Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Description: r10

Search

Read the Text Version

TRC.AD.TMR03-16-0026 ทรงพระเจริญ ดว้ ยเกลา้ ด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าคณะผบู้ ริหาร และเจา้ หนา้ ทส่ี ภากาชาดไทย กาชาดสัมพนั ธ์ฉบบั พิเศษ

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ ทรงตอบรับคำ� กราบบงั คมทูลเสดจ็ ฯ ข้ึนทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริยส์ ืบราชสนั ตตวิ งศ์ รัชกาลที่ 10 เมอื่ วนั ท่ี 1 ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช 2559 สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ ฯ ออก ณ พระทนี่ ง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.เปรม ตณิ สูลานนท์ ผสู้ ำ� เร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วชิ ิตชลชัย ประธานสภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาติ พล.อ.ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี และนายวรี ะพล ตัง้ สุวรรณ ประธานศาลฎีกา เฝา้ ทลู ละอองพระบาท โอกาสน้ี นายพรเพชร วชิ ติ ชลชยั ประธานสภานติ ิบัญญตั แิ ห่งชาติ กราบบงั คมทลู เชิญองค์รัชทายาท เสดจ็ ฯ ขน้ึ ทรงราชย์ เปน็ พระมหากษตั รยิ ส์ ืบราชสนั ตติวงศ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชด�ำรัสตอบรับการข้ึนทรงราชย์ ว่า “ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าท่ีประธานรัฐสภาได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นไปตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทยนน้ั ขา้ พเจ้าขอตอบรับเพ่ือสนองพระราชปณธิ านและเพือ่ ประโยชน์ของประชาชนชาวไทยท้งั ปวง” 2 :: เราชว่ ยกาชาด กาชาดชว่ ยเรา ::

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร สิริกติ ยสมบูรณสวางควฒั น์ วรขตั ตยิ ราชสันตตวิ งศ์ มหิตลพงศอดลุ ยเดช จกั รีนเรศยพุ ราชวิสทุ ธิ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่ 3 ของไทย เสด็จพระราชสมภพ ณ พระทน่ี งั่ อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ เมอ่ื วนั จนั ทรท์ ี่ 28 กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช 2495 เวลา 17.45 น. พระองคท์ รงมพี ระเชษฐภคนิ ี คอื ทลู กระหมอ่ มหญงิ อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และทรงมีพระขนิษฐา คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระนามเม่ือแรกประสูติ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงต้ังพระนามถวาย ว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ บรมจกั รยาดศิ รสนั ตตวิ งศ เทเวศรธำ� รงสบุ รบิ าล อภคิ ณุ ปู ระการมหติ ลาดลุ เดช ภมู พิ ลนเรศวรางกรู กติ ตสิ ริ สิ มบรู ณส์ วางควฒั น์ บรมขตั ตยิ ราชกมุ าร” เปน็ พระมงคลนามตามพระราชตระกลู พระนาม \"วชริ าลงกรณ\" มาจาก \"วชริ ญาณ\" พระนามฉายาขณะผนวชในพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ผนวกกับ \"อลงกรณ\"์ จากพระนามในพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ในด้านการศึกษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงส�ำเร็จการศึกษาข้ันต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และโรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ จากน้ัน ทรงเข้ารับ การศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ และทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยการทหารช้ันสูงท่ีวิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ซ่ึงหลักสูตรของวิทยาลัยการทหารแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาควิชาการทหาร รับผิดชอบและดำ� เนินการโดยกองทัพบก ออสเตรเลีย นักเรียนท่ีส�ำเร็จตามหลักสูตรน้ีจะได้เป็นนายทหารยศร้อยโท ส่วนอีกภาคหน่ึงเป็นการศึกษาวิชาสามัญ ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย นิวเซาทเ์ วลล์ รบั ผิดชอบการวางหลกั สตู ร แบ่งออกเปน็ สาขาวชิ าวศิ วกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ นกั เรียนนายรอ้ ยท่ผี า่ นหลกั สตู ร ดังกล่าวจะได้รับปริญญาตรี ตามสาขาวิชาท่ีเลือกศึกษา โดยทรงเลือกศึกษาในสาขาวิชาอักษรศาสตร์ และเมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหาร แล้วทรงศึกษาตอ่ ท่ีโรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 และทรงศกึ ษาด้านกฎหมายในสาขาวชิ านิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช จากน้ัน ทรงเข้ารบั การศึกษา ณ วิทยาลยั ปอ้ งกันราชอาณาจักร เมื่อพุทธศักราช 2515 เน่ืองในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ต้ังการพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ใหด้ ำ� รงพระอสิ รยิ ยศ “สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู สริ กิ ติ ยสมบรู ณสวางควฒั น์ วรขตั ตยิ ราชสนั ตตวิ งศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จกั รนี เรศยุพราชวิสทุ ธิ สยามมกฎุ ราชกุมาร” ซึ่งคณะรฐั มนตรไี ดแ้ จ้งใหป้ ระธานสภานติ ิบัญญตั แิ ห่งชาติ ซง่ึ ทำ� หน้าทีป่ ระธาน รัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบ เม่ือวันท่ี 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งต้ัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เปน็ พระรชั ทายาทไว้ตามกฎมนเทียรบาลวา่ ดว้ ยการสืบราชสนั ตติวงศ์ พระพทุ ธศักราช 2467 แล้ว :: บรรเทาทุกข์ บำ�รงุ สุข บ�ำ บัดโรค กำ�จัดภยั :: 3

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ ธงมหาราช : ธงพระอสิ ริยยศประจำ� พระองค์พระมหากษัตรยิ ์ สมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู ทรงมพี ระมหากรุณาธคิ ุณตอ่ ปวงพสกนิกรชาวไทยอยา่ งใหญห่ ลวงย่ิง ด้วยทรงมี พระราชดำ� รัสตอบรับการกราบบงั คมทูลอัญเชิญของประธานสภานติ บิ ัญญตั แิ ห่งชาติ เพือ่ เสดจ็ ข้นึ ครองสริ ิราชสมบัติ เมือ่ วันที่ 1 ธันวาคม พทุ ธศกั ราช 2559 ยงั ความปล้มื ปิตแิ กป่ วงชนชาวไทยเปน็ อย่างย่ิง สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช วดั บวรนเิ วศราชวรวหิ าร ไดเ้ คยถวายพระธรรมเทศนาธรรมกถา ในการพระราชกศุ ลทกั ษณิ านปุ ทาน ณ พระที่น่ังอัมรินทรวินิจฉัย เน่ืองในพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เม่อื วนั พธุ ท่ี 27 ธันวาคม พทุ ธศกั ราช 2515 มคี วามโดยย่อตอนหน่ึง ว่า \"อันหมู่ชนผู้รวมกันอยู่เป็นประเทศชาติ เม่ือมีพระราชาทรงเป็นองค์พระประมุข ย่อมงดงามสง่า สมดังพระพุทธภาษิตที่ตรัสไว้ว่า ราชา มขุ ํ มนุสสฺ านํ พระราชาทรงเป็นประมุขแหง่ มนุษย์ท้งั หลาย ราชา รฏฐสฺส ปญญานํ พระราชาเปน็ ศรสี งา่ ปรากฏแห่งแคว้น” ซึง่ ปวงชนชาวไทย ได้รับท้ังพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงรับสืบพระราชสันตติวงศ์ ตอ่ จากสมเด็จพระบรมราชบุพการี เครื่องหมายแห่งองค์พระมหากษัตริย์ประการหนึ่ง คือ \"ธง\" เรียกกันว่า \"ธงพระอิสริยยศ\" หมายถึง ธงท่ีใช้หมายพระอิสริยยศของ พระมหากษัตริย์ ใช้ในการเสด็จพระราชด�ำเนิน หรือเสด็จในพิธีการต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ โดยก�ำหนดให้ธงส�ำหรับองค์พระมหากษัตริย์ ออกนามว่า \"ธงมหาราช\" รูปแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันน้ี มีก�ำเนิดข้ึนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงธงราชอิสริยยศ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 129 (พ.ศ. 2453) เปล่ียนรูปร่างลักษณะและสีของธงมหาราชใหม่ เป็นธงรูปสีเ่ หลีย่ มจตุรสั พื้นสเี หลอื ง ตรงกลางมีรูปครฑุ พา่ หส์ ีแดง (\"ครฑุ พ่าห\"์ มาจากค�ำวา่ \"ครฑุ พาหนะ\") ธงมหาราชใหมน่ ี้ มี 2 ชนิด คอื ธงมหาราชใหญ่ และธงมหาราชนอ้ ย \"ธงมหาราชใหญ\"่ ผนื ธงเป็นรูปส่ีเหล่ยี มจตุรัส พืน้ ธงสเี หลอื ง มีรปู ครุฑสีแดงอยู่กลาง \"ธงมหาราชน้อย\" ผนื ธงตอนต้นมีลกั ษณะและสเี ช่นเดยี วกบั ธงมหาราชใหญ่ แตก่ ว้างไมเ่ กิน 60 เซนตเิ มตร ตอนปลายเป็นชายต่อสีขาว แปลงเป็นรูปธงยาวเรียว ปลายสุดกว้างคร่ึงหน่ึงของตอนต้น ปลายธงตัดแฉกรูปหางนกแซงแซว ลึก 3 ใน 8 ส่วน ของความยาวผืนธง ความยาวผืนธงเป็น 8 เท่าของความยาวตอนต้น ธงนี้เม่ือใช้แทนธงมหาราชใหญ่ เป็นเคร่ืองแสดงให้ทราบว่า โปรดเกล้าฯ ใหง้ ดการยงิ สลตุ ถวายค�ำนบั เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ครฑุ เปน็ เรอื่ งราวในศาสนาฮนิ ดทู เี่ กดิ ขน้ึ กอ่ นพระพทุ ธศาสนาไมน่ อ้ ยกวา่ 500 ปี เปน็ เรอื่ งราวทเี่ ลา่ สบื ทอดตอ่ ๆ กนั มา เปน็ คติ ความเชอื่ ทมี่ มี าตัง้ แตโ่ บราณนบั เป็นพัน ๆ ปีมาแลว้ จนถงึ ปัจจุบนั นี้ น่นั คือ สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ของไทย ถอื ว่าองค์พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นองค์ สมมุติเทวราช บางต�ำรากล่าวว่าทรงเป็นอวตารของพระนารายณ์ บางต�ำราก็ว่าทรงเป็นอวตารของพระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหมรวมกัน แต่อย่างไรก็ดี ในคติที่ว่าทรงเป็นอวตารของพระนารายณ์นั้น ได้รับหลักฐานยืนยันจาก \"ธงมหาราช\" เพราะธงมหาราชจะต้องถูกเชิญขึ้นสู่ยอดเสา ในสถานที่ท่ีองค์พระมหากษัตริย์เสด็จเข้าท่ีพระบรรทมเสมอ อันตรงกับค�ำอนุญาตของพระนารายณ์ ที่อนุญาตให้ครุฑได้สถิตย์อยู่ในต�ำแหน่งท่ีสูงกว่า พระองค์ คอื โบยบินอยเู่ หนือพระเศยี รของพระองคใ์ นเวลาทพ่ี ระองค์บรรทมได้ \"ธงมหาราช\" ได้รับอัญเชิญข้ึนสู่ยอดเสา ณ พระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสัญลักษณ์ให้ปวงเหล่าพสกนิกรได้เห็นว่า สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร ไดเ้ สด็จประทับอยู่ ณ สถานท่ีน้ัน ทรงเปน็ องคส์ มมุติเทวราชอยา่ งแทจ้ รงิ แม้รถยนต์ พระท่ีนั่งก็จะเชิญธงมหาราชไว้ข้างหน้ารถ เสมือนหนึ่งว่าเสด็จพระราชด�ำเนินโดยทรงครุฑเป็นพระราชพาหนะ คนไทยทุกคนที่ได้เห็นธงมหาราช ประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดกต็ าม ย่อมมีความอบอุ่นหวั ใจ ประหนง่ึ วา่ ได้เห็นองคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ประทับอยู่ ณ ที่นน้ั สมดงั พทุ ธภาษติ ทไี่ ดเ้ ชญิ มาแลว้ ตง้ั แต่ ต้นเรอ่ื งนวี้ ่า ราชา รฏฐสสฺ ปญญานํ พระราชาเปน็ ศรสี งา่ ปรากฏแหง่ แควน้ ขอบคุณขอ้ มูล : เล่าเรือ่ ง(ของ)เมอื งไทย ตอนท่ี 5 เรยี บเรียงโดย อาจารย์เผา่ ทอง ทองเจือ 4 :: เราชว่ ยกาชาด กาชาดชว่ ยเรา ::

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ พระราชกรณยี กจิ ณ ศูนย์สภากาชาดไทย บา้ นเขาล้าน จังหวดั ตราด ในปีพุทธศักราช 2522 เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศกัมพูชา ชาวกัมพูชาจ�ำนวนมากอพยพล้ีภัยเข้ามาทางชายแดนของประเทศไทย หลายด้าน ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ระหว่างที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดลุ ยเดช แปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกงั วล หัวหิน จงั หวัดประจวบครี ีขันธ์ ทรงไดร้ บั รายงานจากเลขาธกิ ารสภากาชาดไทยวา่ ผวู้ ่าราชการจงั หวัดตราดในขณะนัน้ (นายปัญญา ฤกษอ์ ไุ ร) ได้มหี นงั สอื ติดตอ่ ขอความชว่ ยเหลอื มายังสภากาชาดไทย เร่อื งกมั พูชาที่อพยพเขา้ มาทาง ชายแดนจงั หวดั ตราด มสี ภาพทต่ี กทกุ ขไ์ ดย้ ากเปน็ อยา่ งย่งิ จังหวัดตราดไดพ้ ยายามช่วยเหลืออยา่ งเตม็ ท่ีแลว้ แตก่ ็ยังไมส่ ามารถจะช่วยเหลือไดเ้ พยี งพอ เพราะมคี วามจำ� กัดในเร่อื งเงินคา่ ใชจ้ ่าย และก�ำลังด้านบคุ ลากร อีกท้งั ยงั ไม่มีหนว่ ยงานใดมาช่วยเหลอื สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะสภานายิกาสภากาชาดไทย ได้เสด็จพระราชด�ำเนินไปทอดพระเนตร พร้อมด้วย สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อทรงให้ความช่วยเหลอื ผอู้ พยพชาวกมั พูชา เมอื่ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2522 ได้ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากเดือดร้อนเป็นที่สุดของชาวกัมพูชาที่อพยพหลบหนีภัยสงครามกลางเมือง ด้วยสภาพร่างกาย และจิตใจท่ีย�่ำแย่ อิดโรย ผ่ายผอมจากโรคขาดอาหาร โรคมาเลเรีย โรคทางเดินอาหาร และมีผู้เจ็บป่วยจ�ำนวนมาก ผู้อพยพอยู่กันอย่างแออัด ไม่มีน�้ำสะอาด ไม่มีหลังคากันแดดกันฝน ไม่มีท่ีสุขา และยังมีการยิงข้ามเขตเข้ามาในดินแดนไทยท้ังท่ีตั้งใจและยิงพลาด ท�ำให้มีการล้มตาย แขน ขาขาด และพบศพเป็นจ�ำนวนมากท่ีบริเวณนั้น ซ่ึงเป็นพื้นท่ีติดริมทะเล ยังไม่ได้รับการพัฒนา ประกอบกับมีฝนตก น้�ำท่วม จึงท�ำให้พ้ืนท่ี ทรุดโทรมมาก ท้ังติดกับเนนิ เขาทสี่ ลับซับซ้อน ถนนก็มีขนาดเล็กมาก สภาพทางภูมศิ าสตร์น่าวิตก ท�ำใหฝ้ ่ายตรงขา้ มสามารถแทรกซมึ โจมตไี ด้ :: บรรเทาทุกข์ บำ�รงุ สุข บ�ำ บัดโรค ก�ำ จัดภยั :: 5

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงรับสัง่ แกส่ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระราชทานนโยบายในการจัดการระวังป้องกัน รักษาและปกป้องชีวิตของชาวกัมพูชาท่ีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยการจัดระบบระเบียบค่ายต่าง ๆ อารักขาคุ้มครองเจ้าหน้าที่ท่ีปฏิบัติงาน พร้อมทั้งพัฒนาภูมิประเทศบริเวณนั้นให้ปลอดภัยจากการแทรกซึมโจมตี ของกมั พชู า เนื่องจากสภาพภมู ิศาสตร์ที่ไมส่ ามารถเคลอ่ื นยา้ ยคา่ ยผอู้ พยพได้ จงึ ตอ้ งมีการวางแผนตง้ั รับทกุ วิถที าง ทั้งการขุดบงั เกอร์ วางทหารปอ้ งกนั ทุกด้าน มีการจัดระเบียบโดยแบ่งเป็นโซนหมู่บ้าน เพ่ือควบคุมกลุ่มผู้อพยพท่ีมักจะมีกลุ่มพวกแทรกซึมยิงติดต่อกันกับฝั่งกัมพูชาแฝงอยู่ หน่วยท่ีเข้า ปฏิบัติการในครั้งแรก คือ หน่วยนาวิกโยธิน คอยรักษาความสงบเรียบร้อย หน่วยของทหารมหาดเล็กเข้าสมทบ มีทหารร่วมอารักขาเจ้าหน้าที่ ท่ีปฏบิ ตั งิ านอยู่ เพราะสว่ นใหญ่เจา้ หน้าท่ขี องกาชาดเปน็ ผู้หญงิ และยังมอี งคก์ ารสหประชาชาติ หรือ UN เขา้ มาช่วยด้วยอกี แรง 6 :: เราช่วยกาชาด กาชาดชว่ ยเรา ::

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ สว่ นการเดินทางไปยังคา่ ยผอู้ พยพ เดินทางโดยเคร่อื งบนิ พระท่นี งั่ ลงจอดท่ีจงั หวัดจนั ทบุรี แลว้ ต่อดว้ ยรถเขา้ ไปยงั พ้นื ท่ีอ�ำเภอคลองใหญ่ หรือ ทางรถยนตผ์ า่ นจงั หวดั ชลบรุ ี ระยอง จันทบุรี และตราด แล้วไปยงั เขาล้าน จากเขาลา้ นนงั่ รถยนตท์ ี่จงั หวัดจัดให้ไปอำ� เภอคลองใหญ่ โดยการปล่อยรถ ทลี ะคนั 5 นาที 10 นาที เพราะตอ้ งระวงั การถกู ยงิ โจมตี ในการเข้าไปพดู คุยทำ� ความเข้าใจในเรือ่ งของการทำ� งานด้านมนุษยธรรมของหนว่ ยงานกาชาด ท่ีได้ปฏบิ ตั ิภารกิจช่วยเหลือเพือ่ นมนุษยโ์ ดยไมเ่ ลอื กชนช้นั วรรณะ ลัทธิศาสนา หรืออดุ มการณท์ างการเมือง ทัง้ ในยามสงบและยามสงคราม ระหว่างที่ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ เขา้ ไปในพน้ื ทอ่ี ำ� เภอคลองใหญ่ กเ็ คยตกลงไปในบรเิ วณทฝี่ งั ศพของชาวกมั พชู า และอย่อู ยา่ งนัน้ ท้ังคืนจนกว่าจะสามารถช่วยเหลอื ขนึ้ มาได้ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงตดิ ตามการดำ� เนนิ งานของศูนยส์ ภากาชาดไทยบ้านเขาล้านอยา่ งใกล้ชดิ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหเ้ จ้าหนา้ ทีจ่ ากกองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ผลัดเวรกันไปประจำ� อยู่อีกหลายเดือน เพ่อื ดแู ลสุขภาพอนามยั และการฝึกอาชีพของผู้ อพยพอยา่ งใกลช้ ดิ และเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเยยี่ มหลายครง้ั มผี แู้ ทนจากหลายประเทศมาเยย่ี มและใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางดา้ นการเงนิ และสงิ่ ของ อยบู่ ้าง จนสถานการณข์ องประเทศกมั พชู าสงบลง และเมอื่ ปพี ุทธศักราช 2533 ศนู ยศ์ กึ ษาการอพยพ องคก์ ารสหประชาชาติ ไดข้ อพระราชทานทลู เกลา้ ทูลกระหมอ่ มถวาย “รางวัลความชว่ ยเหลือแก่ผูล้ ี้ภัย ประจ�ำปี 1990” (The Center of Migration Studies Immigration and Refugee Policy Award) เพ่อื เทดิ พระเกียรติทท่ี รงช่วยเหลอื ผลู้ ภ้ี ยั ท่ีหลัง่ ไหลเข้าส่ปู ระเทศไทยจ�ำนวนนับล้านคนตัง้ แต่ปพี ทุ ธศกั ราช 2518 เปน็ ตน้ มา ตลอดระยะเวลานับแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงพระวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นปฎิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพ่ือประเทศชาติและ ประชาชนชาวไทยโดยมไิ ด้ยอ่ ท้อ ดังปรากฎว่า ได้ทรงเจรญิ รอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการบ�ำบัดทุกข์บ�ำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ เม่ือยังทรงพระเยาว์ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถและ สมเด็จพระบรมราชชนนี ไปในการเย่ียมราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศตลอดมา จึงทรงสามารถสั่งสมพระประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านเมือง และราษฎร พระราชกรณยี กจิ ทงั้ ปวงลว้ นนำ� ความเจรญิ ไพบลู ยแ์ ละความมนั่ คงมาสปู่ ระเทศ ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราช ทกี่ ำ� เนดิ ขนึ้ จากความรกั และศรทั ธาของปวงชน ไดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ ในการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ทรงวางศลิ าฤกษ์ และทรงเปดิ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชดว้ ย พระองคเ์ องทกุ แหง่ ยงั คงความปลาบปลม้ื แกพ่ สกนกิ รเปน็ อยา่ งยงิ่ พรอ้ มทง้ั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงเยยี่ มพสกนกิ รในถน่ิ ทรุ กนั ดาร และทอดพระเนตร ถงึ ปัญหาในพื้นท่แี ละความทุกขย์ ากของพสกนิกรด้วยพระองคเ์ อง ปัจจบุ นั โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมมี ากกว่า 20 แห่งทว่ั ประเทศ “ทุกคนที่ท�ำงานให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จะต้องไม่ลืมว่าโรงพยาบาลน้ีกำ� เนิดข้ึนจากความมุ่งปรารถนาอันแรงกล้าของคนไทย ท่ัวราชอาณาจักร ที่ต้องการจะเห็นผู้ท่ีอยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่ รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้ปลอดภัยจากความเจ็บ ไข้โดยทว่ั ถงึ เสมอหน้ากัน” พระราชดำ� รัส เม่อื วันท่ี 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2529 ณ กรมทหารมหาดเลก็ ราชวัลลภรกั ษาพระองค์ :: บรรเทาทกุ ข์ บ�ำ รงุ สุข บ�ำ บัดโรค กำ�จดั ภัย :: 7

ก า ช า ด สั ม พั น ธ ์ ฉ บั บ พิ เ ศ ษ จดั ท�ำ โดย : ส�ำ นักสารนเิ ทศและส่อื สารองคก์ ร สภากาชาดไทย ตโทดิ ตราศมพัอ่าทน์ก:า0ชาด2ส2ัมพ5ัน6ธ์อ4อ0น3ไล2นแ์-ล6ะดโูฉทบบัรยส้อานรห:ลัง0ได2ท้ 2่ี w5w5w.3re7dc2ro7ss.or.th/ebook


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook