โดย เฉลมิ เกยี รติ โภคาวฒั นา ภสั รา ชวประดษิ ฐ กองสง เสริมพืชสวน กรมสงเสริมการเกษตร กันยายน 2539 สารบญั ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร ลกั ษณะการเจรญิ เตบิ โต สภาพแวดลอมที่ตองการ พนั ธผุ กั บงุ จนี การปลูกผกั บุงจนี เพ่ือบริโภคสด การดูแลรักษา แมลงศตั รผู กั บงุ และการปอ งกนั กาํ จัด โรคผักบุงและการปองกันกาํ จัด คณุ ภาพผกั บงุ จนี สง ออก เอกสารอางอิง ผักบุงจีน ผักบุงที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุงไทย (Ipomoea aquatic Var. aquatica) มดี อก สีมวงออ น กา นสเี ขยี วหรอื มว งออ น ใบสีเขียวเขม และกา นใบสมี ว ง และผักบุงจีน(Ipomoea aquatica Var. reptans) ซง่ึ มใี บสเี ขยี ว กา นสเี หลอื งหรอื ขาว กา นดอกและดอกสขี าว ผักบงุ จีนนยิ มนํามาประกอบ อาหารกวางขวางกวา ผกั บงุ ไทย จงึ นยิ มปลกู เปน การคา อยา งแพรห ลายทง้ั การปลกู เพอ่ื บรโิ ภคสด และ การผลิตเมล็ดพันธุ ปจจุบันผักบุงจีนไดพัฒนาเปนพืชผักสงออกท่ีมีความสาํ คญั โดยสง ออกทง้ั ในรปู ผักสด และเมล็ดพันธุ การสง ออกเฉพาะผกั บงุ จนี เพอ่ื บรโิ ภคสดไมม ตี วั เลขแนน อนเพราะรวมผกั บงุ จนี ในหมวดผกั สดอน่ื ๆ ซึ่งไดแก ผกั สดชนดิ ตา ง ๆ ตลาดทส่ี าํ คญั คอื ฮอ งกง มาเลเซยี และสงิ คโปร สําหรับ เมล็ดพันธุผกั บงุ จนี ประเทศไทยสามารถสง ออกเมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี ในป 2538 ปรมิ าณ 540.6 ตนั มูลคา การสง ออก 19.8 ลา นบาท
ผักบงุ จีน 2 จากสถติ ิ การปลกู ผกั ของกรมสง เสรมิ การเกษตร ป 2536/2537 มพี ้ืนที่ปลกู ผกั บุงจนี ถึง 54,302 ไร ผลผลติ สด 50,237 ตนั ผลผลติ เฉลย่ี ตอ ไร 925 กิโลกรัม แหลงปลูกผักบุงจีนเพื่อบริโภค สดไดแ ก กรุงเทพมหานคร นนทบรุ ี นครปฐม ปทมุ ธานี ราชบรุ ี นครนายก พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค ขอนแกน อบุ ลราชธานี นครราชสมี า และสงขลา เปน ตน สําหรบั แหลง ผลติ เมลด็ พนั ธุ ผักบงุ จนี เปน การคา ทส่ี าํ คัญไดแก นครปฐม สพุ รรณบรุ ี และกาญจนบุรี ผักบุง จนี เปน พชื ผกั ทน่ี ยิ มรบั ประทานกนั มาก มีคุณคาทางอาหารสงู ประกอบดว ยไวตามนิ และ แรธาตุที่จาํ เปน ตอ รา งกาย โดยเฉพาะไวตามิน เอ ซงึ่ เชอ่ื กันวาชว ยบํารงุ สายตา มีปรมิ าณสงู ถงึ 9,550 หนวยสากล ในสว นทร่ี บั ประทานไดส ด 100 กรัม หรือ 6,750 หนวยสากล ในสว นทร่ี บั ประทานได เมอ่ื สกุ แลว 100 กรัม นอกจากนย้ี งั มี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรสั และไวตามนิ ซเี ปน องคป ระกอบสาํ คัญดวย คุณคา ทางอาหาร ผักบงุ จีนสดและสกุ แลว ผักบุงจีน %% %% % % %คารโ บไฮเดรท แคลอรี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรสั เหล็ก ซลั เฟอร โปรแตส- กาก น้าํ เถา โปรตนี ไข สด ไฟเบอร รวมไฟเบอร (มก.) (มก.) (มก.) (มก.) เซย่ี ม (มก.) สกุ แลว มัน 1.1 5.6 30 30 42 2.5 44 469 28 90 1.3 2.7 0.4 0.8 3.9 21 21 44 1.4 - - - 92.5 1.0 2.4 0.2 ผักบุงจีน วิตามนิ ซี วิตามนิ เอ วิตามนี บี 1 วิตามนิ บี 2 ไนอาซนิ 0.16 0.8 สด 47 9550 0.09 0.13 0.7 สุกแลว 10 6750 0.05 ที่มา : FAO, 1980 หมายเหตุ : คาํ นวณจาก ผักบุงสด 100 กรัม ในสว นทร่ี บั ประทานได ผักบุงจนี มชี ื่อสามญั ทีใ่ ชเรยี กแตกตางกนั ไป ในภาษาอังกฤษวา water convolvulus หรือ kang-kong เปน พชื ในตระกลู Convolvulaceae มีชื่อวิทยาศาสตรว า Ipomoea aquatica Forsk. Var. reptan มีถ่ินกําเนิดอยูในเขตรอน พบไดท่ัวไปในอัฟริกา และเอเชียเขตรอนจนถึงมาเลเซียและ ออสเตรเลยี หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผกั บุง จนี 3 ราก ผักบุงจีนมีรากเปนแบบรากแกว มรี ากแขนง แตกออกทางดา นขา งของรากแกว และยัง สามารถแตกรากฝอยออกมาจากขอ ของลําตน ไดด ว ย โดยมักจะเกิดตามขอที่อยูแถวๆ โคนเถา ลาํ ตน ผักบุงจีนเปน ไมล ม ลกุ ในระยะแรกของการเจรญิ เตบิ โตจะมลี ําตน ตง้ั ตรง ระยะตอไปจะ เล้ือยทอดยอดไปตามพน้ื ดนิ หรอื นา้ํ ลาํ ตน มสี เี ขยี ว มขี อ และปลอ งขา งในกลวง รากจะเกิดที่ขอทุกขอที่ สมั ผสั กบั พน้ื ดนิ หรอื น้าํ ท่ีขอมกั มตี าแตกออกมา ท้ังตาใบและตาดอก โดยตาดอกจะอยดู า นใน สว นตา ใบจะอยดู า นนอก ใบ เปน ใบเดย่ี ว มีขอบใบเรยี บ รปู ใบคลา ยหอกโคนใบกวา งคอ ย ๆ เรียวเลก็ ไปตอนปลาย ปลายใบแหลม ท่ีโคนใบเปนรูปหัวใจ ขอบใบเรียบหรือเปนคลื่น ใบมีความยาวประมาณ 7-15 เซนตเิ มตร กา นใบยาว 3-8 เซนตเิ มตร ดอกและชอ ดอก ดอกเปน ดอกสมบรู ณ มีลักษณะเปน ชอ มดี อกตรงกลาง 1 ดอก และดอกดาน ขางอีก 2 ดอก โดยดอกกลางจะเจริญกอน แตละดอกประกอบดว ยกลบี เลย้ี งสเี ขยี ว 5 อนั กลบี ดอก เชื่อมติดกันเปนรูปกรวย ดา นนอกมสี ขี าว ดา นในมสี มี ว ง ในฤดวู นั สน้ั (วนั ละ 10-12 ชั่วโมง) จะออก ดอกมีฝกและเมล็ด ในฤดูวันยาวจะเจริญเติบโตทางลําตนและใบผักบุงจีนมีการผสมเกสรเปนแบบ ผสมตัวเองและมีการผสมขามดอกบางเน่ืองจากลมและแมลง ดอกผักบุงจีนจะเริ่มบานในเวลาเชา ละอองเกสรตัวผูและยอดเกสรตัวเมียพรอมที่จะผสมเวลา 10.00-15.00 น. ระยะเวลาหลงั ผสมจน ผสมตดิ ประมาณ 3-4 วัน และจากผสมตดิ จนเมลด็ แกป ระมาณ 40-50 วัน ผล เปนผลเด่ียวรูปรางคอนขา งกลมมขี นาดใหญท ส่ี ดุ อายปุ ระมาณ 30 วัน หลังดอกบาน มีเสนผาศนู ยก ลางเฉลย่ี 1.42 เซนตเิ มตร หลงั จากนน้ั จะมขี นาดเลก็ ลง ลักษณะผิวภายนอกเหี่ยวยน ขรุขระ ไมแ ตก เมอ่ื แหง สขี องผลเมอ่ื แกจ ะมสี นี า้ํ ตาลหรอื น้าํ ตาลเขม ใน 1 ผลมเี มลด็ 4-5 เมลด็ เมลด็ มีรูปรางเปน สามเหลย่ี มฐานมน มสี นี า้ํ ตาล เปลอื กหมุ เมลด็ มสี ี 3 ระดบั คอื สนี า้ํ ตาล ออน สนี า้ํ ตาลแก และสนี า้ํ ตาลดาํ มขี นาดเลก็ ความกวา งโดยเฉลย่ี 0.4 เซนตเิ มตร ยาว 0.5 เซนติเมตร ผักบงุ จนี เปน พืชที่มีอตั ราการพักตัวสงู โดยจะพกั ตวั ในลกั ษณะของเมลด็ แขง็ (hard seed) หรือท่ีเรยี กวา เมล็ดหนิ จากการศกึ ษาพบวา เมลด็ สเี ขม กวา จะมเี ปอรเซนตเ มลด็ แขง็ สงู กวา หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผักบงุ จนี 4 สารบัญ ผักบุงจีนใชเวลาในการงอกเพียง 48 ชั่วโมง ระยะแรกของการเจรญิ เตบิ โตจะใหล าํ ตน ตง้ั ตรง หลงั จาก งอกได 5-7 วัน จะมใี บเลย้ี งโผลอ อกมา 2 ใบ มลี กั ษณะ ปลายใบเปน แฉก ไมเ หมอื นกบั ใบจรงิ เมอ่ื ตน โตในระยะ สองสัปดาหแรก จะมีการเจริญเติบโตทางลําตนอยาง รวดเรว็ จนกระทง่ั อายปุ ระมาณ 30-45 วัน การเจรญิ เติบโตจะเปลย่ี นไปในทางทอดยอดและแตกกอ สําหรับผักบุงจีนที่หวานดวยเมล็ด การแตกกอจะมี นอยมาก การแตกกอเปน การแตกหนอ ออกมาจากตาท่ี อยูบริเวณโคนตน ทต่ี ดิ กบั ราก มตี าอยรู อบตน 3-5 ตา เม่ือแตกแถวออกมาแลว จะเจรญิ ทอดยอดยาวออกไปเปน ลําตน มปี ลอ งขอ และทุกขอจะใหดอกและใบ ผั ก บุ ง จี น ส า ม า ร ถ ป ลู ก ไ ด ท้ั ง บ น บ ก แ ละ ในนํ้ า และสามารถปลกู ไดใ นดนิ แทบทกุ ชนดิ ดนิ ทเ่ี หมาะสมใน การปลูกผกั บงุ จนี เพอ่ื การบรโิ ภคสดเปน ดนิ รว น หรอื ดนิ รวนปนทราย ผักบุงจีนชอบช้ืนแฉะตอ งการความช้นื ใน ดินสูงมาก อณุ หภูมิทเ่ี หมาะสมในการเจริญเตบิ โตอยใู น ชวงที่สูงกวา 25 องศาเซลเซยี ส ตอ งการแสงแดดเตม็ ท่ี ซ่ึงประเทศไทยสามารถปลกู ไดด ตี ลอดไป หนากอนนี้ หนาถัดไป
ผกั บงุ จีน 5 พันธุผักบุงจีนท่ีปลูกในปจจุบัน สว นใหญจะเปนพนั ธกุ ารคา ท้งั ท่ีผลิตเมลด็ พนั ธใุ นประเทศไทย และนําเขา มาจากตา งประเทศ เชน ไตหวัน ซง่ึ มกี ารตง้ั ชอ่ื พนั ธตุ ามบรษิ ทั ตา ง ๆ กนั ไป เมลด็ พนั ธุ ผักบุงจีนในประเทศท่ีไดรับการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุจากกรมวิชาการเกษตร ศูนยวิจัยพืชสวน พิจิตร คอื พันธุพิจิตร 1 ซง่ึ มลี กั ษณะดเี ดน คอื ผลผลติ โดยเฉลย่ี 3,415 กโิ ลกรมั ตอ ไร มีใบแคบเรยี ว ยาว ตรงกับความตองการของตลาดและมีลักษณะใบชูตั้ง ลําตนสีเขียวออ น ไมม กี ารทอดยอดกอ น การเก็บเกี่ยว ไมมีการแตกแขนงท่ีโคนตน ลักษณะลําตนสมํ่าเสมอกัน ทําใหสะดวกและประหยัด แรงงานในการตัดแตงใบและแขนงที่โคนตนกอนนาํ สง ตลาด เมลด็ พนั ธุผักบุง จนี - สี นา้ํ ตาลออกดาํ - ลกั ษณะ สามเหลย่ี มฐานมน - จาํ นวน 7-8 เมลด็ ตอ 1 กรัม จาํ นวนเมลด็ ทใ่ี ชห วา นสาํ หรบั แปลงปลกู 1 ไร ประมาณ 13-15 กโิ ลกรมั ตอ ไร หรือ 30 ลติ ร ตอ ไร หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผกั บงุ จนี 6 1. การเลอื กทป่ี ลกู การปลูกผกั บงุ จีนเพอื่ การบริโภคสดเปนการปลูกผกั บงุ จีนแบบหวา น หรือ โรยเมล็ดลงบนแปลงปลกู โดยตรง เมอ่ื ถงึ อายเุ กบ็ เกย่ี ว 20-25 วัน จะถอนตน ผกั บงุ จนี ทง้ั ตน และราก ออกจากแปลงปลกู ไปบริโภคหรือไปจาํ หนา ยตอ ไป ในการปลกู นน้ั ควรเลอื กปลกู ในทม่ี กี ารคมนาคมขน สงสะดวก สภาพที่ดอน น้าํ ไมทวม หรือเปนแบบสวนผักแบบยกรอง เชน เขตภาษีเจริญ บางแค กรุงเทพฯ บางบวั ทอง นนทบรุ ี นครปฐมและราชบรุ ี เปน ตน ลกั ษณะดนิ ปลกู ควรเปน ดนิ รว นหรอื ดินรวนปนทราย เพื่อถอนตนผักบุงจีนไดงาย และควรอยูใกลแหลงน้ํา เพื่อสะดวกในการรดน้ํา ในชวงการปลกู และทาํ ความสะอาดตน และรากผกั บงุ จนี ในชว งการเกบ็ เกย่ี ว 2. การเตรยี มดนิ ผักบุงจีนเปนพืชผักที่มีระบบรากตื้น ในการเตรยี มดนิ ควรไถตะตากดนิ ไว ประมาณ 15-30 วัน แลวดาํ เนนิ การไถพรวนและขน้ึ แปลงปลกู ขนาดแปลงกวา ง 1.5-2 เมตร ยาว 10-15 เมตร เวน ทางเดนิ ระหวา งแปลง 40-50 เซนตเิ มตร เพอ่ื สะดวกในการปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั ษา ใสป ยุ คอก (มูลสุกร เปด ไก วัว ควาย) หรือปุยหมักที่สลายตัวดีแลว คลกุ เคลา ลงไปในดนิ พรวนยอ ยผวิ หนา ดินใหละเอียดพอสมควรปรับหลังแปลงใหเรียบเสมอกัน อยา ใหเ ปน หลมุ เปน บอ เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี จะ ข้ึนไมสมํ่าเสมอทง้ั แปลง ถา ดนิ ปลกู เปน กรด ควรใสป นู ขาวเพอ่ื ปรบั ระดบั พีเอชของดนิ ใหส งู ขน้ึ ลกั ษณะพื้นที่ปลูกผักบุง พรวนดินและตากทิ้งไวประมาณ 15 วนั หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผักบงุ จีน 7 ใสป ุยคอกเพื่อปรับโครงสรางของดิน พรวนดนิ ใหละเอียดและปรับระดับ ใ 3. วธิ กี ารปลกู กอนปลูกนาํ เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี ไปแชน ้ํานาน 6-12 ชั่วโมง เพอ่ื ใหเ มลด็ พนั ธุ ผักบุงจีนดูดซับนาํ้ เขา ไปในเมลด็ มผี ลใหเ มลด็ ผกั บงุ จนี งอกเรว็ ขน้ึ และสมาํ่ เสมอกนั ดี เมลด็ ผกั บงุ จนี ท่ี ลอยนํ้าจะเปน เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี ทไ่ี มส มบรู ณ ไมค วรนํามาเพาะปลกู ถงึ แมจ ะขน้ึ ไดบ า ง แตจะไม สมบูรณแข็งแรงอาจจะเปนแหลง ทาํ ใหเ กดิ โรคระบาดไดง า ย นาํ เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี ทด่ี ไี มล อยน้ํามา หวานใหกระจายท่ัวทัง้ แปลงใหเ มลด็ หา งกนั เล็กนอย ตอ จากนน้ั นําดนิ รว นหรอื ขเ้ี ถา แกลบดําหวา นกลบ เมล็ดพันธุผักบุงจีนหนาประมาณ 2-3 เทา ของความหนาของเมลด็ หรอื ประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร แต ถาแหลงที่ปลูกนัน้ มเี ศษฟางขา ว จะใชฟ างขา วคลมุ แปลงปลกู บางๆ เพอื่ ชว ยเกบ็ รกั ษาความช้นื ในดิน หรือทาํ ใหห นา ดนิ ปลกู ผกั บงุ จนี ไมแ นน เกนิ ไป รดน้าํ ดว ยบวั รดนา้ํ หรอื ใชส ายยางตดิ ฝก บวั รดนา้ํ ให ความชื้น แปลงปลูกผักบุงจีนทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครง้ั ประมาณ 2-3 วัน เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี จะงอก เปน ตน ผกั บงุ จนี ตอ ไป เตรยี มเมลด็ พนั ธกุ อ นปลกู การหวา นเมลด็ หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผักบงุ จีน 8 4. การปฏิบัติดูแลรักษาผักบุงจีนเพื่อการบริโภคสด 4.1 การใหน า้ํ ผักบุงจีนเปนพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุมชื้น แตไ มแ ฉะจนมนี า้ํ ขงั ฉะนน้ั ควรรดนา้ํ ผักบุงจีนอยูเสมอทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครง้ั ยกเวน ชว งทฝ่ี นตกไมต อ งรดนา้ํ อยา ใหแ ปลงปลกู ผกั บงุ จนี ขาด น้ําไดจะทาํ ใหผักบุงจีนชะงักการเจริญเติบโต คุณภาพไมดี ตน แขง็ กระดา ง เหนียว ไมน า รบั ประทาน และเก็บเกี่ยวไดชากวาปกติ 4.2 การใสปยุ ผักบุงจีนเปนพืชผักที่บริโภคใบและตนมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ถา ดนิ ปลกู มคี วาม อุดมสมบูรณ หรอื มกี ารใสป ยุ คอก เชน มลู สกุ ร มลู เปด ไก เปน ตน ซง่ึ ปยุ คอกดงั กลา วเปน ปยุ ทม่ี ี ไนโตรเจนสูงอยูแลว ไมจําเปน ตอ งใสป ยุ เคมกี ไ็ ด แตถ า ดนิ ปลกู ไมค อ ยอดุ มสมบรู ณ นอกจากตอ งให ปุยคอกแลว ควรมีการใสปุยทางใบที่มีไนโตรเจนสูง โดยหวานปุยกระจายท่ัวท้ังแปลงกอนปลูกและ หลังปลูกผักบุงจีนไดป ระมาณ 7-10 วัน ซึ่งการใหปุยครั้งที่ 2 นน้ั หลงั จากหวา นผกั บงุ จนี ลงแปลงแลว จะตองมีการรดนํ้าแปลงปลูกผักบุงจีนทันที อยาใหปุยเกาะอยูท่ีชอกใบ จะทําใหผักบุงจีนใบไหม ในการใสป ยุ เคมคี รง้ั ท่ี 2 นน้ั จะใชว ธิ กี ารละลายนา้ํ รด 3-5 วนั ครง้ั กไ็ ด โดยใชอ ตั ราสว น ปุยยูเรีย 10 กรัมตอนา้ํ 20 ลติ ร จะเปนการชวยใหผักบุงจีนเจริญเติบโต และเก็บเกย่ี วไดร วดเรว็ ขึ้น เมลด็ เริ่มงอกหลังจากหวานประมาณ 2-3 วนั หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผกั บุงจนี 9 การใหน า้ํ 4.3 การพรวนดินและกําจัดวัชพืช ถามีการเตรียมดินดีมีการใสปุยคอกกอนปลูกและ มีการหวานผักบุงขึ้นสม่ําเสมอกันดี ไมจําเปนตองพรวนดิน เวนแตในแหลงปลูกผักบุงจีนดังกลาว มีวัชพืชข้ึนมาก ควรมกี ารถอนวชั พชื ออกจากแปลงปลกู อยเู สมอ 7-10 วนั ตอ ครง้ั ในแหลง ทป่ี ลกู ผักบุงจีนเพื่อการบริโภคสดเปนการคาปริมาณมาก ควรมกี ารพน สารคลมุ วชั พชื กอ นปลกู 2-3 วัน ตอจากน้ันจึงคอยหวานผักบุงจนี ปลกู จะประหยัดแรงงานในการกาํ จดั วชั พชื ในแปลงปลกู ผกั บงุ จนี ไดด ี มากวิธีการหนึ่ง 4.4 การเก็บเกี่ยว หลงั จากหวา นเมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี ลงแปลงปลกู ได 20-25 วัน ผักบุงจีนจะ เจริญเติบโต มคี วามสงู ประมาณ 30-35 เซนตเิ มตร ใหถ อนตน ผกั บงุ จนี ออกจากแปลงปลกู ทง้ั ตน และ ราก ควรรดน้ํากอ นถอนตน ผกั บงุ จนี ขน้ึ มาจะถอนผกั บงุ จนี ไดส ะดวก รากไมข าดมาก หลงั จากนน้ั ลา ง รากใหสะอาด เดด็ ใบและแขนงทโ่ี คนตน ออก นาํ มาผง่ึ ไว ไมค วรไวก ลางแดดผกั บงุ จนี จะเหย่ี วเฉาไดง า ย จัดเรียงตนผกั บงุ จนี เปน มดั เตรยี มบรรจภุ าชนะเพอ่ื จดั สง ตลาดตอ ไป ลกั ษณะตน ทม่ี อี ายุ 7 วนั ซง่ึ พรอ ม วธิ กี ารใสปุย โดยการหวานใหทั่วแปลง ทจี่ ะใสปุยครั้งที่ 1 และใหน า้ํ ทันทีหลังจากหวานปุย หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผกั บงุ จีน 10 1. เพลย้ี ออ น Aphid. Aphis gossypii (Aphidiae) ลักษณะ ตวั ออ นทม่ี สี ตี า ง ๆ กัน สว นใหญส เี ขยี วเขม จนเกอื บดาํ แตถ า หากตวั ออ นเกดิ ใตก ลมุ ใบ ที่หนาแนนมาก และอุณหภูมิสูง ตวั ออ นอาจมขี นาดเลก็ กวา 1 มลิ ลเิ มตรและสซี ดี เหลอื งหรอื เกอื บขาว ชีพจักร ในเขตรอ นบา นเรา จะไมอ อกเปน ไข แตอ อกลกู เปน ตวั ตามใบของพืชและชอ ดอก ตวั ออ น จะแกใ น 4-20 วัน ขน้ึ อยกู บั อณุ หภมู ิ และจะใหต วั ออ นประมาณ 20-140 ตวั ตอ ครง้ั ทกุ 2-9 วัน การทําลาย ดดู กนิ น้าํ เลย้ี งพชื การปอ งกนั ใชส ารเคมี พิษตกคางนอยที่สุด หรอื ไมค วรใชเ ลย การพรวนดนิ และกาํ จดั วชั พชื 2. ผีเสอ้ื หวั กะโหลก Death’s head Moth Acherontia lachesis (Sphingidae) ลักษณะ ตวั หนอนมสี เี ขยี วมแี ถบสเี หลอื งขอบฟา ขา งลาํ ตวั ขนาดโตเตม็ ท่ี 10-12 เซนตเิ มตร การทําลาย ตวั หนอนกดั กนิ ใบ หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผักบงุ จนี 11 ชีพจักร ผเี สอ้ื วางไขส เี ขยี วเปน ใบเดย่ี วตามใบพชื อาศยั ระยะไขฟ ก ประมาณ 5 วัน ออกเปน ตวั หนอน กัดกินใบประมาณ 3 สัปดาห เขา ดกั แดใ นดนิ ระยะดกั แดป ระมาณ 2 สัปดาห ตวั แกเ ปน ผเี สอ้ื สนี า้ํ ตาล การปอ งกนั ใชส ารเคมี พิษตกคางนอยที่สุด การเกบ็ เกย่ี ว 1. โรคราสนมิ ขาว White Rust สาเหตุ เชอ้ื รา Albugo ipomoea-aquaticae Sawada เปน เชอ้ื ราชน้ั ตา่ํ อาการ จุดสีเหลืองซีดดานบนของใบ ดา นใตใ บตรงกนั ขา มจะเปน ตมุ นนู เลก็ ๆ ขนาด 1-2 มิลลิเมตร อาจพบลักษณะปุมปม หรอื บวมพองโตขน้ึ ในสว นของกา นใบและลาํ ตน การปอ งกนั รกั ษา 1. เมื่อมีโรคระบาดใหฉีดพนใตใบดวย เมตาแล็กซิล (metalaxyl) สลับกับแมนโคเซ็บ (mancozeb) ตามอตั ราทแ่ี นะนาํ บนฉลาก หากมีฝนตกชุกใหผสมสารจับใบ 2. คลุกเมล็ดกอนปลูกดวย เมตาแล็กซิล (metalaxyl) และเลือกใชเ มลด็ จากแหลง ทไ่ี มม ี โรคระบาดมากอ น 3. ดแู ลระบบการใหน า้ํ ในแปลงปลกู อยาใหชื้นแฉะจนเกินไป หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผกั บุงจีน 12 2. โรคใบไหม Leaf blight สาเหตุ เชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas compestris pv. (pathovar กําลงั อยใู นขน้ึ ตอนของ การทดสอบ) อาการ เกดิ จดุ ตมุ ใสเลก็ ๆ ใตใ บ ตอ มาจดุ แผลจะขยายออกกลายเปน สนี า้ํ ตาล-สดี ํา ฉ่าํ นา้ํ ใบ จะเหลืองซีดและแหง เหีย่ วรว งหลนจากตน การปอ งกนั รกั ษา 1. เก็บรวบรวมพืชที่เปนโรค เผาทําลาย 2. ใชป นู ขาวอตั รา 500 กโิ ลกรมั ตอ ไร คลุกดนิ แลว ตากดนิ ไวอ ยา งนอ ย 1 เดอื น 3. ปลกู พชื ชนดิ อน่ื หนนุ เวยี น ❀ ตองมีความสด มยี อดตดิ อยู ลาํ ตน อวบ แตไมยาวเกินไป ความยาวมาตรฐาน ประมาณ 10-12 นว้ิ (วดั จากโคนถงึ ยอด) ❀ ใบและลาํ ตน สเี ขยี วไมเ หลอื งชา้ํ และเหี่ยวเฉา ใบตอ งไมม รี ู ❀ ตัดรากใหหมด ไมม ดี นิ หรอื ทรายปนมา และตอ งปราศจากยาฆา แมลงหรอื สารเคมหี ลงเหลอื อยู อนั อาจเปน อนั ตรายตอ ผบู รโิ ภค สว นใหญต ลาดฮองกงนิยมพันธุไตหวนั ซึ่งใหลักษณะ ตน สเี ขยี วสด อวบ ใบไมเหี่ยวชํ้างา ย หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
ผักบงุ จนี 13 กรมการคาภายใน. 2531. รายงานการศกึ ษาเรอ่ื งผกั บงุ จนี . (อดั สําเนาเยบ็ เลม ) กรมวิชาการเกษตร. 2537. ประกาศกรมวชิ าการเกษตร เรอ่ื งการรบั รองพนั ธผุ กั บงุ จนี พันธุพิจิตร 1. (อดั สําเนา) กรมสง เสรมิ การเกษตร. 2537. สถิติพื้นที่ปลูกพืชผัก. กองแผนงานและโครงการพเิ ศษ. นรนิ ทร พูลเพิ่ม. 2536. การปลูกผักบุงจีน การผลติ เมลด็ พนั ธผุ กั . กองขยายพันธุพืช กรมสง เสรมิ การเกษตร. เมอื งทอง ทวนทวี และสธุ รี ตั น ทวนทวี. 2532. หลักการปลูกผัก 1. โรงพิมพทั่วฮั่วซิน, กรุงเทพฯ สุเทวี ศุขปราการ และพวงทอง ยนิ อศั วพรรณ. 2536. การผลติ เมลด็ พนั ธผุ กั บงุ จนี การผลติ เมลด็ พันธุผัก. กองขยายพันธุพืช กรมสง เสรมิ การเกษตร. Jan Conelis and Jan Aric Nugteren. 1982. KangKong, an important leaf vegetable in Asia. AVRDC Taiwan. หนากอนนี้ หนาถัดไป สารบัญ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: