Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 3_หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาฯ

เล่มที่ 3_หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาฯ

Published by waleewan, 2020-06-14 21:40:00

Description: เล่มที่ 3_หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาฯ

Search

Read the Text Version

หลกั การบริการแนะแนว และการปรึกษาเชิงจติ วทิ ยาเบอ้ื งตน สาํ หรับครูและผูบรหิ ารการศึกษา สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน สมาคมแนะแนวแหง ประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการ

หลกั การบริการแนะแนว และการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครแู ละผูบ้ ริหารการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย กระทรวงศกึ ษาธิการ

หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครแู ละผู้บริหารการศึกษา พ.ศ. 2559 ปีทพ่ี มิ พ ์ 32,000 เล่ม จำนวนพมิ พ ์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน จดั พิมพ์โดย กระทรวงศึกษาธิการ โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั พิมพท์ ี่ 79 ถนนงามวงศว์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพมหานคร 10900 โทร. 0-2561-4567 โทรสาร 0-2579-5101 นายโชคดี ออสุวรรณ ผูพ้ มิ พ์ผู้โฆษณา

ก คำนำ งานแนะแนวเป็นงานหลักที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องดำเนินการควบคู่ไปกับ การเรียนการสอนจึงจะสามารถจัดการศึกษาให้บรรลุผลตามเป้าหมายของหลักสูตรได้ แต่จาก สภาพการณ์ท่ีปรากฏ พบว่า มีปัจจัยซ่ึงไม่เอ้ือให้สถานศึกษาดำเนินงานแนะแนวที่เป็นผลต่อ การจัดการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนอย่างจริงจัง คือครูและบุคลากรทางการศึกษาขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องจิตวิทยาการแนะแนว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ตระหนัก และมุ่งม่ันจะส่งเสริมให้ครู บุคลากรทางการศึกษาได้เพ่ิมพูนความรู้ ความเข้าใจในเรื่องจิตวิทยา การแนะแนวมากข้ึน สามารถนำความรู้สู่การปฏิบัติให้เกิดผลเชิงประจักษ์ ยังประโยชน์ต่อผู้เรียน ท่ัวทุกถ่ินไทย ครูจะศึกษาได้ด้วยตนเองในเวลาไม่นาน และนำไปปฏิบัติได้จริง โดยได้จัดทำเอกสาร ชดุ “แนะแนวเพ่อื เยาวชนไทย” ประกอบดว้ ยเอกสาร 9 รายการ ดงั น้ี เล่ม 1 การแนะแนวแบบมงุ่ อนาคต เลม่ 2 มาตรฐานการแนะแนว เลม่ 3 หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครู และผูบ้ ริหารการศกึ ษา เลม่ 4 ระบบการแนะแนวในโรงเรยี น เล่ม 5 การออกแบบกจิ กรรมแนะแนวท่ีเน้นการพฒั นาทักษะสำหรับผเู้ รยี น เลม่ 6 บรกิ ารแนะแนวและเครอื่ งมือทางจติ วทิ ยา เลม่ 7 การพฒั นาระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น เลม่ 8 การใหค้ ำปรึกษา เล่ม 9 การจัดการเรียนรูก้ ิจกรรมแนะแนว สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เอกสารชดุ นจ้ี ะชว่ ยใหค้ รู และบุคลากรทางการศึกษาและผู้ท่ีเก่ียวข้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมั่นใจท่ีจะนำไปปฏิบัต ิ ในการพัฒนาเยาวชนได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำจากสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย ท่ีทุ่มเทท้ังกำลังกาย ใจ เวลา กำลังสติปัญญา ความสามารถ และทุกท่านท่ีมีส่วนร่วมดำเนินการ จัดทำเอกสารจนสำเร็จลุล่วง รวมทั้งขอขอบคุณเจ้าของต้นฉบับ เอกสาร ส่ือต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบ การคน้ คว้า และเปน็ สว่ นเสรมิ สร้างเน้อื หาสาระใหส้ มบูรณย์ ง่ิ ขึน้ (นายกมล รอดคล้าย) เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน



ข สารบญั หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำช้ีแจง ค บทนำ ง ตอนท่ี 1 การชว่ ยเหลือและการพฒั นานกั เรยี นตามหลักการ กระบวนการแนะแนว และการปรึกษาเชิงจิตวิทยา 1 ตอนที่ 2 บทบาทผ้บู รหิ ารและครทู ป่ี รึกษาในการใหบ้ ริการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน 11 ตอนท่ี 3 บริการสนเทศกบั การพฒั นานกั เรยี น 30 ตอนที่ 4 หลกั การ กระบวนการและทักษะเบ้ืองตน้ สำหรับครใู นการบรกิ ารปรึกษาเชิงจิตวทิ ยา 47 ตอนท่ี 5 บริการจดั วางตัวบคุ คล : กิจกรรมโฮมรมู และการประชุมผูป้ กครองช้ันเรียน 57 ตอนท่ี 6 บริการตดิ ตามผลและการประสานความรว่ มมอื ระหว่างบคุ ลากรที่เกย่ี วข้อง ทัง้ ในและนอกสถานศกึ ษา 61 ตอนที่ 7 แนวคดิ และทฤษฎพี ื้นฐานเพ่อื การพัฒนาชีวิตและอาชพี 65 ตอนที่ 8 การบรหิ ารงานบรกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยาในสถานศึกษา อย่างมคี ณุ ภาพ 79 บรรณานุกรม 103 คณะผจู้ ัดทำ 104



ค คำชี้แจง เอกสารชุดแนะแนวเพื่อเยาวชนไทยเกิดข้ึนได้ด้วยความร่วมมือของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านงบประมาณ ปี 2558 โดยศูนย์พัฒนาการนิเทศและเร่งรัด คุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานกับสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย จัดโครงการพัฒนาบุคลากร ผู้รับผิดชอบงานแนะแนวระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาในรูปแบบกิจกรรม 2 กิจกรรม ดังน้ี คือ กิจกรรมที่ 1 จัดทำหลักสูตรและประชุมปฏิบัติการพัฒนาศึกษานิเทศก์ผู้รับผิดชอบงานแนะแนว ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทุกเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เขตละ 1 คน รวม 225 คน เพื่อให้ ศึกษานิเทศก์ได้มีความรู้ ความเข้าใจด้านจิตวิทยาการแนะแนว มีแนวทางในการชี้แนะ (Coaching) ให้แก่บุคลากรในสถานศึกษา เพ่ือนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมที่ 2 จัดทำเอกสาร ชุดแนะแนวเพ่ือเยาวชนไทย เพื่อให้ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เก่ียวข้องนำไปศึกษาเพ่ิมเติม กระบวนการ หลักการ วธิ ีการแนะแนว เสริมสร้างความม่ันใจ ประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่อื ประโยชนใ์ นการพัฒนา เยาวชนให้บรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตร และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ โดยสมาคม แนะแนวแหง่ ประเทศไทย เปน็ ผ้คู ัดสรร จดั ทำ เรยี บเรยี ง ทงั้ 9 เลม่ ดังกล่าว หวังว่าเอกสารชดุ น้จี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาเยาวชนไทย ใหเ้ ปน็ พลเมืองและพลโลก ทมี่ ีคณุ ภาพตอ่ ไป (นายภาสกร พงษส์ ิทธากร) หัวหนา้ ศูนยพ์ ฒั นาการนเิ ทศและเรง่ รดั คุณภาพการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน



ง บทนำ จากประสบการณ์การร่วมกันจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมบุคลากรท่ีมีบทบาทเก่ียวข้อง กับการขับเคลื่อนบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน สำหรบั หลกั สูตรอบรมครแู นะแนวและบคุ ลากรทางการแนะแนว “การแนะแนวอาชีพเพ่ือการมีงานทำ” หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานแนะแนว และการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเพ่ือช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และหลักสูตรการอบรม เชิงปฏิบัติการ การขับเคล่ือนการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาในสถานศึกษา สำหรับ ศกึ ษานิเทศก์ ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2558 ซึง่ ผ้เู ขา้ รบั การอบรมและผู้บริหารสถานศึกษาทุกเขตพื้นท่ี ไดร้ บั ความรู้ และประสบการณจ์ ากการใชเ้ อกสารประกอบหลกั สตู รดงั กลา่ ว และยงั นำไปขยายผลตอ่ ในโรงเรียนในเขตพ้ืนที่ต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง คณะผู้จัดทำหลักสูตร ซ่ึงเป็นที่ปรึกษาฯ เป็นกรรมการฯ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทยได้เห็นสมควรในการ จดั รวบรวมความรตู้ า่ ง ๆ อนั เปน็ ประโยชนแ์ กบ่ คุ ลากรแนะแนวในสถานศกึ ษา จงึ ไดศ้ กึ ษาทบทวนความเขา้ ใจ หลกั สตู รตา่ ง ๆ ดงั กลา่ ว และใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการให้บริการแนะแนว และการปรึกษาเชิงจิตวิทยาตามศาสตร์ที่เก่ียวข้องอย่างม่ันใจ และรวมเอกสารสำคัญเป็นเล่มชื่อ “หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครูและผู้บริหารสถานศึกษา” เพ่ือใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป เอกสารเลม่ น้ปี ระกอบด้วยความรู้ 7 ตอน ไดแ้ ก่ 1) การชว่ ยเหลอื และการพัฒนานกั เรียน ตามหลักการ กระบวนการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา 2) บทบาทผู้บริหารและ ครูท่ีปรึกษาในการให้บริการดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3) บริการสนเทศกับการพัฒนานักเรียน 4) หลักการ กระบวนการและทักษะเบื้องต้นสำหรับครูในการบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา 5) บริการ จัดวางตัวบุคคล : กิจกรรมโฮมรูมและการประชุมผู้ปกครองชั้นเรียน 6) บริการติดตามผลและ การประสานความร่วมมือระหว่างบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องทั้งในและนอกสถานศึกษา 7) แนวคิด และทฤษฎีพื้นฐานเพ่ือการพัฒนาชีวิตและอาชีพ และ 8) การบริหารงานบริการแนะแนวและ การปรึกษาเชงิ จติ วทิ ยาในสถานศกึ ษาอย่างมคี ุณภาพ หวังว่าเอกสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรแนะแนวและผู้บริหารสถานศึกษา ในการใหบ้ รกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยาเบอื้ งตน้ ในสถานศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพตอ่ ไป ผู้จดั ทำ รศ.ดร.เรยี ม ศรที อง และคณะ



ตอนท่ี 1 การช่วยเหลือและการพัฒนานักเรียนตามหลักการ กระบวนการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา รศ.ดร.เรยี ม ศรีทอง* ความนำ บริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา เป็นภารกิจบริการทางการศึกษาท่ีสำคัญ ของสถานศึกษาท่ีจัดให้นักเรียนทุกคน รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เพ่ือส่งเสริม พัฒนาการและช่วยเหลือนักเรียนให้สามารถพัฒนาตนให้เจริญเติบโตสมวัย และอยู่ร่วมกับคนอื่น ในสังคมได้อย่างเป็นสุข สามารถพัฒนาการเรียนรู้ในระบบการศึกษาจนบรรลุความสำเร็จ พัฒนาทักษะพื้นฐานการงานอาชีพ วางแผนชีวิตและอาชีพของตนได้ตามศักยภาพและปัจจัยพื้นฐาน ชีวติ ของนกั เรยี นในโลกแห่งการเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ในปัจจุบนั และอนาคต ภารกิจบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาในสถานศึกษา ที่จะเอื้ออำนวย ใหน้ กั เรยี นมคี ณุ ภาพชวี ติ ดงั กลา่ ว ยอ่ มตอ้ งอาศยั บคุ ลากรทกุ ฝา่ ยทเี่ กย่ี วขอ้ งในสถานศกึ ษาทมี่ เี จตคตทิ ด่ี ี ตอ่ การใหบ้ รกิ าร มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในปรชั ญาการแนะแนว หลกั การใหบ้ รกิ าร ขอบขา่ ยการใหบ้ รกิ าร และสามารถจัดกระบวนการให้บริการของสถานศึกษาอย่างถูกต้องตามศาสตร์และศิลป์ของ จิตวิทยาแห่งการช่วยเหลือด้านการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา ภายใต้การอำนวยการของ ผู้บริหารสถานศกึ ษา ตามนโยบายสถานศึกษา และการเออื้ อำนวยของผู้นเิ ทศงานบริการดังกลา่ ว อนึ่ง มีข้อสังเกตว่า สถานศึกษาแต่ละแห่งได้จัดงานบริการแนะแนวและการปรึกษา เชิงจิตวิทยาไว้ภายใต้ชื่อและหน่วยงานที่รับผิดชอบแตกต่างกัน เช่นเรียกว่า งานแนะแนว การแนะแนว ฝ่ายแนะแนว รวมทั้งระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นต้น ซึ่งทำตามความเข้าใจ หรือจุดมุ่งหมายหลักของสถานศึกษาของตน ในต่างประเทศมีใช้คำว่า “Guidance Service” หรอื “Guidance and Counseling Services” หรือ “Counseling Unit” อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาอย่างกว้างขวางเก่ียวกับศาสตร์ ทางการแนะแนวและจิตวิทยาการปรึกษา (Guidance and Counseling Psychology) พบว่า ในเรื่องเอกสาร บทความ รวมทั้งงานวิจัย ส่วนใหญ่พบว่า มีการใช้ Guidance and Counseling บางแหง่ กร็ วมงานบรกิ ารแนะแนวอยู่ใน Counseling โดยผูใ้ หบ้ รกิ ารเป็นผ้ทู ำหน้าที่ท้ัง 2 อยา่ ง คอื *ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมการบริหารสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

ทั้งบริการแนะแนวและบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา สำหรับสถานศึกษาในประเทศไทย โดยเฉพาะ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานบางแห่งแยกงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ออกจากงานแนะแนว โดยไม่มีศาสตร์เฉพาะรองรับ แต่ที่ดำเนินงานอยู่ขณะนี้ ทำงานภายใต้ศาสตร์การแนะแนวและการ ปรึกษาเชิงจิตวิทยา ซึ่งงานบริการต้องมีระบบการบริการ แต่ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็น ระบบงานเท่านั้น ถ้าจะช่วยเหลือและพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีได้อย่างครบวงจร ตอ้ งใหบ้ รกิ ารดว้ ยกระบวนการแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยาอยา่ งบรู ณาการ บนฐานของศาสตร์ และศิลป์ของจติ วทิ ยาแหง่ การช่วยเหลือดา้ นการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจติ วทิ ยา ในการนำเสนอคร้ังนี้ขอใช้คำว่า บริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา (Guidance and Counseling Services) เพ่ือส่ือสารให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องเข้าใจที่มาตรงกันและสอดคล้องกับ สภาพของศาสตร์ท่ีพัฒนาในปัจจุบัน รวมทั้งสามารถสื่อสารแลกเปล่ียนกับนานาชาติให้เข้าใจ ได้ตรงกัน สำหรับครูแนะแนว ผู้ทำหน้าที่ให้บริการ อาจใช้คำว่า “Guidance Teacher” หรือ “School Counselor” ก็ได้ ซึ่งแต่ละสถานศึกษาอาจเลือกใช้กันตามข้อตกลงร่วมกัน ในสถานศึกษาของตน สำหรบั ครูท่ีปรกึ ษาหรอื ครปู ระจำชน้ั ใชค้ ำว่า Classroom Teacher รายละเอยี ด ในการปฏิบัติงานให้บริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแก่ผู้รับบริการ ในสถานศึกษา อาศัยความรู้ หลักการ และกระบวนการ 3 ส่วน ได้แก่ ความรู้พ้ืนฐานด้านบริการ แนะแนวความรู้พื้นฐานด้านจิตวิทยาท่ีเกี่ยวข้อง และความรู้พื้นฐานด้านการปรึกษาเชิงจิตวิทยา ในที่น้จี ะอธิบายรายละเอียดความรู้พืน้ ฐานด้านการบรกิ ารแนะแนวพอสังเขปดังตอ่ ไปน ี้ ความรู้พื้นฐานดา้ นบริการแนะแนว 1. ความหมายและความสำคัญของบริการแนะแนว 1.1 บริการแนะแนว (Guidance Service) ในสถานศึกษา เป็นภารกิจ การบริการทางการศึกษาท่ีสำคัญ มุ่งช่วยเหลือและส่งเสริมให้ผู้เรียนและผู้ท่ีเกี่ยวข้อง รู้จักเข้าใจตน เข้าใจผอู้ ื่น เข้าใจสภาพแวดล้อม สามารถนำตน พง่ึ ตนเองได้ ใชช้ ีวิตอยา่ งมีคณุ คา่ และมคี วามพรอ้ ม ที่จะพัฒนาศักยภาพของตนด้านชีวิตส่วนตัวและสังคม การพัฒนาทางการศึกษา และการพัฒนา ทางอาชีพ โดยใช้กระบวนการให้บริการบนพ้ืนฐานของการประยุกต์จิตวิทยาแห่งความเข้าใจและ ช่วยเหลือมนษุ ย์ทีส่ อดคลอ้ งกับการพฒั นาชวี ิตแตล่ ะช่วงวัย 1.2 บริการแนะแนวในสถานศึกษา เป็นกระบวนการท่ีสำคัญในการสนองตอบ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ทมี่ งุ่ เนน้ ให้จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรม ในการดำรงชีวิต อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะบริการแนะแนวในสถานศึกษายังสนับสนุนจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม ท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าตนเอง มีความสามารถในการส่ือสารและเทคโนโลยี มีทักษะชีวิต สามารถ รักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต รักการออกกำลังกาย มีจิตสำนึกความเป็นพลเมืองของโลก มีจิตสาธารณะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ท้ังน้ีหลักสูตรได้กำหนดให้มีกิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี นใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องหลักสตู รด้วย จากความสำคญั ของบริการแนะแนวดังกล่าวพอจะประมวลความสำคญั ไดด้ ังนี้ 1) บริการแนะแนวมีความสำคัญต่อผู้เรียนในด้านการส่งเสริมพัฒนาการ ท้ังทางกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคมให้พร้อมท่ีจะพึ่งตนเอง สามารถปรับตัว สามารถศึกษา เลา่ เรยี น พัฒนาทกั ษะพื้นฐานการงานอาชีพตามวยั และสถานภาพของตน 2) บรกิ ารแนะแนวมีความสำคัญต่อผเู้ รียนในด้านการปอ้ งกันปญั หาของผูเ้ รยี น ทง้ั ปญั หาสว่ นตัว ปญั หาทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั สงั คม และปญั หาในการดำรงชวี ิตตา่ ง ๆ 3) บริการแนะแนวช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถช่วยตนเอง แก้ไขปัญหา ของตน และสามารถปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมใหเ้ หมาะสมตามวัย 2. จุดม่งุ หมายของบรกิ ารแนะแนวในสถานศึกษา บรกิ ารแนะแนวในสถานศกึ ษา มีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือ สง่ เสริม และสนับสนนุ ให้ผู้รับบริการเข้าใจตนเองและผู้อ่ืน เข้าใจส่ิงแวดล้อมและโลกแห่งการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เพือ่ ปรบั ตน พฒั นาตนให้อย่รู ว่ มกบั ผู้อน่ื ได้อย่างเปน็ สุขและมคี ณุ ค่า 3. ปรัชญาการแนะแนว หลักการการให้บริการ ขอบข่ายและกระบวนการแนะแนว และการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยา บริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ หมายถึง ผู้ให้บริการต้องเรียนรู้และฝึกฝนประสบการณ์ตามปรัชญาการแนะแนว หลักการให้บริการ และ แนวคิดสำคัญในการให้บริการอย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับความต้องการหรือความจำเป็น ของผู้รับบริการ สำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัติของผู้ให้บริการ อาจก่อให้เกิดผลเสียแก่ผู้รับบริการ และอาจทำลายวิชาชีพชั้นสงู ไดด้ ้วย ต่อไปขอเสนอขอ้ ควรเข้าใจ โดยย่อดังน้ี หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

ปรัชญาการแนะแนว-หลักการใหบ้ ริการ-แนวคดิ สำคัญในการให้บรกิ าร ปรชั ญาการแนะแนว หลกั การให้บรกิ าร แนวคิดสำคัญในการใหบ้ ริการ 1 . ทกุ คนมีคุณคา่ และม ี 1 . ใหบ้ ริการทกุ คนด้วย “บริการด้วยหวั ใจ ศกั ดศิ์ รีแหง่ ความเปน็ มนษุ ย์ ความเคารพในเกียรติแห่ง แห่งความเปน็ มนษุ ย”์ ความเป็นมนษุ ย์เท่าเทียมกัน โดยคำนงึ ถึงประโยชน์ ของผรู้ บั บริการเป็นสำคญั 2 . ทกุ คนมสี ทิ ธเิ สรภี าพ 2 . ให้บรกิ ารตามความต้องการ “คิด-พดู -ทำ แทนกนั ไมไ่ ด้” เสมอกนั อย่างอสิ ระ 3 . แตล่ ะคนมศี ักยภาพในการ 3 . ใหบ้ รกิ ารโดยเปดิ โอกาสหรอื “มนษุ ย์เปน็ เวไนยสตั ว”์ เรียนรแู้ ละพัฒนาตนได้ เปิดพื้นที่ให้บคุ คลใช้ปญั ญา เรียนร้จู ดั การทุกข์ดว้ ยตนเอง และไดพ้ ฒั นาตนเต็มที ่ ตามศกั ยภาพของตน 4 . บุคคลมีความตอ้ งการ 4 . ใหบ้ รกิ ารเพือ่ ตอบสนอง “ปลูกเรือนตามใจผอู้ ยู่” พ้ืนฐานโดยรวมเหมือนกนั ความตอ้ งการของผรู้ บั บรกิ าร แต่มคี วามแตกตา่ งกนั ทแ่ี ตกตา่ งกนั ในรายละเอยี ด 5 . พฤตกิ รรมมสี าเหต ุ 5 . ให้บริการโดยอำนวย “ไม่เชอื่ ว่าสันดานขุดไมไ่ ด้” เม่ือกำหนดเหตใุ หม่ได ้ เหตุปจั จยั ท่ีเหมาะสม ก็ส่งผลต่อการเปลย่ี นแปลง ในการพัฒนาตนดา้ นตา่ ง ๆ ใหม่ได ้ 6 . มนษุ ยแ์ ตล่ ะคนประสบ 6 . ให้บริการดว้ ยหวั ใจแห่ง “เมตตาคำ้ จนุ โลก” ปญั หาไดเ้ สมอกนั แต่การ ความเป็นมนษุ ย์ บนพนื้ ฐาน “เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา” ที่มนษุ ย์เปน็ สัตว์สงั คม ของความเมตตา ความเขา้ ใจ ยอ่ มตอ้ งการพ่ึงพาอาศยั กนั และสง่ เสริมให้ผทู้ ่เี ก่ียวข้อง มสี ว่ นร่วมช่วยเหลอื หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครูและผู้บริหารการศึกษา

ขอบข่ายการใหบ้ ริการแนะแนวและการปรกึ ษาเชิงจิตวิทยาในสถานศกึ ษา การพฒั นาส่วนตัวและสงั คม การพฒั นาทางการศกึ ษา การพฒั นาทางอาชีพ (Personal and Social (Academic (Career Development) Development) Development) เป้าหมาย เพ่ือส่งเสริมพัฒนา เป้าหมาย เพอื่ ส่งเสรมิ พัฒนา เป้าหมาย เพื่อส่งเสริมพัฒนา ป้องกนั ปัญหา และแก้ไขปญั หา ปอ้ งกนั ปญั หา และแกไ้ ขปญั หา ป้องกันปญั หา และแก้ไขปญั หา สว่ นตวั และสังคม ทางการศึกษา ทางอาชพี พนื้ ฐานสำคญั ทางจติ วทิ ยา พ้นื ฐานสำคัญทางจติ วิทยา พ้ืนฐานสำคัญทางจติ วิทยา 1. จิตวิทยาพัฒนาการ 1. จติ วทิ ยาท่ัวไป 1. ทฤษฎีพฒั นาการทางอาชีพ 2. การพฒั นาบคุ ลิกภาพ 2. จิตวทิ ยาพฒั นาการ 2. ทฤษฎีการเลือกอาชีพ 3. จิตวิทยาท่วั ไป 3. จิตวทิ ยาการเรียนร ู้ 3. หลกั การพัฒนาคณุ ธรรม 4. จติ วทิ ยาสังคม 4. หลักการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม 5. สขุ ภาพจติ จริยธรรม 4. ทฤษฎีพหปุ ัญญา 6. หลกั การพฒั นาคุณธรรม (Multiple Intelligence) จริยธรรม ตัวแปรสำคญั ทน่ี กั เรยี น ตัวแปรสำคญั ทีน่ กั เรียน ตัวแปรสำคัญทน่ี กั เรยี น พงึ ไดร้ ับการพฒั นา พึงได้รบั การพัฒนา พงึ ได้รบั การพฒั นา - อตั มโนทศั น์ - เจตคติทางการเรียน - เจตคตติ ่อการทำงาน (Self Concept) - แรงจงู ใจใฝ่รู้ และอาชีพ - การเหน็ คุณคา่ ในตนเอง - ทกั ษะการเรียน - ความรบั ผิดชอบตนเอง (Self Esteem) - ความคิดสรา้ งสรรค์ ทางอาชพี - การพัฒนาบุคลิกภาพ - การตดั สินใจทางการเรยี น - วฒุ ภิ าวะทางอาชีพ (Personality Development) - การคิดแกป้ ัญหา - การตดั สนิ ใจทางอาชีพ - วฒุ ิภาวะทางอารมณ์ - การวางแผนดา้ นการเรียน - ทกั ษะพน้ื ฐานการงานอาชพี (Emotional Quotient) - นิสยั ทางการเรียนท่ดี ี - การวางแผนชวี ิตและอาชพี - สขุ ภาพจิตท่ีดี - ความมีวนิ ัย - ความซื่อสัตย์ อดทน - ทกั ษะการพฒั นาชวี ติ สว่ นตวั - ความขยนั หมั่นเพยี ร - ประสบการณใ์ นการทำงาน และสงั คม - ความคิดสร้างสรรค ์ - การมจี ติ สาธารณะ - ความมนี ้ำใจเออื้ เฟ้อื หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรับครแู ละผูบ้ ริหารการศึกษา

สรุปงานบริการแนะแนวและการปรกึ ษาเชิงจติ วทิ ยา โดยย่อ “3-3-5” 3 เปา้ หมาย การสง่ เสริมพัฒนา การปอ้ งกันปญั หา การแกไ้ ขปัญหา เเพพเเอ่ืื่อพพเพพสสใอื่ ัฒือ่ห่ง่งอ่ืรพเเบ้นจู้สสสิจรากั่งรรกิาตเผิมมิ สรานู้เคปทรณรรผวมิรีเ่ยีแแปาา่ ะานใลลคนน็สมหจแะะวโบเป้สพดุตลขคาากรมดัะัฒร้ามมะาสง่งุใสกโนราจกห่งินยา้ ณราตเามวชใสถกรนจ์ทาหนรใาแไยชี่จมินต์รสดล ข้ำขใา้อ่า้เะเหห้อขอมผกป้ผมมองาูร้จิ็น้เูผลูราับงกรตถกะ้รูขียบร่อสับคา่ารนรกรมิดมวบิกรา ส-ตรู้จารเิกาา่ลรักรง าือต รกนๆ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผู้บริหารการศึกษา 3 ขอบข่าย การพฒั นาสว่ นตวั และสงั คม การพฒั นาทางการศึกษา การพัฒนาทางอาชพี 5 บริการ (Personal and Social (Academic Development) (Career Development) Development) ส่งเสริมการสำรวจและรวบรวมขอ้ มูล ส่งเสรมิ การสำรวจและรวบรวมขอ้ มูล ทางการเรียนและความสามารถ ทเ่ี กยี่ วข้องกับวุฒภิ าวะทางอาชีพ 1. ศกึ ษารวบรวม สง่ เสริมการสำรวจและรวบรวมขอ้ มูล ทางการเรยี นดา้ นตา่ ง ๆ และแผนทางอาชีพ ขอ้ มลู นักเรยี น เก่ยี วกบั นกั เรยี น ท้ังนิสัย บุคลิกภาพ ส่งเสรมิ การใช้ข้อสนเทศ เพอ่ื พัฒนาการเรยี นรแู้ ละการศึกษา สง่ เสรมิ การใช้ขอ้ สนเทศ และพฤตกิ รรมทั่วไป ในการเตรียมความพรอ้ มของตนสโู่ ลกอาชพี การเออื้ อำนวยให้เข้าใจตน เพอื่ การวางแผนทางอาชีพ 2. สนเทศ สง่ เสริมการใช้ข้อสนเทศ เขา้ ใจปญั หา และแนวทางการพฒั นา การเออื้ อำนวยใหเ้ ขา้ ใจตน เพือ่ พฒั นาตนและพัฒนาทางสังคม การเรยี นรู้ เขา้ ใจเปา้ หมายชวี ติ และแนวทางพัฒนา จัดโอกาสใหไ้ ดฝ้ ึกทักษะทางการเรียนรู้ ทางอาชพี 3. ปรกึ ษา การเอ้ืออำนวยใหเ้ ขา้ ใจตน และเออ้ื ใหไ้ ดร้ บั โอกาสในการพฒั นาตน เชงิ จติ วทิ ยา เขา้ ใจปญั หา และแนวทาง ดา้ นการเรียนรู้ จดั โอกาสใหไ้ ดฝ้ ึกทกั ษะเตรียม การพัฒนาตน ทบทวนตรวจสอบผลการรับบริการ วางแผนชวี ิตและอาชพี และเออ้ื ใหไ้ ดร้ บั และความก้าวหน้าในการพฒั นา โอกาสในการพฒั นาทางอาชีพ 4. จัดวางตวั บคุ คล จดั โอกาสให้ไดฝ้ กึ ทกั ษะการพัฒนาตน ทบทวนตรวจสอบผลการรับบรกิ าร และสังคม และเออ้ื ใหไ้ ด้รับโอกาส และความก้าวหน้าในการพฒั นา ในการพัฒนาตนด้านต่าง ๆ 5. ติดตามผล ทบทวนตรวจสอบผลการรบั บรกิ าร และความกา้ วหนา้ ในการพัฒนา บรกิ ารพัฒนาตนและสังคม บรกิ ารทางการเรยี น บริการเตรียมตวั สู่อาชีพ ภาพท่ี 1.1 สรปุ งานบรกิ ารแนะแนวและการปรึกษาเชิงจติ วทิ ยา โดยย่อ “3-3-5” (เรียม ศรีทอง)

กระบวนการใหบ้ รกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วิทยา บริการสนเทศ (Information Service)  บรกิ ารศึกษารวบรวม บริการปรึกษาเชงิ จิตวทิ ยา บรกิ ารติดตามผล ขอ้ มูลนกั เรียน (Counseling Service) (Follow-up Service) หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผบู้ ริหารการศึกษา (Individual Inventory Service) บริการจัดวางตวั บุคคล (Placement Service) ภาพท่ี 1.2 กระบวนการให้บรกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยา (เรยี ม ศรที อง)

กระบวนการใหบ้ ริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา เพือ่ ช่วยเหลือและพัฒนานกั เรยี น ครูแนะแนว บริการสนเทศ ครทู ปี่ รกึ ษา → จัดทำ/จัดหาข่าวสารข้อมูลท่ีเป็น ประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ สำหรบั นกั เรยี น → ส่งเสริมการใช้ข้อมูลในการคิด-เลือก และตัดสินใจ ค ูร ่ีทป ึรกษา คณะกรรมการ ค ูร ูผ้ปกครอง บริการศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู นกั เรียน บรกิ ารปรึกษาเชงิ จิตวทิ ยา บรกิ ารตดิ ตามผล → รู้จักนักเรยี นรายบุคคล → ดา้ นการพฒั นาชวี ติ สว่ นตวั และสงั คม → ประเมินผลการบรกิ าร/ส่งต่อ → คัดกรองปัญหานกั เรยี นด้านต่าง ๆ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผู้บริหารการศึกษา → ด้านการพัฒนาทางการศึกษา → ตดิ ตามผลความสำเร็จการศึกษา → รวบรวมข้อมูลนักเรียนเพื่อส่งเสริม → ด้านการพฒั นาทางอาชพี ติดตามผลการประกอบอาชีพ-ศกึ ษาตอ่ พัฒนา ป้องกนั ปญั หา และแกไ้ ขปัญหา → สง่ ต่อหรอื จดั กิจกรรมพฒั นาต่อไป → สรปุ ผล/รายงาน/เผยแพร ่ ค ูรที่ป ึรกษา บรกิ ารจดั วางตวั บคุ คล ผเู้ชยี่ วชาญ/ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ ง ค ูร ูผ้ปกครอง → จัดกิจกรรมโฮมรูม ในการใหบ้ รกิ ารและ → จดั กจิ กรรมแนะแนวกลมุ่ ในชนั้ เรยี น ภาคีเครือขา่ ย → จัดโครงการเพื่อการส่งเสริมพัฒนา ครูแนะแนว ปัองกันปัญหา และแก้ไขปัญหา เช่น ผ้บู ริหาร จัดหาและจัดมอบทุนการศึกษา การจดั หางาน หรอื สง่ เสรมิ การฝกึ งาน ฝกึ อาชีพ การสอนซอ่ มเสริม ฯลฯ หมายเหต ุ 1. เสน้ ทบึ แสดงถงึ การให้บรกิ ารทัง้ 5 ซึ่งอาจยุติลงในแต่ละบรกิ าร หรอื มีการใหบ้ รกิ ารตอ่ เมื่อมีความจำเปน็ หรือมคี วามตอ้ งการ 2. เส้นประแสดงถงึ ผ้ทู ่ที ำหน้าท/่ี ผู้ท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการให้บรกิ ารในแตล่ ะงาน ภาพที่ 1.3 กระบวนการให้บริการแนะแนวและการปรึกษาเชงิ จิตวิทยา เพ่ือชว่ ยเหลือและพฒั นานกั เรียน (เรยี ม ศรีทอง)

การวิเคราะห์เชงิ ระบบ “กระบวนการให้บรกิ ารแนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยา เพ่ือชว่ ยเหลือและพฒั นานกั เรียน” ปัจจยั นำเขา้ กระบวนการ ผลลัพธ์ 1. นโยบายการขับเคล่ือนงานบริการ นกั เรยี นไดร้ บั การดแู ลชว่ ยเหลอื และสง่ เสรมิ พฒั นาตามมาตรฐาน แนะแนวและการปรกึ ษาเชงิ จติ วทิ ยา ในสถานศึกษาทมี่ คี ุณภาพ บรกิ าร การพัฒนาส่วนตวั การพฒนาทาง การพัฒนา 2. ผู้รบั บริการ : นกั เรียน ผ้ปู กครอง สนเทศ และสังคม การศึกษา ทางอาชพี 3. ผใู้ หบ้ รกิ าร : ครทู ป่ี รกึ ษา คณะกรรมการ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผบู้ ริหารการศึกษา งานบรกิ ารแนะแนวฯ และผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ ง ทักษะการพฒั นา ทกั ษะการเรยี น ทกั ษะพ้นื ฐาน ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา บริการศึกษา ชีวติ ส่วนตวั และ • นสิ ัยการเรียนทดี่ ี การงานอาชีพ 4. ส่ือและเครือ่ งมือทางการแนะแนว รวบรวม บรกิ าร บริการ สงั คม • การคิด วเิ คราะห์ • รจู้ กั และยอมรบั ตน 5. ระบบการบริหารจัดการ ปรึกษา ติดตามผล • รู้จักตน สรา้ งสรรค์ และ ดา้ นต่าง ๆ ท่มี ีประสิทธิภาพ ข้อมูลนักเรยี น เชงิ จติ วิทยา • ร้จู กั โลกของงาน 6. มาตฐานการบรกิ าร • ร้จู กั คน พัฒนาการเรียน และอาชีพ • รูจ้ กั สงิ่ แวดลอ้ ม ได้เหมาะสม • พฒั นาวฒุ ภิ าวะ และปฏบิ ตั ิตน • สามารถนำตนเอง ทางอาชพี ไดเ้ หมาะสม ฯลฯ • สามารถวางแผน ฯลฯ ชีวิตและอาชพี บรกิ ารจัด ฯลฯ วางตวั บคุ คล ผู้ที่เกีย่ วข้อง การประเมินผลและปอ้ นกลบั เพ่ือการพัฒนา ภาพท่ี 1.4 การวเิ คราะหเ์ ชงิ ระบบ “กระบวนการให้บรกิ ารแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา เพ่อื ชว่ ยเหลือและพัฒนานักเรียน” (เรยี ม ศรีทอง)

10 บรรณานกุ รม กรมวิชาการ. (2546). ชุดการศึกษาด้วยตนเอง : การแนะแนวกับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กับการแนะแนว ฉบับท่ี 2 “ครูสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานกับการแนะแนว”. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องคก์ ารรบั ส่งสนิ ค้าและพัสดภุ ณั ฑ์. ลดั ดาวรรณ ณ ระนอง ประดนิ นั ท์ อปุ รมนั และโกศล มคี ณุ . (2554). “แนวคดิ เกยี่ วกบั การแนะแนว และการปรึกษาเชิงจิตวิทยา”. ประมวลสาระชุดวิชาแนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎี การปรึกษาเชงิ จติ วิทยา หนว่ ยที่ 1-7. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. สุขอรุณ วงษ์ทิม. (2554). “สัมมนาการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาในสถานศึกษา”. ประมวลสาระชุดวิชาการสัมมนาทางการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยท่ี 1-7. นนทบรุ ี : มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

11 ตอนที่ 2 บทบาทผูบ้ ริหารและครูทีป่ รึกษาในการให้บริการ ดูแลช่วยเหลือนกั เรียน อ.วราภรณ์ หงษด์ ิลกกุล* ความนำ ครูที่ปรึกษาเป็นบุคลากรหลักที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารสถานศึกษา ให้เป็น ผู้ดูแลนักเรียนกลุ่มท่ีมอบหมายทุกคนอย่างใกล้ชิด เป็นผู้ท่ีรู้จักนักเรียนรายบุคคล คัดกรองปัญหา นักเรยี น และให้บริการแนะแนวและการปรึกษาเบือ้ งต้น โดยมีบทบาทตา่ ง ๆ ดงั จะกล่าวตอ่ ไปน ้ี บทบาทครูทีป่ รกึ ษาในการใหบ้ รกิ ารดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 1. ผู้ศึกษาและรวบรวมข้อมลู นักเรยี นรายบุคคล ครูท่ีปรึกษามีหน้าที่ศึกษาและรวบรวมข้อมูลนักเรียนรายบุคคล และบันทึกข้อมูล ไวอ้ ยา่ งเปน็ ระบบดังนี้ 1.1 ข้อมูลประวัติครอบครวั 1) ประวัติการตั้งครรภ์ พฤติกรรม อารมณ์ของมารดาขณะต้ังครรภ์ ความพรอ้ มของครอบครวั ในการเลี้ยงดู และประวัติแรกคลอด 2) การอบรมเลี้ยงดูของบิดา มารดา ผู้ปกครอง ในช่วงวัยเด็กถึงปัจจุบัน รปู แบบวิธีการอบรมเล้ียงดู ผ้เู ลีย้ งดูใกลช้ ิด ลักษณะบคุ ลิกภาพและอปุ นสิ ัยของผ้เู ลีย้ งดนู ักเรียน 3) ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัว บิดา มารดา พี่น้อง ลักษณะ บุคลกิ ภาพ อารมณ์ จติ ใจ และปฏิสมั พนั ธต์ อ่ กนั ของบคุ คลในครอบครวั 4) ปัญหาในครอบครัวด้านฐานะเศรษฐกิจ ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ระหว่างบุคคลในครอบครัว ปัญหาด้านบุคลิกภาพ ปัญหาด้านอารมณ์จิตใจ อาการทางประสาท อาการทางจติ การติดสารเสพติดของบคุ คลในครอบครวั *ขา้ ราชการบำนาญ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรับครแู ละผู้บริหารการศึกษา

12 1.2 ข้อมลู ประวัตสิ ่วนตวั นักเรยี น 1) ลักษณะบุคลิกภาพ อารมณ์ จิตใจ พฤตกิ รรมในช่วงวัยเดก็ จนถึงปัจจบุ นั 2) ผลการเรยี นในอดีตจนถึงปัจจบุ นั 3) กจิ กรรมการใชเ้ วลาวา่ ง 4) ความถนดั ความสนใจ งานอดิเรก 5) เป้าหมายชีวติ และความคาดหวงั 6) สขุ ภาพและโรคประจำตวั 1.3 ขอ้ มูลการปรับตัวในสงั คม 1) ความสมั พันธ์กบั เพือ่ นในโรงเรยี น นอกโรงเรียน กบั ครูและบุคคลอน่ื ๆ 2) การใชช้ วี ติ ประจำวนั ในสงั คม การมสี ว่ นรว่ มและการเขา้ กลมุ่ กจิ กรรมตา่ ง ๆ 3) การปรับตัวทางเพศ พัฒนาการทางเพศตามช่วงวัย การมีกิจกรรม ตามบทบาทของเพศชาย-เพศหญิง รวมทั้งการปรบั ตัวกับเพ่อื นเพศเดียวกันและเพอ่ื นต่างเพศ 1.4 ขอ้ มูลเก่ียวกบั ปัญหา 1) ประสบปัญหาด้านใด เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน สภาพจิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม และการแสดงออกตงั้ แตเ่ ริ่มต้น 2) ความรุนแรงของปัญหา มีผลกระทบต่อตัวนักเรียน ต่อผู้เก่ียวข้อง ต่อโรงเรยี นและตอ่ สงั คมอย่างไร 1.5 ขอ้ มลู ปัจจัยท่เี ก่ยี วขอ้ งอ่นื ๆ เชน่ บคุ คล สถานการณ์ที่เกดิ ขึน้ สาเหตปุ ระกอบท่ีทำให้เกิดปญั หา เป็นต้น 2. ผคู้ ัดกรองปญั หาของนกั เรียน ครูท่ีปรึกษาสามารถค้นหาหรือคัดกรองปัญหาของนักเรียนด้วยเคร่ืองมือ ทางการแนะแนว ได้หลายวธิ ีดังน ี้ 2.1 วธิ กี ารสงั เกตและสมั ภาษณ์ โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรม อารมณ์ หรอื การปรบั ตวั โดยท่วั ไป รวมทงั้ การใช้แบบสัมภาษณ์ 2.2 วิธกี ารเย่ยี มบ้าน โดยใชแ้ บบบันทกึ การเยยี่ มบา้ น 2.3 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยใช้อัตชีวประวัติ ระเบียบพฤติกรรม บนั ทกึ ประจำวัน สงั คมมติ ิ หรือผลงานตา่ ง ๆ ของนกั เรียน รวบรวมข้อมลู ไวใ้ นระเบยี นสะสม เป็นต้น 2.4 วิธีการประเมินหรือทดสอบ โดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น แบบสอบถาม แบบวดั หรือแบบทดสอบด้านต่าง ๆ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

13 3. ผู้ปกครองดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี น ครูที่ปรึกษาเป็นผู้ท่ีได้พบนักเรียนประจำ มีบทบาทสำคัญในการเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุข ให้ข้อมลู ที่จำเปน็ ใหก้ ารแนะนำ ให้กำลังใจ รวมทัง้ การปรกึ ษาเบื้องตน้ 4. ผู้ประสานงานการชว่ ยเหลือนักเรยี น ครูที่ปรึกษาสามารถให้การช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาเบื้องต้นท่ีไม่ซับซ้อน ในกรณที น่ี กั เรยี นประสบปญั หาทซ่ี บั ซอ้ น หรอื มพี ฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ปญั หาขนั้ รนุ แรงเกนิ ไปกวา่ ความสามารถ ของครูท่ีปรึกษาจะวิเคราะห์ปัญหาและช่วยเหลือได้ เช่น ปัญหาบุคลิกภาพ อารมณ์ จิตใจ หรือปัญหาพฤติกรรม ระดับเชาวน์ปัญญา หรือปัญหาท่ีต้องการดูแลเป็นพิเศษ ครูท่ีปรึกษาจะเป็น ผ้ปู ระสานงานกบั ครูที่เกี่ยวข้อง ครแู นะแนวหรือผูป้ กครอง เพ่ือรว่ มมือกนั ชว่ ยเหลือนกั เรียน ตัวอยา่ งข้อมลู ที่ได้จากการสงั เกตลักษณะพฤติกรรมและการแสดงออก ด้านอารมณ์ท่ีบ่งบอกนกั เรยี นกำลงั อยู่ในภาวะเส่ยี งต่อการมปี ัญหา ครทู ี่ปรึกษาผู้ใกล้ชิดนกั เรยี น สามารถจะพจิ ารณาข้อสังเกตดงั น ี้ 1. การแสดงออกทางพฤติกรรมตา่ ง ๆ 1) การแต่งกาย สกปรก ไม่เอาใจใสด่ ูแลตวั เอง และแตง่ กายผิดระเบยี บ เปน็ ต้น 2) ลกั ษณะท่าทาง ก้าวรา้ ว ต่อต้าน เหม่อลอย เก็บตวั หรอื เซ่ืองซึม เป็นต้น 3) การพูด ใช้วาจากา้ วร้าว โต้เถียง หรือพูดน้อย เงียบขรมึ ไมก่ ล้าพดู เป็นต้น 4) การร่วมกิจกรรม แยกตัว หลีกเลี่ยง ชอบทำกิจกรรมบางอย่างที่ไม่ใช่การเรียน ตามปกติ เป็นตน้ 5) การเรยี น ผลการเรยี นตกตำ่ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ไมส่ นใจ ขาดเรยี นบอ่ ย มาโรงเรยี นสาย เกินเวลาบอ่ ย อ่านไมอ่ อก เขยี นไม่ได้ ขาดอปุ กรณ์การเรียน เปน็ ตน้ 6) พฤติกรรมทางเพศ มีเพศสมั พนั ธใ์ นวัยเรยี น มั่วสุมทางเพศ เปน็ ตน้ 7) พฤติกรรมอ่ืน ๆ เชน่ ลักขโมย พกอาวุธ ใช้สารเสพติด สักตวั เจาะอวยั วะตา่ ง ๆ เป็นตน้ 2. การแสดงออกดา้ นอารมณ ์ 1) อารมณร์ นุ แรง โกรธฉนุ เฉยี วงา่ ย ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณ์ตนได ้ 2) วติ กกังวล เครยี ด ยำ้ คิดยำ้ ทำ 3) ซึมเศรา้ ออ่ นไหวงา่ ย 4) แยกตวั ไมส่ ามารถสร้างสัมพนั ธก์ บั เพอื่ นได้ คิดวา่ เพ่ือนจะมาทำร้าย 5) ทำร้ายตัวเอง เชน่ กรีดข้อมอื หรอื ใช้มือทบุ ตัวเอง ฯลฯ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครแู ละผูบ้ ริหารการศึกษา

14 ตัวอย่างข้อมูลที่บ่งว่านักเรียนกำลังตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการมีปัญหาท่ีครูท่ีปรึกษา สามารถเก็บรวบรวมมาได้จากการอยู่ใกล้ชิด จากการเยี่ยมบ้าน หรือจากการสังเกตและสัมภาษณ์ นกั เรยี น มคี ณุ คา่ ตอ่ การนำไปใชป้ ระกอบการวเิ คราะหส์ าเหตุ และจดั การปอ้ งกนั ปญั หาแกน่ กั เรยี นตอ่ ไป ซงึ่ ควรบนั ทกึ ข้อมลู และจดั เกบ็ อยา่ งเป็นระบบ เพื่อประกอบการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี นตอ่ ไป แนวทางการวิเคระหส์ าเหตขุ องปัญหาและการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน 1. การพิจารณาข้อมูลด้านต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหาในเหตุการณ์ต่าง ๆ ระยะเวลา การเกดิ ปัญหา หรือการเชอื่ มโยงปัจจยั ตา่ ง ๆ 2. การพิจารณาองค์ประกอบหรือปัจจัยสำคัญของปัญหา สาเหตุของปัญหาต่าง ๆ มาจากสาเหตุสำคัญ 3 ประการ ประกอบดว้ ย 2.1 สาเหตุจากตวั นกั เรียน มีหลายประการดงั น ้ี 1) พฤตกิ รรม อารมณ์ และกจิ วตั รที่ขาดการฝกึ หัด 2) พนั ธกุ รรม ความเจบ็ ป่วย หรือความพิการ 3) พนื้ ฐานบคุ ลิกภาพที่ไม่เหมาะสม 4) ความสมั พนั ธ์กับผู้อ่นื เชิงลบ 5) ความสามารถในการปรบั ตวั มีความออ่ นแอ 2.2 สาเหตจุ ากครอบครวั มหี ลายประการดงั นี้ 1) ขาดความเข้มแขง็ ทางจิตใจของคนในครอบครวั 2) มปี ัญหาเกย่ี วกับฐานะทางเศรษฐกจิ และการศึกษา 3) บุคลิกภาพพอ่ แมท่ ก่ี ่อปัญหาได้ง่าย 4) ทัศนคติต่อการเล้ียงดลู กู ไมเ่ หมาะสม 5) สมั พันธภาพในครอบครวั คลอนแคลน 2.3 สาเหตุจากโรงเรยี น ชมุ ชน และสิ่งแวดล้อม มหี ลายประการดังน ้ี 1) สภาพแวดล้อมของโรงเรยี นทำใหน้ กั เรยี นถกู จงู ใจงา่ ย 2) บคุ ลกิ ภาพของครแู ละเพอื่ นไม่เออื้ ต่อการอย่รู ่วมกนั 3) วิธกี ารเรยี นการสอนไม่เหมาะสม 4) ขาดการดูแลเอาใจใส่ใกล้ชดิ จากตวั อยา่ งการวเิ คราะหส์ าเหตสุ ำคญั ของปญั หานกั เรยี นทง้ั 3 ดา้ น ดงั กลา่ ว เปน็ แนวทาง ให้ครูได้พิจารณาอย่างรอบคอบ นำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาและใช้วางแผน และดำเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งอาศัยการจัดการเหตุด้วยเทคนิควิธีการต่าง ๆ จากความร่วมมือกับบุคคล หลายฝ่ายทเี่ กย่ี วขอ้ งกับนกั เรยี น โดยสรปุ เปน็ แผนภมู ิก้างปลาวเิ คราะห์ปญั หา ดังภาพ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

15 แผนภูมิก้างปลาวเิ คราะห์ปญั หา สาเหตจุ ากตวั นกั เรียน • พฤติกรรม อารมณ์ • ความสมั พันธ์กับผูอ้ ่ืน • พันธุกรรม ความเจ็บปว่ ย หรือความพิการ • ความสามารถในการปรบั ตัว • พ้นื ฐานบคุ ลิกภาพ • กิจวตั ร • ประวัตกิ ารต้ังครรภ์ การคลอด อุบัติเหตุ • ประวตั ิประสบเหตกุ ารณ์ไมด่ ี ปญั หา วางแผน และดำเนินการ สาเหตุจากครอบครัว สาเหตจุ ากโรงเรียน ชุมชน • สภาพครอบครัว และสิ่งแวดลอ้ ม • ฐานะทางเศรษฐกจิ และการศกึ ษา • สภาพแวดล้อม • บุคลกิ ภาพพอ่ แม่ • บคุ ลิกภาพของครแู ละเพอ่ื น • ทศั นคตติ อ่ การเลี้ยงดู • การเรยี นการสอน • ความสัมพนั ธใ์ นครอบครวั • ขาดการดูแลเอาใจใส่ การดำเนนิ การดูแลช่วยเหลือนกั เรียนดว้ ย 7 กจิ กรรม ในการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นนน้ั มหี ลากหลายวธิ ี โดยพจิ ารณาตามเหตปุ จั จยั ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ครูที่ปรึกษาอาจเลือกใช้วิธีการส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ในกิจกรรม ตัวอย่าง 7 กจิ กรรมต่อไปน้ี โดยเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพปญั หาและลกั ษณะของนกั เรียน 1. การใหก้ ารปรึกษาเบือ้ งต้น การให้การปรึกษาเบื้องต้นของครูที่ปรึกษา เป็นการช่วยเหลือและป้องกันปัญหา ของนักเรียน ทั้งด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก และความประพฤติของนักเรียน โดยมุ่งหวัง ให้นักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางท่ีดีงามหรือพึงประสงค์ หากครูที่ปรึกษา มีข้อสงสัยหรือมีอุปสรรคในการให้การปรึกษานักเรียน ให้ขอการสนับสนุนได้จากครูแนะแนว และหรือนักจิตวิทยาโรงเรียน การให้ความรู้ คำแนะนำ ข้อคิดเห็น หรือเข้ารับการฝึกอบรมทักษะ ทจ่ี ำเปน็ เบอื้ งตน้ ได้ เพอ่ื ใหค้ รเู กดิ ความกระจา่ งในการดำเนนิ งานใหก้ ารปรกึ ษาแกน่ กั เรยี นไดด้ ว้ ยตวั เอง หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรบั ครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

16 2. กิจกรรมในช้ันเรียน เปน็ กจิ กรรมทจ่ี ดั หรอื สอดแทรกในชนั้ เรยี น ใหแ้ กน่ กั เรยี นทเ่ี ปน็ รายกลมุ่ หรอื รายบคุ คล เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและปรับเปล่ียนพฤติกรรมเสี่ยง บางกรณีครูท่ีปรึกษาจำเป็นต้อง สอ่ื สารถึงครูประจำวิชาต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกับเด็ก เพ่ือจดั กจิ กรรมสอดแทรกในชน้ั เรยี นไปในแนวทาง เดียวกัน หากครูที่ปรึกษามีข้อสงสัยหรือมีอุปสรรคในการให้การดำเนินการ ให้ขอการสนับสนุน ได้จากครูแนะแนวและหรือนักจิตวิทยาโรงเรียนได้ เพ่ือร่วมกันพิจารณาคัดเลือกแนวทางการจัด กิจกรรมให้เหมาะสมกับนักเรยี นในแตล่ ะกรณี 3. กิจกรรมเพื่อนคู่หู หรือ Buddy เป็นกิจกรรมท่ีครูท่ีปรึกษาจัดให้นักเรียนได้ดูแลช่วยเหลือกัน ซ่ึงอาจจัดเป็นคู่หรือ เป็นกลุ่มก็ได้ โดยการคัดเลือกนักเรียนท่ีมีจุดแข็งด้านสัมพันธภาพ ซ่ึงพิจารณาจากคะแนน ด้านสัมพนั ธภาพทางสังคม จากผลการประเมนิ SDQ หรอื นกั เรียนทม่ี คี วามมั่นคงทางอารมณ์ หรอื มีความเป็นผู้นำ และมีความสามารถเฉพาะด้านที่จะนำไปใช้การดูแลช่วยเหลือเพ่ือน เช่น ความสามารถด้านการเรียน ดนตรี ศิลปะ กีฬา หรือทักษะการสื่อสาร และควรสอบถามถึง ความสมัครใจของนักเรียนท้ังสองฝ่ายด้วย โดยครูท่ีปรึกษาควรจะได้พูดคุยเพ่ือปูพ้ืนฐานและซักซ้อม ความเข้าใจในภารกิจที่จะขอความร่วมมือจากนักเรียนในการดูแลช่วยเหลือเพ่ือน เช่น คอยเตือน เพื่อนเมอ่ื ลกุ ขึ้นเดินเพ่นพ่าน ช่วยสอนการบา้ น เปน็ ตน้ หากครูท่ีปรึกษามีข้อสงสัยหรือมีอุปสรรคในการดำเนินการ ให้ขอการสนับสนุน ได้จากครูแนะแนวและหรือนักจิตวิทยาโรงเรียน เพ่ือพิจารณาคัดเลือกแนวทางการจัดกิจกรรม เพื่อนชว่ ยเพอ่ื นในด้านตา่ ง ๆ ใหเ้ หมาะสมกับนักเรยี นในแต่ละกรณ ี 4. กิจกรรมสื่อสารกบั ผู้ปกครอง เป็นการช่วยเหลือนักเรียนโดยอาศัยความร่วมมือจากผู้ปกครองด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การโทรศัพท์สนทนา การเชิญผู้ปกครองมาพบเพ่ือปรึกษาหารือร่วมกัน การส่งหนังสือแจ้งทาง ไปรษณีย์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งล้วนต้องอาศัยทักษะการสื่อสารและการสร้าง สัมพันธภาพท่ีดีกับผู้ปกครองเป็นสำคัญ หากครูที่ปรึกษามีข้อสงสัยหรือมีอุปสรรคในการให ้ การดำเนินการ สามารถขอการสนับสนนุ ได้จากครแู นะแนวและหรือนักจติ วิทยาโรงเรยี น เพอื่ ชว่ ยให้ การปรกึ ษาชแ้ี นะ หรอื ฝกึ ทกั ษะการสอื่ สารใหม้ ที กั ษะการสอื่ สารกบั ผปู้ กครองอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพได ้ 5. กิจกรรมซอ่ มเสรมิ เป็นกิจกรรมแก้ไขปัญหาด้านการเรียนของนักเรียน ซ่ึงครูที่ปรึกษาหรือผู้ท่ีเก่ียวข้อง ท่ีรับผิดชอบจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจกันวางแผนการสอนซ่อมเสริมให้แก่นักเรียนที่เรียนอ่อน เรียนช้า หรือเรียนไม่ทันเพ่อื นในกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

17 6. กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร เป็นกิจกรรมทั้งในและนอกสถานศึกษาที่จัดเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ หรือศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของนักเรียน นอกเหนือจากที่หลักสูตรกำหนดไว้ เช่น กิจกรรมชุมนุม กฬี าสี การประกวดกจิ กรรมตามวนั สำคัญ โครงการ To Be Number 1 กจิ กรรมจติ อาสา การจัด ค่ายอบรม การจดั ต้งั ชมรมส่งเสรมิ สุขภาพกาย สขุ ภาพจิต เปน็ ต้น โดยครทู ป่ี รึกษาสามารถใช้เน้ือหา จากการจัดกิจกรรมโฮมรูมมาสอดแทรกได้ ครูท่ีปรึกษาสามารถขอการสนับสนุนจากครูแนะแนว และหรือนกั จติ วิทยาโรงเรยี น ในการให้ความรู้ คำแนะนำ ข้อคดิ เห็น หรอื เขา้ รับการฝึกอบรมทักษะ ที่จำเป็นเบื้องต้น เพ่ือให้ครูท่ีปรึกษาเกิดความกระจ่างในการดำเนินงานกิจกรรมเสริมหลักสูตร แก่นักเรยี นไดด้ ว้ ยตัวเอง 7. กิจกรรมการเยีย่ มบา้ น เป็นการแสดงถึงความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับบ้านในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน และทำให้ครูได้พบเห็นสภาพความเป็นจริงของนักเรียนในครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็น วิธีหน่ึงที่จะช่วยให้ครูสามารถประเมินสาเหตุของปัญหา แล้วดำเนินการช่วยเหลือให้เหมาะสม ตลอดจนหาแหลง่ สนับสนนุ ท่ีจะชว่ ยใหก้ ารดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียนเปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพย่งิ ขน้ึ โดยจำเป็นต้องมีข้ันตอนการเตรียมการก่อนเยี่ยมบ้าน เช่น มีการนัดหมายวันเวลา และประสานงานให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้า มีการเตรียมข้อมูล สัมภาษณ์นักเรียน ทำแผนภูมิ ครอบครัว รวมถึงประเด็นท่ีต้องการส่ือสารกับผู้ปกครองในการช่วยเหลือนักเรียนไว้ก่อน และมีการ ลงบนั ทกึ ขอ้ มลู การช่วยเหลือทใี่ หแ้ กผ่ ูป้ กครองด้วย ครูที่ปรึกษาสามารถประสานข้อความช่วยเหลือจากครูแนะแนวและหรือนักจิตวิทยา โรงเรียน ในการเตรียมคณะทำงาน วิเคราะห์ปัญหา ออกเยี่ยมบ้าน และหาแนวทางช่วยเหลือ นักเรียนร่วมกันได ้ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครูและผู้บริหารการศึกษา

18 กระบวนการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น คัดกรอง ปกติ เสี่ยง ปัญหา ปัญหาเรง่ ด่วน กิจกรรมชว่ ยเหลือ (ปรกึ ษาเบอ้ื งตน้ /เพอ่ื นคหู่ หู รอื Buddy/เสรมิ หลกั สตู ร/ซอ่ มเสรมิ /ชน้ั เรยี น สอ่ื สารกบั ผู้ปกครอง/การเยี่ยมบ้าน) ค ูร ่ทีป ึรกษา ชว่ ยเหลือ/ตดิ ตาม ดีขึ้น (1 เดอื น) ปรกึ ษาและวางแผนการชว่ ยเหลอื (ประชุมระดับ) (ครูที่ปรึกษา, หัวหน้าระดับ, ครูแนะแนว, นกั จิตวทิ ยาโรงเรยี น ฯลฯ) ค ูรแนะแนวและหรือนักจิต ิวทยาโรงเรียน สง่ ตอ่ ครแู นะแนวและหรอื นกั จติ วิทยาโรงเรียน ปกติ/ยุต ิ Conference การชว่ ยเหลือ การชว่ ยเหลือเรง่ ด่วน/ พเิ ศษ/นักจิตวิทยา (ครแู นะแนว, นกั จติ วิทยาโรงเรียน ฯลฯ) ไม่ไดผ้ ล โรงเรยี น/หนว่ ยงาน ช่วยเหลอื /ติดตาม สาธารณสขุ / (1 เดอื น) ส่งต่อภายนอก ดีข้นึ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรบั ครูและผู้บริหารการศึกษา

19 ข้ันตอนการดำเนินการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเส่ียงและกลุ่มมีปัญหาโดยครู ท่ีปรกึ ษา 1. ศึกษาผลการคัดกรอง สัมภาษณ์ สังเกต และรวบรวมข้อมูลนักเรียนรายบุคคล เพอ่ื วเิ คราะห์หาสาเหตขุ องปญั หาและปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2. วางแผนการชว่ ยเหลอื ดว้ ยตนเอง หรอื รว่ มกบั ผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง เชน่ หวั หนา้ ระดบั ครแู นะแนว นกั จติ วทิ ยาโรงเรยี น 3. พิจารณาเลือกกิจกรรมเพื่อดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเส่ียงและกลุ่มมีปัญหา ที่เหมาะสมกับสภาพปญั หา ไดม้ ากกว่า 1 กจิ กรรม • การให้การปรกึ ษาเบื้องต้น • กจิ กรรมในชน้ั เรยี น • กิจกรรมเพ่ือนคู่หู หรอื Buddy • กจิ กรรมสื่อสารกับผูป้ กครอง • กจิ กรรมซ่อมเสริม • กิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร • กิจกรรมการเยยี่ มบ้าน 4. ประเมินผลการช่วยเหลือหลังดำเนินกิจกรรมอย่างน้อยเดือนละครั้ง บางกรณี อาจขอข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมได้จากอาจารย์ประจำวิชาต่าง ๆ ครูฝ่ายปกครอง ฯลฯ กรณีพฤติกรรม ไมด่ ขี นึ้ หลงั ไดร้ บั การชว่ ยเหลอื ครทู ปี่ รกึ ษาสามารถพจิ ารณาเลอื กกจิ กรรมใหม่ ซง่ึ อาจเปน็ กจิ กรรมเดมิ แต่เปลย่ี นรปู แบบหรอื วิธีการได ้ 5. ส่งต่อภายในแก่ครูแนะแนวหรือนักจิตวิทยาโรงเรียนได้ กรณีติดตามผลการช่วยเหลือ แลว้ พบวา่ พฤติกรรมไมด่ ขี ้นึ หรือพฤตกิ รรมเข้าขา่ ยวกิ ฤต เรง่ ด่วน ฉกุ เฉิน หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครูและผ้บู ริหารการศึกษา

20 บทบาท-หน้าที่ครูท่ีปรึกษากบั การช่วยเหลอื นักเรียนกลุม่ เสยี่ งประเภทต่าง ๆ ต่อไปน้ีจะเสนอลักษณะของปัญหาที่ครูที่ปรึกษาสามารถสังเกต วิเคราะห์ปัญหา แ ละใหก้ ารดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียนประเภทตา่ ง ๆ ดังน้ ี ประเภท ลักษณะที่สังเกตเหน็ สาเหต ุ แนวทางชว่ ยเหลือ ของปญั หา 1. ตดิ เกมและ 1. ไมส่ ามารถควบคมุ 1. การเลีย้ งดทู ี่ 1. อบรมผู้ปกครอง ตดิ อนิ เทอรเ์ นต็ ตนหรอื กำหนดเวลา ขาดการฝึกวินัย หรอื จัดคา่ ยผปู้ กครอง ไมไ่ ด้ 2. สงั คมยคุ ไฮเทค 2. จัดส่งิ แวดล้อม 2. ต่อตา้ นเมื่อถกู เปน็ แรงผลกั ดันสงู 1) โดยลดโอกาส ปฏเิ สธการเลน่ 3. ตัวเกมท้าทาย ทนี่ กั เรยี นจะเขา้ ถงึ 3. การเล่นมี 4. ตัวนักเรยี น เช่น เกม ผลกระทบตอ่ ขาดทกั ษะทางสงั คม 2) ควบคมุ การใช้เงิน ความรับผิดชอบ สมาธสิ น้ั หรอื มปี ญั หา 3. สร้างสัมพนั ธภาพ 4. บางรายมพี ฤตกิ รรมอน่ื ทางการเรียน และใช้การสอ่ื สาร ร่วมดว้ ย เช่น ทม่ี คี ุณภาพกบั นกั เรียน โกหก ก้าวร้าว ลักขโมย 1) รับฟงั 2) ใหก้ ำลังใจ 3) ช่วยกำหนดกติกา 4. ส่งเสรมิ การเปล่ยี นแปลง 1) มีทางออก 2) ให้รอยยิม้ 5. จดั คา่ ยนักเรียน หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

21 ส่งตอ่ จิตแพทย์ ผ้ปู กครองยินยอมทำการนัดหมาย กิจกรรมเพื่อนคหู่ ู (ถา้ ตดิ เกมอยา่ งหนกั ) กบั จิตแพทย ์ หรอื Buddy บนั ทกึ ให้ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นทราบ เลอื กเพื่อนคหู่ ู กจิ กรรม ตามลำดับ ทำความเข้าใจ ในชั้นเรยี น พาเดก็ และผปู้ กครองไปพบ และมอบหมายหน้าที ่ จติ แพทย์ พูดคุยกับ Buddy เปน็ ให้กำลังใจและชน่ื ชม ระยะ ๆ เพอ่ื รบั รายงาน เมื่อเดก็ ทำด ี กิจกรรม พฤติกรรม จดั เพอ่ื น/กลุ่มเพอ่ื น ช่วยเหลือ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เด็กทต่ี ดิ เกม ด้านการเรยี น และตดิ อินเทอร์เนต็ หรือการทำงาน การใหก้ ารปรึกษาเบอื้ งตน้ กิจกรรมสื่อสารกบั กจิ กรรม ผูป้ กครอง/เยยี่ มบา้ น เสริมหลักสตู ร พดู คุยใหก้ ารปรกึ ษาเด็ก สปั ดาหล์ ะ 1-2 ครัง้ ตดิ ตอ่ ผู้ปกครอง จัดกจิ กรรมโฮมรมู ใหก้ ำลงั ใจและสร้าง และนดั หมายพดู คุย เพือ่ ให้เดก็ รกั ความไวว้ างใจ และทำความเข้าใจ และเหน็ คุณค่าในตนเอง เป็นทพ่ี ง่ึ ทีป่ รึกษา กบั ผู้ปกครอง สง่ เสรมิ ให้เขา้ รว่ ม ของเด็กไดท้ กุ เรื่อง กิจกรรมทเ่ี ดก็ สนใจ ลดโอกาสการเขา้ ถึง และมคี วามสามารถ คอมพวิ เตอร์ จดั ค่ายอบรมนกั เรียน และอนิ เทอร์เนต็ ท่ีตดิ เกม เปลี่ยนแปลงปัจจัยลบ ในบา้ น ร่วมกำหนดกตกิ า อยา่ งเป็นรปู ธรรม มีทางออกที่สร้างสรรค์ ให้เด็ก ใช้มาตรการทางการเงิน หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

22 ลักษณะท่ีสังเกตเห็น สาเหต ุ แนวทางช่วยเหลอื ประเภท ของปัญหา 2. มพี ฤตกิ รรม 1. มักจะแตง่ กาย 1. ขาดความรัก 1. กิจกรรมปอ้ งกนั ปญั หา ทางเพศ ผิดระเบียบ ความอบอุ่นจาก 1) ให้ความรู้เรอ่ื ง ท่ีไมเ่ หมาะสม แต่งหน้าสวย และ ครอบครัว เพศศกึ ษา ใช้สิง่ ของราคาแพง 2. บคุ ลกิ ภาพออ่ นแอ 2) จดั กิจกรรมให้ 2. ชอบเลน่ กบั ติดการพึง่ พิง นักเรียนชาย-หญงิ เพศตรงขา้ ม 3. อยากทดลอง ร่วมมอื กนั ปล่อยตวั 4. อทิ ธิพลจากสือ่ 3) จดั ค่ายเพศศึกษา ไม่ละอาย 5. พฤตกิ รรมทางเพศ 4) บรกิ ารปรกึ ษากล่มุ ตอ่ การมีพฤติกรรม ของผู้ใหญ ่ 5) จดั ประชุมรายกรณ ี ไมเ่ หมาะสม ไม่เหมาะสม 3. เหมอ่ ลอย 6. การใชส้ ารเสพตดิ 2. กจิ กรรมแก้ไขปญั หา ไม่สนใจเรียน 1) สือ่ สารกบั ย้ิมคนเดียว ดูส่อื กระตนุ้ ผปู้ กครอง/เยย่ี มบา้ น 4. จดั กลุ่มคยุ กนั อารมณ์ 2) การให้การปรึกษา เร่ืองแฟน แยกตัว จากเพ่ือน เบอื้ งต้น เพศเดยี วกนั 3) กิจกรรมเพือ่ นคหู่ ู 5. บริเวณคอมรี อย หรือ Buddy ถูกดูดเป็นจำ้ ๆ 4) กจิ กรรมในช้ันเรยี น 6. รปู รา่ ง 5) กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร เปลี่ยนแปลงไป หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรบั ครแู ละผู้บริหารการศึกษา

23 ส่งต่อแพทย์ บนั ทกึ ใหผ้ ู้บริหารโรงเรยี นทราบ กิจกรรมเพอื่ นคู่ห ู เพอ่ื ประสานการชว่ ยเหลอื ประสานครูผสู้ อนใหเ้ ดก็ รบั ภาระงาน หรอื Buddy ไปทำทบี่ ้านเพื่อให้สามารถจบการศกึ ษา (ถ้ามีปญั หาต้ังครรภ)์ ส่งตอ่ คลินคิ วางแผนครอบครัว กจิ กรรม กจิ กรรม เลอื กเพอื่ นคหู่ ู ในชั้นเรยี น ชว่ ยเหลอื เด็ก ทำความเขา้ ใจ ท่ีมพี ฤติกรรม และมอบหมายหนา้ ท่ ี ใหก้ ำลงั ใจและช่นื ชม พูดคยุ กับ Buddy เปน็ เมอื่ เดก็ ทำดี ทางเพศ ระยะ ๆ เพอ่ื รับรายงาน จดั เพื่อน/กล่มุ เพอ่ื น ทไี่ มเ่ หมาะสม พฤตกิ รรม ให้ความชว่ ยเหลือ กิจกรรมส่ือสารกับ ด้านการเรยี น ผูป้ กครอง/เยย่ี มบา้ น หรือการทำงาน การให้การปรกึ ษาเบ้อื งต้น ตดิ ต่อผู้ปกครองและนดั หมาย กิจกรรม พดู คยุ และทำความเขา้ ใจ เสริมหลกั สตู ร พดู คุยให้การปรึกษาเดก็ กบั ผปู้ กครองดแู ลเดก็ อยา่ งใกลช้ ดิ สปั ดาหล์ ะ 1-2 คร้งั ลดโอกาสการออกจากบ้าน จดั กจิ กรรมโฮมรมู ใหก้ ำลังใจและสรา้ ง โดยใหช้ วนเพอื่ นมาท่บี า้ น เพือ่ ใหเ้ ดก็ รัก ความไวว้ างใจ เปลย่ี นแปลงปจั จยั ลบในบ้าน และเหน็ คุณคา่ ในตนเอง เปน็ ท่ีพึง่ ท่ปี รกึ ษา ร่วมกำหนดกตกิ าในการคบ ส่งเสรมิ ใหเ้ ข้าร่วม ของเด็กไดท้ ุกเร่ือง เพือ่ นชายอย่างเป็นรปู ธรรม กจิ กรรมทเี่ ดก็ สนใจ และมีความสามารถ มีทางออกทส่ี ร้างสรรค์ใหเ้ ดก็ จดั ค่ายเพศศึกษา/ ใชม้ าตรการทางการเงนิ คา่ ยฉลาดรักสำหรบั วยั รุ่น หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

24 ลกั ษณะทส่ี ังเกตเหน็ สาเหต ุ แนวทางชว่ ยเหลอื ประเภท ของปญั หา 3. ติดบุหรแ่ี ละ 1. ตอ้ งการเพม่ิ ขนาด 1. ขาดความรู/้ 1. กจิ กรรมปอ้ งกนั ปญั หา สารเสพตดิ การเสพข้นึ เรอ่ื ย ๆ หลงผิด 1) ประกาศนโยบาย 2. เหม่อลอย ง่วง 2. ขาดความรกั สถานศึกษา ขาดสมาธิ 3. มปี ญั หาเศรษฐกจิ 2) กจิ กรรมพ่สี อนนอ้ ง ในการเรียน 4. อยใู่ นสภาพ 3) กจิ กรรมอบรม ขาดความรบั ผดิ ชอบ แวดลอ้ มเสย่ี ง นักเรยี นแกนนำ 3. ขาดความสนใจ 5. มีค่านยิ มด้านบวก 4) กิจกรรมเสริม สุขภาพ กับการสบู บหุ รี ่ หลกั สตู ร 4. แยกตัว 5) จัดสภาพแวดล้อม 5. รมิ ฝปี ากคลำ้ 6. มวั่ สมุ ที่เอือ้ ต่อสขุ ภาพจติ 6) กิจกรรมทัศนศกึ ษา 7) กิจกรรมรณรงค์ เพื่อการไมส่ ูบบุหรี่ 8) บรู ณาการการเรยี น การสอน 2. กิจกรรมแกไ้ ขปญั หา 1) การใหป้ รึกษา เบ้ืองต้น รายบคุ คล/กล่มุ 2) เพ่อื นชว่ ยเพื่อน 3) สอื่ สารกบั ผปู้ กครอง/ เยี่ยมบ้าน 4) ค่ายช่วยเลกิ บหุ รี่ หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

25 บันทึกใหผ้ ู้บริหารโรงเรยี นทราบ สง่ ตอ่ แพทย ์ ประสานผปู้ กครอง กจิ กรรมเพ่อื นคหู่ ู เพือ่ การบำบดั เพอ่ื นำบุตรหลานไปรบั หรอื Buddy (กรณตี ิดบุหรี่ การบำบัดจากแพทย์ เลือกเพื่อนค่หู ู และสารเสพตดิ ) ทำความเขา้ ใจ กิจกรรม และมอบหมายหนา้ ท ่ี กจิ กรรม ชว่ ยเหลือเดก็ ในช้นั เรียน พดู คยุ กับ Buddy เป็น ที่ตดิ บหุ รี่ ระยะ ๆ เพื่อรบั รายงาน ใหก้ ำลงั ใจและชนื่ ชม และสารเสพตดิ พฤตกิ รรม เมอื่ เด็กทำดี จัดเพ่ือน/กลุ่มเพ่ือน การใหก้ ารปรึกษาเบ้อื งตน้ กิจกรรมสื่อสารกับ ชวนทำกิจกรรมที่เป็น พูดคุยให้การปรกึ ษาเด็ก ผ้ปู กครอง/เย่ยี มบา้ น ประโยชน ์ สัปดาห์ละ 1-2 คร้ัง ให้กำลงั ใจและสร้าง ติดตอ่ ผปู้ กครอง กิจกรรม ความไวว้ างใจ และนัดหมายพดู คุย เสรมิ หลักสตู ร เป็นท่พี ่ึง ท่ีปรึกษา และทำความเขา้ ใจ ของเดก็ ได้ทกุ เร่ือง กับผูป้ กครอง จัดกจิ กรรมโฮมรูม ติดตามผล/แกป้ ญั หา ดแู ลเด็กอยา่ งใกล้ชดิ เพือ่ ให้เด็กรัก ให้กำลังใจ เปน็ แบบอย่างทดี่ ี โดยเปน็ และเห็นคุณค่าในตนเอง ให้นกั เรียนสามารถ ผู้ไมส่ บู บุหรี/่ ไม่สบู บหุ ร่ใี นบา้ น สง่ เสริมใหเ้ ขา้ รว่ ม เลกิ บหุ รไี่ ดส้ ำเร็จ เปลี่ยนแปลงปัจจัยลบในบา้ น กิจกรรมท่ีเด็กสนใจ รว่ มกำหนดกตกิ าในการเลกิ สบู บหุ รี่ และมีความสามารถ อย่างเปน็ รปู ธรรม จัดกิจกรรมพสี่ อนน้อง มที างออกท่สี รา้ งสรรค์ใหเ้ ดก็ จัดคา่ ยเลิกบหุ รี่ ดแู ลเรื่องการคบเพอื่ น เปน็ กำลงั ใจ/ชมเชย เมอื่ ลกู มีพฤตกิ รรมดีขนึ้ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรบั ครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

26 ลักษณะที่สงั เกตเห็น สาเหตุ แนวทางช่วยเหลอื ประเภท ของปญั หา 4. มปี ญั หา 1. ผลการเรียนตำ่ 1. ระดับ IQ ต่ำกวา่ 1. ดำเนนิ การ ด้านการเรยี น 2. ขาดความสนใจเรยี น เกณฑ์ หรือ โดยครทู ่ปี รกึ ษา 3. ทำงานอ่ืน มคี วามบกพรอ่ ง 1) การใหก้ ารปรึกษา ขณะเรยี น ทางการเรยี นรู้ เบือ้ งตน้ 4. ไมเ่ ขา้ ใจ-ไมก่ ลา้ ถาม 2. มปี ญั หาเจ็บป่วย 2) กจิ กรรมในชัน้ เรยี น 5. ขาดเรียนเสมอ 3. มีปญั หาทาง 3) กิจกรรมเพอื่ นคู่หู 6. อ่าน-เขียนไมไ่ ด ้ อารมณ์/จิตใจ หรือ Buddy 7. ขาดความ 4. มีปญั หาสงั คม/ 4) กจิ กรรมซ่อมเสรมิ รับผดิ ชอบในงาน สง่ิ แวดลอ้ ม 5) กิจกรรมสอื่ สาร กับผู้ปกครอง 6) กจิ กรรมเสริม หลักสตู ร 2. ดำเนนิ การช่วยเหลือ นกั เรยี นทัง้ ระบบ 1) ช่วยแก้ปญั หา การอ่าน 2) ช่วยแก้ปัญหา นกั เรียนติด 0 ตดิ ร ตดิ มส. ดว้ ยการประสานงาน หลายฝา่ ย 3. ดำเนนิ การกรณพี ิเศษ 1) ประชมุ ผปู้ กครอง 2) จัดคา่ ยกลางวัน 3) ประชมุ ติดตามผล หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรบั ครูและผู้บริหารการศึกษา

27 สง่ ตอ่ แพทย ์ ครูคัดกรองโดยใชก้ ารสังเกต กจิ กรรมเพ่อื นคูห่ ู เพอ่ื การรบั วินิจฉยั และแบบประเมิน พบว่า หรือ Buddy เดก็ เปน็ LD เปน็ สมาธสิ ้ัน เลอื กเพ่ือนคหู่ ู และบำบดั ประสานผปู้ กครองเพ่ือนำลกู ไป ทำความเข้าใจ รบั การวนิ ิจฉยั จากแพทย์และ และมอบหมายหนา้ ท่ ี กจิ กรรม รับการบำบดั รกั ษา พดู คุยกับ Buddy เป็น ในช้ันเรียน ระยะ ๆ เพ่ือรบั รายงาน จัดการเรียนการสอน กจิ กรรม พฤตกิ รรม เป็นพเิ ศษ (ในกรณี ชว่ ยเหลอื เด็ก เป็นเดก็ ที่ม ี ทมี่ ปี ัญหา กจิ กรรมสื่อสารกับ ความตอ้ งการพิเศษ) ดา้ นการเรยี น ผปู้ กครอง/เยยี่ มบา้ น จัดให้ผเู้ รยี นมานัง่ ขา้ งหนา้ หรอื ใกลค้ รู การใหก้ ารปรึกษาเบือ้ งตน้ ติดตอ่ ผู้ปกครอง มอบหมายให้ชว่ ยครู และนดั หมายพดู คุย ในการทำกิจกรรม และทำความเข้าใจ ชมเชยเมือ่ ผู้เรียนทำดี กับผูป้ กครอง เพอื่ ใหก้ ำลงั ใจ ดูแลเดก็ อย่างใกลช้ ดิ โดยใหค้ วามรว่ มมอื กบั โรงเรยี น กิจกรรม พดู คยุ ให้การปรกึ ษาเด็ก เมอื่ ลกู ตดิ 0 ตดิ ร ตดิ มส. เรยี น เสรมิ หลกั สตู ร สปั ดาห์ละ 1-2 คร้ัง ซ้ำ โดยติดตาม ให้กำลงั ใจและสรา้ ง การแก้ไขผลการเรยี น จัดกจิ กรรมโฮมรมู ความไว้วางใจ อยา่ งต่อเนื่อง และมานง่ั ทำงาน เพ่อื ใหเ้ ด็กรกั เป็นที่พึง่ ทป่ี รกึ ษา กบั ลูกถ้าจำเปน็ และเหน็ คุณค่าในตนเอง ของเดก็ ได้ทุกเรอ่ื ง รว่ มกำหนดกติกาในการ สง่ เสริมใหเ้ ขา้ ร่วม ติดตามผล/แกป้ ญั หา ไมข่ าดเรยี น ไมม่ าโรงเรยี นสาย กจิ กรรมท่เี ด็กสนใจ ใหก้ ำลังใจใหน้ กั เรียน การทำการบ้าน และทบทวน และมีความสามารถ บทเรยี น จดั สอนพิเศษให้กับผ้เู รยี น เปน็ กำลงั ใจ/ชมเชย ท่ีเรียนอ่อนในชว่ งปิดภาคเรียน ใหร้ างวลั เมือ่ ลูกมี ให้ผ้เู รียนท่มี ีปัญหาการเรยี น พฤตกิ รรมดขี น้ึ ไปเขา้ คา่ ยเพือ่ ฝึกวนิ ัย และซอ่ มวิชาท่ีสอบไมผ่ ่าน หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรับครแู ละผู้บริหารการศึกษา

28 ลกั ษณะทีส่ งั เกตเหน็ สาเหตุ แนวทางช่วยเหลือ ประเภท ของปัญหา 1. แยกตวั 1. การสูญเสยี 1. กิจกรรมเพ่อื นคหู่ ู 2. ขาดความสขุ 2. ขาดความสมั พนั ธ์ หรือ Buddy 5. มีปญั หา 3. รู้สกึ ด้อยค่า ทดี่ ีกับพ่อแม/่ 2. กิจกรรมการเยีย่ มบ้าน พฤติกรรม/ 4. ขาดสมาธกิ ารเรียน ผ้ปู กครอง 3. การใหก้ ารปรกึ ษา อารมณ ์ 5. มองโลกแง่ลบ 3. การเลยี้ งดู เบ้ืองต้น 6. เจ็บป่วยบ่อย ที่ขาดความมน่ั คง 4. กจิ กรรมในช้นั เรยี น 7. ทำรา้ ยตนเองหรอื ทางจิตใจ 5. กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร เสย่ี งอนั ตราย 4. มคี วามผิดปกติ ของสารเคมี ในสมอง หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

29 สง่ ต่อ ผปู้ กครองยินยอมทำการนดั หมาย กิจกรรมเพอื่ นคู่หู จิตแพทย์ เพ่อื การ กบั จติ แพทย์ หรอื Buddy ช่วยเหลือและบำบดั บนั ทกึ ใหผ้ บู้ รหิ ารโรงเรยี นทราบ เลือกเพ่ือนคหู่ ู ตามลำดบั ทำความเข้าใจ กิจกรรม พาเด็กและผปู้ กครองไปพบจติ แพทย์ และมอบหมายหนา้ ท ่ี ในชั้นเรียน พดู คุยกับ Buddy เป็น กจิ กรรม ระยะ ๆ เพื่อรับรายงาน ใหก้ ำลังใจและชื่นชมเมื่อ ชว่ ยเหลอื เดก็ พฤติกรรม เด็กทำด ี ทมี่ ปี ญั หา จัดเพือ่ น/กลมุ่ เพอื่ น พฤตกิ รรม/ กจิ กรรมสือ่ สารกับ ให้ความช่วยเหลอื ผปู้ กครอง/เย่ียมบ้าน ดา้ นการเรยี น อารมณ ์ ติดตอ่ ผูป้ กครอง หรือการทำงาน และนดั หมายพูดคยุ การใหก้ ารปรกึ ษาเบื้องต้น และทำความเข้าใจ กจิ กรรม พูดคุยใหก้ ารปรึกษาเดก็ กับผู้ปกครองดูแลเดก็ เสริมหลักสูตร สปั ดาหล์ ะ 1-2 คร้งั อยา่ งใกลช้ ิด ใหก้ ำลังใจและสรา้ ง แนะนำ พาลกู ไป จดั กจิ กรรมโฮมรมู ความไวว้ างใจ พบจิตแพทย์ เพ่อื ให้เด็กรัก เป็นท่ีพึ่ง ทป่ี รึกษา และเหน็ คุณค่าในตนเอง ของเด็กได้ทกุ เร่อื ง สง่ เสริมใหเ้ ข้าร่วม กิจกรรมทีเ่ ดก็ สนใจ และมคี วามสามารถ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครแู ละผบู้ ริหารการศึกษา

ตอนที่ 3 บริการสนเทศกับการพฒั นานักเรียน ความนำ ดร.สมศกั ด์ิ สีดากุลฤทธ์ิ* บริการสนเทศเป็นบริการหน่ึงของการจัดบริการแนะแนวในสถานศึกษา ท่ีมุ่งให้ผู้เรียน มีข้อมูลสนเทศไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม ได้อย่างเหมาะสม สามารถนำข้อสนเทศไปพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี เก่ง และมีความสุข ท่ามกลาง การเปล่ียนแปลงและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปัจจุบัน ซง่ึ ง่ายตอ่ การเข้าถงึ และการแพรก่ ระจายอย่างรวดเรว็ โดยมีท้ังประโยชน์และโทษ บคุ ลากรแนะแนว จึงต้องช่วยเหลือผู้เรียนในเรื่องนี้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ดังที่กระทรวงศึกษาธิการ (2550) ได้กำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ด้านการเรียนการสอน ข้อ 2.3.5 ว่าให้มี ระบบแนะแนวให้คำปรึกษาทางการเรียนรู้แก่ผู้เรียนและประชาชนผู้รับบริการ ดังน้ัน จึงจำเป็น อย่างย่ิงท่ีครูแนะแนวหรือบุคลากรแนะแนวท่ีให้บริการสนเทศต้องบริโภคข้อมูลข่าวสารด้วยปัญญา และแนะแนวใหผ้ ู้เรยี นรูจ้ ักวิเคราะห์ขอ้ สนเทศก่อนนำไปใชอ้ ยา่ งสร้างสรรค ์ ความหมายของ “สนเทศ” และ “บรกิ ารสนเทศ” คำวา่ “สนเทศ” มาจากคำศพั ทภ์ าษาองั กฤษวา่ (Information) สว่ นในภาษาไทยมผี ใู้ ชค้ ำน้ี แตกต่างกันตามสาขาวิชา เช่น ข้อมูลข่าวสาร สนเทศ สารนิเทศ สารสนเทศ เป็นต้น คำว่า “สารนิเทศ” มักพบในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ส่วนคำว่า “สารสนเทศ” มักพบในเอกสารท่ีเก่ียวข้องกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสาร นิเทศศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันราชบัณฑิตให้ใช้ได้ทั้งคำว่า สนเทศ สารนิเทศ และสารสนเทศ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546) ได้ใหค้ วามหมายทัง้ สามคำ ดงั น ้ี สนเทศ หมายถงึ คำสงั่ ขา่ วสาร ใบบอก สารนิเทศ หมายถึง การชี้แจง แนะนำเก่ยี วกบั ข่าวสารหรือขอ้ มูลต่าง ๆ สารสนเทศ หมายถงึ ขา่ วสาร การแสดงหรอื ช้แี จงขา่ วสารขอ้ มลู ต่าง ๆ *ประธานภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

ความหมายของคำว่า บริการสนเทศ มาจากศพั ทภ์ าษาองั กฤษว่า Information Service มีผู้ให้นิยามไว้ว่า เป็นงานบริการเผยแพร่ข้อมูลให้บุคคลได้รับความรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับการศึกษา อาชีพ และการพัฒนาบุคลิกภาพให้เข้ากับสังคม (นงลักษณ์ ประเสริฐ และจรินทร วินทะไชย์, 2548 : 82) เป็นบรกิ ารหนง่ึ ในบริการแนะแนว ซึ่งจดั หารวบรวมขอ้ มลู และขา่ วสารต่าง ๆ ทางดา้ น การศกึ ษา อาชีพ สังคม และการปรบั ตัวอยา่ งเปน็ ระบบ เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนนำไปใชป้ ระกอบการตัดสินใจ วางแผนชวี ิตและพฒั นาตนได้อย่างเหมาะสม (รงุ่ แสง อรณุ ไพโรจน์ และคณะ, 2556 : 92) นอกจาก นิยามของนักวิชาการแนะแนวของไทยที่กล่าวแล้วข้างต้น นักวิชาการแนะแนวในต่างประเทศ ได้แก่ Lunenburg (2010) กล่าวว่า บริการสนเทศ เป็นบริการท่ีจัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลท่ีถูกต้อง และเป็นปจั จุบนั เพ่อื ให้ผเู้ รียนนำขอ้ มลู ไปประกอบการตดั สนิ ใจท้งั ดา้ นการศกึ ษา อาชพี และสังคม จากความหมายข้างต้นสรุปว่า บริการสนเทศ หมายถึง การให้บริการข้อมูลข่าวสาร ด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคมแก่ผู้เรียนเพ่ือนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการวางแผน ดำเนินชวี ิตและพฒั นาตนได้อยา่ งเหมาะสมตอ่ สถานการณแ์ ละความเปลี่ยนแปลง ความสำคญั ของบรกิ ารสนเทศกับการพฒั นาผู้เรยี น 1. การปฏิรปู การศกึ ษา กระแสการปฏิรูปการศึกษา ท่ีมีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมิน มาตรฐานการศึกษา ทำให้สถาบันการศึกษามีการเปล่ียนแปลงหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่การสอบ คัดเลือก การเลือกวิชาเรียน พฤติกรรมการเรียนรู้ การเทียบโอน จนกระทั่งการสำเร็จการศึกษา จำเป็นที่ผู้เรียนต้องมีข้อมูลท่ีถูกต้อง เพ่ือใช้ประกอบการวางแผนการศึกษาและการตัดสินใจได ้ อยา่ งสอดคล้องกับตนอง 2. การเปล่ียนแปลงด้านเศรษฐกิจและสงั คม ประเทศไทยและนานาประเทศต่างมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจและสังคม แห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ โดยนำความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตามท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารท่ีสามารถ เข้าถึงและการแพร่กระจายความรู้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ข้อสนเทศท่ีเผยแพร่มีทั้งประโยชน ์ และโทษ ผู้ส่งและผู้รับสารจะต้องมีวิจารณญาณในการส่ือสาร รวมทั้งรู้จักวิเคราะห์ผลกระทบ ที่อาจเกิดจากการใช้ท่ีไม่เหมาะสม เช่น การถูกหลอกลวงจากสังคมออนไลน์ จึงจำเป็นท่ีผู้เรียน ซง่ึ เปน็ เดก็ และเยาวชนจะตอ้ งไดร้ บั การคมุ้ ครอง ใหไ้ ดร้ บั ขอ้ สนเทศทส่ี รา้ งสรรคแ์ ละปลอดภยั ตลอดจน ไดร้ บั การปลกู ฝงั ค่านยิ มที่ดีงามในเรือ่ งของคณุ ธรรมและจริยธรรมในการส่อื สาร หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องตน้ สำหรับครูและผู้บริหารการศึกษา

32 วตั ถุประสงค์การจดั บริการสนเทศ ในการจัดบริการสนเทศทางการแนะแนว มีวัตถุประสงค์ ดังน้ี (รุ่งแสง อรุณไพโรจน์ และคณะ, 2556 : 93) 1. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ ับข่าวสาร เรอ่ื งราวต่าง ๆ ทม่ี ีคุณภาพเป็นประโยชนต์ ่อตนเอง 2. เพ่ือเป็นแหล่งความรู้และแหล่งค้นคว้าข้อสนเทศท่ีจะนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ด้านต่าง ๆ 3. เพื่อให้ข้อสนเทศที่ถกู ต้องและทันตอ่ เหตุการณ์ ต่อผู้เรียน และผู้เก่ียวข้อง 4. เพอื่ กระตนุ้ และสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ จิ ารณาโอกาสและทางเลอื กตา่ ง ๆ ทางการศกึ ษา และอาชีพ 5. เพ่ือปลูกฝงั ให้ผ้เู รียนมเี จตคติทด่ี ีตอ่ การศึกษา อาชพี และมมี นษุ ยสัมพันธท์ ำใหบ้ คุ คล มีคณุ ลักษณะพนื้ ฐานทด่ี ตี ่อการดำเนินชีวิต 6. เพื่อปลกู ฝังให้ผเู้ รียนเป็นผู้มนี สิ ัยในการทำงานทีด่ ี หลกั การจดั บริการสนเทศ การจัดบริการสนเทศให้ประสบความสำเร็จน้ัน ยึดหลักสำคัญ 10 ประการ ดังนี้ (เจยี รนยั ทรงชัยกุล, 2544 : 73-76) 1. ต้องมุ่งช่วยให้ผู้เรียนได้รับข้อสนเทศที่มีคุณภาพตามความต้องการและความจำเป็น อย่างเพียงพอ และช่วยให้ผู้เรียนให้สามารถนำข้อสนเทศท่ีได้รับไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ในการตดั สนิ ใจ การวางแผน การปอ้ งกนั ปัญหาและการพัฒนาตนทง้ั ในดา้ นการศกึ ษา อาชีพ สว่ นตวั และสังคม 2. ต้องให้ความสำคัญกับข้อสนเทศท่ีมีคุณภาพที่จะให้แก่ผู้เรียน การได้รับข้อสนเทศ ท่ีผิดพลาดหรือไร้คุณภาพอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เรียนมากยิ่งกว่าการไม่ได้รับข้อสนเทศเลย ครูแนะแนวต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับข้อสนเทศท่ีรวบรวมมาให้แก่ผู้เรียนว่าเป็นข้อสนเทศ ท่ีจำเปน็ ถกู ต้อง เป็นปจั จบุ นั ปรมิ าณเพยี งพอ น่าเชอ่ื ถือ และสอดคล้องกบั พัฒนาการของผูเ้ รียน 3. การจัดบริการสนเทศต้องให้ผู้เรียนทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสได้รับบริการสนเทศ ท่ีจัดให้อย่างเสมอกัน หน่วยงานซ่ึงจัดบริการสนเทศจะต้องมุ่งให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูแนะแนวจึงต้องให้ผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายทุกคนได้รับบริการสนเทศที่จัดให้อย่างเสมอภาคกัน เพราะการปิดกั้นสิทธิและโอกาสของผู้เรียนบางราย ในช่วงเวลาจำเป็นท่ีเขาต้องการได้รับข้อสนเทศ เพอื่ การตัดสนิ ใจในเรอื่ งสำคัญของชวี ิต อาจเกิดผลเสยี หรอื เป็นปัญหาต่อเนอื่ งอีกมากมาย หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครูและผบู้ ริหารการศึกษา

33 4. ต้องจัดให้สอดคล้องกับพัฒนาการด้านสังคมและสติปัญญาของผู้เรียน โดยเด็ก ระดับปฐมวัยและประถมศึกษาจะมีความสามารถคิดและแก้ไขปัญหาด้วยเหตุผลเชิงรูปธรรมได้ดี ส่วนวัยรุ่นจะสามารถคดิ และแกไ้ ขปญั หาดว้ ยเหตผุ ลตา่ ง ๆ ทัง้ เชงิ รปู ธรรมและนามธรรม 5. ต้องจัดอย่างต่อเน่ืองและตามข้ันตอนพัฒนาการของมนุษย์และพัฒนาการทางอาชีพ โดยผู้เรียนท่ีเป็นเด็กควรเร่ิมได้รับข้อสนเทศอย่างกว้าง ๆ ทั่วไปก่อน และควรได้รับข้อสนเทศ อย่างต่อเนื่องเรื่อยไป แต่ข้อสนเทศจะมีความเฉพาะเจาะจง มีรายละเอียด มีความลุ่มลึกซับซ้อน เพม่ิ ขนึ้ ตามวัยท่ีสูงข้นึ ของผเู้ รยี น 6. ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน ผู้เรียนท่ีอยู่ในช่วงวัยเดียวกันโดยท่ัวไป จะมีพฒั นาการหลายด้านคลา้ ยคลึงกัน อยา่ งไรกต็ าม ผู้เรยี นในวยั เดียวกัน เพศเดียวกัน แต่ละบุคคล ยงั มเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ทไ่ี มเ่ หมอื นใคร และไมม่ ใี ครเหมอื น ครแู นะแนวจงึ ตอ้ งคำนงึ ถงึ ความแตกตา่ ง ของผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพ่ือให้สามารถจัดบริการสนเทศ ตอบสนองความสนใจ ความต้องการ ความจำเปน็ และศักยภาพของผูเ้ รยี นแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม 7. ต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านส่ิงแวดล้อมท่ีมีอิทธิพลต่อผู้เรียน ในการจัดบริการสนเทศนั้น ครูแนะแนวต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อผู้เรียนกลุ่มเป้าหมาย เช่น ความคาดหวังของบิดาต่อการเลือกสาขาการเรียนและการเลือกอาชีพของลูก กลุ่มเพื่อนท่ีมีอิทธิพล ต่อค่านิยมด้านอาชีพและการครองตนในสังคมวัยรุ่น สื่อมวลชนท่ีมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ และ การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน 8. ตอ้ งเคารพในสทิ ธิ เสรีภาพ และความสามารถในการตดั สนิ ใจของผู้เรียน ครูแนะแนว จะทำหน้าท่ีให้ความช่วยเหลือและเอ้ืออำนวยให้ผู้เรียนได้รับข้อสนเทศที่มีในประเทศอย่างเพียงพอ ตามความจำเป็นและความต้องการของผู้เรียน เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ข้อสนเทศประกอบการตัดสินใจ ดว้ ยตนเองไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ครแู นะแนวจะไมท่ ำหนา้ ทตี่ ดั สนิ ใจใหแ้ กผ่ เู้ รยี น อกี ทง้ั ไมโ่ นม้ นา้ วใจ หรอื กดดันใหผ้ เู้ รยี นรบี เรง่ ตัดสินใจตามความเห็นชอบของครูแนะแนว 9. ควรใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการบริการสนเทศท่ีมีอยู่จำกัด ให้เกิดประโยชน์ สงู สุดตอ่ ผู้เรยี นและสถานศึกษา รวมทง้ั สอดคล้องกบั นโยบายและเปา้ หมายของหน่วยงาน 10. ควรให้ความสำคัญต่อการวางแผน การจัดการภายในองค์กร การประสานงาน การประชาสัมพันธ์ และการประเมินผลงาน กล่าวคือ ในการจัดบริการสนเทศครูแนะแนวควรมี การวางแผน กำหนดกลมุ่ เปา้ หมาย วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั บรกิ ารสนเทศสำหรบั ผเู้ รยี นกลมุ่ เปา้ หมาย ที่ต้องรับผิดชอบ ควรมีการจัดองค์กรให้เหมาะสมท่ีจะปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ควรมีการประสานงานให้เกิดความร่วมมือจากบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพ่ือให้การดำเนินงาน เป็นไปด้วยความราบรื่น และสำเร็จตามเป้าหมาย ควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้อง และผู้สนใจได้ทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการจัดบริการสนเทศท่ีเชื่อถือได้ในโอกาสท่ีเหมาะสม และควรมีการประเมินผลการจัดบริการสนเทศเพ่ือนำไปใช้ในการแก้ไขและพัฒนาการจัดบริการ สนเทศใหม้ ีประสทิ ธภิ าพย่งิ ข้ึน หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรับครแู ละผ้บู ริหารการศึกษา

34 ประเภทของข้อสนเทศทางการแนะแนว ข้อสนเทศท่ีใช้ในการจัดบริการสนเทศ แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ (รุ่งแสง อรุณไพโรจน์ และคณะ, 2556 : 95-97) 1. ข้อสนเทศด้านการศึกษา การให้ข้อสนเทศด้านการศึกษา เป็นการให้ความรู้ ประสบการณ์ และรายละเอียด ตา่ ง ๆ เกี่ยวกับการศึกษาในช่วงปัจจบุ ันและอนาคต รวมทงั้ วธิ ีการศกึ ษาเลา่ เรียนให้ประสบผลสำเร็จ ทุนการศึกษา หลักสูตรสาขาวิชา กิจกรรมเสริมหลักสูตร แนวทางการศึกษาต่อ การฝึกอบรม แนวทางการลงทะเบียน การถอนหรือยกเลิกรายวิชา ข้อดีและข้อเสียในการศึกษาเล่าเรียน ในแตล่ ะสาขาอาชีพ เปน็ ต้น ขอ้ สนเทศดา้ นการศกึ ษาทีค่ วรจดั ให้ผ้เู รยี นในระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ประกอบด้วย 1.1 ข้อมูลสถานศึกษาที่กำลังศึกษา ได้แก่ ประวัติความเป็นมา เอกลักษณ์ อตั ลักษณ์ รายช่ือผบู้ ริหารและบุคลากร ผลงาน ความสำเร็จและความภาคภมู ใิ จของสถานศกึ ษา 1.2 ระเบียบ ขอ้ บังคบั และแนวปฏิบัตติ ่าง ๆ ของสถานศกึ ษา 1.3 หลักสูตรของสถานศึกษา ประกอบด้วย หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง ของหลกั สตู ร แผนการเรยี น รายวชิ าเรยี น การวดั และการประเมนิ ผล การสำเรจ็ การศกึ ษา การเลอื กชมรม และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 1.4 บริการต่าง ๆ ที่สถานศึกษาจัดให้ เช่น บริการพยาบาลและอนามัยโรงเรียน บรกิ ารหอ้ งสมดุ บรกิ ารโสตทัศนูปกรณ์ บริการอาหารกลางวนั บรกิ ารแนะแนว บริการทุนการศกึ ษา เปน็ ต้น 1.5 ข้อมูลสถาบนั การศึกษาตอ่ เช่น รายชื่อสถาบนั การศึกษา ท่ตี ้ัง ระดับการศึกษา คณุ สมบัติในการศกึ ษาตอ่ วิธีการเขา้ ศกึ ษา คา่ ใชจ้ า่ ย ช่วงเวลารับสมัคร เปน็ ตน้ 1.6 ข้อมูลในการพิจารณาเลือกแนวทางศึกษาต่อ เช่น ความสามารถทางการเรียน ความถนดั ความสนใจ แนวทางการประกอบอาชพี 1.7 วิธีการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทักษะการอ่าน การจดบันทึก การแสวงหาแหลง่ เรยี นรู้ การสอบ เปน็ ต้น 1.8 การศึกษาภาคฤดูร้อน การเขา้ คา่ ยพัฒนาทกั ษะช่วงปดิ ภาคเรยี น การกวดวิชา 2. ขอ้ สนเทศดา้ นอาชีพ การจัดบริการสนเทศด้านอาชีพ เน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ การวางแผนเข้าสู่อาชีพ โดยพัฒนาการทางอาชีพของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สอดคล้องกับ ระยะสำรวจตนทางอาชีพ (Career Exploration) 2.1 คุณลักษณะของตนเองที่เก่ียวข้องกับงานอาชีพ เช่น ค่านิยมเก่ียวกับงาน บุคลกิ ภาพทางอาชพี ทักษะทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั งานอาชีพ เปน็ ตน้ หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครูและผ้บู ริหารการศึกษา

35 2.2 ความสำคญั ของการประกอบอาชพี และเจตคติตอ่ การประกอบอาชีพสุจริต 2.3 รายละเอียดเกีย่ วกับอาชีพ ได้แก่ ชือ่ อาชีพ ลักษณะงาน สถานท่ที ำงาน รายได้ ความกา้ วหนา้ ความต้องการตลาดแรงงาน สวัสดิการ เป็นตน้ 2.4 แนวทางการประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อาชีพในประชาคมอาเซียนและนอกอาเซียน แหล่งทุนในการประกอบอาชีพ กฎหมาย ท่ีเกย่ี วข้อง เปน็ ตน้ 2.5 ขอ้ มลู การหารายไดร้ ะหวา่ งเรยี น ไดแ้ ก่ กรมการจดั หางาน และหนว่ ยงานเอกชน ท่รี บั สมคั รนักเรยี นทำงานชว่ งปดิ ภาคเรียนหรือช่วงเวลาหลังเรยี น เปน็ ตน้ 2.6 ข้อมูลการเตรียมตนเองเข้าสู่งานอาชีพ เช่น การสำรวจตนเองด้านอาชีพ การแสวงหาสารสนเทศทางอาชีพ เป็นต้น 3. ขอ้ สนเทศดา้ นส่วนตัวและสังคม การให้ข้อสนเทศด้านส่วนตัวและสังคมเป็นการช่วยให้ผู้เรียนมีชีวิตหรือความเป็นอยู่ อยา่ งมคี วามสขุ มพี ฒั นาการและสขุ ภาวะทางกาย จติ ปญั ญาและสงั คม ปรบั ตวั และอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ การเป็นผ้นู ำผู้ตามทดี่ ี มบี คุ ลิกภาพและมารยาทตามกาลเทศะ รจู้ ักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ข้อสนเทศด้านส่วนตัวและสังคมท่ีควรจัดให้ผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประกอบดว้ ย 3.1 วิธีการรู้จักตนเองในด้านต่าง ๆ เช่น การรู้จักระดับเชาว์ปัญญา ความสามารถ ความถนดั ความสนใจ ความต้องการ ตลอดจนนสิ ยั ใจคอ เปน็ ตน้ 3.2 พัฒนาการของวัยรุ่น เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา แนวทางการปอ้ งกันปญั หาในวัยรนุ่ 3.3 บทบาททางเพศ การปรับตัว การสร้างความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และต่างเพศ อิทธพิ ลกลุม่ เพือ่ น พฤตกิ รรมเส่ยี งทางเพศ 3.4 การยอมรับและเข้าใจตนเอง เช่น รูปร่างหน้าตา สภาพครอบครัว เศรษฐกิจ และรายได ้ 3.5 การวางตนใหเ้ หมาะสม มารยาทในการเขา้ สังคม การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ การใช้ เวลาว่าง 3.6 การรู้เทา่ ทนั สงั คมและทกั ษะชีวติ ภัยจากสังคมออนไลน ์ หลักการเลอื กขอ้ สนเทศ ข้อสนเทศในยุคข้อมูลข่าวสารมีจำนวนมาก มีท้ังประโยชน์และโทษ หากไม่มีหลักในการ เลอื กข้อสนเทศจะส่งผลกระทบต่อผูเ้ รยี นในทางลบและกอ่ ให้เกิดความเสยี หายได้ ดงั นนั้ ครูแนะแนว จึงควรคัดเลอื กข้อสนเทศที่เหมาะสมกับผเู้ รียน หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครแู ละผู้บริหารการศึกษา

36 ขอ้ สนเทศทด่ี ตี อ้ งมีลกั ษณะครบ 4 ดา้ น ดงั น ้ี 1. ด้านเน้ือหา ประกอบด้วย ความถูกต้อง (accurate) ความสมบูรณ์ (complete) ความยืดหยุ่น (flexible) ความน่าเช่ือถือ (reliable) ตรงกับความต้องการ (relevant precision) และตรวจสอบได้ (verifiable) 2. ด้านเวลา ประกอบด้วย ทันเวลา (just in time) และทันสมยั (up to date) 3. ด้านการเผยแพร่ ประกอบด้วย ความชัดเจน (clarity) ความกะทัดรัด (conciseness) เข้าใจง่าย (simple) แปลกใหม่ (surprise) และประหยดั (economical) 4. ดา้ นกระบวนการ ประกอบด้วย เข้าถึงได้ (accessible) และปลอดภัย (secure) รปู แบบการเผยแพร่ข้อสนเทศ รปู แบบการเผยแพรข่ ้อสนเทศโดยอาศัยสอ่ื ประเภทต่าง ๆ จำแนกไดด้ งั น ี้ 1. จำแนกตามจำนวนกล่มุ เปา้ หมาย 1.1 การใหข้ อ้ สนเทศเปน็ รายบุคคล เป็นการให้ข้อสนเทศแก่ผู้เรียนแต่ละบุคคลโดยตรง ตามความต้องการ หรือความจำเป็นที่แท้จริงของแต่ละบุคคลในลักษณะเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น การให้ข้อสนเทศ ในระหวา่ งการใหก้ ารปรกึ ษา มขี อ้ ดี คอื ทำใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั ขอ้ สนเทศทต่ี รงกบั ความตอ้ งการของตนเอง มากที่สุด เอื้อประโยชน์ให้ครูแนะแนวได้รู้จักและสังเกตผู้เรียน ส่วนข้อจำกัด คือ ใช้เวลาและ งบประมาณมาก ไม่สามารถให้ขอ้ สนเทศได้อยา่ งทวั่ ถึง 1.2 การใหข้ ้อสนเทศเป็นกลุ่ม เป็นการให้ข้อสนเทศแก่ผู้เรียนพร้อมกันหลายคน โดยผู้เรียนมีลักษณะ ความต้องการหรือมีปัญหาคล้ายคลึงกันจำเป็นต้องได้รับข้อสนเทศเหมือนกัน หรือเป็นข้อมูลเร่งด่วน ท่ีผู้เรียนทุกคนควรทราบ ตัวอย่างเช่น กิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียน ปฐมนิเทศ ปจั ฉมิ นเิ ทศ วนั อาชพี ทศั นศกึ ษา เปน็ ต้น ขอ้ ดี คอื สะดวก ประหยดั เวลา งบประมาณ และแรงงาน ทนั เหตกุ ารณแ์ ละความจำเปน็ เรง่ ดว่ น ขอ้ จำกดั คอื ขอ้ สนเทศทใ่ี หอ้ าจไมส่ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ท่แี ท้จรงิ ของผู้เรียน ยากในการกระตนุ้ ให้เกดิ ความพร้อมเพรียงในการเข้าร่วมกจิ กรรม 2. จำแนกตามสอื่ ในการเผยแพร่ กฤษณา บตุ รปาละ (2550 : 67-69) ได้จำแนกสอื่ สนเทศ ดงั น ้ี 2.1 สอ่ื บคุ คล เป็นการพูดติดต่อระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ได้แก่ การเชิญวิทยากรมาพูด ในรูปแบบของการสนทนา การสัมภาษณ์ การกล่าวสุนทรพจน์ การปราศรัย การบรรยาย การประชุมสัมมนา การศึกษาดูงาน หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น สำหรับครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

37 2.2 สอ่ื ส่งิ พมิ พ์ สื่อส่ิงพิมพ์ที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อสนเทศ ได้แก่ รายงานวิชาการ รายงาน การสัมมนาวารสารวิชาการ ข่าวสาร สาระสังเขปหรือบทคัดย่อ บรรณานุกรม นามานุกรม หนังสือ จดหมายขา่ ว แผ่นพบั หนังสือพมิ พ์ คูม่ ือ นติ ยสาร แผนท่ี แผนภาพ กราฟ ตารางสถิติ ป้ายนเิ ทศ ปา้ ยโปสเตอร์ 2.3 สื่อสมัยใหม ่ ในปจั จบุ นั มกี ารใชร้ ะบบดจิ ติ อลและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ มาใชใ้ นการผลติ สอ่ื สมยั ใหม่ ท่ีนำมาใช้ในการให้บริการสนเทศ ได้แก่ โทรสาร วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ทางสาย การส่ือสารผ่านดาวเทียม เทปเสียง เทปโทรทัศน์ แฟ้มข้อมูล จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ กระดาน สนทนา เวริ ล์ ไวด์เว็บ เปน็ ต้น วิธีการจัดบรกิ ารสนเทศ วิธีการจัดบริการสนเทศท่ีนิยมในศาสตร์ด้านการแนะแนวท้ังในประเทศและต่างประเทศ มกี ารผสมผสานกนั ทงั้ การให้ข้อสนเทศเปน็ รายบคุ คลและเป็นกลมุ่ ตลอดจนการใชส้ อ่ื ตา่ ง ๆ ในการ เผยแพรข่ ้อสนเทศ มดี งั น้ ี หลักการบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรบั ครแู ละผู้บริหารการศึกษา

38 วธิ ีการจดั บริการ วัตถปุ ระสงค ์ ขอ้ พจิ ารณา สนเทศ ในการจัดกจิ กรรม 1. เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนรู้จกั และเขา้ ใจ 1. กระตุ้นให้ผเู้ รียนตระหนัก 1. ปฐมนิเทศ สภาพโรงเรยี น หลกั สูตร ถึงการเข้าร่วมกจิ กรรม บคุ ลากรและขอ้ มลู และหากไมเ่ ข้าร่วมจะตอ้ งรับ 2. กิจกรรมโฮมรมู ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั โรงเรียน การปฐมนิเทศรายบุคคล 3. การจดั ป้าย ในภายหลงั 2. เพ่ือสรา้ งความประทบั ใจ 2. การนำเสนอข้อสนเทศ นเิ ทศ แรกพบ ความร้สู กึ อบอนุ่ ควรมีความหลากหลาย และเจตคติท่ดี ีต่อโรงเรียน เช่น วดี ิทศั น์ สื่อบุคคล การเข้าฐานเรียนรู้ เปน็ ตน้ 3. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนปรับตวั และใช้ชวี ิตในโรงเรียนได ้ 1. ควรจดั กอ่ นหรอื หลังเรยี น อยา่ งมคี วามสขุ ทุกวัน วันละ 20 นาท ี 1. เพ่อื ให้ครูท่ปี รึกษาและผ้เู รียน 2. ควรจัดทำคมู่ อื โฮมรูม มปี ฏิสมั พนั ธท์ ่ดี ตี อ่ กนั เขา้ ใจ แตล่ ะระดบั ชน้ั อยา่ งเปน็ ระบบ สภาพทแ่ี ทจ้ ริงของผู้เรยี น เปน็ การปอ้ งกันความซำ้ ซ้อน ของเนอื้ หา 2. เพื่อใหข้ ้อสนเทศเกยี่ วกับ การศกึ ษา อาชพี และ 1. ควรเลอื กเน้อื หาทน่ี า่ สนใจ การปรบั ตวั สอดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณ์ สำคัญ และความตอ้ งการ 1. เพ่อื ให้ข้อมลู ข่าวสาร ของผเู้ รยี น ทันตอ่ เหตกุ ารณ์ 2. สถานท่จี ดั ป้ายนิเทศที่พบเหน็ 2. เพ่อื สร้างพน้ื ท่ีการเรยี นรู้ทด่ี ี ได้งา่ ย อา่ นไดส้ ะดวก ในสถานศกึ ษา ดงึ ดูดใจ และเปน็ ปัจจบุ นั หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งต้น สำหรับครูและผูบ้ ริหารการศึกษา

39 วธิ กี ารจัดบรกิ าร วตั ถปุ ระสงค ์ ข้อพิจารณา สนเทศ ในการจัดกจิ กรรม 1. เพอื่ เปน็ แหล่งรวบรวม 1. ควรเลือกสถานทีท่ ีผ่ เู้ รยี น 4. ศูนย์สนเทศ เอกสารสื่อแนะแนว เขา้ ใช้บรกิ ารได้สะดวก มวี ัสดุ หรอื ห้องสมุด การศึกษา อาชีพ สว่ นตวั อปุ กรณ์ท่ที นั สมยั สะอาด อาชพี และสังคม และปลอดโปร่ง 2. มีการจดั บรรยากาศในการ 5. การจัดสัปดาห์ 2. เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถคน้ หา ให้ข้อสนเทศปรับเปลี่ยน แนะแนว รายละเอยี ดในเรอ่ื งท่ตี นเอง อยา่ งสมำ่ เสมอ หรอื วนั อาชีพ สนใจ 1. ควรสำรวจความตอ้ งการของ หรือวนั ผูเ้ รียนเกีย่ วกบั สถานศกึ ษา มหาวทิ ยาลัย 1. เพอื่ ให้ผูเ้ รยี นไดร้ ับขอ้ สนเทศ และอาชีพ หรอื การจัด โดยตรงจากหนว่ ยงาน 2. ควรมีการประชาสมั พนั ธ์ นทิ รรศการ ผปู้ ระกอบการ หรอื สถานศกึ ษา กอ่ นจัดงาน แนะแนว ทีอ่ ยู่ในความสนใจ 3. ควรจัดกจิ กรรมท่ีหลากหลาย และใหผ้ ู้เรยี นมีสว่ นรว่ ม 6. คมู่ อื นักเรยี น 2. เพอื่ กระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นเห็น กจิ กรรม ความสำคญั ของการวางแผน ชวี ติ ของตนเอง 1. เนือ้ หาครอบคลุมประวัติ สถานศกึ ษา ผู้บรหิ าร 3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมเี จตคต ิ บคุ ลากร แผนผงั แผนการเรยี น ตอ่ การศึกษาและอาชพี กฎ ระเบยี บ บริการ สทิ ธ ิ ทนุ การศกึ ษา แบบฟอรม์ 1. เพอื่ ใหน้ ักเรียนมคี ่มู อื ค่าใชจ้ า่ ย และข้อมลู อนื่ ๆ เป็นแนวทางปฏบิ ัติตน ทสี่ ำคญั ขณะเลา่ เรยี น และการ เขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. คู่มือควรเน้นอตั ลักษณ ์ ของสถานศกึ ษา 2. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นไดใ้ ช้บรกิ ารและ สิทธิตา่ ง ๆ ในโรงเรยี น หลกั การบริการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบือ้ งตน้ สำหรบั ครูและผบู้ ริหารการศึกษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook