Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดฝึก-๑-อ่านวิเคราะห์-ม3

ชุดฝึก-๑-อ่านวิเคราะห์-ม3

Published by boontharika.kotsook, 2020-06-15 22:25:25

Description: ชุดฝึก-๑-อ่านวิเคราะห์-ม3

Search

Read the Text Version

ชดุ ฝกึ ทกั ษะการอ่านและการเขยี น เร่ือง “การอา่ นเชงิ วเิ คราะห์” ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ชดุ ที่ ๑ ความรูเ้ บื้องต้นการอ่านเชิงวเิ คราะห์ นางสาวบณุ ฑริกา โคตรสุข ตาแหนง่ ครู โรงเรยี นรตั นบรุ ี อาเภอรตั นบุรี จงั หวดั สุรนิ ทร์ สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต ๓๓

ก คานา ชดุ ฝกึ ทักษะการอา่ นและการเขยี น เร่อื ง การอา่ นเชงิ วเิ คราะห์ ของนักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ชดุ ที่ ๑ ความรเู้ บอ้ื งต้นการอ่านเชงิ วเิ คราะห์ ไดจ้ ัดทาข้ึนเพอ่ื ใช้ ในการฝึกทกั ษะดา้ นการอ่านคิดวเิ คราะห์ ซึ่งจะทาให้นกั เรียนสามารถคดิ วิเคราะห์ ได้อย่างถูกต้อง ชดั เจน และสมเหตุสมผล สามารถนาความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ และประสบการณ์ทไ่ี ด้รบั ไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ดา้ นการเรียน และนาไปประยกุ ต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั ซงึ่ นักเรียนสามารถศึกษาไดด้ ้วยตนเอง เกิดความสขุ สนกุ สนาน เพลดิ เพลินมคี วามสามารถในการคดิ รู้จกั คิดเป็น และมคี วามภูมิใจในผลงานของตนเอง ตลอดจนครูผู้สอนยังสามารถนามาใช้ทบทวน และสอนซ่อมเสรมิ นกั เรยี นท่ีมปี ญั หา ดา้ นทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ได้ ผจู้ ัดทาหวังเป็นอยา่ งย่ิงวา่ แบบฝกึ ทักษะการคดิ วเิ คราะห์เล่มนี้ จะเปน็ ประโยชน์ และชว่ ยพัฒนาทักษะการคิดชั้นสงู ของนักเรียนไดเ้ ป็นอย่างดี บณุ ฑรกิ า โคตรสขุ

ข สารบัญ เร่ือง หน้า คาช้แี จงสาหรับครู……………………………………………………………………………………………………. ๑ คาชีแ้ จงสาหรบั นักเรยี น……………………………………………………………………………………………. ๒ จุดประสงค์การเรยี นร.ู้ ........................................................................................................... ๓ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชดุ ทักษะชดุ ที่ ๑ การอ่านเชิงวเิ คราะห์…………………………………….. ๔ ใบความรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง การอ่านเชิงวเิ คราะห์ ....……………………………..……………………………….. ๗ กิจกรรมที่ ๑ …………………………….…………………………………………………………………………… ๑๐ กิจกรรมท่ี ๒ ……………………………………………………………………………………………………….… ๑๑ กิจกรรมท่ี ๓......................................................................................................................... ๑๔ แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดฝกึ ทักษะชุดท่ี ๑ การอ่านเชิงวิเคราะห์…………………………..……. ๑๕ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ ฝึกทักษะชดุ ท่ี ๑ ความรูเ้ บื้องตน้ การอา่ นคิดวเิ คราะห์……… ๒๖ เฉลยกิจกรรมท่ี ๑…………………………………………………………....………………………………………. ๒๗ เฉลยกจิ กรรมท่ี ๒ ……………………………………………………………………………………………………. ๒๘ เฉลยกิจกรรมท่ี ๓ …………………………………………………......................................................... ๒๙

๑ ชุดฝึกทักษะการอา่ นและการเขียน เรื่อง การอา่ นเชิงวิเคราะห์ จัดทาข้นึ เพอื่ ใช้พฒั นา ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ให้กับนักเรยี น โดยสอนแทรกในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน และใหน้ ักเรียนศกึ ษาเพมิ่ เตมิ นอกเวลาเรียน ในรายวชิ าภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย สาหรบั นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ มที ั้งหมดจานวน ๗ ชดุ ดงั นี้ ชดุ ท่ี ๑ ความรู้เบือ้ งตน้ การอา่ นคดิ วิเคราะห์ ชุดท่ี ๒ การอ่านคิดวิเคราะห์นทิ านพนื้ บา้ น ชดุ ที่ ๓ การอา่ นคดิ วิเคราะห์โฆษณา ชดุ ท่ี ๔ การอ่านคดิ วิเคราะห์ขา่ ว ชุดที่ ๕ การอ่านคิดวิเคราะห์บทความ ชุดที่ ๖ การอ่านคดิ วิเคราะห์เพลง ชุดท่ี ๗ การอ่านคิดวิเคราะห์บทรอ้ ยกรอง แบบฝึกทกั ษะการอ่านคิดวิเคราะห์ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ชดุ นีเ้ ป็นชุดที่ ๑ เรือ่ ง ความรเู้ บอื้ งตน้ การอ่านคดิ วิเคราะห์ หลังจากนกั เรยี นศกึ ษาชุดที่ ๑ นี้แล้ว จะทาใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจความหมาย องคป์ ระกอบ และหลกั การคดิ วเิ คราะห์ และวิจารณไ์ ด้ เปน็ การเริ่มตน้ เพอ่ื เป็นพน้ื ฐานในการเรียนร้สู าหรับการคิดวเิ คราะห์ของแบบฝกึ ทักษะชุดต่อไปที่ เหลืออีก ๖ ชดุ ใช้ประกอบแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑-๗ แผน ๆ ละ ๒ ชั่วโมงโดยใชช้ ดุ ฝึกทกั ษะชดุ ที่ ๑ ประกอบดว้ ยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เนอ้ื หา กิจกรรมจานวน ๓ กิจกรรม แบบทดสอบหลังเรยี น และแบบเฉลย เพอ่ื ใหค้ รผู ้สู อนและนักเรียนไดต้ รวจคาตอบได้ อยา่ งไรกต็ ามกิจกรรมบางอยา่ งมี การใชค้ าถามปลายเปดิ ดังนน้ั แนวการเขียนตอบแสดงความคิดของนกั เรียนครูผู้สอนควรใชด้ ลุ ย พินิจในการตรวจคาตอบ เมื่อตรวจแลว้ ควรแจง้ ใหน้ กั เรยี นทราบผลทนั ทเี พื่อนกั เรยี นจะได้มี กาลังใจ และครจู ะได้นาไปพฒั นาการจัดการเรียนการสอนตอ่ ไป

๒ ชดุ ฝึกทกั ษะการอา่ นคดิ วิเคราะห์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ชดุ ที่ ๑ เร่อื ง ความรู้เบอื้ งตน้ การอา่ นคดิ วิเคราะห์ มที ั้งหมด ๓ ใบความรู้ ๓ กิจกรรม ให้นกั เรยี น อา่ นคาแนะนาการใช้และปฏิบัติตามข้นั ตอนดงั นี้ ๑. อา่ นคาชีแ้ จงการใชแ้ บบฝกึ ทักษะการอา่ นคดิ วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์ ให้เขา้ ใจตาม ขั้นตอน ๒. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนจานวน ๑๐ ขอ้ ในเวลา ๒๐ นาทลี งในกระดาษคาตอบ แลว้ ตรวจคาตอบจากเฉลยส่งให้ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งแล้วให้ครูบนั ทึกคะแนน ๓. ศึกษากรอบเนอ้ื หาในใบความรูท้ าความเข้าใจแล้วทากจิ กรรมท่กี าหนดใหจ้ นครบ ทุกกิจกรรมตามลาดบั อยา่ งรอบคอบและตง้ั ใจ ๔. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจานวน ๑๐ ข้อ ในเวลา ๒๐ นาทลี งในกระดาษคาตอบ แล้วตรวจคาตอบจากเฉลยสง่ ให้ครตู รวจสอบความถูกต้องแล้วบันทึกคะแนน ๕. ตรวจคาตอบจากเฉลยทา้ ยแบบฝกึ ทกั ษะ ๗. นักเรียนตอ้ งมีความซื่อสตั ย์ และไมแ่ อบดเู ฉลยกอ่ นทากิจกรรมในชุดฝกึ ทักษะ

๓ หลงั จากนักเรียนไดเ้ รียนรู้จากการทาแบบฝกึ ทักษะการอา่ นและการเขยี น เรื่อง การอ่านเชงิ วิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ชุดที่ ๑ เรือ่ ง ความรู้ เบอื้ งตน้ ในการอ่านเชิงวเิ คราะห์ เรยี บรอ้ ยแล้ว นักเรียนมคี วามสามารถ ดังน้ี ๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของการอ่านเชงิ วิเคราะห์ได้ ๒. นกั เรยี นสามารถตอบคาถามจากเรือ่ งที่อา่ นได้ ๓. นักเรยี นเห็นคณุ คา่ ของการอ่านเชิงวิเคราะห์

๔ แบบทดสอบกอ่ นเรยน คาช้แจงี: ให้นกั เรยี นทาเคร่ืองหมาย x ตวั เลือกทถี่ ูกต้องที่สดุ อา่ นบทประพันธ์ต่อไปน้แี ล้วตอบคาถามข้อที่ ๑ - ๒ หอมไฟไหมด้ ินกล่นิ อิฐ เรยี งติดลงเตาเผาแตง่ ดินดาคล้าคลายกลายแดง ละก้อนลว้ นแกรง่ กรา่ งไกร ดินดงลงบอ่ หล่อเบ้า คลกุ เถา้ คลึงถาดปาดไถ กดแทน่ แปูนทบั ฉับไว ลงมือลงไมไ้ ฟรุม น้าทงุ่ น้าทา่ มาอาบ มานาบมานวดดนิ นมุ่ เมอื งลา่ งเมอื งบนชนชมุ มือนท้ี ก่ี รุมกรางาน ป้ันดนิ ปาดดนิ ประดงั เปน็ วังเปน็ วดั พัสถาน ปทู างเทา้ คนทนทาน บนั ดาลดว้ ยมือแรงเรา ๑. บุคคลใดตอ่ ไปนน้ี าสาระสาคญั ของบทประพันธ์นีไ้ ปใชต้ รงตามจุดประสงคข์ องผปู้ ระพันธ์ ก. คมกรชิ คิดว่าการทาอิฐไมย่ ากอย่างที่คดิ จงึ ลงมือทาอฐิ เพ่ือสร้างบา้ นเอง ข. คงฤทธ์ิ ต้งั ใจวา่ ไม่วา่ จะเกดิ อะไรข้ึนกจ็ ะทางานท่ียากลาบากดว้ ยตวั เอง ค. คงธนา เปลีย่ นวสั ดุในการสรา้ งโรงรถจากเดิมที่จะใชไ้ มม้ าใช้อิฐทดแทน ง. คมกฤษ ใช้กวีนิพนธ์นเี้ ป็นส่วนนาในการเขยี นความเรยี งเรอื่ ง”ข้นั ตอนการทาอิฐ” ๒. คาประพันธ์นม้ี นี ้าเสียงอย่างไร ก. ชน่ื ชม ข. ตน่ื เต้น ค. ต้ืนตัน ง. ประทบั ใจ ๓. “ท้องฟาู มีอยูแ่ บบท้องฟูา กอ้ นเมฆลอยอยแู่ บบก้อนเมฆ พระอาทติ ย์สาดแสงในแบบของพระอาทติ ย์ นกร้องแบบท่มี ันร้อง ดอกไม้สวยงามเปน็ ธรรมชาตขิ องดอกไม้ ลมพดั เพราะมันคือลม หอยทากเดนิ ช้าอยา่ งท่ี หอยทากเป็น เหมอื นธรรมชาตกิ าลงั กระซิบบอกฉันว่ามนั เพยี งเปน็ ของมนั อย่างนนั้ มันไมร่ อ้ งขอ ฉนั จะ มองเห็นมนั หรอื ไม่เหน็ มนั มันไม่เรียกรอ้ งให้ต้องชน่ื ชม ตอ้ งแลกเปล่ียน ตอ้ งขอบคุณ เปน็ ของมันอยา่ งน้ัน ไมไ่ ดต้ ้องการอะไร มนั เพยี งแต่เปน็ ไป ทุกอยา่ งเป็นธรรมชาติของมนั ” ใจความสาคัญของข้อความนต้ี รงกบั ขอ้ ใด ก. ธรรมชาติไม่เคยสนใจมนษุ ย์ ข. ธรรมชาติไมเ่ คยเรยี กรอ้ งอะไรจากมนษุ ย์ ค. ธรรมชาติไม่ต้องการคาชืน่ ชมจากมนุษย์ ง. ทกุ อยา่ งที่เป็นธรรมชาติ ล้วนมีความสวยงาม

๕ ๔. ข้อใดใหค้ วามหมายของคาว่า “วเิ คราะห”์ ไดถ้ กู ตอ้ งทสี่ ดุ ก. พจิ ารณาความหมายแฝงเรน้ ของเร่อื ง ข. พจิ ารณาเจตนาหรือแนวคิดสาคัญของเรือ่ ง ค. พิจารณายอ่ หนา้ เพือ่ จบั สาระสาคัญของเรื่อง ง. พิจารณาแยกแยะองค์ประกอบแตล่ ะส่วนภายในเรอ่ื ง ๕. “คนสว่ นใหญ่ไมค่ ่อยรู้ตวั ียงั คงอยากได้อะไรทม่ ากขน้ึ ีๆีไม่วา่ จะเปน็ เงินทองีเกยรตยิ ศชอื่ เสยงหรอื ความรกั ีและก็มกั จะไม่ไดด้ ังใจนึกีความทกุ ข์ก็ยงิ่ มากข้นึ ตามวยั ท่มากขึ้นด้วย” ใจความสาคญั ของ ข้อความน้ีตรงกบั ข้อใด ก. ความอยากของมนุษย์เพ่มิ ตามอายุ ข. คนเราเมอ่ื อายมุ ากขน้ึ ความตอ้ งการจะเพ่ิมมากขึ้น ค. ถ้ามนษุ ย์อยากไดไ้ มม่ ที ่ีสนิ้ สดุ กจ็ ะยงิ่ มแี ตค่ วามทุกข์ ง. ความทุกขข์ องมนุษยเ์ กดิ จากความตอ้ งการในทรัพยส์ ิน เงินทอง ๖. “ผู้ใดเกิดเปน็ สตรอนั มศกั ด์ิ บารุงรกั กายไวใ้ หเ้ ป็นผล สงวนงามตามระบอบไม่ชอบกลีีีีีีีีีีีจึงจะพน้ ภัยพาลการนินทา” ขอ้ คิดทไี่ ดร้ ับจากบทรอ้ ยกรองขา้ งตน้ ตรงกบั ข้อใด ก. เป็นผหู้ ญงิ ต้องรจู้ กั รักนวลสงวนตวั ข. เป็นผู้หญิงตอ้ งรู้จักเจยี มเนือ้ เจียมตัว ค. เปน็ ผู้หญงิ ต้องงดเว้นการนนิ ทาว่ารา้ ย ง. เปน็ ผูห้ ญงิ ต้องแตง่ กายใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ ๗. ขอ้ ใดปรากฏคาท่มี ีความหมายโดยนยั ก. ปฐมพงษเ์ ดนิ ไปทหี่ อ้ งครวั แลว้ ลืน่ ลม้ เตะแกว้ แตก ข. กระโปรงตัวนี้ตัดเยบ็ สวยเตะตาฉนั จริง ๆ เชียว! เธอ ค. โดง่ ซ้อมเตะฟตุ บอลท่สี นามกีฬาของโรงเรยี นทุก ๆ เยน็ ง. จอ้ ยเตะสุนขั ทก่ี าลังจะเดินตรงเขา้ มากัดท่โี คนขาของเขา อ่านขอ้ ความต่อไปน้ี แล้วตอบคาถามข้อ 8 “มะรมุ จอมพลัง คนเรารจู้ ักใช้มะรมุ เปน็ ยารกั ษาโรคผวิ หนงั โรคทางเดนิ หายใจ โรคระบบ ทางเดินอาหาร และโรคภยั ไข้เจ็บอื่นๆ มานานหลายรอ้ ยปีแล้ว อีกทง้ั ปัจจุบนั ยังได้รบั การกล่าวขวัญถึง วา่ อาจเปน็ ทางออกหนง่ึ ในการรับมือกบั ความอดอยากและภาวะทพุ โภชนาการ พชื ทนแล้งที่เติบโตเร็วใน อัตราสงู ถงึ 3.6 เมตรตอ่ ปี ชนดิ นีม้ ใี บอดุ มไปด้วยวติ ามินและเกลือแร่”

๖ ๘. ผ้เู ขยี นมีวัตถุประสงคอ์ ยา่ งไร ก. การเขียนโน้มนา้ วให้เช่ือ ข. การเขียนเพ่อื ให้ความบนั เทิง ค. การเขยี นเพ่อื ใหค้ วามรู้ ง. การเขียนเพ่ือชแ้ี จง ๙. คาประพันธ์ต่อไปนม้ี จี ดุ ประสงค์ตามขอ้ ใด ีีีีีีีีถึงจนทนสู้กดั ีีีีีเกลอื กิน ีีีีีีอย่าเท่ยวแลเ่ ถือเนอื้ ีีีีีพวกพ้อง ีีีีีีอดอยากเย่ยงอย่างเสอื ีีีีีสงวนศกั ดิ์ ีีีีีีโซก็เสาะใส่ทอ้ ง ีีีีีจบั เนื้อกนิ เอง ก. ให้รูจ้ กั อดทน ข. ให้รู้จกั ประมาณตน ค. ให้รจู้ กั รักศักดศิ์ รี ง. ให้รู้จักชว่ ยเหลอื ตนเอง ๑๐. ีีี“นางเห็นรูปสวุ รรณอยู่ชั้นใน รปู เงาะสวมไว้ใหค้ นหลง” คาท่ีขีดเส้นใต้สอดคล้องกบั ข้อใดมากท่ีสดุ ก. ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบอ่ น ดุจดังคนใจร้าย นอกนน้ั ดูงาม ข. ภายในย่อมรสา เอมโอช สาธุชนนัน้ แล้ เลิศด้วยดวงใจ ค. คือคนหมูไ่ ปหา คบเพ่ือน พาลนา ได้แต่รายร้ายฟงูุ เฟื้องให้เสียพงศ์ ง. คือคนเสพเสน่หา นกั ปราชญ์ ความสขุ ซาบฤๅมว้ ย ดจุ ไม้กลน่ิ หอม

๗ ใบความรู้ เร่ืองีการอา่ นเชงิ วเิ คราะห์ การอ่านเชิงวเิ คราะหเ์ ป็นการอา่ นหนังสือแตล่ ะเล่มอย่างละเอียดให้ได้ความครบถ้วนแล้วจงึ แยกแยะ ใหไ้ ดว้ า่ สว่ นตา่ งๆนนั้ มีความหมายและความสาคัญอยา่ งไรบา้ ง แต่ละด้านสัมพันธ์กบั ส่วนอืน่ ๆ อยา่ งไรวธิ อี ่าน แบบวเิ คราะหน์ ้ี อาจใชว้ ิเคราะห์องคป์ ระกอบของคาและวลี การใช้คาในประโยควิเคราะห์สานวนภาษา จุดประสงคข์ องผู้แต่ง ไปจนถึงการวิเคราะหน์ ัยหรือเบอ้ื งหลังการจัดทาหนงั สอื หรอื เอกสารนั้น การวิเคราะห์เรอ่ื งทอ่ี า่ นทกุ ชนดิ ส่ิงทีจ่ ะละเลยเสียมไิ ด้ก็คอื การพิจารณาถึงการใชถ้ อ้ ยคาสานวน ภาษาวา่ มีความเหมาะสมกบั ระดบั และประเภทของงานเขยี นหรอื ไม่ เช่น ในบทสนทนากไ็ ม่ควรใช้ภาษาทเ่ี ป็น แบบแผนควรใช้สานวนให้เหมาะสมกบั สภาพจรงิ หรอื เหมาะ แกก่ าลสมัยที่เหตกุ ารณ์ในหนงั สอื นน้ั เกดิ ขนึ้ เปน็ ต้น ดงั นนั้ การอ่านวเิ คราะหจ์ ึงต้องใชเ้ วลาอา่ นมาก และยิง่ มีเวลาอ่านมากกย็ ่ิงมโี อกาสวิเคราะห์ ได้ดมี ากขึ้น การอา่ นในระดบั นี้ ต้องรูจ้ ักตง้ั คาถามและจัดระเบียบเรอ่ื งราวที่อา่ น เพ่ือจะได้เขา้ ใจเรือ่ งและความคดิ ของ ผเู้ ขยี นตอ้ งการ การวิเคราะหก์ ารอ่าน การวเิ คราะห์การอ่านประกอบดว้ ย 1. รูปแบบ 2. กลวธิ ีในการประพนั ธ์ 3. เน้อื หาหรอื เนื้อเรื่อง 4. สานวนภาษา กระบวนการวิเคราะห์ 1. ดรู ูปแบบของงานประพันธว์ ่าใชร้ ปู แบบใด อาจเป็นนิทาน บทละคร นวนยิ าย เร่ืองสนั้ บทรอ้ ยกรอง หรือบทควมจากหนังสอื พมิ พ์ 2. แยกเนือ้ เร่อื งออกเป็นส่วนๆ ใหเ้ หน็ วา่ ใครทาอะไร ทไี่ หน อยา่ งไร เม่ือไร 3. แยกพิจารณาแต่ละสว่ นใหล้ ะเอียดลงไปว่าประกอบกันอย่างไร หรอื ประกอบด้วยอะไรบา้ ง 4. พิจารณาให้เห็นว่าผเู้ ขียนใหก้ ลวิธเี สนอเรอื่ งอย่างไร การอ่านเชิงวเิ คราะหใ์ นข้ันต่างๆ 1. การอ่านวิเคราะหค์ า การอ่านวเิ คราะหค์ า เปน็ การอา่ นเพอื่ ให้ผู้อา่ นแยกแยะถอ้ ยคาในวลี ประโยค หรอื

๘ ข้อความตา่ งๆ โดยสามารถบอกไดว้ ่า คาใดใชอ้ ยา่ งไร ใช้อยา่ งไร ใชผ้ ิดความหมาย ผิดหน้าท่ีไม่เหมาะสม ไม่ ชดั เจนอยา่ งไรควรจะตอ้ งหาทางแกไ้ ข ปรบั ปรงุ อยา่ งไร เปน็ ตน้ เช่น 1.อยา่ เอาไปใชท้ บั กระดาษ 2.ทน่ี ่ีรับอดั พระ 3.เขาท่องเทีย่ วไปทวั่ พภิ พ 2. การอา่ นวิเคราะห์ประโยค การอา่ นวิเคราะห์ประโยค เป็นการอา่ นเพ่อื แยกแยะประโยคตา่ งๆ ว่าเปน็ ประโยคทถี่ ูกต้องชดั เจน หรือไมใ่ ช้ประโยคผดิ ไปจาก แบบแผนของภาษาอยา่ งไร เปน็ ประโยคที่ถูกตอ้ งสมบูรณ์เพยี งใดหรอื ไม่มีหน่วย ความคิดในประโยคขาดเกินหรือไม่ เรยี งลาดบั ความใน ประโยคทีใ่ ช้ได้ถูกต้องชดั เจนหรอื ไม่ ใชฟ้ มุ เฟือยโดยไม่ จาเป็นหรือใชร้ ปู ประโยคทสี่ ื่อความหมายไมช่ ัดเจนหรอื ไม่ เม่ือพบข้อบกพรอ่ งต่างๆแล้วก็สามารถแก้ไขให้ ถกู ต้องได้ เช่น 1) สุขภาพของคนไทยไม่ดสี ่วนใหญ่ 2) การแก้ปัญหาจราจรในกรงุ เทพฯเกดิ การจลาจล 3) ทกุ คนยอ่ มประสบความสาเร็จท่ามกลางความขยนั หมนั่ เพยี ร 4) เขามกั จะเปน็ หวดั ในทกุ ครงั้ ท่ฝี นเริม่ ตก 3. การอ่านวิเคราะห์ทัศนะของผู้แต่ง ผอู้ ่านตอ้ งพิจารณาไตรต่ รองใหร้ อบคอบวา่ ผเู้ ขียนเสนอทัศนะมีน้าหนักเหตผุ ลประกอบขอ้ เทจ็ จริง นา่ เช่ือถือเพยี งใด เป็นคนมองโลกในแง่ใด เปน็ ต้น 4. การอ่านวเิ คราะหร์ ส การอา่ นวเิ คราะหร์ ส หมายถงึ การอ่านอย่างพิจารณาถึงความซาบซึง้ ประทับใจท่ไี ดจ้ ากการ อ่าน วธิ กี ารทีจ่ ะทาให้เข้าถึงรสอย่างลึกซ้ึง คอื การวิเคราะห์รสของเสียงและรสของภาพ 4.1 ด้านรสของเสยี ง ผอู้ ่านจะรสู้ ึกได้ชัดจากการอ่านออกเสยี งดงั ๆไมว่ า่ จะเป็นการอา่ นอย่าง ปกติหรือการอา่ นทานองเสนาะ จึงจะช่วยใหร้ สู้ กึ ถงึ ความไพเราะของจังหวะ และความเคลอ่ื นไหว ซง่ึ แฝงอยู่ ในเสียง ทาให้เกิดความรสู้ ึกไปตามท่วงทานองของเสียงสูงตา่ จากเนือ้ เรอ่ื งท่อี า่ น 4.2 ด้านรสของภาพ เม่ือผู้อ่านอา่ นแล้วเกดิ ความเข้าใจเรอื่ ง ในขณะเดยี วกัน ทาให้เห็นภาพดว้ ย เปน็ การสร้างเสรมิ ใหผ้ ูอ้ ่านไดเ้ ข้าใจความหมาย การเขียนบรรยายความดว้ ยถอ้ ยคาไพเราะ ทง้ั รอ้ ยแก้วและร้อยกรอง กอ่ ใหเ้ กิดภาพขนึ้ ในใจผู้อ่าน ทาให้เกิดความเพลดิ เพลินและเขา้ ใจความหมายของ เรือ่ งได้ดีย่ิงขึน้ 5. การอ่านเพือ่ วเิ คราะหข์ อบเขตของปญั หาและการตีความเน้ือหาของขอ้ ความ การอ่านเชงิ วิเคราะห์ ยงั มีสิง่ ทต่ี อ้ งพจิ ารณา คอื การวเิ คราะห์ขอบเขตของปญั หา และการตีความ เนือ้ หาของหนงั สือ ซึง่ มีรายละเอยี ดดังน้ี

๙ 5.1การวิเคราะหข์ อบเขตของปัญหา มีหลักปฏบิ ัติดังน้ี 5.1.1 จดั ประเภทหนังสอื ตามชนิดและเนอื้ หา หนังสือแต่ละประเภท มวี ธิ อี ่านต่างกนั กอ่ นอ่านต้องวิเคราะหร์ วู้ า่ หนังสอื เล่มน้นั อย่ใู นประเภทใด การแบ่งประเภทจะดแู ตช่ ื่อเรอื่ ง หรอื ลักษณะภายนอกเพยี งอยา่ งเดยี วไม่ได้ตอ้ งสารวจเนอ้ื หาดว้ ย อย่างไรก็ตาม ชอื่ เรื่องเปน็ สิง่ แรกทใ่ี ช้เป็น แนวทางได้ เพราะผู้เขยี นย่อมต้องพยายามต้งั ชอ่ื เรอ่ื งใหต้ รงแนวเขยี นหรือจุดมุ่งหมายในการเขยี นของตนให้ มากที่สดุ 5.1.2 สรปุ ให้สัน้ ที่สดุ ว่า หนงั สือนน้ั กล่าวถงึ อะไร หนังสือทดี่ ีทุกเล่ม ตอ้ งมีเอกภาพ มกี ารจัดองคป์ ระกอบของสว่ นย่อยอย่างมีระเบยี บ ผ้อู า่ นตอ้ งพยายามสรปุ ภาพ ดงั กลา่ วออกมาเพยี ง 1-2 ประโยควา่ หนังสอื เล่มนั้นมีอะไรเปน็ จุดสาคญั หรือเป็นแกน่ เร่ือง แล้วจึงหาความสมั พันธก์ บั สว่ นสาคัญตอ่ ไป 5.1.3 กาหนดโครงสังเขปของหนังสือ เมือ่ อ่านต้องตงั้ ประเด็นด้วยวา่ จากเอกภาพของหนังสือเล่มนน้ั มีส่วนประกอบสาคญั บา้ ง ส่วนท่สี าคัญๆสัมพนั ธก์ นั โดยตลอดหรือไม่ และแตล่ ะสว่ นก็มหี น้าทขี่ องตน สนับสนุนซ่ึงกนั และกันหรอื ไม่ 5.1.4กาหนดปัญหาท่ผี ้เู ขียนต้องการแก้ ผู้อ่านควรพยายามอ่านและคน้ พบว่า ผเู้ ขียนเสนอปัญหา อะไร อย่างไร มีปัญหาย่อยอะไร และใหค้ าตอบไวต้ รงๆหรือไม่ การต้งั ปัญหาเป็นวิธกี าร หน่ึงทจี่ ะทาให้เข้าใจเรอ่ื ง แจ่มแจง้ ย่ิงตั้งปัญหาไดก้ วา้ งขวางลกึ ซ้ึงเพยี งใด ยง่ิ เขา้ ใจได้เพ่มิ ขึน้ เพียงน้นั 5.2 การตีความเน้อื หาของหนงั สอื การตคี วามเป็นสงิ่ ทผี่ ู้อา่ นทาความเข้าใจ ความคิดของผู้เขียน พิจารณาวตั ถปุ ระสงค์ของผ้เู ขยี น ซ่ึงบางครง้ั ผูเ้ ขยี นไม่ได้บอกความหมายหรอื นยั ของ ขอ้ ความทเี่ ขียนออกมาตรงๆ แตผ่ อู้ ่านตอ้ งอาศยั ความรู้ความเขา้ ใจบรบิ ทของเรอ่ื งเป็นอย่างดี จึงจะตีความได้ ถูกต้อง การทาความเข้าใจความคดิ ของผู้เขยี นนั้น ไม่วา่ ความคดิ จะถกู ต้องหรือไม่เราจะเหน็ ดว้ ยหรือไม่ก็ ตามแตก่ ารพยายามเขา้ ใจเชน่ น้ันทาให้เราไม่วิจารณผ์ ้เู ขียนอยา่ งไมย่ ตุ ธิ รรม แต่จะพจิ ารณาท้งั ขอ้ ดี ขอ้ บกพร่อง ของงานเขยี นนนั้ อย่างแจม่ แจ้ง การตคี วามเน้ือหาของหนังสือมีรายละเอียดต่างๆ ดงั นี้ 5.2.1 ตีความหมายของคาสาคัญ และคน้ หาประโยคสาคัญท่สี ดุ ผูอ้ ่านตอ้ งพยายาม เขา้ ใจคาสาคญั และเข้าใจประเด็นทสี่ าคัญท่ีผเู้ ขียนเสนอ เพอื่ เข้าใจความคิดของผเู้ ขยี น 5.2.2 สรุปความคิดสาคัญของผเู้ ขียน โดยพจิ ารณาว่าประโยคใดเป็นเหตุ ประโยคใดเปน็ ผล ประโยคใดเปน็ ขอ้ สรปุ ซึง่ บางคร้งั ผูเ้ ขยี นไม่ได้สรปุ ความคิดออกมาให้เห็นชัดเจน แต่ผูอ้ ่าน ต้องพยายามสรุปออกมาใหไ้ ด้ 5.2.3 ตัดสนิ ว่าอะไรคือการแก้ปญั หาของผู้เขยี น เม่อื ผู้อ่านตตี วามสาคญั ใหต้ รงกับผูเ้ ขยี น เข้าใจความคิดสาคัญของผเู้ ขยี น และสรุปความคดิ ของผู้เขยี นได้แลว้ ผู้อา่ นก็จะวเิ คราะห์หรอื ตดั สนิ ได้วา่ จากเร่อื งราวหรอื เหตผุ ลต่างๆท่ีผู้เขยี นนามาเสนอน้ันมคี วามสมเหตสุ มผลหนกั แน่น น่าเชื่อถือได้ หรอื ไมเ่ พยี งใด เพือ่ นาไปสู่การวิจารณ์หนังสือเรอื่ งน้ันๆต่อไป

๑๐ กจิ กรรมที่ ๑ คาชแ้ จงี ใหน้ ักเรยี นอา่ นเน้อื เร่ืองแลว้ ตอบคาถาม ๑. ปัญหาของดาวคืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. สาเหตุของปัญหาคืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๓. ถ้านกั เรยี นเป็นดาวนักเรียนจะแกไ้ ขปญั หาอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๔. เม่ือแก้ไขตามวิธีขอ้ ๓ แล้ว ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับคอื อะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..

๑๑ กิจกรรมที่ ๒ คาชแ้ จงี ใหน้ กั เรยี นอ่านเนอ้ื เรอ่ื งแล้วตอบคาถาม สิงโตเฒา่ บริเวณปุาแหง่ หนง่ึ มีความร่มร่ืนเปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั ของสัตว์ปุาชนดิ ตา่ งๆสงิ โตตวั หนึ่งวางอานาจเปน็ เจ้าปุา ชอบรังแกสตั ว์อน่ื และจับสัตว์ต่างๆมากนิ เปน็ อาหารจนเป็นที่เกรงกลัวของสัตว์ในปาุ กาลเวลาผา่ นไปสงิ โตเริ่ม อายมุ ากลายเปน็ สิงโตเฒา่ จึงกนิ หาอาหารได้ค่อนข้างลาบาก วนั หนึ่งสิงโตไทยเฒา่ นอนอยู่ใตร้ ม่ ไมม้ องเห็นหมาตัวหนง่ึ ยืนกนิ หญ้าอยู่ไกล ๆ มันอยากจะลองกินเนอื้ มา้ ดบู า้ งจึงแกลง้ ปุาวอากาศออกไปว่า “สัตวท์ ัง้ หลายเราคอื สงิ โตกลบั ใจพอแก่ตัวลงเราเลกิ กินเน้ือสตั ว์แลว้ จะ ถา่ ยทอดวชิ าหมอรักษาพวกท่านทป่ี วดท้องปวดหัวปวดขาปวดกระเพาะเชิญทางนจี้ ะ๊ ” มา้ มองเหน็ เหตกุ ารณ์ที่ สงิ โตลวงกระต่ายเพราะไปในถา้ เมื่อสิงโตเดินกลบั ออกมาโดยไม่มกี ระตา่ ยแตม่ คี ราบเลือดตดิ อยู่ทปี่ ากมันก็ร้วู ่า เปน็ กลอุบายที่สงิ โตถา้ เฒ่าวง่ิ ไล่ตามจับไมไ่ หวจงึ ต้องใชอ้ บุ ายหาอาหารแต่ม้าแกลง้ เดินตามสิงโตเข้าไปในถา้ พอ ถึงปากถ้าเจ้ามาก็เตะสงิ โตที่ใบหนา้ ของเจ้าสิงโตลงไปนอนลกุ ไม่ข้ึนตั้งแต่บัดนน้ั มาสิงโตก็หาอาหารไดย้ ากขึ้น ๑. ทาไมสัตวป์ า่ จึงเกรงกลวั สิงโตีี …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒. สิงโตมพละกาลงั ในการจบั สัตวป์ ่าเปน็ อาหารไดต้ ลอดไปหรอื ไม่อธิบายเหตุผล …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. ม้ามจดุ มุ่งหมายสาคัญอยา่ งไรต่อสิงโตม้าปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรกบั สงิ โต …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. ปัญหาของสตั ว์ป่าคอื อะไรมวิธแก้ไขอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕. จากนิทานคตธิ รรมเรอื่ งสงิ โตเทา่ ทาใหน้ กั เรยนไดแ้ งค่ ิดสาคญั อยา่ งไรบา้ งจงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง ประกอบี …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๑๒ กจิ กรรมที่ ๓ คาชแ้ จงีีใหน้ ักเรยี นอา่ นเร่ืองตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถามที่กาหนด คนื เดือนมดื คืนหน่งึ ีีสองพ่อลูกมองเหน็ สงิ่ ท่มชวิตขนาดเลก็ เดินย่องผ่านหน้าพวกเขาีี ลอดเขา้ ไปในช่องเตย้ ๆีดว้ ยความกลัวจึงขวา้ งก้อนหินออกไปีีปรากฏว่ามแมวดาบาดเจ็บโผล่ ออกมาแลว้ เดินกระโผลกกระเผลกไปบ้านขา้ งๆีซ่งึ เป็นบา้ นของผู้หญิงท่คนทง้ั เมืองเรยกวา่ ีีีีีีีีีีี “แม่มด”ีีีต่อมาสองพอ่ ลูกพบหญงิ คนน้เดนิ อยีู่ ใบหน้ามรอยเป็นแผลถลอกีและมผา้ พนั แขน เอาไว้ีีเวลาเดนิ ก็กระเผลกๆ 1. ีีนกั เรยนคิดว่าหญงิ ท่เดินกระเผลกๆใชแ่ มม่ ดหรอื ไมี่ ีเพราะเหตใุ ด ตอบี………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. ีตามความคิดของนกั เรยนีีแม่มดมจริงหรือไม่ีีเพราะเหตใุ ด ตอบี………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. เร่อื งนน้ ่าจะเกดิ ขน้ึ เวลาใด ตอบี………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. ีถา้ ในปจั จุบันมแมม่ ดอยจู่ ริงีโลกจะเปน็ อยา่ งไร ตอบี………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………..

๑๓ แบบทดสอบกอ่ นเรยน คาช้แจงี: ใหน้ กั เรียนทาเครอื่ งหมาย x ตัวเลือกทีถ่ ูกตอ้ งทีส่ ดุ อ่านบทประพันธต์ อ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคาถามข้อที่ 1-2 หอมไฟไหม้ดินกลิน่ อิฐ เรยี งตดิ ลงเตาเผาแต่ง ดินดาคล้าคลายกลายแดง ละก้อนล้วนแกร่งกร่างไกร ดินดงลงบ่อหล่อเบ้า คลกุ เถา้ คลึงถาดปาดไถ กดแทน่ แปูนทับฉบั ไว ลงมอื ลงไม้ไฟรมุ น้าทงุ่ นา้ ท่ามาอาบ มานาบมานวดดนิ นุ่ม เมืองล่างเมืองบนชนชมุ มือน้ีท่ีกรุมกรางาน ป้นั ดนิ ปาดดนิ ประดงั เป็นวงั เป็นวัดพสั ถาน ปูทางเทา้ คนทนทาน บันดาลดว้ ยมือแรงเรา ๑. บุคคลใดตอ่ ไปน้ีนาสาระสาคญั ของบทประพันธ์นไ้ี ปใชต้ รงตามจุดประสงค์ของผู้ประพนั ธ์ ก. คมกริช คิดว่าการทาอิฐไม่ยากอยา่ งที่คดิ จึงลงมอื ทาอิฐเพอื่ สรา้ งบา้ นเอง ข. คงฤทธ์ิ ต้งั ใจวา่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะทางานทย่ี ากลาบากดว้ ยตัวเอง ค. คงธนา เปลย่ี นวสั ดุในการสร้างโรงรถจากเดมิ ทจ่ี ะใชไ้ มม้ าใช้อิฐทดแทน ง. คมกฤษ ใชก้ วีนพิ นธ์นเ้ี ปน็ สว่ นนาในการเขยี นความเรียงเร่ือง”ขัน้ ตอนการทาอิฐ” ๒. คาประพนั ธน์ ม้ี ีน้าเสยี งอย่างไร ก. ชน่ื ชม ข. ต่ืนเต้น ค. ตน้ื ตัน ง. ประทบั ใจ ๓. “ทอ้ งฟาู มีอยแู่ บบทอ้ งฟูา กอ้ นเมฆลอยอย่แู บบก้อนเมฆ พระอาทิตย์สาดแสงในแบบของพระอาทิตย์ นกรอ้ งแบบทม่ี นั ร้อง ดอกไมส้ วยงามเปน็ ธรรมชาติของดอกไม้ ลมพัดเพราะมนั คอื ลม หอยทากเดนิ ชา้ อย่างท่ี หอยทากเปน็ เหมอื นธรรมชาตกิ าลังกระซิบบอกฉนั ว่ามันเพียงเป็นของมนั อยา่ งนน้ั มันไมร่ อ้ งขอ ฉนั จะ มองเหน็ มนั หรอื ไม่เห็นมนั มันไม่เรยี กร้องใหต้ อ้ งชืน่ ชม ตอ้ งแลกเปล่ียน ต้องขอบคุณ เป็นของมนั อยา่ งนนั้ ไมไ่ ด้ต้องการอะไร มันเพียงแต่เป็นไป ทกุ อย่างเป็นธรรมชาตขิ องมัน” ใจความสาคญั ของขอ้ ความน้ตี รงกับข้อ ใด ก. ธรรมชาติไม่เคยสนใจมนุษย์ ข. ธรรมชาติไมเ่ คยเรยี กรอ้ งอะไรจากมนุษย์ ค. ธรรมชาตไิ ม่ต้องการคาช่นื ชมจากมนุษย์ ง. ทุกอยา่ งทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ ล้วนมีความสวยงาม

๑๔ ๔. ข้อใดให้ความหมายของคาว่า “วิเคราะห”์ ได้ถูกต้องท่ีสดุ ก. พจิ ารณาความหมายแฝงเร้นของเรือ่ ง ข. พิจารณาเจตนาหรือแนวคิดสาคญั ของเรอ่ื ง ค. พิจารณายอ่ หนา้ เพื่อจบั สาระสาคัญของเรื่อง ง. พิจารณาแยกแยะองค์ประกอบแตล่ ะส่วนภายในเรอื่ ง ๕. “คนส่วนใหญ่ไมค่ ่อยรู้ตัวียังคงอยากไดอ้ ะไรทม่ ากข้ึนีๆีไมว่ ่าจะเปน็ เงนิ ทองีเกยรตยิ ศช่อื เสยงหรือ ความรักีและก็มักจะไมไ่ ด้ดงั ใจนึกีความทุกข์ก็ยงิ่ มากขึ้นตามวยั ท่มากขนึ้ ด้วย” ใจความสาคญั ของ ขอ้ ความน้ีตรงกบั ขอ้ ใด ก. ความอยากของมนุษย์เพม่ิ ตามอายุ ข. คนเราเม่ืออายมุ ากขน้ึ ความตอ้ งการจะเพม่ิ มากข้ึน ค. ถ้ามนษุ ย์อยากไดไ้ มม่ ที ี่ส้นิ สดุ ก็จะยงิ่ มแี ตค่ วามทุกข์ ง. ความทุกขข์ องมนษุ ยเ์ กดิ จากความตอ้ งการในทรัพยส์ นิ เงนิ ทอง ๖. “ผ้ใู ดเกดิ เปน็ สตรอนั มศกั ด์ิ ีีบารงุ รกั กายไวใ้ หเ้ ป็นผล สงวนงามตามระบอบไมช่ อบกลีีีีีีีีีีีจึงจะพ้นภัยพาลการนนิ ทา” ข้อคิดท่ีไดร้ ับจากบทร้อยกรองข้างต้นตรงกบั ข้อใด ก. เป็นผู้หญงิ ตอ้ งรจู้ ักรักนวลสงวนตัว ข. เป็นผู้หญิงต้องรู้จักเจียมเน้อื เจียมตัว ค. เปน็ ผูห้ ญงิ ต้องงดเวน้ การนินทาวา่ ร้าย ง. เป็นผหู้ ญงิ ต้องแต่งกายใหเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ ๗. ขอ้ ใดปรากฏคาทม่ี ีความหมายโดยนัย ก. ปฐมพงษ์เดนิ ไปทีห่ อ้ งครัวแลว้ ล่นื ลม้ เตะแกว้ แตก ข. กระโปรงตวั นต้ี ดั เยบ็ สวยเตะตาฉันจริง ๆ เชียว! เธอ ค. โดง่ ซ้อมเตะฟุตบอลทีส่ นามกีฬาของโรงเรียนทุก ๆ เยน็ ง. จ้อยเตะสุนัขที่กาลังจะเดนิ ตรงเขา้ มากัดท่โี คนขาของเขา อ่านข้อความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคาถามข้อ 8 “มะรุมจอมพลงั คนเราร้จู กั ใชม้ ะรมุ เปน็ ยารักษาโรคผิวหนัง โรคทางเดินหายใจ โรคระบบ ทางเดินอาหาร และโรคภัยไข้เจ็บอนื่ ๆ มานานหลายร้อยปีแล้ว อีกท้งั ปัจจบุ นั ยงั ได้รบั การกล่าวขวัญถงึ วา่ อาจเปน็ ทางออกหนงึ่ ในการรบั มอื กบั ความอดอยากและภาวะทพุ โภชนาการ พชื ทนแล้งทเี่ ตบิ โตเร็วใน อัตราสงู ถึง 3.6 เมตรต่อปี ชนิดนมี้ ใี บอดุ มไปด้วยวิตามนิ และเกลือแร่”

๑๕ ๘. ผูเ้ ขยี นมีวัตถุประสงค์อย่างไร ก. การเขยี นโนม้ น้าวใหเ้ ช่อื ข. การเขยี นเพอ่ื ใหค้ วามบันเทิง ค. การเขยี นเพ่ือใหค้ วามรู้ ง. การเขยี นเพื่อชแี้ จง ๙. คาประพันธต์ ่อไปน้ีมีจดุ ประสงคต์ ามข้อใด ีีีีีีีีถึงจนทนสู้กดั ีีีีีเกลือกิน ีีีีีีอย่าเท่ยวแลเ่ ถอื เนอ้ื ีีีีีพวกพอ้ ง ีีีีีีอดอยากเยย่ งอยา่ งเสอื ีีีีีสงวนศกั ดิ์ ีีีีีีโซก็เสาะใส่ทอ้ ง ีีีีีจับเนือ้ กินเอง ก. ให้รู้จกั อดทน ข. ให้รจู้ ักประมาณตน ค. ให้รู้จักรักศกั ดศ์ิ รี ง. ใหร้ ู้จักชว่ ยเหลือตนเอง ๑๐. ีีี“นางเหน็ รปู สวุ รรณอยู่ช้ันใน รูปเงาะสวมไวใ้ ห้คนหลง” คาที่ขีดเสน้ ใตส้ อดคลอ้ งกบั ข้อใดมากท่ีสุด ก. ภายในย่อมแมลงวนั หนอนบอ่ น ดุจดังคนใจรา้ ย นอกนั้นดูงาม ข. ภายในย่อมรสา เอมโอช สาธชุ นน้นั แล้ เลิศดว้ ยดวงใจ ค. คอื คนหมู่ไปหา คบเพือ่ น พาลนา ได้แต่รายรา้ ยฟุงู เฟ้อื งใหเ้ สยี พงศ์ ง. คอื คนเสพเสนห่ า นักปราชญ์ ความสุขซาบฤๅมว้ ย ดุจไม้กลน่ิ หอม

๑๖ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยนี–ีหลงั เรยน ก่อนเรยน หลงั เรยน ข้อ เฉลย ข้อ เฉลย 1ค 1ค 2ก 2ก 3ง 3ง 4ง 4ง 5ค 5ค 6ก 6ก 7ข 7ข 8ค 8ค 9ค 9ค 10 ข 10 ข

๑๗ เฉลยกจิ กรรมที่ ๑ ๕. ปัญหาของดาวคืออะไร ใบหน้าของดาวมีสิวและฝาู ๖. สาเหตขุ องปัญหาคืออะไร ดาวต้องการอยากมีใบหนา้ ขาวใส ๗. ถา้ นักเรยี นเปน็ ดาวนกั เรียนจะแกไ้ ขปัญหาอยา่ งไร รีบไปพบแพทยเ์ พ่อื ทาการรักษา (ขึ้นอยู่กบั ดลุ ยพนิ จิ ของครูผู้สอน) ๘. เม่ือแก้ไขตามวธิ ขี อ้ ๓ แล้ว ผลทค่ี าดว่าจะได้รับคอื อะไร ได้รับการรกั ษาทีถ่ ูกวธิ ี (ขนึ้ อยูก่ บั ดลุ ยพินจิ ของครูผู้สอน)

๑๘ เฉลยกิจกรรมที่ ๒ คาช้แจงี ใหน้ กั เรียนอา่ นเน้อื เรือ่ งแล้วตอบคาถาม นทิ าเรอ่ื งีีสงิ โตเฒา่ บรเิ วณปุาแหง่ หนง่ึ มีความร่มรื่นเปน็ ท่ีอยูอ่ าศยั ของสัตวป์ าุ ชนดิ ต่างๆสงิ โตตัวหน่ึงวางอานาจเปน็ เจ้าปาุ ชอบรังแกสัตว์อ่นื และจับสัตว์ตา่ งๆมากินเปน็ อาหารจนเป็นทเ่ี กรงกลัวของสัตว์ในปุากาลเวลาผา่ นไปสิงโตเร่มิ อายมุ ากลายเป็นสิงโตเฒา่ จงึ กนิ หาอาหารได้คอ่ นขา้ งลาบาก วนั หนงึ่ สงิ โตไทยเฒ่านอนอยใู่ ตร้ ่มไมม้ องเห็นหมาตัวหนงึ่ ยืนกนิ หญ้าอยูไ่ กล ๆ มันอยากจะลองกินเนอื้ มา้ ดบู ้างจงึ แกล้งปาุ วอากาศออกไปวา่ “สัตวท์ ัง้ หลายเราคอื สิงโตกลบั ใจพอแกต่ วั ลงเราเลกิ กินเนื้อสตั วแ์ ลว้ จะ ถา่ ยทอดวชิ าหมอรกั ษาพวกท่านทีป่ วดท้องปวดหวั ปวดขาปวดกระเพาะเชิญทางนี้จ๊ะ” มา้ มองเห็นเหตกุ ารณ์ที่ สงิ โตลวงกระตา่ ยเพราะไปในถา้ เมือ่ สงิ โตเดนิ กลบั ออกมาโดยไม่มีกระต่ายแต่มีคราบเลือดติดอยู่ทป่ี ากมนั กร็ ู้วา่ เป็นกลอุบายที่สงิ โตถ้าเฒ่าวง่ิ ไลต่ ามจับไมไ่ หวจงึ ต้องใช้อบุ ายหาอาหารแตม่ ้าแกลง้ เดนิ ตามสงิ โตเข้าไปในถา้ พอ ถึงปากถา้ เจ้ามาก็เตะสิงโตท่ีใบหนา้ ของเจ้าสิงโตลงไปนอนลกุ ไม่ขึ้นต้งั แตบ่ ัดน้ันมาสงิ โตกห็ าอาหารไดย้ ากขึ้น ๑.ีทาไมสตั วป์ า่ จึงเกรงกลัวสงิ โตีี(วธิ คดิ แบบสบื สาวเหตุปจั จัย) เพราสงิ โตเปน็ สตั ว์ดรุ ้ายและคอยรงั แกสตั วท์ ี่ออ่ นแออยเู่ สมอ ๒.ีปา่ แห่งนม้ สว่ นประกอบสาคัญอะไรบา้ งีี(วิธคดิ แบบแยกแยะสว่ นประกอบ) สตั ว์ปาุ เจา้ ปุา ปูาไม้ เพือ่ น ผู้ล่า อาหาร ที่อยู่อาศัย ๓.ีสิงโตมพละกาลังในการจบั สัตว์ป่าเป็นอาหารไดต้ ลอดไปหรอื ไม่อธบิ ายเหตุผล(วธิ คดิ แบบสามัญ ลกั ษณ)์ ไม่ เพราะ สักวนั สิงโตก็จะแกตัวลงและพละกาลังโรยราไป ๔.ีม้ามจุดม่งุ หมายสาคัญอย่างไรต่อสิงโตม้าปฏิบัตติ นอย่างไรกับสิงโต(วธิ คิดแบบหลกั การและความมุ่ง หมาย) เพอื่ โปดโปงความจริงว่าสิงโตเจ้าเลห่ ์ และม้าถีบที่หนา้ สิงโต

๑๙ ๕.ีปัญหาของสัตว์ป่าคืออะไรมวิธแกไ้ ขอยา่ งไรวิธคดิ แบบ(อรยิ สจั จ์) ทุกข์ คอื ความหวาดกลัวต่อสงิ โตของสตั ว์ สมทุ ยั คอื สิงโตซึ่งเป็นสาเหตุของการดับทุกข์ นโิ รธ คือ เปดิ โปงความชวั่ ของสิงโจ มรรค คือ ไม่ยงุ่ เก่ียวกับสิงโต ๖. จากนิทานคติธรรมเรื่องสิงโตเท่าทาใหน้ ักเรยนได้แง่คิดสาคญั อยา่ งไรบ้างจงอธิบายพรอ้ มยกตัวอย่าง ประกอบี(วธิ คดิ แบบวภิ ัชชวาท) ชวี ติ เป็นสิ่งทีม่ ีเสื่อมมีขนึ้ มลี ง เชน่ สิงโตซึ่งแตก่ ่อนเป็นถงึ เจ้าปุามีพละกาลังมาก แตต่ อนนเี้ ป็นเพยี งสิงโต เฒา่ ไม่มแี มอ้ าหารจะกิน

๒๐ เฉลยกิจกรรมที่ ๓ คาช้แจงีีให้นกั เรียนอ่านเร่อื งตอ่ ไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถามทีก่ าหรด คืนเดือนมดื คนื หนงึ่ ีีสองพ่อลกู มองเหน็ สิง่ ทม่ ชวิตขนาดเล็กเดนิ ย่องผา่ นหนา้ พวก เขาีีลอดเข้าไปในชอ่ งเตย้ ๆีด้วยความกลวั จึงขวา้ งกอ้ นหินออกไปีีปรากฏว่ามแมวดา บาดเจ็บโผลอ่ อกมาแลว้ เดินกระโผลกกระเผลกไปบา้ นขา้ งๆีซง่ึ เปน็ บา้ นของผหู้ ญงิ ทค่ นทัง้ เมืองเรยกวา่ ีี“แมม่ ด”ีีีตอ่ มาสองพ่อลกู พบหญงิ คนน้เดนิ อยูี่ ใบหนา้ มรอยเป็นแผลถลอกี และมผา้ พันแขนเอาไว้ีีเวลาเดินกก็ ระเผลกๆ ๑. ีีนักเรยนคิดวา่ หญิงท่เดนิ กระเผลกๆใช่แมม่ ดหรอื ไม่ีีเพราะเหตใุ ด ตอบีแนวตอบแต่ละคนเหมอื นกนั ครูผตู้ รวจตอ้ งดูวา่ เด็กตอบมานัน้ มีเหตุผลสนับสนนุ อา้ งองิ ไดต้ รงกบั คาตอบที่ตอบมาหรอื ไหม่ ๒. ีตามความคดิ ของนกั เรยนีีแม่มดมจริงหรอื ไม่ีีเพราะเหตใุ ด ตอบีข้นึ อย่กู ับดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน ถ้านักเรียนตอบบจรงิ หรือ ไม่จริงต้องมเี หตผุ ลอ้างอิง ๓. เรอ่ื งนน้ า่ จะเกดิ ข้นึ เวลาใด ตอบี ตอนเยน็ ๔. ีถ้าในปจั จบุ ันมแมม่ ดอยูจ่ รงิ ีโลกจะเปน็ อยา่ งไร ตอบีแนวตอบแตล่ ะคนเหมอื นกนั ครผู ู้ตรวจตอ้ งดูว่าเดก็ ตอบมานั้นมีเหตุผลสนับสนนุ อา้ งอิงไดต้ รงกบั คาตอบที่ตอบมาหรอื ไหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook