45 แบบฝึกหัดท้ายบท คำชี้แจง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1ค.ำขชี้้อแใจดงคือสมการตามการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ ก. A = L + OE ข. A = L - OE ค. L = A + OE ง. OE = A + L โจทย์ประกอบใช้ตอบคำถามข้อ 2-4 ต่อไปนี้เป็นสินทรัพย์ของร้านแสงเดือนบิวตี้ซาลอน ซึ่งมีนาง แสงเดือนเป็นเจ้าของ ดังนี้ เงินสด 30,000 บาท เงินฝากธนาคาร 120,000 บาท รถยนต์ 200,000 บาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 400,000 บาท 2. จากโจทย์สามารถเขียนสมการบัญชีได้ตามข้อใด ก. สินทรัพย์ = ส่วนของเจ้าของ ข. สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ ค. หนี้สิน = สินทรพย์ - ส่วนของเจ้าของ ง. ส่วนของเจ้าของ = สินทรัพย์ - หนี้สิน 3. จากข้อ 2. ให้แทนค่าสมการบัญชีบัญชีที่ถูกต้อง ก. 590,000 = 590,000 ข. 590,000 = 160,000 + ส่วนของเจ้าของ ค. หนี้สิน = 590,000 - ส่วนของเจ้าของ ง. ส่วนของเจ้าของ = 590,000 - หนี้สิน
46 4. จากโจทย์ ส่วนของเจ้าของ (ทุน) มีค่าเท่ากับเท่าใด ก. 590,000 บาท ข. 430,000 บาท ค. 750,000 บาท ง. 160,000 บาท 5. ข้อใดกล่าวถึงสมการบัญชี (Accounting Equation) ได้ถูกต้องที่สุด ก. การแสดงถึงทรัพยาการเชิงเศรษฐกิจที่อยู่ในการดูแลและ ควบคุมของกิจการ และสิทธิครอยครองทั้งหมดที่มีในทรัพยากรนั้น ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ หนี้ิสิน และส่วนของเจ้าของ ข. สมการบัญชีจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของตามแม่บทการบัญชี ค. เป็นรายการที่จัดทำขึ้นเพื่อแสดงฐานะทางการเงินของ กิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง ง. ข้อ ก. และข้อ ข. ถูกต้อง 6. ข้อใดคือความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ เจ้าของ ก. ผังบัญชี ข. กระดาษทำการ ค. สมการบัญชี ง. งบแสดงฐานะทางการเงิน 7. ร้านแพรวาซักรีดบริการ มีสินทรัพย์ หนี้สินดังนี้ เงินสด 20,000 บาท เงินฝากธนาคาร 30,000 บาท รถยนต์ 200,000 บาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 250,000 บาท กู้เงินจากธนาคารมา จำนวน 100,000 บาท อยากทราบว่าเมื่อแทนค่าในสมการบัญชี แล้ว ร้านพลอยซักรีดบริการจะมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น จำนวนเท่าใด ก. 100,00 บาท ข. 500,000 บาท ค. 600,000 บาท ง. 400,000 บาท
47 8. จากข้อ 7. อยากทราบว่าหนี้สินทั้งสิ้นมีจำนวนเท่าใด ก. 100,00 บาท ข. 500,000 บาท ค. 600,000 บาท ง. 400,000 บาท 9. จากข้อ 7. อยากทราบว่ามีส่วนของเจ้าของทั้งสิ้นเท่าใด ก. 100,00 บาท ข. 500,000 บาท ค. 600,000 บาท ง. 400,000 บาท 10. ข้อดเป็นการเปลี่ยนแปลงสมการ 2 ข้าง ก. นำเงินสดฝากธนาคาร ข. รับชำรระหนี้จากลูกหนี้ ค. ซื้อวัสดุสำนักงานเป็นเงินสด ง. กู้เงินจากสถาบันการเงิน 11. ข้อใดเป็นผลกระทบต่อสมการบัญชีข้างเดียวกัน ก. รับรายได้ค่าบริการเป็นเงินสด ข. จ่ายชำระเงินกู้ พร้อมดอกเบี้ย ค. กู้เงินจากธนาคารออนสิน ง. ลูกหนี้นำเงินสดมาชำระหนี้ โจทย์ประกอบข้อ 12-18 ต่อไปนี้เป็นรายการสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของร้าน ดีไซน์บริการ ซึ่งนายเเชมป์เป็นเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เงินสด 40,000 บาท เงินฝากธนาคาร 100,000 บาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 300,000 บาท รถยนต์ 200,000 บาท เจ้าหนี้การค้า 80,000 บาท เงินกู้ (1 ปี) 40,000 บาท
48 12. การแทนค่าในสมการบัญชี A = L + OE ข้อใดถูกต้อง ก. 640,000 = 120,000 + 520,000 ข. 520,000 = 640,000 - 120,000 ค. 640,000 = 640,000 ง. 520,000 = 520,000 13. อยากทราบว่าในกิจการมีหนี้สินหมุนเวียนที่ปรากฏในงบ แสดงฐานะทางเงินจำนวนเท่าใด ก. 40,000 บาท ข. 80,000 บาท ค. 120,000 บาท ง. 520,000 บาท 14. อยากทราบว่าในกิจการมีสินทรัพย์หมุนเวียนที่ปรากฏใน งบแสดงฐานะทางเงินจำนวนเท่าใด ก. 40,000 บาท ข. 100,000 บาท ค. 140,000 บาท ง. 500,000 บาท 15. อยากทราบว่าในกิจการมีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ปรากฏ ในงบแสดงฐานะทางเงินจำนวนเท่าใด ก. 40,000 บาท ข. 100,000 บาท ค. 140,000 บาท ง. 500,000 บาท 16. กิจการมีสินทรัพย์ทั้งสิ้นจำนวนเท่าใด ก. 120,000 บาท ข. 140,000 บาท ค. 500,000 บาท ง. 640,000 บาท 17. จากโจทย์ อบากทราบว่ากิจการมีส่วนของเจ้าของ (ทุน) จำนวนเท่าใด ก. 140,000 บาท ข. 500,000 บาท ค. 520,000 บาท ง. 640,000 บาท
49 18. กิจการมีหนี้สินและส่วนของเจ้าของทั้งสิ้นจำนวนเท่าใด ก. 140,000 บาท ข. 520,000 บาท ค. 640,000 บาท ง. 750,000 บาท 19. ถ้า A = 150,000 L = 45,500 OE =? ก. 195,500 ข. 195,000 ค. 105,000 ง. 104,500 20. การเขียนสมการบัญชี สามารถเขียนได้กี่ลักษณะ ก. 1 ลักษณะ ข. 2 ลักษณะ ค. 3 ลักษณะ ง. 4 ลักษณะ
50 แบบฝึกปฏิบัติหน่วยที่ 3 คำชี้แจง : จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์ และ จงแสดงวิธีทำ 1 ให้เติมจำนวนเงินในช่องว่างโดยใช้สมการบัญชีแทนค่า ตามรายการดังต่อไปนี้ สมการบัญชี A = L + OE ตัวอย่าง 20,000 = 10,000 + 10,000 1. 44,000 = 25,000 2. 45,000 = 30,000 3. 20,000 4. 7,000 200,000 5. 50,000 = 25,000 30,000 6. 80,000 = 60,000 7. 400,000 = 8. 16,000 = 18,000 11,000
51 2 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ร้านโชคชัยบริการ มีสินทรัพย์และหนี้สิน ดังนี้ เงินสด 20,000 บาท ลูกหนี้การค้า 30,000 บาท ที่ดินอาคารและอุปกรณ์ 740,000 บาท เจ้าหนี้การค้า 50,000 บาท เงินเบิกเกินบัญชี 10,000 บาท เงินกู้จำนองระยะเวลา 5 ปี 110,000 บาท ให้ทำ : แทนค่าในสมการบัญชี
52 หน่วยที่ 4 การวิเคราะห์รายการค้า ประเภทของธุรกิจ และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยทั่วไปสามารถแบ่งธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรได้ 3 ประเภท ดังนี้ 1 ธุรกิจบริการ (Service Businesses) เป็นธุรกิจที่มีรายได้เกิดขึ้นจากการให้บริการ ซึ่งบริการนั้นเป็น สิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่น ร้านเสริมสวย ร้านซ่อมรถยนต์ ร้านซักรีด เสื้อผ้า หอพัก กิจการรถเช่า โรงภาพยนต์ คลินิก โรงแรม รถ ประจำทาง เป็นต้น 2 ธุรกิจซื้อขายสินค้า (Merchandising Businesses) หรือธุรกิจพาณิชยกรรม เป็นธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจโดยการซื้อ สินค้าเข้ามาแล้วขายสินค้านั้นออกไปในราคาที่สูงกว่าเดิม โดยไม่มี การแปรรูปหรือแปลงสภาพสินค้าแต่อย่างใด เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัทขายรถยนต์ เป็นต้น
53 3 ธุรกิจอุตสาหกรรม (Manufacturing Businesses) หรือธุรกิจผลิตสินค้า เป็นธุรกิจที่ผลิตสินค้า มีการแปรรูป วัตถุดิบที่ซื้อเข้ามาเป็นสินค้าสำเร็จรูปแล้วขายออกไป เช่น โรงงาน ผลิตรถยนต์ โรงงานกระเบื้อง โรงงานทอผ้า เป็นต้น รูปแบบของการดำเนินธุรกิจ ธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเลือกดำเนินธุรกิจ ได้ดังนี้ 1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Single Proprietorship) เป็นกิจการที่มีเจ้าของเพียงคนเดียวเป็นผู้ก่อตั้งกิจการ จึงมี ความคล่องตัวในการบริหารงานสูง เนื่องจากตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ เอง หากกิจการมีกำไรก็จะได้รับกำไรนั้นแต่เพียงผู้เดียว แต่ถ้า ขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบผลขาดทุนและหนี้สินแต่เพียงผู้เดียว กิจการนี้มักจะหาแหล่งเงินทุนเพิ่มได้ยาก เนื่องจากมีเจ้าของเพียง คนเดียว 2. กิจการห้างหุ้นส่วน (Partnership) เป็นการดำเนินธุรกิจที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มาร่วมกัน จัดตั้งกิจการ โดยมีสัญญาเข้าเป็นหุ้นส่วนกันและแบ่งผลกำไร กิจการจะกำหนดให้หุ้นส่วน คนใดคนหนึ่งเป็นผู้บริหารงานเรียกว่า หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนมี 2 ประเภท คือ 2.1 ห้างหุ้นส่วนสมัญ (Ordinary Partnership) คือห้างหุ้นส่วนที่ผู้เป็ นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันใน หนี้สินโดยไม่จำกัดจำนวน โดยจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ก็ได้
54 2.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) คือห้างหุ้นส่วนที่มีหุ้นส่วน 2 จำพวกจำกัดความรับผิดชอบและ ไม่จำกัดความรับผิดชอบ กฎหมายบังคับให้จดทะเบียน ห้างหุ้น ส่วนจะหาแหล่งเงนทุนได้ง่ายกว่ากิจการเจ้าของคนเดียว เพราะมี จำนวนเจ้าของมากกว่า แต่ถ้ามีกำไรก็แบ่งให้หุ้นส่วนทุกคน ถ้า ขาดทุนก็จะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันทุกคน 3. บริษัทจำกัด (Corporation or Limited Company) คือกิจการที่จัดตั้งขึ้นโดยมีผู้เริ่มก่อการไม่ต่ำกว่า 3 คน ผู้เริ่ม ก่อการต้องจดทะเบียนบริคณห์สนธิจัดตั้งบริษัทโดยกำหนด วัตถุประสงค์ของบริษัท จำนวนทุนและจำนวนหุ้นจดทะเบียน และแบ่งทุนออกเป็นหุ้นแต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่าๆกัน บริษัทจำกัด จำกัดต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากเจ้าของ คือผู้ ถือหุ้น (Stockholdersor Shareholdres) ผู้ถือหุ้นทุกคนรับผิด ชอบในหนี้สินจำกัดจำนวนเพียงไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถืออยู่เท่านั้น จะได้รับผ]ตอบแทนเป็น เงินปันผล บริษัทจะให้ผู้ถือหุ้นชำระเงินค่าหุ้นครั้งแรกเป็นจำนวน เงินเท่าใดก็ได้แต่ต้องไม่น้ อยกว่า 25% ของราคาหุ้นที่ขาย ผู้ถือ หุ้นจะได้รับส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล (Dividends) บริษัท ที่จดทะเบียนแล้วจะใช้คำนำหน้ าว่า \"บริษัท\" และลงท้ายว่า \"จำกัด\" ยกเว้นธนาคารพาณิชย์จะใช้คำว่า \"บริษัท...........จำกัด\" หรือไม่ก็ได้ บริษัทจำกัดมี 2 ประเภท คือ 1. บริษัทเอกชนจำกัด 2. บริษัทมหาชนจำกัด
55 3.1 บริษัทเอกชนจำกัด (Private Company Limited) เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ (ปพพ) มาตรา 1096 มีผู้กอบกู้ร่วมก่อการไม่ต่ำกว่า 3 คน 3.2 บริษัทมหาชนจำกัด (Public company Limited) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ 2535 มีผู้เริ่มจัดตั้งไม่ต่ำกว่า 15 คนและต้องจองหุ้นรวม อย่างน้ อย 5% ของทุนจดทะเบียนแต่ละคนถือหุ้นไม่เกิน 10% ของหุ้นที่จดทะเบียน และตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอ ขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปต้องมีคำนำหน้ าชื่อว่า \"บริษัท\" และคำ ลงท้ายว่า \"จำกัด (มหาชน)\" รายการค้า รายการค้า (Business Transation Or Accounting) หมายถึง รายการที่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนหรือโอนเงินหรือสิ่งที่มี ค่าเป็นตัวเงินระหว่างกิจการกับบุคคลอื่น ซึ่งจะมีจำนวนมากและ แตกต่างกันไปตามลักษณะของกิจการ เช่น กิจการเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด และตามประเภทธุรกิจเช่น ธุรกิจ บริการ ธุรกิจซื้อขายสินค้า หรือธุรกิจผลิตสินค้า รายการค้า เป็นรายการที่กิจการนำมาบันทึกบัญชีเพื่อเป็น ข้อมูลในการจัดทำงบการเงินต่างๆ ซึ่งทางการบัญชีเรียกว่ารายการ ทางบัญชี เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการโอนหรือการแลกเปลี่ยน ระหว่างหน่วยของบัญชีหรือบุคคลที่มีผลต่อสินทรัพย์ หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นและลดลง จะ ทำให้ยอดทั้งสองในสมการบัญชีนั้นมีความสมดุลกันทั้งสองด้าน
56 ประเภทของรายการค้า รายการค้ารายการค้าจำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือ รายการค้าภายนอก และ รายการค้าภายใน ดังนี้ 1. รายการค้าภายนอก เป็นรายการแลกเปลี่ยน ระหว่างร้านค้าหนึ่งกับอีกร้านค้าหนึ่ง เช่น 1.1 การซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เป็นเงินสดและเงินเชื่อ 1.2 ซื้อสินค้าเป็นเงินสด และเงินเชื่อ 1.3 ขายสินค้าเป็นเงินสด และเงินเชื่อ 1.4 การรับชำระหนี้จากลูกหนี้ 1.5 การจ่ายชำระหนี้เจ้าหนี้ 1.6 การกู้ยืมเงิน 1.7 การจ่ายชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ย 1.8 การจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ 1.9 การรับรายได้ต่างๆ 2. รายการค้าภายใน เป็นรายการที่เกิดขึ้นภายใน กิจการ ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก แต่มีผลต่อการเปลี่ยน แปลงของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ดังนี้ 2.1 การนำเงินสด หรือสินทรัพย์อื่นมาลงทุน 2.2 การถอนเงินสดหรือสินค้าไปใช้ส่วนตัว รายการที่ไม่ใช่รายการค้า (Non-Business Transaction) คือส่วนการดำเนินงานที่ไม่ก่อให้เกิดการโอนเงินหรือสิ่งของ ที่มีค่าเป็นตัวเงิน เช่น การจัดร้านให้สวยงามเพื่อดึงดูดใจลูกค้า การเชิญชวนลูกค้าไปชมสินค้า และการต้อนรับลูกค้า เป็นต้น รายการเหล่านี้ถือว่าไม่ใช่รายการค้า ดังนั้นจึงไม่มีการนำมาบันทึก ในสมุดบัญชีของกิจการ
57 หลักการวิเคราะห์รายการค้า การวิเคราะห์รายการค้า (Business transaction analysis) คือ การวิเคราะห์รายการค้าที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจใน แต่ละวัน ว่าจะมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ รายได้ และค่าใช้จ่ายอย่างไร และผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง นั้นจะแสดงให้เห็นถึงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของ กิจการได้ ซึ่งการวิเคราะห์รายการค้านั้น เป็นจุดเริ่มต้นของวงจรบัญชี เป็นขั้นตอนแรกของการจัดทำบัญชี ซึ่งสำคัญมาก เพราะหาก วิเคราะห์รายการค้า ผิดก็จะทำให้ขั้นตอนต่อๆ ไปผิดไปด้วย เช่น การบันทึกบัญชีในสมุดรายวัน การผ่านบัญชีไปสมุดแยกประเภท ตลอดจนถึงการจัดทำงบการเงินก็ผิดไปด้วย หากมีความผิดพลาด แล้วจะทำให้ผู้ใช้ข้อมูลทางการบัญชีนั้นตัดสินใจผิดพลาดด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าการวิเคราะห์รายการค้าจะเป็ นเพียงขั้นเริ้มต้นของ การทำบัญชี ต่ก็ควรให้ความสนใจและทำความเข้าใจให้ถูกต้อง โดยก่อนที่จะวิเคราะห์รายการค้านั้น จะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ รายการค้าให้มากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปมีหลักในการวิเคราะห์ รายการค้า ดังนี้ 1. วิเคราะห์รายการค้าที่เกิดขึ้นว่าทำให้สินทรัพย์ หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของกิจการเปลี่ยนแปลง โดยการเพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างไรบ้าง 2. รายการค้าที่เกิดขึ้นเมื่อวิเคราะห์แล้ว การเปลี่ยนแปลงของ สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของนั้นจะต้องทำให้สมการบัญชี เป็นจริงเสมอ กล่าวคือเมื่อวิเคราะห์รายการค้าแล้วสินทรัพย์ที่ เปลี่ยนแปลง จะต้องเท่ากับ หนี้สินที่เปลี่ยนแปลง บวกด้วย ส่วนของเจ้าของที่เปลี่ยนแปลงเสมอ
58 ในการดำเนินธุรกิจย่อมมีรายการค้าและเหตุการณ์ต่างๆ เกิด ขึ้นตลอดเวลา รายการค้าที่เกิดขึ้นจะมีผลทำให้สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของเปลี่ยนแปลงไปในทางเพิ่มขึ้นหรือลดลง เมื่อวิเคราะห์รายการค้าได้ถูกต้องแล้ว จึงนำไปบันทึกลงในสมุด บัญชีต่างๆ หลักการบัญชี (Accounting Principles) หมายถึง แนวทาง ที่แนะนำให้นักบัญชีใช้ยึดถือหลักปฏิบัติในการรวบรวม จดบันทึก จำแนก สรุปผล และรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับการเงิน หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป (Generally accepted accounting principles) หมายถึง แนวทางที่ได้รับการรับรอง และยอมรับเป็นส่วนใหญ่จากผู้มีอำนาจหน้ าที่ในวิชาชีพการบัญชี เพื่อให้นักบัญชีใช้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการรวบรวม จดบันทึก จำแนก สรุปผล และจัดทำงบการเงินอย่างมีหลักเกณฑ์มีมาตรฐาน โดยกระทำขึ้นอย่างสม่ำเสมอและสามารถเข้าใจได้ง่าย หลักในการวิเคราะห์รายการค้าขั้นต้น มีดังนี้ 1. สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) 2. สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (-) 3. สินทรัพย์อย่างหนึ่งเพิ่ม (+) สินทรัพย์อีกอย่างหนึ่งลด (-) 4. สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) 5. สินทรัพย์ลด (-) หนี้สินลด (-)
59 ตัวอย่างที่ 1 จงวิเคราะห์รายการค้าของร้านมาลาซาลอน ของเดือนมกราคม 2564 โดยใส่เครื่องหมาย ดังนี้ ว.ด.ป. สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของ เจ้าของ รายการค้า 2564 เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด ม.ค.1 มาลานำเงินสดมาลงทุน 2 นำเงินสดไปฝากธนาคาร 3 จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และค่า โทรศัพท์ 4 ซื้ออุุปกรณ์เสริมสวย เป็ นเงินสด 5 ซื้ออุุปกรณ์เสริมสวย เป็ นเงินเชื่ อ 6 ได้รับค่าบริการเสริมสวย 7 จ่ายชำระหนี้เมื่อวันที่ 5 8 มาลาเบิกเงินของกิจการ ไปใช้ส่วนตัว
60 ตัวอย่างที่ 2 จงวิเคราะห์การเพิ่มหรือลดของรายการค้า สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ดังนี้ รายการค้า สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของ เจ้าของ 1. นำเงินสดมาลงทุนในกิจการ 200,000 บาท +200,000 +200,000 2. กู้เงินจากธนาคาร 20,000บ. +20,000 +20,000 3. ซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินเชื่อ 6,000 บาท +6,000 +6,000 4. รับรายได้ค่าบริการ 3,000บ. +3,000 +3,000 -1,000 5. จ่ายค่ายานพาหนะ 1,000บ. -1,000 +3,600 6. ส่งบิลเก็บเงินจากลูกหนี้ค่า +3,600 ซ่อมรถยนต์ 3,600 บาท 7. ซื้อวัสดุสำนักงานเป็นเงินเชื่อ 4,000 บาท +4,000 +4,000 8. จ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 3,000 -3,000 -3,000
61 ผลกระทบของรายการค้าต่อสมการบัญชี เมื่อกิจการมีรายการค้าเกิดขึ้นก็ย่อมจะมีผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงของสมการบัญชีหมวดใดหมวดหนึ่ งซึ่ งจะทำให้ สินทรัพย์เท่ากับหนี้สิน และส่วนของเจ้าของเสมอ ส่วนรายได้และ หมวดค่าใช้จ่ายนั้นเมื่อวิเคราะห์แล้วจะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่ม ขึ้นในกรณีที่มีผลกำไร และจะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลงในกรณี ที่มีผลขาดทุน โดยการวิเคราะห์รายการค้าแต่ละรายการจะมีผล กระทบต่อบัญชีทั้ง 5 หมวด คือ สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ รายได้ และค่าใช้จ่าย ซึ่งรายได้และค่าใช้จ่ายนั้นจะกระทบต่อบัญชี ส่วนของเจ้าของ ดังนี้ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ กิจการมีรายได้เกิดขึ้น ย่อมจะมีผลทำให้ ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นในบัญชีกำไรสุทธิ กิจการมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ย่อมจะมีผลทำให้ ส่วนของเจ้าของลดลงในบัญชีกำไรสุทธิ ตัวอย่างที่ 3 ผลกระทบของรายการค้าต่อสมกการบัญชีมีดังนี้ 2564 ม.ค. 1 นางรัดเกล้านำเงินสดมาลงทุน 120,000 บาท การวิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) เงินสด 120,000 บาท ทุน-นางรัดเกล้า 120,000 บาท
ผลกระทบต่อสมการบัญชี 62 สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ ทุน-รัดเกล้า +120,000 เงินสด +120,000 2564 ม.ค. 8 จ่ายเงินซื้ออุปกรณ์เสริมสวย 80,000 บาท การวิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ สินทรัพย์เพิ่ม (+) สินทรัพย์ลด (-) อุปกรณ์ 80,000 บาท เงินสด 80,000 บาท ผลกระทบต่อสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ อุปกรณ์ +80,000 เงิินสด -80,000
63 2564 ม.ค. 15 กู้เงินจากธนาคาร 120,000 บาท ระยะเวลาครบ กำหนด 2 ปี การวิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) เงินสด 120,000 บาท เงินกู้-ธนาคาร 120,000 บาท ผลกระทบต่อสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ เงิินสด +120,000 เงินกู้-ธนาคาร +120,000 2564 ม.ค. 30 นางรัดเกล้านำเงินของกิจการไปใช้ส่วนตัว 10,000 การวิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (-) เงินสด 10,000 บาท ถอนใช้ส่วนตัว 10,000 บาท ผลกระทบต่อสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ ถอนใช้ส่วนตัว -10,000 เงิินสด -120,000
64 การวิเคราะห์รายการค้าตามหลักการบัญชีคู่ หลักการบัญชีคู่ (Double-Entry) เป็นหลักการบัญชีที่ได้รับ การยอมรับและใช้กันทั่วไป ในปัจจุบันซึ่งก็คือรายการค้าทุกราย การที่เกิดขึ้น เมื่อวิเคราะห์แล้วก็จะนำไปบันทึกบัญชี 2 ด้าน เสมอ คือ ด้านเดบิตและด้านเครดิตในจำนวนที่เท่ากัน ปกติรายการค้าทุกรายการจะบันทึกโดยเดบิตบัญชีหนึ่ งและ เครดิตอีกบัญชีหนึ่งในจำนวนเงินที่เท่ากัน เรียกว่าบัญชีนั้นได้ดุล กัน (Single Journal Entry) แต่อาจจะมีบางรายการต้องบันทึก บัญชีโดยเดบิตหรือเครดิตหลายบัญชีก็ได้ แต่จำนวนเงินรวมด้าน เดบิตและเครดิตจะต้องเท่ากันตามหลักการบัญชีคู่ เรียกว่า การรวมรายการ (Compound Journal Entry) ด้านเดบิต (Debit) หรือ Dr. ด้านเครดิต (Credit) หรือ Cr. หมายถึง หมายถึง 1. จำนวนเงินที่แสดงทางด้าน 1. จำนวนเงินที่แสดงทางด้าน ซ้ายของบัญชี ขวาของบัญชี 21. การลงรายการด้านซ้ายของ 2. การลงรายการด้านขวาของ บัญชีหรือการผ่านบัญชีที่ทำให้ บัญชีหรือการผ่านบัญชีที่ทำให้ สินทรัพย์หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สินทรัพย์หรือค่าใช้จ่ายลดลง 3. การลงรายการด้านซ้ายของ 3. การลงรายการด้านขวาของ บัญชีหรือการผ่านบัญชีที่ทำให้ บัญชีหรือการผ่านบัญชีที่ทำให้ หนี้สิน รายการเงินทุนหรือราย หนี้สินรายการเงินทุนหรือรายได้ ได้ลดลง เพิ่มขึ้น
65 หลักการบันทึกบัญชีตามหลักการบัญชีคู่ การบันทึกบัญชีตามระบบบัญชีคู่ มีหลักดังนี้ 1. การบันทึกบัญชีหมวดสินทรัพย์ รายการค้าใดที่วิเคราะห์ แล้วจะบันทึกไว้ดังนี้ สินทรัพย์เพิ่มขึ้น ให้บันทึกบัญชีสินทรัพย์ด้านเดบิต (Dr.) สินทรัพย์ลดลง ให้บันทึกบัญชีสินทรัพย์ด้านเครดิต (Cr.) เดบิต สินทรัพย์ เครดิต บันทึกสินทรัพย์เพิ่ม (+) บันทึกสินทรัพย์ลด (-) 2. การบันทึกบัญชีหมวดหนี้สิน รายการค้าใดที่วิเคราะห์ แล้วจะบันทึกไว้ดังนี้ หนี้สินเพิ่มขึ้น ให้บันทึกบัญชีหนี้สินด้านเครดิต (Cr.) หนี้สินลดลง ให้บันทึกบัญชีหนี้สินด้านเดบิต (Dr.) เดบิต หนี้สิน เครดิต บันทึกหนี้สินลด (-) บันทึกหนี้สินเพิ่ม (+) 3. การบันทึกบัญชีหมวดส่วนของเจ้าของ (ทุน) รายการ ค้าใดที่วิเคราะห์แล้วจะบันทึกดังนี้ ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น ให้บันทึกที่บัญชีส่วนของเจ้าของ ด้านเครดิต (Cr.) ส่วนของเจ้าของลดลง ให้บันทึกที่บัญชีส่วนของเจ้าของ ด้านเดบิต (Dr.) เดบิต ส่วนของเจ้าของ เครดิต บันทึกส่วนของเจ้าของลด (-) บันทึกส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+)
66 4. การบันทึกบัญชีหมวดรายได้ จากการวิเคราะห์สมการบัญชี ถ้าบัญชีรายได้เพิ่มขึ้นจะมีผลทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นหลัก การวิเคราะห์ยึดตามหลักหมวดบัญชีส่วนของเจ้าของ ดังนี้ ถ้ารายได้เพิ่มขึ้นจะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นให้บันทึก บัญชีส่วนของเจ้าของด้านเครดิต ถ้ารายได้ลดลงจะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลงให้บันทึกบัญชี ส่วนของเจ้าของด้านเดบิต เดบิต ส่วนของเจ้าของ เครดิต บันทึกส่วนของเจ้าของลด (-) บันทึกส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) 5. การบันทึกบัญชีหมวดค่าใช้จ่าย จากการวิเคราะห์สมการ บัญชี ถ้าบัญชีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจะมีผลทำให้ส่วนของเจ้าของลดลง หลักการวิเคราะห์ยึดตามหลักหมวดบัญชีส่วนของเจ้าของ ดังนี้ ถ้าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลงให้บันทึก บัญชีส่วนของเจ้าของด้านเดบิต ถ้าค่าใช้จ่ายลดลงจะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นให้บันทึก ส่วนของเจ้าของด้านเครดิต เดบิต ส่วนของเจ้าของ เครดิต บันทึกส่วนของเจ้าของลด (-) บันทึกส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+)
67 การตั้งชื่ อบัญชีจากการวิเคราะห์รายการค้า การตั้งชื่อบัญชีแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. บัญชีสินทรัพย์ ให้นำชื่อของสินทรัพย์นั้นๆ มาตั้งชื่อบัญชี เช่น เงินสด ลูกหนี้การค้า อุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง เป็นต้น 2. บัญชีหนี้สิน ให้นำชื่อของหนี้สินนั้นๆ มาตั้งเป็นชื่อบัญชี เช่น เจ้าหนี้การค้า เงินกู้ เป็นต้น 3. บัญชีส่วนของเจ้าของ (ทุน) ให้นำชื่อส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เจ้าของมาตั้งเป็นชื่อบัญชี เช่น บัญชีทุน..... ใช้ส่วนตัว รายได้ค่า บริการ เงินเดือน เป็นต้น สามารถเรียกลักษณะการบันทึกบัญชี ประเภทส่วนของเจ้าของได้ดังนี้ 3.1 ลักษณะของบัญชีทุน จะถูกบันทึกทางด้านเครดิตเมื่อ มีการลงทุนครั้งแรก, ลงทุนเพิ่ม และจะถูกบันทึกด้านเดบิตเมื่อมี การถอนทุน 3.2 ลักษณะของบัญชีถอนใช้ส่วนตัว จะถูกบันทึกด้าน เดบิตเพราะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลง 3.3 ลักษณะของบัญชีรายได้ จะถูกบันทึกด้านเครดิตเมื่อ มีรายได้เกิดขึ้นเพราะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น 3.4 ลักษณะบัญชีค่าใช้จ่าย จะถูกบันทึกด้านเดบิต เมื่อมี ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเพราะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลง
68 การจัดทำเอกสารประกอบการบันทึกบัญชี ผู้จัดทำบัญชี (Bookkeeper) เป็นผู้มีหน้ าที่จัดทำบัญชี ซึ่งกว่าจะจัดทำบัญชีนั้นผู้ทำบัญชีต้องตรวจสอบเอกสารประกอบ การบันทึกบัญชีให้ถูก โดยเอกสารประกอบการบันทึกบัญชีมีดังนี้ 1. ใบสำคัญที่ใช้ในการบันทึกบัญชีในสมุดขั้นต้น ได้แก่ สมุด รายวันทั่วไปและสมุดรายวันเฉพาะ ใบสำคัญที่จะทำขึ้นนั้นจะต้อง กำหนดเลขที่เรียงลำดับใบสำคัญ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบ อ้างอิงในการบันทึกบัญชี ซึ่งใบสำคัญเหล่านั้นจะเป็นการสรุป รายการ จำนวนเงิน และมีเอกสารหลักฐานการรับ-จ่ายเงินแนบ ประกอบด้วย เช่น ใบสำคัญรับ ใบสำคัญจ่าย เป็นต้น 2. เอกสารหลักฐานทางการค้า เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับ ภาษี ใบส่งของ ใบขับขี่ ใบสั่งซื้อ ใบแจ้งหนี้ เป็นต้น 3. เอกสารหลักฐานทางการเงิน เช่น เช็ค ใบแจ้งยอดธนาคาร ใบฝากเงิน ใบถอนเงิน สมุดคู่ฝาก ใบสำคัญเงินสดย่อย เป็นต้น
69 ตัวอย่างที่ 4 จงสรุปการวิเคราะห์สินทรัพย์ หนี้ิสิน และส่วนของ เจ้าของ ดังนี้ 1. หนุ่มนำเงินสดมาลงทุน 10,000 บาท เดบิต เงินสด 10,000 เครดิต ทุน-หนุ่ม 10,000 2. ซื้ออุปกรณ์ 8,000 บาท 8,000 เดบิต อุปรกรณ์ เครดิต เงินสด 8,000 3. ซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินเชื่อจากร้านมารวย 5,000 บาท เดบิต เครื่องตกแต่ง 5,000 เครดิต เจ้าหนี้การค้า-ร้านมารวย 5,000 4. ตัดผมให้ลูกค้ายังไม่ได้รับเงิน 3,000 บาท เดบิต ลูกหนี้การค้า 3,000 เครดิต รายได้ค่าบริการ 3,000 5. ชำระหนี้ให้ร้านมารวย 5,000 บาท 5,000 เดบิต เจ้าหนี้การค้า-ร้านมารวย เครดิต เงินสด 5,000 6. กู้เงินจากธนคาร 30,000 บาท 30,000 เดบิต เงินสด เครดิต เงินกู้-ธนาคาร 30,000
7. กิ่งนำเงินของกิจการไปใช้ส่วนตัว 5,000 บาท 70 เดบิต ถอนใช้ส่วนตัว 5,000 5,000 เครดิต เงินสด 8. รับชำระหนี้จากลูกค้า 3,000 บาท 3,000 เดบิต เงินสด เครดิต ลูกหนี้การค้า 3,000 9. รับเงินจากลูกค้าค่าเสิรมสวย 2,000 บาท เดบิต เงินสด 2,000 เครดิต รายได้ค่าบริการ 2,000 10. จ่ายค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้ า 2,000 บาท เดบิต ค่าสาธารณูปโภค 2,000 เครดิต เงินสด 2,000 11. ซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินเชื่อจากร้านบ้านสวย 25,000 บาท เดบิต เครื่องตกแต่ง 25,000 เครดิต เจ้าหนี้-ร้านบ้านสวย 25,000 12. จ่ายค่าเช่าร้าน 5,000 บาท 5,000 เดบิต ค่าเช่าร้าน เครดิต เงินสด 5,000
13. จ่ายชำระหนี้ให้ร้านบ้านสวย 25,000 บาท 71 เดบิต เจ้าหนี้-ร้านบ้านสวย 25,000 เครดิต เงินสด 25,000 8,000 14. ส่งบิลเก็บเงินจากลูกค้า 8,000 บาท 5,000 เดบิต เงินสด 8,000 เครดิต รายได้ค่าบริการ 15. จ่ายเงินเดือน 5,000 บาท 5,000 เดบิต เงินเดือน เครดิต เงิินสด
72 การจัดหมวดหมู่และการกำหนดเลขที่บัญชี การจัดหมวดหมู่บัญชี การจัดหมวดหมู่บัญชีคือการแบ่งบัญชีต่างๆ ออกเป็นประเภทๆ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อความสะดวกสบายในการ บันทึกบัญชีอย่างมีหลักเกณฑ์ จากสมการบัญชีที่ว่า สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ จะเห็นได้ว่าการจัดหมวดหมู่บัญชีอย่างน้ อยก็แบ่งออกเป็น 3 หมวด คือ สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ และในการดำเนินธุรกิจ กิจการจะต้องมี รายได้ (Revenue) เกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลทำให้ส่วน ของเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น และในทางตรงกันข้ามหากกิจการมี ค่าใช้จ่าย (Expenses) หรือมีการถอนใช้ส่วนตัว (Withdrawals) เกิดขึ้น ก็จะมีผลทำให้ส่วนของเจ้าของกิจการลดลง แต่เนื่องจาก ในการจัดทำบัญชีจะไม่นิยมนำรายได้ ค่าใช้จ่ายและถอนใช้ส่วนตัว ไปบันทึกปนกับบัญชีส่วนของเจ้าของ ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดไว้สำหรับ บันทึกรายการเกี่ยวกับการลงทุนหรือการถอนทุนเท่านั้น แต่นิยม ที่จะบันทึกไว้ต่างหากเพื่อให้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในรอบระยะ เวลาบัญชีหนึ่งๆ กิจการทีรายได้ ค่าใช้จ่าย และมีกรถอนใช้ส่วนตัว เท่าใด และเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี บัญชีทั้ง 3 บัญชี คือ ถอนใช้ส่วนตัว รายได้ และค่าใช้จ่ายจะถูกปิดไป ดังนั้น บัญชีทั้ง 3 บัญชี ถือว่าเป็นบัญชีชั่วคราว (Temporary Account) การแยก หมมวดบัญชีจึงแบ่งออกเป็น 5 หมวด ส่วนถอนใช้ส่วนตัวจะอยู่ใน หมวด 3 (ส่วนของเจ้าของ) หมวดที่ 1 สินทรัพย์ หมวดที่ 2 หนี้สิน หมวดที่ 3 ส่วนของเจ้าของ หมวดที่ 4 รายได้ หมวดที่ 5 ค่าใช้จ่าย
73 การกำหนดเลขที่บัญชี หลังจากที่แยกย้ายหมวดหมู่บัญชีเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือ การกำหนด เลขที่บัญชี (Account Numbers) เพื่อใช้ในการจัด เรียงบัญชีและใช้ในการอ้างอิง การกำหนดเลขที่บัญชีมีหลายแบบ ดังนี้ 1. แบบตัวเลขหรือตัวอักษรเรียงตามลำดับ เช่น 1 บัญชีเงินสด 2 บัญชีลูกหนี้ หรืิอ A บัญชีเงินสด B บัญชีีลูกหนี้ 2. แบบตัวเลขผสมตัวอักษร เช่น A-101 บัญชีีเงินสด B-110 บัญชีอุปกรณ์สำนักงาน 3. แบบหมวดหมู่ เช่น 100 หมวดสินทรพย์ 200 หมวดหนี้สิน 4. แบบเป็นช่วงเป็นตอน เช่น 100-199 หมวดสินทรัพย์ 200-299 หมวดหนี้สิน 5. แบบเป็นจุดทศนิยม เช่น 1.01 บัญชีเงินสด 1.02 บัญชีเงินฝาก กิจการสามาถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่แบบที่นิยมใช้ มากที่สุดคือแบบเป็นช่วงเป็นตอน หรือที่เรียกว่า Block Code
74 ตัวอย่าง การกำหนดเลขที่บัญชีหมวดสินทรัพย์ ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี เงินสด 101 เงินฝากธนาคาร 102 ลูกหนี้การค้า 103 การกำหนดเลขที่บัญชีหมวดหนี้สิน ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี เจ้าหนี้การค้า 201 เงินกู้ 202 การกำหนดเลขที่บัญชีหมวดส่วนของเจ้าของ ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี ทุน 301 ถอนใช้ส่วนตัว 302 สรุปผลกำไรขาดทุน 303 การกำหนดเลขที่บัญชีหมวดรายได้ ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี รายได้ค่านายหน้ า 401 รายได้เบ็ดเตล็ด 402 การกำหนดเลขที่บัญชีหมวดค่าใช้จ่าย ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี ค่าพาหนะ 501 ค่าโฆฆษณา 502 ค่าเบี้ยประกัน 503
75 การจัดหมวดหมู่บัญชีและการกำหนดเลขที่บัญชีดังที่ได้กล่าว แล้วข้างต้น เรียกว่า การทำผังบัญชี (Chart of Accounts) การ ทำผังบัญชีจะต้องทำอย่างมีหลักเกณฑ์ และจะต้องทำไว้ล่วงหน้ า ก่อนที่กิจการจะมีการบันทึกบัญชี ในทางปฏิบัติการจัดเรียงเลขที่ บัญชีอาจจะเว้นช่องไว้สำหรับบัญชีที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เพราะ หากกำหนดเลขที่บัญชีโดยเรียงลำดับไปเรื่อยๆ เมื่อมีบัญชีเกิดขึ้น ภายหลังจะไม่สามารถแทรกได้ การกำหนดเลขที่บัญชีก็ต้องแก้ ปัญหาด้วยการใส่จุดแทน ซึ่งจะดูไม่สวยงามและไม่เป็นหลักเกณฑ์ เดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม มีกิจการบางแห่งปฏิบัติเช่นนั้น ต่อไปนี้เป็ นตัวอย่างทางบัญชีแบบบล็อกโค้ดของสำนักงาน ตรวจสอบบัญชีแห่งหนึ่ ง หมวดสินทรัพย์ เลขที่บัญชี เงินสด 101 เงินฝากธนาคาร 102 ลูกหนี้การค้า 103 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 104 วัสดุสำนักงาน 105 ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายล่วงหน้ า 106 อุปกรณ์สำนักงาน 120 ค่าเสื่อมราคาสะสม-อุปกรณ์สำนักงาน 121
หมวดสินทรัพย์ 76 เครื่องตกแต่ง ค่าเสื่อมราคาสะสม-เครื่องตกแต่ง เลขที่บัญชี รถยนต์ 122 ค่าเสื่อมราคาสะสม-รถยนต์ 123 อาคาร 124 ค่าเสื่อมราคาสะสม-อาคาร 125 126 หมวดหนี้สิน 127 เจ้าหนี้การค้า ดอกเบี้ยค้างจ่าย เลขที่บัญชี ค่าประกันสังคมค้างจ่าย 201 เงินกู้ธนาคาร 201 เงินกู้จำนอง 203 221 222
หมวดส่วนของเจ้าของ 77 ทุน-เจ้าของกิจการ ถอนใช้ส่วนตัว-เจ้าของกิจการ เลขที่บัญชี สรุปผลกำไรขาดทุน 301 302 หมวดรายได้ 303 รายได้ค่าตรวจสอบบัญชี รายได้เบ็ดเตล็ด เลขที่บัญชี 401 หมวดค่าใช้จ่าย 402 เงินเดือน ค่านายหน้ า เลขที่บัญชี ค่าเช่าที่ดิน 501 ค่าสมทบกองทุนประกันสังคม 502 ค่าเบี้ยประกัน 503 ค่าเครื่องเขียน 504 ค่าสาธารณูปโภค 505 506 507
หมวดค่าใช้จ่าย 78 ค่ารับรองลูกค้า ดอกเบี้ยจ่าย เลขที่บัญชี ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 508 วัสดุสำนักงานใช้ไป 509 ค่าเสื่อมราคา-อุปกรณ์สำนักงาน 510 ค่าเสื่อมราคา-เครื่องตกแต่ง 511 ค่าเสื่อมราคา-รถยนต์ 512 ค่าเสื่อมราคา-อาคาร 513 514 515
79 ใบงานที่ 4.1 คำชี้แจง : จงเติมคำตอบให้ถูกต้อง ดังรายการต่อไปนี้ รายการ ประเภทธุรกิจ รูปแบบธุรกิจ 1. โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ 2. ร้านสะอาดซักรีด (ดำเนิน การโดยเจ้าของร้าน) 3. อพาร์ทเมนต์คุณป้ า (ลงทุน กับเพื่อน) 4. โรงงานผลิตกระเบื้องตรา ช้าง 5. ร้าน 7-11 6. ร้านขายเสื้อผ้าแผงลอยใน ตลาดนัดรถไฟ 7. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ 8. โรงทอผ้ากรุงเทพ จำกัด
80 ใบงานที่ 4.2 คำชี้แจง : ให้วิเคราะห์รายการค้าต่อไปนี้มีผลต่อ การเปลี่ยน แปลงสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของอย่างไร โดยใส่เครื่องหมาย ลงในตารางการวิเคราะห์ รายการค้า สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของ เจ้าของ เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด 1. นำเงินสดมาลงทุนในกิจการ 2. นำเงินสดของไปฝากธนาคาร 3. รับเงินจากลูกหนี้ค้างชำระ 4. จ่ายค่าสาธารณูปโภค 5. ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เป็น เงินเชื่อ 6. จ่ายค่าพาหนะ 7. รับชำระหนี้จากลูกหนี้ 8. จ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 9. กู้เงินจากธนาคาร 10. ถอนเงินสดไปใช้ส่วนตัว
81 ใบงานที่ 4.3 คำชี้แจง : ให้ฝึกทักษะการวิเคราะห์รายการค้า ตามโจทย์ ที่กำหนดให้แต่ละรายการ ดังต่อไปนี้ รายการที่ 1 1 มีนาคม 2564 นายธเนตรนำเงินสดมาลงทุน 60,000 บาท การวิิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ ผลกระทบต่อสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ รายการที่ 2 2 มีนาคม 2564 ซื้ออุปกรณ์เป็นเงินสด 12,000 บาท การวิิเคราะห์รายการค้า เป็ นดังนี้ ผลกระทบต่อสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
82 ใบงานที่ 4.4 คำชี้แจง : จงวิเคราะห์รายการค้าของร้านแดนไดนาโม ประจำเดือนมีนาคม ตามตาราง ดังนี้ รายการค้า ผลการวิเคราะห์ การบันทึกบัญชี A L OE เดบิต เครดิต จำนวน เงิน เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด 1 แดนนำเงินมาลงทุน 80,000 บาท 2 จ่ายค่าเช่าร้าน 5,000 3 ซื้อเครื่องตกแต่งเป็ น เงินเชื่อ 12,000 บาท 4 รับเงินค่าบริการลูกค้า 15,000 บาท 15 ส่งบิลเก็บเงินจาก ลูกค้า 9,000 บาท 27 รับชำระหนี้จกลูกหนี้ 8,000 บาท 29 แดนถอนใช้ส่วนตัว 4,000 บาท 30 จ่ายค่าแรงงานลูกจ้าง 6,000 บาท
83 คำศัพท์บัญชี ศัพท์บัญชี ศัพท์ภาษาอังกฤษ ธุรกิจบริการ Service Businesses ธุรกิจซื้อขายสินค้า Merchandising ธุรกิจอุตสาหกรรม Businesses กิจการเจ้าของคนเดียว Manufacturing Businesses Single Proprietorship กิจการห้างหุ้นส่วน Partnership ห้างหุ้นส่วนสามัญ Ordinary Partnership ห้างหุ้นส่วนจำกัด Limited Partnership บริษัทจำกัด Corporation or Limited Company ผู้ถือหุ้น Stockholdersor Shareholdres เงินปั นผล Dividends บริษัทเอกชนจำกัด Private Company Limited
84 คำศัพท์บัญชี ศัพท์บัญชี ศัพท์ภาษาอังกฤษ บริษัทมหาชนจำกัด Public company Limited รายการค้า Business Transation Or Accounting รายการที่ไม่ใช่รายการค้า Non-Business การวิเคราะห์รายการค้า Transaction Business transaction analysis หลักการบัญชี Accounting Principles หลักการบัญชีที่รับรอง Generally accepted ทั่วไป accounting principles หลักการบัญชีคู่ Double-Entry การรวมรายการ Compound Journal Entry ผู้จัดทำบัญชี Bookkeeper เลขที่บัญชี Account Numbers การทำผังบัญชี Chart of Accounts
85 แบบฝึกหัดท้ายบท คำชี้แจง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1ค.ำรชีา้แยจกงารใดถือเป็ นรายการค้า ก. เจ้าของกิจการนำเงินสดมาลงทุน ข. ซื้อเครื่องพิมพ์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดๆ ค. ให้บริการอินเตอร์เน็ตแก่ลูกค้า แต่ยังไม่ได้รับเงิน ง. ถูกทุกข้อ 2. รายการใดถือว่ามิใช่รายการค้า ก. รับรองลูกค้า ข. อธิบายสรรพคุณของสินค้า ค. โทรศัพท์ไปทวงเงินจากลูกหนี้ ลูกหนี้รับปากว่าจะนำเงิน มาคืนให้ ง. ถูกทุกข้อ 3. ร้านดาสปาได้ซื้อรถยนต์เป็นเงินเชื่อมาใช้ในกิจการจะมีผล ต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก. สินทรัพย์ลด หนี้สินเพิ่ม ข. สินทรัพย์เพิ่ม หนี้สินเพิ่ม ค. สินทรัพย์ลด ส่วนของเจ้าของลด ง. หนี้สินเพิ่ม ส่วนของเจ้าของเพิ่ม 4. จงวิเคราะห์รายการต่อไปนี้ว่าข้อใดมีผลทำให้สินทรัพย์เพิ่ม และส่วนของเจ้าของเพิ่ม ก. หนูแดงนำเงินสดมาลงทุนในกิจการ ข. หนูดีถอนเงินของกิจการมาใช้ส่วนตัว ค. มาลีซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินสด ง. มาลารับชำระหนี้จากลูกค้า
86 5. จงวิเคราะห์ว่ารายการใดที่จะมีผลทำให้สินทรัพย์อย่างหนึ่ง เพิ่ม และสินทรัพย์อีกอย่างหนึ่งลด ก. รับค่าบริการเสริมสวยจากลูกค้า ข. จ่ายชำระหนี้ ค. รับชำระหนี้จากลูกค้า ง. ซื้ออุปกรณ์เป็นเงินเชื่อ 6. ข้อใดมีผลทำให้สินทรัพย์เพิ่ม และหนี้สินเพิ่ม ก. ส่งบิลไปเก็บเงินจากลูกค้า ข. ถอนเงินจากธนาคาร ค. รับรายได้ค่าบริการซ่อมเครื่องปรับอากาศ ง. ซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินเชื่อ 7. ตามหลักบัญชีคู่ถ้าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น จะบันทึกบัญชีอย่างไร ก. สินทรัพย์เพิ่มจะบันทึกด้านเดบิต ข. สินทรัพย์เพิ่ม จะบันทคกบัญชีด้านเครดิต ค. สินทรัพย์เพิ่มจะบันทึกทั้งด้านเดบิตและเครดิต ง. ไม่มีการบันทึกบัญชี 8. นายดำเป็นเจ้าของอู่รถยนต์ โดยทุกสิ้นเดือนเขาจะ \"จ่าย ค่าแรงให้คนงานในร้าน\" ดังนั้น รายการนี้จะมีผลต่อการเปลี่ยน แปลงของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของอย่างไรบ้าง ก. เงินสดลด ทุนลด ข. เงินสดลด ค. เงินเดือนเพิ่ม ทุนลด ง. เงินสดลด หนี้สินลด 9. ถ้าต้องการจะมีความคล่องตัววในการบริหารงานและมีอิสระ ต่อการตัดสินใจควรจะเลือกดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด จึงจะเหมาะ สมที่สุด ก. เจ้าของคนเดียว ข. ห้างหุ้นส่วน ค. บริษัทจำกัด ง. บริษัทมหาชนจำกัด
87 10. ข้อใดไม่สามารถนำมาวิเคราะห์รายการค้าเพื่อนำไปบันทึก บัญชีได้ ก. ว่านซื้อคอมพิวเตอร์เป็นเงินสดมาใช้ในกิจการ ข. แว่นจ่ายชำระหนี้ที่ค้างไว้ทั้งหมด ค. แหวนกู้เงินจากธนาคารมาลงทุนในกิจการ ง. หวานทำการสาธิตเตาอบไมโครเวฟให้ลูกค้าดู 11. จงพิจารณาว่าข้อใดเป็นรายการค้า ก. แพทส่งรายการสินค้าไปให้ลูกค้า ข. แพนเชิญชวนลูกค้ามาซื้อสินค้า ค. แพรถอนเงินจากธนาคารไปใช้ส่วนตัว ง. แพรวแจกสินค้าฟรีให้ลูกค้าทดลองใช้ 12. การวิเคราะห์รายการค้าข้อใดมีผลทำให้สินทรัพย์เพิ่ม (+) และส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) ก. กันต์นำเงินสดมาลงทุน ข. แก้วนำเงินฝากธนาคาร ค. กิ๊กรับชำระหนี้จากลูกหนี้ ง. กุ๊กซื้ออุปกรณ์เข้าร้านเป็นเงินเชื่อ 13. จงวิเคราะห์รายการค้าว่าข้อใดมีผลทำให้สินทรัพย์ลด (-) และส่วนของเจ้าของลด (-) ก. ชำระหนี้เงินกู้ ข. ซื้อเครื่องตกแต่ง ค. จ่ายเงิินเดือนคนงานในร้าน ง. รับรายได้ค่าบริการ 14. จงวิเคราะห์รายการค้าข้อใดมีผลทำให้สินทรัพย์เพิ่ม (+) และหนี้สินเพิ่ม (+) ก. นำเงินสดมาลงทุน ข. ซื้อคอมพิวเตอร์เป็นเงินสด ค. รับบิลค่าไฟฟ้ าจากการไฟฟ้ านครหลวง ง. กู้เงินจากธนาคาร
88 15. \"ส่งบิลเก็ฐเงินจากลูกค้าค่าบริการซ่อมเครื่องปรับอากาศ\" จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก. สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) ข. สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (+) ค. สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) ง.สินทรัพย์ลด (-) หนี้สินลด (-) 16. \"รับบิลค่าไฟฟ้ าจากการไฟฟ้ านครหลวง\" จะมีผลต่อการ เปลี่ยแปลงอย่างไรบ้าง ก. สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) ข. สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (-) ค. สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) ง. สินทรัพย์ลด (-) หนี้สินลด (-) 17. เช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือสอง 1 คัน ราคา 10,000 บาท ไจะวิเคราะห์รายการค้าอย่างไร ก. สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) ข. สินทรัพย์ลด (-) หนี้สินลด (-) ค. สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (-) ง. สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+) 18. ให้บริการซ่อมแซมบ้านแก่ลูกค้าเป็นเงิน 5,000 บาท ลูกค้าจ่ายให้ 3,000 บาท ที่เหลืออีก 2,000 บาท ขอชำระในวัน สิ้นเดือน จะวิเคราะห์รายการค้าอย่างไร ก. สินทรัพย์เพิ่ม (+) หนี้สินเพิ่ม (+) ข. สินทรัพย์ลด (-) หนี้สินลด (-) ค. สินทรัพย์ลด (-) ส่วนของเจ้าของลด (-) ง. สินทรัพย์เพิ่ม (+) ส่วนของเจ้าของเพิ่ม (+)
89 19. บัญชีมีทั้งหมดกี่หมวด ก. 3 หมวด ข. 4 หมวด ค. 5 หมวด ง. 6 หมวด 20. บัญชีหมมวกที่ 1 คือข้อใด ก. สินทรัพย์ ข. ส่วนของเจ้าของ ค. หนี้สิน ง. รายได้
90 แบบฝึกปฏิบัติหน่วยที่ 4 คำชี้แจง : จงเติมคำลงในช่องว่างให้สมบูรณ์ และ จงแสดงวิธีทำ 1 ให้วิเคราะห์รายการค้าต่อไปนี้ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) แทนเพิ่ม และลบ (-) แทนลดในตารางการวิเคราะห์ ดังนี้ รายการค้า สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของ เจ้าของ เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด เพิ่ม ลด 1. นายกู้ภัยนำเงินมาลงทุนใน + + กิจการ (ตัวอย่าง) 2. ซื้ออุปกรณ์เป็นเงินสด 3. รับรายได้ค่าบริการซักรีด 4. จ่ายค่าพาหนะขนส่งเสื้อผ้า ซีกรีด 5. ส่งบิลเก็บเงินจากลูกหนี้ค่า บริการซักรีด 6. ซื้อวัสดุสำนักงานเป็ นเงินเชื่อ 7. รับชำระหนี้จากลูกหนี้ 8. ถอนเงินสดในร้านไปใช้ส่วนตัว
91 2 จงวิเคราะห์รายการข้างล่างหนี้ พร้อมทั้งเขียนชื่อที่เดบิต และเครดิตให้ชัดเจน ตัวอย่าง นายร่ำรวยนำเงินมาลงทุน 180,000 บาท การวิเคราะห์รายการค้า สินทรัพย์ (+) ส่วนของเจ้าของ (+) เงินสด (เพิ่ม) ทุน-นายร่ำรวย (เพิ่ม) บัญชีที่เดบิต บัญชีเงินสด 180,000 บาท บัญชีที่เครดิต บัญชีทุน-นายร่ำรว 180,000 บาท 1 ซื้ออุปกรณ์เป็นเงินเชื่อจากร้านยามเช้า 18,000 บาท 2 กู้เงินจากกธนาคารพาณิชย์ 50,000 บาท 3 ซื้อเครื่องตกแต่งเป็นเงินสด 30,000 บาท 4 รับรายได้ค่าบริการซ่อมรถยนต์ 8,000 บาท 5 จ่ายชำระหนี้ให้ร้านยามเช้าทั้งหมด 6 ส่งบิลเก็บเงินให้ร้านปรุงแต่งเป็นค่าบริการ 12,000 บาท 7 จ่ายค่าน้ำค่าไฟ 1,500 บาท 8 ให้บริการซ่อมรถยนต์ให้นายต้นจำนวน 5,500 บาท แต่ยังไม่ ได้รับเงิน 9 ถอนเงินสดจากกิจการไปใช้ส่วนตัว 8,000 บาท 10 จ่ายเงินเดือนให้พนักงานในร้าน 25,000 บาท
92 หน่วยที่ 5 การบันทึกรายการค้า ในสมุดรายวันทั่วไป ความหมาย และประโยชน์ ของสมุดรายวันทั่วไป สมุดรายวันทั่วไป (General journal) หมายถึง สมุดขั้นต้น ที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นทันที โดยจะบันทึกเรียงตามลำดับ วันที่ก่อนหลังของการเกิดรายการค้าขึ้น การบันทึกรายการค้าที่ เกิดขึ้นนั้นจะบันทึกโดยเดบิตบัญชีหนึ่ง และเครดิตอีกบัญชีหนึ่ง ไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งอธิบายรายการค้าที่เกิดขึ้นโดยสรุป เมื่อบันทึกรายการค้าในสมุดรายวันทั่วไปแล้ว ก็จะผ่านราย การไปยังบัญชีแยกประเภททั่วไปที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องอ้างอิงหน้ า บัญชีของสมุดได้วันทั่วไปในสมุดบัญชีแยกประเภท โดยใช้อักษร ย่อว่า \"รว\" แทนสมุดรายวันทั่วไป และอ้างอิงเลขที่บัญชีแยก ประเภทในสมุดรายวันทั่วไปด้วย ประโยชน์ ของสมุดรายวันทั่วไป สมุดรายวันทั่วไปมีประโยชน์ดังต่อไปนี้ 1. ช่วยบันทึกรายการค้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกรายการโดยเรียง ลำดับวันที่ก่อนหลังที่เกิดรายการนั้นๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบ รายการค้าย้อนหลังได้
93 2. ช่วยเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่ผ่านรายการไปบันทึกบัญชีใน สมุดบัญชีแยกประเภท ซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการ บันทึกบัญชีแยกประเภทได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น 3. ช่วยให้การค้นหาข้อผิดพลาดที่เกิดจากการบันทึกรายการ ผิดบัญชีได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากมีการอธิบายลักษณะของรายการ ค้าที่บันทึกบัญชีไว้ ทำให้ตรวจสอบได้ว่าบันทึกบัญชีถูกต้องตาม ประเภทบัญชีที่ควรจะได้หรือไม่ ประเภทของสมุดบัญชี สมุดบัญชีที่ใช้ในการบันทึกบัญชี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. สมุดรายวัน (Journal) แบ่งได้อีก 2 ประเภท ได้แก่ 1.1 สมุดรายวันทั่วไป (General Journal) คือสมุด บัญชีขั้นต้นหรือสมุดรายวันที่ใช้จดบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นทันที ทุกรายการ ถ้ากิจการนั้นไม่มีสมุดรายวันเฉพาะ แต่ถ้ากิจการนั้น มีการใช้สมุดรายวันเฉพาะ สมุดรายวันทั่วไปก็จะมีไว้เพื่อบันทึก รายการค้าอื่นๆ ที่เกิดขึ้น และไม่สามารถนำไปบันทึกในสมุดราย วันเฉพาะเล่มใดเล่มหนึ่ งได้ 1.2 สมุดวันเฉพาะ (Special Journal) คือ สมุดราย วันหรือสมุดบัญชีขั้นต้นที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นเรื่องใด เรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น 1.2.1. สมุดรายวันรับเงิน (Cash Received Journal) เป็นสมุดรายวันที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกี่ยวกับการรับ เงินเท่านั้น เช่น การรับรายได้ การรับชำระหนี้ เป็นต้น 1.2.2 สมุดรายวันจ่ายเงิน (Cash Payment Journal) เป็นสมุดที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน เท่านั้น เช่น การจ่ายค่าใช้ จ่ายสินทรัพย์ จ่ายเงินชำระหนี้ เป็นต้น
94 1.2.3 สมุดรายวันซื้อ (Purchases Journal) เป็นสมุด รายวันที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกี่ยวกับการซื้ อสินค้าเป็ นเงินเชื่ อ เท่านั้น 1.2.4 สมุดรายวันขาย (Sales Journal) เป็นสมุดราย วันที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกี่ยวกับการขายสินค้าเป็ นเงินเชื่ อเท่านั้น 1.2.5 สมุดรายวันส่งคืนสินค้า (Purchases Returns and Allowance Journal) เป็นสมุดรายวันที่ใช้บันทึกรายการค้าที่ เกี่ยวกับการส่งคืนสินค้าที่ซื้ อมาเป็ นเงินเชื่ อเท่านั้น 1.2.6 สมุดรายวันรับคืนสินค้า (Sales Returns and Allowance Journal) เป็นสมุดรายวันที่ใช้บันทึกรายการค้าที่เกี่ยว กับการรับคืนสินค้าที่ขายไปเป็ นเงินเชื่ อเท่านั้น 2. สมุดบัญชีแยกประเภท (Ledger) สมุดบัญชีแยกประเภทแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ 2.1 สมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป (General ledger) เป็นสมุดที่รวมบัญชีแยกประเภททุก เช่น บัญชีแยกประเภทเงินสด สินค้า เจ้าหนี้ เป็นต้น 2.2 สมุดบัญชีแยกประเภทย่อย (Subsidiary ledger) เป็ นบัญชีแยกประเภทสำหรับบันทึกรายการเคลื่ อนไหวของลูกหนี้ หรือเเจ้าหนี้แต่ละราย รูปแบบของสมุดรายวันทั่วไป สมุดรายวันทั่วไปมีหลายรูปแบบหรือแบบฟอร์มแล้วแต่กิจการ จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับกิจการของตนเอง ขึ้นอยู่กับขนาดและ ลักษณะการดำเนินงานธุรกิจนั้นๆ รูปแบบที่นิยมทั่วไป และนำมา ใช้กันในปัจจุบัน คือรูปแบบมาตรฐาน (Standard Form) ซึ่งมี ลักษณะและส่วนประกอบดังนี้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179