Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 6_บริการแนะแนว

เล่มที่ 6_บริการแนะแนว

Published by waleewan, 2020-06-14 21:46:12

Description: เล่มที่ 6_บริการแนะแนว

Search

Read the Text Version

บรกิ ารแนะแนวและเครือ่ งมือทางจติ วิทยา 41 สามารถแก้ไขปญหาได้จะต้องมีการทบทวนและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมประกอบ เพ่ือหาแนวทาง ช่วยเหลือต่อไป และข้ันสุดทายคือขั้นติดตามผล (follow-up) เมื่อผู้ทำการศึกษาได้ให้ความ ช่วยเหลือหรือให้การแก้ไขปญหาไปแล้ว ขั้นสุดท้ายของการศึกษารายกรณีก็คือ ข้ันติดตามผล การติดตามผลน้ันจะทำให้เราทราบว่าปญหาน้ันลดน้อยลงไปหรือไม่เพียงใด มีข้อบกพร่อง ท่ีจะปรับปรุงอย่างไรบ้าง จะต้องให้การช่วยเหลือเพิ่มข้ึนหรือไม่ และเขาสามารถปรับตัวใช้ชีวิต อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขเพียงใด นอกจากน้ียังเปนการติดตามผลเพ่ือให้การช่วยเหลือหรือแก้ไข ปรับปรุงในรายกรณีท่ีผู้ถูกศึกษายังได้รับการดำเนินการช่วยเหลือไม่สมบูรณ์ หรือยังได้รับการ ชว่ ยเหลือท่ีไม่ถกู ตอ้ ง ว∏ิ ’การรâŸจก— และเ¢าâ „จน—กเรย’ นเªìนรายบÿคคล การรู้จักและเข้าใจผู้เรียนเปนรายบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน และเพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั ตนเองทกุ ดา้ น เช่น ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ บุคลกิ ภาพ เปนตน้ โดยวิธสี ังเกต สมั ภาษณ์ สอบถาม ทดสอบ อัตชวี ประวตั ิ สังคมมติ ิ ระเบยี นสะสม การศึกษาผเู้ รียน เปน รายกรณี สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (2547 : 46) กลา่ วว่า การรจู้ ักผเู้ รยี นเปน รายบุคคลจะช่วยให้ครูมีความเข้าใจผู้เรียนแต่ละคนมากข้ึน สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการ ให้คำปรึกษาหรือบริการจัดวางตัวบุคคล นำไปสู่การคัดกรองและการดูแลช่วยเหลือผู้เรียนได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ เพราะเปนข้อมูลเชิงประจักษ์ มิใช่การคาดเดาหรอื ใชค้ วามรสู้ กึ แตเ่ ปน การใชว้ ธิ กี าร และเครื่องมือท่ีครอบคลุมรายละเอียดในการรู้จักผู้เรียนแต่ละคน การมีข้อมูลที่สะท้อนภาพจริงของ ผู้เรียนได้ครบทุกด้านอย่างถูกต้องชัดเจน ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่หลากหลายน่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้ จะทำให้ครูประจำช้ัน ครูแนะแนวสามารถให้คำปรึกษาสามารถ ช่วยเหลือผู้เรียน ให้พัฒนาในแนวทางท่เี หมาะสมกับศักยภาพของแตล่ ะคนบนพ้นื ฐานท่ีเปน จรงิ ของผู้เรียนแตล่ ะคนได้ ครูแนะแนวสามารถสำรวจขอ้ มลู ผเู้ รยี นไดจ้ ากเครอื่ งมือหลากหลาย เชน่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสงั เกต การเยีย่ มบา้ น ระเบียนสะสม สังคมมิติ แบบสำรวจ แบบบนั ทกึ สขุ ภาพ การศึกษารายกรณี การเขียนเรียงความ การเขียนบันทึกประจำวัน ดังได้สรุปวัตถุประสงค์ และประโยชนข์ องเครอื่ งมอื แตล่ ะประเภทดงั ตาราง

42 บริการแนะแนวและเคร่ืองมือทางจติ วิทยา ตารางสรุปเครื่องมอื บรกิ ารสำรวจขอ มลู ผูเรียนเปน รายบุคคล เครื่องมือ ประโยชน์ของเคร่ืองมอื ขอ มูลที่ได  1. แบบสังเกต 2. แบบสมั ภาษณ์ ใช้ตรวจสอบพฤตกิ รรมของผเู้ รยี น ไดข้ ้อมูลท่ีสมบรู ณ์ ละเอียด ชดั เจน 3. การเขยี น ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ถูกต้อง อตั ชวี ประวตั ิ ใชส้ อบถามผเู้ รยี นและผเู้ กย่ี วขอ้ ง ไดข้ อ้ เทจ็ จริงเปน ข้อมูลพฤติกรรม 4. ระเบยี นสะสม กับผู้เรียนทกุ คนทง้ั ในและนอก ของผูถ้ ูกสัมภาษณ์ เปน ข้อมลู ตรง สถานศกึ ษา 5. แบบบนั ทกึ การเยย่ี มบ้าน ใหผ้ ู้เรยี นเขียนบรรยายเรอื่ งราว ไดข้ อ้ มูลของผูเ้ รยี นเกีย่ วกับ เกีย่ วกับตวั เองท้ังทเ่ี ปน ความคิด ความคดิ ความรู้สกึ ความตอ้ งการ 6. สังคมมติ ิ ความรสู้ กึ พฤตกิ รรม ความสัมพนั ธ์ สัมพันธภาพของผู้เรียน ผู้เกย่ี วขอ้ ง กบั ผเู้ กีย่ วขอ้ ง และความใฝฝน ท่ีผ่านกระบวนการคิดวเิ คราะหแ์ ล้ว 7. แบบสอบถาม ในอนาคต ใชร้ วบรวมข้อมูลเบอื้ งตน้ ของ ได้ขอ้ มลู ท่เี ปน หลกั ฐานสำหรบั ผเู้ รียนทุกดา้ น ทง้ั สภาพท่ัวไป นำไปใช้ในการวางแผนการดแู ล ประวตั ิการเรียน สขุ ภาพ ช่วยเหลอื และพฒั นาผูเ้ รียน ใชเ้ มอื่ ครตู อ้ งการรขู้ อ้ มลู เบอ้ื งตน้ ได้รู้จักและเข้าใจถึงสภาพแวดล้อม เกย่ี วกบั ครอบครัวความเปน อยู่ สภาพครอบครวั เจตคติ และฐานะ ของผเู้ รียน ทางเศรษฐกิจของผ้เู รยี นตามสภาพ ทเ่ี ปนจริง ใชส้ ำรวจสัมพันธภาพของผเู้ รียน ได้รูถ้ งึ ความสมั พนั ธข์ องผู้เรียน กบั เพอ่ื น ๆ ในหอ้ งเรยี น เพอื่ จัดกลมุ่ การเรียนรู้ หรือใหค้ วามช่วยเหลอื ผูเ้ รียนได้ ใช้สำรวจขอ้ มูลผเู้ รียนในเร่ืองราว สอดคลอ้ งกับสภาพสังคมทีเ่ ปนอยู่ ตา่ ง ๆ ทต่ี อ้ งการทราบ อาจใชเ้ ปน กลมุ่ หรอื รายบุคคล ไดข้ อ้ มลู ในประเดน็ ทค่ี รตู อ้ งการทราบ สามารถใชก้ ับผูเ้ รียนคราวละมาก ๆ และประหยดั เวลา

บรกิ ารแนะแนวและเครือ่ งมือทางจติ วทิ ยา 43 เครื่องมอื ประโยชน์ของเคร่ืองมือ ขอ มลู ท่ไี ด 8. แบบสำรวจ ใช้รวบรวมข้อมลู พนื้ ฐานความรู้สกึ ไดข้ ้อมูลท่ตี ้องการรตู้ ามจุดประสงค์ นึกคิด เจตคติ ท่วี างไว้ เพอ่ื การรจู้ ักผูเ้ รยี นและ สงิ่ แวดลอ้ มของผู้เรยี น 9. แบบบนั ทึก ใช้บนั ทึกข้อมูลทางด้านสุขภาพ ไดข้ อ้ มูลสุขภาพผู้เรียน สขุ ภาพ ของผูเ้ รียน 10. แฟม สะสมงาม ใชร้ วบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั ผลงาน ไดข้ อ้ มลู ทคี่ รจู ะใชป้ ระเมนิ การทำงาน ของผู้เรยี น และผลงานของผเู้ รยี น ซึง่ นำมา เพอื่ จดั การสง่ เสรมิ ปอ งกนั ชว่ ยเหลอื 11. การศกึ ษา นำข้อมูลทง้ั หมดของผูเ้ รยี นมาศกึ ษา ได้รายละเอียดเกย่ี วกบั ตัวผู้เรียน รายกรณี วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และตคี วาม เพื่อใชใ้ นการส่งเสริม ปอ งกนั เพอื่ ให้ไดข้ อ้ มลู ทค่ี รอบคลมุ และถกู ตอ้ ง ช่วยเหลอื เฉพาะบคุ คล 12. การเขยี น ใช้ศึกษาความร้สู กึ นึกคดิ ของผู้เรียน ไดข้ อ้ มูลจากผเู้ รียนโดยตรง เรียงความ สภาพแวดล้อม บุคคลที่เก่ียวขอ้ งกบั ตามวัตถปุ ระสงคห์ รือหวั ขอ้ ทตี่ ัง้ ไว้ ผู้เรียนตามวตั ถุประสงคท์ ีก่ ำหนดไว้ 13. แบบระเบียน ใชร้ ายงานพฤตกิ รรมผู้เรียนว่า ได้รบั รูพ้ ฤติกรรมของผูเ้ รยี น พฤตกิ ารณ์ ทำอะไร ท่ีไหน เม่ือไร อยา่ งไร ในหลายสถานการณแ์ ละจากบุคคล โดยครูหลายคน ในหลายเหตกุ ารณ์ หลายคนทีเ่ กีย่ วข้องกบั ผูเ้ รยี น 14. การเขยี นบันทกึ ใชเ้ พ่อื ใหผ้ เู้ รียนบนั ทกึ พฤตกิ รรม ได้ข้อมลู เก่ยี วกบั พฤตกิ รรมของ ประจำวนั ที่ตนเองได้ทำในแต่ละวัน ผเู้ รยี นในแต่ละวนั (ทีม่ า : สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน, 2547 : 64-65) จะเห็นว่าเครื่องมือสำรวจผู้เรียนเปนรายบุคคลจะมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภท จะให้ประโยชน์และข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป ซ่ึงครูผู้สอน ครูแนะแนวต้องพิจารณาที่จะเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ท่ีต้องการ ซึ่งการรู้จักผู้เรียนโดยใช้แบบทดสอบได้กล่าวไว้ในบทท่ี 2 เรยี บรอ้ ยแล้ว

44 บรกิ ารแนะแนวและเครอื่ งมอื ทางจติ วิทยา แนวทางการเ¢’ยนรายงานการ»ก÷ …ารายกร≥ ’ รายงานการศึกษานักเรียนเปนรายกรณี เปนเอกสารที่สรุปและรายงานผลการศึกษา ช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนานักเรียนต่อผู้เก่ียวข้องเปนระบบ (สำนักวิชาการและมาตรฐาน การศกึ ษา, 2556 : 63) 1. สาระที่ควรมีในรายงานการศึกษานกั เรยี นเปนรายกรณี ประกอบด้วย 1.1 ชอ่ื นักเรยี น ระดับชน้ั ทก่ี ำลงั ศกึ ษา 1.2 ผศู้ ึกษา (ครูประจำชนั้ /ครทู ี่ปรกึ ษา ครแู นะแนว) 1.3 ระยะเวลาในการศกึ ษา 1.4 สาเหตขุ องการศึกษา 1.5 เครอ่ื งมือและเทคนคิ ท่ใี ช้ในการรวบรวมข้อมูล 1.6 ขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการสงั เคราะหข์ อ้ มูล - ข้อมูลส่วนตัวและครอบครัว - ข้อมลู สุขภาพ (สขุ ภาพกาย สุขภาพจิต) - ขอ้ มูลด้านการเรยี น - ขอ้ มูลดา้ นสังคม - ความสนใจ งานอดิเรก และประสบการณใ์ นด้านต่าง ๆ - เปาหมายและความคาดหวงั ในอนาคต - ความภาคภูมิใจ ปญ หา และอปุ สรรคในการดำเนินชีวติ 1.7 การวเิ คราะห์และวินิจฉัยปญ หา 1.8 การชว่ ยเหลอื สง่ เสริม และพฒั นา 1.9 การตดิ ตามผล 1.10 ข้อเสนอแนะ 2. รายงานการศึกษานักเรยี นเปนรายกรณีท่ีดี มลี ักษณะดังตอ่ ไปน้ี 2.1 กำหนดปญ หาหรือส่ิงท่ีศึกษาใหช้ ัดเจน 2.2 สังเคราะห์ข้อมูลอย่างเปนระบบ และเปนข้อมูลท่ีสามารถนำไปใช้ในการ วิเคราะหแ์ ละวนิ ิจฉยั ปญหาไดอ้ ย่างตรงประเดน็ 2.3 อธิบายหรือบรรยายลักษณะเด่นและด้อยของนักเรียน รวมถึงสภาพแวดล้อม ท่เี กยี่ วขอ้ ง 2.4 ข้อเสนอแนะตอ้ งเฉพาะเจาะจงและสามารถปฏิบตั ไิ ด้

บริการแนะแนวและเคร่อื งมอื ทางจิตวทิ ยา 45 ต—วอยàางการเ¢ย’ น รายงานการ»ก÷ …านก— เรย’ นเªนì รายกร≥ ’ ( ”นก— ว™ิ าการและมาตร∞านการ»ก÷ …า, 2556 : 63) 1. ช่ือนักเรียน ระดับช้นั ท่กี ำลงั ศกึ ษา นายชาย สุขใจ (นามสมมุต)ิ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 2. ผ้ศู ึกษา นางสาวทวพี ร เพม่ิ สุโข (นามสมมุต)ิ ครปู ระจำชั้น 3. ระยะเวลาในการศึกษา วนั ที่ 16 มถิ ุนายน 2548 ถึงวันท่ี 17 กนั ยายน 2548 รวมเวลา 3 เดือน 4. สาเหตขุ องการศึกษา ไมส่ นใจและก่อกวนเพ่ือนขณะเรยี น 5. เครื่องมอื และเทคนคิ ท่ีใช้ในการรวบรวมขอ้ มลู 5.1 ระเบียนสะสม 5.2 การสงั เกต 5.3 การสัมภาษณ์ 5.4 การใหค้ ำปรกึ ษา 5.5 แบบสอบถามใครเอ่ย 5.6 แบบสำรวจเจตคติที่มตี อ่ ตนเอง 5.7 แบบประเมนิ ความฉลาดทางอารมณ์ 5.8 การเยยี่ มบ้าน 6. ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสงั เคราะหข์ ้อมูล 6.1 ข้อมูลส่วนตวั เกิดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 ปจจุบันอายุ 16 ป เช้ือชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพทุ ธ มีผวิ ขาว รูปร่างสงู 175 เซนตเิ มตร นำ้ หนัก 60 กโิ ลกรัม ปจจุบนั อาศัยอย่กู บั บิดา และมารดา ไดค้ า่ ใชจ้ า่ ยมาโรงเรยี นวนั ละ 40 บา้ น บา้ นอยใู่ กลโ้ รงเรยี น ไมเ่ คยไดร้ บั ทนุ การศกึ ษา ไมเ่ คยหางานพเิ ศษทำ มีเพื่อนสนิทในห้องหลายคน ไม่สบู บหุ ร่ี ดม่ื เหล้าบ้างบางคร้งั ถา้ เข้าสังคม กบั เพอื่ น ชอบขับรถจักรยานยนต์ดว้ ยความเร็ว เคยประสบอุบัตเิ หตุรถล้มอย่างแรง

46 บรกิ ารแนะแนวและเครือ่ งมือทางจติ วทิ ยา 6.2 ขอ้ มลู ครอบครวั บิดาชอ่ื นายอว้ น สุขใจ (นามสมมุต)ิ อายุ 47 ป จบช้ันประถมศกึ ษา อาชีพ เปดร้าน ซ่อมรถ และบริการรับ-สง่ นักเรียนอนบุ าลใกลบ้ ้าน รายได้ประมาณ 6,000 ตอ่ เดือน มารดาชือ่ นางชม สุขใจ (นามสมมุติ) อายุ 40 ป จบช้ันประถมศึก ช่วยสามีดูแลกิจการและช่วยบริการ รบั -สง่ นักเรยี น มพี น่ี อ้ ง 3 คน เปนผู้ชายทงั้ หมด ชายเปนลูกคนกลาง ครอบครวั มีสมาชิก 5 คน คอื ชาย บดิ า มารดา พช่ี าย และนอ้ งชาย ความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั อบอนุ่ มกี ารทะเลาะกนั บา้ ง ที่อยู่อาศัยเปนบ้านไม้ 2 ช้ัน คอนข้างเก่า คนท่ีชายไว้ใจมากท่ีสุด คือ ยาย แต่เสียชีวิตเมื่อ ต้นเดอื นกันยายน 6.3 ขอ้ มลู สขุ ภาพ - สุขภาพกาย เปนคนสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ช่วงปดภาคเรียน ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 3 เคยถูกแทงท่ีใต้ราวนม เนื่องจากขบั รถเรว็ เสียงดัง ทำใหผ้ ู้อืน่ ไมพ่ อใจ - สุขภาพจิต เปนคนสนุกสนาน ร่าเริง จากการทำแบบประเมินความฉลาด ทางอารมณ์ (EQ) พบวา่ มคี วามรบั ผิดชอบและการควบคมุ ตนเองอย่ใู นระดับต่ำ 6.4 ข้อมูลดา้ นการเรยี น ผลการเรยี นเมอื่ จบชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 6 อยใู่ นเกณฑพ์ อใช้ เคยเปน นกั กฬี าของโรงเรยี น ผลการเรยี นเมือ่ จบช้ันประถมศึกษาปที่ 3 ได้ 1.41 ขณะเรยี นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ มพี ฤตกิ รรม ขาดเรยี น หนเี รียน ไมน่ ำสมดุ หรอื อุปกรณก์ ารเรียนมาเปนประจำ เมื่อเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 4 ไดผ้ ลการเรยี นเฉลีย่ 0.99 6.5 ข้อมลู ดา้ นสังคม - ทางบ้าน ชายไม่ค่อยสนิทกับพ่ีน้อง จะคุยด้วยเมื่อจำเปน มักเอาแต่ใจตนเอง บิดาและมารดามักจะตำหนิ และเปรียบเทียบกับพ่ีชายเสมอ ทำให้ชายรู้สึกน้อยใจ ไม่ชอบ อยู่บ้าน มักเที่ยวเตร่กับเพื่อน ๆ กลับบ้านดึกเปนประจำ ไม่เชื่อฟงคำตักเตือนของบิดา และมารดา - ทางโรงเรียน ชายเปนคนสนกุ สนาน มีเพ่อื นสนทิ ในห้องประมาณ 10 คน มกั ถกู ครตู ำหนิและตกั เตือนเสมอในเรอื่ งความรบั ผดิ ชอบด้านการเรียน การแต่งกาย และการพดู จา 6.6 ความสนใจ งานอดเิ รก และประสบการณ์ทางดา้ นต่าง ๆ - ชายมีความสนใจเกี่ยวกบั การแข่งรถ การเที่ยวเตร่ และการคบเพอ่ื นตา่ งเพศ - งานอดิเรกชอบขบั รถเล่นและเล่นกฬี าฟตุ บอล

บริการแนะแนวและเครื่องมือทางจติ วทิ ยา 47 - ประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ เคยเปนตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียนเข้าแข่งขัน ในระดบั กล่มุ โรงเรยี น เคยฝก ซอ่ มเครอื่ งยนต์กับบดิ าชว่ งปดภาคเรียน 6.7 เปา หมายและความคาดหวังในอนาคต - อยากเปนเจา้ ของอซู่ ่อมรถ - อยากมีบา้ นเปน ของตนเอง 6.8 ความภาคภมู ิใจ ปญ หา และอุปสรรคในการดำเนนิ ชวี ติ ความภาคภมู ใิ จ เปนทยี่ อมรับของกลมุ่ เพือ่ นปญ หา และอุปสรรคในการดำเนนิ ชีวติ คิดว่าบดิ ามารดาไมร่ กั 7. การวเิ คราะหแ์ ละวินิจฉัยปญหา ชายมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตำ่ มาตลอด เนือ่ งจาก 7.1 ขาดแรงกระตุ้นและกำลังใจจากครอบครัว ทำให้ชายขาดแรงจูงใจในการเรียนและ หันไปกิจกรรมอนื่ ๆ ทดแทน 7.2 ชายมีพฤติกรรมทางการเรียนท่ีไม่เหมาะสม เช่น ไม่ต้ังใจ ก่อกวนชั้นเรียน ขาดความรบั ผิดชอบในการส่งงานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไมน่ ำอุปกรณ์การเรยี นมาเรียน 8. การชว่ ยเหลือ สง่ เสริม และพัฒนา 8.1 ผู้ศกึ ษาให้คำปรกึ ษาแก่ชาย เพือ่ สรา้ งแรงจงู ใจในการเรยี น 8.2 ผู้ศึกษาพูดคุยกับผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจในเร่ืองการสื่อสารกับชาย และการ เสริมสรา้ งกำลงั ใจ 8.3 ผศู้ กึ ษาขอความรว่ มมอื กับครผู ูส้ อนในการปรบั พฤติกรรมการเรียนของชาย 9. การติดตามผล 9.1 จากการสมั ภาษณ์ผปู้ กครองของชาย เกยี่ วกบั พฤตกิ รรมการเรียน เมื่ออย่บู ้าน พบว่า ชายเรม่ิ มพี ฤตกิ รรมการเรียนทด่ี ขี นึ้ แตก่ ารเท่ยี วเตร่และกลับบา้ นดกึ ยงั คงเดิม 9.2 จากการสังเกตและสัมภาษณ์ครูผู้สอน พบว่า ชายมีพฤติกรรมการเรียนดีข้ึน มีความ รับผิดชอบต่อตนเอง สังเกตจากการนำสมุดงานในรายวิชาต่าง ๆ มาให้ดู พบว่า ชายทำงาน เรียบร้อยพอใช้ แม้ว่าจะยังไม่ครบทุกวิชา แต่ก็ถือว่าได้ปรับปรุงตนเอง ด้านความรับผิดชอบได้ ในระดับหน่งึ และจากการสอบถาม เพอ่ื น ๆ ในห้องยอมรบั วา่ ชายพยายามปรับตวั ดขี ึ้น 9.3 จากการสัมภาษณ์ชาย พบว่า บิดามารดายังคงเปรียบเทียบพฤติกรรมของชาย กบั พน่ี ้องอยู่

48 บริการแนะแนวและเคร่ืองมือทางจิตวทิ ยา 10. ข้อเสนอแนะ 10.1 สำหรับนักเรียน เน่ืองจากชายถูกเล้ียงดูแบบตามใจมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยถูกฝกให้ รับผิดชอบงาน ต้องการอะไรบ้างจะหามาให้ เน่ืองจากทางบ้านมีฐานะพอท่ีจะดูแลได้ ซ่ึงมีส่วน ทำให้ชายขาดความรับผิดชอบต่อตนเอง ดังนั้น บิดามารดาควรให้เวลาและเอาใจใส่ชายมากขึ้น โดยการพูดคุยและมอบหมายงานบ้านที่ชายพอจะทำได้ ให้กำลังใจเม่ือชายทำได้เสร็จ รวมท้ัง คอยตดิ ต่อประสานงานกบั ครูในโรงเรยี นอยา่ งใกลช้ ิด ทัง้ ในเรอ่ื งการเรยี นและความประพฤติ 10.2 สำหรับครูแนะแนว ควรหาโอกาสพูดคุยกับชาย คอยให้กำลังใจและสนับสนุน ในด้านต่าง ๆ เน้นการจัดการเรียนการสอนแบบกิจกรรมกลุ่ม หรือจัดโปรแกรมเพื่อฝก ให้ชายรับผิดชอบต่อตนเอง และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันให้ชายดูแลตนเอง อย่างมีคุณภาพ 10.3 สำหรับครูประจำวิชา ควรช่วยดูแล สังเกต กระตุ้นและจูงใจให้ชายเข้าร่วม กิจกรรมต่าง ๆ ภายในห้องเรียน โดยเปดโอกาสให้ชายได้แสดงความสามารถ มอบหมายงาน ให้รับผิดชอบและช่ืนชมเม่ือทำอะไรได้สำเร็จ ไม่ควรตำหนิการกระทำของชายต่อหน้าเพ่ือน ให้เกิดความอับอาย แต่ใช้การตักเตือนเปนส่วนตัวกับชาย และไม่ให้ความสนใจกับพฤติกรรม ทไี่ ม่เหมาะสม 10.4 สำหรับครูท่ีปรึกษา มีความสำคัญมากในการท่ีจะช่วยเหลือชาย เน่ืองจากเปนบุคคล ท่ีใกล้ชิด และได้รับความไว้วางใจ ดังน้ัน ครูที่ปรึกษาควรทำหน้าที่ในการประสานงานกับ ผู้ท่ีเก่ียวข้องอย่างใกล้ชิด โดยขอความร่วมมือจากครูแนะแนว ครูผู้สอน และครอบครัว ในการแกป้ ญ หา

บรกิ ารแนะแนวและเครื่องมือทางจิตวิทยา 49 การวางแºน™วà ยเÀลอื น—กเรย’ น„นการแก≢ª≠í Àา การประชุมปรึกษารายกรณี (case conference) หมายถึง การที่บุคคลท่ีมี สว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั เดก็ มาประชมุ รว่ มกนั เพอื่ พจิ ารณาศกึ ษาขอ้ เทจ็ จรงิ ถงึ ปญ หาของบคุ คลใดบคุ คลหนงึ่ โดยต้องทำงานร่วมกันเปนคณะประกอบด้วยคณะครู เช่น ครู/อาจารย์ใหญ่ ครูแนะแนว ครูท่ีรู้จัก ใกล้ชิดนักเรียน ผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ จิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ และบิดามารดา ผู้ปกครอง ซ่ึงคณะทำงานประชุมเพ่ือวิเคราะห์ แปลความหมายและสังเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ให้เข้าใจอย่าง ถกู ตอ้ งมากขึน้ เพ่อื นำไปส่กู ารแก้ไขปญ หาใหบ้ รรลผุ ลสำเร็จ โดยมกี ารดำเนนิ งานดังภาพประกอบ สถานศึกษา กำหนดแผนการจดั ประชมุ ปรึกษารายกรณี ในสถานศกึ ษา ศึกษารายละเอียดปญหาของนกั เรียน ประชุมปรกึ ษารายกรณี สรปุ แนวทางใหการชวยเหลอื และมอบหมายภารกิจรว มกัน ว∏ิ ’การ¥”เนินการªระ™มÿ ªรก÷ …ารายกร≥ ’ เพ่ือให้การประชุมปรึกษารายกรณีเปนไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรมีขั้นตอน ดังนี้ (พนม ล้มิ อารยี ,์ 2548 : 130, สำนกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2556 : 77) 1. ขัน้ เตรยี มการ 1.1 ออกหนังสือเชิญบุคคลเพื่อเข้าร่วมประชุม ใครจะเข้าร่วมประชุมบ้าง และ ทาบทามผู้ทเี่ หมาะสมในการทำหน้าท่เี ปนประธาน

50 บริการแนะแนวและเคร่ืองมือทางจิตวิทยา 1.2 เตรยี มขอ้ มลู ซง่ึ เปน หน้าที่ของผ้ศู ึกษา 1.3 เตรียมสถานทส่ี ำหรบั การประชมุ 2. ขั้นดำเนนิ การประชมุ 2.1 ประธานกล่าวเปดพิธี และช้ีแจงข้อตกลงสำหรับการประชุม คือ ให้รักษา ความลับไม่นำเรื่องท่ีประชุมไปพูดนอกการประชุม การพูดให้พูดทีละคนและให้ทุกคนต้ังใจฟง เม่อื สมาชกิ คนอ่นื พดู สำหรับการอภิปรายหรอื โตแ้ ย้งควรพูดอย่างมีเหตผุ ล 2.2 เลขาฯ เกริน่ และกำหนดเวลาการประชุม 2.3 เจ้าของกรณีศึกษานำเสนอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับนักเรียนท่ีถูกศึกษา มาพิจารณาในที่ประชุม (กรณีใหม่ข้อมูลโดยละเอียด ส่วนกรณีเก่าให้นำเสนอเฉพาะความก้าวหน้า ในการช่วยเหลอื ) 2.4 ท่ีประชุมสอบถามประวัติข้อมูลนักเรียนท่ีเกี่ยวข้องกับสาเหตุของปญหา ร่วมกนั พิจารณา วิเคราะหห์ าสาเหตุ และวางแนวทางในการแกไ้ ขปญ หา 2.5 ระหว่างพิจารณา สมาชิกสามารถซักถามเพ่ือทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ในการพจิ ารณา 2.6 ท่ีประชุมลงความเห็นพรอ้ มเสนอมาตรการช่วยเหลอื หรอื แกป้ ญหาใหน้ ักเรียน 2.7 ประธานสรุปการประชุม และมอบหมายหน้าท่ีให้ผู้ศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการช่วยเหลอื นกั เรยี น 2.8 เลขาฯ สรปุ การประชมุ และนดั หมายครง้ั ตอ่ ไป 3. ขนั้ ยตุ กิ ารประชมุ 3.1 ประธานกลา่ วขอบคณุ ผู้รว่ มประชุม 3.2 เขียนรายงานสรปุ การประชุมปรึกษารายกรณี เทคนิคการªระ™ÿมªรก÷ …ารายกร≥ ’ (case conference) 1. สมาชิกเข้าใจวัตถุประสงค์และภารกิจของการประชุมปรึกษารายกรณีท่ีมุ่งเน้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลของกรณีศึกษาอย่างกว้างขวาง รอบด้าน และหาแนวทางท่ีเหมาะสม ในการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน 2. จัดบรรยากาศของการประชุมแบบสบาย ๆ ไม่เครียด สนใจและสนุกกับ การแลกเปล่ียนอย่างจรงิ จงั

บรกิ ารแนะแนวและเคร่ืองมือทางจิตวทิ ยา 51 3. จัดให้มีการอภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง โดยทุกคนมีส่วนร่วมอภิปราย อย่างจริงจังเฉพาะเรื่องที่เก่ียวข้องกับปญหา หากมีสมาชิกอภิปรายนอกประเด็น ให้ดึงกลับเข้าสู่ ประเด็นอย่างรวดเรว็ 4. สมาชกิ รับฟง ทกุ เรอื่ งอยา่ งต้งั ใจ และฟง เหตผุ ลซง่ึ กนั และกนั 5. สมาชิกอิสระในการแสดงความรู้สึก ความคิดเห็นต่อปญหาและการปฏิบัติงาน รว่ มกันของทมี 6. เม่ือมีความคิดเห็นไม่สอดคล้องหรือขัดแย้ง ไม่ควรหลีกเล่ียงความคิดเห็นท่ีขัดแย้ง แต่ควรเปดโอกาสให้ตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ อย่างถ่ีถ้วนหลากหลายจนได้ข้อยุติภายใต้บรรยากาศ ท่สี ง่ เสริมความเปนประชาธปิ ไตยอย่างแทจ้ รงิ 7. ให้หลักความเห็นพ้องต้องกันในการตัดสินใจ ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนเห็นด้วย ในหลกั การ และเตม็ ใจปฏิบัติตามมตขิ องท่ีประชุม 8. มีการมอบหมายอย่างชัดเจน ผู้เก่ียวข้องเข้าใจและยอมรับภารกิจต่าง ๆ ด้วย ความเตม็ ใจ 9. มีการนัดหมาย ติดตามผลการปฏบิ ัตงิ านและปญหาอุปสรรคเปนระยะ บท รªÿ การศึกษานักเรียนเปนรายกรณี เปนการให้ความช่วยเหลือ แก้ไข/ส่งเสริม นักเรียน เปนรายบุคคล โดยอาศัยวิธีการและเทคนิคทางการแนะแนวในการหาความรู้ ความเข้าใจ ลักษณะ เฉพาะของนักเรียน เพ่ือวางแผนในการให้ความช่วยเหลือร่วมกันกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝาย โดยมี วตั ถปุ ระสงคใ์ หน้ กั เรยี นสามารถปรบั ตัว และไดร้ บั ความชว่ ยเหลืออยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ



บรกิ ารแนะแนวและเครอื่ งมอื ทางจิตวทิ ยา 53 4บทที่ การนำเครือ่ งมือทางจิตวิทยาไปใชใ นการแนะแนว ปญหาของนักเรียนมีหลายระดับ บางปญหาไม่ซับซ้อน อาจารย์และผู้เก่ียวข้อง สามารถให้การดูแลช่วยเหลือโดยใช้ความรู้เรื่อง บริการแนะแนวและการรู้จักนักเรียนเปนรายบุคคล แต่บางปญหาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน จำเปนต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ความเชี่ยวชาญ เฉพาะทาง เช่น ครูแนะแนวและนักจิตวิทยาในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ท่ีให้ความช่วยเหลือนักเรียนควรศึกษากรณีตัวอย่าง ฝกปฏิบัติในการแก้ไขปญหาและศึกษา วิธกี ารแก้ปญหาตามคำแนะนำของผ้เู ช่ยี วชาญ กร≥’ต—วอยàางท’ ่ 1 กร≥’¢อง‚øก — สถานการณ์ปญหาท่ีเกิดขึ้นกับนักเรียน มีหลายระดับของความยากง่าย และความ ซับซ้อน บางปญหาสามารถให้ความดูแลช่วยเหลือได้ โดยอาจารย์ประจำช้ัน อาจารย์ผู้สอน และ บุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบุคคลเหล่าน้ันควรมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับธรรมชาติของปญหา รู้จักวิธีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนเบื้องต้น และสามารถวางแนวทางในการแก้ไขปญหา (กรณีตัวอย่างของโพกัสและอุษา) แต่ในขณะเดียวกันก็มีปญหาท่ีมีความซับซ้อนและจำเปนต้องใช้ ความรู้ความเข้าใจเฉพาะทาง จึงจะสามารถแก้ไขปญหาได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงปญหาประการหลัง จำเปนต้องใช้ผู้ท่ีได้เรียนมาโดยตรงทางการแนะแนว และมีประสบการณ์ในการให้ความช่วยเหลือ (กรณตี วั อยา่ งของเรน) โฟกัสเปนเด็กนักเรียนหญิง เรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 3 ได้เข้ามาพบอาจารย์ แนะแนวเพอ่ื ขอรบั คำปรกึ ษาวา่ จะทำอยา่ งไรกบั อนาคตการเรยี นของตนเอง และไมท่ ราบวา่ จะตัดสินใจเรียนแผนการเรียนอะไรดีในช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ่โฟกัสพบว่าตนเอง ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ แต่กลับได้คะแนนดีในกลุ่มวิชาศิลปะ เช่น การวาดเขียน และการแกะสลกั โฟกัสบอกกบั ครแู นะแนวว่าเธออยากเปน หมอหรอื เภสชั ในอนาคต

54 บริการแนะแนวและเคร่ืองมอื ทางจติ วิทยา ¢น—È ตอนการ»ก÷ …าเªìนรายกร≥ ’ 1. การรวบรวมขอ มูล 1.1 ครแู นะแนวสร้างสมั พันธภาพที่ดกี บั โฟกสั 1.2 ครูแนะแนวสัมภาษณ์โฟกัสถึงความถนัด ความสนใจ และความสามารถ เพม่ิ เติม ตลอดจนความปรารถนาในอนาคต 1.3 ครูแนะแนวสามารถใช้เครอ่ื งมอื ทางการแนะแนว ดงั น้ี - แบบสำรวจความสนใจในอาชีพ เปนการสำรวจกิจกรรมที่ชอบและไม่ชอบ นำไปสคู่ วามสนใจในอาชีพได้ - แบบทดสอบความถนัดทางการเรียนเพ่ือการแนะแนว เปนการพยากรณ์ ใหท้ ราบถึงโอกาสทจ่ี ะได้เรยี นในแผนการเรียนกลุม่ ต่าง ๆ ได้ - การสำรวจความสามารถทางการเรยี นของตนเอง โดยการคำนวนผลการเรยี น ตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น (5 ภาคเรียน) แบ่งออกเปนแต่ละรายวิชา ซ่ึงจะทำให้ทราบ ผลการเรยี นทแ่ี ทจ้ ริงของตนเอง 2. การวเิ คราะหข์ อมูล ครูแนะแนวนำผลของการเก็บข้อมูลที่ได้จากการใช้เคร่ืองมือทางการแนะแนว มาวิเคราะห์ จำแนกออกเปน ด้าน ๆ เพ่ือหาแนวทางให้ความชว่ ยเหลอื 3. การตัง้ สมมุตฐิ าน เปนการหาสาเหตขุ องปญหา อาจเน่อื งมาจาก 3.1 โฟกัสไม่สามารถตัดสนิ ใจเลอื กแผนการเรียนได้ 3.2 โฟกัสยังไม่รู้จักตนเองด้านความถนัด ความสนใจ ความสามารถของตนเอง เปนต้น 4. การใหความชว ยเหลือ 4.1 ครูแนะแนวพูดคุยให้กำลังใจโฟกัส และใหห้ าจดุ เดน่ ของตนเอง 4.2 ครูแนะแนวให้โฟกัสทำการสำรวจตนเองด้านความถนัด ความสนใจ และ ความสามารถ 4.3 ครูแนะแนวให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั อาชพี ทีโ่ ฟกัสสนใจ 4.4 ครูแนะแนวอาจเชิญผู้ปกครองของโฟกัสมาพูดคุย และรับทราบข้อมูลเพ่ือ การตดั สนิ ใจทอี่ ยู่บนพนื้ ฐานของความถนัด ความสนใจ และความสามารถของโฟกัส 5. การติดตามผล ครูแนะแนวติดตามผลการให้ความช่วยเหลือโฟกัสโดยการสัมภาษณ์ การสอบถาม และผลการตัดสินใจเลอื กแผนการเรยี น เปน ตน้

บรกิ ารแนะแนวและเครือ่ งมือทางจิตวิทยา 55 กร≥’ต—วอยาà งท ่’ 2 กร≥’¢องอÿ…า ครปู รยี าเปน ครปู ระจำชน้ั ระดบั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 2 ไดส้ งั เกตเหน็ อษุ า ซงึ่ เปน นกั เรยี นทด่ี แู ล กล่าวคือ เธอเริ่มพูดคนเดียว พูดสบถด้วยคำหยาบเหมือนกับเพ่ือนผู้ชาย หนีเรียน ไมส่ นใจเรยี น บางครง้ั มอี ารมณห์ งดุ หงดิ ฉนุ เฉยี วงา่ ย ชว่ งเวลาเยน็ หลงั เลกิ เรยี น ครปู รยี า สังเกตเห็นว่า คุณแม่และประจักษ์ผู้เปนผู้ปกครองซึ่งเปนสามีใหม่ของคุณแม่มารับ ทีห่ นา้ โรงเรยี นทกุ วัน เธอมักมอี าการเหมอื นไม่พอใจ ชกั สหี น้า ไม่อยากกลบั บา้ นด้วย ¢นÈ— ตอนการ»÷ก…าเªìนรายกร≥ ’ 1. การรวบรวมขอมูล 1.1 ครูแนะแนวสังเกตพฤติกรรมของอษุ าทง้ั ในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น 1.2 ครแู นะแนวขอเชญิ ผปู้ กครองมาพบเพอื่ พดู คยุ รบั ทราบพฤตกิ รรมทเ่ี ปลย่ี นแปลง และขออนุญาตศึกษาเปนรายกรณี 1.3 ครูแนะแนวศึกษาแฟมประวัติ (ระเบียนสะสม) ของอุษาที่ฝายทะเบียน เพื่อรวบรวมขอ้ มลู เบื้องตน้ 1.4 ครแู นะแนวสมั ภาษณผ์ ทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั อษุ า เชน่ ครปู ระจำชนั้ ครผู สู้ อนวชิ าตา่ ง ๆ เพ่ือน และผู้ปกครอง 1.5 ครูแนะแนวควรสร้างสัมพันธ์ท่ีดีกับอุษา เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ และ สัมภาษณ์เพ่ือได้ข้อมูลที่เปนจริง ตลอดจนเก็บข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ ทางจิตวิทยา ในกรณีนี้ สามารถเก็บขอ้ มลู โดยใชเ้ ครอื่ งมือ ไดแ้ ก่ แบบเตมิ ประโยคให้สมบรู ณ์ การเยยี่ มบ้าน เปน ตน้ 2. การวเิ คราะหข์ อมลู ครูแนะแนวนำผลของการเก็บข้อมูลที่ได้จากการใช้เคร่ืองมือทางการแนะแนว มาวเิ คราะห์ จำแนกออกเปนดา้ น ๆ เพอ่ื หาแนวทางให้ความชว่ ยเหลือ 3. การต้ังสมมตุ ฐิ าน เปน การหาสาเหตขุ องปญ หา อาจเน่อื งมาจาก 3.1 อุษาเจอประสบการณ์ท่ีไม่ดีกับเพื่อนท่ีโรงเรียน เช่น ทะเลาะกับเพื่อน เพื่อนไมย่ อมรับ 3.2 อุษาเจอประสบการณ์ทีไ่ ม่ดีกบั สามีใหม่ของแม่ 3.3 อุษามีลักษณะของปญ หาอารมณ์ เปนตน้

56 บริการแนะแนวและเครื่องมือทางจิตวทิ ยา 4. การใหค วามชว ยเหลือ 4.1 ให้กำลังใจ และให้คำปรึกษาแก่อุษาเปนระยะ ๆ 4.2 จดั หาเพอ่ื นท่พี ร้อมใหค้ วามช่วยเหลอื อุษา (เพื่อนช่วยเพอ่ื น) 4.3 ประสานงานกับผปู้ กครองในการดแู ลอษุ า 4.4 ครูแนะแนวนัดพบผู้ปกครองอีกครั้ง เพื่อรายงานข้อมูลและให้แนวทางการให้ ความชว่ ยเหลืออษุ า ตลอดจนการสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมของอษุ าให้กบั ผ้ปู กครองรับทราบ 5. การติดตามผล ครูแนะแนวติดตามผลการให้ความช่วยเหลืออุษาโดยการสัมภาษณ์ สอบถาม เปน ต้น กร≥’ตว— อยาà งท่’ 3 กร≥¢’ องเรน เรนเปนนักเรียนชายอายุ 15 ป เรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปที่ 1 เรนมีรูปร่าง โตกวา่ เพื่อนในชัน้ เรยี นเดียวกนั เรนมีผลการเรียนไมด่ ี การสอบแตล่ ะคร้งั ต้องสอบซอ่ ม เปนประจำ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เม่ือสอบถาม ครูผู้สอนพบว่า เรนไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียน มักทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จทัน เวลาท่ีกำหนด หนีเรียนบ่อยคร้ัง ชอบเล่นกับเด็กท่ีมีอายุน้อยกว่า ผู้ปกครองมักถูก ครูประจำชัน้ เชญิ มาพบบ่อยครง้ั ผูป้ กครองใหข้ อ้ มูลว่า เมอื่ อยูบ่ ้านมักทำตวั เปน ลกู แหง่ ไม่ค่อยทำการบ้าน อ้างว่าครูผู้สอนไม่ให้การบ้าน หรือไม่ก็บอกว่าทำเสร็จแล้ว ท้ังน้ี เพราะผปู้ กครองไมม่ คี วามรู้จึงไม่ไดต้ ิดตามดูการบ้านของเรน ¢นÈ— ตอนการ»ก÷ …าเªนì รายกร≥’ 1. การรวบรวมขอมลู 1.1 ครแู นะแนวสังเกตพฤติกรรมของเรนท้งั ในห้องเรียนและนอกหอ้ งเรยี น 1.2 ครูแนะแนวขอเชิญผู้ปกครองมาพบเพื่อพูดคุย รับทราบพฤติกรรมที่เกิดข้ึน และขออนุญาตศึกษาเปน รายกรณี 1.3 ครูแนะแนวศึกษาแฟมประวัติ (ระเบียนสะสม) ของเรนท่ีฝายทะเบียน เพอื่ รวบรวมขอ้ มลู เบอื้ งตน้

บริการแนะแนวและเครอื่ งมือทางจิตวิทยา 57 1.4 ครูแนะแนวสัมภาษณ์ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับเรน เช่น ครูประจำช้ัน ครูผู้สอน วิชาตา่ ง ๆ เพ่ือน และผูป้ กครอง 1.5 ครูแนะแนวควรสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเรน เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ และ สัมภาษณ์เพ่ือได้ข้อมูลที่เปนจริง ตลอดจนเก็บข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ ทางจิตวิทยา ในกรณีน้ี ควรเกบ็ ขอ้ มูลโดยใช้แบบทดสอบรว่ มด้วย เช่น - แบบสอบทักษะพื้นฐานทางวิชาการ (Kasetsart Basic Academic Skill Test : KBAST) - แบบคัดกรองนักเรียนท่ีมีภาวะสมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ และ ออทิสซมึ (KUS-SIRating Scales) - แบบประเมนิ พฤติกรรม (Conners’ Rating Scales) 2. การวเิ คราะหข์ อ มูล ครูแนะแนวนำผลของการเก็บข้อมูลท่ีได้จากการใช้เครื่องมือทางการแนะแนว มาวิเคราะห์ จำแนกออกเปนด้าน ๆ เพอ่ื หาแนวทางให้ความชว่ ยเหลือ 3. การตัง้ สมมตุ ฐิ าน เปน การหาสาเหตุของปญหา อาจเนื่องมาจาก 1.1 เรนมีปญหาการเรยี นรู้ 1.2 เรนมีลักษณะปญหาสมาธสิ ้ัน 1.3 เรนมปี ญ หาจากการเล้ยี งดจู ากผปู้ กครอง เปน ต้น 4. การใหค วามชวยเหลือ 4.1 ใหก้ ำลงั ใจเรนในการเรอื่ งการเรยี น และแจง้ ผปู้ กครองถงึ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื สนับสนุนให้การเรยี นเสรมิ เพ่ิมเตมิ 4.2 ประสานกับครูผู้สอนถึงลักษณะปญหาของเรน พร้อมการให้ความช่วยเหลือ ด้านการเรียน 4.3 ประสานงาน ส่งต่อจิตแพทย์ในกรณีวินิจฉัยลักษณะบกพร่องทางการเรียนรู้ สมาธิสัน้ และการปรับตัว 5. การติดตามผล ครแู นะแนวตดิ ตามผลการใหค้ วามชว่ ยเหลอื เรนโดยการสอบถาม ตดิ ตามผลการเรยี น เปน ตน้

58 บริการแนะแนวและเครอ่ื งมือทางจิตวทิ ยา บท รÿª การนำเครื่องมือทางจิตวิทยาไปใช้ในการแนะแนวนั้น เปนการรวบรวมข้อมูลท่ีครู และผู้เกี่ยวข้องและครูแนะแนว ได้รู้จักและเข้าใจนักเรียนอย่างลึกซ้ึง สามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุ ของปญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นได้อย่างสอดคล้องตามความเปนจริงกับลักษณะปญหาของนักเรียน อันนำไปสู่การหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ แก้ไขได้ตรงกับปญหานั้น บนพ้ืนฐานความรู้ด้าน งานแนะแนว และหากปญหาน้ันนอกเหนือความสามารถของครูและผู้เกี่ยวข้องหรือครูแนะแนว การส่งต่อนักเรียนไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือจิตแพทย์เปนส่ิงที่สามารถทำได้ เพื่อประโยชน์ สงู สดุ ของนกั เรยี น

บริการแนะแนวและเครอ่ื งมอื ทางจติ วทิ ยา 59 บรรณานุกรม กรกฎา นกั คม้ิ . 2558. หลกั การแนะแนว. กรงุ เทพฯ : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ (อดั สำเนา). จติ ตนิ นั ท์ บญุ สถริ กลุ . 2551. หลกั การแนะแนว. กรงุ เทพฯ : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ (อัดสำเนา). เจษฎา มาบุญโฮม. 2558. หลักการแนะแนวและการพัฒนาผูเรียน. พิมพ์คร้ังที่ 4. นครปฐม : สไมล์พรินตงิ้ แอนด์ กราฟก ดไี ซน.์ ดารณี อุทัยรัตนกิจ และคณะ. 2550. แบบคัดกรองนักเรียนท่ีมีภาวะสมาธิส้ัน บกพรองทาง การเรียนรูและออทิซึม. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด. ดารณี อุทัยรัตนกิจ และคณะ. 2558. คูมือบริหารการสอบ แบบสอบทักษะพื้นฐานทางวิชาการ. Kasetsart Basic Academic Skills Test (KBAST). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกดั . นริ นั ดร์ จลุ ทรพั ย.์ 2558. การแนะแนวเพอื่ พฒั นาผเู รยี น. สงขลา : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ . นริ นั ดร์ จลุ ทรพั ย.์ 2554. แนะแนวเบอ้ื งตน . พมิ พค์ รง้ั ที่ 4. สงขลา : สำนกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ . พนม ลม้ิ อารีย.์ 2548. การแนะแนวเบอื้ งตน. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้. 2551. หลักสูตรพัฒนาครูจิตวิทยาแนะแนว โมดูล 4 บรกิ ารแนะแนว และเครอ่ื งมอื ทางจติ วทิ ยา. กรงุ เทพฯ : สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย. รังสรรค์ โฉมยา. 2553. เอกสารประกอบการสอนวิชาการแนะแนวและการใหคำปรึกษา ในโรงเรียน. มหาสารคาม : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. ราชบัณฑิตยสถาน. 2556. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถาน. ลกั ขณา สริวัฒน์. 2551. การแนะแนวเบื้องตน. พิมพค์ ร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.์ ลักขณา สรวิ ัฒน.์ 2548. การศกึ ษานักเรียนเปนรายกรณ.ี กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. 2547. คูมือวิทยากรเครือขายระบบการดูแล ชวยเหลือนักเรียน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั .

60 บริการแนะแนวและเคร่อื งมือทางจติ วิทยา สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน. 2550. การศึกษานักเรียนเปนรายกรณี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย จำกดั . สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2556. หลักสูตรฝกอบรมครูแนะแนว. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย จำกัด.

บรกิ ารแนะแนวและเครอ่ื งมอื ทางจติ วทิ ยา 61 คณะผจู ัดทำ ท่ª’ รก÷ …า เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน หัวหน้าศูนยพ์ ัฒนาการนเิ ทศและเรง่ รดั คุณภาพ นายกมล รอดคล้าย การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน นายภาสกร พงษ์สิทธากร ประธานพัฒนาหลกั สูตรกลุม่ แนะแนวโครงการ ยกระดบั คณุ ภาพครู ทั้งระบบตามแผนปฏบิ ตั กิ าร รองศาสตราจารย์นงลกั ษณ์ ประเสรฐิ ไทยเขม้ แขง็ ของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย และศูนย์เครอื ข่าย  มาคมแนะแนวแÀงà ªระเท»‰ทย ท่วั ประเทศ พ.ศ. 2553-2555 ดร.กมล รอดคล้าย นายกสมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์นงลกั ษณ์ ประเสริฐ ทป่ี รึกษาสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.เรยี ม ศรที อง ที่ปรกึ ษาสมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นิรนาท แสนสา อุปนายกฝา ยวชิ าการ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์กรกฎา นกั คิม้ อปุ นายกฝายกิจกรรม ดร.สมศกั ดิ์ สดี ากลุ ฤทธ์ิ ประธานภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื อาจารยว์ ไิ ลวรรณ ใจแกว้ กรรมการกลาง อาจารยก์ าญจนา ภู่วรวรรณ กรรมการกลาง อาจารยธ์ ัญสมร คเชนทร์เดชา ผชู้ ว่ ยนายทะเบยี น ผูช้ ่วยศาสตราจารย์เจษฎา บญุ มาโฮม กรรมการ อาจารยป์ ย พรรณ พนู ทรัพย์ เลขาธกิ าร อาจารยพ์ ชั นพี ร สมานมิตร สาราณียกร

62 บรกิ ารแนะแนวและเครอ่ื งมือทางจติ วิทยา ค≥ะºเŸâ ¢’ยน/ºเŸâ ร’ยบเรย’ ง คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.จิตตินนั ท์ บญุ สถริ กุล คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์กรกฎา นกั คิ้ม ผู้ช่วยศาสตราจารย์เจษฎา บุญมาโฮม บรร≥า∏กิ าร รองศาสตราจารย์นงลักษณ์ ประเสรฐิ อาจารยว์ ิไลวรรณ ใจแก้ว อาจารยธ์ ัญสมร คเชนทรเ์ ดชา อาจารยพ์ ชั นีพร สมานมิตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook