ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอสามชกุ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอสามชกุ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
ความหมายของวนั วิสาขบชู า คาวา่ วิสาขบชู า ย่อมาจาก คาว่า \"วิสาขปุรณมบี ูชา\" แปลว่า \"การบชู าในวนั เพ็ญเดือน วิสาขะ\" ดังน้ัน วสิ าขบชู า จึงหมายถึง การบชู าในวนั เพ็ญ เดือน 6 การกาหนดวันวิสาขบชู า วันวสิ าขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 คา่ เดือน 6 ตามปฏทิ นิ จนั ทรคตขิ องไทย ซึ่งมักจะ ตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถนุ ายน แต่ถา้ ปีใดมีอธกิ มาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็ เลือ่ นไปเปน็ วนั ขนึ้ 15 คา่ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน ห้องสมุดประชาชนอาเภอสามชุก
ประวตั ิวันวิสาขบูชาและความสาคัญของ วันวิสาขบูชา วันวสิ าขบูชา ถือเปน็ วันสาคัญยง่ิ ทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันทีเ่ กดิ 3 เหตุการณ์สาคัญทเ่ี กี่ยวกบั วิถชี วี ิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวียนมาบรรจบกันใน วนั เพ็ญ เดือน 6 แม้จะมชี ว่ งระยะเวลาห่างกันนับเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งเหตกุ ารณ์ อศั จรรย์ 3 ประการ ได้แก่... หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอสามชกุ
1. วันวิสาขบูชา เป็นวนั ที่พระพทุ ธเจ้าประสตู ิ เมือ่ พระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรงุ กบิลพสั ดุ์ ทรงพระครรภ์แก่ จวนจะประสูติ พระนางแปรพระราชฐานไปประทบั ณ กรุงเทวทหะ เพือ่ ประสตู ิในตระกูลของพระนางตาม ประเพณีนยิ มในสมยั น้ัน ขณะเสดจ็ แวะพกั ผ่อนพระอริ ิยาบถใต้ตน้ สาละ ณ สวนลมุ พินวี ัน พระนางกไ็ ด้ ประสตู ิพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละน้ัน ซึ่งตรงกบั วันเพญ็ เดือน 6 กอ่ นพทุ ธศกั ราช 80 ปี ครั้นพระกุมาร ประสตู ิได้ 5 วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า \"สิทธัตถะ\" แปลว่า \"สมปรารถนา\" เมื่อขา่ วการประสูติแพร่ไปถึงอสิตดาบส 4 ผู้อาศยั อยู่ใน อาศรมเชิงเขาหิมาลัย และมคี วามคนุ้ เคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า และเมื่อเห็นพระราชกุมารกท็ านายได้ ทันทีว่า นีค่ ือผู้จะตรสั รู้เป็นพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า จึงกล่าว พยากรณ์ว่า \"พระราชกมุ ารนี้จักบรรลพุ ระสพั พัญญตุ ญาณ เหน็ แจง้ พระนพิ พานอันบรสิ ทุ ธิอ์ ย่างยิ่ง ทรงหวงั ประโยชน์ แกช่ นเป็นอันมาก จะประกาศธรรมจักรพรหมจรรย์ของพร กมุ ารน้จี กั แพรห่ ลาย\" แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกมุ าร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเหน็ เหตกุ ารณ์นนั้ ทรงรู้สึกอศั จรรย์และเปี่ยมล้นด้วยปีติ ถงึ กับทรุด พระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอสามชกุ
2. วนั วิสาขบูชา เปน็ วันทีพ่ ระพุทธเจา้ ตรสั รู้อนุตตรสัมมาสมั โพธิญาณ หลงั จากออกผนวชได้ 6 ปี จนเมือ่ พระชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชายสิทธตั ถะกท็ รงตรัสรเู้ ปน็ พระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝ่ังแมน่ ้าเนรัญชรา ตาบลอุรเุ วลาเสนานคิ ม ในตอนเช้ามืดของวนั พธุ ข้ึน 15 คา่ เดือน 6 ปีระกา กอ่ นพุทธศกั ราช 45 ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แหง่ นเี้ รียกวา่ พทุ ธคยา เป็น ตาบลหนึง่ ของเมืองคยา แห่งรฐั พิหาร ของอนิ เดีย สิ่งที่ตรสั รู้ คือ อริยสัจสี่ เป็นความจริง อนั ประเสรฐิ 4 ประการของพระพุทธเจา้ ซึง่ พระพุทธเจา้ เสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์ และทรงเจรญิ สมาธิภาวนาจนจิตเป็นสมาธิได้ฌานที่ 4 แลว้ บาเพญ็ ภาวนาต่อไปจนไดฌ้ าน 3 คือ - ยามต้น : ทรงบรรลุ \"ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ\" คือ ทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผอู้ ื่นได้ - ยามสอง : ทรงบรรลุ \"จตุ ูปปาตญาณ\" คือ การรู้แจง้ การเกดิ และดบั ของสรรพสตั ว์ทงั้ หลาย ด้วย การมตี าทิพย์สามารถเหน็ การจตุ ิและอุบัตขิ องวญิ ญาณทงั้ หลาย - ยามสาม หรอื ยามสุดทา้ ย : ทรงบรรลุ \"อาสวักขยญาณ\" คือ รู้วิธีกาจัดกิเลสด้วย อริยสจั 4 (ทุกข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค) ได้ตรสั รู้เปน็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพญ็ เดือน 6 ซึง่ ขณะน้ันพระพุทธองค์มี พระชนมายไุ ด้ 35 พรรษา ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอสามชกุ
3. วันวิสาขบูชา เป็นวันทีพ่ ระพุทธเจ้าเสดจ็ เข้าสู่ปรินิพพาน (ดบั สงั ขารไมก่ ลับมาเกิดสร้างชาติ สรา้ งภพอีกตอ่ ไป) เมื่อพระพทุ ธองคไ์ ด้ตรัสรู้และแสดงธรรมเปน็ เวลานานถงึ 45 ปี จนมพี ระชนมายุได้ 80 พรรษา ได้ประทับจาพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในระหว่างน้ันทรงพระประชวรอย่างหนัก ครั้นเมือ่ ถึงวันเพญ็ เดือน 6 พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ทง้ั หลาย ก็ไปรับภตั ตาหารบิณฑบาตทบี่ ้าน นายจนุ ทะ ตามคากราบทลู นิมนต์ พระองค์เสวยสูกรมทั ทวะทีน่ ายจนุ ทะตงั้ ใจทาถวายก็เกิดอาพาธลง แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสดจ็ ไปยงั เมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพือ่ เสดจ็ ดบั ขันธ์ปรินิพพาน เมือ่ ถงึ ยามสุดท้ายของคืนน้ัน พระพุทธองค์ก็ ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า \"ดกู อ่ นภิกษุ ทง้ั หลายอันว่าสงั ขารทง้ั หลายย่อมมคี วาม เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ทา่ นทง้ั หลายจง ยังกิจทงั้ ปวงอนั เปน็ ประโยชนข์ องตนและ ประโยชน์ของผอู้ ืน่ ใหบ้ ริบรู ณ์ดว้ ยความไม่ ประมาทเถิด\" หลังจากนั้นกเ็ สด็จเข้าดับขนั ธ์ ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญ เดือน 6 นั้น ห้องสมุดประชาชนอาเภอสามชุก
การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา / กิจกรรมในวันวิสาขบูชา การประกอบพิธีใน วันวิสาขบชู า จะแบง่ ออกเป็น 3 พธิ ี ได้แก่ 1. พิธีหลวง คือ พระราชพิธีสาหรบั พระมหากษัตรยิ ์ พระบรมวงศานวุ งศ์ ประกอบในวนั วิสาขบูชา 2. พิธีราษฎร์ คือ พิธีของประชาชนทวั่ ไป 3. พิธีของพระสงฆ์ คือ พิธีที่พระสงฆ์ประกอบศาสนกจิ กิจกรรมที่พทุ ธศาสนิกชนพึงปฏิบตั ิใน วันวิสาขบชู า ได้แก่ 1. ทาบุญใส่บาตร กรวดน้าอทุ ิศส่วนกศุ ลให้ญาติทลี่ ่วงลบั และเจ้ากรรมนายเวร 2. จดั สารับคาวหวานไปทาบญุ ถวายภัตตาหารทีว่ ดั และปฏบิ ตั ิธรรม ฟงั พระธรรมเทศนา 3. ปล่อยนกปล่อยปลา เพือ่ สร้างบุญสร้างกุศล 4. ร่วมเวียนเทียนรอบอุโบสถที่วัดในตอนคา่ เพื่อราลึกถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ 5. ร่วมกจิ กรรมเกย่ี วกับวนั สาคญั ทางพทุ ธศาสนา 6. จดั แสดงนิทรรศการ ประวัติ หรือเรือ่ งราวความเปน็ มาเกี่ยวกบั วันวิสาขบูชา ตามโรงเรียน หรือ สถานที่ราชการต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ และเป็นการร่วมราลึกถงึ ความสาคัญของวันวิสาขบชู า 7. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วดั และสถานที่ราชการ 8. บาเพ็ญสาธารณประโยชน์ ห้องสมุดประชาชนอาเภอสามชุก
ในวนั วสิ าขบชู า พทุ ธศาสนิกชนทั้งหลายควรยดึ มั่นในหลักธรรมควรนามาปฏิบตั ิในวันวสิ าขบูชา ได้แก่ 1. ความกตญั ญู คือ การรคู้ ุณคน เป็นคุณธรรมทีค่ ู่กับความกตเวที ซึ่งหมายถงึ การตอบแทนคุณที่มผี ู้ทาไว้ ความกตญั ญู และความกตเวทีนี้ เป็นเครื่องหมายของคนดี ทาให้ครอบครวั และสงั คมมีความสขุ ซึ่งความกตัญญกู ตเวทีนั้นสามารถเกดิ ข้ึนได้ กับท้ังบดิ ามารดาและลูก ครูอาจารยก์ บั ศิษย์ นายจา้ งกับลูกจ้าง ฯลฯ ในพระพทุ ธศาสนา เปรียบพระพุทธเจ้าเสมือนกับบุพการี ผู้ช้ใี หเ้ ห็นทางหลุดพ้นแห่งความทกุ ข์ ดงั น้ัน พุทธศาสนิกชน จึงควรตอบแทนความกตัญญูกตเวทีด้วยการทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนา และดารงพระพุทธศาสนาใหอ้ ยู่สืบไป 2. อริยสจั 4 คือ ความจรงิ อันประเสรฐิ 4 ประการทีพ่ ระพทุ ธเจ้าทรงตรสั รู้ใน วันวิสาขบชู า ได้แก่ - ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวติ สภาวะที่ทนได้ยาก ซึ่งทกุ ข์ข้ันพื้นฐาน คือ การเกิด การแก่ และการตาย ลว้ นเป็นสิง่ ที่ มนุษยท์ กุ คนต้องเผชิญ สว่ นทุกข์จร คือ ทกุ ข์ที่เกดิ ข้นึ ในการดาเนินชีวิตประจาวัน เชน่ การพลดั พรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก หรือ ความยากจน เป็นต้น - สมุทยั คอื ต้นเหตขุ องปัญหา หรือสาเหตุของการเกิดทุกข์ และสาเหตสุ ่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก \"ตัณหา\" อันได้แก่ ความอยากได้ต่าง ๆ อย่างไม่มที ีส่ ิน้ สดุ - นิโรธ คือ ความดบั ทกุ ข์ เปน็ สภาพทค่ี วามทุกข์หมดไป เพราะสามารถดบั กเิ ลส ตณั หา อปุ าทานออกไปได้ - มรรค คือ หนทางที่นาไปสกู่ ารดับทกุ ข์ เป็นการปฏิบตั ิเพือ่ แกป้ ัญหา มี 8 ประการ ได้แก่ ความเห็นชอบ ดาริชอบ วาจาชอบ กระทาชอบ เล้ยี งชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ต้ังจิตม่ันชอบ 3. ความไมป่ ระมาท คือการมีสติตลอดเวลา ไมว่ ่าจะทาอะไร พูดอะไร คิดอะไร ลว้ นต้องใชส้ ติ เพราะสติคือการระลกึ ได้ การ ระลึกไดอ้ ยู่เสมอจะทาใหเ้ ราใชช้ วี ิตอย่างไม่ประมาท ซึ่งความประมาทนั้นจะทาให้เกดิ ปัญหายงุ่ ยากตามมา ดังนั้น ในวนั นี้ พุทธศาสนิกชนจะพากันน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ดว้ ยความมีสติ ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอสามชุก
บรรณานุกรม Kapook.(2563).วันวิสาขบูชา.สืบคน้ วนั ที่ 1 พฤษภาคม 2563 จากhttps://hilight.kapook.com/view/23220 หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอสามชกุ
จัดทาโดย ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอสามชกุ ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอสามชกุ สานักงาน กศน.จงั หวัดสพุ รรณบุรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: