่งึ เทียบความเร็วเทา่ กบั 1/1,000 วินาที - ไมโครเซกนั (Microsecond) ซึง่ เทยี บความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000 วนิ าที - นาโนเซกนั (Nanosacond) ซ่งึ เทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000,000 วินาที - มิลลิเซกัน (Millisacond) ซงึ่ เทยี บความเรว็ เทา่ กับ 1/1,000 วนิ าที - ไมโครเซกนั (Microsecond) ซ่ึงเทียบความเรว็ เท่ากบั 1/1,000,000 วินาที - นาโนเซกนั (Nanosacond) ซ่งึ เทียบความเร็วเท่ากบั 1/1,000,000,000 วนิ าที หน่วยความจ�ำ (Memory) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ประกอบไปดว้ ยหนว่ ยความจำ� สามารถใชบ้ นั ทกึ และเกบ็ ข้อมูลไดค้ ราวละมากๆ สามารถเก็บคำ�ส่ังตอ่ ๆ กันทเ่ี ราเรียกว่า โปรแกรม และนำ�มาประมวลในคราวเดียวกัน ซงึ่ เปน็ ปัจจัยทำ�ให้ คอมพิวเตอรส์ ามารถทำ�งานเกบ็ ขอ้ มูลได้คราวละมากๆ และสามารถประมวลผลไดเ้ รว็ และถูกตอ้ ง 65 บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ ้นื ฐาน
บทท่ี 5 คอมพิวเตอรพ์ ้ืนฐาน ความสามารถในการเปรียบเทยี บ (Logical) เครอ่ื งคอมพวิ เตอรป์ ระกอบด้วยหนว่ ยค�ำ นวณและตรรกะ นอกจากจะมคี วามสามารถในการคำ�นวณแล้วยงั มคี วามสามารถในการเปรยี บเทียบ ความสามารถน้ีเอง ท่ีท�ำ ให้เครอื่ งคอมพิวเตอรต์ ่างกับเครื่องคิดเลข และคุณสมบตั นิ ้ที ี่ทำ�ใหน้ ักคอมพวิ เตอรส์ ร้างโปรแกรม อตั โนมตั ิขนึ้ ใชอ้ ย่างกวา้ งขวาง คอมพวิ เตอร์ยงั มคี วามแม่นยำ�ในการค�ำ นวณ มีความเทยี่ งตรงแมจ้ ะท�ำ งาน เหมือนเดิมซำ�้ กันหลายรอบ และสามารถติดตอ่ สอื่ สารกับคอมพวิ เตอร์เครื่องอน่ื ๆ อีกดว้ ย การใชป้ ระโยชนจ์ ากคอมพิวเตอร์กระจายไปอย่ใู นทกุ วงการ - ด้านธุรกิจ ไดแ้ ก่การนำ�คอมพิวเตอรม์ าประมวลงานด้านธรุ กจิ - ด้านการธนาคาร ปจั จบุ ันทกุ ธนาคารจะน�ำ ระบบคอมพวิ เตอร์มาใชง้ านในองคก์ รของตนเพือ่ ให้ บรกิ ารลูกคา้ - ด้านตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลกั ทรัพย์เปน็ ศูนยก์ ลางการซื้อขายหลกั ทรัพย์ จะมขี ้อมลู จำ�นวนมาก และต้องการความรวดเร็วในการปฏิบตั งิ าน - ธุรกิจโรงแรม ระบบคอมพวิ เตอร์สามารถใชใ้ นการบริหารโรงแรม การจองหอ้ งพัก การติดตัง้ ระบบOnline ตามแผนกต่างๆ - การแพทย์ มกี ารน�ำ ระบบคอมพิวเตอร์มาใชอ้ ย่างกวา้ งขวาง เชน่ ทะเบยี นประวตั คิ นไข,้ ระบบ ข้อมลู การใหภ้ มู ิคมุ้ กนั โรค,สถติ ิดา้ นการแพทย,์ ดา้ นการบัญชี - วงการศึกษา การน�ำ คอมพิวเตอร์มาใชก้ บั สถาบนั การศึกษาจะมี ระบบงานที่เก่ียวกับ การเรียนการ สอน การวจิ ัย การบรหิ าร - ดา้ นอตุ สาหกรรมท่ัวไป - ดา้ นธรุ กจิ สายการบิน สายการบนิ ตา่ งๆท่วั โลกไดน้ �ำ เอาคอมพิวเตอรม์ าใชง้ านอย่างแพรห่ ลายโดย เฉพาะงานการส�ำ รองท่นี ่ังและเท่ียวบิน - ด้านการบนั เทิง เชน่ วงการภาพยนตร์ การดนตรี เต้นร�ำ 66บทที่ 5 คอมพวิ เตอร์พน้ื ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน คอมพิวเตอรเ์ ปน็ อุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกสท์ ่ีมนุษย์สรา้ งขนึ้ เพอ่ื ช่วยให้ท�ำ งานได้เร็ว สะดวก และแมน่ ยำ� มากขึน้ การใช้คอมพวิ เตอร์เพอื่ ใหท้ �ำ งานอยา่ งได้มปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ต้องเรียนรู้ และเข้าใจ ส่วนประกอบ วิธี การท�ำ งานของ คอมพิวเตอร์ มขี ้นั ตอนส�ำ คญั คือ ขน้ั ตอนที่ 1 การรับข้อมลู และค�ำ ส่ัง คอมพิวเตอร์รับขอ้ มลู และค�ำ สั่งผา่ นอุปกรณน์ �ำ เข้าข้อมูล คอื เมาส์ คียบ์ อรด์ สแกนเนอร์ ไมโครโฟน ฯลฯ ขัน้ ตอนที่ 2 การประมวลผลหรือคดิ ค�ำ นวณ ขอ้ มูลท่ีคอมพิวเตอร์รบั เขา้ มา จะถกู ประมวลผลโดย การท�ำ งานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) ตามค�ำ สั่งของโปรแกรม หรอื ซอฟตแ์ วร์ การประมวลผลขอ้ มูล เช่น น�ำ ขอ้ มูลมาบวก ลบ คูณ หาร ท�ำ การเรียงลำ�ดบั ข้อมลู น�ำ ข้อมลู มา จดั กล่มุ น�ำ ข้อมูลมาหาผลรวม เปน็ ต้น ขน้ั ตอนที่ 3 การแสดงผลลัพธ์ คอมพวิ เตอรจ์ ะแสดงผลลพั ธ์ของขอ้ มลู ทป่ี อ้ น หรอื แสดงผลจากการ ประมวลผล ทางจอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ์ (Printer) หรอื ลำ�โพง ขนั้ ตอนท่ี 4 การเกบ็ ข้อมูล คอมพิวเตอร์จะท�ำ การเกบ็ ผลลัพธ์จากการประมวลผลไวใ้ นหนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ แผ่นบนั ทึกขอ้ มลู (Floppy disk) ซีดรี อม เพื่อใหส้ ามารถนำ�มาใช้ใหมไ่ ด้ในอนาคต 1. จอภาพ (Monitor) อาจเรยี กทับศัพทว์ า่ มอนิเตอร์ (Monitor), สกรนี (Screen), ดิสเพลย์ (Display) เป็นอปุ กรณ์ที่ ใช้แสดงผลทงั้ ข้อความ ภาพนิ่ง และภาพเคล่ือนไหว จอภาพในปจั จุบนั ส่วนมากใชจ้ อแบบหลอดภาพ (CRT หรือCathode Ray Tube) เหมอื นจอภาพของเครอื่ ง รับโทรทัศน์ และจอแบบผลกึ เหลว (LCD หรือ Liquid Crystal Display) มลี ักษณะเป็นจอแบน 67 บทที่ 5 คอมพิวเตอร์พนื้ ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ ื้นฐาน 2. ตัวเคร่อื ง (Computer Case) เป็นส่วนที่เกบ็ อุปกรณห์ ลักของคอมพวิ เตอร์ เชน่ CPU, Disk Drive, Hard Disk ฯลฯ 3. คีย์บอร์ด (Keyboard) หรือแปน้ พิมพ์ เป็นอุปกรณท์ ่ีใชพ้ มิ พค์ ำ�ส่งั หรือ ป้อนขอ้ มูลเขา้ สู่คอมพวิ เตอร์ คีย์บอร์ดมีลักษณะคลา้ ย แป้นพิมพ์ดีด แต่จะมปี ุ่มพมิ พม์ ากกว่า 4. เมาส์ (Mouse) เปน็ อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการชี้ต�ำ แหน่งต่างๆบนจอภาพ ซ่ึงจะเปน็ การสง่ั ใหค้ อมพวิ เตอร์ทำ�งาน เช่นเดียวกบั การ ป้อนค�ำ ส่งั ทางคยี บ์ อร์ด เมือ่ เล่อื นเมาสไ์ ปมาจะทำ�ให้ เครอ่ื งหมายชี้ตำ�แหน่งบนจอภาพ (Cusor)เลื่อนไปใน 5. เคร่ืองพมิ พ์ (Printer) เปน็ อปุ กรณท์ ่ใี ชแ้ สดงผลข้อมลู ออกมาทางกระดาษ เครอื่ งพมิ พม์ ีหลายแบบ เช่น เครื่องพมิ พจ์ ดุ (Dot Matrix Printer) เคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์ (Laser Printer) และเครอื่ งพมิ พแ์ บบพ่นหมึก (Inkjet Printer) เปน็ ตน้ ทศิ ทางเดยี วกันกับที่เลอื่ นเมาส์นัน้ 68บทท่ี 5 คอมพวิ เตอร์พ้นื ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน 6. สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์นำ�เขา้ ขอ้ มูล โดยเอารูปภาพหรอื ข้อความมาสแกน แล้วจดั เกบ็ ไว้เป็นไฟล์ภาพ เพือ่ นำ�ไป ใชง้ านตอ่ ไป เครื่องสแกนมีท้ังชนิด อา่ นไดเ้ ฉพาะภาพ ขาวดำ� และชนดิ อา่ นภาพสีได้ นอกจากนี้ยงั มชี นิดมอื ถอื 7, โมเด็ม (Modem) เปน็ อุปกรณ์ทที่ ำ�หนา้ ท่ีแปลงสญั ญาณคอมพิวเตอร์ ให้สามารถสง่ ไปตามสายโทรศัพทไ์ ด้ และแปลงขอ้ มลู จากสายโทรศพั ทใ์ ห้เปน็ สัญญาณทีค่ อมพวิ เตอร์ สามารถรบั รไู้ ด้ ฮารด์ แวร์ คอมพิวเตอรฮ์ าร์ดแวร์ หมายถึง ตวั เครอื่ งคอมพิวเตอร์ และอุปกรณร์ อบข้างทเี่ ก่ียวข้องตา่ งๆ ซง่ึ ประกอบด้วยสว่ นทส่ี �ำ คัญคอื หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยความจ�ำ หลกั หน่วยรับข้อมูล หน่วย แสดงผล และหนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู ส�ำ รอง 1, หน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit – CPU) หรอื อาจเรียกวา่ ไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) หรอื ชิป (Chip) เปน็ หวั ใจของคอมพิวเตอร์ ทำ�หนา้ ท่ใี นการคดิ ค�ำ นวณ ประมวลผล และควบคมุ การทำ�งานของอุปกรณอ์ ่นื ในระบบ ลกั ษณะของซพี ียจู ะเปน็ ช้ินสว่ นขนาดเล็กมาก ภายใน ประกอบด้วยทรานซสิ เตอร์ประกอบกันเปน็ วงจรหลายล้านตัว ตัวอย่างเช่น ซพี ียูร่นุ เพนเทียมจะมี ทรานซิสเตอรเ์ ลก็ ๆจ�ำ นวนมากถงึ 3.1 ล้านตวั 69 บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ น้ื ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน ซพี ยี มู หี น่วยท่ีใชใ้ นการบอกขนาดเรียกวา่ บิต (Bit) ถ้าจ�ำ นวนบิตมากจะ สามารถท�ำ งานไดเ้ ร็วมากความเรว็ ของซีพียู (Speed) มหี น่วยวัดเปน็ เมกะ เฮริตซ์ (MHz = MegaHertz) ถา้ ค่าตัวเลขย่ิงสงู แสดงวา่ ย่งิ มีความเรว็ มาก ปัจจบุ นั ความเรว็ ของซีพียสู ามารถทำ�งานได้ถึงระดบั กกิ ะเฮรติ ซ์ (GHz = Gigahertz) โดยมีความเรว็ ระหว่าง 2-3 GHz ในการเลอื กใชซ้ ีพียู ผู้ จ�ำ หน่ายจะบอกไวว้ ่าเครอ่ื งรุ่นนี้มีความเรว็ เทา่ ใด เชน่ Pentium IV 2.8 GHz หมายความวา่ CPU ร่นุ เพนเทียม IV มีความเรว็ 2.8 กิกะเฮริ ตซ์ องค์ประกอบของหน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยประมวลผลกลาง “ไมโครโปรเซสเซอร์” (Microprocessor) ประกอบดว้ ยหนว่ ยส�ำ คญั สองหน่วย คือ หน่วยควบคุม (Control Unit) ท�ำ หน้าทค่ี วบคุมการทำ�งานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ท้ัง ระบบ เปรียบเสมอื นเป็นศูนยก์ ลางระบบประสาท ที่ทำ�หน้าทค่ี วบคุมการทำ�งานของสว่ นประกอบตา่ งๆ ของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ จะรบั รูค้ ำ�ส่ังต่างๆ ในรปู ของค�ำ ส่งั ภาษาเครอ่ื งเท่านั้น หนว่ ยค�ำ นวณและตรรกะ (Arithmetic and Logic Unit) หรือทเี่ รยี กสน้ั ๆว่า เอแอลยู (ALU)ทำ�หน้าทป่ี ระมวลผลการค�ำ นวณทางคณติ ศาสตร์ ตลอดจนการเปรียบเทยี บทางตรรกะท้ังหมด การทำ�งานในซพี ียูมี รจี ิสเตอร์ (Register) คอยทำ�หน้าที่เกบ็ และถา่ ยทอดขอ้ มูลหรือค�ำ ส่งั ท่ีถกู น�ำ เข้ามาปฏบิ ัตกิ ารภายในซพี ยี ู รวมทั้งมี บสั (Bus) เป็นเส้นทางในการส่งผา่ นสัญญาณไฟฟา้ ของ หนว่ ยต่างๆภายในระบบ 70บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ น้ื ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน อุปกรณ์น�ำ เข้า (Input devices) ทำ�หน้าทีร่ ับขอ้ มูลจากผูใ้ ช้เขา้ สู่หนว่ ยความจำ�หลกั ที่พบเหน็ อย่ทู ั่วไปไดแ้ ก่ 1. อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device) แป้นพิมพ์ (Keyboard) เปน็ หนว่ ยรับขอ้ มลู ท่ีนยิ มใช้กันมากท่สี ุด เพราะเปน็ อุปกรณม์ าตรฐานในการ ป้อนข้อมูลส�ำ หรับเทอร์มนิ ลั และไมโครคอมพวิ เตอร์ โดยทั่วไปจะมีลกั ษณะคลา้ ยแปน้ ของเครอื่ งพิมพ์ดดี แตม่ จี ำ�นวนแปน้ มากกว่า และถกู แบง่ ออกเปน็ 4 กลมุ่ ด้วยกนั คือ - แปน้ อักขระ (Character Keys) มีลกั ษณะการจดั วางตัวอกั ษรเหมือนแป้นบนเครอ่ื งพมิ พ์ดดี - แป้นควบคุม (Control Keys) เปน็ แป้นทม่ี หี น้าท่ีส่ังการบางอยา่ งโดยใชง้ านร่วมกบั แปน้ อื่น - แปน้ ฟงั ก์ชัน (Function Keys) คอื แป้นที่อยู่แถวบนสุด มสี ัญลักษณ์เปน็ F1,...F12 ซอฟตแ์ วร์ 2. อุปกรณช์ ้ตี ำ�แหนง่ Pointing Devices เมาส์ (Mouse) เปน็ อุปกรณส์ ำ�หรบั ใช้เล่อื นตัวชี้ตำ�แหนง่ (Cursor) บนจอภาพ มีหลายขนาดและ มี รูปรา่ งตา่ งกนั ไป แต่ทน่ี ิยมใช้จะมขี นาดเท่าฝา่ มือ มลี กู กลมกลิ้งอยู่ดา้ นลา่ ง หรอื เปน็ ระบบแสง สว่ น ดา้ นบนจะมปี ุ่มให้กดจำ�นวนสอง สาม หรอื ส่ปี ่มุ แต่ทน่ี ยิ มใช้กันมากคอื สองป่มุ ใช้สง่ ข้อมลู เขา้ สู่หน่วย ความจำ�หลกั โดยการเลอ่ื นเมาสใ์ ห้ลูกกลมด้านล่างหมุน เพอ่ื เป็นการเลอื่ นตัวชต้ี ำ�แหน่งบนจอภาพไปยงั ตำ�แหน่งทต่ี อ้ งการทำ�ให้การโตต้ อบระหว่างผ้ใู ช้กับเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ �ำ ได้รวดเรว็ กวา่ แป้นพมิ พ์ ผู้ใชอ้ าจ ใชเ้ มาสว์ าดรปู เลือกทาง เลือกจากเมนู และเปลยี่ นแปลงหรือยา้ ยข้อความ ปจั จบุ นั เมาสไ์ ดม้ ีการพฒั นา เป็นแบบเมาสไ์ รส้ าย อย่างไรก็ดี เมาสย์ ังไม่สามารถใช้ในการปอ้ นตวั อักษรได้ จึงยงั คงตอ้ งใช้คกู่ บั แปน้ พิมพ์ในกรณีท่ีมีการพิมพ์ ตัวอกั ษร แตส่ ำ�หรับผู้ทเี่ ริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เมาสเ์ พยี งอย่างเดยี วจะ ทำ�ให้เกิดความผิดพลาดน้อยกวา่ การใชแ้ ปน้ พิมพ์ แตล่ ะชนดิ อาจก�ำ หนดแปน้ เหล่านีใ้ ห้มหี นา้ ท่เี ฉพาะอยา่ งแตกตา่ งกนั ไป - แปน้ ตัวเลข (Numeric Keys) เปน็ แป้นท่แี ยกจากแป้นอกั ขระมาอยู่ทางด้านขวา มีลักษณะ คลา้ ยเครือ่ งคดิ เลข ชว่ ยอำ�นวยความสะดวกในการบนั ทกึ ตวั เลขเข้าสู่เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ยงั มแี ปน้ พมิ พบ์ างประเภททอี่ อกแบบมาให้ใช้กบั งานเฉพาะดา้ น เช่น แป้นพมิ พท์ ใ่ี ช้ใน รา้ นอาหารแบบเร่งดว่ น (fast food restaurant) จะใชพ้ ิมพเ์ ฉพาะชื่ออาหาร เชน่ ถ้าต้องการ french fries ก็กดทแ่ี ป้นคำ�วา่ “French fries” ตามด้วยราคาเท่านนั้ หรอื แปน้ พมิ พ์ที่ใชเ้ ครอื่ งฝาก-ถอนอตั โนมัติ (Automatic Teller Machine) เปน็ ตน้ 71 บทที่ 5 คอมพิวเตอร์พ้ืนฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ นื้ ฐาน ลูกกลมควบคุม (Trackball) เป็นอปุ กรณ์ช้ีตำ�แหนง่ โดยจะเปน็ ลูกบอลเลก็ ๆซง่ึ อาจวางอย่หู น้าจอภาพ ในเนือ้ ทขี่ องแปน้ พิมพ์ หรอื เปน็ อุปกรณต์ ่างหากเชน่ เดียวกบั เมาส์ เม่อื ผูใ้ ช้หมุนลกู บอลกจ็ ะเปน็ การเลื่อน ตำ�แหนง่ ของตัวชต้ี �ำ แหน่งบนจอภาพ มีหลกั การท�ำ งานเชน่ เดยี วกบั เมาส์ แท่งชี้ควบคุม (Track Point) เปน็ อปุ กรณ์ชี้ตำ�แหน่งขนาดเล็ก นิยมใช้กับเครอื่ งคอมพิวเตอรแ์ บบพกพา จะเปน็ แท่งพลาสตกิ เลก็ ๆ อย่ตู รงกลางแป้นพิมพ์ บงั คับโดยใชน้ ้วิ หวั แม่มอื เพอ่ื เลือ่ นต�ำ แหน่งของตวั ช้ี ต�ำ แหน่งบนจอภาพเชน่ เดียวกับเมาส์ แผ่นรองสมั ผสั จะเปน็ แผ่นสี่เหล่ยี มท่วี างอยหู่ นา้ แปน้ พิมพ์ สามารถใช้นิ้ววาดเพ่ือเล่อื นต�ำ แหน่งของตัวช้ี ตำ�แหนง่ บนจอภาพเช่นเดยี วกบั เมาส์ จอยสตกิ (Joy stick) จะเป็นก้านสำ�หรับใช้โยกขึ้นลง/ซ้ายขวา เพื่อย้ายตำ�แหน่งของตัวชี้ต�ำ แหน่งบน จอภาพ มหี ลกั การท�ำ งานเช่นเดยี วกบั เมาส์ แต่จะมีแป้นกดเพม่ิ เตมิ มาจำ�นวนหนงึ่ สำ�หรับส่ังงานพเิ ศษ นิยมใช้กับการเลน่ เกมสค์ อมพิวเตอรห์ รือควบคมุ ห่นุ ยนต์ 3. จอภาพระบบไวต่อการสมั ผสั จอภาพระบบสมั ผัส (Touch screen) เปน็ จอภาพแบบ พเิ ศษซงึ่ ผูใ้ ช้เพียงแตะปลายนิ้วลงบนจอภาพในต�ำ แหน่งที่ กำ�หนดไว้ เพื่อเลือกการทำ�งานที่ต้องการ นยิ มใช้กบั เคร่ือง ไมโครคอมพิวเตอร์ เพอื่ ช่วยให้ผู้ที่ใชเ้ ครอ่ื งคอมพิวเตอรไ์ ม่ คลอ่ งนกั สามารถเลอื กข้อมูลที่ตอ้ งการไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเรว็ จะพบการใชง้ านมากในรา้ นอาหารแบบเรง่ ด่วน หรอื ใช้แสดง ข้อมูลการท่องเที่ยว เปน็ ต้น 72บทที่ 5 คอมพวิ เตอร์พนื้ ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน 4. ระบบปากกา (Pen-Based System) ปากกาแสง (Light Pen) เปน็ อปุ กรณ์ที่ใช้สัมผัสกับจอภาพ เพอื่ ชี้ตำ�แหนง่ และวาดข้อมลู โดยใชเ้ ซลล์ แบบ photoelec- tric ซ่ึงมีความไวต่อแสงเปน็ ตัวกำ�หนดตำ�แหน่งบนจอภาพ รวมทง้ั สามารถใชว้ าดลกั ษณะหรือรูปแบบของข้อมูลให้ ปรากฏบนจอภาพ การใช้งานทำ�ได้โดยการแตะปากกาแสงไป บนจอภาพตามต�ำ แหนง่ ทต่ี ้องการนยิ มใชก้ บั งานคอมพวิ เตอร์ ช่วยการออกแบบ (CAD หรือ Computer Aided Design) รวมทง้ั นยิ มใชเ้ ปน็ อุปกรณป์ อ้ นขอ้ มลู โดยการเขียนดว้ ยมือใน คอมพิวเตอรข์ นาดเลก็ เชน่ PDA เปน็ ตน้ 5. อปุ กรณ์กวาดขอ้ มูล (Data Scanning Devices) เปน็ อปุ กรณท์ ใี่ ช้ ระบบการวิเคราะห์แสง (Optical recogni- tion Systems) ชว่ ยใหม้ กี ารพมิ พข์ อ้ มูลเข้านอ้ ยท่ีสุด โดยจะ อ่านขอ้ มูลเข้าสูเ่ ครอื่ งคอมพวิ เตอรด์ ้วยการใชล้ �ำ แสงกวาดผ่าน ข้อความ หรอื สญั ลกั ษณ์ตา่ งๆทีพ่ มิ พ์ไว้ เพอื่ น�ำ ไปแยกแยะรูป แบบตอ่ ไป ในปจั จบุ นั มกี ารประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานต่างๆกนั มาก โดยมอี ุปกรณท์ ไ่ี ดร้ บั ความนิยม คอื เครอ่ื งอ่านรหสั บาร์โคด (Bar Code Reader) เป็น อปุ กรณท์ ี่มีลักษณะคล้ายปากกาแสง ใช้ฉายแสงลงไปที่รหัส สแกนเนอร์ (Scanner) เปน็ อปุ กรณ์ท่ีใช้อ่านหรือสแกน แทง่ ท่ตี ้องการอ่าน ซึง่ รหัสสนิ ค้าตา่ งๆจะอยใู่ นรูปของแถบ (Scan) ข้อมูลบนเอกสารเข้าสเู่ ครื่องคอมพวิ เตอร์ โดย สีด�ำ และขาวต่อเนื่องกนั ไป เรยี กวา่ รหัสบาร์โคด เครอื่ งอา่ น ใช้วิธีส่องแสงไปยังวตั ถุท่ตี อ้ งการ แสงทีส่ ่องไปยงั วตั ถุ รหัสบาร์โคดจะอ่านข้อมลู บนแถบบารโ์ คด เพ่อื เรียกขอ้ มูล แลว้ สะทอ้ นกลบั มาจะถูกสง่ ผา่ นไปที่ เซลลไ์ วแสง จากรายการสินคา้ นั้น เชน่ ราคาสนิ คา้ จำ�นวนท่ีเหลืออย่ใู น (Charge-Coupled Device หรอื CCD) ซ่งึ จะทำ�การ คลังสนิ คา้ เปน็ ต้น ออกมาจากฐานข้อมูล แล้วจงึ ทำ�การ ตรวจจับความเข้มของแสงทส่ี ะท้อนออกมาจากวัตถุ ประมวลผลขอ้ มูลรายการนัน้ ในปจั จุบัน บารโ์ คคได้รบั ความ และแปลงใหอ้ ยูใ่ นรปู ของขอ้ มูลทางดจิ ติ อล เอกสารท่ี นิยมอยา่ งมาก เนอื่ งจากไมต่ ้องท�ำ การพิมพข์ ้อมูลเขา้ ดว้ ยแปน้ อ่านอาจจะประกอบด้วยข้อความหรือรูปภาพกราฟกิ พิมพ์ จึงลดความผิดพลาดของข้อมูลและประหยัดเวลาได้มาก ก็ได้ ระบบบาร์โคดเปน็ สิง่ ทีผ่ ้ใู ช้จะพบเหน็ ในชีวิตประจำ�วนั ได้บ่อย ทสี่ ุด เช่น ในหา้ งสรรพสินค้า ร้านขายหนังสือ และหอ้ งสมุด เปน็ ต้น 73 บทท่ี 5 คอมพวิ เตอร์พื้นฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอร์พื้นฐาน 2.3 อปุ กรณ์แสดงผล (Output devices) หมายถงึ การแสดงผลออกมาให้ผู้ใช้ไดร้ บั ทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลกิ การท�ำ งานหรือเลิกใช้แลว้ ผล นนั้ กจ็ ะหายไป ไม่เหลอื เปน็ วัตถใุ หเ้ ก็บได้ แต่ถา้ ตอ้ งการเก็บผลลัพธ์นั้นก็สามารถสง่ ถา่ ยไปเก็บในรูปของ ขอ้ มูลในหนว่ ยเก็บข้อมูลส�ำ รอง เพ่ือให้สามารถใช้งานในภายหลงั หน่วยแสดงผลท่ีจัดอยูใ่ นกลมุ่ นี้ คอื 1. หนว่ ยแสดงผลชัว่ คราว หมายถงึ การแสดงผลออกมาใหผ้ ใู้ ชไ้ ด้รับทราบในขณะน้นั แตเ่ มื่อเลิกการท�ำ งานหรือเลกิ ใชแ้ ล้วผล น้นั ก็จะหายไป ไมเ่ หลือเป็นวตั ถใุ ห้เกบ็ ได้ แตถ่ ้าต้องการเกบ็ ผลลัพธ์นัน้ กส็ ามารถส่งถา่ ยไปเกบ็ ในรูปของ ข้อมูลในหนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู ส�ำ รอง เพื่อให้สามารถใชง้ านในภายหลงั หน่วยแสดงผลทจ่ี ดั อยู่ในกลมุ่ นี้ คือ จอภาพ (Monitor) ใช้แสดงขอ้ มลู หรือผลลัพธใ์ ห้ผ้ใู ชเ้ ห็นไดท้ ันที มรี ปู ร่างคล้ายจอภาพของ โทรทศั น์บนจอภาพประกอบด้วยจดุ จำ�นวนมากมาย เรยี กจดุ เหลา่ น้ันว่า จดุ ภาพ (pixel) ถา้ มีจดุ ภาพ จำ�นวนมากกจ็ ะท�ำ ให้ ผู้ใช้มองเห็นภาพบนจอได้ชดั เจนมากขึน้ จอภาพทใี่ ชใ้ นปัจจุบันแบง่ ไดเ้ ปน็ สอง ประเภท คอื จอซีอารท์ ี (Cathode Ray Tube) นิยมใช้กบั เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์สว่ นมากในปจั จุบนั ใชห้ ลักการ ยงิ แสงผ่านหลอดภาพคลา้ ยกับโทรทศั น์ จอภาพแอลซีดี (Liquid Crystal Display) เปน็ จอภาพทม่ี ลี กั ษณะบาง นำ�้ หนักเบาและกินไฟนอ้ ย แตม่ รี าคาสูง เทคโนโลยจี อแอลซดี ใี นปจั จบุ นั จะมีสองแบบคือ Passive Matrix ซ่งึ มรี าคาต่�ำ แตข่ าดความ คมชดั และอาจมองไม่เห็นภาพเมือ่ ผู้ใช้มองจากบางมุม สว่ น Active Matrix หรือบางครัง้ อาจเรยี กวา่ Thin Film Transistor (TFT) จะให้ภาพท่ีคมชดั กวา่ แต่จะมรี าคาสงู กว่ามาก ในส่วนความละเอียดของจอภาพ ปัจจบุ ัน นยิ มใชจ้ อภาพชนิดสีแบบ Super Video Graphic Adapter หรือเรียกสัน้ ๆว่า ซูเปอรว์ ีจีเอ (Su- per VGA) ซ่ึงมคี วามละเอียด 800x600 จดุ ภาพ สำ�หรบั จอภาพทม่ี คี วามละเอียดต่�ำ (low resolution) สว่ นจอภาพท่ีมคี วามละเอยี ดสูง จะนยิ มใชค้ วามละเอียดท่ี 1024x768, 1280x1024 หรอื 1600x1200 จุดภาพ (pixel) ซง่ึ จะให้ความคมชัดทส่ี ูงมาก ปจั จัยหนง่ึ ทท่ี �ำ ให้ภาพดคู มชัดมากข้ึนถงึ แมว้ า่ จะมจี �ำ นวนจุดภาพเท่ากนั กค็ ือ ระยะหา่ งระหว่างจดุ ภาพ(dot pitch) โดยระยะหา่ งระหวา่ งจุดภาพนอ้ ยก็จะใหค้ วามละเอยี ดไดม้ ากกวา่ จอภาพที่มขี ายใน ทอ้ งตลาดปจั จุบันมีระยะห่างระหว่างจดุ ภาพอย่รู ะหวา่ ง 0.25-0.28 หนว่ ย ซึ่งระยะหา่ งระหว่างจุดภาพ นี้เป็นส่ิงทต่ี ิดมากับเคร่ืองไม่สามารถเปลย่ี นแปลงไดใ้ นส่วนของจ�ำ นวนสีน้นั ณ ขณะใดขณะหนง่ึ แต่ละจุด ภาพจะแสดงสไี ด้เพยี งสเี ดยี วเทา่ นั้น ซ่ึงสตี า่ งๆ จะถกู แทนดว้ ยตวั เลข ดงั น้นั ถา้ จอภาพแสดงได้ 16 สี เลขเหลา่ น้ันกจ็ ะแทนดว้ ย 4 บิต ถา้ ตอ้ งการแสดงถงึ 256 สี กจ็ ะตอ้ งใช้ 8 บิตแทนรหสั สนี น้ั ๆ 74บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ ้ืนฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ื้นฐาน การด์ วดิ ีโอ (Video Card) การตอ่ จอภาพเข้ากบั เคร่อื งไมโครคอมพิวเตอร์นน้ั จะตอ้ งมแี ผงวงจรกราฟิก (Graphic Adapter Board) หรือเรียกอกี อยา่ งหน่ึงวา่ การด์ วีดโี อ (video card) ซ่ึงจอภาพแตล่ ะชนิด ตอ้ งการแผงวงจรทตี่ ่างกัน แผงวงจรกราฟิกจะถูกเสยี บเข้ากบั ช่องขยายเพิม่ เติม (expansion slot) ใน คอมพวิ เตอร์แผงวงจรกราฟกิ มกั จะมีหน่วยความจ�ำ เฉพาะทเ่ี รียกว่า หน่วยความจ�ำ วดี ีโอ (video mem- ory) เพอื่ ให้ใชโ้ ปรแกรมดา้ นกราฟิกได้สวยงามและรวดเร็ว ซ่งึ หนว่ ยความจ�ำ นีอ้ าจใชแ้ รมธรรมดาหรอื แรมแบบพิเศษต่างๆ เพ่ือให้ สามารถทำ�งานไดเ้ รว็ ขน้ึ เช่น วีดีโอแรม (video RAM) ซง่ึ บางครัง้ เรยี กว่า วีแรม (VRAM) เป็นต้น ปจั จัยประการหนึ่งท่ีผ้ใู ช้จอภาพต้องคำ�นงึ คอื อัตราการเปล่ียนภาพ (refresh rate) ของการ์ด วีดีโอโดยภาพทแี่ สดงบนจอภาพแตล่ ะภาพนน้ั จะถูกลบและแสดงภาพใหมเ่ ริ่มจากบนลงล่าง หากอัตรา การเปลี่ยนภาพในแนวดง่ิ (Vertical-refresh rate) เปน็ 60 ครงั้ ต่อวินาที หรอื 60 Hz จะเกิดการกระ พริบทำ�ให้ผ้ใู ช้ปวดศรี ษะไดม้ ผี วู้ ิจยั พบวา่ อัตราเปลี่ยนภาพในแนวดิ่งไม่ควรตำ่�กวา่ 70 Hz จงึ จะไมเ่ กดิ การกระพริบ และท�ำ ให้ผใู้ ช้ดจู อภาพไดอ้ ยา่ งสบายตา นอกจากนีย้ ังมีอุปกรณ์สำ�หรับถอดรหสั ภาพแบบ MPEG (Motion Picture Experts)ซ่ึงอาจอยใู่ นรูปของซอฟต์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์ทีต่ ิดอย่บู นการ์ดวีดโี อ อนั จะทำ�ให้สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหว เชน่ ภาพยนตร์ตา่ งๆ บนจอคอมพิวเตอรไ์ ด้อยา่ งต่อเนื่อง อุปกรณเ์ สียง (Audio Output) คอมพวิ เตอรร์ ่นุ ใหมๆ่ มกั จะ มีหนว่ ยแสดงเสียง ซึ่งประกอบด้วย ล�ำ โพง(speaker) และ การ์ดเสียง (sound card) เพอื่ ให้ผใู้ ช้สามารถฟงั เพลงในขณะ ท�ำ งาน หรอื ใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอรร์ ายงานเป็นเสียงให้ทราบ เมื่อเกิดปญั หาตา่ งๆ เช่น ไม่มกี ระดาษในเครื่องพิมพ์ เป็นต้น รวมทง้ั สามารถเลน่ เกมส์ทีม่ ีเสยี งประกอบได้อย่างสนกุ สนาน โดยล�ำ โพงจะมหี น้าท่ใี นการแปลงสัญญาณจากคอมพวิ เตอร์ ใหเ้ ปน็ เสยี งเชน่ เดยี วกับล�ำ โพงวิทยุ สว่ นการ์ดเสยี งจะเป็นแผง วงจรเพ่ิมเตมิ ทีน่ ำ�มาเสียงกบั ชอ่ งเสียบขยายในเมนบอรด์ เพื่อ ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถส่งสัญญาณเสยี งผ่านล�ำ โพง รวม ท้งั สามารถตอ่ ไมโครโฟนเข้ามาท่ีการ์ดเพอื่ บันทกึ เสยี งเกบ็ ไว้ ด้วยเปน็ ต้น 75 บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ้นื ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน 2.3.2 หนว่ ยแสดงผลถาวร หมายถงึ การแสดงผลทสี่ ามารถจบั ต้องและเคลือ่ นยา้ ยไดต้ ามต้องการมักจะออกมาในรปู ของ กระดาษเช่น เครอื่ งพมิ พ์ (Printer) เปน็ อุปกรณ์ทีน่ ิยมใชก้ ันมาก มีให้เลอื กหลายชนดิ ข้นึ อยู่กบั คุณภาพ ของตวั อักษร ความเร็วในการพิมพ์ และเทคโนโลยีท่ีใช้งาน เครื่องพมิ พ์สามารถแบง่ ตามวธิ ีการพิมพไ์ ด้ 2 ชนิด คือ เครือ่ งพิมพ์แบบกระทบหรือตอก (Impact printer) เป็นการใชห้ ัวเขม็ ตอกให้คาร์บอนบนผา้ หมกึ ติดบนกระดาษตามรปู แบบทต่ี อ้ งการ สามารถพมิ พค์ รง้ั ละหลายชุดโดยใชก้ ระดาษคารบ์ อนวางระหว่าง กระดาษแต่ละแผ่นได้ ส่วนข้อเสียของเครือ่ งพมิ พช์ นิดน้ี คอื มเี สยี งดังและคุณภาพงานพิมพ์ไมด่ ีนัก เครือ่ งพิมพ์แบบไม่กระทบหรอื ไม่ตอก (Nonimpact printer) เปน็ การพิมพโ์ ดยใช้หมกึ พน่ ไปบนกระดาษหรือใช้ความร้อน และความดนั เพอ่ื ละลายหมึกให้เปน็ ลักษณะของอักขระ เปน็ การพิมพท์ เ่ี ร็วและคมชดั กว่าแบบกระทบ และพมิ พไ์ ดท้ ้งั ตวั อักษรและภาพกราฟิก รวมทั้งไมม่ ีเสยี งขณะพิมพ์ แตม่ ขี ้อ จำ�กัดคือ ไมส่ ามารถพมิ พ์กระดาษแบบส�ำ เนา (copy) ได้ เคร่ืองพมิ พเ์ ลเซอร์ (Laser printer) ทำ�งานคล้ายกับเครื่องถา่ ยเอกสาร คือ มีแสงเลเซอร์สร้าง ประจไุ ฟฟ้า ซงึ่ จะมผี ลใหโ้ ทนเนอร์ (toner) สรา้ งภาพทีต่ ้องการและพมิ พ์ภาพนน้ั ลงบนกระดาษ เครอื่ งพิมพ์เลเซอร์จะมรี นุ่ ตา่ งๆทีแ่ ตกตา่ งกันในดา้ นความเรว็ และความละเอยี ดของงานพิมพ์ ในปจั จุบนั สามารถพมิ พไ์ ด้ละเอยี ดสงู สดุ ถึง 1200 จุดตอ่ น้วิ (dot per inch หรือ dpi) เคร่ืองพิมพ์พน่ หมึก (Inkjet printer) นยิ มใช้กับเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ ส่วนมากจะพมิ พ์สไี ด้ ถงึ แม้ จะไม่คมชัดเทา่ เคร่ืองพมิ พช์ นิดเลเซอร์ แตก่ ็คมชดั กว่าเครอื่ งพมิ พ์ชนิดตอก และมรี าคาถกู กวา่ เคร่อื งพิมพ์ ชนดิ เลเซอร์ นิยมนำ�มาใช้งานตามบ้านอยา่ งมาก เคร่ืองพลอตเตอร์ (Plotter) ใชว้ าดหรือเขยี นภาพส�ำ หรับ งานท่ตี อ้ งการความละเอยี ดสูงๆ นยิ มใชก้ บั งานออกแบบทาง สถาปตั ยกรรมและวิศวกรรม มใี หเ้ ลือกหลายชนดิ โดยจะแตก ต่างกันในดา้ นความเรว็ ขนาดกระดาษ และจำ�นวนปากกาท่ี ใช้เขยี นในแต่ละครัง้ มีราคาแพงกวา่ เคร่ืองพิมพธ์ รรมดา 76บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ น้ื ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ นื้ ฐาน 3. หน่วยความจ�ำ Memory อปุ กรณ์ส่วนที่ส�ำ คัญอยา่ งหนงึ่ ท่ีคอมพวิ เตอร์จะขาดไมไ่ ด้คอื หน่วยความจ�ำ Memory ซ่งึ มหี ลาย ประเภท ตามลักษณะการท�ำ งาน ดงั น้ี หนว่ ยความจำ�รอม (ROM) และ (RAM) คำ�ว่า ROM ย่อมาจาก Read Only Memory เป็นหนว่ ยความจำ�ทเ่ี ก็บข้อมลู แบบถาวร รอมทใ่ี ช้ บนั ทึกขอ้ มูลของอปุ กรณท์ ีต่ ดิ ต้ังบนเมนบอรด์ เชน่ ขนาดและประเภทของฮาร์ดดสิ กท์ ใี่ ช้ ขนาดของแรม หนว่ ยประมวลผลท่ีใชก้ ารติดต้ังหน่วยขับแผ่นบนั ทกึ (Floppy drive) เปน็ ตน้ ข้อมลู ทีบ่ นั ทกึ ในรอม จะ ยังคงอยู่แม้จะปดิ เครื่อง หนา้ ทข่ี องรอมคือจะตรวจสอบวา่ มีอปุ กรณ์ใดบ้าง ทตี่ ดิ ตั้งใชง้ าน หากตรวจสอบ ไมอ่ ุปกรณ์ท่ีส�ำ คญั ๆ เชน่ ไมพ่ บฮารด์ ดสิ ก์ ซีพยี ู หรอื แรม รอมจะหยุดการท�ำ งาน ค�ำ วา่ RAM ยอ่ มาจาก Random Access Memory เปน็ หนว่ ยเก็บขอ้ มลู หลักของคอมพวิ เตอร์ แตข่ ้อมลู จะสญู หายทันที เม่ือปดิ เคร่ือง ในการใช้งานจรงิ จึงต้องบนั ทกึ ขอ้ มูลไวใ้ นฮาร์ดดิสก์ก่อนปดิ เครอ่ื ง หนว่ ยความจ�ำ แรม มหี นว่ ยวัดเป็น ไบต์ (byte) ซึง่ ถา้ เป็นเครอื่ งร่นุ เกา่ จะนิยมใช้หน่วยความจ�ำ แรม 8 หรอื 16 เมกะไบต์ (Megabyte) แตถ่ ้าเป็นเครือ่ งร่นุ ใหม่ๆ จะใช้แรมขนาด 128 หรอื 256 MB ขึ้นไป ซึ่งจะทำ�ใหส้ ามารถท�ำ งานกับโปรแกรมรุ่นใหม่ หรือกบั แฟ้มขอ้ มูลท่ีมีขนาดใหญ่ๆ เช่น งานมัลตมิ เี ดียหรอื งานกราฟกิ ได้ DRAM (ดีแรม) และ SDRAM (เอสดีแรม) DRAM เปน็ หนว่ ยความจ�ำ หลกั ของเคร่อื ง นิยมใชม้ ากในสมัยก่อนเพราะราคาไมแ่ พง แตท่ �ำ งานได้ช้า มากปจั จบุ ันมีการใช้ SDRAM (Synchronous DRAM) ซ่งึ เป็นหนว่ ยความจำ�ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพสงู มาก ใน สมยั กอ่ นอาจจะมรี าคาสงู แตป่ จั จบุ ันราคาไดถ้ ูกลงมาก คนจงึ นยิ มใช้ SDRAM มากข้นึ SIMM (ซมิ ) เป็นแผงวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ท่ใี ชส้ ำ�หรับติดต้งั หน่วยความจำ� ติดตั้งบนเมนบอร์ด เรา สามารถเพมิ่ จำ�นวนแรมโดยเสยี บแผงวงจรเข้ากับซมิ น้ี เพียงเทา่ นีก้ ็สามารถเพิ่มแรมไดอ้ ย่างงา่ ยๆสะดวก รวดเรว็ และสามารถท�ำ ไดด้ ว้ ยตนเอง ดังนัน้ ข้อจ�ำ กดั ของการเพิม่ แรม คือ จำ�นวนชอ่ งของ SIMM และ ขนาดของแรมแตล่ ะแผงทน่ี �ำ มาเสยี บลงบน SIMM 77 บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ นื้ ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน หน่วยความจำ�เสมือน (Virtual Memory) หมายถงึ หนว่ ยความจำ�ประเภทหนึ่งใช้ส�ำ หรับแสดงผล เปน็ หนว่ ยความจำ�ทถ่ี ูกสร้างขนึ้ มาในกรณี ท่หี น่วยความจ�ำ แรมไม่พอใช้ โดยระบบปฏบิ ตั กิ ารจะมีการนำ�เอาพนื้ ทใ่ี นฮาร์ดดสิ ก์บางส่วนมาเปน็ พื้นท่ี ท�ำ งานชวั่ คราวในขณะเปดิ แฟม้ ข้อมูล และจะลบท้ิงเม่อื ปิดแฟม้ ข้อมลู เราจึงเรียกวา่ “หน่วยความจำ� เสมอื น” ข้อเสียของการใชห้ น่วยความจ�ำ เสมอื นคือ ถา้ พื้นทีว่ า่ งมีน้อยกวา่ ที่กำ�หนดไว้ คอมพิวเตอรจ์ ะ ท�ำ งานช้าลง การใช้งานฮาร์ดดิสกจ์ ึงมกั จะใหม้ เี นือ้ ทีท่ ่ไี มไ่ ดใ้ ชง้ าน เหลอื ไว้ไมน่ ้อยกวา่ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ ในการใชง้ านคอมพิวเตอร์นัน้ เราจะตอ้ งเลอื กขนาดของแรมท่เี หมาะสม โดยเฉพาะโปรแกรมปฏิบัติ การ (OS) รนุ่ ใหม่ๆ เช่น Windows 98, Windows XP เปน็ ระบบปฏิบัติการขนาด 32 บติ ตอ้ งใช้แรม 64 MB ขน้ึ ไป หากใช้แรมน้อยกวา่ น้ีเครอ่ื งอาจจะท�ำ งานช้ามากหรอื อาจหยดุ ชะงักไดง้ า่ ย หนว่ ยความจ�ำ แคช (Memory Cache) และ บสั (Bus) หนว่ ยความจ�ำ แคชเปน็ หน่วยความจำ�ท่ีชว่ ยใหเ้ ครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ �ำ งานไดเ้ รว็ ขึน้ เป็นการเก็บข้อมูล ทเ่ี ราเคยเรยี กใชแ้ ลว้ เอาไวใ้ นกรณีทเ่ี ราตอ้ งการเรยี กใชก้ ม็ าเรยี กขอ้ มูลจากแคช ซง่ึ จะดึงขอ้ มลู ไดเ้ ร็วกวา่ หนว่ ยความจ�ำ ดสิ ก์มาก หน่วยความจำ�แคช มี 2 ประเภท คอื 1. แคชภายใน ติดตัง้ อยภู่ ายในซีพยี ู เวลาเครื่องประมวลผล กจ็ ะเรียกเก็บขอ้ มูลท่ีเกบ็ ไวท้ แี่ คชใกล้ๆ ซพี ยี มู าใชไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 2. แคชภายนอก จะติดตง้ั อยูบ่ นเมนบอรด์ เหมอื นแรม ถ้าเคร่อื งไม่พบแคชในซีพียกู จ็ ะมองหาแคช ภายนอก ถ้าพบก็จะนำ�มาใชง้ าน ซึ่งกจ็ ะท�ำ งานได้ช้ากวา่ แคชภายในอยูบ่ า้ ง เปน็ เสน้ ทางว่ิงระหว่างข้อมูลหรอื คำ�ส่งั การวดั ขนาดความกว้างของ บสั เราเรียกวา่ “บติ ” 8 บติ เท่ากบั 1 ไบต์ หรอื 1 ตัวอกั ษร สว่ นความเร็วของ บัส วัดด้วยหนว่ ยเมกะเฮริ ตซ์ (Mhz) หรือหนึ่งล้านรอบตอ่ วินาที บัสทีน่ ิยมใช้ในปัจจุบันคอื บัสแบบ PCI (Peripheral Component Interconnect) มีความกว้าง ของสญั ญาณที่ใชร้ บั สง่ ข้อมลู ถึง 32 หรือ 64 บติ ความเรว็ มากกวา่ 300 MHz ขึน้ ไป นอกจากนี้ PCI ยัง สนบั สนนุ คุณสมบัตPิ lug and Play ท่ใี ชใ้ นการติดตั้งโปรแกรมทใี่ ชค้ วบคมุ อุปกรณ์ใหม่ดว้ ย 78บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ้ืนฐาน 3.5 หน่วยข้อมลู สำ�รอง คอมพวิ เตอรห์ รือซีพยี จู ะเรียกใชข้ อ้ มูลจากหน่วยเก็บข้อมูลหลัก คือ แรมก่อน หากขอ้ มูลทีต่ ้องการ ไม่มีในแรม ก็จะท�ำ การอา่ นขอ้ มลู จากหน่วยเก็บขอ้ มูลส�ำ รองไปเก็บไว้ทแ่ี รม เพราะหน่วยเกบ็ ขอ้ มูล สำ�รองสามารถจะเกบ็ รกั ษาขอ้ มลู ไวไ้ ด้ แม้วา่ จะปิดเคร่ือง และเกบ็ ขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ หน่วยเก็บข้อมูลหลัก หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู สำ�รองแบง่ ออกเป็น แผน่ บันทึก (Floppy Disk) หรอื ที่นิยมเรยี กว่า ดิสเก็ตต์ (diskette) มลี ักษณะเปน็ แผน่ แม่เหลก็ ทรงกลม มีพลาสติกแข็งเปน็ กรอบสเี่ หลี่ยมครอบไวช้ ั้นนอก ขนาด 3.5 น้ิว สามารถจขุ ้อมูลได้ 1.44 MB กอ่ นการใช้งาน จะต้องทำ�การฟอรแ์ มตแผ่นกอ่ น ปัจจบุ นั แผน่ ดสิ เกต็ ต์จะฟอร์แมตมาจากโรงงานผ้ผู ลิตแล้ว สามารถ นำ�มาใช้งานได้ทันที การใช้งานจะเสียบใสใ่ นเคร่ืองขับแผ่นบันทกึ (Floppy Drive) ซง่ึ เป็นอุปกรณ์อา่ น และเขยี นแผน่ ดิสก์ ตดิ ต้ังอยภู่ ายในตวั ถงั ของเครอ่ื ง แผ่นบนั ทึก (Floppy disk) เกบ็ ขอ้ มลู ได้ไมม่ าก นกั เหมาะส�ำ หรับการพกพา เพราะมีขนาดเล็กสามารถน�ำ ข้อมูลไปใชง้ านกับคอมพิวเตอรเ์ ครื่องอ่ืนๆ ได้ สะดวก จานบนั ทกึ แบบแขง็ (Hard Disk) เป็นหนว่ ยเกบ็ ขอ้ มูลขนาดใหญส่ ามารถเก็บขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ ฟลอปป้ี ดิสก์หลายลา้ นเทา่ ฮารด์ ดิสกต์ ดิ ต้งั ในตัวเครอ่ื ง มขี นาดประมาณ 3.5 นว้ิ แต่มคี วามหนากว่าฟลอปปี้ดสิ ก์ มตี ัวอ่านข้อมลู อยภู่ ายใน ในปจั จุบนั มีฮาร์ดดสิ ก์ตง้ั แต่ 40 กกิ ะไบต์ (GB) ขึ้นไป จึงสามารถเก็บข้อมูล ไดม้ าก รวมท้ังโปรแกรมต่างๆ ในปจั จุบัน ทีต่ ้องการพน้ื ทีใ่ นการเก็บข้อมูลมากขนึ้ โดยเฉพาะโปรแกรม ประเภทกราฟฟกิ หรือมลั ตมิ เี ดีย จำ�เป็นต้องใชพ้ น้ื ทเี่ ก็บข้อมลู มากพอจงึ จะใช้งานได้ ซดี ี – รอม (CD-ROM) ย่อมาจากค�ำ วา่ Compact Disk Read – Only Memory เป็น หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู ท่ไี ดร้ บั ความนยิ มมากราคาไม่แพง มอี ายุการใชห้ ลายปี และมขี นาดเลก็ ซดี ีรอมเป็น แผ่นพลาสติกกลม เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 4.75 นว้ิ ผิวหน้าเคลอื บดว้ ยโลหะสะท้อนแสง เพื่อป้องกนั ข้อมลู ที่ บนั ทกึ ไวบ้ นั ทกึ และอ่านขอ้ มูลด้วยแสงเลเซอร์ ปกติซีดรี อมในปัจจุบนั จะมคี วามจุประมาณ 700 MB หรอื เทา่ กบั หนังสือประมาณ700,000 หน้า หรือเทา่ กบั ฟลอปป้ีดสิ ก์ขนาด 1.44 MB ถงึ 700 แผ่น สามารถ บนั ทกึ ข้อมูลได้มาก โดยเฉพาะงานดา้ นมัลตมิ ีเดียทง้ั ภาพ แสง เสียง ในเวลาเดียวกัน ที่ส�ำ คัญ คอื เปน็ ระบบทีป่ ลอดภัยจากไวรัส ดีวีดี – รอม (DVD-ROM) ยอ่ มาจาก Digital Video Disk Read – Only Memory เป็น หน่วยเก็บข้อมูลรองชนดิ หน่ึงที่กำ�ลังได้รบั ความนยิ มมากลักษณะคล้ายซดี รี อมแตส่ ามารถเกบ็ ข้อมลู ได้ มากกวา่ ซดี รี อมหลายเท่าคือ ขนาดมาตรฐานเก็บข้อมลู ได้ 4.7 GB หรือ 7 เท่าของซดี รี อม และพฒั นา ต่อเน่อื งไปตลอดดีวดี แี ผ่นหนึง่ สามารถบรรจุภาพยนตรค์ วามยาวถงึ 133 นาทไี ด้โดยใช้ลกั ษณะการบีบ อัดข้อมลู แบบ MPEG-2 และระบบเสียงแบบดอลบี (Dolby AC-3) ปัจจบุ ันดวี ดี ีนยิ มใช้ในการบันทึก ภาพยนตร์และมลั ติมเี ดีย 79 บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ื้นฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน ซอรฟ์ แวร์ Software คอมพวิ เตอรจ์ ะท�ำ งานไมไ่ ดเ้ ลยหากปราศจาก ซอรฟ์ แวร์ Software ที่จะคอยรบั คำ�ส่งั ในรูปแบบตา่ ง ๆ ไปประมวลผล และแสดงผลออกมา ชนดิ ของ software ซอฟตแ์ วร์ระบบปฏบิ ัติการ (Operating System Software-OS) หมายถงึ ซอฟตแ์ วรห์ รอื โปรแกรม ท่คี วบคุมการทำ�งานท้ังหมดของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ โดยคอมพิวเตอร์ทกุ เครอ่ื งจะต้องมรี ะบบปฏิบัตกิ าร อยา่ งใดอย่างหนึ่งเสมอ ระบบปฏบิ ัตกิ ารยอดนยิ มในปจั จบุ ัน คือ Windows 95, Windows 98, Win- dows 2000,Windows Me, Windows XP, Linux, DOS เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ (Application Software) หมายถึง โปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมาเพื่อสงั่ ให้เครอ่ื ง คอมพิวเตอรท์ ำ�งานเฉพาะดา้ น เชน่ โปรแกรมระบบบญั ชี โปรแกรมออกแบบ โปรแกรมสำ�เร็จรูปต่างๆ เชน่ Microsoft Word, Excel, PowerPoint เปน็ ต้น การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการทำ�งานด้านตา่ งๆ เมอื่ หลายปีกอ่ น คอมพิวเตอร์มีอยไู่ ม่มากนกั สว่ นใหญ่จะเป็นระบบเมนเฟรม ซ่ึงมีขนาดใหญ่และ ราคาแพง ส่วนมากจะใชง้ านทางด้านวทิ ยาศาสตรเ์ ท่านั้น ซึง่ จะไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับชวี ิตประจ�ำ วันมากนัก แต่ ในปจั จบุ นั คอมพวิ เตอร์ไดม้ ขี นาดเลก็ ลง และ ราคาไม่แพงนกั คนท่ัวไปสามารถซ้อื หามาใชไ้ ดเ้ หมือนกบั เครอื่ งใช้ไฟฟ้าโดยทัว่ ไป ในหนว่ ยงานท้ังภาครฐั บาลและเอกชนมีการน�ำ คอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงาน ข้ึน และมีแนวโนม้ ทีจ่ ะมีการใชส้ ูงขน้ึ โดยปจั จุบันการใชค้ อมพวิ เตอร์มีหลากหลายลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1. คอมพิวเตอรใ์ นสถานศกึ ษา 2. คอมพวิ เตอร์ในงานวศิ วกรรม 3. คอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์ 4. คอมพิวเตอรใ์ นงานธุรกิจ 5. คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร 6. คอมพวิ เตอรใ์ นรา้ นคา้ ปลีก 7. คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ 8. คอมพวิ เตอรใ์ นการคมนาคม และการส่ือสาร 9. คอมพิวเตอรใ์ นงานดา้ นอตุ สาหกรรม 10. คอมพิวเตอรใ์ นวงราชการ 80บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ืน้ ฐาน
บทท่ี 5 คอมพิวเตอรพ์ ้นื ฐาน 1. คอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา ปัจจบุ นั ตามสถานศกึ ษาตา่ งๆ ไดม้ กี ารน�ำ คอมพวิ เตอรม์ าใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวม ทงั้ ใชค้ อมพิวเตอร์ในงานบรหิ ารของโรงเรียน เช่น การจดั ท�ำ ประวตั ินกั เรียน ประวตั คิ รอู าจารย์ การคดั คะแนนสอบ การจดั ท�ำ ตารางสอน ใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นงานหอ้ งสมดุ การจัดทำ�ตารางสอน เป็นตน้ ตัวอย่าง ในการประยุกตด์ ้านการศึกษา เชน่ โปรแกรมรายงานการลงทะเบียนเรียน โปรแกรมตรวจขอ้ สอบ เปน็ ต้น 2. คอมพวิ เตอร์ในงานวศิ วกรรม คอมพิวเตอร์สามารถท�ำ งานในด้านวิศวกรรมไดต้ ้งั แตข่ น้ั ตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทัง่ ถงึ การ ออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมตา่ งๆ ตลอดจนชว่ ยค�ำ นวณโครงสร้าง ชว่ ยในการวางแผนและ ควบคมุ การสรา้ ง 3. คอมพวิ เตอร์ในงานวทิ ยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์สามารถทำ�งานรว่ มกบั เครอื่ งมอื ทางวิทยาศาสตรต์ า่ งๆ เชน่ เคร่ืองมอื วิเคราะห์สารเคมี เครอ่ื งมอื การทดลองต่างๆ แมก้ ระทั่งการเดนิ ทางของยานอวกาศต่างๆ การถา่ ยพ้ืนผวิ โลกบนดาวอังคาร เป็นต้น 4. คอมพวิ เตอรใ์ นงานธุรกจิ คอมพวิ เตอรส์ ามารถจัดเก็บข้อมลู ได้มากมาย มีความรวดเรว็ และถูกตอ้ ง ทำ�ให้สามารถไดข้ ้อมลู ที่ ชว่ ยให้สามารถตดั สินใจในการดำ�เนนิ ธรุ กิจ ตลอดจนงานทางด้านเอกสารงานพิมพ์ต่างๆ เปน็ ต้น 5. คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร ในแวดวงธนาคารนบั ได้วา่ คอมพวิ เตอรไ์ ดเ้ ข้ามามบี ทบาทมากท่สี ุด เพราะธนาคารจะมกี ารน�ำ ขอ้ มลู Transaction) เป็นประจ�ำ ทุกวนั การหาอัตราดอกเบ้ียตา่ งๆ นอกจากนีก้ ารใชบ้ รกิ าร ATM ซง่ึ ลูกค้าสามารถฝากถอนเงนิ ไดจ้ ากเครอื่ งอัตโนมตั ิ ซง่ึ จะใหส้ ะดวกแก่ผู้ใช้บริการเป็นอยา่ งย่ิง และเปน็ ที่ นยิ มแพรห่ ลายในปัจจบุ นั 6. คอมพวิ เตอร์ในรา้ นคา้ ปลีก ปัจจบุ นั เหน็ ไดว้ ่า ไดม้ ธี ุรกิจรา้ นคา้ ปลกี หรือที่เรียกวา่ “เฟรนไซน”์ เปน็ จำ�นวนมาก ได้มีการนำ� คอมพวิ เตอร์เข้ามาใช้ในการ ใหบ้ ริการลูกค้า เช่น ใหบ้ รกิ ารชำ�ระ ค่านำ้� - ไฟฟ้า คา่ โทรศัพท์ เปน็ ตน้ จะ เหน็ ไดว้ ่ามกี ารonline ระหว่างร้านคา้ เหล่านั้นกับหนว่ ยงานนน้ั ๆ เพอื่ สามารถตัดยอดบญั ชไี ด้ เปน็ ตน้ 81 บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ ้ืนฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอร์พื้นฐาน 7. คอมพวิ เตอร์ในวงการแพทย์ คอมพวิ เตอรไ์ ดถ้ ูกนำ�มาใช้ในการเก็บประวตั ิของคนไข้ ควบคุมการรบั และจา่ ยยา ตลอดจนยังอยใู่ น อปุ กรณ์เครอื่ งมอื ทางการแพทย์ เชน่ เครือ่ งมอื ผ่าตัด บันทึกการเต้นของหัวใจ ตรวจคลน่ื สมอง และด้าน การหาต�ำ แหน่งของอวัยวะกอ่ นการผ่าตัด เปน็ ตน้ 8. คอมพวิ เตอรใ์ นการคมนาคม และการส่ือสาร ในยุคปจั จุบนั เราเรยี กว่าเป็นยคุ ทเ่ี ป็นการสอื่ สารแบบไร้พรมแดน จะเหน็ ได้ว่า มกี ารสอ่ื สารในรปู แบบตา่ ง ๆในเครอื ขา่ ยสาธารณะ ทเ่ี รยี กวา่ เครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ซึง่ สามารถทีจ่ ะสือ่ สาร กบั ทกุ คนไดท้ ่ัว มมุ โลก โดยผ่านเครอื ข่ายคอมพิวเตอรน์ ี้ และยงั มโี ปรแกรมท่ี สามารถจะใชใ้ นการพูดคยุ กนั ได้ ไม่วา่ จะ เป็นเคร่อื งคอมพิวเตอรด์ ้วยกนั ใชค้ ุยกนั หรือจะเปน็ เครื่องคอมพิวเตอรส์ อ่ื สาร กบั เครอ่ื งโทรศัพทท์ บี่ ้าน หรือที่ท�ำ งาน หรือแม้กระทงั่ การสง่ pager ในปจั จุบนั สามารถส่งทางเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ไปยงั เคร่อื ง ลกู ได้ เปน็ ตน้ สำ�หรบั การใช้คอมพวิ เตอร์ ในทางโทรคมนาคมจะเหน็ ว่า ปจั จบุ ันการจองตั๋วเครอื่ งบิน จะ มกี ารน�ำ เอาคอมพวิ เตอรม์ าใช้เป็นจ�ำ นวนมาก รวมถงึ การจองตวั๋ ผ่านทาง Internet ด้วยตนเอง เหน็ ได้ว่า เพม่ิ ความสะดวกสบาย ใหแ้ ก่ผู้ใชบ้ ริการ และนอกจากนี้ ยังมเี ครือข่ายของสายการบินทัว่ โลก ท�ำ ให้ผู้ใช้ บรกิ ารสามารถเลือกจองได้ ตามสายการบนิ ต่างๆ เป็นต้น ตัวอย่าง การตรวจสอบราคาคา่ โดยสาร และ เวลาของแต่ละเท่ียวบนิ ผ่านทาง internet 9. คอมพิวเตอร์ในงานดา้ นอุตสาหกรรม ในวงการอตุ สาหกรรมนับได้วา่ คอมพวิ เตอร์ได้เขา้ มามบี ทบาทเปน็ อย่างมาก ตง้ั แตก่ ารวางแผนการ ผลิต ก�ำ หนดเวลาการผลิต จนกระท่ังถงึ การผลิตสนิ คา้ ควบคุมระบบ การผลิตท้งั หมด ในรายงานทาง อุตสาหกรรม ไดม้ กี ารน�ำ คอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ น การควบคมุ การท�ำ งานของเครอ่ื งจกั ร เชน่ การเจาะ ตัด ไส กลึง เป็นต้น ตลอดจนโรงงานผลติ รถยนต์ ก็จะใช้ หนุ่ ยนตค์ อมพวิ เตอร์ในการทาสี พ่นสี รวมถึงการ ประกอบรถยนต์ เป็นต้น 10. คอมพวิ เตอร์ในวงราชการ คอมพิวเตอรถ์ กู น�ำ มาใช้ในงานทะเบยี นราษฎร์ ช่วยในการนับคะแนนการเลอื กตงั้ และการประกาศ ผลเลอื กตงั้ การคิดภาษอี ากร การเก็บข้อมลู สถิติสัมมโนประชากร การเก็บเงนิ ค่าไฟฟา้ น�ำ้ ประปา ค่าใช้ โทรศัพท์ เปน็ ต้น 82บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอรพ์ น้ื ฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศกบั สงั คม ในบทนีจ้ ะเปน็ เนอื้ หาเกย่ี วกับ เทคโนโลยีสารสนเทศท่ที �ำ ให้เกิดการเปล่ียนแปลงของโลก ผลกระ ทบ การเปลี่ยนแปลงของโลก เมอื่ เทคโนโลยพี ฒั นาไปสู่สงั คมข่าวสาร ผลกระทบย่อมเกิดขนึ้ ทั้งทางบวกและทางลบ เราจะเตรียม พร้อมรบั การเผชิญหน้ากับการเปลย่ี นแปลงเหลา่ นัน้ ได้อย่างไร ความหมายของสังคมสารสนเทศ สงั คมสารสนเทศหรอื สังคมขา่ วสาร (The information society) เป็นสงั คมที่มีการใช้สาร สนเทศรูปแบบต่างๆ เพ่อื ประกอบการตดั สนิ ใจท้งั เพื่อประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ใน สงั คมสารสนเทศจะทำ�ให้เราได้รับสารสนเทศทม่ี คี ุณภาพ ตรงกบั ความต้องการและทันเวลา ในสังคม สารสนเทศ เราสามารถแบง่ กล่มุ เทคโนโลยตี า่ งๆที่จดั อยู่ในประเภทเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ดงั น้ี คือ 1) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ 2) เทคโนโลยีโทรคมนาคมหรือการสื่อสารขอ้ มลู คุณลกั ษณะของสังคมสารสนเทศ สงั คมสารสนเทศมลี กั ษณะทสี่ �ำ คญั ดังนี้ 1. เป็นสังคมที่มีการใช้สารสนเทศทบ่ี นั ทกึ อยูบ่ นสอ่ื ท่ีเปน็ เอกสาร สิ่งพิมพ์ และไม่ตพี มิ พ์ สอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เสียงภาพ 2. เปน็ สังคมท่ีมีการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศหรอื IT เพ่ือการได้มา จดั เกบ็ ประมวลผล สืบค้นและเผยแพรส่ ารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้อย่างรวดเร็วถกู ต้องและทันเวลา 3. เป็นสังคมทีม่ กี ารใช้ผลิตภณั ฑห์ รืออปุ กรณ์ที่มีไมโครโพรเซสเซอร์เปน็ ตัวควบคุมการ ท�ำ งาน เครอ่ื งอ�ำ นวยความสะดวกในบ้านและในสำ�นกั งาน ตัวอย่างเช่น หม้อหงุ ข้าวไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ เคร่ืองซักผา้ เคร่ืองปรับอากาศ อปุ กรณก์ ันขโมย ระบบควบคุมไฟฟา้ เปน็ ต้น 4. เป็นสงั คมท่ีผู้ใช้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ดว้ ยตนเองทัง้ โดยทางตรงและทางอ้อม อันน�ำ มาซึง่ การเพมิ่ ผลผลิตและการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพในการประกอบการดา้ นต่างๆ 83 บทท่ี 5 คอมพิวเตอร์พ้นื ฐาน
บทท่ี 5 คอมพวิ เตอร์พน้ื ฐาน ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลกระทบทางบวก 1. ช่วยส่งเสรมิ ความสะดวกสบายของมนษุ ย์ 2. ช่วยทำ�ให้การผลิตในอตุ สาหกรรมดีขน้ึ 3. ชว่ ยส่งเสรมิ ให้เกิดการคน้ คว้าวิจยั ส่ิงใหม่ 4. ช่วยส่งเสรมิ สขุ ภาพและความเปน็ อย่ใู หด้ ขี ึน้ 5. ช่วยส่งเสริมสตปิ ญั ญาของมนุษย์ 6. เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยใหเ้ ศรษฐกจิ เจริญรงุ่ เรือง 7. ชว่ ยให้เกดิ ความเข้าใจอนั ดรี ะหว่างกนั 8. ช่วยส่งเสรมิ ประชาธิปไตย ผลกระทบทางลบ 1. ท�ำ ใหเ้ กดิ อาชญากรรม 2. ท�ำ ให้ความสัมพันธข์ องมนษุ ยเ์ สื่อมถอย 3. ท�ำ ใหเ้ กดิ ความวติ กกงั วล 4. ทำ�ให้เกดิ ความเสย่ี งภัยทางดา้ นธรุ กิจ 5. ทำ�ให้การพฒั นาอาวุธมอี �ำ นาจท�ำ ลายสงู มากขึ้น 6. ทำ�ให้เกดิ การแพร่วฒั นธรรมและกระจายขา่ วสารที่ไมเ่ หมาะสมอยา่ งรวดเร็ว 84บทท่ี 5 คอมพิวเตอร์พ้นื ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ ้นื ฐาน ความปลอดภัยและความเปน็ สว่ นตวั อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เกดิ ขน้ึ ได้หลายรปู แบบ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยสี ารสนเทศก่อ ใหเ้ กดิ ปัญหาใหม่ๆข้นึ ตวั อย่างปัญหาอาชญากรรมบนเครือข่าย เช่น การขโมยข้อมลู หรือสารสนเทศ ในขณะทสี่ ง่ ผา่ นไปบนระบบเครือข่าย การแอบใชร้ หสั ผ่านของผู้มอี �ำ นาจเพ่ือเข้าถึงและเรยี กใชข้ ้อมูลท่ี เปน็ ความลบั การใหบ้ ริการสารสนเทศทีม่ กี ารหลอกลวง รวมถงึ การบ่อนท�ำ ลายข้อมลู ท่ีมอี ยใู่ นเครือ่ ง คอมพวิ เตอรต์ ่างๆในระบบเครอื ข่าย เชน่ ไวรสั เครอื ขา่ ยการแพร่ขอ้ มลู ท่เี ป็นเท็จ ก่อให้เกิดการหลอก ลวง และมผี ลเสียติดตามมาลกั ษณะของอาชญากรรมที่เกดิ ขึน้ จากฝีมือมนุษยท์ ร่ี ู้จักกันดี ไดแ้ ก่ แฮกเกอร์ (Hacker) และแครกเกอร์ (Cracker)แฮก-เกอร์ คอื ผูท้ ี่มคี วามรู้ความช�ำ นาญด้านเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ และเครือขา่ ย สามารถเข้าถงึ ขอ้ มลู ของหนว่ ยงานส�ำ คัญๆ โดยเจาะผา่ นระบบรักษาความปลอดภยั แต่ ไม่ท�ำ ลายขอ้ มลู หรอื หาประโยชน์จากการบุกรุกคอมพวิ เตอรข์ องผอู้ ืน่ แต่กถ็ ือไดว้ า่ เปน็ อาชญากรรม ประเภทหนงึ่ ทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์ สว่ นแครกเกอร์ คือ ผูซ้ ึ่งกระท�ำ การถอดรหัสผ่านขอ้ มูลตา่ งๆ เพือ่ ให้ สามารถนำ�เอาโปรแกรม หรอื ข้อมลู ต่างๆ มาใชใ้ หม่ได้ เปน็ การกระท�ำ ละเมิดลิขสิทธ์ิ เป็นการลักลอก หรอื เป็นอาชญากรรมประเภทหนงึ่ การละเมิดสิทธิเสรีภาพสว่ นบุคคล ความเปน็ สว่ นตัวของขอ้ มลู และสารสนเทศ เป็นสิทธิท่ีเจา้ ของ สามารถท่ีจะควบคมุ ขอ้ มูลของตนในการเปิดเผยใหก้ บั ผอู้ ่นื การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งไมม่ ขี ีด จำ�กัดย่อมสง่ ผลตอ่ การละเมดิ สิทธสิ ว่ นบคุ คล การนำ�เอาขอ้ มูลบางอย่างทเ่ี กยี่ วกับบุคคลออกเผยแพรต่ ่อ สาธารณชน ซึ่งขอ้ มลู บางอย่างอาจไมเ่ ปน็ จรงิ หรือยังไมไ่ ด้พสิ จู นค์ วามถกู ต้องออกสสู่ าธารณชน ก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายต่อบคุ คลโดยไม่สามารถป้องกนั ตนเองได้ การละเมดิ สทิ ธิสว่ นบุคคลเช่นนีต้ อ้ งมีกฎหมาย ออกมาให้ความคุ้มครองเพอ่ื ให้นำ�ขอ้ มลู ตา่ งๆ มาใช้ในทางท่ถี กู ต้อง และเพ่ือเป็นการป้องกนั การละเมดิ สิทธิความเปน็ ส่วนบคุ คลของ ขอ้ มลู และสารสนเทศ จงึ ควรจะต้องระวังการให้ขอ้ มลู โดยเฉพาะการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ และผู้ทีเ่ กี่ยวข้องจะ ตอ้ งตระหนักถึงบทบาทและจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพของตนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับขอ้ มูลสว่ นบคุ คล ของผู้อน่ื 85 บทที่ 5 คอมพิวเตอรพ์ นื้ ฐาน
บทที่ 5 คอมพวิ เตอรพ์ นื้ ฐาน ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลกระทบทางบวก 1. ช่วยส่งเสรมิ ความสะดวกสบายของมนษุ ย์ 2. ช่วยทำ�ให้การผลิตในอตุ สาหกรรมดีขน้ึ 3. ชว่ ยส่งเสรมิ ให้เกิดการคน้ คว้าวิจยั ส่ิงใหม่ 4. ช่วยส่งเสรมิ สขุ ภาพและความเปน็ อย่ใู หด้ ขี ึน้ 5. ช่วยส่งเสริมสตปิ ญั ญาของมนุษย์ 6. เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยใหเ้ ศรษฐกจิ เจริญรงุ่ เรือง 7. ชว่ ยให้เกดิ ความเข้าใจอนั ดรี ะหว่างกนั 8. ช่วยส่งเสรมิ ประชาธิปไตย ผลกระทบทางลบ 1. ท�ำ ใหเ้ กดิ อาชญากรรม 2. ท�ำ ให้ความสัมพันธข์ องมนษุ ยเ์ สื่อมถอย 3. ท�ำ ใหเ้ กดิ ความวติ กกงั วล 4. ทำ�ให้เกดิ ความเสย่ี งภัยทางดา้ นธรุ กิจ 5. ทำ�ให้การพฒั นาอาวุธมอี �ำ นาจท�ำ ลายสงู มากขึ้น 6. ทำ�ให้เกดิ การแพร่วฒั นธรรมและกระจายขา่ วสารที่ไมเ่ หมาะสมอยา่ งรวดเร็ว 86บทท่ี 5 คอมพิวเตอร์พ้นื ฐาน
บรรณานกุ รม สืบคน้ เม่อื 21 มกราคม 2562 จาก https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet7/pel1.htm สบื ค้นเมื่อ 21 มกราคม 2562 จาก http://www.rmutphysics.com/charud/special- news/6/nano-electonic/nanoelectronic1.htm สืบค้นเม่ือ 21 มกราคม 2562 จาก http://www.semi-shop.com/knowledge/knowl- edge_detail.php?sk_id=5 สืบคน้ เมื่อ 21 มกราคม 2562 จาก https://makers.in.th/%E0%B8%9E%E0%B8%B7 %E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81 %E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81 %E0%B8%A3%E0%B8%B5/ สบื คน้ เมอื่ 21 มกราคม 2562 จาก http://www.edu.nu.ac.th/wbi/355201/p52.html สืบค้นเมือ่ 21 มกราคม 2562 จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/print. php?id=874752&fbclid=IwAR0ddIlRsxb2QBjN5vBCap0Rh0Nq_Y3xtyPPcxP30k_ Bd0n3IbkuHdIav6I สบื ค้นเมอ่ื 21 มกราคม 2562 จาก http://celt.li.kmutt.ac.th/wp/index. php/2016/06/30/basic-light/ สบื คน้ เมือ่ 21 มกราคม 2562 จาก https://www.grappik.com/10-basic-ele- ments-of-design/ สบื คน้ เมอื่ 21 มกราคม 2562 จาก https://sites.google.com/site/suphawadeek- tw/1-khan-txn-kar-prakxb-kheruxng-khxmphiwtexr
Search