Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Case Study 64741617วรกัญญา

Case Study 64741617วรกัญญา

Published by worakanyaeiei123, 2021-10-06 17:02:27

Description: Case Study 64741617วรกัญญา

Search

Read the Text Version

“ดา้ นพฤติกรรมการแสดงออก” เสนอ อาจารย์ทศั นยี ์ บญุ แรง จัดทำโดย นางสาววรกญั ญา พพิ ัฒน์เกษม รหัส 64741617 Section. 06 หมู่เรยี น ป 64. ป.บณั ฑิต 2.6 รายงานนีเ้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของวิชา จติ วิทยาสำหรบั ครู (ED 5301) หลักสตู รประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชพี ครู ภาคเรียนที่ 1 /2564 คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

ก คำนำ การศึกษาและทำความเข้าใจในจิตวิทยาสำหรับครู เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจ พัฒนาการของมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย เข้าใจทฤษฎีของนักจิตวิทยาที่อธิบายพัฒนาการแต่ละ ดา้ นของมนุษย์ อาทิ ด้านบุคลิกภาพ ดา้ นสังคม ด้านสติปัญญา ดา้ นจริยธรรม เพื่อที่ครูจะได้ นำไปปรับใช้กับนักเรียน สามารถเข้าใจความแตกต่างในนักเรียนแต่ละคน เทคนิคการจูงใจ การให้ความช่วยเหลอื นักเรียน การรับมือกบั ปัญหาดา้ นจิตวิทยาตา่ ง ๆ อนั เปน็ ส่วนช่วยให้การ เรียนรู้ของนักเรียน และการสอนของครู เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบผลสัมฤทธิ์มาก ทีส่ ุด รายงานฉบบั นีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของวิชาจิตวิทยาสำหรับครู (ED 5301) เปน็ กรณีศึกษา เก็บ ข้อมูล และนำความรู้ทางด้านจิตวิทยาสำหรับครูไปใช้ในการเรียนรู้พฤติกรรมของนักเรียนที่ และนำทฤษฎีทางจิตวิทยาต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยให้นักเรียน มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุก ดา้ น วรกัญญา พิพัฒน์เกษม นักศึกษาหลกั สตู รประกาศนียบตั รบัณฑิตวิชาชีพครู 1/2564

-ข- สารบญั หนา้ ก คำนำ ข สารบัญ ส่วนที่ 1 ข้อมลู สว่ นตัวของกรณศี ึกษา 1 1 1.1 สภาพปญั หาของนักเรยี น 2 1.2 จดุ ประสงคข์ องการศึกษา 2 1.3 ประวัตสิ ่วนตวั 3 1.4 ประวัตกิ ารศึกษา 3 1.5 ประวัตสิ ุขภาพ 1.6 สภาพครอบครวั และฐานะทางเศรษฐกิจ 4 สว่ นที่ 2 ขอ้ มลู พัฒนาการ 5 2.1 ลกั ษณะพฒั นาการในแต่ละดา้ น 5 2.2 ข้อมลู การวิเคราะห์พัฒนาการ 6 6 2.2.1 กรณีศึกษาอยู่ในวยั ใด 6 2.2.2 พฤติกรรมพฒั นาการตามวยั 7 2.2.3 พฤติกรรมพฒั นาการตามวยั สอดคลอ้ งหรือแตกต่าง 2.2.4 พฤติกรรมพัฒนาการตามวัยสอดคลอ้ งกับทฤษฎพี ัฒนาการใด 8 2.2.5 ส่งเสริมพัฒนาการของกรณีศึกษา 9 ส่วนที่ 3 ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การเรยี นร้แู ลพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 9 3.1 พฤติกรรม ความสามารถ และความสนใจในการเรียนรู้ 3.2 ปญั หาหรือลักษณะพฤติกรรมที่โดดเดน่ การเรียนรู้ 10 3.3 การส่งเสริม ช่วยเหลอื พัฒนาให้เกิดการเรียนรู้ 10 ส่วนที่ 4 แนวทางการช่วยเหลือ และผลลัพธ์ 10 4.1 วิธีการให้การแนะแนว ช่วยเหลอื ให้คำปรึกษา 4.2 กิจกรรมที่ชว่ ยในพัฒนาศักยภาพของกรณีศึกษา 13-14 4.3 ผลการช่วยเหลอื การส่งเสริม 15-21 ภาพผนวก แบบฟอร์มการเยีย่ มบ้านนักเรยี น แบบสมั ภาษณ์ผู้ปกครองจากการเยี่ยมบ้าน

-1- สว่ นที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวของกรณีศึกษา 1. สภาพทั่วไปเกี่ยวกบั นกั เรยี น 1.1 สภาพปัญหาของนักเรยี น เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง นักเรียนช้ันระดับอนุบาล 3 เป็นเด็กที่มีปัญหา “ทางด้าน พฤติกรรมการแสดงออก” เนื่องจากขณะที่สอนพบว่าเด็กชายพอราช จันทร์สว่าง มักจะไม่ ต้ังใจเรียนชอบแหยเ่ พือ่ นทีน่ ่ังข้าง ๆ เพือ่ เป็นการรบกวนสมาธิของเพือ่ น ชอบหยิบของเพื่อโดย ไมไ่ ด้รบั อนญุ าต ชอบเล่นในห้องเรียนตลอดและบางคร้ังชอบเดินไปหยิบหรือยืมของของเพื่อน แล้วไมค่ ืน พอเพื่อทวงจะบอกวา่ เปน็ ของของเขาและจะไม่ยอมคืนให้จนเพื่อนทะเลาะและเสยี ง ดงั เมื่อครูถามจะบอกว่าเพื่อนพยายามจะแย่งของของตน เมื่อสอบถามเพื่อนหลายคน เพื่อน จะบอกว่าไม่ใช่ของของเขา มีอาการสมาธิสั้น เมื่อให้ทำงาน ชอบเล่นจนทำให้งานเสร็จไม่ ทนั เวลา และยงั ชอบแกล้งเพื่อนชอบคุยกันตลอดเวลาสอนไมฟ่ ัง ด้วยเหตุนี้จึงสนใจที่จะศึกษา เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางด้านพฤติกรรมและเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนตามระบบดูแล ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นดว้ ย 1.2 จุดประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อศึกษาให้รู้จักและเข้าใจเดก็ แต่ละคนที่มีพฤติกรรมแตกตา่ งไปจากกลุ่มโดย อาศยั ข้อมลู ที่หามาได้เกีย่ วกบั ตัวเรา 2. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจหรือข้อมูลที่หามาได้มาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการ ช่วยเหลอื สง่ เสริมให้เขาได้ปรับตัวและพฒั นาตนเองไปสเู่ ป้าหมายทีส่ ังคมต้องการตลอดจนเป็น ประโยชน์ต่อการเรียนการสอน 3. เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจตนเองอีกทั้งช่วยให้ผู้ปกครองครูเพื่อนหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง อื่น ๆ สามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นเพื่อสัมพันธภาพอันดีเพื่อประโยชน์ของการอยู่ร่วมกันและการ ทำงานรว่ มกนั ซึ่งในขณะเดยี วกันก็จะเปิดโอกาสให้เขาได้ปรับตวั เปลย่ี นพฤติกรรมและทศั นคติ ไปสู่ทิศทางทีถ่ กู ที่ควร

-2- 1.3 ประวัติสว่ นตวั ชือ่ เด็กชายพอราช จนั ทร์สว่าง ชื่อเลน่ นอ้ งพอ เกดิ วนั ที่ 22 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ทีอ่ ยู่ปัจจุบนั บ้านเลขที่ 98/ช หมู่ 1 ตำบล เมืองนะ อำเภอเชียงดาว จงั หวดั เชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50170 โทรศัพทม์ ือถอื 098-7985-911 บิดาชือ่ นายพิสิษฐ์ จันทรส์ วา่ ง อาชีพ - รายได้ตอ่ เดือน - มารดาชือ่ นางสาวเพ็ญศรี รุ่งเจริญ อาชีพ รบั จ้าง รายได้ต่อเดือน 9, 000 บาท สถานภาพของบิดา-มารดา ( ) บิดา-มารดาอยู่ดว้ ยกนั ( ) บดิ า-มารดาแยกกนั อยู่ ( ) บิดา-มารดาหย่ารา้ ง ( √ ) บดิ าถึงแกก่ รรม ( ) มารดาถึงแก่กรรม ( ) บดิ า-มารดาถึงแกก่ รรม ผ้ปู กครองชือ่ นางดำ รงุ่ เจริญ ความสัมพนั ธ์กับนกั เรยี น ยาย อาชีพ เกษตรกร รายได้ต่อเดือน 3, 000 บาท ที่อยปู่ ัจจุบนั 98/ช หมู่ 1 ตำบล เมอื งนะ อำเภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50170 โทรศัพท์บ้าน - โทรศัพท์มือถอื 098-7985-911

-3- นกั เรียนมีพี่น้องรว่ มบิดามารดาเดยี วกันท้ังหมด 1 คน ( รวมทั้งตวั นักเรยี นดว้ ย ) คนที่ เพศ อายุ ประกอบอาชีพ การศึกษา หมาย 1. ชาย 6 นักเรยี น เหตุ กำลังศึกษาอยู่ระดบั ช้ันอนุบาลปีที่ 3/3 Case โรงเรียนบ้านเมืองนะ Study 1.4 ประวตั ิการศึกษาและผลการศึกษา ลำดับ ระดบั การศึกษา ปี พ.ศ. ที่จบ หลกั สตู ร สถานศึกษา 1 ก่อนปฐมวยั 2563 ก่อนปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเดก็ เลก็ บ้านเมืองนะ 2 อนบุ าล 2564-ปัจจุบนั ปฐมวัย โรงเรียนบ้านเมืองนะ 1.5 ประวัติสขุ ภาพ ภาวะการเจริญเติบโต สุขภาพอนามยั สุขภาพอนามยั ภาวะการ เจริญเติบโต มือและเลบ็ เทา้ และเล็บ ปาก ลิ้น รบั ประทานอาหารที่ น้ำหนัก สว่ นสงู มือ เทา้ และฟัน มีประโยชน์ (กก.) (ซม.) 25 กก. 130 ซม. สะอาดถกู สะอาดถกู ฟนั ได้อาหารที่มปี ระโยชน์ สขุ อนามยั สขุ อนามยั แขง็ แรง และชอบทานผักผลไม้ 1.6 สภาพครอบครวั และฐานะทางเศรษฐกจิ บ้านของเด็กชายพอราช จันทร์สว่างอาศัยอยู่กับยาย บิดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่ อายุ 1 ปี มารดาแต่งงานใหม่อยู่กับสามีใหม่ มารดาทำงานรบั จ้างทั่วไป ยายมีอาชีพเกษตรกร ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวอยู่ในระดับปานกลาง รายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากการรับจ้าง ของมารดา และอีกส่วนจากยายทีท่ ำเกษตรกรรม

-4- ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลพฒั นาการ 2.1 ลกั ษณะพฒั นาการในแต่ละดา้ น 1. ลักษณะทางร่างกาย (รูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย กิริยาวาจา) เปน็ คนทีม่ ีรูปร่างเล็ก น้ำหนัก 30 กิโลกรมั สว่ นสงู 130เซนติเมตร ผิวสองสี ตาเลก็ การแตง่ กายสะอาดเรยี บรอ้ ย พดู จาไพเราะ 2. ลักษณะทางอารมณ์ (การแสดงออกทางอารมณ์ สดชืน่ รา่ เริง หรือเงียบขรึม การ ควบคุมอารมณ์ ฯลฯ) เป็นคนที่เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด แตจ่ ะพูดมากกับเพื่อนที่สนิทที่และบางครั้งก็จะสดใส รา่ เริง พูดคยุ หยอกล้อกับเพื่อนที่สนิทเทา่ นั้น ชอบแกล้งเพือ่ น 3. ลักษณะทางสติปัญญา (ความสามารถในการเรียน ความสามารถพิเศษ ความ ถนดั และความสนใจพิเศษ) มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ชอบดูการ์ตูน เขียนหนังสือเร็วแต่ขี้เกียจใน บางครงั้ 4. ลักษณะทางสังคม (การปรับตวั เข้ากับเพือ่ น ครู บิดา มารดาพี่น้องคนอื่น ๆ ทกั ษะ สงั คมในห้องเรียนและโรงเรียน) - เพื่อน เข้ากับเพื่อนได้ดี แต่ส่วนใหญ่จะเข้ากับเพื่อนในกลุ่มของเพื่อนที่สนิทอยู่ ที่เป็นผู้ชาย เพศเดยี วกันมากกวา่ เพศตรงข้าม 2.2 ขอ้ มูลการวิเคราะห์พฒั นาการ 2.2.1 กรณศี ึกษาอยใู่ นวัยใด เพราะอะไร กรณีศึกษาอยูในเดก็ ตอนปลาย (Late childhood) เพราะเด็กชายพอราช จันทร์สวา่ ง มี อายรุ ะหวา่ ง 6-13 ปี 2.2.2 พฤตกิ รรมตามพฒั นาการของวัยดงั กลา่ วในข้อ 1 เปน็ อยา่ งไร พัฒนาการทางร่างกาย -ส่วนสูงและน้ำหนัก จะมีอัตราเจริญเติบโตลดน้อยลงแต่จะมีการ เปล่ียนแปลงในด้านสัดส่วน ความแข็งแรง คล่องแคล่วว่องไวมากกว่า ร่างกายจะมีขนาด 2 ใน 5 เมือ่ ตอนเปน็ ผู้ใหญ่ อายุ 6 ขวบจะสงู 2 ใน 3 ของเมือ่ เป็นผู้ใหญ่ -กระดกู และฟนั อายุ 6 ขวบ ฟนั น้ำนมจะเริม่ หัก ฟนั แท้ซ่ีแรกจะเร่มิ ขนึ้ ซึง่ เป็นฟันกรามซนี่ อก

-5- -กล้ามเน้อื เดก็ วัยนีส้ ามารถใช้กลา้ มเนอื้ เล็กๆ ได้ แตไ่ ม่ควรทำงานที่ประณีต หรือหักโหมเกินไป สายตากับมือประสานกนั ได้ดี สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง พยายามฝึกฝนปรบั ปรุงทักษะในการใชก้ ลา้ มเนือ้ พัฒนาการทางสติปัญญา เด็กวัยนี้สามารถเข้าใจเหตุการณ์ หรือ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบเห็นได้มากขึ้นมีความ ถูกต้อง และสอดคล้องกับความเป็นจริง สามารถแยกแยะและมองเห็นความแตกต่างของส่ิง ต่างๆ ได้ สามารถเข้าใจส่ิงที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม รู้ศัพท์มากขึ้น มีความคล่องแคล่วใน การอ่าน เขียน พูด คิดเลขบวกเลขได้ รู้จักใช้เหตุผล สามารถแก้ปัญหาง่าย ๆ ที่พบเห็นได้ จดจําคําบอกเล่าหรือเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ และจะแสดงความคิดริเริ่มในรูปของการวาด ภาพและเล่านิทาน พัฒนาการทางอารมณ์ -อารมณโ์ กรธ เด็กวัยนจี้ ะแสดงออกมามากกว่าวยั เดก็ ตอนต้น เนื่องจากเดก็ ต้องการอิสระมากขนึ้ ถกู ขัดใจ ถูกเยาะเยย้ ดูถูก เหยียดหยาม ประจานให้อาย ไมไ่ ดร้ ับความ ยุติธรรมเด็กมกั แสดงออกด้วยการก้าวร้าว ทะเลาะ หรือหาเรื่องไม่พดู ด้วย -อารมณ์กลัว เด็กวยั นี้จะกลัวนอ้ ยกว่าวยั เด็กตอนต้น เพราะเดก็ มีเหตผุ ลและ รู้ข้อเท็จจริงมากขึ้น แต่จะมีความกลัวแบบใหม่เกิดขึ้น คือคิดไปแล้วกลัว เช่น กลัวเพื่อนไม่ ยอมรบั กลัวไมเ่ หมือนคนอื่น เป็นต้น -อารมณ์วิตกกังวล เด็กวัยนี้มักวิตกกังวลเกี่ยวกับบทเรียน การบ้านมาก เกินไป ไม่เข้าใจการสอนของครู ไปโรงเรียนไม่ทัน การสอบตก กงั วลเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง อยากให้แข็งแรง อยากให้สวยงาม -อารมณอ์ ิจฉาริษยา เด็กวยั นี้ บางคนจะมีความอิจฉาน้องมากข้นึ แตบ่ างคน ก็จะหันไปอิจฉาเพือ่ น ๆ แทน โดยเฉพาะเพือ่ นทีเ่ รียนเกง่ กว่า เลน่ กีฬาเก่งกว่าตน -อารมณ์อยากรู้อยากเห็น จะมีน้อยกว่าวัยเด็กตอนต้น ถ้าเด็กอยากรู้อยาก เห็นอะไร ก็มักจะค้นคว้าจากหนังสือ หรือถามผู้ใหญ่อารมณ์สนกุ สนานพอใจ เด็กวัยนี้จะรู้สึก สนุกสนานและพอใจมากเมื่อได้รบั ความสนใจเป็นพิเศษ ได้รับรางวัล ได้รบั ของขวญั ได้เล่นได้ คุยกับเพือ่ น ได้ไปเที่ยวพักผอ่ นหยอ่ นใจกับบิดามารดา

-6- พฒั นาการทางสังคม -การรวมกลุ่มเพอ่ื นร่วมวยั (Peer Group) เด็กวัยนีจ้ ะมีการรวมกลุ่มเพือ่ ทํา กิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การเล่น” เพื่อนของเด็กในวัยนี้จะเป็นลักษณะเพื่อนเล่น มากกว่า และมักจะเป็นเพศเดียวกัน ซึ่งจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความนึกคิด ทัศนคติ ความ มงุ่ หวัง ความปรารถนา ค่านยิ ม ของเด็ก กลุ่มของเด็กวัยนี้จะมีแนวคิด ทัศนคติ ค่านิยม ภาษา กฎระเบียบ ฯลฯ เป็นคุณสมบัติเฉพาะกลมุ่ ซึง่ เรียกว่า “วฒั นธรรมกลุ่ม” (Peer Culture) -การเลียนแบบบทบาททางเพศ เด็กวัยนี้ นอกจากจะเลียนแบบจากบิดา มารดา หรือผู้อยู่ใกลช้ ิดแล้ว เดก็ ยังเลยี นแบบเพื่อนร่วมกลุ่ม หัวหน้ากลุ่ม ครูที่เด็กรัก บคุ คลท่ี เด็กชอบ และจากการได้ฟัง ไดอ้ ่าน ได้ดภู าพยนตร์ ได้ดูโทรทัศน์ ฯลฯ เด็กชายมกั จะปฏิเสธไม่ ยอมรับเพื่อนชายที่มีนิสัยเป็นผู้หญิง เช่นเดยี วกัน เด็กหญงิ กไ็ ม่ชอบเพื่อนหญิงที่มีนิสัยเป็นชาย เดก็ วยั นี้จะเชอื่ ครูมากกว่าบิดามารดา 2.2.3 พฤติกรรมตามพัฒนาการของกรณีศึกษามีความสอดคล้องหรอื แตกต่าง จากพัฒนาการตามวยั หรอื ไม่ อย่างไร เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง มีพัฒนาการสอดคล้องตามวัยของตัวเอง คือ เดก็ วยั นี้ ไม่ ชอบอยู่นิ่ง มีความอยากรู้อยากเห็น ก้าวร้าว การทะเลาะวิวาท โกรธง่ายหายเร็ว เลือกคบ เฉพาะเพือ่ นเพศเดยี วกนั สนุกสนาน รกั ผู้ที่ให้ความสนใจตน 2.2.4 พฤตกิ รรมของกรณศี ึกษาสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการใด ? ของใครที่ ? กลา่ วว่าอย่างไร ? พฤติกรรมของกรณีศึกษาสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการพัฒนาการท างบุคลิกภาพ ของ อิริคสัน (Erik Homburger Erikson) พฤติกรรมของกรณีศึกษาสอดคล้องกับทฤษฎี พัฒนาการทางบุคลิกภาพของอิริคสัน (Erik Homburger Erikson) เป็นการเปล่ียนแปลงทาง จิตวิทยา เพือ่ การปรับตวั ให้เข้ากับสังคมขั้นที่ 4 เอาการเอางานหรือมีปมดอ้ ย (Industry Versus Inferiority) จากอายุ 6-11 ปี เด็กเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์ จัดทำกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งถ้าได้รับ การสนับสนุนก็ย่อมทำให้เด็กพัฒนาบคุ ลกิ ภาพของคนที่มีความมานะอุตสาหะเพียรพยายามที่ จะแสวงหาส่ิงที่ท้าทายความสามารถทางสติปัญญา แต่ถ้าการณ์เป็นไปในทางตรงกันข้ามจะ ทำให้เดก็ มีความรสู้ กึ ต่ำตอ้ ยดอ้ ยค่า

-7- 2.2.5 หากต้องการส่งเสริมพัฒนาการของกรณีศึกษาควรส่งเสริมพัฒนาการ ดา้ นใดบ้าง ? และจะตอ้ งทำอยา่ งไร ? การส่งเสริมพัฒนาการการเรียนและความรับผิดชอบ โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไปนี้ 1. หาที่มาหรือตน้ ตอของปัญหาดว้ ยการสอบถาม -เด็กตั้งใจทีจ่ ะทำให้คนอื่นๆ ไม่สบายใจหรือเสยี ใจหรือเปลา่ -เดก็ รู้ตัวหรือเปลา่ ในขณะที่กำลังรังแกคนอืน่ -เด็กมีปญั หาที่บ้านหรือโรงเรียนไหม เช่น มีใครกำลงั รังแกเด็กอยู่หรือเปล่า -เวลาครสู อนเพราะถึงชองคุยกับเพือ่ น ไม่ฟงั ครู 2. หลกี เลีย่ งการลงโทษเดก็ ดว้ ยวิธรี นุ แรง อาจจะใช้วิธีบอกให้เด็กรู้ถึงผลเสียที่จะตามมาเวลาแกล้งผู้อื่น เช่น ไม่เป็นที่รัก ไม่ได้ ดาวจากคุณครู หรือลงโทษด้วยการตัดสิทธิ์บางอย่าง เช่น ให้ขนมน้อยกว่าคนอื่น ให้ออกจาก ห้องเป็นคนสุดท้าย จะดีกว่าการใช้การลงโทษที่รุนแรงเพราะจะทำให้เด็กต่อต้านมากขนึ้ และ เมื่อเวลาเรียนชอบคุยกับเพื่อน ทำโทษด้านบวก คือ ให้แยกน่ังกับเพื่อน เพื่อลดการพูดคุยกัน และทำให้เดก็ ต้ังใจเรียนมากขึน้ 3. ส่งเสริมความสามารถในตวั เดก็ มองหาจุดเด่นในตัวเด็ก และสนับสนุนให้เขาได้พัฒนาจุดเด่นน้ันๆ เช่น การระบายสี วิชาศิลปะ จะทำให้เด็กมุ่งความสนใจไปยังส่ิงที่ชอบ ทำให้เกิดสมาธิและช่วยขัดเกลาจิตใจให้ อ่อนโยนลง 4. สนใจเฉพาะพฤติกรรมทีด่ ี หากเด็กแกล้งเพื่อนเพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากคุณครูมีวิธีแก้คือ คุณครู จะต้องปรับพฤติกรรมการแสดงออกต่อเด็กใหม่ โดยเมื่อเด็กทำพฤติกรรมที่ดี ให้รีบให้ความ สนใจ หรือกล่าวชมเชย และเมื่อเด็กมีพฤติกรรมด้านลบให้เพิกเฉยกับเด็กในระยะหนึ่ง โดยให้ ความสนใจกับเด็กที่ถูกแกล้งมากกว่า เมือ่ โดนเพิกเฉยบ่อยครั้ง เขาจะเรียนรู้ว่าพฤติกรรมนี้ไม่ เป็นที่ยอมรบั 5. สอนให้เดก็ รู้จกั ควบคุมอารมณ์ หากเด็กแกล้งเพื่อน หรือแสดงความรุนแรงกับเพื่อน เพราะความโกรธ หรือมีปัญหา ดา้ นการควบคุมอารมณ์ ต้องสอนให้เด็กรู้จักวิธีควบคุมความโกรธด้วยวิธีอื่นโดยไม่ไปทำร้าย คนอื่น เช่น นับ 1-10 หรือให้เด็กมาบอกคุณครูว่ากำลังโกรธ เพื่อให้คุณครูเป็นผู้แก้ปัญหาให้ เปน็ ต้น

-8- สว่ นที่ 3 ข้อมลู เกี่ยวกับการเรยี นรู้และพฤติกรรมการเรยี นรู้ 3.1 พฤติกรรม ความสามารถ และความสนใจในการเรียนรู้ เด็กชายพอราช จนั ทร์สว่าง มีพฤติกรรมทางด้านการแสดงออก เมื่อครูเรียกให้ตอบมัก แสดงท่าทีตกใจและไมต่ อบ ทำงานช้ามกั จะไม่เสร็จในชั่วโมง มีพฤติกรรมชอบแกล้งเพื่อนชอบ แหยเ่ พือ่ น ชอบคยุ กบั เพื่อนเวลาครสู อน 3.2 ปญั หาหรอื ลักษณะพฤตกิ รรมที่โดดเดน่ การเรยี นรู้ เดก็ ชายพอราช จันทร์สวา่ ง เป็นเด็กทีม่ ีพฤติกรรมทางด้านการแสดง ชอบแกล้งเพือ่ น และชอบหยิบของเพื่อนไป จากการที่ศึกษานั้น พฤติกรรมเหลา่ ทีเ่ ดน่ ๆ มกั เป็นพฤติกรรมตาม วยั ของเด็ก ซงึ่ การทีเ่ ขาชอบคุยกับเพือ่ นเวลาคณุ ครสู อน เขาอาจจะกำลังเรียกร้องความสนใจ คือ เมอื่ เขาคุยกบั เพือ่ น คุณครกู ็ต้องมาสนใจเขา เลยทำให้ เด็กชายพอราช จันทร์สวา่ ง แสดง พฤติกรรม ทางด้านนีอ้ อกมาให้เหน็ 3.3 การส่งเสรมิ ช่วยเหลือ พัฒนาให้เกดิ การเรยี นรู้ ใช้ทฤษฎีทฤษฎีสมั พันธ์เชื่อมโยงของ ธอร์นไดค์ กับกระบวนการจดั การเรียนรู้ เป็นการ เน้นสมั พันธ์ระหวา่ งสิง่ เร้ากับการตอบสนองทั้งนเี้ พราะการเรียนรู้เปน็ การแก้ปัญหา เมือ่ ผู้เรยี น พบปัญหาเขาจะมีปฏิกิริยาแบบเดาสุ่มซึ่งเป็นการลองผิดลองถูกผู้เรียนจะลองทำหลายวิธี จนกระทั่งประสบความสำเรจ็ ในที่สุด โดยทีผ่ ู้เรียนสามารถเชือ่ มโยงสิ่งเร้าหรือปัญหาด้วยการ ตอบสนองทีเ่ หมาะสมได้ ขัน้ ตอนที่ 1 เริ่มต้นให้คำปรกึ ษา โดยสร้างสมั พันธภาพ กับนักเรียนให้นกั เรียนรู้สึกเป็น กนั เอง ไว้วางใจและกลา้ ที่จะระบายปัญหาให้ผู้ศึกษาทราบ ข้ันตอนที่ 2 ดำเนินการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียน 1. ให้คำปรึกษาแก่ เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง สร้างความไว้วางใจ ให้การ เสริมแรงหลังการตอบสนองทีเ่ หมาะสมของนักเรยี น ให้พยายามพัฒนาตนเอง เห็นความสำคัญ ของการเรียน และอธิบายถึงพฤติกรรมการแกล้งเพื่อนว่าเป็นสิง่ ทีไ่ มด่ ตี ่อนักเรยี น 2. แนะนำวิธีการเรียนที่ถูกต้อง การสร้างสมาธิในการเรียน เช่น ให้ระบายสี เพื่อฝึกสมาธิ และการให้การเสริมแรงเมื่อเด็กนักเรียนทำงานเสร็จเพื่อให้เขามีแรงจูงใจและ ตั้งใจทำในครงั้ ตอ่ ไป

-9- 3. เพิ่มแรงจูงใจในการเรียน โดยการให้เล่นเกมการศึกษาโดยแบ่งกลุ่มกัน เพื่อให้เด็กชายพอราช จันทร์สวา่ ง มีความพยายามกระตือรือร้นในการเรียน มีปฏิสัมพันธ์กับ เพื่อน ๆ ในห้องมากข้ึน 4. ให้ความสนใจและเอาใจใส่ เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจ ซึง่ จะทำให้ เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง เกิดความรู้สึกม่ันใจเกิด ความไว้วางใจ 5. ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับครูที่ปรึกษา ครูแนะแนวและครูผู้สอนเพื่อขอ ความช่วยเหลือเอาใจใส่ ให้กำลังใจและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นชว่ ยกันแก้ไขปญั หา เพือ่ เป็นการ ส่งเสริมให้ เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง มีการแสดงออกด้านพฤติกรรมที่ดี และถูกต้อง ข้ันตอนที่ 3 พูดคุยกับผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจในการดูแลกับนักเรียนขณะอยู่ บ้านและเสริมสรา้ งกำลงั ใจให้แก่นกั เรยี น 1. ปรึกษาปัญหากับผู้ปกครอง เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ เด็กชายพอราช จันทร์ สว่าง มีพฤติกรรมไม่เข้าเรียน และขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาของ เด็กชายพอราช จันทรส์ ว่าง ข้นั ตอนที่ 4 ข้ันยุติการให้คำปรึกษา พูดเสริมแรงให้เขามีความต้ังใจเรียนขณะครูสอน และไมแ่ กล้งเพื่อน

-10- ส่วนที่ 4 แนวทางการชว่ ยเหลือ และผลลัพธ์ 4.1 วิธีการใหก้ ารแนะแนว ชว่ ยเหลือ ใหค้ ำปรกึ ษา พฤติกรรมของที่ เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง ควรปรับเปลี่ยน คือ การแสดงออกทางด้าน พฤติกรรม ชอบแกลง้ เพ่ือน ชอบคุยในขณะทีค่ รู ชอบหยบิ ของของเพื่อน 4.2 กจิ กรรมทีช่ ว่ ยในพัฒนาศกั ยภาพของกรณีศึกษา 1. หากิจกรรมเพือ่ ให้เกิดแรงจงู ใจทีจ่ ะทำกิจกรรมและการเรียนทีด่ ีข้นึ 2. นำเดก็ ไปเรียนทำกิจกรรมกลางแจ้งซ่อมเสริมเพือ่ พฒั นาการเรียนรู้มากขนึ้ ขัน้ ตอนท่ี1 เรม่ิ ต้นให้คำปรกึ ษา โดยสรา้ งสมั พนั ธภาพ กบั นกั เรียนให้นกั เรยี นรู้สึกเปน็ กนั เอง ไว้วางใจและกลา้ ทจี่ ะระบายปัญหาให้ผู้ศกึ ษาทราบ ขั้นตอนที่2 ดำเนนิ การใหค้ ำปรึกษาแก่นักเรยี นเพอ่ื สร้างแรงจงู ใจในการเรียน ขั้นตอนที่3 พูดคุยกับผู้ปกครอง เพ่ือทำความเข้าใจในการดูแลกับนักเรยี นขณะอยบู่ ้านและ เสรมิ สร้างกำลังใจใหแ้ ก่นกั เรยี น ขน้ั ตอนท่ี4 ข้ันยตุ กิ ารใหค้ ำปรกึ ษา ให้แนวทางในการเข้าเรียนอยา่ งสม่ำเสมอ 4.3 ผลการช่วยเหลือ การส่งเสริม การเยี่ยมบ้าน ทำความรู้จักสนิทสนมกับทางบ้าน สร้างความเป็นกันเอง ลดชอ่ งวา่ งระหว่าง ครกู บั ผู้ปกครอง ให้เราได้รว่ มมอื กนั พฒั นาแก้ไขพฤตกิ รรมทเ่ี ป็นปญั หา ส่งเสริมพฤติกรรมทดี่ ี เด็กชายพอราช จันทร์สว่าง มีพฤติกรรมด้านการแสดงออกเปล่ียนไปในทางท่ีดีข้ึน เช่น มี สมาธใิ นการเรียนมคี วามสนใจเรยี นมากขึน้ และมีสามารถเข้ากับเพือ่ นตา่ งเพศไดด้ ีข้นึ - การรวบรวมข้อมลู ไดร้ วบรวมขอ้ มูลจากวิธีการต่อไปนี้ 1. การสงั เกต 2. การสมั ภาษณ์ 3. การเยีย่ มบ้าน

-11- - ขอ้ เสนอแนะ ในการศึกษารายกรณีผู้ศึกษาจะต้องพยายามศึกษาเด็กและทำความเข้าใจเขาให้มาก เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงแรก เด็กอาจจะไม่ให้ความร่วมมือผู้ศึกษาควรเก็บ รวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ ด้านและสร้างความสนิทสนมกับเด็กการแก้ไขปัญหาก็ควรร่วมมือ กันทกุ ฝ่ายท้ังครผู ู้ปกครองเพือ่ นนักเรียนและตัวเดก็ เอง - การทำการศึกษารายกรณคี รงั้ นม้ี ีประโยชนต์ ่อและนกั เรยี นครคู ือ 1. ทำให้ได้เข้าใจ และทราบถึงความตอ้ งการ ธรรมชาตขิ องเด็กนักเรียนมากยิง่ ข้นึ 2. สามารถหาทางแก้ไขพฤติกรรมของเด็กนักเรียนให้ดียิ่งขึ้นถูกต้องและเหมาะสม 3. รู้จักหน้าที่ของครูที่ไม่ใช่เฉพาะการสอนหนังสือเด็กนักเรียนเท่าน้ันแต่ต้องพัฒนา พฤติกรรมของเด็กท้ังทางด้านร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสติปัญญาไปพร้อมๆกนั เพื่อใหเ้ ขา เติบโตเปน็ ผใู้ หญ่ที่มีคณุ ภาพ สามารถอยรู่ ่วมกบั สังคมได้อยา่ งมีความสขุ

-12- ภาพผนวก

-13- แบบฟอร์มการเยี่ยมบ้านนกั เรยี น

-14-

-15- แบบสัมภาษณ์ ผปู้ กครองจากการเยยี่ มบ้าน ข้าพเจ้าชือ่ (นาย / นาง / นางสาว)...........................................นามสกลุ .................................. อาย.ุ ...................ปี สญั ชาต.ิ ..............................................ศาสนา.......................................... เป็นผู้ปกครองของ................................................ผู้ปกครองมีความเกีย่ วข้องเปน็ .................... ทีอ่ ยปู่ ัจจบุ ัน บ้านเลขที.่ ............หม่.ู .........ตำบล......................อำเภอ....................................... จังหวัด..................................รหสั ไปรษณีย์.......................เบอร์โทรศพั ท์................................. ปัจจบุ ันประกอบอาชีพ ข้อมูลทวั่ ไป ( ) รบั ราชการ (ระบ)ุ ............................................... ( ) เกษตรกร ทำนา .........ไร่ .........ทำสวน.........ไร่ ( ) รบั จ้างท่ัวไป ( ) ค้าขาย ( ) อืน่ ๆ (ระบุ)............................................... เวลาที่ท่านและครอบครวั อยู่พร้อมเพรียงกนั คือ ( ) ตอนเช้า ( ) ตอนเยน็ ( ) เวลาอืน่ ๆ (ระบุ)......................................... การใช้เวลาวา่ งของนกั เรยี นเวลาอยบู่ ้าน ( ) ไมม่ ีเวลาทำการบ้านและอ่านหนงั สือเพราะมีงานบ้าน ที่ต้องทำงานมาก ( ) ทำการบ้านและอา่ นหนงั สือมากชว่ ยงานบ้านเลก็ นอ้ ย ( ) ใช้เวลาส่วนมากดโู ทรทัศน์ ( ) ใช้เวลาส่วนมากเทีย่ วเลน่ กับเพื่อน

-16- เวลาอยทู่ ีบ่ ้านเด็กมีการทบทวนเนือ้ หาบทเรียนทีไ่ ดเ้ รียนหรือไม่ ( ) ทบทวน ( ) ไมท่ บทวน เดก็ ขยันทำการบ้านมากน้อยเพียงใด ( ) ขยันทำการบ้านมากกว่าทีค่ รูมอบหมาย ( ) ทำเฉพาะที่ครสู ่งั โดยไม่ต้องเตือน ( ) ทำก็ต่อเมื่อทางบ้านเคี่ยวเข็ญ ( ) ไมเ่ คยนำการบา้ นมาทำที่บ้านเลย ( ) อืน่ ๆ (ระบุ).............................................. งานทีท่ างบ้านมอบหมายให้ทำเปน็ ประจำคือ............................................................................ เด็กชว่ ยงานทีท่ ่านมอบหมายให้มากนอ้ ยเพียงใด ( ) ชว่ ยงานบ้านทีไ่ ดร้ ับมอบหมายให้ทำ ( ) ช่วยงานบ้านมากกว่าทีไ่ ด้รับมอบหมาย ( ) ไม่เคยช่วยเลย นกั เรยี นไดเ้ งินค่าใชจ่ ่ายประจำวัน จำนวน ...................บาท นักเรยี นเดนิ ทางไปโรงเรียนโดย ( ) เดนิ ( ) รถจักรยานยนต์สว่ นตัว ( ) รถรบั จ้างรายเดือน ความสามารถพิเศษของนักเรยี นคือ .............................................................................................................................................. โรคประจำตัวของนักเรยี นคือ .............................................................................................................................................. ถ้าเด็กของทา่ นทำความผิดทา่ นจะลงโทษหรือแก้ไขปัญหาอยา่ งไร ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................

-17- เดก็ ของท่านมีการพูดจากนั เปน็ อยา่ งไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. เมือ่ เดก็ ของทา่ นโกรธหรือไม่พอใจจะแสดงจะแสดงกิริยาท่าทางอย่างไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... เวลาที่อยูท่ ี่บ้านในเวลาว่างเดก็ มกั จะทำอะไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. การคบเพื่อนของเดก็ เมื่ออยทู่ ีบ่ ้านเปน็ อย่างไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ลกั ษณะนสิ ยั ของเดก็ ขณะที่อยู่บ้านเปน็ อย่างไร ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ปญั หาที่ทางบ้านต้องการให้ครดู ูแลและช่วยเหลอื เด็กคือ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ลงชื่อ.........................................ผู้ปกครอง (................................................) ลงชื่อ......................................ครผู ู้เยี่ยม (นางสาววรกัญญา พิพัฒนเ์ กษม

-18- ลักษณะบ้านภายนอก ลกั ษณะบ้านภายใน

-19-

-20-

-21-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook