เปิดพระราชนิพนธ์ แรก ฉบับเต็ม พระราชนพิ นธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว ‘เมอ่ื ขา้ พเจา้ จากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์’ เปน็ พระราชนิพนธแ์ รกท่ีพระราชทานแก่ วงวรรณคดี อันเป็นบันทึกความทรงจา หลังจากที่ ทรง ‘รับ’ คากราบบงั คมทูลอญั เชญิ ขึ้นสืบสนั ตตวิ งศไ์ อศวรรย์สมบตั ิแลว้ จาตอ้ งเสด็จฯ กลบั ไป ทรงศกึ ษาตอ่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๙ นับถงึ วันนพี้ ระราชนิพนธ์ฉบบั น้ีมอี ายคุ รบ ๗๐ ปีเตม็ บรบิ รูณแ์ ลว้ ถือเป็นงานทรงคุณค่าสงู สดุ อีก องค์หนึ่งท่ีพระองค์ท่านได้พระราชทานไว้แกป่ วงชนชาวไทย
ในการนีแ้ พรวขอน้อมอัญเชิญมาเผยแพรอ่ ีกครง้ั อยา่ งครบถ้วนทุกถอ้ ยความและสะกดตามตน้ ฉบับ เพือ่ เปน็ การน้อมสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอนั หาทสี่ ุดประมาณมิได้ เมอ่ื ขา้ พเจ้าจากสยามมาูสส่ วิตเซอรแ์ ลนด์ “วงวรรณคด”ี ไดข้ อรอ้ งให้ข้าพเจา้ เขียนเรือ่ งเลก็ ๆ น้อยๆ ท่ถี นดั ลงในหนงั สอื นน้ี านมาแล้ว อนั ที่ จริงข้าพเจ้ากไ็ มใ่ ชน่ กั ประพนั ธ์ เมอ่ื อยโู่ รงเรียน เรยี งความและแต่งเรอ่ื งก็ทาไม่ได้ดนี ัก อยา่ งไรก็ดี ข้าพเจ้าก็ปรารถนาทจี่ ะสนองความตอ้ งการของ “วงวรรณคดี” อยู่บ้าง และเนื่องด้วยไมส่ ามารถท่ี
จะเขยี นเรอื่ งท่ีข้าพเจ้ารู้บ้าง เชน่ ดนตรี ศลิ ป วิทยาศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ กฏหมาย ฯลฯ ได้ เพราะ ไมม่ ีความรใู้ นเร่ืองเหล่านี้ดีพอ ฉะนนั้ จงึ ตกลงใจ สง่ บันทึกประจาวนั ท่ีเขียนไว้กอ่ นและระหว่างวัน เดินทางจากสยามสู่สวิทเซอรแ์ ลนดม์ าให้ และในโอกาสนี้ จึงขอขอบใจเปน็ การสว่ นตวั ต่อทกุ ๆ คน ทีม่ าถวายความจงรกั ภักดที ีม่ ีต่อสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธิราชของข้าพเจ้า ณ พระมหาปราสาท ตลอดจนความปรารถนาดีท่มี ตี อ่ ตวั ข้าพเจ้าเอง กับขอขอบใจเหลา่ ทหารและเจา้ หน้าท่ีผู้ปฏบิ ัติการ ดว้ ยความจงรักภกั ดตี อ่ ตัวเราทัง้ สองด้วย วนั ท่ี ๑๖ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ อกี สามวนั เทา่ นนั้ เราก็จะต้องจากไปแล้ว ฉะนนั้ จึงต้งั ใจจะไปนมสั การพระพทุ ธชนิ สีห์ทวี่ ัดบวร นิเวศนว์ หิ าร รวมท้งั สมเด็จพระสงั ฆราชดว้ ย เมอื่ ไปถึงวดั บวรนิเวศน์วหิ ารตอนบ่ายวันนี้ มีประชาชนผรู้ ู้วา่ ข้าพเจ้าจะมา มายืนรออยู่บ้าง แตไ่ ม่สู้ มากนกั เขา้ ไปในพระอโุ บสถ จดุ เทียนนมสั การ ฯลฯ แลว้ ไดม้ ีโอกาสทูลปฏสิ ันถารกับสมเด็จ พระสงั ฆราช ทรงนาพระสงฆ์ท่มี สี มณศกั ด์สิ งู มาใหร้ ู้จกั โดยปรกติได้เคยเห็นหน้าทา่ นเหล่านม้ี าจน ชนิ แลว้ ทรงนาขึ้นไปนมัสการพระสถปู บนนน้ั มพี ระพุทธรูปสาคัญองคห์ นึ่งประดิษฐานอยู่ ช่ือ พระ ไพรีพนิ าศ พระองค์นีเ้ คยทรงเลา่ ประวัตใิ หฟ้ ังมาก่อนหนา้ นี้แล้วหลายวัน หลงั จากนน้ั ก็นมัสการลา. ตอนนม้ี ีราษฎรชมุ นุมกันหนาตาข้ึน ต่างก็ยดั เยียดเบียดเสยี ดกันจนรูส้ ึกเกรงไปวา่ รถทนี่ ั่งจะมาทับ ใครเข้าบ้าง ชา่ งเคราะหด์ ีแท้ๆ ทไ่ี ม่มีอันตรายใดเกิดขนึ้ แก่ประชาชนทม่ี าน้ันเลย ในหมูป่ ระชาชน ท่ีมารอรบั อย่วู ันน้ี จาไดว้ ่า มีบางคนเคยเห็นท่พี ระมหาปราสาทเป็นประจามิได้ขาด ไม่รูว้ ่าหาเวลา มาจากไหน จงึ ไปที่พระมหาปราสาทได้เสมอเกอื บทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี และวนั อาทติ ย์ พวกนี้ก็ มาท่วี ัดนีด้ ว้ ยเหมือนกนั . วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙
เกบ็ ของลงหบี และเตรียมตัว... วนั ท่ี ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เราจะตอ้ งจากไปในวนั พรุ่งนีแ้ ลว้ ! อะไรก็จดั เสรจ็ หมด หมายกาหนดการก็มีอยู่พร้อม... บ่ายวันน้ี เราไปถวายบังคมลาพระบรมอฐั ขิ องพระบรมราชบุพพการีของเรา ทงั้ สมเดจ็ พระมหากษตั รยิ แ์ ละ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ีในรัชกาลก่อน ๆ แลว้ ก็ไปถวายบงั คมลาพระบรมศพ เราต้องทูลลาให้เสร็จใน วันน้ี และไม่ใชพ่ รุง่ นตี้ ามทไ่ี ดก้ ะไว้แตเ่ ดมิ เพื่อจะรีบไมใ่ ห้ชกั ชา้ เพราะพรุ่งนี้จะไดม้ ีเวลาแลน่ รถช้า ๆ ใหร้ าษฎรเห็นหน้ากนั โดยทวั่ ถึง เมือ่ ออกจากพระที่นัง่ ไพศาลทักษณิ มายงั พระทนี่ ัง่ อมรินทรวนิ ิจฉยั ผ้คู นอะไรชา่ งมากมายเช่นน้นั เมอ่ื วานนี้เจ้าหน้าท่ีไดเ้ ข้ามาถามว่า จะอนญุ าตให้ประชาชนเขา้ มาหรือไม่ในขณะทไี่ ปถวายบงั คม พระบรมศพ ตอบเขาว่า “ให้เข้ามาซิ” เพราะเหตวุ ่า วันอาทิตย์เปน็ วันสาหรับประชาชน เปน็ วนั ของเขา จะไปห้ามเสียกระไรได้ และยิง่ กว่าน้ันยงั เป็นวันสุดท้าย กอ่ นที่เราจะจากบ้านเมืองไปด้วย ขา้ พเจ้ากอ็ ยากจะแลเหน็ ราษฎร เพราะกว่าจะได้กลับมาเห็นเช่นน้กี ็คงอกี นานมาก... วันน้ีพวก ทหารรักษาการณก์ นั เต็มท่ี เพอ่ื กันทางไวใ้ ห้รถแลน่ ไดส้ ะดวก ไม่เหมอื นอย่างเมื่อวันที่ ๑๕ สงิ หาคม ท่ีมากันคน ช้าเกินไป... วันท่ี ๑๙ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ วนั นีถ้ งึ วันที่เราจะต้องจากไปแล้ว... พอถึงเวลาก็ลงจากพระทีน่ ง่ั พร้อมกับแม่ ลาเจา้ นายฝ่ายใน ณ พระทนี่ ่ังชัน้ ลา่ งนนั้ แล้วกไ็ ปยงั วัดพระแกว้ เพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภกิ ษสุ งฆ์ ลา เจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝร่ัง แล้วกไ็ ปขึน้ รถยนต์ พอรถแล่นออกไปได้ไมถ่ ึง ๒๐๐
เมตร มหี ญงิ คนหน่งึ เขา้ มาหยดุ รถแล้วสง่ กระปอ๋ งให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไมแ่ นใ่ จวา่ จะมอี ะไร อยู่ในน้ัน บางทจี ะเป็นลกู ระเบดิ ! เม่ือมาเปิดดูภายหลังปรากฏวา่ เปน็ ทอฟฟี่ท่ีอรอ่ ยมาก ตามถนน ผู้คนชา่ งมากมายเสียจริง ๆ ที่ถนนราชดาเนินกลาง ราษฎรเขา้ มาใกลจ้ นชดิ รถที่เราน่งั กลัว เหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทบั ขาใครเขา้ บ้าง รถแลน่ ฝา่ ฝูงคนไปได้อยา่ งชา้ ท่ีสดุ ถึงวดั เบญจมบพติ ร รถแล่นเรว็ ขึน้ ไดบ้ ้าง ตามทางที่ผา่ นมา ได้ ยนิ เสยี งใครคนหนง่ึ รอ้ งขึ้นมาดงั ๆ วา่ “อย่าละท้ิงประชาชน” อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้า ประชาชนไม่ “ทง้ิ ” ขา้ พเจา้ แลว้ ข้าพเจ้าจะ “ละทิ้ง” อยา่ งไรได้ แตร่ ถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสยี แล้ว
เมอื่ มาถึงดอนเมอื ง เห็นนิสิตมหาวทิ ยาลัยผู้จงใจมาเพื่อสง่ เราให้ถงึ ที่ ได้รับของทีร่ ะลกึ เป็นรูป เครือ่ งหมายของมหาวิทยาลัย ๑๑.๔๕ นาฬกิ าแล้ว มีเวลาเหลอื อกี เล็กนอ้ ยสาหรับเปลีย่ นเครือ่ ง แต่งตวั ทส่ี โมสรนายทหาร ต่อจากนั้นก็ไปขึ้นเครอ่ื งบิน เดินฝา่ ฝูงคนซึ่งเฝ้าดูเราอยจู่ นวาระสดุ ท้าย. เมอื่ ข้ึนมาอยู่บนเคร่ืองบินแลว้ กย็ ังมองเหน็ เหลา่ ราษฎร ไดย้ นิ เสียงไชโยโห่รอ้ งอวยชัยให้พร แต่เม่ือ คนประจาเคร่อื งบนิ เร่มิ เดินเคร่ืองทีละเครื่องๆ เสียงเคร่ืองยนต์ดงั สนัน่ หว่ันไหวกลบเสยี งโหร่ ้อง ก้องกงั วานของประชาชนทด่ี ังอยหู่ มด พอถึง ๑๒ นาฬิกา เราก็ออกเดนิ ทาง มาบนิ วนอยู่เหนือพระ นครสามรอบ ยงั มองเห็นประชาชนแหงนดเู ครื่องบนิ ท่ัวถนนทกุ สายในพระนคร. บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกมุ่งตรงไปยังเกาะลังกา (ซลี อน) เสยี งเครอ่ื งบินสนั่นหนวกหู หากผใู้ ด อยากจะพดู ก็จะตอ้ งตะโกนออกมาใหส้ ุดเสียง ดงั นัน้ จึงไม่มีใครพดู เลย ทางทด่ี ที ่ีสุดที่พึงทาคอื หลบั ตาเสียแลว้ นงิ่ คิด... แปลกดเี หมือนกนั ทใ่ี จหวนไปคดิ ว่า เพียงช่ัวโมงเดยี วท่ผี ่านมาเมอื่ ตะกีน้ ี้ เอง เรายังห้อมล้อมไปด้วยประชาชนชาวไทยแตเ่ ดีย๋ วนีเ้ ล่า เรากาลังเหาะอยเู่ หนอื ท้องทะเลอนั กว้างใหญ่ไพศาล แม้จะมีเสียงเครอ่ื งยนต์ ก็ดเู ปน็ เหมอื นเงยี บ และนิ่งอยกู่ ับที่ เพราะเสยี งทุกๆ เสยี งจากส่ิงมชี วี ิตได้จางหายไปหมดแลว้ และกาลังชินกบั เสียงครางกระห่ึมของเครอื่ งยนต์นั้น หวน กลับไปนกึ ดูเมอื่ ๙ เดือนที่แลว้ มา เรากาลงั บนิ ไปในทศิ ทางตรงกันขา้ ม เพอ่ื จะเย่ียมเยียนประเทศ หนง่ึ เย่ยี มอาณาประชาชนทเ่ี ราต้องพลัดพรากจากมาถึง ๗ ปีเต็มๆ โดยทเี่ ราเกือบไม่ร้เู รอ่ื งและข่าว คราวของบ้านเมอื งและประชาชนของเราเลยแมแ้ ต่นอ้ ย... เดย๋ี วน้เี รากาลังบนิ จากประเทศน้ัน จาก ประชาชนพลเมอื งเหล่านั้นไปแล้ว การจากครงั้ นี้มไิ ดเ้ พียงแตจ่ ากมาอยา่ งเดียวเท่าน้ัน ข้าพเจ้าได้ จากเรอื่ งทล่ี ่วงแล้วมาด้วย... สจ๊วตเขา้ มาขัดจงั หวะเสีย ทาให้ความคดิ ทก่ี าลงั เพลดิ เพลนิ จางไปเสีย จากสมอง เขานาอาหารกลางวันทีม่ ีรสกลมกลอ่ มเขา้ มาให้ การเดินทางในระยะตอ่ มาช่างเปล่า เปล่ียวเสยี จรงิ ๆ ส่งิ ที่มองเห็นในเบื้องหนา้ ไม่มีอะไรเสียเลย นอกจากท้องทะเลเขียวครามอันแสน ลึก นานๆ จะแลเห็นเกาะบา้ งเปน็ ครัง้ คราว เรามาถงึ เมืองเนแกมโบ (Negambo) ใกล้ๆ กับโคลัมโบ เมอื งหลวงของเกาะลังกา ภายหลงั จากที่ ได้บินมาเป็นเวลานานถึง ๘ ชว่ั โมงกับ ๑๕ นาที เด๋ยี วน้ี ๑๘.๔๕ นาฬกิ าตามเวลาของลงั กาแลว้ เมือ่ เทียบเวลาที่กรงุ เทพฯ ทีน่ ่ีช้ากว่า ๑ ชวั่ โมงกับ ๓๐ นาทีพอดี.
ขา้ หลวงประจาเกาะลงั กาคือ เซอรย์ อห์น เฮาเวริ ด (Sir John Howard) ได้เดนิ ทางจากโคลมั โบมา เพ่อื ตอ้ นรับเราขา้ พเจา้ ข้ึนนง่ั รถยนต์มที ่านข้าหลวงตามมาดว้ ย สว่ นแม่นั้นไปกับภรรยาของเขา ระยะทางจากสนามบิน ไปยงั จวนขา้ หลวงในเมอื งโคลัมโบตอ้ งน่ังรถไปราว ๓๐ นาที อนั เป็นระยะ ที่กาลงั สบายและมีโอกาสไดช้ มภูมปิ ระเทศตามถนน – ตามที่เห็นมาดว้ ยตา และตามคาบอกเล่า ของเซอร์ยอหน์ เฮาเวริ ด รู้สกึ ว่าเกาะลังกาน้ีช่างละม้ายคลา้ ยคลึงกับเมอื งไทยเราเสียจริงๆ เปน็ เมอื งท่อี ดุ มดี และดกู ็งามตา ประชาชนกส็ ุภาพและมีนิสัยดี เหตุท่ีทาให้เหมือนมากน้ีขอ้ สาคญั อยู่ที่ นับถอื ศาสนารว่ มกนั กบั ไทยเรา. พอมาถงึ จวนขา้ หลวง กต็ รงเข้าหอ้ งพกั เป็นหอ้ งกว้างและสบาย ทน่ี ่ีไม่ค่อยร้อนเหมือนเมอื งไทย ทัง้ ไมม่ ยี ุงด้วย ฉะนนั้ จึงไม่จาเป็นต้องมมี งุ้ เราไดพ้ ักผ่อนช่วั ครู่ภายหลังทีไ่ ด้เดนิ ทางมาอย่างเหน็ด เหนื่อย หยู ังอ้ืออย่เู พราะเสียงเครอื่ งบนิ กินขา้ วมอ้ื เยน็ กบั ข้าหลวง และรู้สกึ ดีใจเหลอื เกนิ ที่ได้หลับ นอนตามสบาย เพราะร่งุ เช้าพรุ่งนจ้ี ะตอ้ งบินต่อไปยงั เมอื งการาจ.ี วนั ท่ี ๒๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เวลา ๘.๓๐ นาฬกิ า ก่อนทีจ่ ะออกเดินทาง เราไปที่วดั ในพระพทุ ธศาสนาแหง่ หนึ่งที่อยู่ในเมือง เขา้ ไปในโบสถแ์ ลว้ จุดเทยี น (เทยี นไขเราดๆี นี่เอง) เอาดอกไม้ทขี่ า้ หลวงจดั มาให้บูชาพระ สมภารเจ้า วดั น้ี เปน็ คนคนเดยี วกนั กับท่ีไดเ้ คยต้อนรับเราเมื่อคราวมาเท่ียวท่ีแล้ว ที่วดั น้ีเองเม่ือ ๘ ปมี าแล้ว พชี่ ายของข้าพเจ้าได้มาปลูกต้นจันทน์... บนแทน่ ท่ีบูชายังมรี ูปถ่ายเปน็ รปู พีท่ ี่เคยมาดว้ ยกนั กาลัง ตั้งท่าปลูกอยู่ทีเดยี ว สมภารไดน้ าเราไปยังตน้ จนั ทน์ต้นน้ัน คาดว่าจะใหญ่โต แตด่ ไู มเ่ จริญงอกงาม เสยี เลย สงู ยังไมเ่ กนิ สองฟุต. เมอ่ื ออกมาจากวดั มีประชาชนกลมุ่ หนง่ึ มาคอยเฝ้า บางคนยกมือขน้ึ ไหวอ้ ยา่ งไทยๆ เรา บางคนตบ มือ บางคนตะโกนออกมาดว้ ยความพออกพอใจ มาถงึ สนามบินเวลาประมาณ ๙.๐๐ นาฬกิ า เราลา
ขา้ หลวงและภริยาผู้มอี ัธยาศยั สภุ าพออ่ นโยน และใหค้ วามเออื้ เฟอ้ื ต่อเราเป็นอยา่ งดี แล้วข้นึ เครอ่ื งบนิ จากมา. การเดินทางเป็นไปอยา่ งปกติ สจ๊วตนาอาหารมาให้เรากินตามเวลามิไดข้ าด บางที่ก็ไดร้ บั รายงาน จากนักบิน แสดงด้วยแผนที่ ให้เหน็ ว่า เดยี วนี้เราอยู่ตรงไหน บางทกี ร็ ายงานอากาศที่เราจะต้อง ประสบในเบื้องหนา้ ตลอดจนความเร็ว และระยะสูงของเคร่ืองบิน ฯลฯ เป็นการเดนิ ทางท่ีสะดวก และสบายด.ี ในตอนจวนจะถึงอากาศไมส่ ูด้ เี หมอื นที่แลว้ มา เพราะมรสุมกาลังตั้งเค้า แต่เรากาลังจะถงึ การาจีอยู่ แลว้ เพราะเครือ่ งบินบนิ เรว็ ทาเวลาได้ดมี าก เมือ่ บินอยูเ่ หนือเมือง มองดูรอบๆ ลกั ษณะเป็น ทะเลทรายเราดีๆ นี่เอง ช่างไม่มีชีวิตจิตใจเสียเลย ที่ต้ังเปน็ เมืองข้นึ ได้ กเ็ พราะเปน็ ท่าเรอื ใหญ่ อยู่ ในทาเลท่ีเหมาะ เครอื่ งบินลงถงึ พืน้ ดินเมื่อเวลา ๑๗ นาฬกิ า บินมาได้ ๘ ชวั่ โมง มีพวกข้าราชการ มาคอยรบั อยู่ ข้ึนรถตรงไปศาลาว่าการของรัฐบาลเป็นแขกของข้าหลวงเชน่ เดยี วกับทเี่ กาะลงั กา. พรุง่ นเ้ี ราจะตอ้ งบินเป็นระยะทางไกล ฉะนน้ั จึงอยากจะนอนแตห่ ัวคา่ สักหน่อย แตว่ า่ ตอ้ งกินข้าว กบั ข้าหลวงและคณะ จาต้องสนทนาปราศรยั เร่อื งท่ีไม่มเี รื่องเหมือนทพ่ี วกฝรั่งนิยมกัน กวา่ จะได้ พกั ผอ่ นหลับนอนก็เกอื บสองยาม เราเพลยี มาก รู้สกึ วา่ หลบั ได้อยา่ งง่ายดาย. วนั ที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙
จากศาลาว่าการรัฐบาลไปสนามบิน รถว่งิ ๒๐ นาที ผ่านเขา้ ไปในย่านการค้าในเมือง มขี ้อท่นี ่าสนใจ และพึงสงั เกตอยู่บ้างคือ พบคนนอนหลับอย่างสบายอยูข่ ้างทางและตามประตู พวกท่ีตืน่ ลกุ ข้นึ ลา้ ง หน้าท่ีท่อน้าใกลๆ้ กบั ท่นี อน และเขาทากนั อย่างน้ี ในบรเิ วณทมี่ ตี กึ รามตามแบบสมัยใหม่ในย่าน การค้าเชน่ นั้น!
ประชาชนพลเมืองเหล่าน้ีแต่งกายด้วยเสือ้ ผา้ ท่ขี าดวิ่น สีของเสื้อผา้ นั้นขาวหรือกค็ งต้องเป็นสีขาว มากอ่ น ที่มาแลเหน็ เป็นสีเทาไปมากกวา่ สขี าวนั้น ก็เพราะระคนปนไปกับฝุ่น นอกจากนี้ยงั ได้เห็น ววั ศักดส์ิ ทิ ธเิ์ ดินทอ่ งเทย่ี วหาอาหารอยูต่ ามทอ้ งถนนหลวง จะไปไหนมาไหนไมม่ ีใครกล้าจะขบั ไล่ ไม่ว่าจะเกิดหวิ ข้ึนมาเม่ือไร พบรา้ นขายผกั ก็เดินเขา้ ไปเลอื กกนิ ไดต้ ามใจชอบ สว่ นเจ้าของร้านนัน้ เมือ่ ววั เข้าไปก็ถอื วา่ เปน็ มงคล... ถงึ สนามบนิ เวลา ๘.๓๐ นาฬกิ า และออกบนิ ในทันทีที่มาถงึ เครือ่ งบนิ บ่ายหัวตรงไปสู่ท้องทะเล ด้วยอัตราความเร็ว ๓๒๐ กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง ท้องฟ้าแจม่ กระจ่าง จนสามารถมองเห็นเรอื หาปลา เลก็ ๆ ในท้องทะเลได้ถนัด ทง้ั ๆ ทีบ่ นิ อยู่สูงถงึ ๒,๕๐๐ เมตร ขา้ พเจา้ ชอบเดนิ ไปท่ๆี นักบินขบั บ่อยๆ และนัง่ ลงขา้ งๆ ตรงท่ีน่ังของนกั บนิ สารอง ชา่ งมีเครื่องบังคบั หลายอยา่ งเสยี จริงๆ บงั คบั ปีก บงั คบั ใบพดั เครื่องยนต์ ถงั น้ามัน และอื่นๆ อีกมาก ในตอนตน้ ๆ ออกจะงงๆ แต่นักบนิ เปน็ คนทส่ี ุภาพ มาก ไดพ้ ยายามชีแ้ จงให้เขา้ ถึงเครอ่ื งทกุ ๆ ส่วนทีม่ ีอยู่ ทีข่ อ้ มอื นกั บนิ สงั เกตเหน็ วา่ ผูกนาฬกิ าไวถ้ ึงสองเรอื น เรอื นหน่ึง ๖ นาฬกิ า อกี เรอื นหนง่ึ ๔ นาฬกิ า แตข่ องเราเองเป็น ๙.๓๐ นาฬกิ า เขาอธิบายให้เข้าใจว่า ๔ นาฬิกาน้ัน เป็นเวลาท่ีกรีนิช (Greenich) ๖ นาฬิกาน้ัน เปน็ เวลาท่กี รงุ ไคโรที่เรากาลังจะไป และ ๙.๓๐ นาฬิกาน้นั เปน็ เวลาทกี่ า ราจี เราจะไปไคโรจงึ เลอื่ นเขม็ ถอยหลังกลับไปสามช่ัวโมงครง่ึ . ราวๆ เทย่ี งเราบนิ อยู่เหนือทะเลทรายอาหรบั มีหลุมอากาศหลายแหง่ ฝรงั่ เรยี กว่า \" bumps\" เปน็ ลมสูงข้ึน เกดิ จากความร้อนของทรายจากเบอ้ื งล่างทถี่ ูกพระอาทิตย์แผดเผา หลุมอากาศเหลา่ นี้มี อย่ตู ลอดทาง กระท่งั ผา่ นพ้นเขตต์ของทะเลทรายนั้นไป คือราว ๑๔.๓๐ นาฬิกา การผ่านหลมุ อากาศ วับๆ หวาๆ เช่นน้ไี มม่ ีความสบายเลย และความไม่สบายใจท่ีทวีขนึ้ เมอื่ พวกประจา เครื่องบนิ เล่าใหฟ้ ังว่า หากเราจาเป็นต้องร่อนลงยังท้องทะเลทรายน้ีแลว้ ออกจะนา่ วิตกอยมู่ าก ที่ ชาวพืน้ เมืองเบ้ืองล่างน้ี มิค่อยจะเปน็ มติ รทด่ี ีของคนแปลกหน้านัก.
ล่วงไปอีกชัว่ โมงหน่ึงก็ผา่ นคลองสเุ อซ กาลงั มเี รือแล่นเข้าคลอง มีเรอื รบขนาดหนักลาหนง่ึ จอดอยู่ ท่ีนน่ั ขนาดของเรอื ลานี้เห็นจะหนักกวา่ เรอื ศรอี ยธุ ยา ประมาณ ๑๖ เท่า แม้กระนัน้ มองดชู า่ งเล็ก เสยี เหลอื เกนิ เมอื่ เทียบกับความกว้างใหญไ่ พศาลของทอ้ งทะเลและความเว้ิงว้างของทะเลทราย อนั มหมึ านน้ั . เรามาถงึ สนามบนิ อัลมาซ่า (Almaza) ใกล้ๆ กับกรุงไคโร หลังจากท่ีทาการบนิ มาแลว้ เป็นเวลา ๑๑ ช่ัวโมง ๔๕ นาที เราเหนด็ เหน่ือยเพราะถูกรบกวนดว้ ยเสยี งสนน่ั หวนั่ ไหวของเครื่องบนิ ดว้ ยหลมุ อากาศ และด้วยความสนั่ สะเทือนของเครอื่ งยนต์ ทาเอาเรางงไปหมด... เราไปพกั อยู่ ณ โรงแรมท่ดี แี ห่งหนงึ่ และได้พกั ผอ่ นอยา่ งสขุ สาราญ ในตอนเย็นสมหุ พระราช มณเฑียรของพระเจ้าฟารุคไดเ้ ชญิ พระราชปราศรัยของพระองค์มา ขา้ พเจา้ กไ็ ด้สนองพระราช อธั ยาศยั ไปตามสมควร นอกประตูของหอ้ งเรา มีตารวจอยี ิปต์ยนื ยามอยู่ ทง้ั น้ีเพราะรัฐบาลอียิปต์ ไดจ้ ดั ไว้เพอื่ ความปลอดภยั ของเรา. กรงุ ไคโรเปน็ เมอื งใหญ่ที่เต็มไปดว้ ยตึกสมยั ใหม่ แตเ่ บอ้ื งหลังของตึกเหล่านี้ มบี ้านกระจอกงอกง่อย อยูเ่ ปน็ อนั มาก บ้านเหล่านี้เป็นที่อยู่ของคนจน เลีย้ งเปด็ เลี้ยงไก่และสัตวอ์ นื่ ๆ อกี ตามถนน รถราง กเ็ ต็มไปดว้ ยผ้คู นเบยี ดเสียดยดั เยยี ดหอ้ ยโหนกนั จนไม่มีท่วี า่ ง และลว้ นแต่แต่งกายด้วยเส้ือผ้าปปุ ะ ไม่มีชน้ิ ดี เปน็ ผู้ชายท้ังนัน้ เกอื บไม่มีผหู้ ญงิ ปะปนอยดู่ ้วยเลย คล้ายๆ กับท่ีการาจีอย่มู าก ผู้คนหลับ อยา่ งแสนสบายตามสนามหญา้ ข้างถนน รถยนตม์ ีมาก แต่เปน็ รถรบั จ้างท่ีขบั กันอยา่ งเร็วปรื๋อ โดยมาก. วนั ท่ี ๒๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ คนื น้ีสบายดีแท้ ถ้าไมค่ านึงถงึ เสยี งท่ีมาจากโรงหนังใกล้ๆ ทพี่ กั กนิ อาหารเช้าแล้วก็ออกเดนิ ทางไป สนามบนิ ดว้ ยรถยนต์ สมุหพระราชมณเฑยี รของพระเจา้ ฟารคุ มาส่งและเชญิ พระพรให้เดนิ ทาง
โดยสวสั ดขี องพระองค์มาประทาน... ข้าพเจา้ ตอบขอบพระราชหฤทัยและขอให้นาความไปทูล ขอให้ทรงพระเจรญิ สขุ กับขออานวยพรให้ประชาชนพลเมอื งของพระองคม์ คี วามสุขสาราญด้วย. รอบๆ เครือ่ งบินมีตารวจอยี ิปต์รกั ษาการณ์อยอู่ ย่างกวดขนั ยงิ่ นกั เวลา ๘.๑๕ นาฬิกา เรมิ่ ออก เดนิ ทาง ตอ่ มาอกี ๔๐ นาที กผ็ ่านเมอื งอเลก็ ซานเดรยี เมอื งท่าใหญท่ ่ีสุดของอียปิ ต์ วันนีต้ ้องบินถึง ๙ ชวั่ โมง กับ ๕๐ นาที จะถงึ กรงุ เจนีวาราวๆ ๑๗.๐๕ นาฬกิ า.
ไม่นา่ จะเปน็ ไปได้เลย เมอื่ สามวันทีแ่ ลว้ เรายังอยเู่ มืองไทย และวนั น้ีเราจะถงึ สวิทเซอรแ์ ลนดแ์ ล้ว ระยะทางตงั้ ๑๐,๐๐๐ กิโลเมตรกวา่ ... เวลากว่า ๑๕.๐๐ นาฬกิ า เราตอ้ งบินฝา่ กระแสลมอันแรง ทาให้เครื่องบนิ ตอ้ งช้าลง และช้าไปกวา่ กาหนด ๑๕ นาที เม่ือเวลา ๑๖ นาฬิกา ช้ามากขึ้นอกี เปน็ ๔๕ นาที เรากาลังบินอยเู่ หนือทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น บางเวลาก็แลเหน็ เกาะต่างๆ เกาะใหญ่ ท่ีสุด คือ เกาะซารดิเนียและคอร์ซิกา กวา่ จะแลเหน็ ฝ่ังก็ ๑๖.๔๐ นาฬิกา เป็นชายฝง่ั ของฝรั่งเศส อีกชว่ั โมงเดยี วเท่านั้น เราจะถึงสวิตเซอรแ์ ลนด์แลว้ ... จากขอบฟ้าสลวั ๆ ท่ีบดบังดว้ ยเมฆหมอก แล เห็นเมืองๆ หนงึ่ อยู่ริมทะเลสาบใหญ่ เรากาลงั มุง่ หน้าไปสู่เมอื งนน้ั ๆ คือ เมอื งเจนีวา อันเป็นท่ีหมาย ปลายทางทเี่ รามาด้วยเครื่องบนิ และเราจะตอ้ งจากพวกประจาเรือไป คนประจาเหล่านี้เปน็ คนทดี่ ี ตอ่ เรามาก ไดใ้ หเ้ ครอื่ งถมเปน็ ท่รี ะลกึ บินอยู่รอบเมอื งรอบหนึ่งแล้วกร็ อ่ นลงสู่พ้ืนดินเมื่อเวลา ๑๗.๕๕ นาฬกิ า. อธบิ ดีกรมพธิ กี ารแหง่ รัฐบาลสวสิ ไดม้ ารบั รองในนามของรฐั บาล และแนะนาใหร้ ้จู ักกับบรรดา ข้าราชการท่ีมารบั นกั เรยี นไทย อคั รราชทตู ไทย และขา้ ราชการไทยกพ็ ากนั มารับด้วย รัฐบาลสวสิ จัดรถยนต์ไวส้ ง่ เราถงึ เมืองโลซานซงึ่ อยูห่ ่างจากเจนวี าไปราว ๖๐ กโิ ลเมตร. อธิบดกี รมพิธกี ารและอัครราชทตู ไทยนง่ั รถไปกบั ข้าพเจ้าด้วย อธิบดีกรมพิธีการไดเ้ ล่าใหฟ้ งั ว่า รัฐบาลสวสิ มคี วามยินดนี ักทีข่ า้ พเจ้าเลือกมาอยูแ่ ละมาศกึ ษาที่สวติ เซอรแ์ ลนดน์ ี้ บอกเขาว่าชอบ ประเทศนี้มาก เขาได้ชีช้ วนให้ชมสถานทีต่ า่ งๆ ที่ผา่ นมา โดยคิดว่า ข้าพเจ้าไม่รูจ้ ัก และรสู้ ึก ประหลาดใจมากเมือ่ ไดท้ ราบวา่ ขา้ พเจา้ รู้จกั สถานท่ีเหลา่ นี้เป็นอยา่ งดเี พราะอยู่ทน่ี ีม่ าถึง ๑๔ ปีเศษ แลว้ เขารับสารภาพว่าเขาเพ่ิงเข้ามารบั หน้าท่ีใหม่ และเพิง่ มาจากอเมรกิ าใต้ แลว้ เรากค็ ยุ กันถงึ เรอ่ื งอนื่ ๆ ตอ่ ไป ไดท้ ราบต่อมาวา่ เขาเป็นคนชอบศึกษาเรอ่ื งราวของชาวตะวนั ออกและ พระพุทธศาสนาดว้ ย. พอถงึ “วิลลาวฒั นา” เขาก็ลากลบั อานวยพรใหเ้ รามคี วามสุขความเจรญิ ขา้ พเจ้าจงึ ขอให้เขานา คาขอบใจของข้าพเจ้าไปแจ้งตอ่ ทา่ นประธานาธบิ ดี พรอ้ มทงั้ คาอวยพรเพอ่ื ความเจรญิ ร่งุ เรืองของ ประเทศน้นั ดว้ ย.
เรากลับถึงโลซานแลว้ ... ไม่ช้าข้าพเจา้ จะต้องเข้าเรียนตอ่ ไป... (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดลุ ยเดช Cr : praew.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: