ผักคะน้า (Chinese kale) เปน็ ผกั ท่นี ยิ มรับประทานมากในปจั จุบัน นยิ มรับประทานทง้ั ลาต้น และใบ ดว้ ยลักษณะมี รสหวาน และกรอบ ไม่มีกลิน่ เหม็นเขยี ว มักใชป้ ระกอบอาหารจาพวกผัด และทอด เปน็ ส่วนใหญ่ ผักคะน้า ชาวจนี จะเรียกว่า ไกห่ ลนั ไช่ เป็นผกั ลม้ ลกุ อายปุ ระมาณ 2 ปี มีต้ากาเนิดมาจากประเทศ อินเดยี แต่มักเก็บตน้ มาบรโิ ภคประมาณ 45-60 หลังการหยอดเมลด็ สามารถเจรญิ เติบโตได้ดีใน ทกุ สภาพดนิ โดยเฉพาะดนิ ร่วนปนทราย ดินเหนียวปนดนิ รว่ น และมีการระบายนา้ ดี เป็นผกั ที่ทน ตอ่ สภาพอากาศร้อนได้ดที าให้ปลกู ได้ในทกุ ฤดูกาล แตจ่ ะไดผ้ ลดีในช่วงปลายฤดูฝนจนถงึ ฤดหู นาว เดือนตลุ าคม-กุมภาพนั ธุ์ แต่ช่วงนี้ราคาสนิ ค้าจาพวกพืชผกั มกั มีราคาตา่ ประโยชน์คะนา้ 1. เป็นแหลง่ ผักอาหารท่สี าคัญ และนยิ มนามาบริโภคเปน็ อาหารไดห้ ลากหลายชนิด 2. เป็นแหล่งอาหารเสรมิ แคลเซยี ม เน่อื งจากมีปรมิ าณแคลเซยี มสูงเมอื่ เทียบกับผัก ผลไม้ ชนิดอ่ืนๆ โดยเฉพาะหญงิ ตง้ั ครรภ์ และหลงั คลอดใหมๆ่ 3. ช่วยบารุง และเสรมิ สร้างกระดกู และฟนั 4. ชว่ ยปอ้ งกันโรคกระดกู พรุน กระดกู เสื่อมในวัยผู้สูงอายุ โรคโลหติ จาง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ช่วยใหแ้ ผลหายเร็ว ช่วยในการมองเห็น และบารุงตา 5. ชว่ ยเพ่มิ ปรมิ าณสารอิเล็กโทรไลตข์ องแคลเซียมในร่างกาย ทาให้ระบบการทางานที่ เก่ียวขอ้ งกบั แคลเซยี ม และเหลก็ ทางานปกติ เชน่ การทางานของระบบฮอร์โมน เอนไซม์ เลอื ด การควบคุมนา้ ตาลในเลือด กลา้ มเน้ือ และกลา้ มเนื้อหัวใจ และระบบกระดกู ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ลาตน้ ลาตน้ มีลักษณะตงั้ ตรง สงู 20-30 ซม. ลาต้นมีลักษณะแขง็ แรง อวบใหญ่ มีสีเขียว นวล นยิ มนามาบริโภคมาก รองลงมาจากยอดอ่อน
ใบ ลักษณะใบของคะนา้ มีหลายลักษณะตามสายพนั ธุท์ ปี่ ลูก อาทิ คะนา้ ใบกลม คะนา้ ใบ แหลม บางพนั ธ์ุมีลักษณะกา้ นใบยาวหรือสัน้ การแตกของใบจะแตกออกจากลาตน้ เรยี งสลับกัน 4- 6 ใบ/ลาต้น ผิวใบมลี กั ษณะเปน็ คลนื ผวิ เป็นมัน สีเขียวอ่อนถงึ เขยี วแก่ ถือเป็นส่วนน่ี ิยมนามา บริโภครองลงมาจากส่วนยอด ยอด และดอก บรเิ วณท่ีถดั จากใบสุดทา้ ยที่เตบิ โตแยกออกมาอยา่ งเหน็ ได้ชัด ซึง่ จะเป็น ส่วนของยอดท่ีมีลักษณะเป็นใบอ่อนขนาดเลก็ 2-3 ใบ มลี ักษณะคลา้ ยบัวตุม ขนาดเลก็ สเี ขยี วอ่อน รอทีจ่ ะเติบโตเปน็ ใบแก่ ถือเปน็ ส่วนที่นิยมนามาบริโภคมากทส่ี ุด ราก รากของคะน้า ประกอบด้วยรากแก้วขนาดใหญ่ตอ่ จากลาต้น มีสีขาวออกน้าตาล เล็กน้อย ย่ังลกึ ประมาณ 10-30 ซม. ตามสภาพลักษณะหนา้ ดนิ และรากฝอยสีนา้ ตาลอ่อนซงึ่ พบ ไม่มาก การปลูกผกั คะน้า การเพาะกลา้ ใชว้ ิธีการหวา่ นเมลด็ ในแปลงที่ยกร่องแปลงสูง ประมาณ 30 เซนตเิ มตร ขนาดแปลง 2×2.5 เมตร การเตรยี มแปลงหว่านใหก้ าจัดวัชพชื และใช้ปุ๋ยคอกหรือมลู สตั ว์หว่านโรยประมาณ 2 ถงั พร้อมพรวนดนิ คลกุ ใหป้ ๋ยุ ผสมกบั ดิน หลงั จากน้นั ทาการหว่านเมลด็ พันธุ์ 1-2 ถงุ และให้โรย ทาดว้ ยดนิ ผสมปุย๋ คอกอีกครง้ั กอ่ นวางทับด้วยฟาง และรดนา้ ให้ชุม่ เมล็ดจะงอกประมาณ 3-5 วัน หลังจากเมลด็ งอก 7-10 วัน ให้คดั เลือกตน้ กล้าท่ีสมบูรณ์ และถอนตน้ ทไ่ี มส่ มบูรณท์ ้ิง การเตรียมแปลงปลกู การเตรยี มแปลงปลกู คะนา้ มกั ปลกู ในแปลงที่ยกรอ่ งสงู เหมอื นกบั การปลูกผักชนดิ อืน่ ๆ – ระดบั แปลงควรสงู อย่างนอ้ ย 20-30 ซม. กว้าง 2-3 เมตร ขนาดความยาวตามความเหมาะสม – ทาการกาจดั วชั พชื และหว่านโรยด้วยป๋ยุ คอกหรือมลู สตั ว์ 1000 กก./ไร่ ปุ๋ยเคมี สตู ร 15-15-15 อตั รา 20 กก./ไร่ – ทาการไถกลบแปลง และตากแดดประมาณ 5-10 วัน – ทาการไถพรวนแปลงอกี ครั้งก่อนปลูก และตากดนิ ประมาณ 3-5 วนั วธิ กี ารปลูก – การปลูกจะใชต้ ้นกล้าท่ีมีอายุ 20-30 วัน หรือมีใบแท้ประมาณ 3-5 ใบ ตน้ สูงประมาณ 10 ซม. – การย้ายกล้าปลูกควรมดี ินตดิ รากหรือหากไม่มีให้แชร่ ากในนา้ ระหว่างปลูก และที่สาคัญควรปลกู
ทนั ทเี มอื่ ถอนต้นกล้า – ระยะปลกู ระหวา่ งตน้ และแถวประมาณ 20×20 เซนติเมตร การดแู ล การให้นา้ จะใหน้ ้าตั่งแตห่ ลังการปลกู ทุกวนั วนั ละ 2 คร้ัง ในช่วงระยะเร่มิ แรก และวันละ 1 คร้งั กอ่ นเก็บผลผลิตประมาณ 10-15 วนั การใหน้ ้าสามารถใหด้ ้วยวิธีธรรมดาดว้ ยการรดมือ หรือใชร้ ะบบสปริงเกอรก์ ารใสป่ ๋ยุ จะเรมิ่ ใส่ป๋ยุ หลังจากปลูกตน้ กลา้ ประมาณ 10-15 วนั ด้วย ปยุ๋ เคมีสตู ร 16-16-8 อัตรา 50 กก./ไร่ ร่วมด้วยกับปุ๋ยคอกประมาณ 300 กก./ไร่ สาหรับปุย๋ เคมี อาจใหด้ ว้ ยวิธกี ารหว่านหรือการละลายน้าแลว้ ฉีดพ่นการกาจดั วชั พชื ควรมีการตรวจสอบแปลง คะน้า และกาจัดวัชพืชเป็นประจาทุกเดือนหลงั การปลูก การเก็บผลผลิต คะน้าสามารถเก็บตน้ ไดห้ ลังจากหว่านเมล็ด 40-60 วัน ด้วยการใช้มีดตัดชิดโคนต้น ไม่ควร ใช้มือเดด็ ถอน พรอ้ มเด็ดใบแก่ติดโคนต้นออก 1-2 ใบ และนามาลา้ งทาความสะอาด ท้งั น้ี อาจ ต้องเกบ็ ผกั กอ่ นระยะกาหนดหากมอี าการเกิดโรคในระยะที่คะนา้ โตเต็มที่ ข้อพิจารณาการเกบ็ คะน้า 1. การเกบ็ คะน้าควรเก็บในช่วงเช้าตรู่หรือเมอ่ื ตอ้ งการนามารบั ประทาน ควรหลีกเล่ยี งการ เก็บในชว่ งท่แี ดดรอ้ นจัด 2. ขณะเกบ็ ควรใช้มีดขนาดเลก็ และคมตดั ไมค่ วรเก็บดว้ ยการเดด็ ด้วยมือ เพราะอาจทา ใหล้ าตน้ และใบช้าได้ 3. ไม่ควรเกบ็ ในระยะท่ีคะนา้ แกห่ รือเริม่ ออกดอก 4. เมื่อใกล้ฤดเู ก็บเกีย่ ว หากคะนา้ เรม่ิ มีการระบาดของโรคหรือแมลง ควรรีบเก็บผลผลิต ทนั ที 5. เมื่อเกบ็ เสร็จ ควรรีบนาเข้ารม่ หรอื พกั ไวใ้ นทีโ่ ปรง่ และเย็น 6. ควรลา้ งคะนา้ ให้สะอาดก่อนเก็บบรรจุถงุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: