Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore saveian สรุปชื่อโครงการ โครงการจัดงาน เทศน์ธรรมมหาชาติ

saveian สรุปชื่อโครงการ โครงการจัดงาน เทศน์ธรรมมหาชาติ

Published by เสวียน ศิริแก้ว, 2019-12-24 01:15:47

Description: saveian สรุปชื่อโครงการ โครงการจัดงาน เทศน์ธรรมมหาชาติ

Search

Read the Text Version

สรปุ จดั งานเทศน์มหาชาติ ครง้ั ที่ ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ โรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรมวัดนโิ ครธาราม ตาบลป่าคา อาเภอท่าวังผา จังหวัดนา่ น สนับสนุนโดย สรุปโดย นางสาวสุพตั รา ลมั วฒุ ิ

โครงการ จดั งานเทศนม์ หาชาติ ครง้ั ที่ ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ ผูร้ ับผดิ ชอบ พระครูอนุกูลนนั ทกิจ ผูอ้ านวยการโรงเรียนพระปริยัตธิ รรมวดั นิโครธาราม ต.ป่าคา อ.ทา่ วงั ผา จ.น่าน ๑. หลกั การและเหตุผล ดำเนินงำนภำยใต้ “ยุทธศำสตร์กำรเรียนรู้บนฐำนของชุมชน” เป็นกำรจัดกำรศึกษำที่เป็นของชุมชน โดยชุมชน และเพ่ือชุมชน ซ่ึงในที่น้ีหมำยถึง เด็กเยำวชน สมำชิกชุมชน และผู้ท่ีมีส่วนในกำรจัดกำรศึกษำ เช่น ครู ครูภูมิปัญญำ จิตอำสำ และผู้นำชุมชน เพ่ือจัดกำรศึกษำและสร้ำงกระบวนกำรเรียนรู้ที่เหมำะสมกับ บริบทชุมชนตนเอง โดยนำองคค์ วำมรทู้ ี่เอำชวี ิตเปน็ ตัวตั้ง เรียนรใู้ นวิถีชีวิตจริง ทำเป็น คิดเป็น อย่รู ่วมกัน และ จัดกำรเป็น เพือ่ ชวี ติ และกำรอยู่ร่วมกนั ท่ดี ี กำรจัดสภำพของโรงเรียน ประกอบไปด้วย ด้ำนกำยภำพ คือ อำคำรสถำนท่ีห้องเรียน แหล่งเรียนรู้ สภำพแวดล้อมควรให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในท้องถิ่นท่ีมีสภำพชวนให้มีจิตใจสงบ ส่งเสริมปัญญำ กระตุ้นกำร พัฒนำศรัทธำและศีลธรรมด้วยกำรจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับพื้นฐำนวิถีชีวิตกระตุ้นให้ กำรกิน อยู่ดู ฟัง ดำเนินด้วยสติสัมปชัญญะเป็นไปตำมคุณค่ำแท้ สนับสนุนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนบูรณำกำรพุทธ ธรรม ด้วยบรรยำกำศและปฏิสัมพันธ์ เอื้ออำทร เป็นกัลยำณมิตรต่อกันส่งเสริมทั้งวัฒนธรรมเมตตำและ วฒั นธรรมแสวงปัญญำ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธำรำม จังหวัดน่ำน ได้มีควำมพยำยำมพัฒนำและดำเนินกำรจัดทำ หลักสูตรเสริมกำรเรียนรู้ต่ำงๆ ในฐำนกำรเรียนรู้ที่หลำกหลำย เปิดโอกำสให้สำมเณรนักเรียนได้ฝึกทักษะด้ำน ต่ำงๆ ผ่ำนวัตรปฏิบัติ ตำมประเพณีนิยมในท้องถิ่น เช่น กำรเรียนรู้ศำสนพิธีในท้องถ่ิน กำรเรียนรู้หลักพุทธ ธรรมและกำรเรียนรสู้ ัมมำชพี เกษตรอินทรยี ์นำสู่กำรพัฒนำสขุ ภำวะสชู่ มุ ชน หลังจำกกำรที่สำมเณรผ่ำนกระบวนกำรบรรพชำสำมเณรภำคฤดูร้อนแล้วมีควำมประสงค์ที่จะศึกษำต่อ ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ถือได้ว่ำเป็นกำรก้ำวย่ำงเข้ำสู่ร่มผ้ำกำสำวพัสตร์ของเยำวชนของแต่ละคน ท่ีก้ำว อย่ำงสู่กำรบรรพชำก็ โดยมีเป้ำหมำยในกำรฝึกฝนตนเอง เพ่ือตอบสนองควำมต้องกำรของชำวบ้ำนในชุมชน ตำมบทบำทหน้ำที่ของพระภิกษุสำมเณร กำรเทศน์ธรรมชำดกก็เป็นหน่ึงในบทบำทของพระภิกษุสำมเณรใน ท้องถิ่นสำมเณรที่ต้องฝึกฝนตนให้มีทักษะ ซ่ึงจะถือได้ว่ำเป็นหน้ำท่ีของพระภิกษุสำมเณรท่ีสำคัญอันที่จะ อนเุ ครำะหส์ งเครำะหต์ อ่ ศรทั ธำชำวบ้ำนได้ แนวคิดโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรมแผนกสามญั ศึกษากบั การพฒั นาทอ้ งถน่ิ แนวคดิ โรงเรียนพระปรยิ ัติธรรมแผนกสำมญั ศึกษำกบั กำรพฒั นำท้องถิ่นควรต้องมี โรง ๘ ๑. โรงธรรม เปน็ สถำนที่เรยี นรู้ธรรมะ ๒. โรงเรียน เป็นสถำนท่ีให้กำรศกึ ษำอบรมพัฒนำคุณภำพชวี ติ ๓. โรงซ่อม เปน็ สถำนทซี่ ่อม วสั ดุอุปกรณ์ต่ำงใหก้ บั ชมุ ชน ๔. โรงเรอื น เปน็ สถำนที่ตัง้ โรงเรือนแหล่งผลติ พืชผกั อำหำรปลอดภยั ๕. โรงทำน เปน็ โรงทำนให้กบั ผคู้ นได้อม่ิ อบอนุ่ เปน็ ที่พง่ึ พิงให้กับปวงชน ๖. โรงปยุ๋ เปน็ สถำนทผ่ี ลติ ปุย๋ สำหรบั ทำเกษตรอนิ ทรยี พ์ ่ึงตนเอง ๗. โรงพยำบำล เป็นสถำนท่ใี ห้กำรรักษำสขุ ภำพและเปน็ สถำนท่ีพัฒนำสรำ้ งเสริมสุขภำพ ๘. โรงสรำ้ งศิลปะ เป็นแหลง่ ก่อเกดิ ศลิ ปะแขนงต่ำงๆ

จำกควำมคำดหวังจำกกำรส่งเสริมกำรฝึกทักษะชีวิตของสำมเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดนิโครธำรำม ด้วยกำรเรียนรู้กำรศำสนพิธีท้องถ่ินกำรเทศน์ธรรมชำดกและกำรเทศนม์ หำชำติ อันจะส่งผลให้ สำมเณรมีควำมม่ันใจในตนเองมีทักษะชีวิต และมีควำมภำคภูมิใจในชีวิตสมณเพศ มีควำมเป็นผู้นำมีทักษะ เสริมควำมสำมำรถทำหน้ำทีข่ อง ศำสนทำยำทท่ีมคี ุณภำพ และสนองตอบควำมต้องกำร และดำรงประโยชน์สุข ของชมุ ชนทอ้ งถ่ินได้ ทำงโรงเรยี นจงึ ไดจ้ ดั ทำโครงกำรนีข้ ้นึ วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อให้สำมเณรนักเรียนทุกรูปได้มีส่วนร่วมกิจกรรมตำมโครงกำรงำนเทศกำลเทศน์มหำชำติและ ได้รับกำรกระตุ้นให้เกิดควำมสนใจกำรฝึกทักษะกำรเทศน์มหำชำตสิ ืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอัน ดงี ำมต่อไป ๒. เพื่อใหส้ ำมเณรมีโอกำสใหส้ ำมเณรไดแ้ สดงควำมสำมำรถดำ้ นกำรเทศนม์ หำชำติต่อสำธำรณ ๓. เพื่อให้ประชำชนท่ีมำร่วมงำนมีควำมสุขและซำบซ้ึงกับกำรท่ีได้รับฟังกำรเทศน์มหำชำติ อันเป็น กำรสบื ทอดวฒั นธรรมอันดีงำมต่อไป เป้าหมาย ด้านปริมาณ สำมเณรนักเรยี นโรงเรยี นพระปริยัติธรรมวัดนิโครธำรำม จำนวน ๑๐๕ รปู ศรทั ธำประชำชนผมู้ ำรว่ มงำน จำนวน ๓๐๐ คน ดา้ นคุณภาพ สำมเณรนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธำรำมได้มีควำมซำบซึ้งในพิธีกรรมงำนเทศน์ มหำชำติและไดแ้ สดงควำมสำมำรถด้ำนกำรอ่ำนเทศน์มหำชำตติ ่อหน้ำสำธำรณชน ศรัทธำประชำชนผู้มำร่วมงำนได้มีควำมซำบซึ้งในกำรรับฟังเทศน์มหำชำติสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงำม ของทอ้ งถ่นิ วธิ กี ารดาเนนิ งาน ๑. โรงเรียนจดั ทำโครงกำรจดั งำนเทศนธ์ รรมมหำชำติ เพือ่ เสนอขอรบั งบประมำณ ๒. จดั เตรยี มสถำนทีจ่ ัดงำน วันที่ ๓๐ พฤศจิกำยน ๓. ดำเนินกำรจัดงำนเทศน์มหำชำติ วันที่ ๑- ๒ ธนั วำคม ๔. สรุปภำพรวมกิจกรรมรำยงำนต่อผ้มู สี ว่ นเก่ยี วขอ้ ง ผลคาดวา่ จะไดร้ ับ ๑. สำมเณรนักเรียนทุกรูปได้เข้ำร่วมกิจกรรมตำมโครงกำรเทศกำลเทศน์มหำชำติและได้รับกำร กระตุ้นให้เกดิ ควำมสนใจกำรฝกึ ทักษะกำรเทศน์มหำชำติต่อไป ๒. สำมเณรไดม้ โี อกำสใหส้ ำมเณรได้แสดงควำมสำมำรถด้ำนกำรเทศน์มหำชำติ ๓. ประชำชนที่มำรว่ มงำนมคี วำมสขุ และซำบซ้งึ กับกำรทไ่ี ดร้ ับฟังกำรเทศน์มหำชำติ อันเปน็ กำรสืบทอดวัฒนธรรมอนั ดงี ำมตอ่ ไป ลงชื่อ ผ้เู สนอโครงกำร (พระครูอนุกูลนันทกิจ) ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรมวัดนโิ ครธำรำม

กาหนดการงานเทศนม์ หาชาติ คร้งั ท่ี ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ วนั เสาร์ ท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ - สำมเณรนักเรยี นและศรัทธำประชำชน ร่วมจัดสถำนทงี่ ำนเทศน์มหำชำติ วนั อาทิตย์ ท่ี ๑ ธนั วาคม ๒๕๖๒ เวลำ ๐๕.๐๐ น. เทศน์ อำนิสงส์มหำเวสสนั ดร เวลำ ๐๖.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ ทศพร เวลำ ๐๗.๐๐ น. ทำบญุ ตักบำตร - ประธำนฯ จุดธูปเทยี นบชู ำพระรตั นตรยั กล่ำวคำนมสั กำรพระรตั นตรยั - พิธีทำบุญทักษิณำนุปทำน อุทศิ ถวำยแด่ พระครพู รหมวรี สุนทร อดตี เจำ้ อำวำสและผ้จู ัดกำร โรงเรยี น - ทำบุญตกั บำตร - ถวำยจตปุ จั จัย ไทยธรรม แด่พระสงฆ์ - ประธำนสงฆ์กลำ่ วสัมโมทนยี คำถำ พระสงฆ์อนโุ มทนำ - ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ และคณะศรัทธารว่ มรับประทานอาหารเช้า เวลำ ๐๘.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ หมิ พำนต์ เวลำ ๐๙.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ ทำนกณั ฑ์ เวลำ ๑๐.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ วนปเวสน์ เวลำ ๑๑.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ ชชู ก เวลา ๑๑.๓๐ น. ถวายภตั ตาหารเพล /ผ้มู าร่วมงานรับประทานอาหาร เวลำ ๑๓.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ จุลพน เวลำ ๑๔.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ มหำพน เวลำ ๑๕.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ กุมำรบรรพ์ เวลำ ๑๖.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ มัทรี เวลา ๑๗.๓๐ น. ถวายน้าปานะ/ผูม้ าร่วมงานรบั ประทานอาหาร เวลำ ๑๘.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ สกั บรรพ์ เวลำ ๑๙.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ มหำรำช เวลำ ๒๑.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ สักขัตติย์ เวลำ ๒๒.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ นคร



กาหนดการงานเทศนม์ หาชาติ ครัง้ ท่ี ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ โรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรมวดั นิโครธาราม ตาบลปา่ คา อาเภอทา่ วังผา จงั หวดั นา่ น ในโครงการตามพระราชดารสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี รว่ มกบั ชุมชนหมู่บา้ นต้นฮ่าง ตาบลปา่ คา อาเภอท่าวังผา จังหวัดนา่ น วันอาทติ ย์ ท่ี ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ********* วนั เสารท์ ี่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เวลำ ๐๕.๐๐ น. เทศนอ์ ำนสิ งสม์ หำเวสสันดร พระครอู นุกลู นนั ทกิจ ผู้อำนวยกำรโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรมวัดนิโครธำรำม เวลำ ๐๖.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ ทศพร สำมเณรกรรชัย ยำวชิ ยั วดั สบหนอง เวลำ ๐๗.๐๐ น. ทำบญุ ตักบำตร - ประธำนในพิธี อาจารยผ์ ่องพรรณ เอกอาวุธ จดุ ธูปเทียนบูชำพระรัตนตรยั - มคั นำยก นำกล่ำวคำนมสั กำรพระรัตนตรยั รบั ศีล - พธิ ีทำบญุ ทักษิณำนุปทำน อุทิศถวำยแด่ พระครูพรหมวีรสนุ ทร อดตี เจ้ำอำวำสและผู้จัดกำรโรงเรียน - ทำบญุ ตักบำตร - ถวำยจตปุ ัจจยั ไทยธรรม แดพ่ ระสงฆ์ - ประธำนสงฆก์ ลำ่ วสมั โมทนยี คำถำ พระสงฆ์อนโุ มทนำ - ถวำยภัตตำหำรเชำ้ แด่พระสงฆ์ และคณะศรทั ธำรว่ มรับประทำนอำหำรเชำ้ เวลำ ๐๘.๐๐ น.เทศน์กัณฑ์ หิมพำนต์ สำมเณรภูมพิ ัฒน์ ทดั เจริญ วดั สวุ รรณำวำส เวลำ ๐๙.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ ทำนกณั ฑ์ สำมเณรอกั ษร ธงหิมะ วดั หนองบวั เวลำ ๑๐.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ วนปเวสน์ สำมเณรชำตชิ ำย ผำแกว้ วดั ปคู ำ เวลำ ๑๑.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ ชชู ก สำมเณรพิสฐิ จนั ธิมำ วัดหนองบัว เวลำ ๑๓.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ จุลพน สำมเณรชนิ วตั ร กิตต๊ะ วัดคัวะ-ดอนทอง เวลำ ๑๔.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ มหำพน สำมเณรณฐั พล สิทธิ วัดควั ะ-ดอนทอง เวลำ ๑๕.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ กุมำรบรรพ์ สำมเณรณฐั พงษ์ ทองศรี วัดขอน เวลำ ๑๖.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ มัทรี สำมเณรอักษร ธงหมิ ะ วัดหนองบัว เวลำ ๑๘.๐๐ น. เทศน์กัณฑ์ สกั บรรพ์ สำมเณรพชิ ติ ปญั ญำ วัดจักวรรณ เวลำ ๑๙.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ มหำรำช สำมเณรชินวัตร ศรีผำวงค์ วัดชนะไพรี เวลำ ๒๑.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ สักขัตตยิ ์ สำมเณรวรี ภทั ร มแี สง วดั ควั ะ-ดอนทอง เวลำ ๒๒.๐๐ น. เทศนก์ ัณฑ์ นครเทศน์ พระพลรตั น์ พลชโย วดั หนองบวั คติความเช่ือพธิ ีการฟังเทศนม์ หาชาติ ตามจกั รราศีปีเกดิ ๑. เกิดปชี วด ทำบุญเปน็ เจ้ำภำพบูชำฟังธรรม กัณฑ์ทศพร มี ๑๙ พระคำถำ ๒. เกิดปฉี ลู ทำบุญเปน็ เจำ้ ภำพบูชำ กัณฑ์หิมพำนต์ มี ๑๓๔ พระคำถำ ๓. เกิดปขี ำล ทำบุญเป็นเจ้ำภำพบชู ำ กณั ฑ์ทำนกัณฑ์ มี ๒๐๙ พระคำถำ ๔. เกดิ ปเี ถำะ ทำบุญเป็นเจ้ำภำพบูชำ กัณฑว์ นปเวสน์ มี ๕๗ พระคำถำ

๕. เกิดปมี ะโรง ทำบญุ เป็นเจำ้ ภำพบูชำ กณั ฑช์ ูชก มี ๗๙ พระคำถำ ๖. เกิดปมี ะเส็ง ทำบุญเป็นเจำ้ ภำพบูชำ กณั ฑจ์ ุลพน มี ๓๕ พระคำถำ ๗. เกดิ ปีมะเมยี ทำบุญเปน็ เจ้ำภำพบูชำ กณั ฑ์มหำพน มี ๘๐ พระคำถำ ๘. เกดิ ปีมะแม ทำบุญเป็นเจำ้ ภำพบูชำ กณั ฑ์กุมำร มี ๑๐๑ พระคำถำ ๙. เกิดปีวอก ทำบุญเปน็ เจ้ำภำพบูชำ กณั ฑ์มทั รี มี ๙๐ พระคำถำ ๑๐. เกดิ ปรี ะกำ ทำบุญเป็นเจ้ำภำพบูชำ กณั ฑ์สักกบรรพ์ มี ๔๓ พระคำถำ ๑๑. เกดิ ปจี อ ทำบญุ เปน็ เจำ้ ภำพบูชำ กณั ฑ์มหำรำช มี ๖๙ พระคำถำ ๑๒. เกิดปีกุณ ทำบุญเปน็ เจ้ำภำพบชู ำ กัณฑ์ฉกษัตริย์ มี ๓๖ พระคำถำ ๑๓. ทุกๆปีเกิด ควรฟังร่วมกันทงั้ หมด กัณฑ์นคร มี ๔๘ พระคำถำ เป็นกณั ฑย์ อดมงคลกลำ่ วถึงพระเวสสันดร นิวตั ิสูพ่ ระนคร ฝนโบกขรพรรษ ตกลงมำเป็นรัตนะต่ำงๆ จดั เปน็ บญุ ย่ิงยอด อานิสงสก์ ารฟังเทศน์มหาชาติ อำนสิ งสก์ ำรฟงั เทศน์มหำชำติ กำรตั้งใจฟังเทศนม์ หำชำติให้จบเพียงวนั เดียว ครบบรบิ ูรณท์ ัง้ ๑๓ กัณฑ์ จะเป็นเหตุให้สำเรจ็ ควำมปรำรถนำทกุ ประกำรดังนี้ ๑. เม่ือตำยจำกโลกน้ีแล้ว จะได้สมบัติ ๓ ประกำร คือจะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพำน สมบัติ หมำยควำมวำ่ เกิดชำติใหม่จะไมต่ ่ำกว่ำมนษุ ย์ และจะเป็นมนษุ ย์ที่สมบูรณแ์ บบ ซ่ึงมที ้ังมีควำมสขุ ควำม รวย ควำมสวย ควำมดี เรียกวำ่ เกดิ ชำติใหมจ่ ะไมย่ ำกไม่จน ๒. เม่อื ตำยไปแลว้ จะไปเกิดในสุคตโิ ลกสวรรค์ จะเสวยทิพยสมบตั มิ โหฬำร ๓. เม่ือตำยไปแล้วรับประกันได้ว่ำจะไม่ตกลงไปในอบำย หรือที่เรำเรียกกันว่ำ จะไม่ตกนรก ยกเว้นแต่ ทำกรรมอย่ำงหนัก เช่น ฆ่ำพอ่ ฆ่ำแม่ ดังนเ้ี ป็นต้น ๔. เมอ่ื ถงึ ยคุ พระพุทธเจ้ำพระนำมว่ำ ศรีอริยเมตไตย เทพบุตร เทพธิดำ ที่เคยฟังเทศน์มหำชำตเิ หล่ำนั้น จักได้จุติลงไปเกดิ เปน็ มนษุ ย์ พร้อมด้วย ลำภ ยศ พบแต่ควำมสุข นิจนริ ันดร์ จะได้ฟงั พระธรรมเทศนำต่อหน้ำ พระพักตร์ของพระพุทธองค์นำมว่ำพระศรีอริยเมตไตย ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนำ ก็จักได้บรรลุมรรคผล นิพพำน เป็นพระอริบุคคลใน พระบวรพุทธศำสนำในอนำคตกำล ตรงน้ีเป็นคำกล่ำวของพระศรีอริยเมตไตย เทพบุตร ที่บอกกับพระมำลัยเถระว่ำถ้ำใครอยำกจะพบศำสนำของโยมจงหมั่นฟังเทศน์มหำชำติ ให้ครบ ๑๓ กัณฑ์ ๑๐๐๐ พระคำถำ เพรำะภำยภำคหน้ำนอกจำกจะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ แล้ว หำกปรำรถนำจะ พบศำสนำพระศรีอริยเมตไตยก็จะได้พบสมควำมปรำรถนำ จึงถือว่ำกำรฟังเทศน์มหำชำติจนครบ ๑๓ กัณฑ์ เป็นบุญใหญ่ไดก้ ศุ ลแรงซึง่ เปน็ กำรทำบญุ ทีท่ ำไดย้ ำก อานสิ งส์การทาบุญฟงั เทศน์มหาชาติ แยกแตล่ ะกณั ฑ์ นอกจำกอำนิสงส์โดยรวมในกำรฟังเทศน์มหำชำติทั้ง ๑๓ กัณฑ์ แล้ว ในแต่ละกัณฑ์ยังมีอำนิสงส์แยก ยอ่ ยออกไปอกี ซึง่ ในแต่ละกัณฑก์ ม็ ีอำนิสงส์แตกต่ำงกันไป เรยี กว่ำแล้วแตใ่ ครอยำกจะได้อำนสิ งสข์ องกณั ฑ์ไหน ก็บชู ำกัณฑ์นัน้ ไป ดงั น้ี

ผูใ้ ดบูชากัณฑท์ ศพร จะได้อำนสิ งส์ดังน้ี จะไดร้ ับทรัพยส์ มบัติดังปรำรถนำ ถ้ำเป็นสตรีจะได้สำมเี ป็นท่ีชอบเนื้อ เจริญใจ ถ้ำเป็นบุรุษจะได้ภรรยำเป็นที่ต้องประสงค์ ท้ังจะได้บุตรหญิงชำย เป็นคนว่ำนอนสอนง่ำย มีรูปกำย งดงำม มีควำมประพฤตดิ ี กิริยำวำจำเรียบรอ้ ยทุกประกำร ผใู้ ดบูชากัณฑห์ ิมพานต์ จะได้อำนสิ งส์ดังน้ี ยอ่ มไดใ้ นสิ่งทปี่ รำรถนำทุกประกำร คร้นั ตำยไปแล้วจะไดไ้ ปบังเกิด ในสุคติโลกสวรรค์ เสวยสมบัติอันโอฬำร มีบริวำรแวดลอ้ มบำรุงบำเรออยู่เป็นนิจ ครั้นจุติจำกสวรรค์แล้วจะลง มำเกิดในตระกูลขัตติยะมหำศำล หรือตระกูลพรำหมณ์มหำศำลอันบรบิ ูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคำร บริวำรมำกมำย นำนำประกำร เช่น โค กระบือ ช้ำง ม้ำ รถ ยำนพำหนะ นับประมำณมิได้ ประกอบด้วยควำมสุขกำยสบำยใจ ทุก ๆ อริ ยิ ำบถ ผู้ใดบูชากัณฑ์ทานกัณฑ์ จะได้อำนิสงส์ดังน้ี จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวนเงินทอง ทำส ทำสี และสัตว์สองเท้ำสี่ เท้ำ คร้ันตำยแล้วจะได้ไปเกิดในฉกำมำพจรสวรรค์ มีนำงเทพอัปสรแวดล้อมมำกมำย เสวยสุขอยู่ในปรำสำท แลว้ ด้วยแกว้ ๗ ประกำร ผู้ใดบูชากัณฑ์วนปเวสน์ จะได้อำนิสงส์ดังน้ี จะได้รับควำมสุขทั้งโลกน้ีและโลกหน้ำ จะได้เป็นบรมกษัตริย์ใน ชมพูทวีปเป็นผู้ทรงปรีชำ เฉลียวฉลำด สำมำรถปรำบอริรำชศัตรูให้ย่อยยับไป ผู้ใดบูชำกัณฑ์ชูชก จะได้ อำนิสงส์ดังน้ี จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์ ประกอบด้วยสมบัติอันงดงำมกว่ำชนทั้งหลำยจะเจรจำปรำศรัยก็ ไพเรำะเสนำะโสต แมจ้ ะได้สำมภี รรยำและบุตรธดิ ำ กล็ ้วนแต่มรี ปู ทรงงดงำมสอนง่ำย ผู้ใดบูชากัณฑ์จุลพน จะได้อำนิสงส์ดังน้ี แม้จะบังเกิดในภพใด ๆ จะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทรัพย์บริวำร จะมี อุทยำนอันดำรดำษด้วยดอกไม้หอมตลบไป แล้วจะมีสระโบกขรณีอันเต็มไปด้วยปทุมชำติ ครั้นตำยไปแล้วก็ได้ เสวยทิพยส์ มบัตใิ นโลกหนำ้ สืบไป ผู้ใดบูชากัณฑ์มหาพน จะได้อำนิสงสด์ ังนี้ จะได้เสวยสมบัติในดำวดึงส์เทวโลก และจะได้ลงมำเกิดเปน็ กษัตริย์ มหำศำล มีทรัพยศ์ ฤงคำรบริวำรมำก มีอุทยำนและสระโบกขรณีเป็นทีป่ ระพำส เป็นผู้บริบูรณด์ ้วยศักดำนุภำพ เฟื่องฟงุ้ ไปทว่ั ชมพทู วปี อกี จักไดเ้ สวยอำหำรทิพยเ์ ปน็ นจิ นริ นั ดร ผู้ใดบูชากัณฑ์กุมาร จะได้อำนิสงส์ดังนี้ ย่อมประสบควำมสำเร็จในสิ่งท่ีพึงปรำรถนำคร้ันตำยไปได้เกิดใน ฉกำมำพจรสวรรค์ ในสมัย ท่ีพระศรีอำริยเมตไตรยมำอุบัติก็จะได้พบศำสนำของพระองค์ จะได้ถือปฏิสนธิใน ตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนำของพระองค์แล้วบรรลุพระอรหัตผลพร้อมด้วย ปฏิสมั ภิทำทัง้ ๔ ดว้ ยบญุ รำศที ไ่ี ดอ้ บรมไว้ ผใู้ ดบูชากัณฑ์มัทรี จะได้อำนิสงส์ดังนี้ เกดิ ในโลกหนำ้ จะเปน็ ผู้มั่งค่ัง สมบูรณ์ดว้ ยทรัพยส์ มบัติ เป็นผู้มีอำยุยืน ยำว ท้ังประกอบด้วยรปู โฉมงดงำมกวำ่ คนทั้งหลำย จะไปในทีใ่ ด ๆ ก็จะมแี ตค่ วำมสุขทุกแห่งหน ผู้ใดบูชำกณั ฑ์ สักกบรรพ จะได้อำนิสงส์ดังน้ี จะได้เป็นผู้เจริญด้วยลำภ ยศ ตลอดจนจตุรพิธพร ท้ัง ๔ ประกำร ได้แก่ อำยุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดกำล ผู้ใดบูชากัณฑ์มหาราช จะได้อำนิสงส์ดังน้ี จะได้มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพำนสมบัติ เม่ือเกิดเป็น มนุษย์จะได้เป็นพระรำชำ เมื่อจำกโลกมนุษย์ไปก็จะได้ไปเสวยทิพย์สมบัติ ในฉกำมำพจรสวรรค์ มีนำงเทพ อัปสรเป็นบริวำร คร้ันบำรมีแก่กล้ำก็จะได้นิพพำนสมบัติอันตัดเสียซึ่งชำติชรำ พยำธิ มรณะ พ้นจำกโอฆะท้ัง สำม มกี ำรโมฆะ เป็นตน้ ผู้ใดบูชากัณฑ์ฉกษัตริย์ จะได้อำนิสงส์ดังนี้ จะได้เป็นผู้เจริญด้วยพร ๔ ประกำร คือ อำยุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆ ชำตแิ ล ผใู้ ดบูชากัณฑ์นครกัณฑ์ จะได้อำนิสงส์ดังน้ี จะได้เป็นผู้บริบรู ณ์ด้วยวงศำคณำญำติ มีข้ำทำสชำยหญิง ภรรยำ สำมี หรือบิดำมำรดำ เป็นต้น อยู่พร้อมหน้ำกันโดยควำมผำสุก ปรำศจำกโรคำพำธ ท้ังปวง จะทำกำรใด ๆ ก็ พร้อมเพรยี งกัน ยงั กำรงำนนั้น ๆ ให้สำเรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี

แบบประเมินความพึงพอใจงานเทศน์มหาชาติ คร้งั ที่ ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ โรงเรียนพระปริยัตธิ รรมวดั นิโครธาราม ตาบลป่าคา อาเภอท่าวังผา จังหวดั น่าน ในโครงการตามพระราชดาริสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี วนั อาทิตย์ ที่ ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ คาชแี้ จง โปรดทาเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งทต่ี รงกับความพงึ พอใจของท่านเพยี งระดับเดยี ว เกณฑก์ ารประเมิน 5 = มำกทสี่ ดุ 4 = มำก 3 = ปำนกลำง 2 = น้อย 1 = น้อยท่ีสุด รายการ ระดบั ความพึงพอใจ มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยท่ีสุด 54321 1. กระบวนการ ขั้นตอน 1.1 กำรประชำสัมพันธง์ ำนเทศนม์ หำชำติ 1.2 สถำนท่ีจัดงำนมีควำมเหมำะสม 1.3 สถำนทจ่ี อดรถมีควำมเหมำะสมและเพยี งพอ 1.4 สิง่ อำนวยควำมสะดวกภำยในงำน 1.5 รูปแบบกำรจัดสถำนที่จัดงำน 1.6 ควำมพรอ้ มของอปุ กรณ์โสตทัศนปู กรณ์ 1.7 วันและเวลำของกำรจัดงำนมีควำมเหมำะสม 1.8 กจิ กรรมกำรจดั งำนน่ำสนใจ และประทับใจ 2. การจัดแสดงนทิ รรศการ 2.1 เทศน์ อำนิสงส์มหำเวสสันดร 2.2 เทศนก์ ณั ฑ์ ทศพร 2.3 เทศน์กณั ฑ์ หมิ พำนต์ 2.4 เทศนก์ ัณฑ์ ทำนกณั ฑ์ 2.5 เทศน์กัณฑ์ วนปเวสน์ 2.6 เทศน์กณั ฑ์ ชูชก 2.7 เทศนก์ ณั ฑ์ จุลพน 2.8 เทศนก์ ัณฑ์ มหำพน 2.9 เทศน์กณั ฑ์ กุมำรบรรพ์ 2.10 เทศน์กัณฑ์ มทั รี 2.11 เทศนก์ ัณฑ์ สกั บรรพ์ 2.12 เทศนก์ ัณฑ์ มหำรำช 2.13 เทศนก์ ัณฑ์ สกั ขัตตยิ ์ 2.14 เทศนก์ ัณฑ์ นคร ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................

สรปุ แบบประเมนิ ความพึงพอใจงานเทศน์มหาชาติ ครั้งที่ ๘ ประจาปี ๒๕๖๒ โรงเรียนพระปริยัตธิ รรมวดั นิโครธาราม ตาบลป่าคา อาเภอท่าวงั ผา จงั หวดั นา่ น ในโครงการตามพระราชดาริสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี วนั อาทิตย์ ที่ ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการ ระดับความพึงพอใจ ค่าเฉล่ยี รอ้ ยละ แปลผล 1. กระบวนการ ขัน้ ตอน 1.1 กำรประชำสัมพนั ธ์งำนเทศนม์ หำชำติ 4.68 93.60 มำกที่สุด 1.2 สถำนทีจ่ ดั งำนมีควำมเหมำะสม 4.50 90.00 มำกที่สุด 1.3 สถำนท่จี อดรถมีควำมเหมำะสมและเพียงพอ 4.51 90.20 มำกทส่ี ุด 1.4 ส่งิ อำนวยควำมสะดวกภำยในงำน 4.64 92.80 มำกทสี่ ุด 1.5 รปู แบบกำรจดั สถำนท่ีจัดงำน 4.82 96.40 มำกที่สุด 1.6 ควำมพรอ้ มของอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ 4.25 85.00 มำก 1.7 วันและเวลำของกำรจดั งำนมีควำมเหมำะสม 4.68 93.60 มำกท่สี ดุ 1.8 กจิ กรรมกำรจดั งำนนำ่ สนใจ และประทับใจ 4.78 95.60 มำกที่สดุ 2. การจัดแสดงนิทรรศการ 2.1 เทศน์ อำนิสงสม์ หำเวสสันดร 4.39 87.80 มำก 2.2 เทศน์กัณฑ์ ทศพร 4.66 93.20 มำกที่สุด 2.3 เทศน์กณั ฑ์ หิมพำนต์ 4.64 92.80 มำกทส่ี ดุ 2.4 เทศนก์ ัณฑ์ ทำนกณั ฑ์ 4.35 87.00 มำก 2.5 เทศน์กณั ฑ์ วนปเวสน์ 4.64 92.80 มำกทส่ี ุด 2.6 เทศนก์ ัณฑ์ ชูชก 4.53 90.60 มำกท่สี ุด 2.7 เทศนก์ ัณฑ์ จุลพน 4.67 93.40 มำกที่สดุ 2.8 เทศน์กณั ฑ์ มหำพน 4.70 94.00 มำกทส่ี ุด 2.9 เทศน์กณั ฑ์ กุมำรบรรพ์ 4.69 93.80 มำกที่สดุ 2.10 เทศน์กัณฑ์ มทั รี 4.77 95.40 มำกที่สุด 2.11 เทศน์กัณฑ์ สกั บรรพ์ 4.64 92.80 มำกทสี่ ุด 2.12 เทศนก์ ัณฑ์ มหำรำช 4.61 92.20 มำกที่สดุ 2.13 เทศน์กัณฑ์ สกั ขตั ติย์ 4.56 91.20 มำกทส่ี ดุ 2.14 เทศนก์ ัณฑ์ นคร 4.64 92.80 มำกทส่ี ุด 4.61 92.14 มำกท่ีสุด ภาพรวม สรุปแบบประเมินควำมพึงพอใจงำนเทศน์มหำชำติมีควำมพึงพอใจระดับมำกที่สุด คิดเป็นร้อยละ 92.14 เม่ือพิจำรณำรำยขอ้ พบว่ำนักเรียนมีควำมพึงพอใจสูงสุดคือ รปู แบบกำรจัดสถำนทีจ่ ัดงำน คิดเป็นร้อย ละ 96.40 รองลงมำคือกิจกรรมกำรจัดงำนน่ำสนใจและประทับใจ คิดเป็นร้อยละ 95.60 และเทศน์ กัณฑม์ ัทรี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 95.40 ตำมลำดบั

ประวัติความเปน็ มาของคาว่า “มหาชาต”ิ และเทศนม์ หาชาติ เวสสนั ดรชำดกนี้ เป็นเร่ืองใหญ่ยดื ยำว ท่ำนจึงจดั รวมไว้ ในมหำนบิ ำตชำดกรวมเร่ืองใหญ่ ๑๐ เรือ่ ง ท่เี รียกกนั ว่ำ ทศชำติ แต่อกี ๙ เรื่อง เหตุใดจงึ ไมเ่ รยี กวำ่ มหำชำติ คงเรียกแตเ่ วสสันดรชำดกเรือ่ งเดี่ยวว่ำ มหำชำติ ขอ้ นสี้ มเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศ์เธอกรมพระยำดำรงรำชำนภุ ำพโปรดประทำนอธิบำยว่ำ พทุ ธศำสนิกชน ชำวไทยตลอดจนประเทศใกล้เคียงนับถือกันมำแตโ่ บรำณวำ่ เรอ่ื งมหำเวสสันดรชำดกสำคัญกวำ่ ชำดกอ่นื ๆ ด้วย ปรำกฏบำรมีของพระโพธสิ ตั ว์บริบรู ณ์ในเรื่องมหำเวสสนั ดรชำดกทัง้ ๑๐ อย่ำงคือ ๑) ทำนบำรมี ทรงบรจิ ำคทรัพย์สนิ ช้ำง ม้ำ รำชรถ พระกุมำรท้งั สองและพระมเหสี ๒) ศลี ทำบำรมที รงรกั ษำศลี อย่ำงเคร่งครัดระหว่ำงทรงผนวชอยณู่ เขำวงกต ๓) เนกขัมมบำรมีทรงครองเพศบรรพชิตตลอดเวลำท่ีประทับณเขำวงกต ๔) ปญั ญำบำรมที รงบำเพ็ญภำวนำมัยปัญญำตลอดเวลำท่ีทรงผนวช ๕) วิริยบำรมีทรงปฏิบัตธิ รรมมไิ ดย้ ่อหยอ่ น ๖) สจั จบำรมที รงล่นั พระวำจำยกกุมำรให้ชชู กเม่ือพระกมุ ำรหลบหนีกท็ รงตดิ ตำมมำให้ ๗) ขนั ตบิ ำรมี ทรงอดทนต่อควำมยำกลำบำกต่ำงๆ ขณะทเี่ ดินทำงมำยังเขำวงกตและตลอดเวลำท่ี ประทับ ณ ทีน่ ัน่ แม้เม่ือทอดพระเนตรเห็นชูชกเฆ่ียนตพี ระกมุ ำรอยำ่ งทำรนุ พระองค์ก็ทรงข่มพระทัย ไว้ได้ ๘) เมตตำบำรมี เม่ือพรำหมณ์เมืองกลงิ ครำษฎร์ มำทลู ขอชำ้ งปัจจัยนำเคนทร์ เพรำะเมืองกลงิ ครำษฏ์ ฝนแล้ง ก็ทรงพระเมตตำประทำนให้ และเม่ือชชู กมำทูลขอสองกมุ ำร โดยอ้ำงวำ่ ตนไดร้ ับควำมลำบำก ตำ่ งๆพระองคก์ ็มเี มตตำประทำนใหด้ ว้ ย ๙) อุเบกขำบำรมเี มือ่ ทรงเหน็ สองกมุ ำรถกู ชชู กเฆีย่ นตี วิงวอนใหพ้ ระองคช์ ว่ ยเหลอื พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญ อุเบกขำคือทรงวำงเฉยเพรำะทรงเหน็ ว่ำได้ประทำนเป็นสทิ ธ์ิขำดแก่ชชู กไปแล้ว ๑๐) อธิษฐำนบำรมี คือทรงต้ังม่ันที่จะบำเพ็ญบำรมเี พ่อื ให้สำเรจ็ โพธญิ ำณเบ้ืองหน้ำ แม้จะมีอุปสรรคก็ มไิ ดท้ รงย่อท้อ จนพระอินทรต์ ้องประทำนควำมชว่ ยเหลอื ต่ำงๆ เพรำะตระหนักในนำ้ พระทยั อนั แนว่ แน่ ของพระองค์ จึงเรียกกันวำ่ มหำชำติ และพนั เอกพระสำรสำสนพ์ ลขันธ์ (เยรนิ ี) กลำ่ วไว้ว่ำพระโพธสิ ตั ว์ใน กำเนดิ พระเวสสันดรไดส้ ร้ำงแบบของมนุษย์ผู้ก้ำวถึงข้ันสงู สุดแหง่ กำรดำเนนิ ในทำงววิ ัฒนำกำร อนั นำไปสู่ ควำมเตม็ เป่ียมทำงจรยิ ธรรมและควำมรเู้ หมำะแกก่ ำรข้ำมพ้นโอฆะหว้ งสดุ ทำ้ ย ซง่ึ จะแยกออกเสียไดจ้ ำก กำรเกดิ เป็นเทวดำเพรำะเหตุนก้ี ำเนดิ สุดทำ้ ยจึงได้นำมว่ำ “มหำชำติ” กำรที่เรยี ก มหำเวสสันดรชำดกวำ่ “มหำชำติ”นี้ พทุ ธศำสนิกชนชำวไทยของเรำนยิ มเรยี ก และเป็นที่หมำยรู้กนั มำแตส่ มัยกรงุ สโุ ขทัยรำชธำนี เพรำะปรำกฏตำมศิลำจำรึกสมยั สโุ ขทยั หลกั ท่ี๓ ที่เรียกวำ่ จำรึก “นครชุม” ซงึ่ จำรึกไว้เมอ่ื พ.ศ.๑๙๐๐ ใน สมัยพญำลไิ ท (พระมหำธรรมรำชำที่๑) มกี ลำ่ วไว้ว่ำ “ธรรมเทศนำอนั เป็นต้นวำ่ พระพระมหำชำตหิ ำ คนสวดแลมิไดเ้ ลย” เชน่ นี้ แสดงให้เห็นวำ่ กำรมเี ทศน์มหำชำตนิ ้ี พทุ ธศำสนิกชนชำวไทยนิยมมีเทศน์ กนั มำนำนแต่สมัยสุโขทัยเป็นรำชธำนีควำมเป็นมำของคำว่ำ “มหำชำติ” และเทศน์มหำชำติ อนั เวสสนั ดร ชำดกนี้ คัมภีร์ธัมมบทขุททกนกิ ำยกลำ่ ววำ่ เปน็ พุทธดำรัสที่สมเด็จพระบรมศำสดำตรัสแก่ภกิ ษสุ งฆข์ ีณำสพ สองหมน่ื และมวลหมู่พระประยูรญำตทิ ่นี ิโครธำรำมมหำวิหำร ในนครกบิลพสั ด์ใุ นครำวเสดจ็ โปรดพระเจำ้ สุทโธทนะพทุ ธบดิ ำ และพระวงศศ์ ำกยะ เพรำะปรำรภฝนโบกขรพรรษให้เปน็ เหตจุ งึ ตรสั เวสสันดรชำดก ในท่ีน้ี

งานเทศนม์ หาชาติ งำนเทศนม์ หำชำตนิ ้ี นิยมทำกันหลังออกพรรษำพน้ หน้ำกฐินไปแลว้ อำจทำในวันขี้น ๘ คำ่ กลำงเดือน ๑๒ หรอื ในวันแรม ๘ คำ่ ก็ได้ ซึ่งในช่วงนี้นำ้ เริม่ ลดและข้ำวปลำอำหำรกำลงั อุดมสมบูรณ์ จงึ พรอ้ มใจกนั ทำบุญ ทำทำนและเล่นสนกุ สนำนรื่นเรงิ แตใ่ นภำคอสี ำนน้นั นยิ มทำกนั ในเดือน ๔ เรยี กวำ่ “งำนบุญผะเหวด” ซ่งึ เปน็ ช่วงทเ่ี สร็จจำกกำรทำบญุ ลำนเอำข้ำวเข้ำยุ้ง ในภำคกลำง บำงท้องถนิ่ ทำกันในเดือน ๕ ต่อเดือน ๖ กม็ ี งำนเทศน์ มหำชำตนิ ั้นจะทำในกำลพเิ ศษจะทำในเดอื นไหนก็ได้ไมจ่ ำกัดฤดูกำล โดยมำกเพื่อเปน็ กำรหำเงนิ เขำ้ วัด บำงแหง่ นิยมทำในเดือน ๑๐กำรเทศน์มหำชำตนิ ้นั มอี ยดู่ ว้ ยกนั ท้ังหมด ๑๓ กณั ฑ์ เป็นเร่ืองรำวเกี่ยวกบั พระเวสสนั ดรอัน เป็นพระชำติสดุ ท้ำยของพระบรมโพธสิ ตั ว์ กอ่ นท่จี ะมำประสตู ิเป็นเจ้ำชำยสิทธตั ถะและออกบวชจนตรัสรู้เป็น พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ วนั แรกเรม่ิ งำนด้วยพธิ ที ำบุญตกั บำตรพระทั้งวัด หรือเลย้ี งพระตำมจำนวนท่ีเห็นสมควร แลว้ เรม่ิ เทศน์ เวสสันดรชำดก ตำมแบบเทศนต์ ่อกันไปจนสดุ ๑๓ กณั ฑ์ ถึงเวลำกลำงคนื บำงแหง่ จัดปีพำทย์ประโคมระหวำ่ ง กณั ฑห์ นึง่ ๆ ตลอดท้ัง ๑๓ กัณฑด์ ว้ ย วนั รุ่งขน้ึ ทำบุญเล้ียงพระอีกแล้วมเี ทศน์ จตรุ ำริยสัจจกถำในระหว่ำงเพล จบแล้วเลีย้ งพระเพลเปน็ อันเสร็จพธิ ี การเทศน์มหาชาติในสังคมวัฒนธรรมล้านนา ประเพณีกำรเทศน์มหำชำติในสงั คมและวัฒนธรรมลำ้ นนำ น้ัน มีบทบำทที่แตกต่ำงไปจำกกำรฟังเทศน์ภำคกลำง เน่ืองจำกบริบทของสังคม ชำวล้ำนนำนน้ั มีต่ำงกนั ลกั ษณะ บทบำทในกำรฟังเทศน์น้ันมุ่งเน้นบทบำทสำคัญอยู่ 2 ประกำรดงั น้ี 1. บทบำทในกำรใหธ้ รรมะ หรือเพื่อควำมซำบซงึ้ ในรส พระธรรม 2. บทบำทในกำรให้ควำมเพลิดเพลิน เพรำะนอกจำกกำรฟังเพ่ือเกิดธรรมะแล้ว ยังได้อยู่ร่วมพบปะในกำร รว่ มกันฟังกำรแสดงธัมม์บำงกัณฑเ์ ช่นกัณฑ์ชูชก ทมี่ ีเนอื้ หำ ตลกขบขัน กำรฟังจึงเป็นเรื่องของควำมเพลิดเพลิน กัณฑ์กุมำรและกัณฑ์มัททีมีเนื้อหำ ทำงวรรณกรรม ท่ีไพเรำะ ลักษณะภำษำท่ีมีอรรถรส แสดงออกถึงควำม เศร้ำสร้อย เสียงโอดครวญ ทำให้ผู้ฟังเกิดอำรมณ์ร่วมเน้ือเรื่องที่เทศน์ได้ (ประคอง นิมมำนเหมินท์, 2524 ก: 4 - 5 ) ลั ก ษ ณ ะ ก ำ ร เ ท ศ น์ อ ย่ ำ ง มี แ บ บ แ ผ น แ บ บ ล้ ำ น น ำ แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง ช ำ ว ล้ ำ น น ำ ที่ เ ลื่ อ ม ใ ส พระพุทธศำสนำจำกอดีตมำจนถึงปัจจุบันสำเนียงกำรเทศน์ของกลุ่มชนต่ำงๆมีสำเนียงที่ต่ำงกันออกไปเช่น สำเนียงกำรเทศน์ของชำวไทลื้อมีสำเนียง ต่ำงกับสำเนียงกำรเทศน์ของชำวไทยอง ซ่ึงกำรเทศน์มัททีมีโอกำส กำรเทศน์ในงำนประเพณีย่ีเป็ง งำนประเพณีตั้งธัมม์หลวง งำนสืบชะตำ และงำนศพกำรเทศน์มหำชำตินิยมจัด ในงำนประเพณีตั้งธัมม์หลวง หรือประเพณีกำรฟังเทศน์ครั้งใหญ่ของชำวล้ำนนำ จัดในวันเพ็ญเดือนสิบสอง หรืออยู่เป็งและงำนทำนฉลำก กำรเทศน์ต้องมีวิธีกำรใส่กำพย์ต้น ตอนขึ้นต้นเทศน์กำพย์ปลำยตอนลงจบ ลกั ษณะวิธีกำรใส่กำพย์เดินทำนองน้ันมีควำมไพเรำะและเป็นเอกลักษณ์แบบล้ำนนำอย่ำงย่ิง ลักษณะประเพณี กำรเทศน์มหำชำติของเชียงใหมม่ ีเอกลักษณ์ทีแ่ ตกต่ำงจำกจังหวัดอ่ืนๆ ท้งั กระบวนกำรกำรฝึกกำรเทศน์ทำนอง และบทเทศน์กัณฑ์ต่ำงๆ เป็นต้น97 วำรสำรวิจิตรศิลป์ ปีท่ี 1 ฉบับที่ 1ชำวล้ำนนำเชื่อว่ำ กำรได้รับฟังเทศน์ มหำชำติอันเป็นเรือ่ งรำวของกำรบำเพ็ญกุศลของพระโพธิสัตว์ในชำติที่สำคัญ ก่อนที่เสด็จมำเสวยชำติเป็นพระ สัมมำสัมพุทธเจ้ำในชำติน้ีน้ันทำให้สำมำรถเกิดร่วมสมัยยุคพระศรีอริยเมตไตรยคือยุคที่ มีควำมสมบูรณ์พูนสุข เชอื่ ว่ำผู้ใดก็ตำมท่ีไดอ้ ยู่ร่วมสมัยกับพระศรีอรยิ เมตไตรยคดิ สงิ่ ใดจะสมปรำรถนำทุกประกำร ในงำนประเพณีตั้ง

ธัมม์หลวงพบว่ำ กำรเทศน์มหำชำติในแต่ละกัณฑ์ มีกำรใช้สัญลักษณ์ ส่ิงของ รวมถึงวิธีกำรกำรฟังเทศน์ที่ส่ือ ควำมหมำยเกย่ี วข้องกบั เนอื้ หำของกำรเทศน์มหำชำตแิ ต่ละกณั ฑร์ วมถึงจำนวนสง่ิ ของและประทีปเคร่ืองบูชำ ก็ ล้วนมีควำมเกย่ี วขอ้ งกนั ทั้งสน้ิ กำรเทศน์มหำชำตมิ ีอิทธพิ ลต่อสงั คมไทย ในดำ้ นควำมเชอ่ื คอื เช่ือว่ำผู้ใดไดฟ้ งั เทศน์มหำชำติครบ ๑๓ กณั ฑจ์ บ ภำยในวนั เดยี วผู้นน้ั ก็จะไดร้ บั อำนสิ งส์๕ประกำรคือ 1.จะไดเ้ กิดในศำสนำของพระศรีอริยเมตไตรยซงึ่ จะมำอบุ ัติเปน็ พระพทุ ธเจ้ำในอนำคต 2.จะไดไ้ ปเกิดในสุคตโิ ลกสวรรคเ์ สวยทิพยสมบตั อิ นั โอฬำร 3.จะไม่ไปเกดิ ในอบำยทุคตวิ ินบิ ำต 4.จะเป็นผมู้ ีลำภยศไมตรีและควำมสขุ 5.จะไดบ้ รรลมุ รรคผลนพิ พำนเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศำสนำ นอกจำกน้ี ยงั มีอิทธพิ ลต่อสังคมไทยในด้ำนต่ำง ๆ เช่น ศีลธรรม จรยิ ธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วรรณกรรม จิตรกรรม กำรศกึ ษำ ตลอดถึงกำรเมืองกำรปกครองของไทยอกี ดว้ ย ความสาคัญของเทศน์มหาชาติ กำรเทศน์มหำชำติเป็นประเพณีไทยโบรำณท่ีดำรงมำช้ำนำนต้ังแต่ก่อนตั้งกรุงศรีอยุทธยำไม่ต่ำกว่ำ 570 ปี จนถึงปัจจุบันเป็นประเพณีท่ีสะท้อนให้เห็นถึงควำมเจริญรุ่งเรืองควำมอุดมสมบูรณ์ บ้ำนเมืองร่มเย็น พุทธศำสนำในประเทศไทยรุ่งเรืองพุทธศำสนิกชนมีกุศลจิตเห็นคุณค่ำของกำรเทศน์มหำชำติว่ำเป็น “พุทธวัจ นะ”ท่ีสมเด็จพระพุทธเจ้ำตรัสประทำนแด่พระภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัท ณ นิโครธำรำมผู้ใดสดับก็ย่อมเกิดสิริ สวัสดิมงคลหำกได้ฟังเทศน์มหำชำติอันสดับด้วยพระคำถำถึงพันในวันและเดือนเดียวให้จบจะมีอำนิสงฆ์ทำให้ พบพระศำสนำของพระศรีอำริยเมตไตรผู้ฟังก็จะมีควำมสุขควำมเจริญ มหำชำติคำหลวงกำพย์มหำชำติ กลอน เทศน์ร่ำยยำวมหำเวสสันดรชำดกเป็นวรรณคดีล้ำค่ำของไทย เป็นมรดกทำงวัฒนธรรมผู้อ่ำนจะได้รับควำม เพลิดเพลินและคุณค่ำจำกถ้อยควำมที่เรียงร้อยพระยำอนุมำนรำชธน กล่ำวไว้ในหนังสือศึกษำวรรณคดีและ วรรณศิลป์ว่ำวรรณคดีมีควำมหมำยแบ่งอย่ำงกว้ำงๆ ได้สองนัยคือ วรรณคดีทั่วไป และ วรรณคดีวรรณศิลป์ วรรณคดีจึงเปรียบเสมือนกระจกเงำสะท้อนให้เห็นสภำพควำมเป็นอยู่ของบุคคลในสังคมแต่ละยุคสมัยผู้ศึกษำ วรรคดีจะได้เรียนรู้ เข้ำใจส่ิงท่ีกวีถ่ำยทอดเป็นลำยลักษณ์อักษรเนื้อเร่ืองในวรรณคดีมุ่งสอนให้เห็นผลของกำร กระทำเช่น ทำดยี ่อมได้รบั ผลแหง่ กำรทำดี อันเป็นหลักพทุ ธศำสนำแสดงใหเ้ ห็นถึงอิทธพิ ลของพทุ ศำสนำท่ีมตี ่อ สังคมไทยคณุ ค่ำของมหำชำตปิ ระกำรสำคัญนัน้ เปน็ รำกฐำนของกำรดำเนนิ ชวี ิต คือ พทุ ธปรัชญำ พทุ ธปรัชญำท่ี ปรำกฏในมหำชำติเน้นอย่ำงง่ำยท่ีคนในสังคมจะเข้ำใจได้ เช่น ควำมเชื่อในควำมไม่เที่ยวแท้ของชีวิต เช่ือว่ำ มนษุ ย์จะพบควำมสุขท่แี ท้จริง คือ กำรออกบวชกำรบริจำคทำน ดงั เชน่ พระเวสสันดรบริจำคบุตรทำรทำนและ ปฏิบัติธรรม เพื่อหวังผลพระสัมโพธิญำณซึ่งเป็นควำมศรัทธำและอุดมคติของพระพุทธศำสนิกชนดังตัวอย่ำงท่ี พระเวสสันดรพรรณนำถึงพระโพธิญำณเมื่อทรงขอให้สองกุมำรไปกับชูชกตำมที่ชูชกทูลขอชำวพุทธมีควำมเชื่อ ว่ำชีวิตน้ีเป็นทุกข์กำรดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นไปตำมกฎแห่งกรรมรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สิ่งเหล่ำนี้ไม่จีรัง และเป็นเครื่องทำให้คนหลงผิดพุทธปรัชญำดังกล่ำวจะพบในวรรณกรรมไทยกวีผู้รจนำมักจ ะแฝงปรัชญำโดย มิได้แจกแจงอย่ำงแจ่มชัดแต่ผู้อ่ำนจะได้รับโดยวิจำรณญำณ เพ่ือยึดเป็นสรณะมหำชำติมีคุณค่ำอยู่ในเรื่อง เพรำะกวไี ดถ้ ่ำยทอดประสบกำรณ์ของตนไปสู่ผอู้ ่ืนและมลี ักษณะรว่ มท่ีผูอ้ ื่นจะเข้ำใจได้ เชน่ ควำมศรัทธำ ควำม เช่ือในรสพระธรรม วิธีกำรปฏบิ ัติธรรมกำรปฏิบัติตนเป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงหรือเรียกอีกนัยหน่ึงว่ำผู้บรรลุโสดำบัน อันเป็นจุดมุ่งหมำย ของศำสนำพุทธควำมกตัญญูกตเวทีต่อบุพกำรีเป็นคุณค่ำอันสูงส่งประกำรหน่ึงที่บุคคลใน

วัฒนธรรมไทยยึดถือปฏิบัติกันอย่ำงจริงจังพ่อ แม่ ครู อำจำรย์เป็นปูชนียบุคคลซ่ึงต้องแสดงควำมกตัญญู ตอบสนองพระคุณท่ำนในโอกำสนำงอมิตดำ ยอมเป็นภรรยำชูชกก็ด้วยเหตุผลท่ีว่ำ“เป็นลูกเหล่ำตระกูลไม่เสีย ชำติไม่คิดว่ำตัวเป็นสำวได้ผัวแก่แล้วเป็นเมียทำส คิดว่ำเป็นทุกข์ของพ่อ แม่ กรรมแล้วก็ตำมกรรม ”จึงเป็น ควำมคิดท่ียังอยู่ในใจของบุคคลในสังคมไทยเสมอมำพระชำลี พระกัณหำ ยอมเป็นทำสของชูชกด้วยเหตุดุจ เดียวน้ีดังได้ทรำบมำแล้วว่ำมหำชำติ เป็นวรรณกรรมพุทธศำสนำท่ีแฝงไว้ด้วยพุทธปรัชญำหลำยประกำรถ้ำ พิจำรณำอย่ำงดีจะพบว่ำ กวีได้สร้ำงตัวละครให้แสดงพฤติกรรมของปุถุชนเช่น พระเวสสันดรเป็นผู้แสวงธรรม ปรมัตถ์เบื้องแรกนั้นยังไม่สำมำรถจะดับกิเลสได้ ยังมีควำมโกรธควำมรักควำมสงสำรสองกุมำร ควำมเช่ือเรื่อง โชคลำงเปน็ อีกหนงึ่ เรอื่ งทีป่ รำกฏอยู่ในมหำชำติเป็นเรื่องของวธิ ีดำเนินชีวติ ของคนไทยเชน่ ชชู กจะเดินทำงออก จำกบำ้ น จะทำพิธี“ประทักษิณวนเวียนวงได้สำมรอบ ตำมฉบบั ระบอบไสยศำสตรเ์ พทวำ่ ทั้งผู้อยกู่ จ็ ะไม่มีภัย ทั้ง ผู้ไปก็จะไม่มีเหตุอยำกให้สวัสดิเจริญทั้งสองข้ำง ก็เป็นจำรีตเย่ียงอย่ำงว่ำเกิดคุณ”ชูชกจะแต่งกำยด้วยสีขำว เพรำะผู้ที่ได้พบเห็นจะคิดว่ำเป็นชีปะขำวหรือดำบสนักบวชน้ันบุคคลท่ัวไปย่อมเกรงขำมผู้ศึกษำมหำชำติจะ พบว่ำ มหำชำติมีคุณค่ำนำนำประกำรปรำกฏในวัฒนธรรมของสังคมไทยโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งสังคมชนบทยังคง ปฏิบัติกันอยู่สว่ นสงั คมเมอื งนัน้ ได้รับอิทธพิ ลทำงวิทยำศำสตร์ควำมเชื่อถือโชคลำงจึงลดน้อยลงแต่พุทธปรัชญำ ในมหำชำตยิ ังให้คณุ ประโยชน์แก่ผูป้ ฏิบัติทกุ ยุคทกุ สมัยสรปุ ควำมไดว้ ำ่ กำรฟงั เทศน์มหำชำตทิ ี่กล่ำวถงึ บำรมีท้ัง สิบชำตขิ องพระพุทธองค์นนั้ เปน็ สงิ่ จำเป็นในกำรทำชีวิตและโลกของมนุษย์ให้น่ำอยู่ คือถำ้ มนุษยไ์ มส่ ำมำรถทำ ใจให้วำงเฉย อุเบกขำและวำงเร่ืองทำงโลก เนกขัมมะมนุษย์ก็หำควำมสงบทำงใจได้อยำก ถ้ำขำดควำมเมตตำ และควำมคิดท่ีจะแบ่งปันทำน ก็คงต้องใช้ชีวิตแบบตัวใครตัวมันถ้ำมนุษย์ไม่มีศีล และสัจจะทุกคนก็ต้องอยู่ ร่วมกันด้วยควำมหวำดระแวง ไม่ไว้ใจกันถ้ำมนุษย์ไม่มีควำมตั้งใจที่แน่วแน่อธิฐำนขำดควำมเพียร วิริยะ และ ควำมอดทน ขันติมนุษย์ไม่สำมำรถทำส่ิงต่ำง ๆได้สำเร็จและถ้ำมนุษย์ขำดปัญญำมนุษย์ก็ไม่สำมำรถรู้เท่ำทัน กิเลสได้พอที่จะรู้คิดถึงคุณและโทษรู้วินิจฉัยว่ำอะไรดีหรือเลวและรู้จักกำรให้สำเร็จได้ด้วยวิธีกำรที่ถูกทำนอง ครองธรรมคนโบรำณจึงเชื่อวำ่ กำรทอ่ งชื่อของทศชำติ(เต ช สุ เน ม ภู จ นำ วิ เว)วันละ หลำย ๆ จบ จะช่วยให้ เกิดสิรมิ งคลและสำมำรคุม้ ครองป้องกนั ภยั ได้ควำมเชื่อเชน่ นี้เปน็ จริงไดห้ รือเปล่ำกอ็ ยู่ที่กำรประพฤติและปฏบิ ัติ ธรรมถ้ำมนุษย์อยำกมีชีวิตท่ีมีควำมสุขอยำกให้โลกของเรำน่ำอยู่ไม่ว่ำจะเป็นผู้บริหำรประเทศ หรือประชำชน ท่วั ไปกค็ งตอ้ งหันมำสนใจคณุ ธรรมทงั้ สิบท่รี วมเรยี กว่ำ “ทศบำรม”ี กจ็ ะทำให้โลกน้ีมแี ต่สนั ตสิ ขุ

คุณค่าการเทศน์มหาชาตใิ นลา้ นนา กำรเทศมหำชำติ มีควำมเช่ือว่ำหำกผ้ไู ด้ได้ฟงั กำรเทศนน์ ้ีครบทกุ กณั ฑจ์ ะกอ่ ให้เกดิ เนื้อนำบญุ อนั ใหญ่ หลวง คนโบรำณมักจะแสวงเข้ำหำวัด ใกลช้ ิดกับพระธรรมคำสอน โดยต้องกำรไปสดบั รับฟงั เสียงที่กังวำลใส ของพระภกิ ษใุ นกำรเทศน์ ถือเปน็ กุศโลบำยอยำ่ งหน่งึ ในกำรดงึ ดดู ศรทั ธำญำติโยมเขำ้ หำพระ ตำ่ งจำกปัจจุบนั ซ่งึ มีเสียงปลุกกิเลสเร้ำโสตประสำทมำกมำย จนทำใหม้ นุษย์หลงระเริงไปในบ่วงกำม ออกห่ำง พระศำสนำ เสพทั้งรูปรสกลิ่นเสียง โดยมิได้ยกย่องระดบั จิตใจให้เป็นสัตว์ประเสรฐิ แต่กลับฉุดมนุษยใ์ ห้ถลำมัว เมำ ยิง่ เสียกว่ำสัตว์ท่ีใชส้ ัณชำตญิ ำณในกำรดำรงชวี ติ เสยี อีก... กำรเทศน์มหำชำติล้ำนนำเป็นงำนวรรณกรรมทำงพระพุทธศำสนำทีป่ ระดษิ ฐ์ข้นึ เพือ่ สง่ั สอนศีลธรรม จริยธรรม ให้กบั สงั คมล้ำนนำ กำรเทศน์มหำชำติลำ้ นนำน้นั ได้รบั อทิ ธิพลมำจำกกรุงสโุ ขทยั แลว้ ซมึ ซบั เข้ำส่วู ถิ ชี วี ติ ของ ชำวล้ำนนำ โดยผสมผสำนกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณีและวัฒนธรรมในทอ้ งถน่ิ นนั้ ๆ จนเกดกำรสรำ้ งสรรค์ ผลงำนด้ำนวรรณกรรม จนมีนักปรำชญล์ ้ำนนำเปน็ จำนวนมำกไดแ้ ตง่ วรรณกรรมเร่อื งนี้แบง่ ออกเปน็ ๒ สำนวน คอื สำนวนร้อยแกว้ และสำนวนร้อยกรอง จำกกำรศกึ ษำพบว่ำสำนวนร้อยแก้วพบมำกอยใู่ นใบลำน พับสำ เขยี รหรือจำรด้วยอักษรธรรมลำ้ นนำ สว่ นสำนวนร้อยกรองพบมหำชำตลิ ้ำนนำในหนังสือประมวลรำยชือ่ คมั ภรี ์ ใบลำนและสมดุ ขอ่ ย ผลจำกกำรสำรวจสำนวนมหำชำตใิ นล้ำนนำ หำกคัดสำนวนที่ซำ้ กันออกจะไดม้ หำชำติถงึ ๑๒๒ สำนวน และบำงสำนวนกม็ ีครบถึง ๑๓ กณั ฑ์ ส่วนทำนองกำรเทศน์มหำชำตลิ ้ำนนำน้นั พบว่ำ แบง่ เปน็ ๒ ลกั ษณะ คือทำนองแบบดง้ั เดิมและทำนอง แบบประยกุ ต์ท้งั ๒ ลักษณะ จะเดินทำนองกำรเทศน์มีเทคนิคที่สำคญั คอื กำรเคลื่อนหรือเดินทำนองโดยใช้ เทคนิค ตัง้ เทยี ว เหลยี ว วำง ยง้ั ขน้ึ หว้ำย ก่ำย ย้ัง จะใช้วิธกี ำรเทศนแ์ บบธรรมวตั รเปน็ พนื้ ฐำนและใชร้ ะบำ เปน็ ท่วงทำนองของกำรเทศน์ซ่ึงระบำตำ่ งๆ แตล่ ะระบำตอ้ งมีควำมเหมำะสมกับสำเนียงภำษำแต่ละพ้ืนที่ใน ล้ำนนำท่มี ีควำมแตกตำ่ งกนั ไป ด้ำนคุณค่ำกำรเทศน์มหำชำตลิ ำ้ นนำพบว่ำ ผแู้ ต่งไดน้ ำหลักธรรมสอดแทรกใน เน้อื ธรรมของมหำชำติลำ้ นนำโดยผสมผสำนเช่อื มโยงกับสภำพวิถชี วี ติ จำรีต ขนบธรรมเนียมประเพณี และ วัฒนธรรมของชำวลำ้ นนำได้อย่ำงกลมกลนื อนั สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงคุณคำ่ ของภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ ทีเ่ ป็นองคค์ วำมรู้ ในด้ำนต่ำงๆ ของสงั คมลำ้ นนำซง่ึ เป็นสิ่งสำคญั ท่ีจะชว่ ยอธบิ ำยสภำพสังคมและพฤตกิ รรมของชำวล้ำนนำโดยท่ี ผแู้ ต่งได้ขยำยใจควำมของมหำชำติลำ้ นนำใหม้ ีควำมวจิ ติ รพิสดำร พรรณำดว้ ยลีลำโวหำรและรสทำงวรรณกรรม ต่ำงๆ คอื รสรัก รสโศก รสหรรษำ รสโกรธ รสเกลียด รสกล้ำหำญ รสหวำดกลัว รสต่ืนเตน้ รสสงบ ประเพณกี ำรต้ังธรรมหลวงในปัจจบุ นั น้จี ำกกำรศึกษำพบวำ่ กำรจัดต้ังธรรมหลวงเปลีย่ นไปตำม สถำนกำรณ์ใช้เวลำลดน้อยลงไปกว่ำเดิม กำรเทศน์ในแต่ละกณั ฑน์ ้นั เน้ือธรรมจะถกู ตัดใหม้ ีเนอื้ หำทก่ี ระชับลง จะเน้นควำมไพเรำะของท่วงทำนอง สว่ นทว่ งทำนองก็มคี วำมหลำกหลำยย่ิงขน้ึ แตก่ ย็ ังคงไว้ซ่งึ เนื้อหำสำระรูป แบบเดมิ เอำไว้ ทีส่ ำคญั รูปแบบพิธกี รรมกำรจดั ตกแต่งสถำนที่ต้ังธรรมหลวง จะผสมผสำนกำรจดั แบบด้ังเดิมมี กำรใช้เทคโนโลยที ีท่ ันสมยั เข้ำมำช่วย ท้งั ยงั ไดน้ ำเอำกจิ กรรมอ่นื ท่เี กิดประโยชนต์ ่อสงั คมเข้ำมำเสริมเพือท่ ่ีจะ ดงึ ดดู ควำมสนใจให้กบั ผูร้ ว่ มงำนมำกย่ิงขึน้ นบั วำ่ เป็นกำรปรับกลวธิ ใี ห้เขำ้ กับยคุ สมัยได้อยำ่ งมีควำมเหมำะสม กำรเทศน์มหำชำติลำ้ นนำ จึงกอ่ ใหเ้ กดิ คุณคำ่ ทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อสังคมลำ้ นนำในกำรส่ังสอนให้รู้จักบำป บญุ คณุ โทษ รจู้ ักกำรให้ทำน รกั ษำศีล และกำรเจริญภำวนำ โดยมพี ระเวสสันดรเปน็ แบบอย่ำงกำร ประพฤติ ปฏิบตั ิเปน็ กจิ กรรมทำงพระพุทธศำสนำที่ทำให้สงั คมล้ำนนำมีควำมเคล่ือนไหวทำงวฒั นธรรมท่ีดีงำม ซึง่ สะท้อนใหเ้ ห็นคุณค่ำด้ำนต่ำงๆ คือ ด้ำนวรรณกรรม ด้ำนภำษำ ดำ้ นสุนทรียะ ด้ำนจริยธรรม ด้ำนพฤกษำ ดำ้ นเภสชั ด้ำนวัฒนธรรมและดำ้ นศลิ ปกรรมจนผู้ฟงั เทศน์มหำชำตมิ ีอนุ สิ ยั จิตใจท่ีอ่อนโยนเกิดควำมเล่ือมใสใน พระพุทธศำสนำและมีควำมยินดีในกำรให้ทำน รักษำศลี เจรญิ ภำวนำตำมพระจริยำของพระเวสสันดร

ประมวลภาพจัดงานเทศนม์ หาชาติ ครั้งท่ี ๘ ประจาปี ๒๕๖๒