Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คอม4_merged

คอม4_merged

Published by Guset User, 2022-08-14 10:15:44

Description: คอม4_merged

Search

Read the Text Version

บทที4่ เรอ่ื ง ระบบเครอื ข่ายคอมพมิ เตอร์ โดย นางสาว ณฐั ตกิ า พนู ขนุ ทด รหัสนกั ศกึ ษา 4631071741101 สาขา โลหะปี3 (ลงเพ่มิ ) คำถามท้ายบท 1. ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรห์ มายถงึ กล่มุ ของคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ต่างๆ ที่ถกู นำมาเชอื่ มตอ่ กนั เพอื่ ให้ผู้ใชใ้ นเครอื ขา่ ยสามารถตดิ ตอ่ สอ่ื สาร แลกเปลยี่ นขอ้ มลู และใช้อปุ กรณต์ า่ งๆ ในเครอื ขา่ ยร่วมกนั ได\"้ เครอื ข่ายนนั้ มหี ลายขนาด ต้งั แตข่ นาดเล็กท่เี ชอื่ มตอ่ กนั ดว้ ยคอมพิวเตอรเ์ พยี งสองสามเครื่อง เพอื่ ใชง้ านในบ้านหรือในบรษิ ัทเล็กๆ ไปจนถึงเครอื ขา่ ยขนาดใหญท่ เ่ี ชอื่ มตอ่ กนั ทว่ั โลก 2. จงบอกประโยชนข์ องระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 1. การใช้อปุ กรณร์ ่วมกนั เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ ำให้ผู้ใช้ สามารถใชอ้ ปุ กรณ์ รอบขา้ งทีต่ ่อพว่ งกับระบบคอมพวิ เตอร์ รว่ มกนั ได้ 2. การใช้โปรแกรมและขอ้ มลู รว่ มกันได้ การเช่อื มต่อคอมพวิ เตอร์เปน็ เครอื ข่าย ทงั้ ประเภทเครอื ขา่ ย LAN , MAN และ WAN 3. ความประหยัด ตัวอยา่ งเชน่ ในสำนักงานแห่งหนงึ่ มเี คร่อื งคอมพิวเตอร์ จำนวน 30 เครอ่ื ง หรือมากกวา่ นี้ ถ้าไมม่ กี ารนำระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรม์ าใช้ จะเห็นว่าต้องใชเ้ ครอ่ื งพิมพอ์ ย่างน้อย 5 - 10 เคร่ือง มาใชง้ าน 4. สามารถประยุกต์ใชใ้ นงานดา้ นธุรกจิ ได้ องค์กรธรุ กจิ ท่ีมกี ารเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ กับระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต เพอ่ื ประโยชนท์ างธุรกจิ เช่น เครอื ขา่ ยของธรุ กจิ ธนาคาร ธุรกิจการบนิ 5. ความเชอื่ ถอื ไดข้ องระบบงาน ถ้าทำงานไดเ้ รว็ แต่ขาดความน่าเชอื่ ถอื กถ็ อื วา่ ไม่มีประสทิ ธภิ าพ ดังนน้ั เมอ่ื นำระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์มาใช้งาน จะทำใหร้ ะบบงานมีประสทิ ธภิ าพ มีความน่าเชอื่ ถือของขอ้ มูล 3.การแลกเปล่ียนขอ้ มูลอย่างมปี ระสทิ ธิภาพสามารถแบง่ ออกไดก้ ี่ประเภท อะไรบ้าง เเบง่ ออกได4้ ประเภท 1.การใช้ฮาร์ดเเวร์ ว่ มกนั 2.การใช้ซอฟตเ์ เวรร์ ่วมกนั 3.การเชื่อมต่อกบั ระบบอื่น

4. การใชร้ ะบบมัสตยิ สู เซอร์ 4.จงยกตัวอย่างการทำงานบนระบบเครือข่าย(Network)ทนี่ ำฮารด์ แวรม์ าใช้ รว่ มกนั เป็นฮาร์ดแวร์ประเภทใด Bus (บัส) มกี ารรบั ส่งข้อมูลด้วยความเรว็ 10-100 MB/s จะเช่ือมตอ่ กันบนสายสญั ญาณเส้นเดียวกนั Star (สตาร์) เปน็ ระบบทมี่ เี ปน็ การต่อแบบรวมศนู ย์ โดยเครอื่ งคอมพิวเตอรท์ กุ เคร่อื งจะตอ่ สายเข้าไปทอี่ ปุ กรณท์ เี่ รยี กวา่ Hub (ฮับ) หรือ Switch (สวทิ ซ์) โดยอุปกรณ์ทเี่ รยี กว่า Hub หรอื Switch Ring (รงิ ) เปน็ ระบบทมี่ ีการส่งขอ้ มลู ไปในทิศทางเดียวกนั โดยจะมีเคร่อื ง Server หรอื Switch ในการปลอ่ ย Token เพอ่ื ตรวจสอบวา่ มเี ครอื่ งคอมพิวเตอรใ์ ดตอ้ งการสง่ ข้อมูลหรอื ไม่ ระหวา่ งเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ A1 ส่งงาน เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ A2 ตอ้ งรอใหเ้ ครอ่ื ง A1 สง่ ข้อมลู เสรจ็ กอ่ นถึงจะสามารถทำงานได้ ลกั ษณะการทำงานเหมอื นรูปวงแหวน 5.จงบอกประโยชน์การใช้ซอฟตแ์ วรร์ ว่ มกัน สามารถทำใหเ้ ราใชง้ านสิง่ ของต่างๆ ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณแ์ บบมากทส่ี ุด เชน่ การใช้งานคอมพวิ เตอรถ์ า้ หากว่ามีแต่เครอ่ื งเปล่าโดยไมไ่ ดม้ รี ะบบซอฟตแ์ วรเ์ ข้ามาเกย่ี วข้องมันกเ็ หมอื นกับเครอ่ื งธรรมดาเครื่องหนึ่งทส่ี ร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เ ลย แตเ่ มอ่ื มรี ะบบซอฟต์แวรเ์ ข้ามาเกย่ี วขอ้ งก็ทำใหค้ อมพิวเตอร์สามารถทำในสิง่ ท่ีเป็นความสามารถของตนเองได้ ท้งั การสร้างงาน, การใชร้ ะบบคำนวณ, การแปลภาษา, การประมวลผลคำ หรอื แมแ้ ต่ระบบการจดั การในเรอ่ื งต่างๆ ท่สี ามารถทำได้ สร้างความสะดวกสบายในการใช้งานตา่ งๆ ใหก้ บั ตวั เราไดม้ ากเลยทเี ดยี ว อาทิ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ในบ้านบางชนิดทไ่ี มจำเปน็ ตอ้ งใช้ระบบมอื อกี ตอ่ ไปแต่เราสามารถนำเอาระบบคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีซอฟตแ์ วร์ส่งั งานมาชว่ ยทำให้เราสบายมากขน้ึ เชน่ เคร่อื งดูดฝนุ่ ใชง้ านแทนไมก้ วาด เปน็ ตน้ มีความทันสมยั ในการใชง้ าน โดยทไ่ี มจ่ ำเปน็ ตอ้ งพยายามดัดแปลงอะไรใหว้ ุ่นวายมากนกั เหมอื นกบั เปน็ การเปลยี่ นแปลงยคุ สมยั ไปโดยปรยิ ายในแบบทเ่ี ราเองสามารถทำไดง้ ่ายๆ จากการใชง้ านอปุ กรณต์ ่างๆ ท่มี ซี อฟตแ์ วร์เป็นตัวกำหนดใหเ้ กดิ การทำงานในสิ่งน้นั ๆ ขนึ้ มา 6.การใชร้ ะบบมัลตยิ สู เซอร์ (Multi-Users) หมายถึง โปรแกรมหรือระบบปฏิบตั กิ ารทยี่ อมใหม้ ผี ใู้ ช้ไดม้ ากกว่าหนึง่ คน ในเวลาเดียวกนั เชน่ การจัดขอ้ มูลพนื้ ฐานเพอ่ื ให้ผูใ้ ชห้ ลายคนสามารถเรยี กหาไดพ้ รอ้ ม ๆ กนั อยา่ งในระบบเครอื ข่าย (network)

บทท่ี 5 องค์ประกอบพน้ื ฐานของระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ โดย นางสาว ณัฐตกิ า พนู ขนุ ทด รหสั นกั ศกึ ษา 4631071741101 สาขา โลหะ (ลงเพมิ่ ) คำถามท้ายบท 1. องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรม์ อี ะไรบา้ ง จงอธบิ าย ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ มอี งคป์ ระกอบทส่ี ำคญั เพอื่ การเชอ่ื มต่อเปน็ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอรแ์ มข่ ่าย (File Server) ชอ่ งทางการสอื่ สาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณใ์ นเครอื ข่าย (Network Operation System) คอมพวิ เตอร์แม่ข่าย หมายถงึ คอมพวิ เตอร์ ท่ีทำหนา้ ทเ่ี ป็นผู้ให้บรกิ ารทรพั ยากร (Resources) ต่าง ๆ ซง่ึ ได้แก่ หนว่ ยประมวลผล หน่วยความจำ หนว่ ยความจำสำรอง ฐานขอ้ มูล และ โปรแกรมต่าง ๆ เปน็ ตน้ ในระบบเครอื ข่ายท้องถน่ิ (LAN)มกั เรยี กวา่ คอมพิวเตอร์แมข่ ่ายในระบบเครอื ขา่ ยระยะไกลท่ใี ช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์หรอื มนิ ิคอมพิวเตอรเ์ ปน็ ศูนย์กลางของเครอื ขา่ ยเรานยิ มเรยี กวา่ Host Computer และเรยี กเครอ่ื งทร่ี อรับบรกิ ารว่าลกู ข่ายหรอื สถานีงาน ชอ่ งทางการสอ่ื สาร ช่องทางการสื่อสาร หมายถงึ สอื่ กลางหรอื เสน้ ทางทใี่ ช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งขอ้ มลู ระหว่างผรู้ บั (Receiver) และผสู้ ง่ ขอ้ มลู (Transmitter) ปัจจบุ ันมีชอ่ งทางการสือ่ สาร สำหรบั การเชอื่ มตอ่ เครอื ข่าย คอมพวิ เตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลยี วไมม่ ฉี นวนหุ้ม (UTP) สายคูต่ เี กลยี ว แบบมฉี นวนหมุ้ (STP) สายโคแอคเชยี ล สายใยแกว้ นำแสง คล่ืนไมโครเวป และดาวเทยี ม เปน็ ตน้ สถานีงาน (Workstation or Terminal) หมายถงึ อปุ กรณห์ รอื เครอ่ื งไมโครคอมพิวเตอร์ ทเ่ี ชอื่ มตอ่ กับเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานงี าน ที่ไดร้ บั การบรกิ ารจากเครอื่ ง คอมพวิ เตอรแ์ มข่ า่ ย เรียกว่าเปน็ คอมพวิ เตอรล์ กู ข่าย (Workstation) ในระบบเครอื ขา่ ยระยะใกล้ มกั มหี น่วยประมวลผล หรอื ซีพยี ขู องตนเอง ในระบบทใ่ี ชเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์เมนเฟรม เป็นศนู ยก์ ลาง เรยี กสถานปี ลายทางว่าเทอรม์ นิ อล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแป้นพิมพเ์ ทา่ นน้ั ไมม่ ีหน่วยประมวลกลางของตวั เอง ตอ้ งใชห้ นว่ ยประมวลผลของคอมพิวเตอรศ์ นู ยก์ ลางหรอื Host อปุ กรณ์ในเครือข่าย การ์ดเช่อื มตอ่ เครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสำหรบั ใชใ้ นการเชอื่ มตอ่ สายสญั ญาณของเครอื ข่าย ติดตั้งไว้ในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ทเ่ี ปน็ เครื่องแมข่ า่ ย และเครอื่ งทเี่ ปน็ ลกู ขา่ ย หน้าท่ีของการด์ นี้คอื แปลงสญั ญาณจากคอมพวิ เตอรส์ ่งผา่ นไปตามสายสญั ญาณ ทำใหค้ อมพิวเตอรใ์ นเครอื ข่ายแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารกนั ได้ โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณส์ ำหรับการแปลงสัญญาณดจิ ติ อล (Digital) จากคอมพวิ เตอรด์ ้านผู้ส่ง เพือ่ ส่งไปตามสายสัญญาณขอ้ มูลแบบอนาลอก(Analog) เมอ่ื ถึงคอมพวิ เตอรด์ า้ นผรู้ ับ โมเดม็ กจ็ ะทำหนา้ ทแ่ี ปลงสญั ญาณอนาลอก ให้เปน็ ดิจิตอลนำเขา้ สเู่ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เพ่ือทำการประมวลผล โดยปกตจิ ะใชโ้ มเดม็ กบั ระบบเครือขา่ ยระยะไกล โดยการใชส้ ายโทรศพั ท์เปน็ สือ่ กลาง เชน่ เครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้

ฮบั ( Hub) คอื อุปกรณ์เช่อื มตอ่ ทใี่ ช้เปน็ จุดรวม และ แยกสายสญั ญาณ เพอ่ื ให้เกดิ ความสะดวก ในการเชื่อมต่อของเครอื ข่ายแบบดาว (Star) โดยปกติใชเ้ ป็นจดุ รวมการเช่ือมตอ่ สายสัญญาณระหว่าง File Server กับ Workstation ต่าง ๆ 2.ลกั ษณะการทำงานของคอมพิวเตอรท์ ี่เชอ่ื มตอ่ ในการทำงานระบบเครอื ข่าย คอมพวิ เตอร์ จะแบง่ เครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ป็น 2 ประเภท คือประเภทใดบ้าง ประเภทที่ใชเ้ ปน็ เซริ ์ฟเวอร์ ของเครอื ข่าย (server Computer) เเละประเภททใี่ ชเ้ ป็นเครอ่ื ง ลูกขา่ ย (client) 3. ให้นกั ศกึ ษาอธบิ ายหนา้ ท่ีของอปุ กรณเ์ หล่านี้ 3.1 แลนการด์ ทำหน้าทอ่ี ะไร ป็นอปุ กรณ์ทใี่ ชส้ ำหรบั รบั สง่ ขอ้ มูลจากเครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งหนงึ่ ไปยงั อกี เครอื่ งหนึ่ง หรอื ไปยงั อุปกรณอ์ น่ื ๆ ในระบบเครอื ข่าย ดงั นั้นคอมพวิ เตอรท์ กุ เครอ่ื งก็จะตอ้ งมีการด์ แลนเปน็ สว่ นประกอบสำคญั อกี อยา่ งหน่งึ และโดยเฉพาะการเช่อื มต่ออนิ เตอรเ์ น็ต ADSL ตามบ้าน มกั จะใชก้ ารด์ แลนเปน็ ตัวเชื่อเมตอ่ อกี ดว้ ย การใชก้ าร์ดแลน จะใช้ควบคกู่ ับสายแลนประเภท UTP 3.2 ฮับ (Hup) ทำหนา้ ทอี่ ะไร อปุ กรณ์เชอ่ื มตอ่ ที่ใชเ้ ป็นจดุ รวม และ แยกสายสัญญาณ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสะดวก ในการเชอื่ มตอ่ ของเครอื ข่ายแบบดาว (Star) โดยปกตใิ ชเ้ ปน็ จุดรวมการเช่อื มตอ่ สายสัญญาณระหว่าง File Server กบั Workstation ต่าง ๆ 3.3 รีพตี เตอร์ (Repeater) ทำหนา้ ท่ีอะไร เป็นอุปกรณท์ ่ีทำหนา้ ทรี่ ับสัญญาณดิจติ อลเข้ามา แลว้ สรา้ งใหม่ (Regenerate) ให้เป็นเหมือนสญั ญาณ (ขอ้ มูล) เดมิ ท่ีส่งมาจากตน้ ทาง จากนัน้ ค่อยส่งตอ่ ออกไปยังอปุ กรณต์ วั อน่ื เหตทุ ีต่ ้องใช้ Repeater เนอื่ งจากวา่ การสง่ สญั ญาณไปในตัวกลางทเ่ี ปน็ สายสญั ญาณนน้ั เม่อื ระยะทางมากขนึ้ แรงดนั ของสญั ญาณจะลดลงเรอ่ื ย ๆ จึงไมส่ ามารถส่งสญั ญาณ ในระยะทางไกล ๆ ได้ ดงั น้ันการใช้ Repeater จะทำให้สามารถสง่ สญั ญาณไปไดไ้ กลขนึ้ โดยที่สญั ญาณไมส่ ญู หาย 3.4 บรดิ จ์ (Bridge) ทาหน้าทอ่ี ะไร เป็นอปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการเช่อื มตอ่ เครอื ข่ายสองเครือขา่ ยเขา้ ดว้ ยกัน ซึง่ ดแู ล้วคลา้ ยกบั เปน็ สะพานเชอื่ มสองฟากฝง่ั เขา้ ด้วยกัน ด้วยเหตนุ ้จี ึงเรียกอปุ กรณน์ ีว้ า่ บริดจ์ ซ่งึ แปลว่าสะพาน เครือขา่ ยสองเครอื ข่ายท่นี ำมาเชอ่ื มตอ่ กนั จะต้องเปน็ เครือข่ายชนิดเดยี วกัน และใชโ้ ปรโตคอลในการรบั สง่ ขอ้ มูลเหมือนกนั เชน่ ใชใ้ นการเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายตามมาตรฐานอเี ทอรเ์ นต็ สองเครอื ขา่ ยเข้าดว้ ยกนั หรอื ตอ่ Token Ring สองเครอื ขา่ ยเขา้ ด้วยกนั 3.5 เราต์เตอร์ (Router) ทาหนา้ ท่ี อะไร การหาเสน้ ทางในการส่งผ่านขอ้ มลู ท่ดี ีทสี่ ดุ และเปน็ ตวั กลางในการส่งตอ่ ขอ้ มลู ไปยังเครอื ข่ายอนื่ ทัง้ น้ี Router สามารถเชอ่ื มโยงเครอื ข่ายทีใ่ ช้สื่อสญั ญาณหลายแบบแตกตา่ งกันไดไ้ มว่ ่าจะเป็น Ethernet, Token Rink หรือ FDDI ทั้งๆท่ใี นแตล่ ะระบบจะมี packet เป็นรูปแบบของตนเองซ่ึงแตกต่างกนั 3.6 เกตเวย์ (Gateway) ทาหน้าทอ่ี ะไร

เป็นอปุ กรณ์ทที่ ำหน้าท่เี ชอื่ มตอ่ เครือขา่ ยตา่ ง ๆ เข้าด้วยกัน ไม่ว่าเครอื ข่ายนน้ั จะใชโ้ ปรโตคอลตวั ใดกต็ ามเนอ่ื งจากว่า Gateway สามารถแปลงรปู แบบแพค็ เกต็ ของโปรโตคอลหนง่ึ ไปเปน็ รูปแบบของอีกโปรโตคอลหนง่ึ เพื่อให้เหมาะสมกบั การใช้งานในเครอื ข่ายได้ เชน่ แปลงรปู แบบแพ็คเกต็ ของ TCP/IP ไปเปน็ Apple Talk เปน็ ต้น ทำให้สามารถเชื่อมตอ่ กับเครือข่ายอื่น ๆ ไดอ้ ย่างไมม่ ขี ้อจำกัดแตใ่ นปัจจบุ นั นี้ ได้รวมการทำงานของ Gateway ไวใ้ น Router แล้ว ทำให้ Router สามารถทำงานเปน็ Gateway ไดจ้ งึ ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งซอ้ื อปุ กรณต์ ัวน้อี กี แล้ว 4. server. สายสญั ญาณทใี่ ช้เป็นมาตรฐานในระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์มกี ป่ี ระเภท อะไรบ้าง 3 ประเภท สายคบู่ ิดเกลยี ว (twisted pair) สายค่บู ดิ เกลียว แตล่ ะคสู่ ายทองแดงจะถกู พนั กนั ตามมาตรฐานเพอื่ ลดการรบกวนจากคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้าจากคูส่ ายขา้ งเคียงภายในเคเบลิ เดยี วกนั หรือจากภายนอก สำหรับอตั ราการสง่ ขอ้ มลู ผา่ นสายคู่บดิ เกลยี วจะขึ้นอย่กู ับความหนาของสายดว้ ย กล่าวคอื สายทองแดงท่ีมเี ส้นผา่ นศนู ยก์ ลางกวา้ งจะสามารถส่งสญั ญาณไฟฟา้ กำลังแรงได้และสามารถใชส้ ่งขอ้ มลู ไดห้ ลายเมกะบติ ตอ่ วนิ าที ในระยะทางไดไ้ กลหลายกโิ ลเมตรซ่ึงมี 2 ชนิดคอื 1.1 สายคบู่ ิดเกลยี วชนดิ หุม้ ฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) สายคบู่ ิดเกลยี วชนดิ หมุ้ ฉนวนเป็นสายค่บู ดิ เกลียวทห่ี มุ้ ดว้ ยฉนวนชนั้ นอกทห่ี นาเพ่ือปอ้ งกันการรบกวนของคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 1.2 สายคบู่ ิดเกลยี วชนดิ ไมห่ ้มุ ฉนวน (Unshielded Twisted Pair :UTP) สายคู่บดิ เกลียวชนิดไมห่ มุ้ ฉนวนเปน็ สายคู่บิดเกลยี วทห่ี ุ้มด้วยฉนวนช้ันนอกทบี่ างทำใหส้ ะดวกในการโคง้ งอแต่สามารถป้องกันการรบกวนของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ไ ด้น้อยกวา่ ชนดิ แรก สายโคแอกเชยี ล (coaxial) สายโคแอกเชยี ลเป็นตัวกลางเชอ่ื มโยงที่มีลกั ษณะเชน่ เดียวกบั สายทวี ที ีม่ กี ารใชง้ านกนั มาก ไมว่ า่ ในระบบเครือขา่ ยเฉพาะท่ี ในการส่งข้อมลู ระยะไกลระหว่างชุมสายโทรศพั ทห์ รอื การส่งขอ้ มูลสญั ญาณวีดทิ ศั น์ สายโคแอกเชยี ลทีใ่ ชท้ ว่ั ไปมี 2 ชนดิ คอื 50 โอหม์ ซ่ึงใชส้ ่งขอ้ มลู แบบดจิ ทิ ลั และชนิด 75 โอห์มซง่ึ ใชส้ ง่ ขอ้ มูลสญั ญาณแอนะลอ็ ก สายโคแอกเชยี ลจะมฉี นวนหมุ้ ปอ้ งกันการรบกวนของคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ และสญั ญาณรบกวนอน่ื ๆ ซง่ึ เปน็ ส่วนหนงึ่ ทท่ี ำใหส้ ายแบบนี้มีชว่ งความถท่ี ี่สญั ญาณไฟฟ้าสามารถผา่ นไดก้ วา้ งถึง 500 Mhz จึงสามารถส่งขอ้ มูลด้วยอัตราสง่ สงู เส้นใยนำแสง (fiber optic) เสน้ ใยนำแสง เป็นการใชแ้ สงเคลื่อนทไ่ี ปในทอ่ แกว้ ซ่ึงสามารถส่งข้อมลู ดว้ ยอตั ราความหนาแนน่ ของสัญญาณขอ้ มลู สูงมาก ปัจจุบันถา้ ใช้เส้นใยนำแสงกบั ระบบอีเธอรเ์ นต็ จะใชไ้ ด้ดว้ ยความเร็ว 10 เมกะบติ ถา้ ใชก้ ับ FDDI จะใช้ไดด้ ว้ ยความเรว็ สงู ถึง 100 เมกะบิต เสน้ ใยนำแสงมลี กั ษณะพเิ ศษท่ีใช้สำหรบั เชื่อมโยงแบบจุดไปจดุ ดงั นนั้ จึงเหมาะทีจ่ ะใชก้ บั การเช่อื มโยงระหวา่ งอาคารกับอาคาร ระยะความยาวของเส้นใยนำแสงแต่ละเสน้ ใชค้ วามยาวไดถ้ งึ 2 กิโลเมตร เสน้ ใยนำแสงจงึ ถกู นำไปใช้เป็นสายแกนหลกั เสน้ ใยนำแสงนี้จะมบี ทบาทมากขนึ้ เพราะมแี นวโนม้ ทจ่ี ะใหค้ วามเรว็ ท่สี งู มาก 5. โปรโตคอล (Protocol) หมายถงึ อะไร ปจั จุบนั โปรโตคอลใดทน่ี ิยมใช้ท่ีสุด

ขอ้ กำหนดหรอื ขอ้ ตกลงในการสอื่ สารระหวา่ งคอมพิวเตอร์ หรอื ภาษาสือ่ สารทีใ่ ชเ้ ป็น ภาษา กลางในการสอ่ื สารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ดว้ ยกัน การทีเ่ ครื่องคอมพวิ เตอร์ทถี่ กู เชื่อมโยงกนั ไวใ้ นระบบจะสามารถตดิ ตอ่ สอื่ สารกนั ได้นนั้ จำเป็นจะตอ้ งมกี ารสอื่ สารที่เรียกวา่ โปรโตคอล โปรโตคอลทน่ี ยิ มใช้ทีส่ ดุ Communication Protocol (โปรโตคอลดา้ นการสอ่ื สาร) ใชใ้ นการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขั้นพนื้ ฐาน เชน่ TCP/IP และ HTTP

บทที6่ เรอ่ื ง ความรู้พื้นฐานเก่ยี วกับระบบการสอื่ สารข้อมลู โดย นางสาว ณฐั ตกิ า พนู ขนุ ทด รหัสนกั ศกึ ษา 4631071741101 สาขา โลหะ (ลงเพิม่ ) คำถามท้ายบท 1. จงบอกความหมายของระบบการสอ่ื สารขอ้ มลู กระบวนการรูปแบบหน่งึ ในการถ่ายโอนหรอื แลกเปลย่ี นขอ้ มลู กนั ระหว่างผสู้ ่งและผรู้ ับ (Transmission) หรอื เรียกวา่ ตน้ ทางกับปลายทางก็ได้ ผา่ นช่องทางสอื่ สาร เช่น อุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื คอมพิวเตอรเ์ ปน็ ตัวกลางในการสง่ ข้อมูล ท้ังนก้ี ็เพอื่ ให้ผู้สง่ และผรู้ บั เกิดความเข้าใจซึง่ กนั และกนั ผา่ นการสื่อสารทางชอ่ งทาง การสอื่ สารขอ้ มูล เป็นการถา่ ยทอดเนือ้ หา ซึ่งอาจเปน็ คำพดู เสยี ง ข้อความ ทแี่ สดงถงึ ความรู้ ความคิด ความรสู้ กึ จากผู้สง่ ไปยงั ผู้รับ โดยใช้เครอื่ งมอื ตา่ ง ๆ เป็นชอ่ งทางในการสอื่ สาร ทงั้ นก้ี ารสอื่ สารกม็ วี วิ ัฒนาการเหมอื นส่งิ อนื่ ๆ เชน่ กนั วิวฒั นาการเร่มิ ตน้ จากการส่อื สารดว้ ยท่าทาง ถ้อยคำ สัญลกั ษณ์ ภาพวาด จดหมาย โทรเลข เปน็ ตน้ จากนั้นเมอ่ื คอมพิวเตอรใ์ นยคุ แรก ๆ เกิดขึน้ กท็ ำให้มกี ารประมวลผลในรปู แบบผ่านเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรม์ าประยกุ ต์ใชใ้ นการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ทำให้การตดิ ต่อสอ่ื สารเกดิ ความสะดวก รวดเร็ว รวมท้งั ไดร้ ับขา่ วสารทนั เหตกุ ารณ์อกี ดว้ ย การสอื่ สารผ่านอปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นยคุ แรก ๆ จะพฒั นามาเป็นชว่ ง ๆ เรม่ิ ตัง้ แตก่ ารนำส่งขอ้ มลู สำหรับการประมวลผลโดยคน การประมวลผลจึงเปน็ แบบกลมุ่ (Batch) ตอ่ มาก็เรม่ิ ใชว้ งจรของโทรศพั ท์ ส่งขอ้ มลู ในระยะไกล ซึง่ เป็นการประมวลเป็นแบบกล่มุ ออนไลน์ (On-Line Batch) พัฒนามาเปน็ การสง่ แบบสัง่ งานและรอผลลพั ธ์เพียงชว่ั ครูห่ รอื แบบเรยี ลไทม์ (Real Time) และพฒั นา ตอ่ มาถึงทเ่ี ชอื่ มต่อกับการใช้ระบบฐานขอ้ มลู แบบกระจาย (Distributed Database) 2. อธิบายองคป์ ระกอบพน้ื ฐานระบบการสอื่ สารขอ้ มูล 1. ผสู้ ง่ หรอื อปุ กรณส์ ง่ ขอ้ มลู (Sender) เปน็ แหล่งตน้ ทางของการสอื่ สารโดยมหี น้าทใ่ี นการให้กำเนดิ ขอ้ มูล หรือเตรยี มขอ้ มูล เชน่ ผพู้ ูด คอมพวิ เตอรต์ น้ ทาง เปน็ ต้น 2. ผู้รบั หรืออุปกรณ์รบั ขอ้ มูล (Receiver) เปน็ แหล่งปลายทางของการสือ่ สาร หรือเปน็ อุปกรณ์สำหรบั ขอ้ มูลที่จะนำขอ้ มลู น้นั ไปใช้ดำเนนิ การต่อไป เชน่ ผรู้ บั คอมพิวเตอรป์ ลายทาง เคร่อื งพมิ พ์ 3. ข่าวสาร (Massage) เป็นตวั เนอื้ หาของขอ้ มลู ซง่ึ มไี ดห้ ลายรปู แบบดงั นี้ คอื - ข้อความ (Text) ข้อมลู ทอ่ี ยู่ในรปู อักขระ หรือเอกสาร เช่น ข้อความในหนงั สือ เปน็ ตน้ - เสียง (Voice) ขอ้ มลู เสยี งทแี่ หล่งตน้ ทางสรา้ งข้นึ มา ซึง่ อาจจะเป็นเสยี งท่มี นุษย์หรอื อปุ กรณ์บางอย่างเป็นตวั สรา้ งกไ็ ด้

- รปู ภาพ (Image) เปน็ ขอ้ มลู ท่ีไม่เหมอื นขอ้ ความตวั อกั ษรท่ีเรียงตดิ ตอ่ กัน แตจ่ ะมีลกั ษณะเหมอื นรูปภาพ เชน่ การสแกนภาพเขา้ คอมพิวเตอร์ เปน็ ตน้ เมอ่ื เปรยี บเทยี บขอ้ มลู รูปภาพกบั ข้อมูลขอ้ ความ แลว้ รปู ภาพจะมีขนาดใหญก่ ว่า - สือ่ ผสม (Multimedia) ขอ้ มูลท่ีผสมลกั ษณะของท้งั รปู ภาพ เสยี งและข้อความเข้าดว้ ยกนั โดยสามารถเคลอื่ นไหวได้ เชน่ การเรยี นผ่านระบบ VDO conference เปน็ ตน้ โดยข้อมลู จะมขี นาดใหญม่ าก 4. ส่ือกลางหรือตัวกลางในการนำส่งขอ้ มูล (Medium) เปน็ สอ่ื หรือชอ่ งทางทใ่ี ช้ในการนำขอ้ มลู จากตน้ ทางไปยงั ปลายทาง ซ่ึงอาจเปน็ ตวั กลางทม่ี ีสายสญั ญาณ เชน่ สายไฟ หรอื ตัวกลางทีไ่ มใ่ ชส้ ายสญั ญาณ เช่น อากาศ เปน็ ต้น 5. โปรโตคอล (Protocol) เปน็ ข้อกำหนดหรือขอ้ ตกลงถึงกฎระเบียบและวธิ กี ารที่ใชใ้ นการสอ่ื สารเพอ่ื ใหผ้ สู้ ง่ และผูร้ ับมีความเข้าใจตรงกัน 3. จงบอกการสง่ สัญญาณบนสอื่ กลางขอ้ มูลในรูปแบบต่าง ๆ ได้ การส่ือสารทกุ ชนดิ ต้องอาศยั สอ่ื กลางในการส่งผ่านขอ้ มูลเพื่อนำขอ้ มลู ไปยงั จุดหมายปลายทาง เช่น การคยุ โทรศัพทอ์ าศยั สายโทรศัพท์เปน็ สอ่ื กลางในการสง่ สญั ญาณคล่นื เสยี งไปยังผู้รับ เปน็ ต้น สำหรบั การตดิ ต่อสอ่ื สารระหวา่ งคอมพวิ เตอรอ์ าจใช้สายเชอ่ื มตอ่ ผา่ นอปุ กรณเ์ ชอื่ มตอ่ หรืออาจใช้อปุ กรณเ์ ชอ่ื มต่อแบบไรส้ ายเปน็ ส่ือกลางในการเชอ่ื มตอ่ กไ็ ด้ สือ่ กลางในการสื่อสารมีความสำคัญเพราะเปน็ ปจั จัยหนงึ่ ทก่ี ำหนดประสทิ ธภิ าพในการสื่อสาร เชน่ ความเร็วในการสง่ ขอ้ มูล ปรมิ าณของขอ้ มลู ทีส่ ามารถนำไปได้ในหน่งึ หน่วยเวลา รวมถงึ คณุ ภาพของการสง่ ขอ้ มลู เราจะกลา่ วถึงสอ่ื กลางในการสอื่ สารท้งั ในแบบใช้สายและแบบไร้สาย 4. ให้นกั ศกึ ษายกตวั อย่างชนิดสอื่ กลางส่งขอ้ มลู ท่ีนำมาใชง้ านบน เครือขา่ ยน้นั ท้ังแบบส่อื กลางส่งขอ้ มลู แบบใช้สาย และแบบไร้สาย พรอ้ มทง้ั อธบิ ายการ การทำงาน 1.สื่อกลางแบบใชส้ าย 1) สายคู่บิดเกลยี ว (twisted pair cable) สายนำสัญญาณแบบนแี้ ต่ละคสู่ ายท่เี ปน็ สายทองแดงจะถกู พนั บิดเปน็ เกลยี ว เพ่ือลบการรบกวนของคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจากคสู่ ายขา้ งเคยี งภายในสายเดยี วกนั หรอื จากภายนอก ทำใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลดว้ ยความเรว็ สูง สายคบู่ ดิ เกลยี วสามารถใช้ส่งขอ้ มูลจำนวนมากเปน็ ระยะทางไกลได้หลายกโิ ลเมตร เนอ่ื งจากราคาไมแ่ พงมาก ใชส้ ง่ ขอ้ มูลได้ดี นำ้ หนักเบา ง่ายตอ่ การตดิ ตัง้ จงึ นยิ มใช้งานอย่างกว้างขวาง ตัวอย่างสายคบู่ ิดเกลยี ว 1. สายคบู่ ดิ เกลียวแบบไมป่ ้องกนั สญั ญาณรบกวน หรอื สายยูทีพี (Unshielded Twisted Pair :UTP) เปน็ สายใช้ในระบบโทรศัพท์ ตอ่ มาไดม้ กี ารรับปรุงคณุ สมบัติใหด้ ขี ้ึน จนสามารถใชก้ บสัญญาณความถสี่ ูงได้ ทำใหส้ ่งข้อมลู ไดด้ ว้ ยความเรว็ สูงขนึ้ ชนดิ ของสายต่อยูทีพี สายยทู ีพีที่ใชเ้ ป็นสอื่ กลางการส่อื สารขอ้ มูลประกอบดว้ ยลวดทองแดง 8 เสน้ ตอ่ เขา้ กบั หัวตอ่ แบบRJ45 ขณะทีใ่ นระบบโทรศัพท์จะใช้ลวดทองแดงเพียง 2 หรอื 4 เสน้ ตอ่ เขา้ กับหวั ตอ่ แบบ RJ11 2. สายคู่บิดเกลยี วแบบปอ้ งกนั สญั ญาณรบกวน หรอื สายเอสทพี ี (Shielded Twisted Pair: STP) เป็นสายทีห่ ุ้มดว้ ยตวั กนั้ สัญญาณเพอื่ ป้องกนั การรบกวนไดด้ ยี ิง่ ขนึ้ สายเอสทพี รี องรบั ความถข่ี องการส่งขอ้ มูลสูงกวา่ สายยูทีพี แตม่ ีราคาแพงกวา่ ในปัจจบุ นั การตดิ ต้งั สายสัญญาณภายในอาคารนิยมใชส้ ายยทู ีพีเปน็ หลกั เพราะมรี าคาถกู กวา่ สายเอสทีพี และมกี ารพฒั นามาตรฐานให้มีคณุ ภาพสงู สามารถสง่ ข้อมูลความเรว็ สงู ไดด้ ขี ึ้น 2.ส่อื กลางแบบไรส้ าย

การสอื่ สารแบบไรส้ ายอาศัยคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟา้ เป็นสื่อกลางนำสญั ญาณ ซงึ่ คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ท่ีสามารถนำมาใชใ้ นการสอื่ สารขอ้ มูลมีหลายชนิด แบ่งตามช่วงความถท่ี ่แี ตกตา่ งกัน การส่ือสารแบบไรสายมผี ้นู ยิ มใช้มากขน้ึ เนอ่ื งจากมคี วามคล่องตวั สูงและสะดวกสบาย มักนยิ มใชก้ นั ในพ้ืนทท่ี กี่ ารติดตงั้ สานนำสญั ญาณทำไดล้ ำบากหรอื ค่าใชจ้ ่ายในการตดิ ตงั้ สูงเกนิ ไป สอื่ กลางของการสื่อสารแบบนี้ เชน่ อนิ ฟราเรด ( Infrared : IR ) ไมโครเวฟ ( microwave ) คลื่นวทิ ยุ (radio wave) และดาวเทยี มสอื่ สาร (communications satellite ) 1.อนิ ฟราเรด สอ่ื กลางประเภทนม้ี กั ใช้กบั การส่ือสารขอ้ มลู ทไ่ี มม่ สี ิ่งกดี ขวางระหว่างตัวส่งและตัวรกั สญั ญาณ เชน่ การส่งสญั ญาณจากรีโมตคอนโทรลไปยังเครือ่ งรกั โทรศัพท์หรอื วทิ ยกุ ารเชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอรก์ ับคอมพวิ เตอรโ์ ดยผ่านพอรต์ ไออารด์ ีเอ (The Infrared Data Association : IrDA ) :ซง่ึ เปน็ การเชอื่ มตอ่ เครือข่ายระยะใกล้ 2.ไมโครเวฟ เป็นสอ่ื กลางในการสือ่ สารทมี่ คี วามเร็วสงู ใชส้ ำหรับการเช่ือมตอ่ ระยะไกลโดยการส่งสัญญาณคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าไปในอากาศพรอ้ มกับข้อมลู ทตี่ อ้ งการสง่ และตอ้ งมีสถานที ที่ ำหน้าที่ส่งและรับขอ้ มูล และเนอ่ื งจากสญั ญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเสน้ ตรงไมส่ ามารถเลยี้ วตามความโคง้ ของผวิ โลกได้ จึงตอ้ งมกี ารตง้ั สถานรี กั สง่ ขอ้ มลู เป็นระยะ และสง่ ขอ้ มูลตอ่ กนั ระหวา่ งสถานี จนกว่าจะถึงสถานีปลายทาง และแตล่ ะสถานจี ะต้ังอยู่ในที่สงู เช่น ดาดฟา้ ตกึ สูง หรือยอดเขา เพ่อื หลกี เลย่ี งการชนสงิ่ กีดขวางในแนวการเดินทางของสญั ญาณ การสง่ ขอ้ มลู ผ่านสื่อกลางชนดิ นเี้ หมาะกบั การส่งขอ้ มลู ในพนื้ ท่หี า่ งไกลมากๆ และไมส่ ะดวกในการวางสายสญั ญาณ ซึง่ เสาสัญญาณแต่ละเสาสามารถวางหา่ งไกลไดถ้ งึ 80 กโิ ลเมตร ตวั อยา่ งการสง่ สญั ญาณผ่านไมโครเวฟภาคพนื้ ดิน 3.คลนื่ วทิ ยุ เปน็ สอื่ กลางทใี่ ช้สง่ สญั ญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งในระยะทางได้ทั้งใกลแ้ ละไกล โดยมีตวั กระจายสญั ญาณ (broadcast) ส่งไปยงั ตวั รับสัญญาณ และใช้คลนื่ วทิ ยใุ นชว่ งความถีต่ า่ งๆ กนั ในการสง่ ขอ้ มูล เช่น การสอ่ื สารระยะไกลในการกระจายเสยี งวิทยรุ ะบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation : AM ) และเอฟเอม็ (Frequency Modulation : FM) หรือการส่ือสารระยะใกล้ โดยใชไ้ วไฟ ( Wi-Fi ) และบลูททู (bluetooth) 5.จงอธบิ ายการหนา้ ท่ีของอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการสง่ รบั ขอ้ มูลการสอ่ื สาร มาอย่างนอ้ ย 3 ชนดิ สายสัญญาณ เป็นสายสำหรบั เชื่อมต่อเครอื่ งคอมพิวเตอร์ตา่ งๆในระบบเขา้ ดว้ ยกนั หากเปน็ ระบบที่มจี ำนวนเครอื่ งมากกวา่ 2 เครอื่ งกจ็ ะตอ้ งตอ่ ผ่านฮับอกี ทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชอ่ื มต่อเครอ่ื งในระบบเครือขา่ ย จะมอี ยู่ 2 ประเภท คอื สาย Coax มลี กั ษณะเปน็ สายกลม คลา้ ยสายโทรทศั น์ สว่ นมากจะเป็นสดี ำสายชนิดนจี้ ะใชก้ ับการ์ด LAN ทีใ่ ชค้ อนเน็กเตอรแ์ บบ BNC สามารถส่งสญั ญาณไดไ้ กลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนจี้ ะตอ้ งใชต้ ัว T Connector สำหรบั เชอ่ื มตอ่ สายสัญญาณกับการด์ LAN ตา่ งๆในระบบ และตอ้ งใชต้ ัว Terminator ขนาด 50 โอห์ม สำหรบั ปิดหวั และท้ายของสาย สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็นสายสำหรบั การด์ LAN ที่ใช้คอนเนก็ เตอรแ์ บบ RJ-45 สามารถสง่ สัญญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคณุ ใขส้ ายแบบนจ้ี ะต้องเลือกประเภทของสายอีก โดยทว่ั ไปนยิ มใชก้ นั 2 รนุ่ คอื CAT 3 กับ CAT5 ซึง่ แบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสญั ญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมคี วามเร็วในการสง่ ขอ้ มูลที่ 100 Mbps แนะนำวา่ ควรเลอื กแบบ CAT 5 เพอ่ื การอัพเกรดในภายหลงั จะไดไ้ มต่ ้องเดินสายใหม่ ในการใชง้ านสายน้ี สาย 1 เสน้ จะตอ้ งใช้ตวั RJ – 45 Connector จำนวน 2 ตวั เพอ่ื เป็นตัวเชอื่ มตอ่ ระหว่างสายสญั ญาณจากการ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรอื เครอื่ งอืน่ เช่นเดียวกบั สายโทรศัพท์ ในกรณเี ป็นการเชือ่ มต่อเครอ่ื ง 2 เครอ่ื งสามารถใชต้ อ่ ผา่ นสายเพยี งเสน้ เดยี ไดแ้ ต่ถา้ มากกว่า 2 เครอ่ื ง ก็จำเปน็ ตอ้ งต่อผา่ นฮับ การ์ดเครอื ข่าย (Network Adapter) หรอื การด์ LAN

เปน็ อปุ กรณท์ ำหน้าที่สอ่ื สารระหว่างเครอ่ื งต่างกนั ได้ไม่จำเปน็ ต้องเปน็ รนุ่ หรอื ย่ีหอ้ เดยี วกนั แต่หากซอื้ พรอ้ มๆกนั กแ็ นะนำให้ซ้อื รุ่นและยหี อ้ เดยี วกนั จะดกี วา่ และควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งขอ้ มลู ไดเ้ รว็ กวา่ แบบ ISAและเมนบอร์ดรนุ่ ใหมๆ่ มักจะไม่มี Slot ISA ควรเป็นการด์ ทม่ี คี วามเรว็ เปน็ 100 Mbpsซ่ึงจะมรี าคามากกว่าการ์ดแบบ 10 Mbps ไมม่ ากนกั แตส่ ง่ ขอมลู ไดเ้ ร็วกว่า นอกจากนค้ี ุณควรคำหนงึ ถงึ ขว้ั ตอ่ หรือคอนเนก็ เตอรข์ องการด์ ดว้ ยโดยทว่ั ไปคอนเน็กเตอร์ ของการ์ด LAN จะมหี ลายแบบ เชน่ BNC , RJ-45 เป็นตน้ ซึ่งคอนเน็กเตอร์แตล่ ะแบบกจ็ ะใชส้ ายทแ่ี ตกต่างกนั โมเดม็ ( Modem ) โมเดม็ เปน็ ฮาร์ดแวรท์ ท่ี ำหนา้ ที่แปลงสัญญาณแอนะลอ็ ก ให้เปน็ สญั ญาณดิจทิ ัล เม่อื ขอ้ มลู ถกู สง่ มายงั ผู้รับ และแปลงสญั ญาณดจิ ทิ ลั ใหเ้ ปน็ แอนะลอ็ กเม่อื ตอ้ งการสง่ ขอ้ มลู ไปบนชอ่ งส่ือสาร กระบวนการท่ีโมเด็มแปลงสัญญาณดิจทิ ลั ให้เป็นสญั ญาณแอนะล็อก เรยี กว่า มอดเู ลชนั ( Modulation ) โมเด็ม ทำหนา้ ที่ มอดูเลเตอร์ ( Modulator ) กระบวนการทโ่ี มเด็มแปลงสญั ญาณแอนะลอ็ กใหเ้ ป็นสญั ญาณดิจทิ ัล เรยี กว่า ดีมอดูเลชัน ( Demodulation ) โมเดม็ ทำหนา้ ท่ี ดมี อดเู ลเตอร์ ( Demodulator ) โมเด็ม ทใี่ ชก้ นั แพร่หลายในปัจจบุ นั มี 2 ประเภท คือแบบ Internal และ External โมเดม็ ในปัจจุบนั ทำงานเป็นท้ังโมเดม็ และ เครอื่ งโทรสาร เราเรยี กว่า Faxmodem

บทที่7 เรอื่ ง ประเภทเครอื ข่ายคอมพิมเตอร์ โดย นางสาว ณฐั ตกิ า พนู ขนุ ทด รหสั นกั ศกึ ษา 4631071741101 สาขา โลหะ (ลงเพม่ิ ) คำถามท้ายบท 1. จงบอกประเภทของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ เครือขา่ ยสามารถจำแนกออกได้หลายประเภทแลว้ แต่เกณฑท์ ่ีใช้ เชน่ ขนาด ลกั ษณะการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ของคอมพวิ เตอร์ เปน็ ตน้ โดยทัว่ ไปการจำแนกประเภทของเครอื ข่ายมอี ยู่ 6 ประเภท คอื 1. ระบบเครือข่ายระดบั ทอ้ งถ่ิน LAN (Local Area Network) เป็นระบบเครือขา่ ยที่ใชง้ านอยูใ่ นบรเิ วณท่ีไมก่ ว้างนกั อาจใชอ้ ยภู่ ายในอาคารเดยี วกนั หรอื อาคารทีอ่ ยใู่ กลก้ ัน เชน่ ภายในมหาวทิ ยาลยั อาคารสำนกั งาน คลงั สินคา้ หรอื โรงงาน เปน็ ตน้ การสง่ ขอ้ มลู สามารถทำไดด้ ว้ ยความเรว็ สูง และมขี ้อผดิ พลาดนอ้ ย ระบบเครอื ข่ายระดับทอ้ งถิ่นจึงถกู ออกแบบมาให้ช่วยลดต้นทนุ และเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการทำงาน และใชง้ านอุปกรณต์ า่ ง ๆ รว่ มกนั 2. ระบบเครือขา่ ยระดับเมือง: MAN (Metropolitan Area Network) เปน็ ระบบเครือขา่ ยที่มขี นาดอยรู่ ะหวา่ ง Lan และ Wan เป็นระบบเครอื ข่ายทใ่ี ชภ้ ายในเมอื งหรอื จงั หวดั เทา่ นน้ั การเช่อื มโยงจะตอ้ งอาศยั ระบบบรกิ ารเครอื ขา่ ยสาธารณะ จงึ เปน็ เครอื ขา่ ยท่ีใชก้ ับองค์การท่มี ีสาขาหา่ งไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหลา่ นน้ั เขา้ ดว้ ยกนั เชน่ ธนาคาร เครือข่ายแวนเชอ่ื มโยงระยะไกลมาก จงึ มคี วามเรว็ ในการสอื่ สารไมส่ ูง เน่ืองจากมสี ญั ญาณรบกวนในสาย เทคโนโลยีทใี่ ชก้ บั เครอื ข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชอ่ื มโยงระหวา่ งประเทศดว้ ยช่องสัญญาณดาวเทยี ม เส้นใยนำแสง คลน่ื ไมโครเวฟ คลน่ื วิทยุ สายเคเบลิ 3. ระบบเครือข่ายระดบั ประเทศ หรือเครอื ขา่ ยบรเิ วณกวา้ ง: WAN (Wide Area Network) เป็นระบบเครอื ขา่ ยทต่ี ดิ ตงั้ ใชง้ านอย่ใู นบริเวณกวา้ ง เชน่ ระบบเครอื ข่ายทต่ี ดิ ตง้ั ใช้งานท่วั โลก เป็นเครอื ขา่ ยทีเ่ ชอื่ มตอ่ คอมพิวเตอรห์ รืออปุ กรณท์ ี่อย่หู ่างไกลกันเข้าด้วยกนั อาจจะตอ้ งเปน็ การติดต่อสอื่ สารกนั ในระดบั ประเทศ ข้ามทวปี หรอื ทว่ั โลกก็ได้ ในการเชอ่ื มการติดตอ่ นนั้ จะตอ้ งมีการตอ่ เขา้ กบั ระบบส่ือสารขององค์การโทรศพั ท์หรอื การส่ือสารแหง่ ประเทศไทยเสยี กอ่ น เพราะจะเปน็ การสง่ ขอ้ มูลผา่ นสายโทรศพั ทใ์ นการตดิ ตอ่ สื่อสารกนั โดยปกตมิ อี ตั ราการส่งข้อมูลที่ตำ่ และมโี อกาสเกดิ ขอ้ ผิดพลาด การส่งขอ้ มลู อาจใชอ้ ุปกรณ์ในการส่อื สาร เช่น โมเด็ม (Modem) มาชว่ ย 4. เครือขา่ ยในองคก์ รหรอื อนิ ทราเนต็ (Intranet) เปน็ ระบบเครือข่ายทีน่ ำเทคโนโลยแี บบเปิดจากอนิ เตอรเ์ นต็ มาประยกุ ต์ใช้ในองค์กร เพอื่ ชว่ ยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสาร และการทำงานต่างๆ รว่ มกันของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเปน็ การจำกัดขอบเขตการใชง้ านใหอ้ ย่ใู นองคก์ รเท่านน้ั เชน่ การใชง้ านเครอ่ื งบรกิ ารเวบ็ (Web Server) ในการแลกเปล่ยี นขอ้ มูลข่าวสาร ประชาสมั พนั ธ์ เป็นตน้ 5. เครือข่ายภายนอกองคก์ รหรือเอกซท์ ราเนต็ (Extranet)

เป็นระบบเครอื ขา่ ยทีเ่ ชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายภายในองค์กรเข้ากบั ระบบคอมพวิ เตอรท์ ่อี ย่ภู ายนอกองคก์ ร เชน่ ระบบของคอมพิวเตอรข์ องผ้ขู ายสินคา้ สาขาหรอื ลกู ค้า โดยอนุญาตและควบคุมให้เฉพาะสมาชกิ ขององค์กรหรอื ผ้ไู ด้รบั สทิ ธิใช้งานเทา่ นน้ั เช่น การใช้งานระบบฐานขอ้ มูลบนแมข่ ่าย (Server) ในบรษิ ทั เปน็ ตน้ ทำให้ติดต่อสอื่ สารกนั ฉับไว ทนั เหตกุ ารณ์ ลดค่าใชจ้ ่ายและเวลาในการทำงานบางด้านขององคก์ ร 6. เครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ (Internet) เป็นการเชอื่ มตอ่ ระหว่างเครอื ขา่ ยต่างๆ ทกี่ ระจายอยู่ทวั่ ทกุ มมุ โลกเขา้ ด้วยกนั กล่าวไดว้ ่า เครอื ข่ายอินเตอรเ์ นต็ เปน็ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรท์ ี่มขี นาดใหญท่ ี่สุดในโลกและมอี ัตราการขยายตวั สงู สามารถสอื่ สารได้หลายเสน้ ทางตามความตอ้ งการใช้ในการติดต่อ การพดู คุยสนทนา การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู การทำธรุ กจิ แบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การศึกษาทางไกล สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ซบั ซ้อน รวมทั้งเสยี ค่าใชจ้ า่ ยเฉพาะส่วนของผู้ใชเ้ ทา่ นนั้ 2. ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรส์ ามารถจาแนกไดก้ ่ปี ระเภทอะไรบ้าง เครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ บ่งแยกออกตามสภาพการเช่ือมโยงไดเ้ ปน็ 3 ชนิดคอื 1. เครอื ขา่ ยทอ้ งถนิ่ หรอื เครือขา่ ยแลน (Local Area Network : LAN) 2. เครอื ขา่ ยระดบั เมอื ง หรอื เครอื ขา่ ยแมน (Metropolitan Area Network : MAN) 3. เครอื ข่ายระดับประเทศ หรอื เครือข่ายแวน (Wide Area Network : WAN) เครอื ขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN) เครอื ข่ายแลน หรอื เครอื ข่ายท้องถน่ิ เป็นเครอื ขา่ ยขนาดเลก็ ใชก้ นั อยูใ่ นบริเวณไมก่ วา้ ง ซ่งึ เช่อื มโยงคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์สอ่ื สาร ทีอ่ ยใู่ นทอ้ งท่บี รเิ วณเดยี วกนั เขา้ ดว้ ยกนั เชน่ ภายในอาคาร หรอื ภายในองคก์ ารทมี่ รี ะยะทางไมไ่ กลมากนกั เครอื ขา่ ยแลนจัดไดว้ ่า เป็นเครอื ข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครอื ขา่ ยแลนนอี้ งคก์ ารสามารถดำเนินการทำเองได้ โดยวางสายสัญญาณสือ่ สารภายในอาคาร หรือภายในพ้ืนทีข่ องตนเอง เครือขา่ ยแลนมตี งั้ แตเ่ ครือข่ายขนาดเลก็ ท่ีเชอื มโยงคอมพวิ เตอรต์ ั้งแตส่ องเครอ่ื งข้ึนไป ภายในห้องเดียวกัน จนถงึ เชือ่ มโยงระหวา่ งหอ้ ง หรอื องค์การขนาดใหญ่ เชน่ มหาวทิ ยาลยั มกี ารวางเครอื ขา่ ยทเี่ ชื่อมโยงระหวา่ งอาคารภายในมหาวทิ ยาลัย เครอื ข่ายแลนจึงเป็นเครอื ขา่ ยทร่ี บั ผดิ ชอบโดยองคก์ ารที่เปน็ เจ้าของ เครอื ขา่ ยระดบั เมอื ง (MAN) เป็นเครอื ข่ายท่ใี ช้ภายในเมอื ง หรอื ภายในจงั หวัด เปน็ ระบบทีม่ ขี นาดกลางอยรู่ ะหว่าง เครือขา่ ยแลน กบั เครอื ข่าย แวน เครือข่ายระดบั ประเทศ (WAN) เป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอรท์ เี่ ชอื่ มโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะห่างไกล เปน็ เครือข่ายขนาดใหญ่ มกี ารตดิ ตอ่ ตอ่ สอ่ื สารกนั ในบรเิ วณกวา้ ง เช่น เชือ่ มโยงระหวา่ งจงั หวัด ระหวา่ งประเทศ การสร้างเครอื ข่ายระยะไกลจึงตอ้ งอาศยั ระบบบรกิ ารขา่ ยสายสาธารณะ เชน่ ใชส้ ายวงจรเช่าจากองคก์ ารโทรศพั ทแ์ ห่งประเทศไทย หรอื การสอื่ สารแห่งประเทศไทย ใช้วงจรสอ่ื สารผา่ นดาวเทยี ม ใช้วงจรสอื่ สารเฉพาะกิจที่มใี หบ้ รกิ ารแบบสาธารณะ เครอื ข่ายแวนจงึ เปน็ เครอื ขา่ ยทใ่ี ชก้ บั องคก์ ารทมี่ สี าขาห่างไกล และต้องการเชอื่ มสาขา เหล่านนั้ เขา้ ดว้ ยกัน เช่น ธนาคาร มีสาขาทว่ั ประเทศ มบี ริการรบั ฝากและถอนเงนิ ผา่ นตเู้ อทีเอ็ม

3.ประเภทเครอื ข่ายที่ใช้ขนาดทางกายภาพของเครือขา่ ยเป็นเกณฑ์แบ่งเป็นกี่ ประเภท อะไรบ้างจงอธบิ าย แบ่งออกได้เปน็ 2 ประเภท - LAN (Local Area Network): หรอื เครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน - WAN (Wide Area Network): หรือเครอื ข่ายบรเิ วณกวา้ ง เครอื ขา่ ยท้องถ่นิ (Local Area Network) LAN (Local Area Network) เปน็ รากฐานของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ทวั่ ไป กลา่ วคอื เกือบทกุ ๆ เครือข่ายตอ้ งมี LAN เป็นองคป์ ระกอบ เครอื ขา่ ยแบบ LAN อาจเปน็ ไดต้ ้ังแตเ่ ครอื ขา่ ยแบบง่ายๆ เชน่ มคี อมพวิ เตอร์สองเครอื่ งเชอื่ มตอ่ กันดว้ ยสายสัญญาณไปจนถึงเครอื ขา่ ยท่ีซับซ้อน เชน่ มคี อมพวิ เตอร์เปน็ รอ้ ยๆ เครอื่ งและมอี ปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ยๆ อกี มาก แตล่ กั ษณะสำคญั ของ LAN กค็ อื เครือขา่ ยจะครอบคลุมพน้ื ทจี่ ำกัด รปู นแ้ี สดงเครือขา่ ยทอ้ งถ่ินท่ปี ระกอบด้วย เคร่อื งคอมพวิ เตอรส์ เ่ี ครอื่ ง และ มเี คร่ืองพมิ พท์ ี่แชรก์ ันใช้ เครอื่ เซิรฟ์ เวอรท์ ใ่ี ชใ้ นการจดั การเครอื ขา่ ย ซึง่ เครือข่ายจะ รวมกันอยูใ่ นห้องปฏิบตั ิการ เทคโนโลยี LAN มีหลายประเภท เชน่ Ethernet, ATM, Token Ring, FDDI เปน็ ตน้ แตท่ ี่นยิ มกนั มากทส่ี ุดในปจั จุบนั คอื อีเธอรเ์ นต็ (Ethernet) ซึ่งในอเี ธอรเ์ นต็ เองยังจำแนกออกไดห้ ลายประเภทยอ่ ย ขนึ้ อยกู่ บั ความเร็ว โทโปโลยี (Topology) และสายสญั ญาณท่ใี ช้ เทคโนโลยี LAN แต่ละประเภทมที ัง้ ข้อดี ขอ้ เสยี ทแี่ ตกต่างกนั การเลอื กใชเ้ ทคโนโลยเี หล่านีค้ วรให้เหมาะกบั ลกั ษณะการใชง้ านเครอื ขา่ ยขององคก์ ร ซึง่ จะได้อธบิ ายข้อดีขอ้ เสยี ของแต่ละประเภทต่อไป เครือขา่ ยบริเวณกวา้ ง (Wide Area Network) ตรงกันข้ามกบั LAN เครอื ขา่ ยบรเิ วณกวา้ งหรือ WAN เปน็ เครอื ข่ายที่ครอบคลุมพนื้ ทบี่ รเิ วณกว้าง หรอื อาจจะครอบคลุมทั่วโลกก็ได้ ตวั อยา่ งเชน่ เครอื ข่ายอนิ เตอร์เนต็ ท่ีเรารจู้ กั กันดี WAN จะใช้สำหรับการเชอื่ มตอ่ ระหวา่ ง LAN ท่ีอย่หู า่ งไกลกนั เช่น การเชอื่ มตอ่ เครือข่ายของสำนักงานยอ่ ยทอี่ ยู่หา่ งไกลกนั LAN เปน็ เทคโนโลยีสำหรับการเช่ือมต่ำเครอื ข่ายภายในอาคาร หรือพนื้ ทท่ี ่มี รี ศั มปี ระมาณ 2-3 กิโลเมตร สว่ น WAN เปน็ เครอื ขา่ ยท่ใี ชส้ ำหรับการเชอื่ มตอ่ ระยะไกล เชน่ เครอื ขา่ ยภายในหรอื ระหว่างเมอื ง หรือแม้กระทั่งการเช่อื มตอ่ ระหวา่ งประเทศทั่วโลก เทคโนโลยที จ่ี ดั อยใู่ นประเภท WAN เชน่ รโี มทแอก็ เซสส(์ Remote Access), สายคเู่ ชา่ (Leased Line), ISDN (Integrated Service Digital Network), ADSL (Asynchronous Digital Subscribe Line), Frame Relay และระบบดาวเทยี ม เป็นต้น รโี มทแอก็ เซสเปน็ เครอื ขา่ ยที่ใช้ระบบโทรศพั ท์เป็นสอ่ื (Dial up) ทำให้ผ้ใู ชท้ ่ีอยหู่ า่ งไกลสามารถเช่อื มต่อเขา้ กบั ศนู ยก์ ลางเครอื ขา่ ยได้ การเชื่อมต่อเครอื ขา่ ยเข้ากับระบบอนิ เตอรเ์ น็ตกเ็ ปน็ ตัวอยา่ งหน่งึ ของรโี มทแอ็กเซส กลา่ วคอื ผู้ใชส้ ามารถทจ่ี ะเข้าถึงอนิ เตอรเ์ น็ตโดยการใช้โมเดม็ หมนุ ไปท่ี ISP (Internet Service Provider) เพือ่ เชอ่ื มตอ่ เขา้ กบั อนิ เตอรเ์ นต็ ได้ ผู้ใช้หลายๆ คนทอ่ี ยู่บนเครอื ข่ายทอ้ งถนิ่ สามารถตอ่ เขา้ กบั อินเตอรเ์ นต็ โดยผา่ นเราทเ์ ตอรโ์ ดยทว่ั ไปเครอื ข่าย LAN มีอัตราการส่งขอ้ มลู ทสี่ ูงกวา่ เครอื ขา่ ย WAN ตัวอย่างเชน่ อเี ธอรเ์ นต็ มอี ตั ราการส่งข้อมลู ท่ี 10 Mbps ในขณะท่คี วามเรว็ สูงสุดของโมเดม็ ในปัจจบุ ันอยทู่ ี่ 56 Kbps ซึ่งน้อยกว่าหนง่ึ เปอรเ์ ซน็ ต์ของแบนดว์ ิธของอเี ธอรเ์ นต็ แมก้ ระทัง่ การเชอ่ื มตอ่ แบบ T-1 ยังมอี ัตราข้อมูลแค่ 1.5 Mbps อย่างไรกต็ ามโดยธรรมชาติของการส่ือสารขอ้ มูลสว่ นใหญจ่ ะอย่ภู ายในเครอื ขา่ ยทอ้ งถ่นิ 4.ประเภทเครือข่ายทใี่ ช้ลักษณะหนา้ ท่กี ารทำงานของคอมพิวเตอร์ในเครือขา่ ย เป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ได้ก่ปี ระเภท อะไรบ้างจงอธิบาย 2ประเภท 1 เครอื ขา่ ยแบบเท่าเทียม (Peer-to-Peer Network) 2 เครอื ข่ายแบบผู้ใช้บรกิ ารและผ้ใู ห้บรกิ าร (Client-Server Network)

Peer to Peer Network หรือเครอื ขา่ ยแบบเท่าเทยี ม เป็นการเชอ่ื มตอ่ เครอื่ งคอมพิวเตอร์เข้าดว้ ยกนั โดยเครื่องคอมพิวเตอรแ์ ต่ละเครอ่ื งจะสามารถแบ่งทรัพยากรตา่ งๆ ไม่วา่ จะเปน็ ไฟล์หรอื เครอ่ื งพิมพ์ซงึ่ กนั และกนั ภายในเครอื ข่ายได้ เครอ่ื งแต่ละเครอื่ งจะทำงานในลกั ษณะทที่ ัดเทยี มกนั ไม่มเี ครอื่ งใดเคร่อื งเครอื่ งหน่งึ เปน็ เครอ่ื งหลกั เหมอื นแบบ Client/Server แตก่ ย็ ังคงคณุ สมบัตพิ ้ืนฐานของระบบเครอื ข่ายไวเ้ หมอื นเดิม การเชื่อมต่อแบบนมี้ กั ทำในระบบทมี่ ขี นาดเล็กๆ เช่น หน่วยงานขนาดเลก็ ทม่ี เี ครอ่ื งใชไ้ มเ่ กนิ 10 เครอ่ื ง การเชื่อมตอ่ แบบน้ีมีจดุ ออ่ นในเรอ่ื งของระบบรกั ษาความปลอดภยั แตถ่ า้ เป็นเครอื ขา่ ยขนาดเลก็ และเป็นงานทีไ่ มม่ ีขอ้ มลู ทเี่ ป็นความลบั มากนกั เครือขา่ ยแบบน้ี กเ็ ปน็ รปู แบบทน่ี ่าเลอื กนำมาใช้ได้เปน็ อย่างดี Client/Server Network หรือเครอื ข่ายแบบผ้ใู ชบ้ รกิ ารและผใู้ ห้บรกิ าร เป็นระบบทม่ี เี ครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ กุ เครอื่ งมฐี านะการทำงานทเี่ หมอื นๆ กนั เทา่ เทยี มกนั ภายในระบบเครอื ขา่ ย แตจ่ ะมเี ครอื่ งคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งหนึง่ ทท่ี ำหน้าท่ีเปน็ เครอื่ ง Server ทที่ ำหน้าทใี่ หบ้ ริการทรัพยากรต่างๆ ใหก้ ับ เครอื่ ง Client หรอื เครอื่ งท่ขี อใชบ้ ริการ ซง่ึ อาจจะต้องเป็นเครือ่ งท่มี ีประสิทธภิ าพทคี่ ่อนข้างสงู ถงึ จะทำใหก้ ารใหบ้ รกิ ารมปี ระสิทธภิ าพตามไปดว้ ย ขอ้ ดขี องระบบเครอื ขา่ ย Client - Server เปน็ ระบบท่มี กี ารรกั ษาความปลอดภยั สงู กวา่ ระบบแบบ Peer To Peer เพราะวา่ การจดั การในดา้ นรกั ษาความปลอดภยั นัน้ จะทำกันบนเครอ่ื ง Server เพยี งเครอื่ งเดยี ว ทำใหด้ แู ลรกั ษาง่าย และสะดวก มกี ารกำหนดสทิ ธกิ ารเขา้ ใชท้ รพั ยากรต่างๆ ใหก้ ับเครอื่ งผขู้ อใช้บรกิ าร หรือเครอ่ื ง Client 5. ประเภทเครอื ขา่ ยท่ีใช้ระดบั ความปลอดภัยของข้อมูลเปน็ เกณฑ์ มอี ะไรบา้ ง จงอธิบาย เครอื ขา่ ยสาธารณะ (Internet) เครือข่ายสว่ นบุคคล (Intranet) เครอื ขา่ ยรว่ ม (Extranet) เครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต (Internet) หรอื เครอื ขา่ ยสาธารณะ เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ เปน็ การเช่ือมต่อระหวา่ งเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์สองเครอื ขา่ ยขนึ้ ไป โดยใช้อุปกรณเ์ ครือขา่ ย อยา่ งเช่น เราทเ์ ตอร์ เพอ่ื ให้เกดิ การสง่ ขอ้ มลู ไปมาระหว่างกัน โดยเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ เรมิ่ ตน้ จากความพยายามเชื่อมต่อเครือขา่ ยทม่ี ีความแตกต่างกนั ทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดการพฒั นาเพื่อตอบสนองความตอ้ งการในการเชอ่ื มตอ่ เครือขา่ ยแลนหลายๆ เครอื ขา่ ย และรวมไปถึงเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์แบบอน่ื ๆ เชน่ เครือข่ายแมน เครือขา่ ยอินทราเนต็ (Intranet) หรอื เครือข่ายสว่ นบุคคล อนิ ทราเน็ตเปน็ ระบบเครือขา่ ยทเ่ี ชอื่ มโยงคอมพิวเตอร์และใชร้ ะบบโปรโตคอล TCP/IP เช่นเดยี วกบั อินเทอร์เนต็ แต่เครอื ข่ายอนิ ทราเน็ตเปน็ เครอื ขา่ ยทีอ่ ยภู่ ายในองค์กร ไม่ไดเ้ ผยแพร่ข้อมูลสโู่ ลกภายนอกเหมอื นอนิ เทอรเ์ นต็ โดยมเี ทคโนโลยที ี่คอยให้บรกิ ารเหมอื นกบั อนิ เทอรเ์ นต็ เอก็ ส์ทราเนต็ (Extranet) หรอื เครอื ขา่ ยรว่ ม เอก็ สท์ ราเนต็ คือ เครอื ขา่ ยทเ่ี ชอ่ื มตอ่ ระหว่างอนิ ทราเน็ตของสององคก์ ร ดังนัน้ จะมบี างส่วนของเครอื ขา่ ยทเ่ี ปน็ เจา้ ของรว่ มกนั ระหวา่ งสององคก์ รหรอื บรษิ ทั การสรา้ งอินทราเน็ตจะไม่จำกดั ดว้ ยเทคโนโลยี แต่จะยากตรงนโยบายทเี่ กี่ยวกับการรกั ษาความปลอดภยั ของขอ้ มลู ทที่ ั้งสอง องคก์ รจะตอ้ งตกลงกนั เชน่ องคก์ รหนึ่งอาจจะอนุญาตให้ผ้ใู ช้ของอกี องค์กรหนึ่งลอ็ กอนิ เขา้ สรู่ ะบบ อินทราเนต็ ของตัวเองหรอื ไม่ เป็นตน้ การสรา้ งเอ็กสท์ ราเนต็ จะเนน้ ทรี่ ะบบการรกั ษาความปลอดภยั ขอ้ มูล รวมถึงการตดิ ต้งั ไฟร์วอลลห์ รอื ระหว่างอนิ ทราเนต็ และการเข้ารหัสขอ้ มูลและ ส่ิงทีส่ ำคญั ทส่ี ุดกค็ อื นโยบายการรักษาความปลอดภยั ขอ้ มูลและการบังคับใช้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook