สกลนคร
สสกกลลนนคครร
วดั พระธาตเุ ชิงชมุ วรวหิ าร
การเดินทาง สารบัญ สถานทีท่ ่องเท่ยี ว อ�ำ เภอเมอื งสกลนคร ๘ ๙ อ�ำเภอพรรณานิคม อ�ำเภอพังโคน ๙ อ�ำเภอสวา่ งแดนดิน ๓๐ อ�ำเภอกสุ ุมาลย ์ ๓๔ อ�ำเภอเตา่ งอย ๓๔ อ�ำเภอภพู าน ๓๔ อ�ำเภอวาริชภมู ิ ๓๕ อ�ำเภอสอ่ งดาว ๓๙ ๔๐ กิจกรรมท่องเท่ยี ว ๔๐ เทศกาลงานประเพณ ี สินคา้ พ้ืนเมอื ง ๔๕ รา้ นจ�ำหน่ายสินค้าท่ีระลกึ ๔๖ ตัวอย่างรายการนำ� เท่ียว ๕๐ ขอ้ แนะนำ� ในการท่องเทีย่ ว ๕๔ แผนท่ี ๕๔ หมายเลขโทรศัพทส์ ำ� คัญ ๕๗ ศนู ยบ์ ริการขา่ วสารท่องเท่ยี ว ททท. ๕๘ ๖๒ ๖๓
สกลนครปราสาทผง้ึ พระธาตุเชิงชมุ คู่บา้ น พระต�ำ หนักภพู านค่เู มือง งามลอื เลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสดุ ซึ้งสาวภูไท ถน่ิ มั่นในพทุ ธธรรม
สกลนคร นครแห่งการแสวงหา ได้ชื่อว่าเป็นเมือง อนุวงศ์) ล่วงล้�ำได้โดยง่าย จึงสั่งให้น�ำตัวเจ้าเมือง พทุ ธศาสน์ พระธาตุ ๕ แหง่ แหลง่ อารยธรรม ๓,๐๐๐ สกลทวาปีในขณะนั้นไปประหารชีวิตที่หนองทราย ปี ตามตำ� นานเล่าวา่ สมยั พุทธศตวรรษที่ ๑๖ เมือง ขาว พรอ้ มกบั กวาดตอ้ นผคู้ นในเมอื งสกลทวาปไี ปอยู่ หนองหารหลวงในอดีตหรือสกลนครในปัจจุบัน ทก่ี บนิ ทรบ์ รุ บี า้ ง ประจนั ตคามบา้ ง ใหค้ งเหลอื ผคู้ นไว้ สรา้ งขน้ึ ในยคุ ทขี่ อมมอี ำ� นาจในดนิ แดนน้ี โดยอพยพ เพียงส่วนหนง่ึ เพือ่ อยเู่ ฝ้ารกั ษาพระธาตุเชิงชมุ ต่อมา ไพรพ่ ลชาวเขมรมาสรา้ งเมอื งใหมร่ มิ หนองหารหลวง ได้มีราชวงศ์ค�ำแห่งเมืองมหาชัยกองแก้วทางฝั่งซ้าย มีเจ้าปกครองเร่ือยมา ต่อมาเกิดฝนแล้ง ข้าวยาก แม่น�้ำโขง อพยพข้ามแม่น้�ำโขงเข้ามาขอพึ่งพระบรม หมากแพง เจ้าผู้ครองนครจึงพาราษฎรอพยพกลับ โพธสิ มภาร ขอสรา้ งบา้ นแปงเมอื งขน้ึ ใหมท่ เี่ มอื งสกล เขมร หนองหารหลวงจงึ กลายเป็นเมืองร้างอยู่ระยะ ทวาปี พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระ หนง่ึ เมอ่ื อทิ ธิพลขอมเสอ่ื มลง เมืองหนองหารหลวง กรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ราชวงศค์ ำ� เปน็ พระยาประเทศ ตกไปอยู่ในความปกครองของอาณาจักรล้านช้าง ธานี (ค�ำ) ในต�ำแหน่งเจ้าเมืองสกลทวาปี และทรง เรียกชื่อว่า “เมืองเชียงใหม่หนองหาร” แสดงว่า เปลี่ยนนามเมืองใหม่เป็น “สกลนคร” ต้ังแต่บัดน้ัน เมืองหนองหารมีความสัมพันธ์กับเวียงจันทน์เสมอ เป็นตน้ มา มา ก่อนที่อิทธิพลรัตนโกสินทร์จะเข้าไปถึงราวปี พ.ศ. ๒๓๒๑-๒๓๒๒ ปัจจุบันจังหวัดสกลนคร มีพ้ืนที่ ๙,๖๐๕ ตาราง ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กิโลเมตร แบ่งออกเป็น ๑๘ อ�ำเภอ คือ อ�ำเภอ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรง เมืองสกลนคร อ�ำเภอพรรณานิคม อ�ำเภอพังโคน พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้อปุ ฮาด (ตำ� แหนง่ รองจาก อ�ำเภอสว่างแดนดิน อ�ำเภอเจริญศิลป์ อ�ำเภอ เจ้าเมืองในภาคอีสานสมัยต้นรัตนโกสินทร์) เมือง บา้ นมว่ ง อ�ำเภอค�ำตากลา้ อ�ำเภอวานรนิวาส อ�ำเภอ กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยครอบครัวย้ายมาตั้งรกรากที่ อากาศอ�ำนวย อ�ำเภอกุสุมาลย์ อ�ำเภอโพนนาแก้ว เมืองนี้เพื่อรักษาพระธาตุเชิงชุม เม่ือมีผู้คนมาต้ัง อ�ำเภอโคกศรีสุพรรณ อ�ำเภอเต่างอย อ�ำเภอภูพาน ถิ่นฐานอยู่จ�ำนวนมากขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยก อ�ำเภอกุดบาก อ�ำเภอนิคมน�้ำอูน อ�ำเภอวาริชภูมิ บ้านธาตุเชิงชุมเป็นเมือง “สกลทวาปี” โดยต้ังให้ และอ�ำเภอสอ่ งดาว อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์เป็นพระธานี เจ้าเมืองสกล ทวาปีคนแรก ระยะทางจากจงั หวดั สกลนครไปจังหวดั ใกล้เคยี ง ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ แห่งกรุง นครพนม ๙๓ กิโลเมตร รตั นโกสนิ ทร์ ไดเ้ กิดกบฏเจา้ อนุวงศเ์ วยี งจนั ทน์ เจา้ มุกดาหาร ๑๑๙ กโิ ลเมตร เมอื งสกลทวาปไี มไ่ ด้เตรียมกำ� ลงั ป้องกนั เมือง ทำ� ให้ กาฬสนิ ธ ุ์ ๑๒๘ กโิ ลเมตร เจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิต (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่ง อุดรธานี ๑๕๙ กิโลเมตร เป็นแม่ทัพมาตรวจราชการเห็นว่าเจ้าเมืองกรมการ ไม่เอาใจใส่ต่อบ้านเมือง ปล่อยให้ข้าศึก (ทัพเจ้า ระยะทางจากอ�ำเภอเมอื งสกลนครไปอ�ำเภอต่าง ๆ อ�ำเภอพรรณานคิ ม ๓๙ กิโลเมตร อ�ำเภอพงั โคน ๕๔ กโิ ลเมตร สกลนคร 7
อำ� เภอสว่างแดนดนิ ๘๔ กโิ ลเมตร - บริษัท นครชัยแอร์ จ�ำกัด โทร. ๑๖๒๔ อำ� เภอเจริญศลิ ป ์ ๙๐ กโิ ลเมตร เว็บไซต์ www.nca.co.th อำ� เภอบา้ นมว่ ง ๑๒๐ กโิ ลเมตร อำ� เภอค�ำตากล้า ๑๐๙ กโิ ลเมตร หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่ง อ�ำเภอวานรนิวาส ๘๕ กโิ ลเมตร ท่ี ๒ เทศบาลสกลนคร ถนนนติ โย ต�ำบลธาตุเชงิ ชมุ อำ� เภออากาศอำ� นวย ๕๗ กโิ ลเมตร อำ� เภอเมอื งสกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๔๙๔๕ อำ� เภอกสุ ุมาลย์ ๔๐ กโิ ลเมตร อำ� เภอโพนนาแกว้ ๓๕ กโิ ลเมตร รถไฟ จากสถานีรถไฟกรงุ เทพ (หวั ลำ� โพง) มีบรกิ าร อ�ำเภอโคกศรสี พุ รรณ ๒๒ กโิ ลเมตร รถไฟ สายกรุงเทพฯ-อดุ รธานี จากนั้นต่อรถโดยสาร อำ� เภอเต่างอย ๒๘ กโิ ลเมตร ไปจังหวัดสกลนคร ระยะทาง ๑๕๙ กิโลเมตร อำ� เภอภูพาน ๓๓ กโิ ลเมตร สอบถามข้อมูลได้ที่ การรถไฟแหง่ ประเทศไทย โทร. อำ� เภอกดุ บาก ๕๖ กโิ ลเมตร ๑๖๙๐, ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔, ๐ ๒๒๒๐ ๔๔๔๔ สถานี อำ� เภอนคิ มนำ้� อนู ๙๙ กโิ ลเมตร รถไฟอดุ รธานี โทร. ๐ ๔๒๒๒ ๒๐๖๑ เวบ็ ไซต์ www. อ�ำเภอวาริชภูมิ ๖๙ กโิ ลเมตร railway.co.th อ�ำเภอส่องดาว ๑๐๙ กโิ ลเมตร เครอื่ งบนิ มเี ทย่ี วบนิ ตรงจากทา่ อากาศยานนานาชาติ การเดนิ ทาง ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานสกลนคร รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ตำ� บลธาตนุ าเวง อำ� เภอเมอื งสกลนคร สอบถามขอ้ มลู ๑ (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกขวาเข้าสู่ทางหลวง ได้ที่ ท่าอากาศยานสกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๒ ๔๐๔๔- หมายเลข ๒ (ถนนมติ รภาพ) ท่จี ังหวัดสระบุรี ผา่ น ๖ โดยมีสายการบนิ ให้บรกิ าร ดังน้ี จังหวัดนครราชสีมา จนถึงอ�ำเภอบ้านไผ่ จังหวัด - สายการบิน นกแอร์ เส้นทางกรุงเทพฯ- ขอนแก่น ให้เล้ียวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๓ สกลนคร สอบถามขอ้ มลู โทร. ๑๓๑๘ เวบ็ ไซต์ www. ผ่านจังหวดั มหาสารคาม และใชท้ างหลวงหมายเลข nokair.com ๒๑๓ ผา่ นจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เขา้ สจู่ งั หวดั สกลนคร รวม - สายการบิน แอร์เอเชีย เส้นทางกรุงเทพฯ- ระยะทาง ๖๔๗ กิโลเมตร สกลนคร สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๒๕๑๕ ๙๙๙๙ เว็บไซต์ www.airasia.com รถโดยสารประจ�ำทาง จากกรุงเทพฯ มีรถออก จากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ถนน การเดินทางภายในจงั หวัดสกลนคร ก�ำแพงเพชร ๒ ไปจงั หวัดสกลนครทกุ วนั สอบถาม การเดนิ ทางในเขตอำ� เภอเมอื งสกลนคร มรี ถสองแถว ขอ้ มลู ได้ที่ ประจ�ำทาง รถโดยสารขนาดเล็ก รถสามล้อเครื่อง - บริษัท ขนสง่ จำ� กดั โทร. ๑๔๙๐, ๐ ๒๙๓๖ และรถสามลอ้ ถบี ใหบ้ รกิ าร สามารถรอขนึ้ รถไดห้ ลาย ๒๘๕๒-๖๖ สำ� นกั งานสกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๒๘๖๐, จดุ เชน่ ตลาดสดเทศบาลเมอื งสกลนคร โรงพยาบาล ๐๙ ๓๓๑๕ ๔๔๘๓ เว็บไซต์ www.transport.co.th สกลนคร และสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ ๒ 8 สกลนคร
สถานขี นส่งผโู้ ดยสารแห่งที่ ๒ ส�ำหรับการเดินทางจากอ�ำเภอเมืองสกลนครไปยัง สถานที่ทอ่ งเทยี่ ว อำ� เภออื่น ๆ ในจงั หวดั มีรถสองแถว รถหกลอ้ และ อ�ำเภอเมอื งสกลนคร รถโดยสารให้บริการ สามารถขึ้นรถได้ที่ตลาดสด วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (พระธาตุเชิงชุม) อยู่ เทศบาลเมืองสกลนครและสถานีขนส่งผู้โดยสาร ถนนเรืองสวัสดิ์ ต�ำบลธาตุเชิงชุม เป็นพระอาราม แห่งท่ี ๒ หลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ภายในวัดมีองค์พระธาตุ เชิงชุมตั้งหันหน้าไปทางหนองหารซึ่งอยู่ทิศตะวัน การเดินทางจากจังหวัดสกลนครไปยังจังหวัดใกล้ ออก สร้างข้ึนเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่นับ เคยี ง เป็นปูชนียสถานส�ำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่ จากสถานขี นส่งผ้โู ดยสารแหง่ ท่ี ๒ เทศบาลสกลนคร โบราณ ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน มีรถโดยสารท้ังแบบปรับอากาศและธรรมดาให้ ฐานรูปส่ีเหลี่ยม สูง ๒๔ เมตร ส่วนบนเป็นทรงบัว บริการไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดอุดรธานี เหล่ียมไม่มีลวดลายประดับ ยอดฉัตรทองค�ำเหนือ จังหวัดนครพนม จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ องค์พระธาตุท�ำด้วยทองค�ำบริสุทธ์ิมีน้�ำหนัก ๒๔๗ จงั หวดั บงึ กาฬ ฯลฯ สอบถามข้อมลู โทร. ๐ ๔๒๗๑ บาท มีซุ้มประตู ๔ ด้าน ซุ้มยอดประตูมีลักษณะ ๔๙๔๕ เป็นยอดปราสาทข้างในทึบสร้างด้วยศิลาแลงและ หนิ ทรายแดง มซี มุ้ ประตหู ลอกแบบขอมดา้ นทศิ เหนอื สกลนคร 9
วดั พระธาตเุ ชงิ ชุมวรวิหาร ทิศใต้ และทิศตะวันตก ส่วนซุ้มประตูทางเข้าจริง ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐาน อยู่ด้านทิศตะวันออก องค์พระธาตุสร้างครอบรอย หลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิด พระพทุ ธบาทของพระพทุ ธเจา้ สพี่ ระองค์ ไดแ้ ก่ พระ ทอง ปางมารวิชัยศิลปะเชยี งแสน ประดษิ ฐานอยู่บน กกสุ นั ทะ พระโกนาคม พระกสั สะปะ และพระโคดม ฐานชกุ ชี ฐานมคี วามสงู ๑.๓๕ เมตร หนา้ ตกั องคพ์ ระ หรอื พระศรอี ารียเมตตรัย (คอื สมเด็จพระสัมมาสัม กวา้ ง ๒ เมตร วัดจากหน้าตักถงึ ยอดพระเกศสูง ๓.๒ พทุ ธเจา้ ทพ่ี ทุ ธศาสนกิ ชนเคารพสกั การบชู าอยทู่ กุ วนั เมตร เปน็ ท่เี คารพนบั ถือและเปน็ ศูนยร์ วมจติ ใจของ น)ี้ มขี ้อสันนิษฐานวา่ แต่เดมิ พระธาตุเชิงชมุ อาจเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนในจงั หวดั สกลนคร ทกุ วนั พระในเวลา ปราสาทหินทรายศิลปะสมัยขอม เน่ืองจากภายใน คำ่� มกั มปี ระชาชนไปกราบไหวอ้ งคพ์ ระธาตเุ ชงิ ชมุ และ กรอบประตูทางเข้าอุโมงค์ด้านขวามือพบจารึกพระ หลวงพ่อพระองค์แสนเป็นจ�ำนวนมาก และในวนั ข้นึ ธาตเุ ชงิ ชมุ อักษรขอมโบราณราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ๙-๑๕ ค�ำ่ เดือน ๒ (ก�ำหนดตามจนั ทรคติ) จะมีการ แต่องค์พระธาตุในปัจจุบันเป็นศิลปะล้านช้าง เนื่อง จดั งานนมสั การพระธาตเุ ชงิ ชมุ และหลวงพอ่ พระองค์ ด้วยอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างแผ่เข้ามาบริเวณ แสน เปน็ ประจำ� ทกุ ปี นอกจากนย้ี งั มปี ชู นยี สถานทน่ี า่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยราวพุทธศตวรรษ สนใจภายในวัด ได้แก่ ท่ี ๑๙ และไดม้ กี ารบูรณะองคพ์ ระธาตุขน้ึ มาใหม่ พระอุโบสถหลังเดิม (สิมเก่า) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๐ ลกั ษณะเปน็ สมิ แบบโถง (สมิ เปน็ ภาษาอสี าน 10 สกลนคร
หลวงพ่อองค์พระแสนวัดพระธาตเุ ชิงชุมวรวหิ าร แปลวา่ อโุ บสถ) โครงสรา้ งเปน็ ไมก้ อ่ อฐิ ถอื ปนู หลงั คา อดีตจะมีการน�ำน้�ำจากบ่อน�้ำน้ีไปประกอบพิธีกรรม เปน็ กระเบอื้ งไมแ้ บบเดมิ หนั หนา้ ไปทางทศิ ใต้ ภายใน ส�ำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันมีการสร้างประติมากรรมรูป มจี ติ รกรรมภาพเถาไมเ้ ลอ้ื ยเปน็ แนวรอบอาคาร หนา้ พญานาคล้อมบอ่ น้�ำนไ้ี ว้ บนั มจี ิตรกรรมเปน็ รปู เทพบุตร เทพธดิ า ดาวประจ�ำ ยาม มังกร และเถาไม้เลื้อย ภายในประดิษฐาน หอกลอง หรอื หอระฆงั เปน็ หอสงู ๓ ชนั้ สรา้ งขน้ึ เมอ่ื พระพุทธรูปหลายองค์ ทง้ั ท่ีสรา้ งด้วยไมแ้ ละปนู ปน้ั ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ โดยชาวเวียดนามที่ได้มาพำ� นกั อาศัย ณ จังหวัดสกลนคร ร่วมใจกันสร้างข้ึนถวายองคพ์ ระ บ่อน�้ำศักด์ิสิทธิ์ เป็นบ่อน�้ำที่มีมาพร้อมองค์พระธาตุ ธาตเุ ชิงชุมเพ่อื เปน็ พุทธบูชาและใช้บอกเวลายาม เชิงชุม เดิมมีน้�ำพุผุดขึ้นมาเนื่องจากเป็นปลายทาง ของล�ำน�้ำใต้ดินซึ่งไหลมาจากเทือกเขาภูพาน ผ่าน ถนนผ้าคราม อยู่ถนนเรืองสวัสดิ์ (ถนนเส้นหน้า ศูนย์ราชการด้านทิศเหนือ ผ่านใจกลางเมืองข้างวัด วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร) ต�ำบลธาตุเชิงชุม เป็น เหนอื แลว้ ไหลมาผุดทน่ี ี่ เรยี กวา่ “ภูน�้ำซอด” หรือ ถนนคนเดินที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา “ภูน�้ำลอด” แล้วไหลผ่านไปที่สระพังทอง ในสวน ๑๕.๐๐-๒๐.๐๐ น. เน้นขายสินค้าท่ีผลิตจากผ้า สมเด็จพระศรีนครินทร์ซ่ึงอยู่ติดกับวัด เมื่อน้�ำน้อย ย้อมคราม ซ่ึงเป็นผ้าพ้ืนเมืองยอดนิยมของจังหวัด ลงเรื่อย ๆจึงได้มีการทำ� ผนังก้ันไม่ให้ดินพังลงไป ใน สกลนคร อาทิเช่น เส้ือผ้าส�ำเร็จรูป ผ้าทอเป็นผืน สกลนคร 11
ถนนผา้ คราม ผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ พนั คอ กระเปา๋ พวงกญุ แจ เครอื่ งประดบั ของล�ำน�้ำก่�ำซึ่งไหลลงสู่แม่น�้ำโขงที่อ�ำเภอธาตุพนม ฯลฯ ถือเปน็ ถนนคนเดนิ ที่มีเอกลักษณอ์ กี แหง่ จังหวัดนครพนม อ�ำนวยประโยชน์ในด้านการเพาะ ปลูก การเล้ียงสัตว์ และโดยเฉพาะการประมงซึ่ง หนองหาร เปน็ แหลง่ นำ้� ธรรมชาตทิ ใี่ หญท่ ส่ี ดุ ในภาค เป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาร ตะวันออกเฉียงเหนือ มีเร่ืองราวที่เป็นต�ำนานเล่า ระดับน้�ำในหนองหารมคี วามลกึ ประมาณ ๓-๘ เมตร ขานเกี่ยวกับการก�ำเนิดหนองหาร คือ “ต�ำนานผา มเี กาะต่าง ๆ กว่า ๒๐ เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ แดงนางไอ่” กล่าวกันว่าเกิดการแย่งชิงตัวนางไอ่ค�ำ เป็นเกาะใหญ่ท่ีสุดในหนองหาร อยู่ห่างจากฝั่งด้าน ระหว่างทา้ วผาแดง (ลกู เจา้ เมือง) กับท้าวพงั คี (เจ้า ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้�ำจืดเขต ๓ สกลนคร ชายพญานาค) จนเกิดการต่อสู้ไล่ล่าท�ำให้แผ่นดิน ประมาณ ๗ กโิ ลเมตร บนเกาะมีวดั รา้ งและพระพทุ ธ สะเทอื น ยบุ ตวั ลงเกดิ เปน็ หนองนำ�้ ขนาดใหญ่ (หนอง รปู เกา่ แก่ และตามเกาะตา่ ง ๆ เหลา่ นมี้ ตี น้ ไมใ้ หญข่ น้ึ หารหลวง) เกาะแก่ง และทางนำ้� ไหล (ล�ำน�ำ้ กำ่� ) ไป อยมู่ ากมายจงึ เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของนกนานาชนดิ หนอง ยงั แมน่ ้�ำโขง ชาวสกลนครและชุมชนรอบหนองหาร หารจึงถือเป็นแหล่งน�้ำท่ีมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ จงึ มคี วามเชอื่ เรอ่ื งพญานาคมาจนทกุ วันน้ี แห่งหนึง่ ของไทย หนองหารมเี นื้อท่ี ๑๒๓ ตารางกิโลเมตร ครอบคลมุ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ อยู่ติดกับหนองหาร พน้ื ทีเ่ ทศบาลเมืองสกลนครและอีก ๑๐ ตำ� บล ของ ต�ำบลธาตเุ ชิงชุม เปน็ สวนสาธารณะบนเนื้อท่ี ๑๒๐ อ�ำเภอเมืองสกลนครและอ�ำเภอโพนนาแก้ว เป็น ไร่ สมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในรัชกาล แหล่งรับน�้ำจากล�ำห้วยหลายสายและเป็นต้นน�้ำ ท่ี ๙ เสด็จเปน็ องคป์ ระธานในพธิ เี ปดิ สวนแหง่ นี้เมอื่ 12 สกลนคร
วนั ที่ ๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ลักษณะเป็นสวน หนองหาร หยอ่ มลอ้ มสระนำ้� ขนาดใหญ่ คอื สระพงั ทอง เปน็ สระ น�้ำโบราณ เชื่อกันวา่ สร้างมาพร้อมกับการสร้างพระ สวนแม-่ สวนลูก ธาตุเชิงชุม บริเวณโดยรอบมีสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนปา่ สวนนำ�้ สวนหนิ และนำ้� พทุ ม่ี คี วามสงู ราว ๖๙ พรรษา เมือ่ วนั ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สวนทง้ั เมตร เหมาะสำ� หรับมาพกั ผ่อนหยอ่ นใจ ออกกำ� ลงั สองแห่งเปิดทุกวนั เวลา ๐๔.๐๐-๒๑.๐๐ น. กาย และหาความรดู้ า้ นพฤกษศาสตร์ ในเวลาตอ่ มาส วนแห่งน้ีไดม้ กี ารขยายพื้นที่เพ่มิ เตมิ ออกไปราว ๒๐ ไร่ โดยประชาชนชาวสกลนครได้พร้อมใจกันสร้าง พ้ืนท่ีส่วนขยายนั้นให้เป็นสวนสาธารณะเช่นเดียว กับพื้นที่หลัก เรียกสวนบริเวณน้ีว่า สวนสมเด็จเจ้า ฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สวนแม่-สวนลกู ) เนื่องในวโรกาสทส่ี มเดจ็ พระเจา้ พ่ี นางเธอเจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราช นครินทร์ ในรัชกาลท่ี ๙ ทรงเจรญิ พระชนมายุ ๘๔ สกลนคร 13
พิพธิ ภณั ฑ์ภูพาน พิพิธภัณฑ์ภูพาน อยู่บริเวณชุมชนหนองหาร ด้าน หลงั โรงเรียนอนุบาลสกลนคร ต�ำบลธาตุเชงิ ชมุ เป็น สถานที่จัดแสดงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ วิถี ชีวิต และวัฒนธรรมของชาวสกลนคร โดยจัดแสดง เป็นห้องต่าง ๆ ได้แก่ ห้องโหมโรง ห้องนิทรรศการ “มหัศจรรย์ภูพาน” ห้องปา่ บุ่งปา่ ทาม ป่าพรอุ ีสาน ห้องหนองหารกับการต้ังเมืองสกลนคร ห้องคน ห้องจดั แสดงภายในพพิ ิธภณั ฑภ์ พู าน รปู ปัน้ พระเถราจารย์ชอื่ ดงั ภายในหอ้ งดินแดนแห่งธรรม สกลนคร ห้องอาศิรวาทองคร์ าชัน องค์ราชินี ห้อง นทิ รรศการเฉลิมพระเกียรติ ห้องดินแดนแหง่ ธรรม และประตมิ ากรรมกลางแจง้ เปดิ ใหเ้ ขา้ ชมวนั องั คาร- วนั อาทติ ย์ (ปิดวนั จันทร์) เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ไมเ่ สยี คา่ เขา้ ชม กรณเี ขา้ ชมเปน็ หมคู่ ณะและตอ้ งการ วิทยากรบรรยายควรท�ำหนังสือนัดหมายล่วงหน้า สอบถามข้อมูล โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๔๘๕๓ 14 สกลนคร
สถานแสดงพันธุ์ปลาน�้ำจืดภาคอีสาน อยู่ในพื้นท่ี พิพิธภัณฑ์เมืองสกลนคร อยู่อาคาร ๑ ภายใน ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้�ำจืดเขต ๓ สกลนคร มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร ถนนนิตโย ต�ำบลธาตุ ถนนใสสวา่ ง ตำ� บลธาตเุ ชงิ ชมุ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั เชิงชมุ เปน็ สถานทจ่ี ดั แสดงส่ิงของเคร่ืองใชข้ องกลุม่ ตงั้ เพอื่ อนรุ กั ษพ์ นั ธป์ุ ลาในหนองหาร และสง่ เสรมิ การ ชนต่าง ๆ ในจังหวดั สกลนคร พรอ้ มภาพประวัตแิ ละ เพาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� ในจงั หวดั ตา่ ง ๆ ของภาคตะวนั ออก เอกสารแสดงความเปน็ มาทางศลิ ปวฒั นธรรม เปดิ ให้ เฉียงเหนือ ลักษณะเป็นอาคารปูนช้ันเดียว ภายใน เข้าชมวันจนั ทร์-วันศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ไม่ จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปลาชนิดต่าง เสียค่าเข้าชม กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการ ๆ ท่ีพบในภาคอีสานของไทย เช่น ปลาเผือก ปลา วิทยากรบรรยายควรท�ำหนังสือนัดหมายล่วงหน้า หมอ ปลาเสือตอ ปลากราย ปลาชะโด ปลาจันทร์ ถึง ผอู้ �ำนวยการสถาบนั ภาษา ศลิ ปะและวฒั นธรรม เทศ เป็นต้น เปิดให้เข้าชม วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร สอบถามข้อมูล โทร. ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ไม่เสียค่าเข้าชม หากประสงค์ ๐ ๔๒๗๔ ๔๐๐๙ เขา้ ชมเปน็ หมคู่ ณะและตอ้ งการวทิ ยากรบรรยายควร พิพิธภัณฑ์บริขารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท�ำหนงั สือนัดหมายลว่ งหน้า สอบถามขอ้ มูล โทร. ๐ วดั ปา่ สทุ ธาวาส อยถู่ นนสขุ เกษม (ตรงขา้ มสำ� นกั งาน ๔๒๗๑ ๑๔๔๗ วัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร) ต�ำบลธาตุเชิงชุม พระอุโบสถ วัดปา่ สุทธาวาส สกลนคร 15
ภายในพิพธิ ภัณฑบ์ รขิ ารพระอาจารย์มนั่ ภรู ิทตั ตเถระ วัดปา่ สุทธาวาส เน่ืองจากพระอาจารย์ม่ันเป็นพระเถระสาย แก่นแก้ว บ้านค�ำบง อ�ำเภอโขงเจียม จังหวัด ธรรมยุติ มีปฏิปทาควรค่าแก่การเคารพบูชาของ อุบลราชธานี บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๕ ปี พุทธศาสนิกชนท้ังหลาย จึงมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ และอุปสมบทเม่ืออายุ ๒๒ ปี ณ วัดเลียบ อ�ำเภอ ข้ึนในวัดป่าสุทธาวาส ซึ่งเป็นวัดที่ท่านมาจ�ำพรรษา เมือง จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นพระท่ียึดม่ันใน และมรณภาพที่วัดนี้ ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์บริขาร ธดุ งคก์ รรมฐานเปน็ วตั ร มพี ระในสายเดยี วกบั ทา่ นอกี เปน็ อาคารชนั้ เดยี วรปู ทรงสเี่ หลยี่ มผนื ผา้ คลา้ ยแบบ หลายองคท์ ไ่ี ดเ้ ขา้ มาปฏบิ ตั แิ ละฝกึ วปิ สั สนากรรมฐาน บ้านทรงไทยประยุกต์ ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อ ตามแนวของท่าน เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ โลหะรมด�ำรูปเหมือนพระอาจารย์ม่ัน ภูริทัตตเถระ ขาว อนาลโย หลวงปแู่ หวน สจุ ิณโณ เปน็ ตน้ ต่อมา เทา่ ขนาดองคจ์ รงิ ในทา่ น่งั สมาธิ เบอ้ื งหนา้ รูปหล่อมี ท่านได้ย้ายจากการธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจ�ำพรรษา ตกู้ ระจกยกฐานสงู พนื้ ปดู ว้ ยหนิ ออ่ น ภายในบรรจอุ ฐั ิ ทีว่ ดั ป่าสทุ ธาวาส และมรณภาพทว่ี ัดนี้เม่ือวันท่ี ๑๑ ของทา่ นทีแ่ ปรสภาพเปน็ แก้วผลกึ ใสสขี าว พร้อมทัง้ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๙๒ สริ ิอายไุ ด้ ๘๐ ปี ตแู้ สดงเครอื่ งบรขิ าร รวมทงั้ ประวตั คิ วามเปน็ มาของ ทา่ นต้ังแต่เกดิ จนมรณภาพ นอกจากนใี้ นวดั ปา่ สทุ ธาวาสยงั มี จนั ทสารเจตยิ านสุ รณ์ เปน็ เจดยี ์ท่สี ร้างข้ึนเพอื่ บรรจุอัฐธิ าตุของหลวงป่หู ลุย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ถือก�ำเนิดในสกุล จันทสาโร พระเถระช้ันผู้ใหญ่สายวิปัสสนาและเป็น 16 สกลนคร
พระราชกระแสวา่ “ควรสรา้ งเจดยี ท์ ว่ี ดั ปา่ สทุ ธาวาส อ�ำเภอเมอื งสกลนคร จงั หวดั สกลนคร ทว่ี ดั น้ี มอี ฐั ธิ าตุ ของพระอาจารยม์ น่ั ภรู ทิ ตั ตเถระ ทา่ นจะไดอ้ ยใู่ กลก้ นั ” ในการนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช รชั กาลท่ี ๙ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ รา่ ง แบบเจดยี อ์ งค์นด้ี ว้ ยพระองคเ์ องพระราชทาน พิพิธภัณฑบ์ รขิ ารพระอาจารย์มน่ั ภรู ทิ ัตตเถระ ณ วัดปา่ สทุ ธาวาส อุทยานบัวเฉลมิ พระเกียรติ อยูห่ มู่ท่ี ๑ ตำ� บลเชียง เครอื ใกล้กบั หนองหาร สรา้ งข้ึนเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ศิษย์ของพระอาจารย์ม่ัน ภูรทิ ัตตเถระ หลวงปู่หลยุ เพอื่ เปน็ แหลง่ รวบรวมบวั พนั ธต์ุ า่ ง ๆ และรองรบั การ เปน็ ผทู้ มี่ ปี ฏปิ ทาชอบจารกิ ไปในทตี่ า่ ง ๆ จนถงึ วาระ ประชมุ วชิ าการบวั นานาชาติ ซง่ึ จดั ขนึ้ ทม่ี หาวทิ ยาลยั สุดท้ายแห่งชีวิตท่าน เมื่อท่านมรณภาพและได้รับ เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัด พระราชทานเพลิงศพแล้ว พระบาทสมเด็จ สกลนคร นอกจากน้ียังเป็นสถานที่ศึกษาค้นคว้า พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มี และแหลง่ พกั ผ่อนหย่อนใจของนิสติ นักศึกษา และ ประชาชนทว่ั ไป ความโดดเดน่ ของอุทยานบวั คอื มี บึงบัวขนาดใหญ่ท่ีตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า มีสะพาน จนั ทสารเจตยิ านสุ รณ์ วัดปา่ สทุ ธาวาส สกลนคร 17
ยามเชา้ กอ่ นพระอาทิตย์ขนึ้ ณ จุดชมวิวหนองหาร อทุ ยานบวั เฉลมิ พระเกียรติ ๓. ส่วนนิทรรศการ จัดแสดงไว้ท่ีช้ันล่างของ อาคารวิจัยและพัฒนา เป็นนิทรรศการความรู้และ ความเป็นมาของบัวพันธุ์ต่าง ๆ ประกอบด้วย การ จ�ำแนกพันธุ์บัว ประวัติบัวในไทย การปลูกบัว การ ดูแลรักษา โรคและศัตรูที่ส�ำคัญ การปรับปรุงพันธุ์ การทำ� นาบัว และประโยชนจ์ ากบัว ไม้สีแดงทอดยาวเช่ือมต่อกันส�ำหรับเดินชมดอกบัว อุทยานบัวเปิดให้เข้าชม วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา รอบสระ มีศาลาชมวิวกลางบึงบัวส�ำหรับพักผ่อน ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. วนั เสาร-์ วนั อาทติ ย์ เวลา ๐๘.๓๐- หยอ่ นใจรับลมเยน็ ๑๘.๐๐ น. ไม่เสยี ค่าเข้าชม สอบถามขอ้ มลู โทร. ๐ อุทยานบัวแบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ น ได้แก่ ๔๒๗๒ ๕๐๐๐ ๑. สว่ นรวบรวมพนั ธบ์ุ วั เปน็ การรวบรวมพนั ธ์ุ การเดินทาง รถยนต์: จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ บัวทงั้ ในและตา่ งประเทศท้ังหมด ๓๔ สายพนั ธ์ุ เชน่ ทางหลวงหมายเลข ๒๒ เสน้ ทางไปจังหวดั นครพนม บวั กระดง้ บัวสาย บัวผัน-เผ่ือน และบัวฝรัง่ รวบรวม ประมาณ ๑๙ กิโลเมตร จะพบทางเข้าอุทยานบัวฯ ไวใ้ นรูปแบบสระบวั บนพ้นื ท่ี ๑๐ ไร ่ โดยมีทางเดิน อยู่ริมถนนทางซ้ายมือ เลยทางเข้ามหาวิทยาลัย เชอื่ มตอ่ กนั ทสี่ ามารถเดนิ ลงไปชมบวั ไดอ้ ยา่ งใกลช้ ดิ เกษตรศาสตร์ ประมาณ ๒ กิโลเมตร รถโดยสาร ๒. ส่วนแสดงพันธุ์บัว โดยน�ำบัวพันธุ์จ�ำนวน ประจ�ำทาง: มีรถสองแถวสายสกลนคร-ท่าแร่ ผ่าน ๗๔ สายพันธุ์มาจัดแสดงบนกระถาง เพ่ือให้ผู้สนใจ หนา้ ทางเขา้ อทุ ยานบวั ฯ ได้ใกล้ชดิ กบั บวั มากขึน้ 18 สกลนคร
จุดชมวิวหนองหาร จุดชมวิวหนองหาร อยู่ริมทางหลวงหมายเลข ๒๒ หลักกิโลเมตรที่ ๑๖๘ เส้นทางจากนครพนมเข้าตัว เมืองสกลนคร (เย้ืองกับอุทยานบัวฯ ห่างกันราว ๒ กิโลเมตร) ต�ำบลท่าแร่ บริเวณจุดชมวิวมีศาลาริม นำ้� ส�ำหรับพกั ผ่อนหยอ่ นใจอยหู่ ลายจุด และหากขบั รถหรือปั่นจักรยานไปตามถนนภายในพ้ืนที่จุดชมวิว ลึกเข้าไประยะทางราว ๑ กิโลเมตร จะพบสะพาน คอนกรีตย่ืนจากริมหนองหารไปยังเกาะกลางน�้ำ เหมาะส�ำหรับเดินเล่นชมวิวและถ่ายรูป โดยเฉพาะ ในชว่ งเวลาเชา้ และเยน็ จดุ ชมววิ หนองหารเปดิ ใหเ้ ขา้ ชมทุกวนั เวลา ๐๖.๐๐-๑๙.๐๐ น. ไมเ่ สียค่าเขา้ ชม บ้านเรอื นสถาปัตยกรรมฝร่งั เศส บา้ นท่าแร่ ชุมชนบ้านท่าแร่ อยู่ต�ำบลท่าแร่ เป็นชุมชนเก่าแก่ นอกจากนยี้ งั มจี ดุ ชมววิ หนองหารอกี หลายจดุ ซงึ่ เปน็ ก่อต้ังเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๒๗ เป็นชุมชนท่ีมีประชากร ทนี่ ิยมของนกั ทอ่ งเท่ียวและบรรดาชา่ งภาพ เช่น จดุ นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุด ถา่ ยรปู ตะวนั รอนที่หนองหาร ณ บา้ นท่าแร่ และจุด ในประเทศไทย เดิมทีชาวท่าแร่เป็นชาวคริสตังที่ ชมววิ หนองหารบา้ นทา่ วดั ตำ� บลเหลา่ ปอแดง เปน็ ตน้ สกลนคร 19
เทศกาลแหด่ าวครสิ ต์มาส ชุมชนท่าแร่ อพยพมาจากตัวเมืองสกลนครอีกฝั่งของหนอง หาร มีท้ังชาวญวนและชาวไทยญ้อ (ชาวพื้นเมือง อาสนวหิ ารอคั รเทวดามคี าแอล ชุมชนบา้ นทา่ แร่ ดั้งเดิมซ่ึงอพยพมาจากเมืองหงสา แขวงไชยบุรี 20 สกลนคร สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) เพราะไม่ พอใจการกีดกันการนับถือศาสนาคริสต์ของกลุ่มผู้ ปกครองเมืองสกลนครในสมยั รชั กาลที่ ๕ จงึ อพยพ ย้ายถ่ินฐานโดยการต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่บรรทุก ผู้คนและเคร่ืองใช้ท่ีจ�ำเป็นล่องในบึงหนองหาร และ อธิษฐานเทวดามีคาแอลขอให้พบแผ่นดินที่เหมาะ แก่การเผยแพร่คริสต์ศาสนา กระแสลมได้พัดใบเรือ ซึ่งท�ำจากผ้าห่มก้ันลมไปถึงชายฝั่งอีกแห่งหน่ึงของ หนองหาร ซึ่งพื้นดินส่วนใหญ่เต็มไปด้วยดินลูกรัง ท่ีเรียกว่า “หินแฮ่” จึงพากันต้ังชุมชนใหม่ข้ึนและ เรียกว่า “ท่าแฮ่” และเปลี่ยนมาเรียกว่า “ท่าแร่” ในปัจจบุ ัน
ภาพสลกั รปู นารายณบ์ รรทมสินธ์ุ บนโลกมนุษย์ของพระเยซู มีกิจกรรมให้ได้ชมและ ร่วมสนุกอีกมากมายตลอดช่วงการจัดงาน สอบถาม ข้อมูลได้ที่ ส�ำนักมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนอง แสง โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๒๗๒ ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง หมายเลข ๒๒ เสน้ ทางไปจงั หวดั นครพนม ประมาณ ชุมชนบ้านท่าแร่มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมตาราง ๒๑ กิโลเมตร ถึงชมุ ชนบา้ นท่าแร่ หมากรุกคล้ายกับผังเมืองในประเทศแถบตะวันตก และมีบ้านเรือนสร้างแบบสถาปัตยกรรมฝร่ังเศสท่ี ปราสาทพระธาตนุ ารายณเ์ จงเวง อย่ใู นวัดพระธาตุ สวยงามเรียงรายอยู่สองข้างทางถนนสายหลักของ นารายณ์เจงเวง บ้านธาตุ ต�ำบลธาตนุ าเวง เปน็ พระ หมู่บ้าน ในชุมชนท่าแร่ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์คริสต์ ธาตปุ ระกอบดว้ ยปรางคอ์ งคเ์ ดยี ว สรา้ งดว้ ยหนิ ทราย นิกายโรมันคาทอลิกช่ือว่า อาสนวิหารอัครเทวดามี บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ สลักลวดลายลงบนเนื้อ คาแอล เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อ หิน ช่ือของปราสาทสันนิษฐานว่ามาจากภาษาเขมร ระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพจากตัวเมือง คอื “นารายณเ์ ชงิ แวง” แปลวา่ พระนารายณข์ ายาว สกลนครมาตั้งถิ่นฐานใหม่ยังบ้านท่าแร่ ช่วงวันที่ เนื่องจากปรากฏภาพสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ๒๓-๒๕ ธนั วาคม ของทกุ ปี ชมุ ชนชาวคริสต์บ้านท่า ทางด้านเหนอื ของปราสาท แร่จะจัด ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส โดย ผังปราสาทประกอบด้วยห้องครรภคฤหะ (ห้อง เช่ือว่าดาวเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติ อันเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพของพระศิวะที่อาจ เป็นศิวลึงค์) และมีมุขยื่นออกมาทางด้านทิศตะวัน สกลนคร 21
พระธาตดุ มุ ออก มีประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงทิศเดียว ส่วน ทิศอื่นเป็นประตูหลอก โดยประตูหลอกทางด้าน ทิศเหนือปรากฏท่อโสมสูตรด้วย ภาพสลักส่วนมาก รอบปราสาทเป็นภาพเล่าเรื่องในไวษณพนิกาย เช่น นารายณบ์ รรทมสนิ ธ์ุ พระกฤษณะปราบสงิ ห์ เปน็ ตน้ อย่างไรก็ตาม หน้าบันกลางกลับแสดงภาพศิวนาฏ ราชซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าปราสาทแห่งนี้สร้างเพื่อ อุทศิ ให้กับไศวนกิ ายมากกวา่ ในต�ำนานอุรังคธาตุ เมื่อพระมหากัสสปะอัญเชิญ หนึ่งในทับหลงั ของพระธาตดุ มุ พระอุรังคธาตุมาจากอินเดีย พระยาสุวรรณภิงคาร ประสงคจ์ ะขอแบง่ พระบรมสารรี กิ ธาตมุ าประดษิ ฐาน จะไดน้ ำ� พระอรุ งั คธาตไุ ปบรรจไุ วใ้ หเ้ ปน็ พระมหาธาตุ ไว้แก่บ้านเมือง จึงได้ตระเตรียมสร้างอุโมงค์ท่ีบรรจุ ฝ่ายชายจึงสร้างปราสาทภูเพ็กข้ึน โดยแข่งกับฝ่าย พระบรมสารีริกธาตุไว้ก่อนล่วงหน้า โดยโปรดให้ หญิงที่สร้างปราสาทนารายณ์เจงเวง ท้ังสองฝ่ายถือ ชาวเมืองฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแข่งกันสร้างอุโมงค์ กตกิ าวา่ ถา้ ดาวเพก็ (ดาวศกุ ร)์ ขนึ้ ใหห้ ยดุ สรา้ ง ในการ ให้เสร็จภายในคืนเดียว หากฝ่ายใดสร้างเสร็จก่อนก็ กอ่ สรา้ งฝา่ ยหญงิ ไดอ้ อกอบุ ายแขวนโคมไวบ้ นยอดสงู 22 สกลนคร
ท�ำให้ฝ่ายชายเข้าใจผิดเห็นว่าเป็นดาวศุกร์และหยุด กับพระธาตุนารายณ์เจงเวงแต่องค์ปราสาทเล็กกว่า สร้างปราสาทภเู พก็ ปราสาทนารายณเ์ จงเวงจงึ เสร็จ พบทับหลังทั้ง ๔ ด้าน ด้านทิศเหนือสลักเป็นภาพ สมบรู ณ์อยู่เพยี งปราสาทเดียว นารายณบ์ รรทมสินธ์ุ นอกจากนย้ี ังมีภาพเทวดาทรง พาหนะเหนอื หนา้ กาลประกอบดว้ ยสัตว์ต่าง ๆ เชน่ การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง ชา้ ง สงิ ห์ และลายใบไมม้ ว้ น เปน็ ศลิ ปะเขมรแบบบาป หมายเลข ๒๒ เส้นทางไปจังหวัดอุดรธานี จนถึงส่ี วน อายุประมาณพทุ ธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ แยกบ้านธาตุ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๔๑ เส้นทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ ๕๐๐ การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ถนนสุข เมตร จะพบป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยและตรงไปอีก เกษม ต่อด้วยถนนคูเมือง จนถึงสี่แยกธนาคาร ๓๐๐ เมตร ถึงวัดพระธาตุนารายณเ์ จงเวง ระยะทาง อาคารสงเคราะห์ ให้เล้ียวขวาและตรงไปจนพบ จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ๖ กโิ ลเมตร สี่แยกใหญ่อีกคร้ัง ให้เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านธาตุดุม ตรงไปอีก ๑ กิโลเมตร สุดทางถนนคือวัดพระธาตุ พระธาตดุ มุ อยูว่ ดั พระธาตดุ ุม บ้านธาตดุ ุม ตำ� บลงว้ิ ดมุ ระยะทางจากอ�ำเภอเมอื งสกลนคร ๕ กิโลเมตร ดอน ลักษณะเปน็ ปรางคอ์ งคเ์ ดียว องคพ์ ระธาตุส่วน ใหญ่สรา้ งดว้ ยอฐิ เผา ทับหลังสลักจากหนิ ทราย และ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระ ฐานรากเป็นศิลาแลง สันนิษฐานว่าสร้างสมัยเดียว ราชด�ำริ อยู่บ้านนานกเค้า ต�ำบลห้วยยาง ต้ังข้ึน ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาภูพาน อนั เน่อื งมาจากพระราชด�ำริ สกลนคร 23
เพื่อเป็นศูนย์ตัวแทนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ล่วงหน้า และมีบริการรถรางพาชมตามจุดต่าง ๆ ในการศกึ ษาทดลอง วิจยั และพฒั นาในทุก ๆ ด้าน คา่ บริการคันละ ๓๐๐ บาท (นง่ั ได้ประมาณ ๑๕-๒๐ ของการเกษตร เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่ คน) สอบถามขอ้ มลู โทร. ๐ ๔๒๗๔ ๗๔๕๘-๙ เวบ็ ไซต์ มีชีวิต สามารถเข้ามาเย่ียมชมศึกษาดูงานและน�ำ www.royal.rid.go.th/phuphan ไปประกอบอาชีพได้ ภายในศูนย์ศึกษาฯ มีการจัด นิทรรศการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ ฟาร์มเพาะ การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง เลย้ี ง “สามด�ำมหัศจรรยแ์ ห่งภูพาน” คือ โคทาจิมะ หมายเลข ๒๑๓ เสน้ ทางไปจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ และเลยี้ ว สุกรภูพาน และไก่ด�ำภูพาน นอกจากน้ียังมีฟาร์ม ซา้ ยเขา้ ทางหลวงชนบท สน.๓๐๓๕ จากนน้ั ตรงไปอกี เพาะเห็ด ฟารม์ หม่อนไหม ฟาร์มไกง่ วง วัวนม กวาง ๒ กโิ ลเมตร ถงึ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาภพู าน ระยะทาง รซู า การเลยี้ งปลาในกระชงั แปลงนาสาธติ สวนสตั ว์ จากอำ� เภอเมอื งสกลนคร ๑๖ กิโลเมตร เลก็ ๆ สำ� หรับเดก็ สวนไม้ดอกไมป้ ระดบั ทสี่ วยงาม และร้านจ�ำหน่ายสินค้าสมุนไพรและสินค้าแปรรูป พระตำ� หนกั ภพู านราชนเิ วศน์ อยบู่ นเทอื กเขาภพู าน ทางการเกษตรทผ่ี ลิตข้ึนภายในศูนย์ศึกษาฯ ต�ำบลห้วยยาง เปน็ สถานทปี่ ระทบั แรมของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี ศูนย์ศึกษาฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๐๘.๓๐- ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ๑๖.๓๐ น. ไมเ่ สียค่าเขา้ ชม กรณเี ขา้ ชมเปน็ หมู่คณะ ตลอดจนพระบรมวงศานวุ งศ์ ในคราวเสด็จแปรพระ และตอ้ งการวทิ ยากรบรรยายควรทำ� หนงั สอื นดั หมาย ราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไกด่ �ำภพู าน 24 สกลนคร
พระต�ำหนกั ภูพานราชนเิ วศน์ บรเิ วณสถานทต่ี งั้ เปน็ ปา่ ไมร้ ม่ รน่ื มไี มด้ อกไมป้ ระดบั ตกแตง่ ไวอ้ ยา่ งสวยงาม ในระหวา่ งทไี่ มไ่ ดป้ ระทบั อยู่ ท่ีพระต�ำหนกั ฯ อนุญาตให้ประชาชนทวั่ ไปเข้าชมได้ (ควรแต่งกายชุดสุภาพและส�ำรวมกิริยา เน่ืองจาก เป็นเขตพระราชฐาน) เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น. ไมเ่ สยี คา่ เขา้ ชม สอบถามขอ้ มลู โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๕๕๐ การเดนิ ทาง จากอ�ำเภอเมอื งสกลนคร ใช้ทางหลวง พระต�ำหนักภพู านราชนเิ วศน์ หมายเลข ๒๑๓ เสน้ ทางไปจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ประมาณ ๑๓ กโิ ลเมตร จะพบทางเขา้ พระตำ� หนกั ฯ อยรู่ มิ ถนน กับงูเล้ือยหรืองูที่ถูกปิ้ง การจะชมโค้งปิ้งงูให้เห็น ทางขวามอื ชัดเจนต้องมองจากมุมสูงลงมาเท่าน้ัน บริเวณโค้ง ปิ้งงูมีจุดพักรถอยู่ริมถนน มีร้านอาหารและห้องน�้ำ โค้งปงิ้ งู เปน็ สว่ นหนึง่ ของทางหลวงหมายเลข ๒๑๓ ให้บริการ และบริเวณเกาะกลางถนน คือ สวนรัช (สกลนคร-กาฬสินธุ์) ใกล้กับพระต�ำหนักภูพานราช มังคลาภิเษก ลักษณะเป็นสวนหย่อมตกแต่งด้วยไม้ นเิ วศน์ เปน็ ชว่ งทถ่ี นนมลี กั ษณะคดเคยี้ วไปมาเหมอื น สกลนคร 25
โค้งป้ิงงู ดอกไม้ประดับสวยงามและมีหลักกิโลเมตรขนาด ๒๐๐-๕๖๗ เมตร จากระดบั นำ้� ทะเลปานกลาง โดยมี ใหญ่ใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ วไดแ้ วะเกบ็ ภาพความประทับใจ ภเู ขยี วซงึ่ อยใู่ นเขตจงั หวดั กาฬสนิ ธเ์ุ ปน็ ยอดเขาสงู สดุ การเดนิ ทาง จากอำ� เภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง ในเขตอุทยานฯ นอกจากน้ียังเปน็ แหลง่ ก�ำเนิดต้นน�ำ้ หมายเลข ๒๑๓ เส้นทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะ ล�ำธารหลายสาย ซ่ึงไหลลงสู่ล�ำน�้ำอูนและล�ำน�้ำพุง ทางประมาณ ๑๕ กิโลเมตร สภาพป่าเปน็ ป่าเตง็ รงั ปา่ ดงดบิ และป่าเบญจพรรณ อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูพาน ทีท่ ำ� การอทุ ยานฯ ตง้ั อยูบ่ น สัตว์ปา่ ที่พบเห็น ไดแ้ ก่ คา่ ง ชะมด ลงิ ลม ฯลฯ เทือกเขาภูพาน ต�ำบลห้วยยาง ประกาศเปน็ อทุ ยาน สถานทน่ี ่าสนใจในเขตอุทยานฯ ไดแ้ ก่ แหง่ ชาตเิ ม่อื วันท่ี ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ มีเน้ือที่ ผานางเมนิ อยหู่ ่างจากทท่ี �ำการอทุ ยานฯ ๗๐๐ เมตร ประมาณ ๖๖๕ ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ เป็นแนวหินผาท่ีทอดตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก อ�ำเภอเมืองสกลนคร อ�ำเภอพรรณานิคม อ�ำเภอภู สงู จากระดบั นำ้� ทะเลประมาณ ๓๐๐ เมตร สามารถ พาน จงั หวดั สกลนคร และอำ� เภอสมเดจ็ อำ� เภอหว้ ย ชมทิวทัศน์ไดก้ ว้างไกล เหมาะแกก่ ารชมพระอาทติ ย์ ผงึ้ อำ� เภอกดุ บาก จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ สภาพภมู ปิ ระเทศ ตก โดยท่ัวไปเป็นภูเขาหินทราย มีความสูงอยู่ระหว่าง ลานสาวเอ้ (ค�ำว่า เอ้ เป็นภาษาอีสาน หมายถึง การแต่งตัวมาอวดกัน) เป็นลานหินท่ีมีทางเดินต่อ 26 สกลนคร
เน่ืองจากผานางเมิน อยู่ห่างจากที่ท�ำการอุทยานฯ เสรีไทย และต่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกและจุด ประมาณ ๑ กิโลเมตร แวดล้อมไปด้วยปา่ เต็งรงั ใน ชมพระอาทติ ยข์ นึ้ และทางเดนิ ชว่ งสดุ ทา้ ยจะผา่ นทงุ่ ฤดูแล้งป่าจะเปล่ียนสีสวยงามมาก หากเป็นช่วง กระเจยี วทจี่ ะออกดอกสวยงามในชว่ งเดอื นสงิ หาคม ปลายฝนต้นหนาว เดือนกันยายน-พฤศจกิ ายน ลาน หินบริเวณน้ีจะเต็มไปด้วยดอกไม้ปา่ เลก็ ๆ เช่น ดุสิตา สะพานหินธรรมชาติ (ทางผีผ่าน) อยู่ห่างจาก (หญ้าข้าวก่�ำน้อย) สร้อยสุวรรณ (หญ้าสีทอง) และ ทท่ี ำ� การอทุ ยานฯ ประมาณ ๗ กโิ ลเมตร ลกั ษณะเปน็ มณเี ทวา (กระดมุ เงนิ ) เหมาะสำ� หรบั ชน่ื ชมธรรมชาติ สะพานหินธรรมชาติท่ีเช่ือมต่อระหว่างหินสองกลุ่ม และถา่ ยภาพ สะพานกวา้ งประมาณ ๑.๕ เมตร ยาว ๘ เมตร ดา้ นใต้ เปน็ เว้ิงถ�้ำกว้างใชเ้ ปน็ ท่ีหลบแดดหลบฝนได้ นบั เปน็ ถ�้ำเสรีไทย อยู่ห่างจากท่ีท�ำการอุทยานฯ ประมาณ ความมหศั จรรยข์ องธรรมชาติอย่างหนงึ่ ๔.๕ กิโลเมตร เป็นถ�้ำสมัยสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ท่ี ฝา่ ยเสรไี ทยใชเ้ ปน็ ทส่ี ะสมอาวธุ และเสบยี ง เพราะเปน็ นำ�้ ตกค�ำหอม อยหู่ า่ งจากทท่ี ำ� การอทุ ยานฯ ประมาณ ท�ำเลท่ีเหมาะสมปกคลุมไปด้วยป่าทึบ และบริเวณ ๙ กโิ ลเมตร ทางเข้าน้ำ� ตกอย่รู ิมทางหลวงหมายเลข เดยี วกนั ยงั มรี อ่ งรอยการขดุ แตง่ เปน็ สนามบนิ ลบั ดว้ ย ๒๑๓ บริเวณโค้งปิ้งงู และมีพ้ืนท่ีติดกับเขตพระ ทางอทุ ยานฯ ไดท้ ำ� เส้นทางเดนิ เปน็ วงรอบระยะทาง ราชฐานของพระต�ำหนักภูพานราชนิเวศน์ บริเวณ รวม ๕ กิโลเมตร ผา่ นปา่ เตง็ รัง ป่าเบญจพรรณ ถ้�ำ ใกลเ้ คียงกันยงั เป็นทตี่ ั้งของนำ�้ ตกอกี หลายแห่ง เช่น ผานางเมิน สกลนคร 27
จดุ กางเตน็ ท์ อุทยานแหง่ ชาติภูพาน น�ำ้ ตกค�ำหอม อ�ำเภอเมืองสกลนคร ก่อนถึงตัวเมืองจะพบทางแยก ให้เลย้ี วซ้ายเขา้ ส่ทู างหลวงชนบท สน. ๒๐๕๓ ตรงไป น้�ำตกเหวสินธุ์ชัย น�้ำตกสามหล่ัน น�้ำตกสาวไห้ ผา จนไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข ๒๒ ซึง่ เปน็ ถนน หินซ้อน ซ่ึงอยู่ท่ามกลางป่าไม้ท่รี ม่ เยน็ และนำ้� ตกมี ท่ีตรงมาจากตัวอำ� เภอเมอื งสกลนคร ให้เลีย้ วซา้ ยเขา้ น�้ำเฉพาะในชว่ งฤดฝู นเท่าน้นั สทู่ างหลวงหมายเลข ๒๒ จนไปถงึ บา้ นพาน ให้เลีย้ ว น้�ำตกปรีชาสุขสันต์ อยู่ในเขตเทือกเขาภูพาน ซ้ายเข้าสูท่ างหลวงชนบท สน. ๓๒๒๑ ผ่านโรงเรียน ลกั ษณะเปน็ นำ้� ตกทไ่ี หลมาตามลานหนิ ลาดลงเขาลด บ้านประชาสุขสนั ต์ ตรงไปจนสดุ ทางถนนจะพบสาม หลั่นเป็นชน้ั บางช่วงคลา้ ยสไลเดอร์ มคี วามยาว ๑๒ แยก ใหเ้ ลี้ยวซ้ายและตรงไปอกี ๓.๕ กโิ ลเมตร ถึงนำ้� เมตร แวดลอ้ มไปดว้ ยปา่ ไมท้ ส่ี มบรู ณ์ สามารถลงเลน่ ตกฯ ระยะทางจากที่ท�ำการอทุ ยานฯ ๓๘ กโิ ลเมตร นำ้� ได้ นำ�้ จะมมี ากในฤดฝู น การเดนิ ทาง จากทท่ี ำ� การ และระยะทางจากอ�ำเภอเมืองสกลนครประมาณ อุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๓ เส้นทางไป ๒๖ กิโลเมตร นอกจากน้ีอุทยานแห่งชาติภูพานได้จัดท�ำเส้นทาง เดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง ๑ กิโลเมตร เริ่ม ต้ังแต่บริเวณผานางเมิน ลานสาวเอ้ แก้งขี้ลิง ผ่าน ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง แล้วกลับสู่ศูนย์ศึกษา ธรรมชาตอิ ีกครงั้ ใช้เวลาเดนิ ประมาณ ๑ ช่ัวโมง คา่ ธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ชาวไทย: ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เดก็ ๑๐ บาท ชาวต่างชาติ: ผใู้ หญ่ ๒๐๐ บาท เด็ก ๑๐๐ บาท นอกจากนย้ี ังมีบ้านพกั จุดกางเต็นท์ และ 28 สกลนคร
ร้านค้าสวัสดิการให้บริการนักท่องเที่ยว สอบถาม ข้อมูลได้ท่ี อุทยานแห่งชาติภูพาน ต�ำบลห้วยยาง อ�ำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ๔๗๐๐๐ โทร. ๐๘ ๑๒๖๓ ๕๐๒๙ หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพนั ธพ์ุ ืช เขตบางเขน กรุงเทพฯ โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐-๒ เว็บไซต์ www.dnp.go.th การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง วัดถ้�ำผาแดน่ หมายเลข ๒๑๓ เสน้ ทางไปจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ผา่ นพระ ตำ� หนกั ภพู านราชนเิ วศน์ โคง้ ปง้ิ งู จะพบทางเขา้ อทุ ยา พญาครฑุ เวสสุวรรณ และดา้ นบนของหนิ ทรายแกะ นฯ อยู่ริมถนนทางขวามือ ระยะทางจากอ�ำเภอเมือง สลักก้อนหนึ่งมีเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนก้อนหินสี สกลนคร ๒๕ กิโลเมตร ทองโดดเด่น เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุตามคติใน ศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา คือ ภูเขาที่ วัดถ้�ำผาแด่น อยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านดงน้อย เป็นหลักของโลก ต้ังอยู่จุดศูนย์กลางของโลกหรือ ต�ำบลดงมะไฟ เป็นวัดเก่าแก่มีความเป็นมานับร้อย จกั รวาล นอกจากนย้ี งั มี ศาลายาใจคนบญุ ทน่ี ำ� ตน้ ไม้ ปี ภายในบริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และโขดหิน ขนาดใหญห่ ายากอายหุ ลายรอ้ ยปมี าทำ� เปน็ เสาศาลา ขนาดใหญเ่ หมาะแกก่ ารบำ� เพญ็ ภาวนา ในอดตี มพี ระ เป็นการอนุรักษ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ดู และยังมีลาน เกจิอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานหลายองค์มาจ�ำ ชมทวิ ทศั นท์ ม่ี องเหน็ ตวั เมอื งสกลนครและทะเลสาบ พรรษาและปฏบิ ตั ิธรรมท่ีวดั น้ี เช่น พระอาจารยม์ น่ั หนองหารไดแ้ บบ ๑๘๐ องศา ภรู ทิ ตั ตเถระ ตอ่ มาปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เจา้ อาวาสวดั คอื พระอาจารยป์ กรณ์ กนตฺ วโี ร ไดพ้ ฒั นาวดั ใหเ้ ปน็ สถาน ทปี่ ฏิบตั ธิ รรมและเป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ ธรรมะเพ่อื ชักจูงประชาชนและกลมุ่ วยั รุน่ ใหเ้ ขา้ วดั มากขึ้น ภายในวัดเต็มไปด้วยงานประติมากรรมแกะสลัก หินทรายขนาดใหญ่ โดยมักแกะสลักเป็นเรื่องราว ต่าง ๆ เช่น ภาพแกะสลักพระพุทธสีหไสยาสน์, ภาพแกะสลักพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน, รอยพระพุทธบาทสี่รอยจ�ำลอง, ภาพ แกะสลักหินทรายหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ซ่ึงแกะจาก หินขนาดใหญ่ท้ังก้อน มีช้างหมอบด้านข้างและมี งูใหญ่คอย ปกป้อง เป็นองค์ประธานให้ประชาชน ได้กราบไหว้, ภาพพระอริยสงฆ์รูปต่าง ๆ ของไทย, สกลนคร 29
ภาพแกะสลักหินทราย พระพุทธสหี ไสยาสน์ วัดถำ้� ผาแด่น ตรงไปจนถึงโรงเรียนบ้านนากับแก้ จะพบส่ีแยกให้ เลี้ยวขวา ตรงไปจนสุดทางจะพบลานจอดรถวัดถ�้ำ ผาแด่น จากน้ันต้องเปล่ียนไปใช้บริการน่ังรถสอง แถวระยะทาง ๔ กโิ ลเมตร คา่ บริการรบั -สง่ คนละ ๒๐ บ. เพอื่ ขน้ึ ไปยงั วดั ซง่ึ ตงั้ อยบู่ นเขา รวมระยะทาง จากอำ� เภอเมืองสกลนคร ประมาณ ๒๑ กิโลเมตร หลวงปู่ทวด แกะสลกั ดว้ ยหนิ ทราย วัดถ้�ำผาแดน่ อ�ำเภอพรรณานคิ ม พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร อยู่วัดป่าอุดมสม การเดินทาง จากอำ� เภอเมอื งสกลนคร ใช้ทางหลวง พร ต�ำบลพรรณานิคม พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร หมายเลข ๒๑๓ เส้นทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านสี่ ก�ำเนิดในสกุลสุวรรณรงค์ เมื่อวันท่ี ๒๐ สิงหาคม แยกบายพาส ตรงไปจะพบสามแยกที่บ้านศรีวิชา พ.ศ. ๒๔๔๒ ท่ตี �ำบลบา้ นมว่ งไข่ อำ� เภอพรรณานิคม ให้เลย้ี วขวาซา้ ยสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข ๒๓๓๙ และได้บรรพชาเปน็ สามเณรเม่อื อายุ ๑๙ ปี ณ วัด โพนทอง จนอายุครบ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทในพุทธ ศาสนาฝา่ ยมหานิกาย ต่อมาไดถ้ วายตวั เป็นลกู ศษิ ย์ ตดิ ตามพระอาจารย์มั่น ภรู ิทตั ตเถระ 30 สกลนคร
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร มรณภาพเมื่อวันท่ี ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ณ วดั ป่าอุดมสมพร สริ ิอายุ ได้ ๗๘ ปี และหลังจากพระราชทานเพลิงศพท่าน เมือ่ วนั ท่ี ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ทว่ี ัดปา่ อุดมสม พร คณะศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฆราวาสได้มีการ ประชมุ ปรกึ ษาเพอ่ื สรา้ งสงิ่ ปลกู สรา้ งเปน็ เครอื่ งระลกึ ถึงพระอาจารย์ฝ้ัน ผเู้ ป็นพระปฏบิ ัติดปี ฏิบัติชอบ จึง ได้สร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ตรงบริเวณท่ีพระราชทาน เพลงิ ศพของท่าน อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสาม ชั้น ภายในมีรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้นขนาดเท่ารูปจริง ในทา่ น่งั ห้อยเทา้ และถอื ไมเ้ ท้าไวใ้ นมอื เบอ้ื งหนา้ รปู ป้นั มตี กู้ ระจกบรรจอุ ฐั แิ ละแสดงเคร่ืองบรขิ ารท่ที า่ น ใชเ้ มอื่ ยามมชี วี ติ รวมทง้ั ประวตั คิ วามเปน็ มาของทา่ น ต้ังแตเ่ กิดจนมรณภาพ รปู ปนั้ พระอาจารย์ฝ้ัน อาจาโร พพิ ิธภณั ฑอ์ าจารย์ฝ้นั อาจาโร สกลนคร 31
การเดินทาง จากหน้าท่ีว่าการอ�ำเภอพรรณานิคม พระธาตุภูเพก็ เลี้ยวขวาผ่านส�ำนักงานเทศบาลต�ำบลพรรณนา นิคม จะพบส่ีแยกให้เล้ียวซ้ายเข้าสู่ถนนศรีสวัสดิ์ กอ่ สรา้ งฝา่ ยหญงิ ไดอ้ อกอบุ ายแขวนโคมไวบ้ นยอดสงู วิไล ผา่ นโรงพยาบาลพระอาจารยฝ์ ั้น อาจาโร และ ท�ำให้ฝ่ายชายเข้าใจผิดเห็นว่าเป็นดาวศุกร์และหยุด ตรงไปจะพบทางเข้าวัดป่าอุดมสมพรอยู่ริมถนนทาง สร้างปราสาท ท�ำให้ปราสาทภูเพ็กมีลักษณะที่ยัง ซ้ายมือ ระยะทางจากท่ีว่าการอ�ำเภอพรรณนานิคม สรา้ งไม่แลว้ เสรจ็ มาจนทกุ วันน้ี แตเ่ มอ่ื ขบวนอัญเชิญ ประมาณ ๒ กิโลเมตร พระบรมสารรี กิ ธาตผุ า่ นมาถงึ พระมหากสั สปะทราบ เรื่องการสร้างอุโมงค์ จึงแจ้งแก่ชาวเมืองหนองหาร พระธาตุภเู พก็ อย่บู า้ นภเู พ็ก ตำ� บลนาหวั บ่อ สรา้ ง ขึ้นราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ เพ่ือเป็นศาสนสถานใน ศาสนาฮินดู แต่ภายหลังดัดแปลงเป็นพุทธศาสน สถาน มีการยกเร่ืองประวัติศาสตร์การก่อสร้าง ปราสาทภูเพ็กไว้ในต�ำนานพระอุรังคธาตุ ซึ่งกล่าว ไว้ว่า พระธาตุภูเพ็กสร้างโดยฝ่ายชายเพ่ือแข่งขัน กับฝา่ ยหญิงซ่งึ สร้างพระธาตนุ ารายณเ์ จงเวง เพื่อรอ บรรจพุ ระอุรังคธาตุของพระพทุ ธเจา้ ท้งั สองฝา่ ยถือ กตกิ าวา่ ถา้ ดาวเพก็ (ดาวศกุ ร)์ ขน้ึ ใหห้ ยดุ สรา้ ง ในการ วดั ถ�ำ้ ขาม 32 สกลนคร
หลวงว่า ไม่สามารถแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ได้ และมีโอกาสขึน้ ไปยงั ถ้�ำขาม รู้สึกชอบสถานทแ่ี หง่ นี้ เพราะตอ้ งนำ� ไปไวย้ งั ภกู ำ� พรา้ (พระธาตุพนม) ตาม จึงตัดสินใจอยู่จ�ำพรรษาที่ถ้�ำขาม ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. พทุ ธบญั ชา แตก่ ไ็ ดม้ อบ “ธาตพุ ระองั คาร” (เถา้ ถา่ น) ๒๕๓๔ หลวงปูเ่ ทสกไ์ ดเ้ ล่อื นสมณศกั ดิเ์ ปน็ พระราช ให้ไว้บรรจุในอุโมงค์ของฝ่ายหญิงแทน (ในพระธาตุ นิโรธรงั สีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ได้ไปด�ำรงตำ� แหนง่ เจ้า นารายณ์เจงเวง) อาวาส ณ วดั หนิ หมากเปง้ อำ� เภอศรเี ชยี งใหม่ จงั หวดั การนมัสการพระธาตุต้องเดินข้ึนบันได ๔๙๑ ขั้น หนองคาย จนในชว่ งสดุ ทา้ ยของชีวิตทา่ นไดก้ ลับมา ไปยังองค์พระธาตุซงึ่ อยบู่ นเทอื กเขาภพู าน องค์พระ จ�ำพรรษาอยู่ที่วัดถ�้ำขามและมรณภาพท่ีวัดแห่งน้ี ธาตุสร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง มีผังเป็นรูป เมือ่ วนั ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ สริ อิ ายไุ ด้ ๙๒ สี่เหลย่ี มจตั รุ ัสย่อมมุ ดา้ นหน้าเชื่อมต่อกบั มณฑปรูป ปี โดยร่างของท่านได้น�ำกลับไปพระราชทานเพลิง ส่ีเหล่ียมผนื ผ้า ช้นั ที่ ๑ สูง ๑.๕๘ เมตร ชัน้ ที่ ๒ สงู ศพท่ีวัดหินหมากเป้ง ๐.๗๐ เมตร ตัวปราสาทสูง ๗.๖๗ เมตร ซ่งึ ยังสรา้ ง ไม่แล้วเสร็จ ไม่มีหลังคาและยอดปราสาท เพียงแต่ ต่อมาได้มีการสร้าง เทสกเจดีย์ เทสรังสอี นุสรณ์ ขน้ึ ทำ� ขื่อตง้ั ไว้เท่านนั้ ทวี่ ดั ถำ�้ ขาม โดยจากลานจอดรถตอ้ งเดนิ ขนึ้ บนั ไดปนู การเดินทาง จากอ�ำเภอพรรณานิคม ใช้ทางหลวง สูย่ อดภขู าม ซึง่ เปน็ ท่ีตง้ั ของเจดีย์ ลกั ษณะเปน็ เจดีย์ หมายเลข ๒๒ เสน้ ทางไปอำ� เภอเมอื งสกลนคร จนถงึ ทรงส่ีเหล่ียมจัตุรัส มีฐาน ๒ ชั้น ประตูกระจกเข้า บา้ นนาหวั บอ่ ใหก้ ลบั รถและเลย้ี วซา้ ยเขา้ สทู่ างหลวง ออก ๔ ดา้ น ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางหา้ ม ชนบทหมายเลข ๒๐๑๖ ตรงไป ๑๒ กโิ ลเมตร ผ่าน สมุทร ด้านหน้าองค์พระเป็นที่ประดิษฐานพระบรม บ้านหนองดินด�ำ จนถึงเชิงเขาภูพานท่ีบ้านภูเพ็ก สารรี กิ ธาตุ อฐั ิธาตขุ องพระอาจารยฝ์ นั้ อาจาโร และ ผ่านโรงเรียนบ้านภูเพ็ก และขึ้นเขาไปตามถนนท้อง อัฐิธาตขุ องหลวงตามหาบวั ญาณสมั ปันโน ถ่นิ จนถงึ ลานจอดรถของวัดพระธาตุภูเพก็ และต้อง เดินเทา้ ขึ้นบันไดไปอกี ๔๙๑ ขนั้ ถึงปราสาทภเู พก็ ลานหินดา้ นหนา้ เทสกเจดยี ์ เทสรงั สีอนุสรณ์ เปรยี บ วดั ถ�ำ้ ขาม ชาวบา้ นมกั เรยี กวา่ ภคู ำ� ขาม ตัง้ อยูบ่ นภู เสมอื นเปน็ หลงั คาถำ�้ ขาม ตรงสว่ นปลายลานหนิ เปน็ ขาม (ภูเขาลูกหนึ่งของเทือกเขาภูพาน) ในเขตบ้าน หนา้ ผา มพี นื้ ทหี่ า้ มผหู้ ญงิ เดนิ เนอ่ื งจากบรเิ วณนนั้ อยู่ คำ� ปา่ ตำ� บลไร่ วดั ถำ�้ ขามเคยเปน็ สถานทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรม เหนือถ้�ำที่พระอาจารย์ฝั้นเคยปฏิบัติธรรมอยู่ จาก ของ พระอาจารยฝ์ น้ั อาจาโร ทา่ นไดม้ าจำ� พรรษาอยู่ บรเิ วณลานหนิ มบี นั ไดทางเดนิ ลงมายงั ถำ้� ขาม ซง่ึ เปน็ ท่ีวดั นจ้ี นถึง พ.ศ. ๒๕๐๗ เมอื่ ทา่ นอาพาธจึงไดก้ ลับ ถ�้ำหินตามธรรมชาตขิ นาดใหญซ่ ึง่ พระอาจารย์ฝน้ั ได้ ไปจำ� พรรษาทว่ี ดั ปา่ อดุ มสมพร และในชว่ งปเี ดยี วกนั พฒั นาใหเ้ ปน็ สถานทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรม นอกจากนจี้ ากลาน นั้น หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซ่ึงเป็นลูกศิษย์ของพระ หินยังมีบันไดทางลงอีกด้าน เพื่อไปยังกุฏิหลวงปู่เท อาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เช่นเดียวกับพระอาจาร สก์ เทสรังสี ระหว่างทางจะพบกับพระพุทธรูปปาง ยฝ์ น้ั ไดม้ าเยยี่ มพระอาจารยฝ์ น้ั ทอ่ี ำ� เภอพรรณานคิ ม ไสยาสน์ขนาดใหญ่แกะสลักบนผาหินมีความงดงาม ภายในกุฏิหลวงปู่เทสก์ซึ่งเป็นสถานท่ีละสังขารของ ท่าน ประดิษฐานอัฐิธาตุของหลวงปู่เทสก์ และจัด แสดงเครือ่ งบรขิ ารสมยั ทีท่ า่ นยงั มชี วี ิตอยู่ เช่น เตยี ง นอน โซฟา รถเข็น เป็นต้น สกลนคร 33
การเดินทาง จากอ�ำเภอพรรณนานิคม ใช้ทางหลวง ว่า “อโรคยาศาล” ปราสาทบ้านพันนา ประกอบ หมายเลข ๒๒ เสน้ ทางไปอำ� เภอเมอื งสกลนคร จนถงึ ด้วย ปราสาทประธาน ทรงสี่เหลี่ยมก่อมุข มียอด บา้ นนาหวั บอ่ ใหก้ ลบั รถและเลยี้ วซา้ ยเขา้ สทู่ างหลวง เดียว ก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่ทางด้านหน้าหรือทาง ชนบทหมายเลข ๒๐๑๖ เส้นทางเดียวกับท่ีไปพระ ทิศตะวนั ออก และมี วหิ าร ตงั้ อยู่ทางทิศตะวนั ออก ธาตุภูเพ็ก ตรงไปจนถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เฉยี งใต้ รอบปราสาทล้อมดว้ ยก�ำแพงศิลาแลง มโี ค ต�ำบลบ้านภูเพ็ก จะพบสามแยกให้แยกไปทางขวา ปุระหรือซุ้มประตูขนาดใหญ่ทางด้านทิศตะวันออก จากนั้นจะพบอีกสามแยกหน่ึงให้เล้ียวซ้ายเข้าสู่ นอกกำ� แพงดา้ นทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใตม้ สี ระนำ�้ ขนาด ทางหลวงชนบทหมายเลข ๕๐๕๘ ตรงไป ๗ กโิ ลเมตร เลก็ รปู สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ กรดุ ว้ ยศลิ าแลงเปน็ ชน้ั ๆ มนี ำ้� ถงึ วดั ถ้ำ� ขาม ขังตลอดท้ังปี อ�ำเภอพังโคน จากการขุดคน้ โบราณสถานเมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ พบ เขื่อนน้�ำอูน อยู่บ้านหนองบัว ต�ำบลแร่ เป็นเขื่อน โบราณวัตถทุ ่ีส�ำคัญ ไดแ้ ก่ เศยี รพระวชั รธร ช้นิ สว่ น ดิน สร้างข้ึนเพ่ือกั้นล�ำน�้ำอูนซ่ึงเป็นล�ำน�้ำสาขาหน่ึง พระโพธสิ ตั วว์ ชั รปราณที รงครุฑ พระยมทรงกระบือ ของแม่น้�ำสงคราม มีต้นน�้ำมาจากเทือกเขาภูพาน และชิ้นส่วนพระกรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร วัตถุประสงค์เพ่ือเก็บกักน�้ำไว้ใช้ในการชลประทาน ประติมากรรมเหล่านี้เป็นรูปเคารพในพุทธศาสนา และเกษตรกรรม เร่มิ ก่อสร้างเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ตวั นิกายมหายาน ซึ่งมีรูปแบบศิลปะเขมรแบบบายน เขือ่ นสร้างแลว้ เสรจ็ ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ลกั ษณะเปน็ อ่าง ปราสาทบา้ นพันนาจงึ นบั เปน็ ปราสาทขอมโบราณที่ เกบ็ นำ้� ขนาดใหญ่ มคี วามสูง ๒๙.๕๐ เมตร สันเข่อื น ยงั คงสภาพสมบรู ณอ์ ยไู่ มน่ อ้ ย เปน็ แหลง่ ศกึ ษาศลิ ปะ ยาว ๓,๐๐๐ เมตร กักเก็บนำ้� ได้ ๕๒๐ ลา้ นลูกบาศก์ เขมรได้เป็นอย่างด ี เมตร รายล้อมด้วยเทือกเขาภูพาน บริเวณสันเขื่อน เป็นจุดชมทัศนียภาพท่ีสวยงาม บรรยากาศเหมาะ การเดินทาง จากอ�ำเภอสว่างแดนดิน ใช้ทางหลวง สำ� หรบั การพักผอ่ นหยอ่ นใจ หมายเลข ๒๒ เส้นทางไปอ�ำเภอเมืองสกลนคร การเดนิ ทาง จากอำ� เภอพงั โคน ใชท้ างหลวงหมายเลข ประมาณ ๑๘ กโิ ลเมตร จะพบปา้ ยชท้ี างเขา้ ปราสาท ๒๒๗ เสน้ ทางไปอำ� เภอวารชิ ภูมิ จนพบสามแยกที่มี บา้ นพนั นาทางขวามอื เลย้ี วขวาเขา้ ไปประมาณ ๗๐๐ ป้ายเข่ือนน�้ำอูน ให้เล้ียวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท เมตร จะพบซุ้มประตทู างเขา้ ปราสาททางขวามอื ให้ หมายเลข ๓๐๓๒ ตรงไปจนสดุ ทางถงึ เขอ่ื น ระยะทาง เลี้ยวขวาและตรงไปอีก ๓๐๐ เมตร จะพบปราสาท จากอำ� เภอพงั โคน ประมาณ ๑๑ กโิ ลเมตร ตง้ั อยู่ทางขวามอื อ�ำเภอสว่างแดนดิน อำ� เภอกสุ มุ าลย์ ปราสาทบ้านพันนา อยู่บ้านพันนา ต�ำบลพันนา พพิ ธิ ภณั ฑไ์ ทยโส้ อยใู่ นพนื้ ทข่ี องส�ำนักงานเทศบาล เป็นโบราณสถานท่ีสร้างข้ึนราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ต�ำบลกุสุมาลย์ เน่ืองจากประชากรส่วนใหญ่ของ สมัยพระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ แห่งอาณาจักรขอม เพื่อ อ�ำเภอกุสุมาลย์เป็นชาวไทยโส้ซ่ึงอพยพมาจากทาง ใช้เป็นศาสนสถานประจำ� สถานพยาบาล หรอื ที่เรยี ก ฝั่งซ้ายแม่น้�ำโขง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่ง 34 สกลนคร
อุทยานแหง่ ชาติภผู ายล เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ ภายใต้การน�ำของ เพีย้ เป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรบรรยาย ต้องท�ำ วงค์กะโซ่ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ิ หนังสือนัดหมายล่วงหน้ามาที่ ส�ำนักงานเทศบาล เป็น พระอรัญอาสา เจ้าเมืองกุสุมาลย์คนแรก ชาว ต�ำบลกสุ ุมาลย์ เลขท่ี ๓๓๓ หมทู่ ี่ ๑ ตำ� บลกุสุมาลย์ ไทยโส้ในเขตอ�ำเภอกุสุมาลย์มีความเช่ือในเร่ือง อ�ำเภอกสุ มุ าลย์ จังหวัดสกลนคร ๔๗๒๑๐ สอบถาม ภูตผีวิญญาณมากกว่าความเช่ือเรื่องพุทธศาสนา ข้อมลู โทร. ๐ ๔๒๗๖ ๙๐๕๒ ซ่ึงปรากฏให้เห็นในวิถีชีวิตและพิธีกรรมต่าง ๆ ใน ปัจจบุ ัน เชน่ พธิ แี ตง่ งาน พิธีศพ ฯลฯ การเดินทางพิพิธภัณฑ์ไทยโส้อยู่ริมทางหลวง หมายเลข ๒๒ หลักกิโลเมตรท่ี ๑๙๐ หากมาจาก พิพิธภัณฑ์ไทยโส้ ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว ด้าน อ�ำเภอเมอื งสกลนคร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๒ เสน้ หน้ามีรูปปั้น พระอรัญอาสา เจ้าเมืองกุสุมาลย์คน ทางไปจงั หวัดนครพนม ระยะทาง ๔๐ กิโลเมตร ถึง แรก และรปู ปน้ั วถิ ชี วี ติ ของชาวไทยโสใ้ นอริ ยิ าบถตา่ ง บ้านกุสุมาลย์ จะพบพิพิธภัณฑ์ไทยโส้ซึ่งอยู่ในพื้นท่ี ๆ ด้านในพิพิธภัณฑ์ฯ เก็บรวบรวมเคร่ืองใช้โบราณ ส�ำนักงานเทศบาลต�ำบลกุสุมาลย์ ตั้งอยู่ริมถนนทาง ของชาวไทยโส้ท่ีตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ถ้วยชาม ขวามือ กระเบ้ืองโบราณ เงินพดด้วง เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการทำ� เกษตรกรรม อุปกรณ์ลา่ สตั ว์ และเคร่อื งแตง่ กาย อ�ำเภอเต่างอย พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา อุทยานแหง่ ชาตภิ ผู ายล อยู่บนเทอื กเขาภพู าน บ้าน ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ไม่เสียค่าเข้าชม กรณีเข้าชม ห้วยหวด ต�ำบลจันทร์เพ็ญ มีพื้นท่ีประมาณ ๘๒๘ สกลนคร 35
ตารางกโิ ลเมตร ครอบคลมุ พนื้ ทอ่ี ำ� เภอเมอื งสกลนคร กบั สถานท่ซี งึ่ เป็นจุดเดน่ ของพื้นที่ คือ ภูผายล โดย อำ� เภอโคกศรสี พุ รรณ อำ� เภอเตา่ งอย จงั หวดั สกลนคร เปลยี่ นมาใชช้ อ่ื วา่ “อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ผู ายล” เมอื่ วนั อ�ำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และอ�ำเภอดงหลวง ที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อ�ำเภอค�ำชะอี จังหวัดมุกดาหาร โดยเมื่อวันท่ี ๒๗ สภาพภมู ศิ าสตรท์ วั่ ไปเปน็ ทร่ี าบสงู สลบั กบั เทอื กเขา พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระ หนิ ทราย มคี วามสูง ๓๐๐-๖๐๐ เมตรจากระดบั นำ�้ ปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี ๙ ได้เสด็จ ทะเล บริเวณเทอื กเขามีท่ีราบหลงั เต่ายาวประมาณ พระราชด�ำเนินทอดพระเนตรโครงการอ่างเก็บน�้ำ ๑๐ กิโลเมตร รายล้อมด้วยภูเขาสูงชัน มีป่า หว้ ยหวด และทรงมพี ระราชดำ� รวิ า่ ควรอนรุ กั ษส์ ภาพ เบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง เป็นต้นน�้ำ ธรรมชาติและป่าไม้บริเวณน้ี กรมป่าไม้จึงได้จัดสรร ล�ำธารส�ำคัญของแม่น�้ำหลายสายซ่ึงไหลลงสู่แม่น�้ำ พน้ื ทบี่ รเิ วณเหนอื อา่ งเกบ็ นำ้� หว้ ยหวดประกาศจดั ตง้ั พุง ห้วยบางทราย ห้วยหวด หว้ ยเลา และอา่ งเก็บ เปน็ “อทุ ยานแหง่ ชาตหิ ว้ ยหวด”เมอื่ วนั ที่๒๘กรกฎาคม น้�ำต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๓๑ เพอื่ เฉลมิ พระเกยี รตริ ชั กาลท่ี ๙ เนอ่ื งใน สถานทน่ี า่ สนใจในเขตอทุ ยานฯ ไดแ้ ก่ วโรกาสมหามงคลทรงมพี ระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ อ่างเก็บน้�ำห้วยหวด อยู่ห่างจากที่ท�ำการอุทยานฯ (วันท่ี ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐) หลังจากน้ันได้มี ประมาณ ๗๐๐ เมตร รถยนต์เขา้ ถงึ สะดวก อา่ งเก็บ การขอเปลี่ยนช่ืออุทยานฯ เพื่อให้มีความสอดคล้อง อ่างเก็บน�ำ้ หว้ ยหวด 36 สกลนคร
น้�ำเกิดข้ึนจากการสร้างเขื่อนชลประทานตามพระ ราชดำ� รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช รชั กาลที่ ๙ มจี ดุ ชมทวิ ทศั นบ์ รเิ วณสนั เขอื่ น และหนา้ ผาโดยรอบหลายแหง่ มนี ำ�้ ตก ๓ สายไหลลง อา่ งเกบ็ หว้ ยหวด ไดแ้ ก่ น�ำ้ ตกรากไทรย้อย น�้ำตกผา ผ้ึง และน�้ำตกค�ำนำ้� สร้าง ซึ่งสามารถมองเห็นสายน�้ำ ไหลลงอ่างเก็บน้�ำอยา่ งชดั เจนเฉพาะในชว่ งฤดฝู น น�้ำตกรากไทรน้อย เป็นนำ้� ตกช้ันเดียว สูง ๕ เมตร สามารถเดินเท้าจากบริเวณจุดชมวิวของอ่างเก็บน�้ำ ห้วยหวดระยะทาง ๕๐๐ เมตร เข้าไปชมได้ มีน้�ำ เฉพาะในฤดูฝน น�้ำตกผาผึ้ง เป็นน�้ำตกช้ันเดียวสูง ๑๐ เมตร ไหล มาจากห้วยน้�ำใสลงสู่อ่างเก็บน้�ำห้วยหวด สามารถ เดนิ เทา้ จากบรเิ วณจุดชมวิวของอ่างเก็บน�้ำห้วยหวด ระยะทาง ๑ กิโลเมตร เขา้ ไปชมได้ นำ�้ ตกค�ำนำ�้ สรา้ ง เปน็ นำ�้ ตกทสี่ งู ทส่ี ดุ ของอทุ ยานฯ มี น�ำ้ ตกค�ำน�ำ้ สร้าง ความสงู ประมาณ ๒๕ เมตร สายน้�ำไหลมาจากห้วย คำ� นำ้� สรา้ ง ตอ้ งเดนิ เทา้ จากทท่ี ำ� การอทุ ยานฯ เขา้ ไป ฤดฝู นจะมีดอกไมป้ า่ เลก็ ๆ ข้นึ ละลานตา เชน่ ดสุ ิตา ในปา่ ๑.๘ กิโลเมตร ในช่วงปลายฝนตน้ หนาวจะพบ กระดมุ เงนิ สร้อยสุวรรณา เอนอา้ หยาดน�ำ้ คา้ ง โดย ดอกไมป้ า่ หลายชนดิ เบง่ บานตามลานหนิ ระหวา่ งทาง ทางอุทยานฯ ได้ท�ำทางเดินเพ่ือให้นักท่องเที่ยวได้ ทเ่ี ดินไปยังน้ำ� ตก ชมความงามของธรรมชาติ ไม่เหยียบย�่ำไปบนพันธุ์ ถำ�้ ผาพญาเตา่ งอย จากทที่ ำ� การอทุ ยานฯ ไปตามเสน้ ไม้เล็ก ๆ ทส่ี วยงามเหลา่ นี้ นอกจากนี้ยังมีแหลง่ ท่อง ทางบ้านห้วยหวด-โคกกลาง ประมาณ ๗ กโิ ลเมตร เทย่ี วอื่น ๆ ไดแ้ ก่ ถำ้� หบี ภผู านาง ถำ้� เสาวภา อ่างเก็บ จะพบถ้�ำผาพญาเต่างอยอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ มี น�้ำดงนอ้ ย และถ้�ำพระเวทย์ บันไดทางข้ึนไปสู่ถ้�ำ โดยเช่ือกันว่าบริเวณใดท่ีมีเต่า ภผู ายล หรือ ผาลาย อยู่บ้านนาผาง ต�ำบลกกปลาซวิ งอยแสดงวา่ เปน็ พน้ื ทท่ี ม่ี คี วามอดุ มสมบรู ณ์ และเปน็ ห่างจากที่ท�ำการอุทยานฯ ๓๕ กิโลเมตร ยอดภูผา ตำ� นานท่เี รียกชื่อบ้านเต่างอย ยลมีภาพแกะสลักบนหน้าผาหนิ อายุราว ๓,๐๐๐ ปี ลานดสุ ติ า เปน็ ลานหนิ ซง่ึ มพี น้ื ทกี่ วา้ งขวาง ชว่ งปลาย สกลนคร 37
จดุ กางเต็นท์ อทุ ยานแห่งชาตภิ ูผายล ให้ได้ชม เป็นรูปคน กวาง ววั ควาย ลายเรขาคณติ ท่องเท่ียว สอบถามข้อมูลได้ท่ี อุทยานแห่งชาติภูผา และฝา่ มอื นอกจากนยี้ งั เปน็ จดุ ชมทวิ ทศั นท์ ส่ี วยงาม ยล อ�ำเภอเตา่ งอย จงั หวัดสกลนคร ๔๗๒๖๐ โทร. ๐ อกี แหง่ การเดนิ ทาง จากอำ� เภอเตา่ งอย ใชท้ างหลวง ๔๒๗๐ ๗๒๑๔, ๐๘ ๑๒๖๐ ๔๙๘๘ กรมอุทยานแหง่ หมายเลข ๒๓๓๙ (เต่างอย-ศรีวิชา) จนถึงสามแยก ชาติ สตั วป์ ่า และพนั ธุ์พืช โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐-๒ ต�ำบลนาตาล ให้เล้ียวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท สน. เว็บไซต์ www.dnp.go.th ๓๐๐๗ ตรงไปจนพบสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้า การเดนิ ทาง จากอำ� เภอเตา่ งอย ใชท้ างหลวงหมายเลข ทางหลวงชนบท สน.๓๒๑๒ (บ้านหนองครอง- ๒๓๓๙ ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร จะพบทางเขา้ อุทยา บา้ นนาผาง) ตรงไปอกี ๘ กิโลเมตร ถึงภูผายล ระยะ นฯ อยู่ริมถนนทางซ้ายมือ หากมาจากอ�ำเภอเมือง ทางจากอ�ำเภอเตา่ งอย ๒๖ กิโลเมตร สกลนคร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๒๓ สู่อ�ำเภอเต่า อุทยานแห่งชาติภูผายล มีค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน งอย ตรงไปจนถึงสามแยกบา้ นนายอ ใหเ้ ล้ียวขวาเข้า ชาวไทย ผ้ใู หญ่ ๒๐ บาท เดก็ ๑๐ บาท ชาวตา่ งชาติ สู่ทางหลวงชนบท สน.๓๐๔๘ และตรงไปจนสุดทาง ผู้ใหญ่ ๑๐๐ บาท เด็ก ๕๐ บาท นอกจากนีย้ ังมีบา้ น จะพบสามแยก ให้เลย้ี วขวาเขา้ สทู่ างหลวงหมายเลข พกั จดุ กางเต็นท์ และรา้ นคา้ สวัสดกิ ารใหบ้ รกิ ารนกั ๒๓๕๘ ตรงไปจะพบสามแยกอีกคร้ัง ให้เลี้ยวซ้าย 38 สกลนคร
เขา้ สทู่ างหลวงหมายเลข ๒๓๓๙ ตรงเขา้ สู่ท่ีทำ� การอุ ทยานฯ ระยะทางจากอำ� เภอเมอื งสกลนคร ประมาณ ๓๕ กิโลเมตร อำ� เภอภพู าน เขื่อนน้�ำพงุ เข่ือนน�้ำพุง ต�ำบลโคกภู ลักษณะเป็นเข่ือนหินทิ้ง แห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแกนกลาง เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนและเก็บภาพความ เปน็ ดนิ เหนียว มคี วามกวา้ ง ๑๐ เมตร ยาว ๑,๗๒๐ ประทบั ใจ เมตร สูง ๔๐ เมตร อ่างเกบ็ น้�ำมีเนอ้ื ท่ี ๒๑ ตาราง การเดินทาง จากอ�ำเภอภูพานหรือจากอ�ำเภอเมือง กิโลเมตร อยู่ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต สกลนคร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๓ เส้นทางไป แห่งประเทศไทย พลังงานน�้ำจากเขื่อนใช้ในการ จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านโค้งปิ้งงู อุทยานแห่งชาติภู ผลิตกระแสไฟฟ้าแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่จังหวัด พาน จนถงึ ส่ีแยกโรงเรยี นคำ� เพิ่มวิทยา ให้เล้ยี วซา้ ย สกลนครและจังหวัดนครพนม พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เสด็จ พระราชด�ำเนินทรงเปิดเข่ือนน้�ำพุงเม่ือวันท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๐๘ บรรยากาศโดยรอบเขือ่ น เขอื่ นน�ำ้ พุง สกลนคร 39
การเดินทาง จากอ�ำเภอวาริชภูมิ ใช้ทางหลวง หมายเลข ๒๒๗ เส้นทางไปอ�ำเภอพงั โคน ประมาณ ๒.๕ กโิ ลเมตร จะพบวัดพระธาตศุ รมี งคลอยู่ริมถนน ทางขวามอื ถำ�้ พระพทุ ธไสยาสน์ (ถำ้� พระทอง หรือ ภูผาทอง) อยวู่ ดั ถำ�้ พระพทุ ธไสยาสน์ ตำ� บลคอ้ เขยี ว นบั เปน็ อกี หนงึ่ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความชาญฉลาด ของมนุษย์ในการดัดแปลงและใช้ประโยชน์จากถ้�ำ โดยมกี ารนำ� เพงิ หนิ บรเิ วณถำ�้ มากอ่ สรา้ งเพมิ่ เตมิ เปน็ ศาลาการเปรยี ญของวดั ซง่ึ มพี ระพทุ ธรปู ปางไสยาสน์ องค์ใหญ่ให้สักการะ และยังมีพระพุทธรูปแกะสลัก ด้วยหินบนผนังถ�้ำ พระพุทธรูปเก่าแก่ปางต่าง ๆ และศลิ าจารกึ อกั ษรโบราณ ทถี่ อดความไดว้ า่ “พทุ ธ ศตวรรษท่ี 16 เดือนยี่ ปีมะโรง สถานท่นี ้เี คยเปน็ ที่ ประชุมของคณะสงฆ์ ๓๑ คณะ” ซงึ่ โบราณวตั ถุตา่ ง ๆ เหลา่ นเ้ี ป็นส่งิ บง่ บอกถึงความเจริญรุ่งเรอื งของวดั ถ้�ำพระพุทธไสยาสน์ในอดีต นอกจากนี้บริเวณใกล้ ถำ้� ยงั มกี ้อนหินธรรมชาติรูปรา่ งแปลกตาให้เที่ยวชม พระธาตุศรมี งคล การเดินทาง จากอ�ำเภอวาริชภูมิ ใช้ทางหลวง หมายเลข ๒๒๗ เส้นทางไปอ�ำเภอวังสามหมอ ต่อ ตามป้ายบอกทางไปเขอื่ นนำ้� พงุ ตรงไป ๓ กโิ ลเมตร ด้วยทางหลวงชนบท สน.๒๐๒๑ เส้นทางไปอ�ำเภอ ถึงเขอ่ื น ส่องดาว จนถึงสามแยกโรงเรียนดงบังป่าโจด ให้ อ�ำเภอวารชิ ภมู ิ เลยี้ วซา้ ยตามปา้ ยบอกทางไปวดั ถำ�้ พระพทุ ธไสยาสน์ พระธาตุศรีมงคล อยู่วัดพระธาตุศรีมงคล ต�ำบล ประมาณ ๗ กิโลเมตร ถงึ วัด บ้านธาตุ ลักษณะเป็นเจดีย์ฐานส่ีเหล่ียมยอด แหลม ตกแต่งด้วยศิลปกรรมยุคใหม่ ก่ออิฐถือปูน อ�ำเภอสอ่ งดาว ประดับด้วยลายปั้นดินเป็นเร่ืองราวพุทธประวัติของ วัดถำ้� อภัยด�ำรงธรรม (วัดถำ้� พวง) และ พพิ ธิ ภณั ฑ์ พระพทุ ธเจา้ โดยสรา้ งครอบพระธาตอุ งคเ์ ดมิ ซงึ่ เปน็ อฐั บริขารพระอาจารย์วัน อุตตโม อยูห่ มู่ที่ ๑ บา้ น ศลิ าแลงทช่ี ำ� รดุ นบั เปน็ พระธาตคุ บู่ า้ นคเู่ มอื งของชาว ท่าวัด ต�ำบลปทุมวาปี บนเทือกเขาภูพาน เป็นวัด อ�ำเภอวารชิ ภูม ิ ธรรมยุตินิกายฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน แต่เดิมพ้ืนที่ บริเวณวัดชาวบ้านในท้องถิ่นเรียกว่า “ภูผาเหล็ก” 40 สกลนคร
พพิ ธิ ภัณฑ์อฐั บรขิ ารพระอาจารยว์ นั อุตตโม สันนิษฐานว่าเพราะมีแร่เหล็กเป็นจ�ำนวนมากใน กรรมฐาน หนง่ึ ในศิษย์ของพระอาจารยม์ น่ั ภูริทัตโต บริเวณนี้ และหากน�ำแม่เหล็กวางลงบนพ้นื ดนิ จะมี และเป็นผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นอาคาร หินเล็ก ๆ ตดิ ขึน้ มาเป็นพวง ชาวบ้านจึงพากนั เรยี ก สองช้ันก่ออิฐถือปูนและประดับด้วยหินอ่อนท้ังหลัง “ถ้�ำพวง” มาจนถึงทุกวันนี้ ภายในวัดถ้�ำพวงมี ชั้นล่าง เป็นห้องแสดงภาพวาดเก่ียวกับประวัติของ สถานทีศ่ กั ด์สิ ทิ ธ์ิส�ำหรบั กราบไว้สกั การะ ได้แก่ พระอาจารยว์ ันตงั้ แต่เกิด ชนั้ บน มีรูปปน้ั ของท่านใน วิหารพระมงคลมุจลินท์ ภายในเป็นที่ประดิษฐาน ทา่ น่งั ขัดสมาธพิ ร้อมเครือ่ งสักการบูชา และตกู้ ระจก พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ หน้าตักกว้าง แสดงเครอ่ื งอฐั บริขารของท่าน ๕ เมตร และยังเป็นท่ีประดิษฐาน พระนรสีห์ พระ อรหันตใ์ นสมยั พระพุทธเจา้ กัสสโป พระพุทธรปู องค์ เจดีย์พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร รูปทรงเจดีย์มีลักษณะ ด�ำ ท่อี ัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย และมีพระบรม คลา้ ยกบั พพิ ธิ ภณั ฑอ์ ฐั บรขิ ารพระอาจารยว์ นั อตุ ตโม สารีริกธาตุ พระบรมธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า พระ เป็นเจดีย์มี ๒ ชน้ั และมีบนั ไดขน้ึ ไปทีต่ ัวอาคารเจดยี ์ อรหันตธาตุ ให้ประชาชนได้สกั การะ ทั้ง ๔ ด้าน มีซุ้มประตูทางเข้า ๓ ทาง บนช้นั สองของ เจดีย์มีรูปเหมือนของพระอาจารย์วันประดิษฐานอยู่ พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารพระอาจารย์วัน อุตตโม อยู่ และทแ่ี หง่ นเี้ คยเปน็ สถานทพี่ ระราชเพลงิ ศพของพระ ใจกลางของพ้ืนท่ีวัด พระอาจารย์วัน อุตตโม (พระ อาจารย์วัน อตุ ตโม (พระอดุ มสังวรวิสทุ ธิเถร) ดว้ ย อดุ มสงั วรวสิ ทุ ธเิ ถร) เปน็ พระเถราจารยฝ์ า่ ยวปิ สั สนา สกลนคร 41
พระเจดียศ์ รมี หาโพธิ์ วัดถำ้� อภัยด�ำรงธรรม สังเวชนียสถาน ๔ ต�ำบล เปน็ การสรา้ งจำ� ลองสถาน รูปช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้�ำ และอีกด้านหนึ่ง ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน มีลงิ ถอื รวงผง้ึ ถวาย) ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากสถานท่ีจริงใน ประเทศเนปาลและอนิ เดยี โดยพระเจดยี จ์ ำ� ลองสถาน การเดนิ ทาง จากอ�ำเภอส่องดาว ใช้ทางหลวงชนบท ทปี่ ระสตู มิ ชี อ่ื วา่ “พระเจดยี ส์ ริ มิ หามายา” พระเจดยี ์ สน. ๒๐๒๑ ทางไปเทศบาลต�ำบลปทมุ วาปี ตอ่ ด้วย จำ� ลองสถานท่ีตรัสรู้มีชื่อวา่ “พระเจดียศ์ รีมหาโพธ์ิ” ทางหลวงชนบท สน. ๕๐๔๕ ผ่านท่ีท�ำการอุทยาน พระเจดีย์จ�ำลองสถานที่แสดงปฐมเทศนา “พระ แห่งชาติภูผาเหล็ก และตรงไป ๑.๕ กิโลเมตร ถึง เจดีย์ธัมเมกขสถูป” และพระเจดีย์จ�ำลองสถานท่ี วัดถ�้ำอภัยด�ำรงธรรม ระยะทางจากอ�ำเภอส่องดาว ปรนิ พิ พานมีชือ่ วา่ “พระเจดีย์วหิ ารปรินิพพาน” ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร วิหารพระปางเลไลยก์ ภายในวหิ ารมอี งคพ์ ระปางเล อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก อยู่ต�ำบลปทุมวาปี มี ไลยก์ประดิษฐานอยู่ (ปางเลไลยก์ คือ พระพุทธรูป พนื้ ทป่ี ระมาณ ๔๐๔ ตารางกโิ ลเมตร ครอบคลมุ พนื้ ท่ี อยู่ในอิริยาบถประทับนั่งบนก้อนศิลา พระบาทท้ัง อ�ำเภอส่องดาว อ�ำเภอวาริชภูมิ อ�ำเภอนิคมน�้ำอูน สองวางอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายขวาวางคว่�ำบน อ�ำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร อ�ำเภอสามหมอ พระชานุ (เขา่ ) พระหตั ถ์ขวาวางหงายบนพระชานุ มี จังหวัดอุดรธานี และอ�ำเภอสมเด็จ อ�ำเภอค�ำม่วง 42 สกลนคร
จังหวัดกาฬสินธุ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นส่วนหนึ่ง หา่ งจากที่ทำ� การอุทยานประมาณ ๗๐๐ เมตร และ ของเทือกเขาภูพาน ภูเขาท่ีสูงที่สุด คือ ภูอ่างสอ อยู่ไม่ไกลจากผาสุริยันต์ สามารถชมทัศนียภาพของ สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง เทอื กเขาทสี่ ลบั ซบั ซอ้ นและอา่ งเกบ็ นำ�้ ทอ่ี ยเู่ บอ้ื งลา่ ง ปา่ ไผ่ และสมนุ ไพรชนดิ ตา่ ง ๆ สตั วป์ า่ ทพ่ี บเหน็ ไดแ้ ก่ ได้อยา่ งสวยงาม หมูป่า เก้ง กระจง นกชนิดต่าง ๆ และยังเป็นต้น ก�ำเนดิ ของแมน่ ำ�้ สงคราม ล�ำน�้ำยาม และล�ำนำ�้ อมู สถานทน่ี ่าสนใจในเขตอทุ ยานฯ ไดแ้ ก่ ผาสุริยันต์ เป็นหน้าผาชมวิวบนยอดเขาภูผาเหล็ก ห่างจากทีท่ �ำการอุทยานประมาณ ๕๐๐ เมตร ดว้ ย เพราะเปน็ จดุ ชมพระอาทติ ยข์ น้ึ ทสี่ วยงาม จงึ เปน็ ทมี่ า ของชือ่ เรยี กผาแหง่ น้ี ผาดงกอ่ เปน็ หนา้ ผาชมววิ บนยอดภผู าเหลก็ ทีร่ ะดบั ผาดงก่อ ความสูง ๖๒๒ เมตร จากระดับน้�ำทะเลปานกลาง ผาสุรยิ ันต์ สกลนคร 43
หญ้า ดูคล้ายสวนประดิษฐ์ มีดอกไม้ป่าข้ึนมากมาย เชน่ สารภีดอย เอ็นอ้า ดาวเรอื งภู มา้ วง่ิ หญา้ ข้าวก่�ำ กระดมุ เงนิ และดสุ ิตา ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ผาผักหวาน อยู่บ้านภู ตะคาม ตำ� บลทา่ ศิลา หา่ งจากทีท่ �ำการอุทยานฯ ๑๕ กโิ ลเมตร เปน็ ภาพเขยี นโบราณ อายปุ ระมาณ ๓,๖๐๐ ปี ระบายดว้ ยสแี ดงทบึ อยบู่ นกอ้ นหนิ ขนาดใหญ่ เปน็ ภาพลักษณะคล้ายผู้หญิงยืนเรียงกันเป็นแถวโดยใช้ หอสอ่ งดาว มือเกาะไหล่กนั คลา้ ยท�ำกิจกรรมอะไรบางอย่าง หอสอ่ งดาว อยูบ่ นยอดภูผาเหล็ก บริเวณเดียวกบั ผา ดงก่อ ลักษณะเป็นหอสูง ๒ ช้นั มบี นั ไดขึ้นไปช้นั บน อุทยานฯ มีจุดกางเต็นท์ และร้านค้าสวัสดิการให้ เพ่อื ชมทศั นียภาพและดวงดาวในยามค�่ำคนื บรกิ ารนกั ทอ่ งเทยี่ ว สอบถามขอ้ มลู ไดท้ ี่ อทุ ยานแหง่ ชาติภูผาเหล็ก บ้านท่าวัด ต�ำบลปทุมวาปี อ�ำเภอ ลานอุษาสวรรค์ เป็นบริเวณที่ราบบนยอดภูผาเหล็ก ส่องดาว จงั หวัดสกลนคร ๔๗๑๙๐ โทร. ๐๘ ๘๕๕๒ มีพ้ืนที่ประมาณ ๒.๘๔ ตารางกิโลเมตร มีสภาพ ๔๕๓๘ หรอื กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื เป็นทุ่งหญ้าป่าละเมาะเขาและโขดหินสลับกับทุ่ง โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐-๒ เว็บไซต์ www.dnp.go.th จดุ กางเต็นท์ อทุ ยานแหง่ ชาติภผู าเหลก็ 44 สกลนคร
พาแลง หรอื การรับประทานอาหารเยน็ รว่ มกับชาวผ้ไู ทย การเดินทาง จากอ�ำเภอสอ่ งดาว ใช้ทางหลวงชนบท กจิ กรรมทอ่ งเที่ยว สน. ๒๐๒๑ ประมาณ ๔ กิโลเมตร ถึงเขตต�ำบลปทุม วาปี ต่อดว้ ยทางหลวงชนบท สน. ๕๐๔๕ ประมาณ พาแลงและชมการฟ้อนร�ำของชาวผู้ไทย บ้าน ๑๑ กโิ ลเมตร ถงึ อุทยานฯ หากมาจากอ�ำเภอเมือง โนนหอม อยูท่ ี่ตำ� บลโนนหอม อ�ำเภอเมอื งสกลนคร สกลนคร ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๒ จนถึงตวั อำ� เภอ ชาวผู้ไทยที่น่ีอพยพมาจากฝั่งซ้ายของแม่น�้ำโขง สวา่ งแดนดนิ และเลย้ี วซา้ ยเขา้ สทู่ างหลวงหมายเลข เม่ือประมาณร้อยกว่าปีมาแล้ว แต่ยังคงรักษา ๒๓๔๒ มงุ่ หนา้ สอู่ ำ� เภอสอ่ งดาว จากนน้ั ใชท้ างหลวง ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวผู้ไทยเอาไว้อย่าง ชนบท สน. ๒๐๒๑ ต่อด้วยทางหลวงชนบท สน. เหน่ียวแน่น นักท่องเท่ียวสามารถติดต่อการแสดง ๕๐๔๕ ถึงอทุ ยานฯ การจดั พาแลง (พาแลง หมายถงึ การรว่ มรบั ประทาน อาหารเย็นกับชาวผู้ไทย) และการฟ้อนร�ำของชาว ผไู้ ทยลว่ งหนา้ ไดท้ ่ี ศนู ยส์ าธติ การตลาดบา้ นโนนหอม สกลนคร 45
เลขที่ ๕ หมู่ที่ ๒ ตำ� บลโนนหอม อำ� เภอเมือง จังหวัด การประกวดศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบ้าน การจัดพาแลง สกลนคร ๔๗๐๐๐ และการแสดงมหรสพ การออกร้านจ�ำหน่ายสินค้า การเดินทาง จากอ�ำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวง พน้ื เมอื ง ฯลฯ สอบถามขอ้ มลู ไดท้ ่ี ศนู ยร์ าชการจงั หวดั หมายเลข ๒๒๓ เส้นทางไปจังหวัดมุกดาหาร สกลนคร กลมุ่ งานปกครอง โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๔๖๑ ประมาณ ๑๓ กิโลเมตร จะพบทางแยกให้เล้ียว ขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๓๕๘ และตรงไปอกี งานเทศกาลโส้ร�ำลึก เป็นงานประจ�ำปีของ “ชาว ประมาณ ๒ กโิ ลเมตร ถึงบา้ นโนนหอม ไทโส้” ซึ่งชาวไทโส้ในจังหวัดสกลนครมีถ่ินฐาน ดั้งเดิมอยู่ที่เมืองมหาชัย แขวงค�ำม่วน สาธารณรัฐ เทศกาลงานประเพณี ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยอพยพข้ามแม่น้�ำ โขงมาตงั้ ถ่นิ ฐานอยใู่ นอ�ำเภอกุสุมาลย์ และอีกหลาย งานนมัสการพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์ อ�ำเภอของจังหวัดนครพนมและกาฬสินธ์ุ แสน จดั ขึ้นระหว่างวันขน้ึ ๙-๑๕ ค�่ำ เดอื นยี่ (ราว งานเทศกาลโส้ร�ำลกึ จดั ขึน้ ในวนั ขึน้ ๔ คำ�่ เดอื น ๓ ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ของทุก ของทุกปี ณ บริเวณสนามหน้าศูนย์วัฒนธรรมไทโส้ ปี) ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ถนนเจริญเมือง อ�ำเภอกุสุมาลย์ กิจกรรมภายในงาน เช่น การร�ำโส้ อ�ำเภอเมืองสกลนคร ในช่วงการจัดงานจะมีพิธี ท่งั บ้ัง เปน็ การแสดงเพอื่ ประกอบพธิ ขี ับไลส่ ง่ิ ชัว่ ร้าย ทำ� บญุ ตกั บาตร นมสั การหลวงพอ่ พระองค์แสน พิธี โดยชาวโส้จะใช้กระบอกไม้ไผ่กระแทกลงกับพ้ืนเพื่อ สรงน�้ำและเวียนเทยี นองค์พระธาตุเชิงชมุ การแสดง ให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ ต่อมาได้มีการประดิษฐ์ มหรสพ และการออกร้านจ�ำหน่ายสินค้าพื้นเมือง คิดท่าร�ำประกอบจังหวะให้เกิดความสวยงามมาก ฯลฯ สอบถามขอ้ มลู ไดท้ ี่ สำ� นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ยิ่งข้ึน นอกจากน้ียังมีพิธีบวงสรวงพระอรัญอาสา สกลนคร โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๖๒๔๗ ขบวนแห่เจ้าเมืองไทยโส้ การประกวดธิดาไทยโส้ งานรวมน้�ำใจไทสกลและงานกาชาด จัดข้ึนช่วง การแสดงศิลปวัฒนธรรม ของไทยโส้กุสุมาลย์ และ เดือนมกราคม ของทุกปี บรเิ วณศนู ยร์ าชการจังหวัด การออกร้านจ�ำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ฯลฯ สอบถาม สกลนคร ถนนศูนย์ราชการ อ�ำเภอเมืองสกลนคร ขอ้ มลู ได้ที่ สำ� นักงานเทศบาลต�ำบลกุสุมาลย์ โทร. ๐ เปน็ การหารายไดม้ อบใหเ้ หลา่ กาชาดจงั หวดั สกลนคร ๔๒๗๖ ๙๐๕๒ เพ่ือไว้ใช้จ่ายในกิจการสาธารณกุศุลต่าง ๆ ตามวัตถุ งานบุญมหาชาติและบุญบ้ังไฟ อ�ำเภอพังโคน จัด ประสงค์ของสภากาชาดไทย กิจกรรมภายในงาน ข้ึนในเขตเทศบาลต�ำบลพังโคน ในสัปดาห์แรกของ ประกอบดว้ ยขบวนแหศ่ ลิ ปวฒั นธรรมของกลมุ่ ชนตา่ งๆ เดือนพฤษภาคม ของทุกปี กิจกรรมประกอบด้วย ทอ่ี าศยั อยใู่ นสกลนคร เชน่ ผไู้ ทย ไทยโส้ ไทยญอ้ ไทยโยย้ การประกวดบ้ังไฟทางไกล เทศน์มหาชาติ เทศกาล ไทยกะเลงิ ไทยลาว ญวณ และจีน โดยขบวนจะเรมิ่ อาหารแซบพังโคน และการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ ออกจากสนามมงิ่ เมอื งผา่ นถนนสขุ เกษมและไปรวมกนั สอบถามข้อมูลได้ท่ี ส�ำนักงานเทศบาลต�ำบลพังโคน ณ ศาลากลางจังหวัด นอกจากน้ียังมีการประกวด โทร. ๐ ๔๒๗๓ ๔๕๖๘ นางสาวสกลนคร นิทรรศการของส่วนราชการ 46 สกลนคร
การฟอ้ นผ้ไู ทย ในงานแหป่ ราสาทผึ้ง งานเทศกาลวนั วสิ าขบชู า จดั ในวนั ขน้ึ ๑๕ คำ่� เดอื น ปราสาทผ้ึง ๖ ของทุกปี ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ�ำเภอ เมอื งสกลนคร ภายในงานจดั ใหม้ กี ารทำ� บญุ ตกั บาตร ขบวนแหโ่ คมบวั ทยี่ งิ่ ใหญ่ พธิ เี วยี นเทยี นรอบองคพ์ ระ ธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสน เทศน์มาลัย หมื่นมาลัยแสน เทศน์มหาเวสสันดรชาดก การแห่ พระเวสสนั ดร การแหข่ า้ วพนั ก้อน การประกวดโต๊ะ หมู่บูชา กิจกรรมธรรมทัศนาจร และตอบปัญหา ธรรมะ ฯลฯ งานเทศกาลอาสาฬห สักการะสังเวชนีย์ฯ ที่ งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จัดข้ึนในช่วงวันออก ส่องดาว จดั ในวนั ข้นึ ๑๕ ค�่ำ เดอื น ๘ ของทกุ ปี ณ พรรษา ระหว่างวนั ขึน้ ๑๒-๑๕ คำ�่ เดือน ๑๑ ของ วดั ถ้�ำอภัยดำ� รงธรรม (วดั ถ้�ำพวง) อำ� เภอสอ่ งดาว มี ทกุ ปี ณ สนามมงิ่ เมอื งและวดั พระธาตเุ ชงิ ชมุ วรวหิ าร การจดั พธิ เี วยี นเทยี นโคมบวั บชู ารอบสงั เวชนยี สถาน อ�ำเภอเมืองสกลนคร ๔ ต�ำบล ซึ่งเป็นสถานท่ีจ�ำลองการประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรนิ พิ พานขององคส์ มเดจ็ พระสมั มา “ปราสาทผึ้ง” สร้างตามคติความเช่ือทางพระพุทธ สัมพทุ ธเจา้ แหง่ เดยี วในภาคอสี าน ศาสนา ในครัง้ ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ สกลนคร 47
ขบวนแหด่ าวคริสต์มาส ช้ันดาวดึงส์ในวันปวารณาออกพรรษา พระพุทธเจ้า ความเชื่อว่าเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ ตรัสอ�ำลาพระอินทร์ เพื่อเสด็จลงสู่เมืองมนุษย์ ล่วงลับไปแล้ว เพื่อร่วมกันท�ำบุญสร้างกุศลร่วมกัน พระอินทร์จึงเนรมิตบันไดเงิน บันไดทอง และ ในชว่ งออกพรรษา บนั ไดแกว้ มณี ใหพ้ ระองค์ได้เสด็จลง เทวดา มนษุ ย์ ครุฑ นาค สัตว์นคร ต่างชื่นชมในพระบารมีของ ปราสาทผึ้ง แบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ปราสาทผึ้ง พระพุทธเจ้า และเกิดความเล่ือมใสในบุญกุศล โบราณ ซ่ึงมีรูปทรงสิมและทรงหอผึ้ง การสร้าง อย่างยิ่ง เกิดจินตนาการการมองเห็นปราสาทวิมาน ปราสาทผงึ้ โบราณจะใชก้ าบกลว้ ยมาทำ� เปน็ โครง จาก สวยงาม ใคร่อยากไปอยู่ แล้วจึงรู้ชัดว่าการที่จะไป นั้นทำ� ดอกผ้งึ โดยนำ� ขผี้ ้งึ ใส่ถว้ ยหรอื ขันลงลอยในนำ้� อยู่ในปราสาทสวยงามได้น้ัน จะต้องสร้างบุญสร้าง รอ้ นตัง้ ไฟอ่อน ๆ จนขผ้ี ้งึ ละลาย แล้วใช้ผลมะละกอ กุศล ประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักธรรม จากน้ันจึง ดิบมาปอกเปลือกตรงส่วนก้น ให้มีความเว้าคล้าย พากันคิดสร้างสรรค์ท�ำปราสาทให้มีลักษณะคล้าย กลีบดอกไม้ น�ำไปจุ่มลงในข้ีผ้ึงร้อน แล้วตามด้วย ปราสาทราชมณเฑียรบนสวรรค์ช้ันวิมาน ลวดลาย จ่มุ ในน�้ำเยน็ ดอกผง้ึ กจ็ ะหลดุ ลอยออกมา แลว้ จึงน�ำ วิจิตรสวยงาม นอกจากนั้นการท�ำปราสาทผ้ึงยังมี ดอกผึ้งที่ได้ไปตกแต่งตัวปราสาท ส่วน ปราสาทผ้ึง 48 สกลนคร
เดือน ๑๑ ของทุกปี ณ บริเวณรมิ หนองหาร อ�ำเภอ เมืองสกลนคร ซงึ่ จัดเป็นประเพณีมาช้านาน โดยรอ่ ง น�้ำสำ� หรับแขง่ เรอื ในหนองหารมอี ยู่ ๒ แหง่ คอื สระ พงั ทอง บรเิ วณสวนสมเดจ็ พระศรีนครินทร์ และท่า นางอาบ บา้ นท่าวัด บ้านเรือนประดับไฟในชมุ ชนท่าแร่ชว่ งเทศกาลครสิ ตม์ าส ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส จังหวัด สกลนคร จดั ข้ึนระหว่างวนั ท่ี ๒๓-๒๕ ธนั วาคม ของ ทกุ ปี ณ ชมุ ชนบ้านทา่ แร่ และบริเวณสนามมงิ่ เมอื ง อ�ำเภอเมอื งสกลนคร ประเพณีแห่ดาว เป็นประเพณีท่ีแสดงถึงความเช่ือ ประยุกต์ นิยมใช้ไม้เปน็ โครงสรา้ งปราสาท มรี ูปทรง ความศรัทธาของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกท่ีมี ปราสาทเรอื นยอด แลว้ หลอ่ ข้ผี ึง้ เป็นลวดลายตา่ ง ๆ ต่อองค์พระเยซูคริสต์ ในคืนวันคริสต์มาสซ่ึงเป็นวัน ปะตดิ ลงยังโครงปราสาท ที่พระองค์ได้เสด็จลงมาประสูติยังโลกมนุษย์ ได้เกิด ปาฏิหาริย์ข้ึนบนท้องฟ้า มีดวงดาวเปล่งรัศมีส่อง โดยทกุ ปี ในวันขน้ึ ๑๓ ค่ำ� กอ่ นวันท�ำการแหข่ บวน สว่างทั่วทั้งท้องฟ้า “ดวงดาว” จึงเปรียบเสมือน ปราสาทผึ้ง ชาวบ้านตามคุ้มต่าง ๆ จะน�ำปราสาทผง้ึ เปน็ สญั ลกั ษณ์การมาเกิดของพระเยซเู จ้า ในปี พ.ศ. ทั้งแบบโบราณและแบบประยุกต์ที่พร้อมใจกันสร้าง ๒๕๒๕ ชาวท่าแร่ได้ร่วมกันประดิษฐ์ดาวกระดาษ และตกแต่งอย่างสวยงาม มาประกวดความงามกัน แทนสัญลักษณ์ของดวงดาวบนท้องฟ้า และถือแห่ ณ สนามมงิ่ เมอื ง เพอื่ ใหป้ ระชาชนไดช้ มอยา่ งใกลช้ ดิ ไปรอบ ๆ ชุมชนท่าแร่ ก่อนน�ำเข้าไปสู่อาสนวิหาร นอกจากน้ียังมีการประกวดพานบายศรี พิธีบายศรี อัครเทวดามิคาแอลท่ีต้ังอยู่กลางชุมชน นับแต่น้ัน สู่ขวัญและงานพาแลง การแสดงศิลปวัฒนธรรม เปน็ ตน้ มาจงึ เกดิ ประเพณแี หด่ าวตอ่ เนอื่ งจนเปน็ งาน พื้นบ้าน และการออกร้านจ�ำหน่ายสินค้าพ้ืนเมือง ประเพณีประจ�ำปี จากดาวมือถือโครงไม้ไผ่ดวงเล็ก สว่ นในวนั ขนึ้ ๑๔ คำ่� จะเปน็ วนั ทมี่ ขี บวนแหป่ ราสาทผงึ้ แบบด้ังเดิม มาเป็นขบวนรถดาวขนาดใหญ่ประดับ ไปตามถนนในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร ไปส้ินสุด ประดาด้วยดวงไฟระยิบระยับพร้อมด้วยขบวนซาน ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เพ่ือต้ังแสดงไว้เป็น ต้านางฟ้าเทวดาตัวน้อย ต่ืนตาต่ืนใจผู้ไปร่วมงาน พุทธบูชา สอบถามข้อมูลได้ท่ี การท่องเท่ียวแห่ง กลายเป็นอีกหนึ่งงานประเพณีที่มีชื่อเสียงและเป็น ประเทศไทย ส�ำนักงานนครพนม โทร. ๐ ๔๒๕๑ เอกลักษณ์ของจงั หวดั สกลนคร ๓๔๙๐-๑ ในทกุ ปี ช่วงเย็นของวันท่ี ๒๓ ธันวาคม จะมีขบวน งานประเพณีแข่งเรือจัดขึ้นร่วมกับงานประเพณีแห่ รถแห่ดาวใหญแ่ ห่ไปรอบ ๆ ชุมชนท่าแร่ และเคลอ่ื น ปราสาทผง้ึ ในชว่ งวนั ออกพรรษา ในวนั ขนึ้ ๑๒-๑๓ คำ่� เขา้ มาจอดใหป้ ระชาชนไดช้ มอกี ครงั้ ณ บรเิ วณศาลา สกลนคร 49
เมืองสกลนคร สอบถามข้อมลู ไดท้ ่ี ส�ำนกั มสิ ซงั โรมนั คาทอลกิ ส์ทา่ แร-่ หนองแสง โทร. ๐ ๔๒๗๑ ๑๒๗๒ การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ส�ำนักงานนครพนม โทร. ๐ ๔๒๕๑ ๓๔๙๐-๑ สินค้าพื้นเมือง ผ้าย้อมคราม คือ ผ้าทอที่น�ำมาย้อมสีด้วยคราม ธรรมชาติ มเี ฉดสีฟา้ จนถึงสนี �้ำเงนิ เข้ม ผ้ายอ้ มคราม ในประเทศไทยมมี ากในภาคอสี าน โดยเฉพาะจงั หวดั สกลนครซง่ึ มกั จะยอ้ มครามทเ่ี สน้ ฝา้ ย กอ่ นนำ� ไปทอ ด้วยมือให้เป็นผืน บ้างมัดหม่ีให้เป็นลวดลายก่อน แล้วจึงน�ำไปย้อมและทอมือด้วยกี่พ้ืนบ้าน เกิดเป็น ผ้ามัดหม่ีทอมือย้อมครามท่ีมีเอกลักษณ์ของแต่ละ ทอ้ งถิ่น ปจั จบุ นั มีการใช้เทคนคิ ใหม่ ๆ เชน่ การมดั ยอ้ ม การเขยี นเทยี น บาตกิ เพอื่ ให้ไดล้ วดลายและ สสี นั ทรี่ ว่ มสมัย การยอ้ มคราม แหล่งผลิตผ้าย้อมครามที่มีชื่อเสียงในจังหวัด สกลนคร ไดแ้ ก่ มารต์ โิ นท่ า่ แร่ นอกจากนต้ี ามบา้ นเรอื นของชาวครสิ ต์ บ้านถ�้ำเต่า อยู่ต�ำบลสามัคคีพัฒนา อ�ำเภอ ในชุมชนท่าแร่ จะมีการประดับไฟและต้นคริสต์มาส อากาศอำ� นวย เป็นหมบู่ ้านทม่ี ีความเป็นมายาวนาน รวมทั้งแขวนดาวไว้ตามประตูและหน้าต่างของบ้าน เนือ่ งจากมกี ารคน้ พบเตาเผาเครื่องปัน้ โบราณขนาด ทุกหลังอย่างสวยงาม ส่วนในช่วงเย็นของวันที่ ๒๔ ใหญค่ ล้ายถำ�้ เปน็ ท่ีมาของชอื่ “บา้ นถ�้ำเตา” ต่อมา ธันวาคม จะมีขบวนแห่ดาวเล็กแบบด้ังเดิม (ดาวมือ เพ้ียนเป็น “บ้านถ�้ำเต่า” ที่นี่เป็นแหล่งปลูกคราม ถือ) ของชาวครสิ ตใ์ นชุมชนท่าแร่ ขบวนแหจ่ ะเดนิ ไป และผลิตน้�ำครามใหญ่ท่ีสุดในสกลนคร และมีการ รอบหมู่บ้านและมาส้ินสุดที่อาสนวิหารอัครเทวดามี รวมกลุ่มทอผ้าย้อมคราม พัฒนาความรู้การท�ำผ้า คาแอลทา่ แร่ และในชว่ งเยน็ ของวนั ท่ี ๒๕ ธนั วาคม ซงึ่ ย้อมคราม และต่อยอดการสร้างสรรค์ผ้าย้อมคราม เป็นวันครสิ ต์มาส จะมขี บวนรถแห่ดาวใหญ่ประกวด แบบใหม่ ๆ ใหส้ อดรบั กบั ยคุ สมยั มีการสาธิต การ ดาวคริสต์มาสหลายสิบคัน จากชุมชนชาวคริสต์ใน เข็นฝ้าย การย้อมฝ้าย กิจกรรมท�ำผ้ามัดย้อมคราม สกลนครและจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง แห่ไปรอบ ๆ เทศบาล (ควรโทรนัดหมายล่วงหน้า) เลือกซ้ือสินค้าแปรรูป จากผ้าย้อมคราม สอบถามข้อมูลได้ท่ี กลุ่มแม่บ้าน เกษตรกรบ้านถ้�ำเต่า ติดต่อ : คุณธัญญลักษณ์ ทวี กติ ตพิ นั ธ์ โทร. ๐ ๔๒๑๖ ๘๐๖๗, ๐๘ ๗๘๕๘ ๘๘๒๓ 50 สกลนคร
Search