Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1617004TM-คู่มือครู การงานอาชีพ-ป6[230125]

1617004TM-คู่มือครู การงานอาชีพ-ป6[230125]

Published by SARAWUT NARETHORN, 2023-06-06 01:26:42

Description: 1617004TM-คู่มือครู การงานอาชีพ-ป6[230125]

Search

Read the Text Version

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ๔. ดินและปุ๋ย 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมานาํ เสนอผลงานของ ดินและป๋ยุ มหี ลายประเภท ซ่ึงในการปลูกพชื ให้ได้ผลดี ตอ้ งรู้จัก กลุม โดยครูคอยใหคําแนะนําและใหความรู คณุ สมบตั ิของดนิ และปยุ๋ ชนดิ ต่าง ๆ เพ่อื การเลือกดินและป๋ยุ ให้เหมาะสม เพิ่มเตมิ กับพชื ที่จะปลูก 3. ครูถามคาํ ถามกระตนุ ความคิด ๑) ประเภทของดิน ดินประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ หิน ทราย • นักเรียนคดิ วา ถาเลือกวธิ ีขยายพนั ธุพ ชื ซากพชื และซากสตั ว์ ทต่ี ายทบั ถมกนั มานาน ทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ดนิ ทมี่ ลี กั ษณะ ไมเหมาะสมกับชนิดของพืชจะมีผลอยางไร แตกตา่ งกนั ไป ดงั นี้ (แนวตอบ : พชื อาจจะไมเ จรญิ เตบิ โตหรอื เจรญิ เติบโตไดไ มด ี ไมไดผลผลิตตามที่ตองการ) ดนิ เหนียว ดนิ รวน 4. นักเรียนทํากิจกรรมเรียนรูปูพื้นฐาน ขอ 1 หนวยการเรียนรูที่ 3 จากแบบวัดฯ การงาน อาชพี ป.6 เป็นดินที่มีช่องว่างระหว่างเน้ือดินเล็ก เป็นดินท่ีมีช่องว่างระหว่างเน้ือดินก�าลัง และละเอียด อุ้มน้�าได้ดีกว่าดินชนิดอื่น ๆ พท่ีพอดืชี ตไ้อมง่ใกหาญร1่เกเินกไ็บปน�้าโแปลระ่งระมบีธาายตนุอ้�าาไหดา้ดรี เพราะเนื้อดินจับตัวกันแน่น แต่จะระบาย ท�าให้ดินมีความชุ่มช้ืน จึงเหมาะกับการ น้า� ไดไ้ มด่ ี เมือ่ ดินแหง้ จะมคี วามแขง็ มาก ปลูกพชื มากทสี่ ดุ ดินทราย ดนิ รว นปนทราย เป็นดินที่มีทรายปนอยู่จ�านวนมาก จึงมี เป็นดินที่มีลักษณะของดินร่วนและดิน เนื้อหยาบร่วน มีช่องว่างระหว่างเนื้อดิน ทรายผสมกนั เกบ็ นา้� ไดพ้ อสมควร ระบาย ใหญ่ ระบายน�้าได้ง่าย เก็บน�้าไมไ่ ด้ จงึ ไม่ นา้� ไดด้ ี สามารถใชป้ ลกู พชื ไดโ้ ดยใสป่ ยุ๋ เพอ่ื เหมาะตอ่ การปลกู พชื ทีต่ ้องการน้า� เพมิ่ ธาตอุ าหารใหก้ บั ดนิ แลว้ จงึ นา� ไปใชไ้ ด้ 3๐ นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย 1 ธาตุอาหารทีพ่ ชื ตองการ เพ่อื ใชในการเจรญิ เติบโต มีอยู 16 ธาตุ ดังนี้ ครใู หน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั ดนิ ในทอ งถนิ่ คนละ 1 ชนดิ 1. กลมุ ธาตุในนํา้ และอากาศ จํานวน 3 ธาตุ ไดแก คารบ อน ไฮโดรเจน แลว ออกมานาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น ตามหัวขอ ดงั นี้ และออกซิเจน 2. กลุมธาตุในดิน ซึ่งพืชตองการในปริมาณมาก จํานวน 6 ธาตุ ไดแก • ชนดิ ของดิน ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม แมกนเี ซยี ม กาํ มะถนั และแคลเซยี ม • คุณลักษณะของดนิ 3. กลุมธาตุอาหารเสริม ซ่ึงพืชใชในปริมาณนอยแตขาดธาตุเหลาน้ีไมได • ประโยชนข องดนิ จาํ นวน 7 ธาตุ ไดแ ก เหลก็ แมงกานสี สงั กะสี ทองแดง โบรอน โมลบิ ดนี มั • พืชทเี่ หมาะสาํ หรบั ปลูกกับดนิ และคลอรนี T40

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๒) ประเภทของปุ๋ย ปุ๋ยเป็นสารอินทรีย์ที่ใช้เป็นอาหารของพืช ขนั้ สรปุ เพอื่ บ�ารุงพืชให้เจริญงอกงาม ปุ๋ยแบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กย่ี วกบั การ ๑ ปยุ๋ อินทรีย์ เปน็ ปยุ๋ ท่ีไดจ้ ากซากพชื ปลูกพชื และซากสตั ว์ หรอื มูลของสิง่ มชี ีวติ ตา่ ง ๆ แบ่งออกเปน็ ๔ ชนดิ ไดแ้ ก่ 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัยหรือ ๑. ปยุ๋ คอก ไดจ้ ากมลู สตั ว์ เชน่ มลู ววั ความรเู พ่มิ เตมิ มูลไก่ ๒. ปยุ๋ พชื สด ไดจ้ ากการไถกลบพชื ลง 3. นักเรียนทําใบงานท่ี 3.1 เรื่อง ประเภทและ ไปในดนิ เช่น การปลกู พืชตระกลู ประโยชนของพันธุพชื ใบงานที่ 3.2 เร่อื ง การ ถัว่ แลว้ ไถกลบใหเ้ ปน็ ป๋ยุ ขยายพนั ธพุ ชื และใบงานที่ 3.3 เรือ่ ง ดินและ ปยุ จากแผนการจดั การเรยี นรู ขนั้ ประเมนิ ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากใบงานท่ี 3.1-3.3 จากแผนการจัดการเรียนรู ๓. ปนยุ๋้�ำหหมมักกั ชไีวดภ้จำาพกกาไดรห้จามกกั กซาารกหพมชื ักรซวามกกพบั ืชมผลู สสมัตกว์ับแกลาว้ กทนงิ้ ้�าไตวร้าะลย1ะแหลน้วง่ึ ทจิ้งงึไวน้รา� ะไยปะใหชน้ไดึ่ง้ ๔. จงึ นา� ไปใช้ได้ ๒ ปุ๋ยอนินทรยี ์ เป็นปุ๋ยท่ีได้จากการ สังเคราะห์แร่หินหรือสารเคมีออกมาใน รปู ของของเหลว เกล็ด หรือเม็ด เพอ่ื ให้ ต้นพืชสามารถน�าไปใช้เป็นอาหารได้ง่าย แบ่งออกเปน็ ๒ ชนดิ ได้แก่ ๑. ปุ๋ยเด่ียว เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหาร หลักเป็นองค์ประกอบเพียงธาตุ เดยี ว คือ ไนโตรเจน (N) บ�ารุงใบ ฟอสฟอรัส (P) บา� รงุ ดอกและผล หรอื โพแทสเซยี ม (K) บา� รงุ หวั และรากพืช ๒. ปุ๋ยผสม เป็นปุ๋ยท่ีมธี าตุอาหารหลักเป็นองคป์ ระกอบตั้งแต่ ๒ ธาตขุ น้ึ ไป หากมี ธาตุอาหารครบท้ัง ๓ ธาตุ จะเรยี กวา่ ปุ๋ยสมบรู ณ์ 31 ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ขอ ใดจัดเปนปยุ อนินทรีย 1 กากน้าํ ตาล เปนผลพลอยไดจ ากการผลติ นาํ้ ตาลทรายจากออ ย ไดมาจาก 1. การไถกลบพชื ลงไปในดิน สวนของของเหลวท่ีเหลือหลังจากการแยกเอาผลึกของนํ้าตาลออก มีลักษณะ 2. การใสมลู ววั มูลไกล งในดนิ เหนยี วขน สนี าํ้ ตาลเขม องคป ระกอบสว นใหญเ ปน นาํ้ ตาลซโู ครสทไ่ี มต กผลกึ ใน 3. การหมักซากพืชผสมกบั กากน้ําตาล การผลติ นา้ํ ตาลทราย ซงึ่ เปน ผลพลอยไดท เ่ี กดิ ขน้ึ 4-6 % ของปรมิ าณออ ยทใ่ี ชใ น 4. การสังเคราะหแรห นิ ออกมาในรปู ของเมลด็ การผลิต ภายในกากนํ้าตาลประกอบดวยนาํ้ ตาลประมาณ 50-60 % และแรธาตุ ตางๆ ประโยชนข องกากนํา้ ตาล มดี ังนี้ (วเิ คราะหค าํ ตอบ : ปยุ อนนิ ทรยี  เปน ปยุ ทไี่ ดจ ากการสงั เคราะหแ ร หนิ หรอื สารเคมอี อกมาในรปู ของของเหลว เกลด็ หรอื เมลด็ เพอ่ื ให 1. เปน อาหารของพชื และสัตว เนือ่ งจากในกากนาํ้ ตาลมไี นโตรเจน ตนพชื สามารถนําไปใชเปนอาหารไดง า ย สว นปยุ ที่ไดจ ากซากพชื ฟอสฟอรสั และโพแทสเซียม และซากสัตว หรือมลู ของสิง่ มีชวี ิตตา งๆ นนั้ คอื ปุยอินทรีย ดงั นั้น ขอ 4. จึงเปนคาํ ตอบท่ถี กู ตอง) 2. ใชในอุตสาหกรรมหมักหลายชนิด เชน อุตสาหกรรมหมักแอลกอฮอล สุรา กรดมะนาว กรดน้าํ สม กรดแล็กตกิ ผงชูรส ยสี ตข นมปง T41

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ ๓) กำรเตรยี มดนิ และปุย๋ การเตรยี มดนิ ส�าหรับปลูกพชื มีวธิ ีการ ดงั น้ี 1. นักเรยี นแบง กลุมตามความสมัครใจ 2. ครถู ามคําถามนกั เรยี น ๑ ก�าจดั วชั พืชออกจากดนิ ๒ ขุดดินแล้วพลิกดนิ ด้านล่างข้ึน ตากดินไว้ประมาณ ๑ สปั ดาห์ เพ่ือให้ • ถานักเรียนจะปลูกไมดอกหรือไมประดับ นักเรียนจะเลือกปลูกไมดอกหรือไมประดับ แสงแดดช่วยฆา่ เชือ้ โรค ชนดิ ใด เพราะอะไร ๓ ย่อยดนิ ใหเ้ ป็นกอ้ นเล็ก ๆ แล้วผสมปยุ๋ คอกลงในดิน อาจใส่เศษฟาง (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอยใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) หรือเปลือกถั่วแหง้ ๆ ลงไปด้วย เพือ่ ช่วยเพ่มิ ธาตอุ าหารในดนิ ขน้ั สอน ๕. ตวั อยำงกำรปลกู ไม้ดอก ไมป้ ระดบั และผักสวนครวั เตรยี มการสาธิต การปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั เพอ่ื ขยายพนั ธ์ุ และการปลกู ผกั สวนครวั เพอื่ รบั ประทานหรอื เปน็ สมนุ ไพรรกั ษาโรค มวี ธิ กี ารแตกตา่ งกนั ออกไป เรา 1. ครูจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เคร่ืองมือ และ จงึ ควรศกึ ษาวธิ กี ารปลกู ทถ่ี กู ตอ้ งเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลผลติ ตามความตอ้ งการ ดงั น้ี แปลงเกษตรท่ีใชใ นการปลกู ไมด อกไมประดับ µÇÑ ÍÂÒ‹ § การปลกู โกสน 2. ครูถามคําถามกระตุนความคิด • นักเรยี นเคยปลกู ไมด อกไมประดับดว ย โกสน จัดเป็นไม้ประดับ ลักษณะเป็นไม้ ตนเองหรอื ไม จงอธบิ าย ยืนต้นประเภทไม้พุ่ม ล�าต้นสูงประมาณ ๓๕ (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น เซนติเมตร ใบมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม โดยใหอ ยใู นดุลยพินจิ ของครูผูสอน) แตกตา่ งกนั ขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของแตล่ ะพนั ธ์ุ นยิ ม ขยายพนั ธุ์โดยการปกั ชา� สาธติ การเตรยี มดนิ 1. ครสู าธติ วธิ กี ารปลกู ไมด อกไมป ระดบั ใหน กั เรยี น ดูเปนตัวอยาง เพ่ือใหนักเรียนเกิดการเรียนรู ดนิ ท่จี ะปลูกโกสน ควรเปน็ ดนิ ผสมกบั วสั ดอุ ินทรีย์ โดยใช้อัตราส่วน จากประสบการณจริง ดินรว่ น : ขี้เถ้าแกลบหรอื แกลบด�า : ขุยมะพร้าว : ปุ๋ยคอก ท่ี ๑ : ๑ : ๒ : ๑ 3๒ 2. ครอู ธบิ ายประกอบทลี ะขนั้ ตอน เพอ่ื ใหน กั เรยี น สงั เกตและจดจําไดอยางถูกตอ ง 3. นกั เรยี นกลมุ เดมิ รว มกนั ปลกู ไมด อกไมป ระดบั ตามที่ครูสาธิต โดยบันทึกลงในใบงานท่ี 3.4 เรอ่ื ง การปลูกไมดอกไมป ระดับ จากแผนการ จดั การเรยี นรู สรุปการสาธิต นักเรยี นรว มกนั สรุปวธิ กี ารปลกู ไมดอกไม ประดับ เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสรมิ สรางคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค ครูจัดกระบวนการเรียนรู โดยการใหน ักเรียนปฏิบัติ ดังน้ี ครูใหนักเรียนรวมกันทํากิจกรรม “ปุยหมักจากเศษขยะใน • สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการเตรียมขยายพันธุพืช เชน วัสดุอุปกรณ พื้นที่ โรงเรยี น” ดงั นี้ การเตรยี มดิน 1. ใหนักเรียนเก็บกวาดใบไมที่รวงบริเวณโรงเรียนและนําเศษ • อภปิ รายรายละเอียดเกย่ี วกบั การเตรยี มการขยายพนั ธพุ ืช อาหารมาท้ิงในถังที่เตรียมไว เพ่ือเปนการทําความสะอาด • ฝก ขยายพนั ธพุ ชื จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจวา การขยายพนั ธพุ ชื ใหม ี รอบๆ โรงเรยี น และเพื่อเปนสว นประกอบของปยุ หมัก คณุ ภาพ ควรศกึ ษาวิธกี ารและขั้นตอนตางๆ กอนเสมอ 2. นักเรียนรวมกันทําปุยหมัก โดยนําเศษใบไม เศษอาหาร และจลุ นิ ทรยี ซ ง่ึ หาไดจ ากมลู สตั ว เชน มลู ววั มลู ไก มาคลกุ ใหเ ขากนั วันละ 1-2 คร้งั แลว พรมนํ้าสปั ดาหละ 1 ครัง้ 3. ปดฝาถังทิ้งไว 1-2 เดือน หากปุยยังมีความชื้นอยูควรงด พรมนา้ํ และปลอ ยใหแ หง สนทิ จะไดป ยุ ทย่ี อ ยสลายสมบรู ณ สามารถนาํ ไปใชกับพืชชนิดตา งๆ ที่ปลูกไว T42

นาํ สอน สรุป ประเมิน การปลกู ขน้ั สอน ๑ ใส่ดินท่ผี สมแลว้ ในอตั ราส่วนที่กลา่ วขา้ งตน้ ลงในกระถางปลกู วัดผลประเมินผล ๒ เตรียมก่งิ พันธ์ยุ าว ๔-๖ นว้ิ ปลดิ ใบออกท้งั หมดหรอื เหลือไวเ้ ฉพาะสว่ นยอด ๓ ปักกงิ่ พนั ธุ์ในกระถาง ปลกู ใหล้ ึกประมาณ ๒-๓ นิ้ว ในแนวเอียง ๔๕ องศา ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากการปฏิบัติ ตามวิธีการปลูกไมดอกไมประดับ และจากการ การดแู ลบา� รงุ รกั ษา บนั ทกึ วธิ กี ารปลกู ไมด อกไมป ระดบั ในใบงานท่ี 3.4 ๑ รดนา�้ วนั ละ ๑ คร้งั และเมื่อต้นแตกยอดและใบแล้ว ควรรดน้า� วนั ละ ๑-๒ ครัง้ ขน้ั สรปุ ๒ ตดั กิ่งท่ีแกอ่ อก เพ่อื ให้มีกงิ่ แขนงแตกเปน็ หน่อขนึ้ มาใหม่ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปขั้นตอนการปลูก ไมด อกไมประดับและประโยชนที่ไดรับ ขนั้ ประเมนิ ครวู ดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นจากใบงานที่ 3.4 การเกบ็ เกย่ี ว ๑ ตดั แตง่ กง่ิ ใหเ้ ปน็ รปู ทรงทง่ี ดงามตามความตอ้ งการ อาจตดั ยอดหรอื ตอนยอดลงเพอื่ ให้แตกเปน็ พุ่ม ๒ ใช้ปลกู เป็นไมก้ ระถางหรือประดับสวนภายนอกอาคาร µÇÑ ÍÂÒ‹ § การปลูกถั่วฝกยาว ต้นมถีลว่ัักฝษก ณยำะวเปเ็ปนน็เถพาชื1ลผม้ ลลเกุปต็นรฝะักกลูยถาวว่ั สีเขียว ผิวขรุขระ สามารถรับประทาน สด ๆ หรอื นา� ไปประกอบอาหารต่าง ๆ ตามความตอ้ งการ 33 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู เม่ือเก็บเก่ียวผักชนิดใดแลว ไมจําเปนตองลางกอนนําไป 1 เถา หรอื ไมเถาเล้ือย หมายถงึ พรรณไมทีม่ ลี ักษณะเปน ไมพ ุมทต่ี อ งอาศัย จาํ หนาย การยดึ เหนยี่ ว พาดพิงตามพนื้ ดนิ ตน ไม หรอื วตั ถุอืน่ เพอ่ื ใหลําตนเจริญเตบิ โต อยไู ด ไมเล้อื ยมีลักษณะการเลอื้ ยและการยึดเกาะทต่ี างกัน เชน 1. หวั กระเทยี ม 2. ผักกระเฉด 1. ไมเ ถายนื ตน มลี าํ เถาแขง็ แรง ลาํ ตน มกั มหี นามแขง็ ใชเ ปน เครอ่ื งยดึ เกาะ 3. แตงกวา ลาํ ตน เมอื่ มอี ายนุ านปจ ะมเี นอ้ื ไม บางชนดิ ถา ตดั แตง ทรงพมุ จะสามารถ 4. ผักบงุ ยืนตน อยไู ดเหมอื นไมพ มุ เชน เฟอ งฟา การเวก เถาเทพี (วิเคราะหคําตอบ : ผักกระเฉด แตงกวา และผักบุง ควรลาง 2. ไมเ ถาลม ลกุ มกั มอี ายสุ น้ั เลอ้ื ยตามรว้ั หรอื ตามตน ไมอ น่ื ๆ โดยใชล าํ เถา ทําความสะอาดกอนนํามาประกอบอาหาร เพราะอาจมีสารเคมี เกยี่ วพนั รอบวตั ถุ ยดึ เหนยี่ วเพอื่ ความเจรญิ เตบิ โตตามความยาวมากกวา หรือส่ิงสกปรกตกคาง แตหัวกระเทียมไมจําเปนตองลางกอน การเจริญเติบโตออกดานขาง มักจะมีมือเกาะหรือเถามวนพันรอบๆ เพราะมีเปลือกหอหุม และการลางอาจทําใหหัวกระเทียมเนาได สิง่ ท่ียดึ เหนีย่ ว เชน อญั ชนั พวงชมพู ดงั นัน้ ขอ 1. จงึ เปนคําตอบทถ่ี กู ตอง) T43

นํา นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ นาํ การปลกู 1. นกั เรียนแบงกลุมตามความสมคั รใจ ๑ เตรียมแปลงปลกู ขนาด ๑ × ๔ เมตร 2. ครถู ามคําถาม ๒ ถอนหรอื ถางวชั พชื ออกดว้ ยมดี ดายหญา้ หรอื จอบ แลว้ ขดุ ดนิ ดว้ ยจอบใหล้ กึ ๑๕-๒๐ ๓ เเมซอน่ื ดตนิเิ มแตหรง้ แจลาว้กในหั้นโ้ รตยาปกนูดขนิ าใวห1พแ้ รหอ้ ้งมปทระง้ั มปายุ๋ ณคอ๕กห-๗รอื วปันยุ๋ หมกั ใหท้ ว่ั แปลง เพอื่ ลดความ • ถานักเรียนจะปลูกผักสวนครัว นักเรียนจะ เลอื กผักสวนครัวชนดิ ใด เพราะอะไร เป็นกรดของดิน แลว้ ใช้จอบยอ่ ยดินกอ้ นใหญ่ให้เล็กลง และเก็บเศษวัชพชื ออก (แนวตอบ : ผกั คะนา เพราะชอบรับประทาน) ๔ ตากดนิ ไว้ ๒-๓ วนั แล้วรดนา�้ ใหช้ มุ่ ใชเ้ สียมขดุ หลมุ ให้ลกึ ๕-๖ เซนติเมตร ระยะ ขน้ั สอน ห่างระหว่างหลุม ๓๐ เซนติเมตร ระยะห่างระหวา่ งแถว ๗๐ เซนตเิ มตร ๕ คดั เลอื กเมลด็ พนั ธด์ุ ว้ ยการแชน่ า้� และเกบ็ เมลด็ ทลี่ อยนา�้ หรอื ไมส่ มบรู ณอ์ อก แชเ่ มลด็ เตรยี มการสาธติ ทิง้ ไว้ ๑ ช่ัวโมง แลว้ น�าไปหยอดในหลุมทข่ี ุดไว้ หลุมละ ๓-๔ เมลด็ กลบดินให้แนน่ นกั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาความรู เรอื่ ง การปลกู แลว้ รดน�้าดว้ ยบัวรดน้า� ให้ชุ่ม จากนนั้ นา� ฟางแห้งมาคลมุ ใหท้ ั่วแปลง ถ่ัวฝกยาว จากหนงั สือเรยี น การงานอาชพี ป.6 การดแู ลบา� รงุ รกั ษา สาธิต ๑ รดนา�้ ทกุ วนั วนั ละ ๒ คร้งั เชา้ และเยน็ โดยรดใหช้ มุ่ 1. ครูสาธิตการปลูกถั่วฝกยาวใหนักเรียนดูเปน ๒ ประมาณ ๑ สปั ดาห์ ให้ถอนต้นอ่อนท่ีไม่แข็งแรงออกเหลอื หลมุ ละ ๒-๓ ตน้ ตัวอยาง พรอ มอธิบายประกอบ ๓ เม่อื ยอดถวั่ มีเถายาวประมาณ ๒๐ เซนตเิ มตร ให้น�าไมร้ วกหรือก่งิ ไม้ยาวประมาณ 2. นักเรียนแตละกลุมฝกปฏิบัติตาม แลวบันทึก ๒ เมตร ปกั ในหลมุ โดยใหไ้ มแ้ ตล่ ะแถวโคง้ ปลายเขา้ หากนั แลว้ นา� ไมม้ าพาดตรงกลาง ลงในใบงานท่ี 3.5 จากแผนการจัดการเรยี นรู จากน้ันมัดด้วยเชือกหรือลวดให้แนน่ ถ่วั จะเลอ้ื ยไปตามไม้ เรยี กว่า คำ้ งถัว่ ๔ เมอ่ื ถวั่ ฝกั ยาวอายไุ ด้ ๒-๓ สปั ดาห์ ใหก้ า� จดั วชั พชื พรวนดนิ รอบๆ ตน้ ใสป่ ยุ๋ และรดนา้� สรปุ การสาธติ การเกบ็ เกย่ี ว ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ ขนั้ ตอนการปลกู ถัว่ ฝกยาว จากนัน้ ครูสมุ นกั เรียน ๑ เมื่อถ่ัวฝักยาวอายุ ๕๐-๖๐ วัน สามารถเก็บไปรับประทานได้ โดยสังเกตที่ฝักถ่ัว ออกมาสาธิตขั้นตอนการปลกู ถวั่ ฝกยาว หากฝักเล็กและลบี แสดงวา่ ยังเจรญิ เติบโตไดไ้ มด่ ี ควรรอให้ฝักอวบจึงจะเก็บได้ วดั ผลประเมินผล ๒ การเก็บถวั่ ฝักยาวควรใช้มีดท่บี างและคมเฉอื นตรงก้านฝกั ระวังอยา่ ใหโ้ ดนฝกั และ เถา แล้วน�ามาเรยี งให้ขว้ั ฝกั อย่ทู างเดยี วกัน 1. ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากการปฏิบัติ ตามวิธีการปลูกโกสนและถวั่ ฝก ยาว ปลอดภัยไว้กอ่ น 2. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมตามตวั ชว้ี ดั กจิ กรรมที่ 3.1 หากมีแมลง โรคพืช หนอนหรือเพล้ียมารบกวนต้นถัว่ ฝกั ยาว ควรก�าจดั ด้วยสมุนไพร ขอ 1 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3 จากแบบวดั ฯ การงาน หรือน้�าส้มควันไม้ และไม่ควรใช้สารเคมี เพราะจะทา� ให้สารพิษตกค้างในถั่วและเป็น อาชพี ป.6 34 อันตรายต่อผบู้ ริโภค ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปข้ันตอนการปลูก ถว่ั ฝกยาวและประโยชนทีไ่ ดรบั ขนั้ ประเมนิ ครตู รวจใบงานที่ 3.5 จากแผนการจดั การเรยี นรู และกิจกรรมท่ี 3.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ การงาน อาชีพ ป.6 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ปนู ขาว เปน ผลติ ภณั ฑท ไี่ ดจ ากกระบวนการเผาหนิ ปนู จนเหลอื แตแ คลเซยี ม ขอใดเปน วิธกี าํ จดั แมลงศตั รพู ืชท่ีไมป ลอดภยั ตอผบู ริโภค ออกไซด มีลักษณะเปนกอนหรือผงสีขาว เม่ือละลายน้ําจะใหสภาพเปนดาง 1. การใชสารเคมีฆาแมลง นยิ มใชม ากในการเกษตร ประโยชนข องปูนขาว มดี ังนี้ 2. การใชแ สงไฟเปน กบั ดัก 3. การใชส ารสกดั จากเมลด็ สะเดา 1. ปรับปรุงดิน โดยปรับสภาพความเปนกรด-ดาง เปลี่ยนดินใหรวนซุย 4. การใชสัตวชนดิ อ่ืนๆ มากําจดั แมลงศตั รพู ชื ฆาเชื้อโรคและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรียตางๆ ในดิน (วิเคราะหคําตอบ : การใชสารเคมีฆาแมลงศัตรูพืช จะทําใหมี เพือ่ ใหดนิ มีคณุ ภาพเหมาะแกการเพาะปลูก สารอันตรายตกคางอยูในพืช ซ่ึงเปนอันตรายตอผูบริโภค ดังนั้น 2. ปรับสภาพนํ้าในบอเก็บน้ํา แหลงน้ําขัง หรือระบบบําบัดน้ําเสียใน ขอ 1. จงึ เปน คําตอบที่ถูกตอง) การเกษตร โดยเฉพาะแหลงน้ําท่ีมีลักษณะเปนกรดจากภาวะการ เนา เสยี ของสารอนิ ทรยี ห รอื แหลงน้าํ ทมี่ กี รดกํามะถันมาก T44

นํา สสออนน สรุป ประเมิน ó ¡ÒÃàÅÂéÕ §ÊµÑ Ǐ ขนั้ นาํ สตั วเ์ ลย้ี งทค่ี นเรานา� มาเลยี้ งมหี ลายประเภท เพอ่ื ประโยชนท์ แ่ี ตกตา่ ง นําเขา้ สบู ทเรยี น กนั เช่น เล้ยี งไว้ดูเล่น เลี้ยงไว้เปน็ อาหาร เลยี้ งไวใ้ ชง้ าน 1. ครถู ามคําถามกระตนุ ความคดิ ๑. ประเภทของสตั ว์เล้ยี ง • นักเรียนอยากเล้ียงสัตวชนิดใดมากท่ีสุด เพราะอะไร สตั วเ์ ลย้ี งทเี่ รานา� มาเลยี้ งมหี ลายประเภท เราสามารถแบง่ ได้ ดงั นี้ (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอยใู นดลุ ยพินจิ ของครูผสู อน) ๑ เล้ยี งไวดเู ลน 2. ครแู จกกระดาษแขง็ ขนาด 3 x 4 นว้ิ ใหน กั เรยี น กระตาย วาดภาพสัตวท่ีบานของนักเรียนเล้ียงไวหรือ สัตวทอี่ ยากเล้ียง แมว นก 3. ครูสอบถามนักเรียนวา สัตวเลี้ยงท่ีนักเรียน ๒ เล้ียงไวเปนอาหาร ววั หมู วาดภาพลงในกระดาษแขง็ นน้ั เลยี้ งไวเ พอื่ อะไร และมปี ระโยชนอยา งไร ไก เปด ขนั้ สอน ๓ เลยี้ งไวใชง าน ชา ง การจัดการเรียนรู้ มา 1 ควาย 1. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันจําแนกประเภทของ สัตวเลี้ยงของสมาชิกกลุม โดยศึกษาความรู เร่ือง ประเภทของสตั วเล้ียง จากหนงั สือเรยี น การงานอาชพี ป.6 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันพิจารณาภาพวาด ของสมาชิก จากน้ันจําแนกตามประเภทของ สัตวเ ลย้ี งตามทีก่ าํ หนด 3. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาความรู เร่ือง การคัดเลือกพันธุสัตว การขยายพันธุสัตว จากหนงั สือเรยี น การงานอาชพี ป.6 àกÃçดกÒ÷íÒ§Òน นอกจากเราจะเลย้ี งสตั ว์ไวเ้ พอื่ ไวด้ เู ลน่ ใชง้ าน หรอื เปน็ อาหารแลว้ มลู ของสตั ว์ เชน่ เปด็ ไก่ ววั ยงั สามารถทา� เปน็ ปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั ไดอ้ กี ดว้ ย 3๕ กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค นักเรียนควรรู ครูตดิ บัตรภาพสัตว 5-6 ชนดิ บนกระดาน เชน ววั ควาย แพะ 1 มา ในอดีตมนุษยใชมาเปนพาหนะในการขับข่ีและขนสัมภาระ เน่ืองจาก แลวใหนักเรียนชวยกันตอบวา หากนักเรียนพบสัตวเหลานี้อยู มาเปนสัตวท่ีรวดเร็วปราดเปรียว มียานพาหนะที่เรียกวา รถมา ใชงานกัน รมิ ทาง นกั เรยี นจะมวี ธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ สตั วเ หลา นอ้ี ยา งไร จากนน้ั ครแู ละ อยางแพรหลาย ในปจ จบุ ันมกี ารเล้ียงมาตามหนว ยงานตา งๆ ภาคเอกชนนยิ ม นักเรยี นรวมกนั อภิปรายผล เลย้ี งไวใ ชในการกฬี า เชน กฬี าแขง มา กฬี าโปโล กีฬาขีม่ า ขา มเคร่ืองกีดขวาง และเลย้ี งเพ่อื ขยายพนั ธมุ าไวจ ําหนา ยเปนสินคา สําหรบั ภาครฐั มกี ารเลย้ี งมา เพอื่ ใชในราชการ เชน เลี้ยงไวฝ กใชใ นกจิ การ ทหารมา ตํารวจมา และเลี้ยงมา ไวใชใ นการผลติ วคั ซนี เซรุม สถานทีเ่ ล้ียงมา สวนใหญจะมีบริเวณกวางขวาง อากาศดีมีทุงหญาที่เหมาะกับการปลูกหญา ไวเปนอาหารมา ประเทศไทยมีการเล้ียงมาที่แพรหลายในจังหวัดกาญจนบุรี สระบุรี นครราชสมี า T45

นํา สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ๒. กำรคดั เลือกพนั ธุส์ ัตว์ สรปุ และนาํ หลกั การไปประยุกต์ใช้ การนา� สตั วม์ าเลย้ี งควรคดั เลอื กพนั ธ์ุใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการ ซ่งึ การคดั เลอื กพันธุส์ ตั วเ์ ล้ียงมหี ลักการ ดงั นี้ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ประเภทของสัตวเลี้ยง การคัดเลือกพันธุสัตว ๑ เลือกพันธท์ุ ่ตี รงกบั จุดประสงคข์ องความตอ้ งการ และการขยายพนั ธสุ ัตว ๒ สงั เกตจากลกั ษณะภายนอกของสตั ว์ ซงึ่ แสดงถงึ ความสมบรู ณข์ องสตั ว์ เชน่ ลกั ษณะรูปร่าง ลักษณะการเคลื่อนไหว 2. ครถู ามคําถามกระตุน ความคดิ ๓ สังเกตจากผลผลติ ของสัตว์ เชน่ หากตอ้ งการเลย้ี งไก่เพ่ือนา� ไข่ไปขาย • การขยายพันธสุ ตั วม ปี ระโยชนอ ยางไร ควรเลือกไก่พันธุ์ไขด่ กท่มี ีลกั ษณะดี (แนวตอบ : ชวยเพิ่มจํานวนสัตว รักษาพันธุ ๔ ศกึ ษาประวตั ิความเปน็ มาของสายพนั ธ์สุ ตั วเ์ ลีย้ ง สัตว ปรับปรงุ พันธุสตั วใหด ยี ่ิงข้นึ ) ๕ เเลลืืออกกพพนันั ธธุุท์์ให่ีม้เีคหวมาามะตสา้มนกทบั าสนภโารพค1สขูงอแงลทะอ้ ทงนถติ่นอ่ สภาพภมู ิอากาศ ๖ 3. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ทาํ ใบงานที่ 3. 6 เรอ่ื ง การเล้ียงสัตว จากแผนการจดั การเรยี นรู ๓. กำรขยำยพันธ์ุสัตว์ 4. นักเรียนทํากิจกรรมเรียนรูปูพื้นฐาน ขอ 2 การขยายพนั ธส์ุ ตั ว์ เปน็ การเพมิ่ จา� นวนของสตั ว์ใหม้ ปี รมิ าณมาก หนวยการเรียนรูท่ี 3 จากแบบวัดฯ การงาน เพียงพอตอ่ ความตอ้ งการ ซึ่งสามารถแบ่งไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี อาชีพ ป.6 การผสมพันธุ์โดยวธิ ธี รรมชาติ วดั ผลประเมนิ ผล เปน็ การนา� สตั วต์ วั ผแู้ ละสตั วต์ วั เมยี มาผสมพนั ธก์ุ นั โดยสตั วท์ นี่ า� มา ครูวัดและประเมินความรูความเขาใจของ ผสมพันธกุ์ ันจะเป็นสัตวพ์ ันธ์เุ ดียวกันหรอื ตา่ งสายพนั ธกุ์ ็ได้ นกั เรยี นจากการทาํ ใบงานและการสรปุ ความรู การผสมพนั ธ์ุโดยวิธีผสมเทยี ม ขนั้ สรปุ เป็นการน�าน้�าเช้ือของสัตว์ตัวผู้มาฉีดเข้าไปในร่างกาย ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กย่ี วกบั การ ของสัตว์ตัวเมียในระยะที่พร้อมผสมพันธุ์ จะท�าให้สัตว์ เล้ียงสัตว และเนนยํ้าใหนักเรียนนําความรูที่ได ตวั เมยี ตงั้ ทอ้ งไดเ้ หมอื นกบั การผสมพนั ธ์ุโดยวธิ ธี รรมชาติ จากการศึกษาไปใชใ หเ กดิ ประโยชนก บั สัตวเ ล้ยี ง 3๖ ขน้ั ประเมนิ ครวู ดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นจากใบงานท่ี 3.6 นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย 1 ความตา นทานโรค หมายถงึ ภูมิตา นทานในรางกายของสตั ว ซ่งึ สงั เกตได ครใู หนักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 3-5 คน เลือกสตั วท ่ีชน่ื ชอบ จากสุขภาพของสัตว การสรา งภมู ติ านทานใหสัตวน้ันมหี ลายปจ จยั ดังน้ี มากลุม ละ 1 ชนิด แลวหาขอ มูลเก่ียวกบั วิธกี ารคดั เลือกพนั ธุสตั ว ดังนี้ 1. ดา นสภาพแวดลอ มทเ่ี หมาะสม มอี ากาศทถ่ี า ยเทไดด ี มอี ากาศทบี่ รสิ ทุ ธิ์ มีอุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับสัตว ไมอยูใกลแหลงที่มลภาวะเปนพิษ • จุดประสงคการในใชง านของสตั ว เชน เลี้ยงไวด เู ลน เล้ียง มีขนาดของพ้ืนที่เหมาะสมกับจํานวนของสัตว สัตวสามารถอยูอาศัย ไวใ ชง าน เล้ียงไวเปน อาหาร ไดอยา งสบาย ไมเครยี ด • ลกั ษณะรปู รางท่ดี ีของสัตว 2. ดานอาหารสัตว ตองมีคุณคาทางโภชนาการและปริมาณอาหารท่ี • ผลผลิตท่ดี ีของสตั ว เหมาะสมกบั อายุ ขนาด และจาํ นวนของสตั วเ ล้ยี ง • ประวัติความเปนมาของสายพันธุส ัตว • สภาพทอ งถ่ินหรอื ท่อี ยูที่เหมาะสมกบั สัตว 3. ดานภูมิตานทานจากแม โดยเฉพาะสัตวท่ีเล้ียงลูกดวยน้ํานม สัตวที่ • โรคท่คี วรระวงั ของสัตว เกดิ ใหมต อ งไดร บั นาํ้ นมจากแมใ นชว งระยะเวลาการใหน มอยา งเหมาะสม เพราะในนํา้ นมจะประกอบดวยภมู ิคุมกนั โรคตางๆ 4. ดานภูมคิ มุ กันจากคน คือ การใหว ัคซนี ปอ งกนั โรคแกสตั ว โดยมกี ารให ต้งั แตแ รกเกิด จนถงึ ชว งโรคระบาดในสตั ว T46

นาํ สสออนน สรุป ประเมนิ การเลย้ี งสตั ว ผเู ลย้ี งตอ งมคี วามรคู วามเขา ใจในการเลย้ี ง พรอ มทงั้ ขนั้ นาํ ดแู ลสัตวเ ลีย้ งใหเจรญิ เติบโตและแข็งแรง 1. ครถู ามคําถาม “นกั เรียนรูจกั ปลาชนดิ ใดบา ง” µÇÑ ÍÂÒ‹ § การเล้ยี งปลากดั โดยใหน ักเรยี นตอบ แลว ครูเขยี นบนกระดาน ปลากัด เปนสตั วน าํ้ ประจาํ ชาติไทย นิยม 2. ครูใหนักเรียนสังเกตชื่อปลาบนกระดาน เลยี้ งเพอื่ ความสวยงาม และเพื่อการตอ สู ซึ่ง แลวบอกวา ปลาชนิดใดสามารถรับประทาน เปน กฬี าพนื้ บา นของไทย เรยี กวา กดั ปลา สาย เปนอาหารได และปลาชนิดใดเล้ียงไวดูเลน พนั ธปุ ลากดั ทค่ี นไทยนยิ มเลย้ี ง ไดแ ก ปลากดั โดยครใู ชชอลกตา งสีวงชือ่ ปลาไว หมอ ปลากดั หชู า ง ปลากดั จีน ขนั้ สอน การคดั เลอื กพนั ธุ สังเกต ตระหนกั ๑ ดจู ากสขี องลาํ ตัว สีของครบี รปู รา งของปลา และลักษณะการเคลือ่ นไหวทมี่ ีความ ปราดเปรียว เมื่อเห็นคตู อ สูหรอื เพศตรงขา มตองพองสู 1. ครูนําบัตรภาพปลากัดมาแสดงใหนักเรียนดู แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวธิ กี ารคดั เลอื กพนั ธุ ๒ ปากของปลากัดตองไมปูดโปน ตาใสแวววาว ริมฝปากบนและลางมีขอบสมบูรณ หรือวิธีการเล้ียงปลากัดตามความเขาใจของ เหงือกปด สนิทและกางไดส มบรู ณท้งั ๒ ขา ง เมอ่ื วา ยนา้ํ หหู รอื ครีบตองสมบรู ณท ้ัง นกั เรยี น ๒ ขาง กระโดงกางตั้งได ไมบิด 2. นักเรียนกลุมเดิมศึกษาการเลี้ยงปลากัด จาก วธิ เี ลย้ี ง หนงั สือเรียน การงานอาชพี ป.6 ๑ เตรียมภาชนะสําหรบั ใชเ ล้ยี งปลากัด อาจเปน ขวดโหลรูปทรงตา ง ๆ หรือตกู ระจก 3. ครูใหความรูในแตละข้ันตอนของการเล้ียง ๒ เมอื่ อายปุ ระมาณ ๑ เดอื นครง่ึ ถงึ ๒ เดอื น แยกปลาใสข วดแบนขนาด ๑๕๐ มลิ ลลิ ติ ร ปลากดั เพ่ิมเตมิ เพอื่ ใหน กั เรียนมคี วามรคู วาม เขา ใจมากยงิ่ ขนึ้ ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ เลอื ก ใสน า้ํ ทีส่ ะอาดปราศจากคลอรนี บรรจนุ ํา้ ประมาณ ๓ ใน ๔ ของภาชนะท่ีใชเ ล้ียง ชนดิ ของปลาสวยงามกลุม ละ 1 ชนิด ซ่ึงสามารถวางเรียงกันไดโดยไมส้ินเปลืองเน้ือท่ี อีกท้ังปากขวดแคบเล็กสามารถ ปอ งกนั ปลากระโดดและศตั รูปลาได เนอ่ื งจากปลากัดเปน ปลาท่ีมนี ิสยั ชอบตอ สู จึง 4. ครูถามคําถามกระตนุ ความคิด ควรแยกออกมาเลี้ยงเดยี่ ว • นกั เรียนคิดวา ผทู ต่ี องการเลี้ยงสตั วจ ะตอ ง ๓ วางขวดในบรเิ วณทมี่ อี ากาศถา ยเทไดดี ไมรอนจนเกินไป เพราะหากนํ้ามีอุณหภมู ิ มลี กั ษณะนสิ ัยอยา งไร สงู เกนิ ๓๐ องศาเซลเซียส อาจทําใหป ลาตายได เชนเดยี วกบั อุณหภูมิทีต่ า่ํ เกนิ ไป (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น จะทําใหปลากนิ อาหารไดนอยและเปน สาเหตใุ หต ายไดเชน กนั โดยใหอ ยใู นดุลยพินจิ ของครผู สู อน) ๓๗ กิจกรรม เสรมิ สรางคณุ ลักษณะอันพึงประสงค เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนเลือกเลี้ยงปลาสวยงามที่หางายคนละ 1 ชนิด ครูอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน กั เรยี นทราบวา การเลย้ี งปลามีประโยชนหลายดาน เชน ปลาสอด ปลากัด ปลาหางนกยูง จากน้ันจัดทําตารางการ ดังน้ี ใหอาหารปลา การเปล่ียนน้ําในตูปลาการทําความสะอาดตูปลา เพ่ือฝกความรับผิดชอบในการดูแลสัตวเล้ียง จากน้ันออกมา 1. ทาํ ใหเ กดิ ความเพลิดเพลนิ และชว ยผอ นคลายความเครียด นําเสนอหนาชนั้ เรียน 2. เปนงานอดเิ รกของสมาชิกในครอบครัว 3. ทาํ ใหมีจิตใจท่อี อนโยน มคี วามเอือ้ อาทรตอสง่ิ มชี ีวติ ตางๆ 4. ฝก ความรบั ผดิ ชอบ เพราะตอ งมหี นา ทใ่ี นการใหอ าหาร ถา ยนา้ํ และการ ดแู ลอ่นื ๆ 5. ชว ยกาํ จดั แมลง โดยเฉพาะลกู น้ํา 6. ใชป ระดบั บา น โดยการจดั ตูปลา อา งปลา หรือบอ ปลาใหส วยงาม 7. สามารถสรา งรายไดเ ปน อาชพี เสรมิ ได 8. การเลย้ี งปลาสวยงามไมส ง เสยี งและกลน่ิ รบกวน ไมเ หมอื นการเลย้ี งสตั ว อ่นื ๆ T47

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ๔ ถ่ายน�้าสปั ดาหล์ ะ ๑-๒ ครั้ง โดยอาจ เปลี่ยนน้�าท้ังหมดหรือดูดตะกอนและ วางแผนปฏบิ ตั ิ นา�้ ออกบางส่วน แล้วเติมน้�าใหมล่ งไป 1. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วางแผนศกึ ษาความรู ๕ เปชลน่ ากไดัรกสนิีนส้า� ตตั าวลน์ า�้ ไขรนแาดดงเ1ลลก็ูกเนปา้�น็ อหานหอานร และสบื คน ความรู เรอื่ ง การเลย้ี งปลาสวยงาม แดง และสามารถฝก ให้กินอาหารเม็ด (ตามชนดิ ทเี่ ลอื ก) จากหอ งสมดุ และแหลง ขอ มลู และเนอื้ สตั วท์ ห่ี น่ั เปน็ ชน้ิ เลก็ ได้ การให้ สารสนเทศ อาหารควรใหว้ ันละ ๑ ครั้ง ในปรมิ าณ ท่ีปลากินอม่ิ 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาความรูและ สบื คน ความรู เรอื่ ง การเลย้ี งปลาสวยงาม (ตาม àกÃçดกÒ÷íÒ§Òน ชนิดที่เลือก) จากหองสมุดและแหลงขอมูล สารสนเทศตามทไี่ ดว างแผนรว มกนั โดยบนั ทกึ การเพาะเลย้ี งปลากดั แตล่ ะชนดิ มจี ดุ ประสงคท์ แี่ ตกตา่ งกนั ออกไป เชน่ ปลากดั จนี ลงในกจิ กรรมตามตวั ชว้ี ดั กจิ กรรมที่ 3.1 ขอ 2 จะเพาะเลย้ี งเพอ่ื เปน็ ปลาสวยงาม ปลากดั หมอ้ จะเพาะเลยี้ งเพอื่ นา� มาตอ่ สแู้ ละการกฬี า หนวยการเรียนรูท่ี 3 จากแบบวัดฯ การงาน อาชีพ ป.6 ปลอดภัยไวก้ ่อน ลงมอื ปฏบิ ตั ิ อาหารปลาท่ีช้อนจากแหล่งน้�าธรรมชาติค่อนข้างเน่าเสียง่าย อาจมีโรคและปรสิตของปลา ติดมาด้วย จึงควรท�าความสะอาดโดยล้างในน�้าสะอาดและแช่ในด่างทับทิมเข้มข้น ๐.๕-๑.๐ นักเรียนแตละกลุมรวมกันเล้ียงปลาสวยงาม กรัม/ลติ ร ประมาณ ๑๐-๒๐ วนิ าที แล้วลา้ งดว้ ยน�า้ สะอาดอกี ครัง้ ก่อนน�ามาใหเ้ ป็นอาหารปลา ตามทไ่ี ดว างแผนไว ËนÙ·Òí ได้ พฒั นาความรคู้ วามเขา้ ใจ เล้ยี งสัตวช์ นิดตา่ ง ๆ ทา� ไดด้ ี พอท�าได้ ท�าอีกครงั้ นักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้ันตอนและวิธีการปลาสวยงาม 3๘ เทคนคิ การเลย้ี งปลาสวยงาม และออกมานําเสนอขั้นตอนและวิธีการเลี้ยงปลา สวยงามตามชนดิ ทเี่ ลอื ก สรปุ นกั เรยี นแตล ะกลมุ สรปุ ผลการเลยี้ งปลาสวยงาม ของกลุมตนเอง นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ไรแดง เปนสัตวไมมีกระดูกสันหลังท่ีนิยมนํามาเปนอาหารสัตวน้ําวัยออน หากพบวาสัตวเ ลย้ี งเปน โรคควรทําอยางไรเปนอนั ดบั แรก ประโยชนของไรแดง มดี งั น้ี 1. ตมสมุนไพรใหส ตั วกิน 2. แยกสตั วเลีย้ งทเี่ ปน โรคออกจากทอี่ ยขู องสตั ว • เปนอาหารสําหรบั อนุบาลลูกสตั วนํา้ จดื และน้ําเคม็ 3. นําสัตวเลยี้ งที่เปน โรคมาทาํ ลายโดยการเผาหรือฝง • ใชท ดลองทางวทิ ยาศาสตร เชน ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงรปู รา งตามสภาพ 4. นาํ ยาทีค่ นใชรบั ประทานมาใหสัตวก นิ กอนจะนาํ ไปพบ สตั วแพทย แวดลอม ศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิธีการสืบพันธุจากไมอาศัยเพศเปน (วเิ คราะหค าํ ตอบ : หากพบวา สตั วเ ลย้ี งเปน โรคควรแยกสตั วเ ลยี้ ง อาศยั เพศ ศึกษาการเคลอื่ นที่จากอิทธพิ ลของแสง • ใชบาํ บดั นา้ํ เสียและบง บอกคุณภาพนา้ํ ออกจากทอ่ี ยขู องสตั วเปนอันดบั แรก เพ่ือปอ งกนั การแพรกระจาย ของโรคสูสัตวตัวอ่ืน จากนั้นนําสัตวไปพบสัตวแพทยเพ่ือวินิจฉัย ส่ือ Digital อาการและทําการรักษา ไมควรนํายาที่คนใชรับประทานหรือยา อ่นื ๆ ใหส ตั วกินเอง ดงั น้นั ขอ 2. จงึ เปนคาํ ตอบทีถ่ กู ตอ ง) นักเรียนสแกน QR Code เร่ือง เทคนิคการเลย้ี งปลาสวยงาม เพ่อื ศกึ ษา เทคนคิ การเลี้ยงปลาสวยงาม T48

นํา สอน สรุป ประเมิน กÔ¨กÃÃÁ¾²ั นÒกÒ÷Òí §Òน ขน้ั สรปุ ถำมมำหนูตอบได้ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปข้ันตอนการเลี้ยง ปลาสวยงาม ๑. พชื แตล่ ะชนดิ สามารถขยายพนั ธุ์ได้ทุกวธิ ีหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๒. ดินและปุย๋ แตล่ ะชนดิ มีคณุ สมบัตอิ ย่างไรบา้ ง จงยกตวั อย่าง 2. นักเรียนทําแบบทดสอบหนวยการเรียนรูที่ 3 ๓. ปจั จยั ในการเลย้ี งสตั ว์คอื อะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง จากแบบวัดฯ การงานอาชีพ ป.6 3. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการ เรียนรทู ่ี 3 จากแผนการจัดการเรียนรู เรยี นรูก้ ิจกรรมทกั ษะกำรท�ำงำน C21 erCorLiefeSuSabkinllds CareLearning aSnkdillIsnnovation TIencform jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd SCPtaruonrfrdeicasusridlousnmaalnaDdnedAvIesnslesotsprsummcteeionnntts Learning Environments แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓-๕ คน รว่ มกนั เลอื กปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั ผกั สวนครวั หรอื เลยี้ งสตั วเ์ ลย้ี งกลมุ่ ละ ๑ ชนดิ แลว้ เขยี นบนั ทกึ ผลตามหวั ขอ้ ทก่ี า� หนด ลงในสมุด จากนน้ั ออกมานา� เสนอหน้าชนั้ เรียน • พืชหรือสัตวท์ ่ีกลุ่มฉนั เลือก • ลักษณะของพชื หรอื สตั วท์ ี่เลอื ก • สถานท่ปี ลูกพชื หรอื เลยี้ งสตั ว์ • วิธีการปลกู พชื หรอื เลย้ี งสตั ว์ • วัสดุและอปุ กรณ์ท่ีใช้ • ปญั หาท่พี บในการท�ากิจกรรมนแี้ ละวิธกี ารแก้ไขปัญหา หนรู ูส้ กึ อยำ งไร ๑. การเรยี นรเู้ รอื่ งการปลกู พชื และเลยี้ งสตั วส์ ามารถนา� ไปใชป้ ระโยชน์ใน ชีวติ ประจ�าวนั ไดอ้ ยา่ งไรบ้าง ๒. การเก็บสัตวเ์ ลี้ยงจากขา้ งถนนมาเลีย้ ง มขี อ้ ดแี ละข้อเสียอยา่ งไร และ ควรดูแลอยา่ งไรจึงจะเหมาะสม 3๙ ขอ สอบเนน การคดิ บูรณาการอาเซียน ขอใดไมใ ชปจจัยทม่ี ผี ลตอ สขุ ภาพของสตั วเ ลย้ี ง ประเทศตางๆ ในกลุมอาเซียนมีสัตวประจําชาติเชนเดียวกับประเทศไทย 1. อาหาร สตั วป ระจําชาตกิ ลุม ประเทศอาเซยี นทั้ง 10 ประเทศ มดี ังน้ี 2. ท่อี ยอู าศัย 3. สขี องสัตวเลยี้ ง • ประเทศไทย คือ ชา ง 4. สายพันธุข องสัตวเลีย้ ง • ประเทศลาว คือ ชาง • ประเทศฟลิปปน ส คือ ควาย (วิเคราะหคําตอบ : อาหารและท่ีอยูอาศัยมีผลตอสุขอนามัยของ • ประเทศเวยี ดนาม คอื ควาย สัตวเล้ียง สายพันธุมีผลตอความแข็งแรงทางกายภาพและภูมิ • ประเทศเมียนมา คือ เสอื โครง ตา นทานตา งๆ ของสตั วเ ลย้ี ง สว นสไี มม ผี ลตอ สขุ ภาพของสตั วเ ลย้ี ง • ประเทศบรูไนดารสุ ซาลาม คือ เสือโครง ไมวาสัตวเล้ียงจะมีสีใด หากรางกายแข็งแรงก็จะมีสุขภาพที่ดี • ประเทศมาเลเซีย คือ เสอื โครงมลายู ดังนน้ั ขอ 3. จึงเปนคาํ ตอบทถี่ ูกตอง) • ประเทศกมั พูชา คือ กูปรี • ประเทศอนิ โดนีเซยี คือ มังกรโคโมโด • ประเทศสงิ คโปร คอื สงิ โต T49

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ ประเมนิ Ẻ»ÃÐàÁ¹Ô ¡Ò÷Òí §Ò¹ ส�าห ครวู ดั และประเมนิ ผลนักเรยี น ดังนี้ คำ� ชแ้ี จง : ใ หน้ กั เรียนประเมินการทา� งานของตนเองตามรายการ รับนักเรียน • ตรวจกิจกรรมท่ี 3.1 ขอ 2 จากแบบวัดฯ ที่ก�าหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน รำยกำร การงานอาชพี ป.6 ทา� ได้ดี พอทา� ได้ ปรับปรงุ • ตรวจแบบทดสอบหนว ยการเรยี นรทู ี่ 3 จาก ๑. ขยายพันธ์พุ ืชดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ แบบวัดฯ การงานอาชพี ป.6 • ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรู ที่ 3 จากแผนการจดั การเรียนรู ๒. ปลกู ไม้ดอกไม้ประดับ ตัวอยางตารางบันทึกผล ๓. ปลูกผกั สวนครวั ๔. เล้ียงสตั ว์ รวมทา� ไดดี = ๓ พอทา� ได = ๒ ปรับปรุง = ๑ Ẻ»ÃÐàÁ¹Ô ·¡Ñ ÉСÒ÷Òí §Ò¹ C21 erLife Sakinllds CareLearning aSnkdillIsnnovation TIencform Core Sub jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd SCPtaruoLnrefrdeiacasrusnridlouinsnmgaalEnanDdnvediArvoIesnnslesomtsprsuemmcnteetisonnntts ค�ำชี้แจง : ใ ห้ผสู้ อนประเมินทักษะการทา� งาน C21 ตามรายการ สา� หรับครู ที่กา� หนด แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน รำยกำร ท�าไดด้ ี พอท�าได้ ปรับปรงุ ๑. แบ่งหนา้ ทีอ่ ยา่ งเหมาะสม ๒. ร่วมมอื กันทา� งานจนส�าเรจ็ ตัวอยางตารางบันทึกผล ๓. แสดงความคดิ เหน็ อย่างเหมาะสม ๔. รับฟังความคดิ เห็นของคนในกลมุ่ ๕. น�าเสนอหน้าช้นั เรยี น รวมท�าไดด ี = ๓ พอท�าได = ๒ ปรับปรงุ = ๑ 4๐ แนวทางการวัดและประเมินผล ครศู กึ ษาแนวทางการวดั และประเมนิ ผล เพอื่ ประเมนิ ชน้ิ งานของนกั เรยี นจากแบบประเมนิ ชน้ิ งานทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรียนรู การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมนิ บนั ทึกการเลีย้ งสตั ว์ คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน 321 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน การแสดง การทางาน การมี คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน 32 1 ความ การยอมรับ ตามท่ีได้รับ ความมี ส่วนรว่ มใน รวม อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1 การคดั เลือกพันธ์ุสัตว์   ชอ่ื – สกลุ คิดเห็น ฟงั คนอื่น มอบหมาย น้าใจ การปรบั ปรุง 15 2 การดูแลและการป้องกันโรค 1 การแสดงความคิดเหน็  ลาดบั ที่ ของนกั เรยี น ผลงานกลุ่ม คะแนน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 การแกป้ ัญหาทเี่ กิดขึ้น 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่นื   321 321 321 321 4 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ จากการเลี้ยงสตั ว์ 3 การทางานตามหน้าท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 32 1 กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์  ตอ่ โรงเรยี น ตวั อยา งแบบประเมนิลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา ............../.................../................ 4 ความมนี า้ ใจ   1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่โี รงเรยี นจัดขึ้น 5 การตรงต่อเวลา   รวม 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ รวม จากแผนการจดั การเรียนรูเกณฑก์ารให้คะแนน 2.2 ปฏบิ ัติในสง่ิ ท่ถี ูกต้อง ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ............../.................../................ 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้ 4.2 รูจ้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชือ่ ฟงั คาส่งั สอนของบิดา - มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ตั้งใจเรียน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คุณค่า ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน ให้ 2 คะแนน ............../.................../............... เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน 6. มุ่งม่ันในการทางาน 6.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ดี = 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็ พอใช้ = 2 คะแนน 10-12 ดี 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย ปรับปรุง = 1 คะแนน 6-9 พอใช้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ต่ำกว่ำ 6 ปรบั ปรงุ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ให้ 3 คะแนน 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ให้ 1 คะแนน 8.2 รู้จกั การดแู ลรักษาทรัพยส์ มบัติและส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรียนและ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง 12 - 15 ดี โรงเรียน 8 - 11 พอใช้ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบัตชิ ดั เจนและสมา่ เสมอ 12 - 15 ดี ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 8 - 11 พอใช้ ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิบางครั้ง ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ T50

Chapter Overview แผนการจดั สือ่ ท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรยี น บอกหลักปฏิบตั แิ ละ วิธสี อนโดยเน้น - ตรวจแบบทดสอบ 1. ทักษะการ 1. มวี นิ ัย การงานอาชพี ป.6 การป้องกันอบุ ัตเิ หตุ กระบวนการ ก่อนเรียน หนว่ ยการ รวบรวมขอ้ มูล 2. ประหยัด ความร้พู ืน้ ฐาน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ในการท�ำงานชา่ งได้ สร้างเจตคติ เรียนรู้ท่ี 4 2. ทกั ษะการ 3. ใฝเ่ รยี นรู้ งานช่าง - ตรวจใบงานท่ี 4.1 เชอ่ื มโยง 4. อยู่อย่าง - ใบงานที่ 4.1 เร่อื ง - สังเกตพฤติกรรม 3. ทักษะการ พอเพียง 1 ความปลอดภยั ใน การทำ� งานรายบคุ คล เรยี งล�ำดับ 5. มคี วาม การทำ� งานชา่ ง - สังเกตพฤตกิ รรม รับผดิ ชอบ ช่ัวโมง - บัตรภาพงานช่าง การทำ� งานกลุม่ - สังเกตความมวี นิ ัย ประหยดั ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง และมคี วามรบั ผดิ ชอบ แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรยี น บอกอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการ วธิ สี อนโดยเนน้ - ตรวจใบงานท่ี 4.2 1. ทักษะการ 1. มีวินยั อุปกรณท์ ี่ใช้ การงานอาชพี ป.6 ตดิ ตง้ั และประกอบของใช้ กระบวนการ - สังเกตพฤตกิ รรม รวบรวมขอ้ มลู 2. ประหยัด ตดิ ตง้ั และประกอบ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 ภายในบา้ นได้ เรยี นความรู้ การทำ� งานรายบคุ คล 2. ทักษะการ 3. ใฝ่เรยี นรู้ ของใชภ้ ายในบา้ น - แบบวดั ฯ ความเข้าใจ - สงั เกตพฤติกรรม เปรยี บเทียบ 4. อยูอ่ ยา่ ง การงานอาชพี ป.6 การทำ� งานกลุ่ม 3. ทกั ษะการ พอเพยี ง 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 - สงั เกตความมวี ินยั เรียงลำ� ดบั 5. มีความ - ใบงานที่ 4.2 เรอื่ ง ช่วั โมง อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการ ประหยัด ใฝเ่ รยี นรู้ รบั ผิดชอบ อยอู่ ยา่ งพอเพียง ตดิ ตง้ั และประกอบ และมคี วามรบั ผดิ ชอบ ของใช้ - บัตรภาพอปุ กรณท์ ่ี ใช้ในการตดิ ต้งั และ ประกอบของใช้ T51

Chapter Overview แผนการจดั ส่ือท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ท่ี 3 - หนงั สือเรียน 1. อธิบายวธิ กี าร วธิ ีสอนโดยเน้น - ตรวจใบงานที่ 4.1 1. ทักษะการ 1. มีวนิ ยั การงานอาชีพ ป.6 ติดตั้งและประกอบ กระบวนการ จากแบบวัดฯ รวบรวมข้อมูล 2. ประหยัด การตดิ ตงั้ และ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 ของใชไ้ ด้ ปฏิบัติ การงานอาชีพ ป.6 2. ทกั ษะการ 3. มคี วาม ประกอบของใช้ - ตรวจแบบทดสอบ เชือ่ มโยง รับผิดชอบ ภายในบ้าน - แบบวดั ฯ 2. ตดิ ตง้ั และประกอบ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 3. ทักษะการ การงานอาชพี ป.6 ของใชไ้ ด้อยา่ ง จากแบบวดั ฯ เรยี งลำ� ดบั 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เปน็ ข้ันตอน การงานอาชพี ป.6 - สงั เกตพฤติกรรม ชัว่ โมง - พัดลม 3. ปฏบิ ตั ิตนอย่าง - โคมไฟ มีมารยาทใน - อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการ การทำ� งานกบั ผอู้ ่ืน การทำ� งานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม ติดต้ังและประกอบ การทำ� งานกลุ่ม ของใช้ - สงั เกตความมวี ินัย ประหยัด และมี ความรับผดิ ชอบ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 - ตรวจแบบประเมิน การตดิ ตงั้ และประกอบ ของใชภ้ ายในบ้าน T52

นํา สสออนน สรุป ประเมิน ô §Ò¹ªÒ‹ §Ë¹Ç‹ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè ขน้ั นาํ กจิ กรรมน�าÊก่Ù ารàรÕยน เพอื่ นๆ สามารถตดิ ตงั้ หรอื 1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ ซอ่ มแซมของใชภ ายในบา น เรยี นรทู ี่ 4 งานชาง จากแผนการจัดการเรียนรู ชนดิ ใดไดด ว ยตนเองบา ง 2. ครใู หน กั เรยี นดบู ตั รภาพการทาํ งานชา ง แลว ให นกั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา ทงั้ 2 ภาพ มคี วามแตกตา งกนั อยา งไร และความแตกตา ง นี้สงผลอยางไร จากน้ันครูอธิบายเพิ่มเติมวา ทั้ง 2 ภาพ มีความแตกตางกันในเร่ืองการ แตงกายขณะทํางานชาง ซ่ึงผูทํางานชางใน ภาพที่ 1 แตง กายไมเ หมาะสมเพราะแตง กาย ไมรัดกุม สวนภาพท่ี 2 แตงกายรัดกุมและ เหมาะสมกบั การทาํ งานชา ง เพราะใสเ สอื้ แขนยาว ถงุ มอื แวน ตา ซง่ึ การแตง กายทรี่ ดั กมุ นจ้ี ะชว ย ปอ งกันอนั ตรายในขณะทํางานชางได ÊาระÊาí ¤ัÞ à»Ò‡ ËÁÒ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã»ŒÙ ÃШÒí ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ èÕ ô ขนั้ สอน งานช่าง เปน็ งานที่เกี่ยวกบั การดแู ลรักษา ๑. อภิปรายแนวทางในการดูแลรักษาสมบัติภายในบ้านและปรับปรุง สงั เกต ซ่อมแซม สร้าง ประกอบของใช้ ท�าให้ของใช้ การท�างานแต่ละขน้ั ตอน (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๑) มอี ายุการใช้งานท่ยี าวนานย่ิงขึ้น 1. ครูใหนักเรียนดูบัตรภาพการทํางานชางท่ีไม ๒. ใชท้ กั ษะการจัดในการติดตัง้ ประกอบของใช้ในบา้ น และมีทักษะ ถูกตองตามข้ันตอน นักเรียนรวมกันอภิปราย การท�างานรว่ มกนั (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๒) และแสดงความคดิ เห็น ๓. ปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการท�างานกบั ครอบครวั และผ้อู น่ื 2. ครสู งั เกตผลการอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๓) ของนักเรียน แลวใหความรูเพิ่มเติมเพ่ือให นักเรียนเขาใจและตระหนักถึงความปลอดภัย ในการทาํ งานชา ง 3. ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคิด • นกั เรยี นสามารถทาํ งานชา งหรอื งานซอ มแซม สงิ่ ของเครอ่ื งใชภ ายในบา นไดห รอื ไม อยา งไร (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอยใู นดุลยพนิ จิ ของครูผูสอน) กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนแตละคนบอกชื่อของใชในบานคนละ 1 ชนิด ครอู ธบิ ายนกั เรยี นเพม่ิ เตมิ วา ผทู าํ งานชา งควรแตง กายใหเ หมาะสมกบั การ แลวอธิบายวา หากของใชชนิดนั้นชํารุดหรือเสียหายจะเกิดผล ทาํ งาน ดงั นี้ อยา งไร และนกั เรยี นจะมวี ธิ ปี อ งกนั ไมใ หเ กดิ การชาํ รดุ หรอื เสยี หาย ไดอยา งไร 1. แตงกายรัดกุม โดยใสเส้ือผาพอดีตัว กางเกงขายาว รองเทาหุมสน เพ่ือ ปอ งกันไมใหเ กดิ อันตรายจากการทํางาน เชน เส้อื ผาตดิ เขาไปในสว นท่ี มีการหมุนของเคร่ืองจักร 2. มีอุปกรณปองกันภัยท่ีเหมาะสมกับการทํางาน เชน สวมหมวกนิรภัย เมื่อตองทํางานในสถานท่ีท่ีวัสดุอาจตกใสศีรษะ สวมแวนตาเมื่อตอง ทํางานที่วัสดุอาจกระเด็นเขาตา T53

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ñ ¤ÇาÁร้Ù¾น×้ °านงานชา‹ ง วิเคราะห์ งานชา่ ง เปน็ งานเก่ยี วกับการดแู ลรักษา ซ่อมแซม สร้าง ประกอบ ของใชด้ ้วยตนเอง หรือสรา้ งสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ใหม่ ๆ ขึน้ โดยใชเ้ ครอื่ งมอื 1. นักเรียนศึกษาความรู เรื่อง ความรูพ้ืนฐาน ได้ถูกต้อง พร้อมทง้ั ดูแลรกั ษาไดอ้ ย่างถกู วธิ ี ซง่ึ จะท�าใหข้ องใช้มอี ายกุ าร งานชา ง จากหนังสอื เรียน การงานอาชพี ป.6 ใช้งานท่ยี าวนานยงิ่ ขึ้น และมีของใช้ชนิ้ ใหม่ท่ตี รงตามความต้องการ จากนน้ั ใหน กั เรยี นรว มกนั จาํ แนกและวเิ คราะห สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในงานชางตาม หลกั ปฏิบตั ิและการปอ งกันอุบัติเหตใุ นการท�างานช่าง ประเดน็ เชน สาเหตจุ ากบคุ คล จากเครือ่ งมอื และวสั ดอุ ปุ กรณ จากระบบการทํางาน การท�างานช่างควรท�าด้วยความระวัง เพราะหากท�าด้วย ความไม่รู้หรือความประมาท อาจท�าให้เกิดอุบัติเหตุได้ หลักปฏิบัติ 2. ครูสุมนกั เรียน 3 คน ใหวเิ คราะหและอธิบาย และการป้องกันอบุ ตั เิ หตุในการทา� งานชา่ ง มดี ังนี้ สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในการทํางานชาง แตล ะประเดน็ โดยมีครเู ปน ผตู รวจสอบความ บุคคล • แต่งกายใหร้ ัดกมุ ถกู ตอ ง • ใชเ้ คร่ืองปอ้ งกันอันตราย • มีสภาพร่างกายท่ีพร้อมทา� งาน 3. นักเรียนแตละคนทําใบงานท่ี 4.1 เร่ือง • ปฏบิ ตั ิตามกฎของความปลอดภยั ความปลอดภยั ในการทาํ งานชา ง จากแผนการ • ทา� งานตามแผนทก่ี �าหนด จัดการเรียนรู จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน เฉลยคําตอบในใบงาน เคร่อื งมอื • ใช้เครื่องมอื ที่ไมช่ า� รุด และวัสดุ • ใชเ้ ครอ่ื งมอื ถูกประเภท สรุป อปุ กรณ์ • จัดเก็บเคร่ืองมือและวัสดุอุปกรณ์ เปน็ ระเบยี บและถกู วธิ ี ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง ความรู พ้นื ฐานงานชา ง ระบบ • วางแผนการทา� งานไว้เป็นอย่างดี การ • ทา� งานดว้ ยความรอบคอบ ขน้ั สรปุ ท�างาน • ทา� งานตามขั้นตอน • พ้นื ท่ีท�างานเหมาะสมกบั งาน ครูและนักเรียนรวมกันบอกประโยชนที่ไดจาก การเรียนรู เรอ่ื ง ความรพู น้ื ฐานงานชาง ขน้ั ประเมนิ ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากการตรวจ แบบทดสอบกอนเรียน หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 และ ใบงานที่ 4.1 จากแผนการจัดการเรียนรู ËนทÙ �าได้ 4๒ ป้องกนั อุบัติเหตุในการท�างานช่าง ท�าไดด้ ี พอทา� ได้ ทา� อีกคร้ัง บรู ณาการอาเซียน กจิ กรรม สรางเสรมิ งานชาง เปนงานท่ีมีความสําคัญ ในกลุมประเทศอาเซียนมีการจัดการ ครูใหนักเรียนแตละคนหาภาพการแตงกายของชางประเภท แขงขันฝม อื แรงงานอาเซียนในทุก 2 ป เพ่ือเปนการเชือ่ มความสมั พนั ธภ ายใน ตางๆ หรือเครื่องมือปองกันอันตรายในการทํางานชางมาคนละ กลุมประเทศอาเซียน และพัฒนาฝมือแรงงานในระดับภูมิภาคใหทัดเทียมกับ 1 ภาพ แลวติดลงสมุด พรอมอธิบายลักษณะและประโยชนของ ระดับนานาชาติ โดยการแขงขันจะสะทอนใหเห็นถึงเทคโนโลยีลาสุดและ ชุดหรือเคร่อื งมอื ปองกันอันตรายนัน้ ๆ ความตองการทักษะแรงงานของตลาดโลก ซึ่งผูที่สามารถทําการแขงขันได ยอ มสามารถทาํ งานในสถานประกอบการไดอ ยา งดเี ชน กนั ในการแขง ขนั นน้ั จะมี การปรับปรุงแกไขผลงานกอนที่จะแขงขันใหมทุกครั้ง เปนวิธีการที่ดีอยางหนึ่ง ท่ีชวยใหเยาวชนในกลมุ ประเทศอาเซยี นไดฝ กฝนใหก าวทนั กระแสโลกอยูเสมอ T54

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒ การตดิ ตงั้ และประกอบของใชภ้ ายในบา้ น ขนั้ นาํ สิ่งของเครื่องใชภ้ ายในบา้ นบางชนิ้ เชน่ ช้ันวางของ ตู้ เตยี ง เมอ่ื 1. ครูแจกบัตรภาพอุปกรณที่ใชในการติดตั้งและ ประกอบเสร็จแลว้ อาจมีขนาดใหญ่ ท�าใหไ้ ม่สะดวกในการขนยา้ ย หากนา� ประกอบของใชใหนักเรียนแตละคน แลวให มาประกอบหรอื ตดิ ตัง้ เองทบ่ี า้ น ผปู้ ระกอบจะตอ้ งมคี วามร้เู ก่ยี วกบั เคร่ือง นักเรียนติดภาพอุปกรณลงในกระดาษ แลว มอื และวัสดุอปุ กรณ์ในการทา� งาน และมีทกั ษะในการท�างานช่าง เช่น เขียนช่ืออปุ กรณแ ละวิธีการใชอปุ กรณน ้นั ทกั ษะในการทา� งานชา่ ง 2. ครูรวบรวมกระดาษท่ีนักเรียนเขียนแลวแยก เปน 2 สว น คอื สวนทเ่ี ขยี นถูกตองและสวนที่ • ทักษะการตัด เป็นความช�านาญในการใช้เครื่องมือในการตัด เขียนไมถูกตอง และแจงนักเรียนวาจะตองใช วัสดุต่าง ๆ ให้ขาดออกจากกัน เช่น ใช้เล่ือยเลื่อยไม้ ใช้คีม ในทายช่ัวโมง ตัดลวด • ทักษะการเจาะ เป็นความช�านาญในการใช้เครื่องมือที่มีความ ขนั้ สอน แหลมคมเจาะวัสดตุ า่ ง ๆ ใหเ้ ป็นชอ่ งหรอื เป็นรู เชน่ ใชท้ ่เี จาะ กระดาษเจาะกระดาษ ใชส้ ว่านเจาะไมห้ รอื พลาสตกิ สงั เกต ตระหนัก หลักในการติดตัง้ และประกอบอุปกรณ์ ของใชภ้ ายในบา้ น มดี งั น้ี 1. ครูนําตัวอยางอุปกรณที่ใชในการติดตั้งและ ประกอบของใชป ระเภทตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู ๑ ศกึ ษาวิธกี ารติดตัง้ และประกอบจากค่มู ือทีผ่ ู้ผลิตใหม้ าพร้อมกับของใช้ ๒ จดั เตรียมเครอ่ื งมอื สา� หรบั ตดิ ตั้งและประกอบให้เหมาะสมกบั ของใชแ้ ละสภาพพ้นื ท่ีที่ติดต้งั 2. นกั เรียนกลมุ เดมิ รว มกนั สังเกต อภปิ ราย และ ๓ วางแผนการปฏบิ ัตงิ านและด�าเนินการตดิ ตั้งด้วยความรอบคอบ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวอยางอุปกรณ ๔ เขคณรอื่ะปงใฏชบิ ไ้ ฟตั ิงฟา้านบตาอ้ งงปรระะมเภัดรทะตว้อังงแตลอ่ะสแาตย่งดกินาย1เใชหน่้เหเมคาระ่ือสงมทแ�าลนะ้า� รเัดยกน็ ุมเครื่องท�านา�้ อุ่น ท่ีใชในการติดต้ังและประกอบของใชที่ครู ๕ นาํ มาใหดู ๖ ทดสอบการท�างานของอุปกรณก์ ่อนน�าไปใชจ้ ริง ๗ หากเกดิ ข้อบกพร่องตอ้ งรีบแก้ไข หากมีปัญหาจากการผลิตตอ้ งรบี สง่ ซอ่ มกบั ผูผ้ ลิตหรือ ลงมอื ปฏบิ ัติ ตวั แทนจา� หนา่ ยตามเงอื่ นไขในการรบั ประกัน ๘ หมั่นดแู ลและบา� รุงรักษาเคร่อื งมือตามคู่มืออย่างเคร่งครดั เพอื่ ให้ใช้งานไดย้ าวนาน 1. นักเรียนแตละกลุมรวมกันรวบรวมขอมูลและ ศึกษาความรูเพ่ือหาคําตอบตามประเด็นที่ กําหนด โดยปฏิบัติตามแผนที่วางไว จากน้ัน เรยี บเรยี งขอ มลู ความรู แลว อภปิ รายและสรปุ คาํ ตอบท่ีเปนมติของกลมุ 2. ตวั แทนแตล ะกลมุ นาํ เสนอคาํ ตอบหนา ชนั้ เรยี น และมีประสิทธภิ าพ ปลอดภัยไว้ก่อน ไมค่ วรวางหรอื ตดิ ตง้ั เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ในสถานทที่ มี่ คี วามชน้ื หรอื ความรอ้ นมาก เพราะอาจทา� ให้ เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าเสอ่ื มสภาพหรอื ไฟฟา้ ลดั วงจรได้ 43 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ใครปฏิบตั ติ นอยางปลอดภัยทส่ี ดุ เมอื่ ติดตง้ั และประกอบ 1 สายดิน หมายถึง สายท่ีตอจากตัวนําไฟฟาของเคร่ืองใชไฟฟา เพื่อ เครอื่ งใชไ ฟฟา เปนเสนทางนํากระแสไฟฟาใหไหลลงดินในกรณีท่ีมีไฟฟาร่ัว ในขณะเดียวกัน เปนเสนทางใหกระแสไฟฟาที่รั่วไหลยอนกลับไปยังหมอแปลงไฟฟาไดสะดวก 1. ต๊กิ ไมเสียบปลัก๊ เคร่ืองใชไฟฟา ขณะติดตั้งและประกอบ เพื่อใหเครื่องตัดไฟอัตโนมัติทํางานและตัดไฟออกทันที ประโยชนของสายดิน เคร่อื งใชไฟฟา คือ ปอ งกันไมใหม ผี ูถกู ไฟฟาดูดหากมกี ระแสไฟฟา รัว่ จากเคร่อื งใชไ ฟฟา และ เคร่ืองใชไฟฟาบางประเภทอาจทํางานไดไมสมบูรณหรือชํารุดไดงายหากไมมี 2. ตเ๋ี สยี บปลก๊ั ไวเ พอ่ื ดกู ารทาํ งานของเครอ่ื งใชไ ฟฟา ในขณะ สายดนิ เชน คอมพิวเตอร อุปกรณอิเล็กทรอนิกส อปุ กรณสอื่ สาร ติดต้ังและประกอบ T55 3. ตูเ สียบปลก๊ั แลว ใชไ ขควงตรวจดูวา มีกระแสไฟ ในขณะ ติดต้ังและประกอบเคร่อื งใชไฟฟาหรือไม 4. เมอื่ ตอ มตดิ ตงั้ และประกอบเครอื่ งใชไ ฟฟา เสรจ็ แลว จงึ ถอด ปลก๊ั เคร่ืองใชไ ฟฟาออกจากเตาเสยี บทนั ที (วิเคราะหคําตอบ : เราไมควรเสียบปลั๊กในขณะท่ียังติดต้ังและ ประกอบไมเ สรจ็ และไมค วรใชไ ขควงตรวจสอบวงจรไฟฟา ดว ยตนเอง เพราะอาจเกดิ ไฟฟา ลดั วงจรได ดงั นน้ั ขอ 1. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ó Í»Ø ¡Ã³· Õè㪌µ´Ô µéѧáÅлÃСͺ¢Í§ãªÀŒ ÒÂ㹺Ҍ ¹ พัฒนาความรูความเขา ใจ เครื่องมือและวัสดุอุปกรณต่าง ๆ ท่ีใช้ในงานช่าง มีลักษณะรูปร่างท่ี แตกต่างกันไปตามการใช้งาน เราควรศึกษาวิธีใช้ให้เข้าใจ เพื่อจะได้ใช้ 1. ครตู งั้ คาํ ถามเกยี่ วกบั อปุ กรณท ่ีใชใ นการตดิ ตง้ั เคร่ืองมอื และวสั ดอุ ุปกรณต์ ่าง ๆ ไดถ้ กู ต้องและปลอดภัย และประกอบของใช 4 ชนดิ และอธบิ ายความรู ใหนักเรียนเพ่ิมเติม แลวใหนักเรียนทําใบงาน µÇÑ ÍÂÒ‹ § เครื่องมือทใ่ี ชตดิ ตง้ั และประกอบอุปกรณข องใชภ ายในบา น ท่ี 4.2 จากแผนการจัดการเรียนรู เครื่องมอื สําหรบั วดั เคร่ืองมือสําหรบั ไขและขัน 2. สมาชิกในแตละกลุมชวยกันวิเคราะหตาม ประเดน็ ทตี่ นเองไดร บั มอบหมาย ครสู มุ ตวั แทน เหล็กฉาก ใไชขข้คันวงสปการ1กทู แ่ีมบหี นัวเปน แตละกลุมนําเสนอผลการวิเคราะห วิจารณ ใช้วัดขนาดหรอื รอยแนวยาว หรือ หนาชั้นเรยี น สรา้ งมมุ เจาะรูขนาดเล็ก ตนื้ ตลับเมตร ประแจเลอ่ื น 3. นักเรียนทํากิจกรรมเรียนรูปูพ้ืนฐาน หนวย ใช้วัดหาระยะหรอื ใชข้ นั นอต โดยสามารถ การเรยี นรทู ่ี 4 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 ขนาดของวัสดุ ปรับความกวา้ งตาม ขนาดของหัวนอตที่ สรุป เครือ่ งมือสาํ หรับตอก ตอ้ งการขนั ได้ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง อปุ กรณ ค้อนหงอน เคร่ืองมือสําหรับตดั และผา ที่ใชในการติดต้ังและประกอบของใช และนํา ใชต้ อก ทบุ งดั หรอื กระดาษท่ีนักเรียนไดเขียนไวตนช่ัวโมงมาเขียน ถอนตะปู เล่อื ยตดั เหลก็ ใหถ กู ตอ ง ใช้ตดั เหล็ก ไม้ เครอื่ งมอื สาํ หรบั เจาะ หรือพลาสตกิ ขน้ั สรปุ สว่าน เครอ่ื งมอื สาํ หรับจับยึด นกั เรยี นและครรู ว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง อปุ กรณ ใชเ้ จาะไมห้ รือปูน ทใ่ี ชใ นการตดิ ตง้ั และประกอบของใช คีมตดั สายไฟ »ÅÍ´ÀÂั äÇกŒ ‹Íน ใชจ้ ับสายไฟฟา ตัด ขน้ั ประเมนิ สายไฟฟา และขันนอต ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากการตรวจ เม่ือใช้อุปกรณ์ในการท�างานช่างแล้ว ควรจัดเก็บให้เปนที่ตามประเภทการใช้งาน เพอื่ ความ ใบงานที่ 4.2 และกจิ กรรมเรยี นรปู พู น้ื ฐาน หนว ย เรยี บรอ้ ย ปลอดภยั สะดวกตอ่ การคน้ หา และยดื อายกุ ารใชง้ านของอปุ กรณ์ การเรยี นรทู ่ี 4 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 ËนÙทา� ä´Œ 44 ใชเ้ ครื่องมือและอุปกรณ์งานช่าง ท�าไดด้ ี พอทา� ได้ ท�าอกี คร้ัง นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย 1 สกรู หมายถึง นอตตัวผู หัวสกรูมีหลายประเภท เชน หัวหกเหล่ียม ครูจดั กจิ กรรม “เครื่องมอื ชางหรรษา” ดังนี้ หัวแฉก หัวผา มีลักษณะเปนเกลียวรอบทรงกระบอกยาว สกรูแบงออกเปน 1. ครแู จกบตั รภาพเครอ่ื งมอื ชา งตา งๆ เชน เหลก็ ฉาก ตลบั เมตร 4 ประเภท ดงั นี้ สวา น ไขควง ประแจเล่อื น เลอื่ ย คมี ใหนกั เรยี นแตละคน 1. สกรูเกลยี วไม เปน สกรูทม่ี ีปลายแหลม ใชย ึดชนิ้ งาน 2. ใหนักเรียนจัดกลุมตามประเภทเครื่องมือชางของตนเอง ทเี่ ปน ไมห รอื พลาสตกิ ใชข นั เขา ไปในไมห รอื พลาสตกิ ไดโ ดยตรง เชน กลุมเคร่ืองมือสาํ หรับวดั ประกอบดว ยเหลก็ ฉากและ ตลับเมตร กลุมเครื่องมือสําหรับตัด ประกอบดวยเลื่อย 2. สกรูเกลียว เปนสกรูท่ีใชรวมกับหัวนอตตัวเมีย และคมี มีหัวสกรหู ลายแบบ เชน หวั หนา หวั หกเหล่ียม 3. เมื่อนักเรียนจัดกลุมแลว ใหแตละกลุมหาขอมูลเกี่ยวกับ การใชงานของเครื่องมือชางที่ตนเองได แลวออกมา 3. สกรูปลายสวาน เปนสกรูท่ีมีปลายคลายหัวสวาน นาํ เสนอเครอ่ื งมือตา งๆ อยา งสรา งสรรคห นา ชน้ั เรียน สามารถขนั เขา ไปในเนอื้ เหลก็ โดยตรงไมต อ งเจาะนาํ 4. สกรหู วั จมหกเหลย่ี ม มลี กั ษณะหวั เปน รปู ทรงหกเหลย่ี ม ใชกุญแจหัวหกเหลีย่ มขัน T56

นาํ สสออนน สรุป ประเมนิ ตÇั อยา‹ ง การตดิ ตง้ั และประกอบของใชภายในบาน ขน้ั นาํ การประกอบพัดลม 1. ครูนําพัดลมที่ยังไมไดประกอบมาแสดงที่ หนาช้ันเรียน จากนั้นสุมเรียกนักเรียนออกมา พดั ลม เปน็ อุปกรณ์ไฟฟ้าทีม่ ีใช้ในทกุ ครัวเรือน ปจั จุบันผทู้ ่ีซ้ือพัดลม ประกอบพัดลมตามความเขา ใจของนักเรียน จากห้างร้านจะต้องน�าพดั ลมมาตดิ ตั้งและประกอบเอง โดยผู้ผลิต จะบรรจุพดั ลมใส่กลอ่ งเพือ่ ความสะดวกในการขนสง่ ในกล่องจะมี 2. นกั เรยี นสงั เกตการประกอบพดั ลมของตวั แทน ค่มู อื การประกอบพดั ลมเพอื่ ใหผ้ ซู้ ื้อสามารถประกอบตามขัน้ ตอน นักเรียน แลวชวยกันพิจารณาวา พัดลมมี ได้อย่างถูกตอ้ ง ขั้นตอนและวิธีการประกอบอยางไร โดยมีครู คอยแนะนํา สว่ นประกอบพดั ลม ชิน้ สว่ นต่าง ๆ ของพดั ลม มดี ังน้ี 3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการประกอบ ขอบตะแกรง ตะแกรงหน้า ใบพัด ตะแกรงหลัง ปุม ดงึ สา่ ย พดั ลมทถ่ี ูกตอง ขอบตะแกรง กะโหลกหนา้ ขนั้ สอน นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ จากนั้น ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาความรู เร่ือง การประกอบและติดตั้งของใช จากหนังสือเรียน การงานอาชพี ป.6 กะโหลกหลงั คอพดั ลม หน้าปดั ฝาครอบใบพดั ขาเสาพดั ลม เสาปรับระดบั คขลอปิบลตอ็ะแกกรง ตตัวะแลกอ็ รกงหลงั สวติ ช์ปรับแรงลม ฐานพัดลม สายไฟฟา้ พร้อมปลัก๊ การติดต้ังและประกอบของใชภายในบา นดวยตนเอง 4๕ ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู เครอ่ื งมือชางในขอ ใดใชส าํ หรบั ขนั หรอื คลายสกรแู ละนอต ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนกั เรียนฟง วา พัดลมทใ่ี ชง านในบานมหี ลายประเภท เพ่ือประกอบและตดิ ตงั้ อปุ กรณไฟฟา เชน พัดลมต้ังโตะ พัดลมตั้งพ้ืน พัดลมติดผนัง พัดลมเพดาน โดยพัดลม ชนดิ ตา งๆ มหี ลกั การทาํ งานทคี่ ลา ยคลงึ กนั แตอ าจมวี ธิ กี ารประกอบและตดิ ตง้ั 1. คอน แตกตางกันออกไป อยา งไรก็ตาม นกั เรยี นควรศกึ ษาขอ มลู วิธกี ารประกอบและ 2. สวา น ตดิ ตง้ั พัดลมจากคมู ืออยางละเอยี ดกอ นติดต้ังและใชงาน 3. ไขควง 4. คมี ปากจ้งิ จก สื่อ Digital (วิเคราะหคําตอบ : ขอ 1. คอนใชสําหรับตอก ขอ 2. สวานใช นักเรยี นสแกน QR Code เรอ่ื ง การติดตัง้ และประกอบของใชภ ายในบาน สําหรับเจาะ ขอ 3. ไขควงใชสําหรับขันหรือคลายสกรู ขอ 4. ดว ยตนเอง เพอ่ื ดูตัวอยางการตดิ ตงั้ และประกอบของใชในบาน คีมปากจิ้งจกใชสําหรับจับยึดวัตถุ ดังน้ัน ขอ 3. จึงเปนคําตอบ ที่ถูกตอ ง) T57

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน ขน้ั ตอนการประกอบพดั ลม สงั เกต รบั รู ๑ เตรียมสว นประกอบพัดลม และประกอบฐานพัดลม แลว้ เนตา� รตยี ะมแฐการนงพหลดั งัลมมาทตม่ี ดิ มี ตอง้ั เกตบั อขรวั้์ พมรออ้ เมตอขรา1ต์ตรงั้ งทกมี่ ะสีโหวติลชกเ์หพนอ่ื า้ เพตรดั ยี ลมมปจราะกกนอบน้ั 1. ครูนําตัวอยางโคมไฟท่ีประกอบเสร็จแลวมา น�าตัวล็อกตะแกรงหลังมาหมุนยึดตะแกรงหลังให้แน่น โดยหมุนตัวยึดไป แสดงท่ีหนาชั้นเรียน แลวใหนักเรียนชวยกัน ทางขวาหรือตามเข็มนาฬก า สงั เกตวา โคมไฟดงั กลา ว ประกอบดว ยวสั ดแุ ละ อปุ กรณใ ดบาง ๒ ประกอบใบพัดลม น�าใบพัดมาใส่ตรงแกนมอเตอร์ โดยให้รอยบากหลังใบพัดลมตรงกับ 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสํารวจอุปกรณที่ใช สลัก และชิดกับสลักแกนพัดลม จากนั้นน�าฝาครอบใบพัดมาขันเข้ากับ ในการประกอบโคมไฟเพ่ือเตรียมความพรอม ใบพดั ใหแ้ นน่ โดยหมุนไปทางซา้ ยหรอื ทวนเขม็ นาฬกา ในการปฏิบตั ิกิจกรรม ๓ ประกอบตะแกรงพัดลม ทาํ ตามแบบ น�าตะแกรงหน้ามาประกบกับตะแกรงหลัง โดยให้รอยบากตรงร่อง ตะแกรงหน้าอยู่ด้านบนและเก่ียวกับลวดตะแกรงหลัง สังเกตโลโกของ 1. ครูนําอุปกรณในการประกอบโคมไฟมาแสดง พดั ลมต้องตั้งอยู่ในแนวท่ถี ูกตอ้ ง จากน้นั กดล็อกให้เข้าที่แล้วใสค่ ลปิ ลอ็ ก ใหนักเรียนดู แลวครูประกอบเปนตัวอยางให ขอบตะแกรง นกั เรียนดูทีละขั้นตอน พรอ มอธิบายประกอบ ในแตล ะขนั้ ตอน เพอื่ ใหน กั เรยี นสงั เกตขน้ั ตอน ๔ ตรวจสอบกอ นนําไปใช ตรวจสอบความเรียบร้อยของพัดลมที่ประกอบ แล้วจึงน�าปล๊ักพัดลมเสียบกับเต้าเสียบ 2. นักเรียนแตละกลุมประกอบโคมไฟตามแบบ ไฟฟาและกดสวิตช์เพื่อให้พัดลมท�างาน จากนั้นทดสอบความเร็วโดยการกดสวิตช์ตาม ท่ีครูสอนตามลําดับขั้นตอน โดยครูเนนยํ้า หมายเลข พร้อมทง้ั ทดสอบปมุ ดงึ ส่ายพัดลมว่าทา� งานปกติหรอื ไม่ เม่อื พัดลมทา� งานปกติจึง ใหนักเรียนตระหนักถึงความปลอดภัยใน นา� ไปใช้งานต่อไป การทาํ งาน àกรç´การท�างาน หากพบว่าเกดิ ข้อบกพรอ่ งของเครือ่ งใชไ้ ฟฟา จากการผลติ ควรน�าเครือ่ งใช้ไฟฟาสง่ 3. ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนเปน คืนตัวแทนจ�าหน่ายเพ่ือด�าเนินการแก้ไขต่อไป และหลีกเลี่ยงการแก้ไขด้วยตนเอง รายกลุม หากมีพฤติกรรมในการทํางานท่ี เพราะอาจผดิ เงอ่ื นไขในการรบั ประกันได้ ไมปลอดภัย ใหเสนอแนะใหนักเรียนปรับปรุง แกไขใหถ ูกตอ งและปลอดภัย ËนÙทา� ä´Œ 4๖ ตดิ ตงั้ และประกอบของใชภ้ ายในบา้ น ทา� ได้ดี พอทา� ได้ ท�าอกี คร้งั นักเรียนควรรู กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค 1 มอเตอร คือ อุปกรณท่ีใชสําหรับแปลงพลังงานไฟฟาใหเปนพลังงานกล ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม “เช็ดถูดูแลพัดลม” โดยใหนักเรียน ทําหนาที่ระบายลม โดยกระเเสไฟฟาที่เขาสูมอเตอรจะทําใหใบพัดหมุน ศึกษาวิธกี ารประกอบและติดตงั้ พดั ลมจนเกิดความเขา ใจ จากนัน้ มอเตอรพ ดั ลมมอี ายกุ ารใชง านแตกตา งกนั ออกไป ขนึ้ อยกู บั คณุ ภาพของการผลติ นําไปปฏิบัตจิ ริงท่ีบา น ดังน้ี และการใชง านของผูใช อาการท่สี ังเกตไดเม่อื มอเตอรพ ัดลมเส่อื มสภาพ มดี ังนี้ 1. ถอดปลก๊ั พดั ลมทน่ี กั เรียนตอ งการทาํ ความสะอาด 1. พดั ลมทาํ งานไดท คี่ วามเรว็ สงู เทา นน้ั เเตจ ะไมท าํ งานเมอื่ ตง้ั คา สวติ ชเ ปน 2. ถอดตะแกรงและใบพัดออกมาทําความสะอาด โดยใชวิธี ความเร็วต่ํา อาการเชนน้ีมีสาเหตุมาจากการกัดกรอนของตัวตานทาน เเละอณุ หภูมิทส่ี งู เกินไป ฉดี นา้ํ หรือใชแปรงขัดซ่ีตะแกรงหากยังมีฝุนติดอยู จากนั้น นาํ ชน้ิ สวนท่ลี างเสรจ็ แลว ไปเช็ดดว ยผา ข้ีรวิ้ ใหแ หงสนทิ 2. มอเตอรส ง เสยี งดงั ขณะใชง าน สาเหตอุ าจเกดิ จากวตั ถขุ นาดเลก็ หลน ลง 3. นําช้ินสวนมาประกอบตามเดิม โดยเร่ิมจากตะแกรงหลัง ในชองระบายอากาศ สัตวขนาดเล็กเขาไปในกลองทําความรอน หรือ ตวั ล็อกตะแกรงหลงั ใบพัด ตัวล็อกใบพัด โดยจะตองหมนุ ตะเเกรงพัดลมมีฝุนท่ีหนาเกินไป ซ่ึงแกไขไดโดยการทําความสะอาดที่ เกลียวทุกสวนประกอบใหแนนกอนนําตะแกรงหนามาใส ตะเเกรงพดั ลม แลวกดตัวล็อกใหแ นน 4. เสยี บปลก๊ั และทดลองใชง าน จะไดพ ดั ลมทสี่ ะอาด และนกั เรยี น 3. อายุการใชงานท่ียาวนานเกินไป ทําใหกระเเสไฟท่ีเขาสูมอเตอรพัดลม เกดิ ความเขา ใจในการประกอบของใชใ นบา นดว ยตนเอง ถูกตัดออกจากวงจรจนมอเตอรไ มท าํ งาน T58

นาํ สอน สรุป ประเมิน กจิ กรรมพัฒนาการทา� งาน ขนั้ สอน ถามมาหนตู อบได้ ทาํ เองโดยไมม แี บบ ๑. เหพารกาตะ้อเหงตกใุาดรทเา�รไามจก้ึงคระวดรเารนยี 1ในหรเ้ รู้วียิธบีใชเ้นคกั รเือ่ รงียมนอื คชวา่รงใชกเ้่อคนรน่อื �างไมปือใชชน้งาิดนใด 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันประกอบ ๒. เพราะอะไร โคมไฟโดยไมมแี บบ จากนน้ั นําสงครู ๓. นกั เรยี นมหี ลักในการประกอบและตดิ ต้งั อปุ กรณห์ รือของใชใ้ นบา้ น 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั สรปุ และเรยี งลาํ ดบั อยา่ งไร วธิ ีการ ข้นั ตอนในการประกอบโคมไฟ เรยี นรกู้ จิ กรรมทักษะการทา� งาน C21 erCorLiefeSuSabkinllds CareLearning aSnkdillIsnnovation TIencform 3. นักเรียนแตละกลุมตรวจสอบความเรียบรอย jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd ของผลงาน หากมีขอบกพรองใหแกไขให เรียบรอ ย SCPtaruonrfrdeicasusridlousnmaalnaDdnedAvIesnslesotsprsummcteeionnntts Learning Environments ฝก ทําใหช าํ นาญ ๑. ตดิ ภาพการทา� งานชา่ งลงในสมดุ จากนนั้ วเิ คราะหแ์ ลว้ เขยี นบอกชอ่ื งาน 1. ครกู าํ หนดใหนักเรียนแตล ะกลมุ ติดตง้ั และ ชา่ ง ลกั ษณะของงาน เคร่ืองมือ วสั ดแุ ละอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นงานน้ี ประกอบของใชภ ายในบา น ๒. แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๕ คน ฝึกประกอบของใช้ ๑ อย่าง โดยครูหรอื 2. นักเรียนแตละกลุมติดต้ัและประกอบของใช ผปู้ กครองให้คา� แนะน�า จากน้นั ออกมานา� เสนอผลงานทห่ี นา้ ชั้นเรยี น ในบา นโดยใชก ระบวนการจดั การ แลว บนั ทกึ ลง ในกจิ กรรมตามตวั ชวี้ ัด กิจกรรมท่ี 4.1 หนวย หนูรสู้ กึ อย่างไร การเรยี นรทู ี่ 4 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 ๑. การฝึกประกอบหรอื ติดต้ังอปุ กรณ์มปี ระโยชน์ตอ่ นักเรียนหรอื ไม่ 3. ครูคอยใหขอเสนอแนะ และนักเรียนแกไข อยา่ งไร ผลงานการติดตั้งและประกอบของใชในบาน เพื่อใหเกิดความชํานาญ แลวรวบรวมผลงาน ๒. ถา้ นกั เรยี นไมส่ ามารถประกอบหรอื ตดิ ตงั้ ของใชด้ ว้ ยตนเองได้ นกั เรยี น สง ครตู รวจ จะปฏิบตั อิ ย่างไร 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหนวยการเรียนรูท่ี 4 จากแบบวัดฯ การงานอาชพี ป.6 47 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู เมื่อนักเรียนจะประกอบและติดตั้งของใชในบานแลวพบวา 1 ไมก ระดาน เปน ไมท รงสเี่ หลย่ี มผนื ผา แบนและยาว มกั ใชใ นการสรา งบา น มสี ว นประกอบชาํ รดุ เสยี หายซงึ่ มาจากโรงงาน นกั เรยี นควรปฏบิ ตั ิ ทําชั้นวางของหรือโตะ ไมกระดานสามารถทําใหเรียบไดดวยการใชกบไสไม อยางไร และขดั ดว ยกระดาษทราย ปจ จบุ นั นยิ มใชก บไฟฟา เพราะใชง านงา ย ขดั ผวิ หนา ไม ไดเรยี บ และไดรปู ทรงตามทีต่ องการ 1. ถายภาพลงสอื่ โซเชยี ลตา งๆ เพ่ือใหผ อู นื่ ทราบ 2. ประกอบและตดิ ตัง้ ใหเ สร็จแลวใชง านตามปกติ T59 3. แจง ตวั แทนจาํ หนา ยเพื่อขอเปล่ียนหรอื คนื สนิ คา 4. นาํ ไปใหเ พอ่ื นชวยประกอบหรือซอมแซมสว นท่ีชํารดุ ให (วิเคราะหคําตอบ : เม่ือประกอบและติดต้ังของใชในบาน แลวพบวามีสวนประกอบท่ีชํารุดเสียหายซึ่งมาจากโรงงาน ควร แจง ตัวแทนจําหนายเพ่ือขอเปลย่ี นหรอื คืนสนิ คา ไมค วรซอ มแซม ดวยตนเองหรือใชงานโดยที่สวนประกอบไมสมบูรณ เพราะอาจ เกดิ อนั ตรายได ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปนคําตอบท่ีถกู ตอ ง)

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ แบบประàÁินการ·าí งาน ส�าห 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง อปุ กรณ ค�าชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนประเมนิ การทา� งานของตนเองตามรายการ รับนักเรียน ท่ใี ชในการติดตง้ั ทก่ี า� หนด แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนติดต้ังและ รายการ ทา� ได้ดี พอทา� ได้ ปรับปรุง ประกอบของใชภายในบา นคนละ 1 ชนิด ๑. ปอ้ งกนั อุบตั ิเหตุในการท�างานชา่ ง 3. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 4 เรื่อง งานชาง จากแผนการ ๒. มีทกั ษะในการใช้เครอ่ื งมือและอุปกรณง์ านช่าง ตัวอยางตารางบันทึกผล จดั การเรียนรู ๓. ตดิ ต้งั และประกอบของใชใ้ นบ้าน ขน้ั ประเมนิ รวมทา� ไดดี = ๓ พอท�าได = ๒ ปรับปรุง = ๑ ครูวัดและประเมนิ ผลนักเรยี น ดังน้ี แบบประàÁนิ ·ักÉะการ·íางาน C21 Life Sakinllds CareerLearning aSnkdillIsnnovation TIencform • จากการตดิ ตง้ั และประกอบของใชภ ายในบา น Core Sub jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd • จากกิจกรรมท่ี 4.1 หนวยการเรียนรูที่ 4 SCPtaruonrfrdeicasusridlousnmaalnaDdnedAvIesnslesotsprsummcteeionnntts และแบบทดสอบหนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 จาก Learning Environments แบบวดั ฯ การงานอาชีพ ป.6 • จากแบบทดสอบหลงั เรียน หนว ยการเรียนรู ค�าชแ้ี จง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินทักษะการทา� งาน C21 ตามรายการ สา� หรับครู ท่ี 4 เรื่อง งานชาง จากแผนการจัดการ ท่กี า� หนด แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดบั คะแนน เรียนรู รายการ ท�าได้ดี พอท�าได้ ปรบั ปรงุ ๑. แบง่ หน้าท่กี นั อยา่ งเหมาะสม ๒. รว่ มมอื กันท�างานจนส�าเร็จ ตัวอยางตารางบันทึกผล ๓. แสดงความคดิ เห็นอยา่ งเหมาะสม ๔. รับฟังความคดิ เหน็ ของคนในกลมุ่ ๕. นา� เสนอหน้าช้นั เรียน รวมทา� ไดด ี = ๓ พอท�าได = ๒ ปรบั ปรงุ = ๑ 4๘ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูศึกษาแนวทางการวัดและประเมนิ ผล เพ่อื ประเมินชน้ิ งานของนกั เรียนจากแบบประเมินชิน้ งานทแี่ นบทายแผนการจัดการเรยี นรู หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 งานช่าง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 งานชา่ ง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 งานช่าง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 งานชา่ ง แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด ) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบประเมนิ การตดิ ตง้ั /ประกอบของใชภ้ ายในบ้าน คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ คาช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี คาช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน 32 ลาดับท่ี รายการประเมิน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน การแสดง การทางาน การมี คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน รวม 1 การแสดงความคดิ เหน็ 32 ความ ตามทีไ่ ด้รับ ส่วนร่วมใน รวม อันพึงประสงค์ดา้ น 321 1 การวางแผนการติดต้ัง/ประกอบ คิดเหน็ การยอมรับ มอบหมาย ความมี การปรบั ปรงุ 15 2 การเลอื กใช้เครอื่ งมือและอปุ กรณ์  1 ลาดับท่ี ช่อื – สกุล ฟงั คนอ่ืน นา้ ใจ ผลงานกลุม่ คะแนน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 3 ขน้ั ตอนการติดต้งั /ประกอบ  ของนกั เรยี น 4 ผลงานการติดตง้ั /ประกอบ กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ่ืน ตอ่ โรงเรยี น   32132132132132 1 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา 3 การทางานตามหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย   1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมที่เกีย่ วกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามท่โี รงเรยี นจัดขึ้น 4 ความมนี า้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   ตัวอยางแบบประเมินลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน 2. ซือ่ สัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถกู ตอ้ ง และเป็นจริง รวม จากแผนการจดั การเรยี นรู............../.................../................ 2.2 ปฏบิ ัติในสงิ่ ท่ีถูกต้อง 3. มีวินยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน ............../.................../................ 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบัติได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชือ่ ฟังคาสัง่ สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ตง้ั ใจเรียน 5. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และสง่ิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยัด 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ คา่ 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน 6. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทางานทีไ่ ด้รับมอบหมาย ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสาเร็จ ดี = 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน ............../.................../............... ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย พอใช้ = 2 คะแนน 10-12 ดี 7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย ปรบั ปรุง = 1 คะแนน 6-9 พอใช้ 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน ต่ำกวำ่ 6 ปรบั ปรงุ เกณฑ์การให้คะแนน 8.2 รจู้ ักการดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัติและสิง่ แวดล้อมของหอ้ งเรียนและ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน โรงเรยี น ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ให้ 1 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ............../.................../................ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ 8 - 11 พอใช้ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติชดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี 22 การงานอาชีพ ป.6 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 19 การงานอาชีพ ป.6 21 การงานอาชีพ ป.6 20 การงานอาชพี ป.6 T60

Chapter Overview แผนการจดั สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนงั สอื เรียน 1. บอกประเภทของ วิธีสอนโดยเน้น - ตรวจแบบทดสอบ 1. ทกั ษะการ 1. มีวนิ ยั รจู้ ักงานประดิษฐ์ การงานอาชีพ ป.6 งานประดิษฐไ์ ด้ กระบวนการ กอ่ นเรยี น รวบรวมขอ้ มูล 2. ประหยัด หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 2. จำ� แนกประเภทของ สรา้ งความคิด หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 2. ทกั ษะการ 3. ใฝเ่ รียนรู้ 1 - แบบวัดฯ งานประดษิ ฐ์ได้ รวบยอด - ตรวจใบงานที่ 5.1 เชือ่ มโยง 4. อยู่อย่าง การงานอาชพี ป.6 3. ปฏบิ ตั ิตนอย่าง - สงั เกตพฤตกิ รรม 3. ทกั ษะการ พอเพียง ช่วั โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 มีมารยาทใน การทำ� งานรายบคุ คล เรียงลำ� ดับ 5. มคี วาม - ใบงานที่ 5.1 เร่ือง การท�ำงานกบั ผอู้ น่ื - สังเกตพฤติกรรม 4. ทกั ษะการ รับผิดชอบ ประเภทของ การทำ� งานกลุ่ม ประเมนิ งานประดิษฐ์ - สงั เกตความมีวนิ ัย - บัตรภาพงานประดษิ ฐ์ ประหยัด ใฝ่เรียนรู้ - PowerPoint อยอู่ ยา่ งพอเพียง และมคี วามรบั ผดิ ชอบ แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรียน 1. บอกอปุ กรณ์ทใี่ ช้ใน วิธสี อนโดยเน้น - ตรวจใบงานที่ 5.2 1. ทักษะการ 1. มวี ินัย การงานอาชีพ ป.6 งานประดษิ ฐ์ได้ กระบวนการ - สงั เกตพฤติกรรม รวบรวมขอ้ มูล 2. ประหยดั อปุ กรณท์ ่ีใช้ใน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 เรยี นความรู้ การทำ� งานรายบุคคล 2. ทักษะการ 3. ใฝเ่ รียนรู้ งานประดษิ ฐ์ 2. ปฏบิ ัติตนอยา่ ง ความเขา้ ใจ - สงั เกตพฤติกรรม เชอ่ื มโยง 4. อยอู่ ยา่ ง - ใบงานท่ี 5.2 เรอื่ ง มมี ารยาทใน การทำ� งานกลมุ่ 3. ทักษะการ พอเพียง 1 อปุ กรณ์ที่ใชใ้ น การท�ำงานกบั ผอู้ น่ื - สังเกตความมวี ินยั เรยี งล�ำดบั 5. มีความ งานประดิษฐ์ ช่ัวโมง ประหยัด ใฝ่เรียนรู้ 4. ทกั ษะการ รบั ผิดชอบ - อุปกรณท์ ่ีใชใ้ น งานประดษิ ฐ์ อยู่อย่างพอเพยี ง ประเมนิ และมคี วามรบั ผดิ ชอบ - PowerPoint T61

Chapter Overview แผนการจดั สอ่ื ท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ - หนังสือเรยี น แผนฯ ท่ี 3 การงานอาชพี ป.6 1. บอกแนวทางในการ วิธสี อนโดยเนน้ - ตรวจผลงาน 1. ทักษะการ 1. มีวนิ ยั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ทำ� งานและปรับปรงุ กระบวนการ การประดิษฐ์ รวบรวมขอ้ มลู 2. ประหยดั การประดิษฐ์ การท�ำงานประดษิ ฐ์ ปฏบิ ตั ิ - ตรวจกจิ กรรม 5.1 2. ทกั ษะการ 3. ใฝ่เรียนรู้ ของใช้ - แบบวัดฯ แตล่ ะขน้ั ตอนได้ ขอ้ 1-2 จากแบบวัดฯ เชื่อมโยง 4. อยอู่ ย่าง ของตกแตง่ การงานอาชีพ ป.6 2. มีทกั ษะการจัดการ การงานอาชีพ ป.6 3. ทกั ษะการ พอเพยี ง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 ในการทำ� งานและ - ตรวจแบบทดสอบ เรยี งลำ� ดับ 5. มคี วาม 4 ทำ� งานประดษิ ฐต์ าม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 4. ทกั ษะการ รบั ผดิ ชอบ - อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นงาน ขัน้ ตอนอย่างถกู ตอ้ ง จากแบบวัดฯ ประเมนิ ชั่วโมง ประดิษฐ์ - PowerPoint 3. ปฏิบตั ิตนอย่าง การงานอาชพี ป.6 มมี ารยาทใน - สังเกตพฤติกรรม การทำ� งานกับผูอ้ ื่น การทำ� งานรายบุคคล - สังเกตความมวี นิ ยั ประหยัด ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง และ มคี วามรบั ผดิ ชอบ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน หนว่ ย การเรียนรูท้ ี่ 5 T62

นาํ สสออนน สรปุ ประเมนิ õ §Ò¹»ÃдÉÔ °Ë¹Ç‹ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè ขนั้ นาํ กิจกรรมนา� Ê‹ÙการàรÂÕ น เราสามารถนาํ วสั ดุ ครูใหนักเรียนสังเกตสิ่งรอบตัว แลวบอกวา เหลือใชม าใชประโยชน สิ่งใดเปนงานประดิษฐบาง ไดอ ยางไร ขน้ั สอน ขนั้ สอน ครูนําภาพงานประดิษฐมาใหนักเรียนดู แลว ใหนกั เรยี นชวยกันสังเกตวา งานประดษิ ฐใ นภาพ ประดษิ ฐจ ากวสั ดหุ รอื เศษวสั ดอุ ะไรบา ง และจดั อยู ในงานประดษิ ฐป ระเภทใด จําแนกความแตกตา ง 1. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั แตล ะกลมุ รวมกันศึกษาความรู เร่ือง รูจักงานประดิษฐ จากหนงั สอื เรยี น การงานอาชพี ป.6 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายถึงความ แตกตา งของงานประดษิ ฐต ามประเดน็ ทก่ี าํ หนด ไดแก งานประดษิ ฐทเ่ี ปน เอกลกั ษณไทย งาน ประดษิ ฐท ว่ั ไป และคน หาภาพงานประดษิ ฐม า ใหไดม ากท่สี ดุ ÊÒÃÐÊÒí ¤ÑÞ à»Ò‡ ËÁÒ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã»ŒÙ ÃШÒí ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè õ งานประดิษฐ์เป็นสิ่งที่คนเราคิดออกแบบ ๑. อ ธบิ ายแนวทางในการทา� งานและปรบั ปรงุ การทา� งานแตล่ ะขนั้ ตอน และสรา้ งขนึ้ มา โดยอาจสรา้ งใหเ้ หมอื นของจรงิ ของการประดิษฐ์ของใช้ของตกแตง่ (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๑) ตามธรรมชาติหรือมีรูปแบบที่แปลกใหม่ เพื่อ ประโยชน์ในการนา� ไปใชง้ าน ๒. ทา� งานประดษิ ฐอ์ ยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนตามลา� ดบั ทวี่ างแผนไวแ้ ละประเมนิ ทกุ ข้นั ตอนเพอ่ื การแก้ไขและปรับปรุงผลงาน (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๑) ๓. ใชท้ กั ษะการจดั การในการทา� งานและมที กั ษะการทา� งานรว่ มกนั ใน การท�างานประดิษฐ ์ (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๒) ๔. ปฏบิ ตั ติ นอยา่ งมมี ารยาทในการทา� งานรว่ มกบั ครอบครวั และผอู้ น่ื (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๓) ๕. ม ีจิตส�านึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและ คุม้ ค่า (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๓) ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดเปน วสั ดหุ รอื เศษวสั ดจุ ากธรรมชาตทิ นี่ าํ มาทาํ งานประดษิ ฐ ครจู ดั กระบวนการเรียนรโู ดยการใหนักเรยี นปฏิบัติ ดังนี้ ไดท ั้งหมด • รว มกนั อภปิ รายและตอบคําถามเกย่ี วกบั งานประดิษฐป ระเภทตางๆ • รวมกนั ทํางานประดิษฐจ ากวัสดุตา งๆ 1. เศษผา เศษไม จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจวา การทาํ งานประดษิ ฐเ ปน การออกแบบและ 2. เปลอื กหอย เปลอื กไข สรา งสรรคผ ลงาน ซง่ึ อาจคดิ ขนึ้ ใหมห รอื เลยี นแบบสงิ่ เดมิ ดว ยวสั ดทุ ห่ี ลากหลาย 3. ฝาขวดนํ้าอัดลม เกล็ดปลา เพอ่ื การใชง านทแ่ี ตกตา งกนั ออกไป ซง่ึ ผปู ระดษิ ฐท ม่ี คี วามตงั้ ใจและหมน่ั ฝก ฝน 4. กระดาษหนงั สอื พิมพ แกนกระดาษชําระ จะทําใหผลงานออกมาดี (วิเคราะหคําตอบ : วัสดุหรือเศษวัสดุจากธรรมชาติ หมายถึง สวนตา งๆ ของพชื หรอื สัตว ดังนน้ั เศษไม เกล็ดปลา เปลือกหอย เปลือกไข จึงเปนวัสดุหรือเศษวัสดุจากธรรมชาติ สวนเศษผา ฝาขวดนํ้าอัดลม กระดาษหนังสือพิมพ แกนกระดาษชําระ คือ วสั ดหุ รอื เศษวสั ดสุ งั เคราะห ดงั นนั้ ขอ 2. จงึ เปน คาํ ตอบทถ่ี กู ตอ ง) T63

นํา สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สอน ñ èŒÙ Ñ¡§Ò¹»ÃдÉÔ ° หาลักษณะรว ม งานประดิษฐ  หมายถึง สิ่งทคี่ นเราคดิ ออกแบบสร้างขน้ึ อาจสร้างให้ เหมือนของจรงิ ตามธรรมชาติหรอื มรี ูปแบบทีแ่ ปลกใหม่ ซ่งึ ผู้ประดษิ ฐ์จะ 1. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ภาพงานประดษิ ฐท สี่ บื คน ต้องมีจนิ ตนาการ ความอดทน ความต้งั ใจ รกั ในงานทีท่ �า และหมัน่ ฝก ฝน มาจาํ แนกประเภท แลวตดิ ลงในกระดาษ โดย จนเกิดความช�านาญในงานนั้น ๆ ผลงานจงึ จะออกมาดี ทาํ เปน แผนผงั ความคดิ ๑. ประเภทของงานประดษิ ฐ 2. ตัวแทนนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ ผลการพจิ ารณาและจาํ แนกความแตกตา งของ งานประดษิ ฐ์แบ่งเปน็ ๒ ประเภท ดังน้ี งานประดิษฐท ห่ี นาชัน้ เรียน ๑ งานประดิษฐทเี่ ปนเอกลกั ษณไ ทย ระบุชอ่ื ความคดิ รวบยอด เป็นงานประดิษฐ์ท่ีสืบทอดมา จากบรรพบุรุษ ช้ินงานที่สร้าง 1. นักเรียนรวมกันสรุปลักษณะประเภทของ ขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม งานประดษิ ฐ ประเพณี และวิถีชีวิตแบบไทย ทมี่ ีความประณีต งดงาม และมี 2. ครถู ามคําถามกระตุน ความคิด คณุ คา่ ทางศลิ ปะ แสดงถงึ ความ • นกั เรยี นคดิ วา งานประดษิ ฐท เี่ ปน เอกลกั ษณ เป็นเอกลักษณ์ไทย เพื่อน�าไป ไทย มคี วามสวยงามและโดดเดน อยา งไร เป็นของใช้ ของเล่น หรือของ (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ประดบั ตกแตง่ โดยใหอยูในดุลยพินิจของครผู ูสอน) ๒ งานประดษิ ฐทั่วไป 3. ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั งานประดษิ ฐ เป็นงานประดิษฐ์ท่ีเกิดจาก 4. นักเรียนทํากิจกรรมเรียนรูปูพ้ืนฐาน ขอ 1-2 ค ว า ม คิ ด ส ร ้ า ง ส ร ร ค ์ ข อ ง ผปู้ ระดษิ ฐ ์ เพอ่ื นา� ไปเปน็ ของใช ้ หนว ยการเรยี นรทู ี่ 5 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ของเล่น หรือของประดับ ป.6 ตกแต่ง 5. ครูถามคําถามกระตนุ ความคดิ • นักเรียนคิดวา การทํางานประดิษฐจาก วัสดุเหลือใช จัดเปนการใชทรัพยากรอยาง คุมคา หรอื ไม เพราะอะไร (แนวตอบ : เปน เพราะเปน การนาํ สง่ิ ทอ่ี าจจะ ตอ งนาํ ไปทงิ้ ไปใชใ หเ กดิ ประโยชน และชว ย รกั ษาสงิ่ แวดลอ มดว ยการลดปรมิ าณขยะได) 5๐ บรู ณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-5 คน สบื คน งานประดษิ ฐท เ่ี ปน เอกลกั ษณ ขอ ใดหมายถงึ งานประดิษฐท่เี ปน เอกลักษณไทย ประจาํ ชาติในประเทศอาเซียน กลมุ ละ 1 ชนดิ โดยแตล ะกลุมไมซ าํ้ กัน จากนั้น 1. ส่งิ ท่ีประดษิ ฐจากความคิดของคนไทย ออกมานําเสนอหนาชัน้ เรียนอยางสรางสรรค ตามหัวขอ ตอ ไปน้ี 2. สง่ิ ทป่ี ระดิษฐเพือ่ นําไปเปน ของเลนในวิถชี วี ติ คนไทย 3. สง่ิ ทปี่ ระดษิ ฐจ ากวสั ดเุ หลอื ใช รวมถงึ วสั ดอุ น่ื จากธรรมชาติ 1. งานประดิษฐจ ากประเทศใด ทอี่ ยูในประเทศไทย 2. ช่ืองานประดษิ ฐ 4. สิง่ ท่ปี ระดิษฐข ้นึ มาเพ่ือประโยชนใ ชสอยในชีวติ ประจําวนั 3. เอกลกั ษณท ่แี สดงถงึ ประเทศนน้ั ๆ อาจมีการสบื ทอดมาตงั้ แตสมยั โบราณ ซึ่งสะทอนใหเห็น 4. วสั ดทุ ใี่ ชในการประดษิ ฐ วัฒนธรรมประเพณี ศาสนา และวถิ ชี ีวิตของไทย 5. ประโยชนของงานประดษิ ฐ (วิเคราะหคําตอบ : งานประดิษฐ หมายถึง ส่ิงที่ประดิษฐเพ่ือนํา T64 ไปเปนของใช ของเลน ของตกแตงท่ัวไป แตงานประดิษฐที่เปน เอกลักษณไทย มักเปนสิ่งประดิษฐท่ีสะทอนใหเห็นวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา และวิถีชีวิตของไทย ดังนั้น ขอ 4. จึงเปน คําตอบที่ถกู ตอ ง)

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๒. กระบวนการจดั การในงานประดิษฐ ขนั้ สอน การทา� งานประดษิ ฐ ์ ควรทา� ตามขนั้ ตอนเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลงานทม่ี คี ณุ ภาพ ทดสอบและนําไปใช้ สวยงาม และสามารถนา� ไปใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามความตอ้ งการ กระบวนการจดั การในงานประดิษฐ ์ มีดงั นี้ นกั เรยี นแตล ะคนทาํ ใบงานที่ 5.1 เรอื่ ง ประเภท งานประดิษฐ จากแผนการจัดการเรียนรู แลว ๑ วางแผนการทาํ งาน รวมกันเฉลยคําตอบใบงาน จากน้ันครูอธิบาย เปน็ การกา� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละรปู แบบเพอ่ื เปน็ แนวทางในการทา� งาน เชน่ ชอื่ ผลงาน ความรูเพ่ิมเติมเก่ียวกับการนําวัสดุและเศษวัสดุ วตั ถปุ ระสงค์ในการทา� งาน สถานทที่ า� งาน วธิ กี ารทา� งาน ระยะเวลาทา� งาน งบประมาณ มาใชใ นงานประดษิ ฐ เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลงานตามทตี่ อ้ งการ และเปน็ การใชท้ รพั ยากรอยา่ งประหยดั และคมุ้ คา่ ๒ ปฏบิ ตั ิตามแผนการทาํ งาน ขน้ั สรปุ เป็นการปฏิบัติตามแผนการที่ก�าหนดไว้ โดยเร่ิมจากการเตรียมวัสดุและอุปกรณ ์ สถานท่ปี ฏบิ ตั ิงาน จากน้นั ลงมอื ปฏบิ ัติงานตามแผนทกี่ า� หนดไว้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ ๓ ประเมินผล ประเภทของงานประดิษฐ เป็นการตรวจสอบผลงาน โดยรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติงานตามที่วางแผน ไว ้ เพอื่ หาขอ้ บกพร่องของการปฏบิ ัตงิ านในขั้นตอนต่าง ๆ เพือ่ ใช้เปน็ แนวทางในการ ขน้ั ประเมนิ แก้ไขและปรบั ปรุงผลงาน ครวู ดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นจากแบบทดสอบ ๓. ขอ้ ควรค�านงึ ในการทา� งานประดษิ ฐ กอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 5 เรอื่ ง งานประดษิ ฐ และใบงานท่ี 5.1 จากแผนการจดั การเรยี นรู ในการท�างานประดษิ ฐ ์ ควรค�านงึ ถงึ สิง่ ตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑ เลอื กใชว้ ัสดุหรือเศษวสั ดุท่หี าไดง้ า่ ยในท้องถน่ิ 1 ๒ ค�านงึ ถึงความประหยดั ไม่ควรซ้ือวสั ดุทมี่ รี าคาแพงมาใชใ้ นงานประดษิ ฐ์ ๓ พจิ ารณาและเลอื กประดิษฐส์ ่ิงทน่ี �าไปใชป้ ระโยชน์ได้ ๔ เลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมอื ใหเ้ หมาะกบั งานประดิษฐแ์ ละใชด้ ว้ ยความระมดั ระวงั ËนÙทา� ä´Œ ประดษิ ฐ์ของใชข้ องตกแตง่ ตามกระบวนการจัดการ ท�าไดด้ ี พอท�าได้ ท�าอกี ครงั้ 5๑ กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู ครใู หน กั เรยี นแตล ะคนเลอื กประดษิ ฐข องใชข องตกแตง ทช่ี อบ 1 วัสดทุ ีห่ าไดงายในทองถิ่น หมายถงึ วสั ดทุ ีม่ ีมากในทองถ่ินหรือเขตชมุ ชน 1 ชนิด แลวนํากระบวนการจัดการทํางานมาใชในการประดิษฐ ของตน เชน ของใชข องตกแตง ดงั นี้ 1. วสั ดธุ รรมชาตจิ ากสตั ว เชน เปลอื กหอย เปลอื กไข ขนนก ขนไก เกลด็ ปลา 1. วางแผนการทํางาน 2. วัสดธุ รรมชาติจากพชื เชน ไมไ ผ มะพราว ตน กลวย ปาน ปอ ท้ังนี้ 2. ปฏิบัตติ ามแผนการทาํ งาน 3. ประเมนิ ผล การใชว ัสดธุ รรมชาติจะตอ งไมทาํ ลายสง่ิ แวดลอม จากนน้ั บนั ทกึ ขนั้ ตอนการทาํ งานลงในสมดุ และนาํ เสนอผลงาน 3. วัสดุสงั เคราะห เชน เสน ใยของพืชและสัตว ผา กระดาษ พลาสติก ลวด หนาชน้ั เรียน กระปอง ซง่ึ แตล ะทอ งถน่ิ จะมวี สั ดหุ รอื เศษวสั ดทุ แ่ี ตกตา งกนั เชน ทอ งถน่ิ ทอ่ี ยตู ดิ ทะเล จะมีเปลือกหอยและใบมะพราวมาก ทองถิ่นท่ีมีปาไมจะมีไมมาก ทองถิ่นท่ี อยูติดแมนํ้าลําคลองจะมีผักตบชวามาก การนําวัสดุที่หาไดงายในทองถิ่นมา สรางสรรคเปนงานประดิษฐ จะทําใหไดผลงานท่ีใหประโยชนใชสอยตรงตาม ความตองการของคนในทองถ่ิน T65

นํา นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั นาํ ๔. ประโยชนท ไ่ี ดร้ บั จากการทา� งานประดษิ ฐ ครูถามคําถามนักเรียนวา “นักเรียนรูจัก เกิดความคิด ประโยชน น�าไปประกอบ อุปกรณทใ่ี ชในงานประดิษฐอะไรบาง” สร้างสรรค์ ที่ไดร ับจากการ อาชพี ได้ น�าชนิ้ งานมาใช้ ทาํ งานประดษิ ฐ ฝก นิสัยในการทา� งาน ขน้ั สอน ประโยชน์ได้ เชน่ เชน่ ความอดทน จ�าหน่าย ใช้ใน ช่วยประหยดั ทรพั ยากรจาก ความละเอียดรอบคอบ สังเกต ตระหนกั ครอบครัว การนา� วสั ดเุ หลือใช้มาดัดแปลง ใชเ้ วลาวา่ ง ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 1. ครูนําตัวอยางอุปกรณท่ีใชในงานประดิษฐ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ ประเภทตา งๆ มาใหนักเรียนดู ò Í»Ø ¡Ã³·Õãè ªãŒ ¹¡ÒûÃдÉÔ ° 2. นกั เรียนกลมุ เดมิ รวมกนั สงั เกต อภิปราย และ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับตัวอยางอุปกรณ อุปกรณท่ีใช้ในการประดิษฐ หมายถึง ส่ิงที่น�ามาใช้เพ่ือช่วยอ�านวย ท่ีใชในงานประดิษฐทค่ี รูนํามาใหดู ความสะดวกในการท�างาน สามารถแบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ านได ้ ดงั น้ี 3. ครูใหความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับความสําคัญใน ใชวดั ใชต ัด การศกึ ษา เรื่อง อปุ กรณท ใี่ ชใ นการประดษิ ฐ ไมบ้ รรทดั วงเวยี น ไม้ครงึ่ วงกลม กรรไกร คมี คัตเตอร์ วางแผนปฏิบตั ิ ใชต ดิ 1. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาความรู เร่ือง อุปกรณท ีใ่ ชในการประดิษฐ จากหนงั สอื เรยี น การงานอาชพี ป.6 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนรวบรวม ขอมูลและศึกษาความรูเพ่ือหาคําตอบตาม ประเดน็ ทีก่ าํ หนด ใชต กแตง ใชเ จาะ สีเทยี น ดนิ สอ กาวน�้า กาวแทง่ สไี ม้ ตะปู เหลก็ แหลม1 สีสเปรย์ ปน กาว เทปใส »ÅÍ´ÀัÂäÇŒกÍ‹ น ควรศึกษาวธิ ีใชเ้ ครือ่ งมอื ก่อนน�าไปใช้ และไมค่ วรใช้เครือ่ งมอื ท่ชี า� รดุ เพราะอาจทา� ให้ เกิดอุบตั ิเหตุได้ 5๒ นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรา งเสรมิ 1 เหล็กแหลม เปนอุปกรณที่ใชเจาะ ซึ่งมีอุปกรณอีกชนิดหน่ึงที่มีลักษณะ ครูนําอุปกรณท่ีใชในการประดิษฐชนิดตางๆ มาจัดประเภท คลายกัน เรียกวา เหล็กหมาด เปนเหล็กปลายแหลมคลายเข็ม ยาวประมาณ แลววางไวหนาช้ันเรียน จากนั้นใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 นว้ิ ดา มจบั เปน แทง มลี กั ษณะกลมมนทาํ จากไม สาํ หรบั ใชเ จาะ งดั ไช ตอก 3-5 คน ใหแตละกลุมเลือกอุปกรณใดก็ไดกลุมละ 5 อยาง แยง หรือแงะตามรู สําหรับรอยหวาย การถักขอบ หรือผูกโครงสรางของ แลวคิดงานประดิษฐข้ึนมากลุมละ 1 ชนิด โดยท่ีตองใชอุปกรณ เครื่องจกั สาน ทนี่ ักเรยี นเลอื กมาทาํ งานประดิษฐเ ทานั้น จากนน้ั ออกมานาํ เสนอ ผลงานอยางสรา งสรรคใ นชั่วโมงถัดไป T66

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๑µÇÑ ÍÂÒ‹ §·Õè ตะกราจากแผงไข ขนั้ สอน ๑. ÇแÊÑผง´ไáØขÅ่ 1ÐÍ»Ø ¡๒ó. ล วดกา� มะหย ี่ ๓. พู่กัน ลงมือปฏิบตั ิ ๔. กระดาษย่น ๕. เหล็กแหลม ๖. กรรไกร ๗. สนี �า้ ๘. กาวลาเทก็ ซ์ 1. นักเรียนแตละกลุมรวมกันรวบรวมขอมูลและ ศึกษาความรูเพ่ือหาคําตอบตามประเด็นที่ ขนั้ ตอนการประดษิ ฐ กําหนด โดยปฏิบัติตามแผนท่ีวางไว จากน้ัน เรียบเรียงขอมูล ความรู แลวอภิปราย และ ๑ ตัดแผงไข่ขนาดประมาณ ๖ หลมุ ๒ ใชส้ ีนา้� ระบายบริเวณดา้ นบนของแผงไข่ สรุปคําตอบท่ีเปนมตขิ องกลุม 2. ตวั แทนแตล ะกลมุ นาํ เสนอคาํ ตอบหนา ชน้ั เรยี น พฒั นาความรู้ความเขา้ ใจ นักเรียนทําใบงานที่ 5.2 เรื่อง อุปกรณท่ีใช ในงานประดษิ ฐ จากแผนการจดั การเรยี นรู ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง อปุ กรณ ท่ใี ชใ นงานประดิษฐ ขนั้ ประเมนิ ครวู ดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นจากใบงานท่ี 5.2 จากแผนการจัดการเรยี นรู ๓ ใชเ้ หล็กแหลมเจาะรดู า้ นซา้ ยและขวา ๔ รอ้ ยลวดกา� มะหยเ่ี ขา้ กับแผงไข่ใหเ้ ป็น ของแผงไข ่ ด้านละ ๑ ร ู ส�าหรับรอ้ ยลวด หหู ้ิวของตะกร้า แล้วผูกปมลวดที่ดา้ นล่าง กา� มะหยี่ ของรู เพ่ือให้ลวดไมห่ ลุดออกจากรู 5๓ ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู หากตองการนํากลองกระดาษลูกฟูกมาประดิษฐเปนหุนยนต 1 แผงไข เปนเย่ือกระดาษขึ้นรูปสีน้ําตาล นํ้าหนักเบา ใชสําหรับรองไขเพ่ือ เราควรใชอปุ กรณใดในการยึดกลอ งกระดาษ 2 กลอง ใหติดกนั ปองกันไมใหไขแตกจากแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนจากการจําหนายหรือ ขนยายไข ทําใหผูซ้ือและผูขายไมตองกังวลวา ไขจะแตกหรือชํารุดกอนนําไป 1. ดา ย ประกอบอาหารหรือแปรรูป แผงไขสามารถใชซ้ําหรือนําไปใชประโยชนได 2. นอต หลากหลาย เชน ใชบ ผุ นังหองทาํ เปนหอ งซอ มดนตรหี รือหอ งเก็บเสียง ใชเ ปน 3. ตะปู ที่เกบ็ ของขนาดเลก็ ใชท าํ ดอกไมป ระดับตกแตง ใชเ พาะตนกลา 4. กาว (วิเคราะหค าํ ตอบ : ขอ 1. ดา ย มกั ใชสําหรบั เยบ็ ผา ขอ 2. นอต กับขอ 3. ตะปู มักใชสําหรับยึดติดไมหรือวัสดุที่มีความแข็ง ขอ 4. กาว มักใชติดกระดาษ สามารถใชไดกับทั้งกระดาษบาง และหนา ข้ึนอยูกับชนิดของกาว ดังนั้น ขอ 4. จึงเปนคําตอบ ท่ถี กู ตอ ง) T67

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ ๕ วดั ขนาด ๖ ตัดกระดาษย่น กระดาษยน่ ใหเ้ ป็นแฉก ครูถามคําถามนักเรียนวา “ถานักเรียนจะนํา ใหเ้ ทา่ กบั วัสดุหรือเศษวัสดุมาประดิษฐของใช ของตกแตง รอบแผงไข่ ๑ ดา้ น นักเรียนจะนาํ อะไรมาประดิษฐ” แล้วพับครึ่ง ขนั้ สอน ๗ ตดั กระดาษยน่ ใหม้ ขี นาดกวา้ งกวา่ ฐานของแผง ไขป่ ระมาณ ๒ นว้ิ แลว้ หอ่ จากฐานขน้ึ มารอบ สงั เกต รับรู้ แผงไข่ ครูนําตัวอยางตะกราจากแผงไขมาแสดง ๘ นา� กระดาษยน่ ๙ จะได้ตะกร้า หนาชน้ั เรียน จากนัน้ ใหนักเรยี นรว มกันพิจารณา ทมี่ ีรอยแฉก จากแผงไข่ วา ตะกราจากแผงไขประดิษฐแ ละตกแตง มาจาก ทีเ่ สร็จ เศษวสั ดุใด ท่ีตัดไว้ สมบูรณ์ มาตดิ รอบ ทาํ ตามแบบ แผงไข่ 1. นกั เรยี นกลมุ เดมิ ศกึ ษาความรู เรอื่ ง กระบวนการ ประโยชน ใชสอย จัดการในงานประดิษฐ และตัวอยางการ ประดิษฐตะกราจากแผงไข จากหนังสือเรียน สา� หรบั ใส่ของใช้ขนาดเลก็ ท่มี นี ้�าหนกั เบาและประดบั ตกแตง่ บา้ น การงานอาชีพ ป.6 2. ครูนําวัสดุและอุปกรณที่ใชในการประดิษฐ ตะกรา จากแผงไขม าแสดงหนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครูประดิษฐตะกราจากแผงไขใหนักเรียนดู เปนแบบตามลําดับขั้นตอน 3. ครูแจกวัสดุและอุปกรณท่ีใชในการประดิษฐ ตะกราจากแผงไข แลวใหนักเรียนฝกทําตาม ขั้นตอนท่คี รทู าํ ใหด ู ËนทÙ �าä´Œ ทา� ได้ดี พอท�าได้ ทา� อีกครง้ั ประดษิ ฐ์ตะกร้าจากแผงไข่ 5๔ การประดษิ ฐข องใชข องตกแตง จากขวดพลาสตกิ สื่อ Digital ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนสแกน QR Code เร่ือง การประดิษฐของใชของตกแตงจาก ใบมะพรา วเปนวัสดจุ ากธรรมชาติท่ีเหมาะสําหรบั นํามาใช ขวดพลาสตกิ เพ่อื ดูตัวอยางการประดิษฐข องใชข องตกแตงจากวัสดุเหลือใช ในงานประดษิ ฐ ยกเวนขอ ใด T68 1. หมวก 2. มุงหลงั คา 3. ทําของเลน 4. ทาํ โตะ เกา อี้ (วิเคราะหคําตอบ : ใบมะพราวมีขนาดใหญ ยาว แตเบา จึงรับ นํ้าหนักไดนอย ไมเหมาะกับการทําเคร่ืองเรือน เชน โตะ เกาอ้ี ซง่ึ ตอ งรบั นา้ํ หนกั มาก แตเ หมาะสาํ หรบั ทาํ ของทไี่ มต อ งรบั นา้ํ หนกั มาก เชน หมวก ของเลน นอกจากน้ี ยังมีการนําใบมะพราว มาสานเพื่อมุงหลังคาบานหรอื หลงั คาเลาไกอ ีกดวย ดงั นนั้ ขอ 4. จงึ เปน คําตอบที่ถกู ตอ ง)

นาํ สอน สรุป ประเมิน กจิ กรรมพฒั นาการทา� งาน ขนั้ สอน ถามมาหนตู อบได้ ทําเองโดยไมมแี บบ ๑. หากนกั เรยี นไมอ่ อกแบบภาพรา่ งกอ่ นทา� งานประดษิ ฐจ์ ะเกดิ ผลอยา่ งไร 1. ครถู ามนกั เรยี นเกยี่ วกบั ปญ หาและอปุ สรรคใน ๒. เ มื่อประดิษฐ์ของใช้ของตกแต่งเสร็จแล้ว พบว่า มีข้อบกพร่องท่ีไม่ การทํางานประดิษฐ เพ่อื ใหน กั เรียนรวมกนั หา ทางแกไข ไดร้ บั การแก้ไข นกั เรียนคดิ ว่าจะเกดิ ผลอยา่ งไร 2. นักเรยี นแตล ะคนลงมือประดษิ ฐตะกรา แผงไข เรยี นรู้กิจกรรมทักษะการทา� งาน C21 erCorLiefeSuSabkinllds CareLearning aSnkdillIsnnovation TIencform ในแบบของตนเอง jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd 3. นักเรียนนําผลงานของตนเองออกมาวาง SCPtaruonrfrdeicasusridlousnmaalnaDdnedAvIesnslesotsprsummcteeionnntts รวมกันหนาช้ันเรียน แลวใหคะแนนผลงาน Learning Environments โดยครูคอยเสนอแนะเพิ่มเติมและชมเชย ผลงานทีท่ ําไดเรยี บรอยสวยงาม แบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ ๓-๕ คน ออกแบบและสร้างงานประดิษฐ ์ ๑ ช้นิ โดยปฏบิ ัต ิ ดงั น้ี ฝก ทาํ ให้ชํานาญ • ออกแบบชน้ิ งานเปน็ ภาพร่างลงในสมดุ 1. ครูกําหนดใหนักเรียนประดิษฐของใชของ • วางแผนการทา� งาน โดยเขียนเป็นแผนผังความคดิ ลงในสมดุ ตกแตง เพอื่ นําไปใหสมาชิกในครอบครัวหรอื • ลงมือประดิษฐ์ตามแผนที่วางไว้ ใหเพ่ือนๆ โดยนักเรียนกําหนดโอกาสท่ีจะ • ประเมินผลงาน แล้วนา� เสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น มอบส่งิ ประดษิ ฐใ หดว ยตนเอง หนูร้สู ึกอย่างไร 2. นักเรียนแตละคนประดิษฐของใชของตกแตง โดยใชกระบวนการจัดการในงานประดิษฐ ๑. นกั เรยี นรู้สกึ อย่างไรท่ีไดส้ ร้างผลงานประดิษฐด์ ว้ ยตนเอง แลวบันทึกการประดิษฐลงในกิจกรรมตาม ๒. นักเรียนคิดว่า การประดิษฐ์ของจากวัสดุเหลือใช้มปี ระโยชน์อยา่ งไร ตัวช้ีวัด กิจกรรมที่ 5.1 ขอ 1-2 หนวย การเรยี นรทู ี่ 5 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 3. ครูคอยใหขอเสนอแนะ และนักเรียนแกไข ผลงานการประดิษฐของตนเอง เพ่ือใหเกิด ความชาํ นาญ แลว รวบรวมผลงานสง ครูตรวจ 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหนวยการเรียนรูท่ี 5 จากแบบวดั ฯ การงานอาชีพ ป.6 กิจกรรม ทา ทาย 55 ครูเชิญวิทยากรในทองถ่ินมาใหความรูเก่ียวกับการประดิษฐ บูรณาการเชื่อมสาระ ของใชของตกแตงในทองถ่ินหรืองานประดิษฐท่ีนักเรียนสนใจ ครูบูรณาการเช่ือมสาระวิชาการงานอาชีพกับวิชาสังคมศึกษา เรื่อง เชน การทํารม จากกระดาษสา การทาํ กระเปา จากผกั ตบชวา การ การดแู ลรักษาส่งิ แวดลอม ดงั น้ี ทอผาไหม การทาํ ผาบาติก จากนนั้ ใหน ักเรียนแตล ะคนประดิษฐ ตามท่ีวิทยากรไดนําเสนอ โดยสรางสรรคผลงานใหมีเอกลักษณ 1. ครูอธิบายความรูเก่ียวกับการคัดแยกขยะและความสําคัญของการ เฉพาะตัว แลว จัดนิทรรศการงานประดิษฐภายในโรงเรยี น ทิง้ ขยะใหถูกที่ ซ่ึงจะสง ผลดีตอ ส่งิ แวดลอม 2. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน ออกแบบชน้ิ งานจากขยะภายใน โรงเรยี น 3. ครชู วนนักเรียนคัดแยกขยะภายในโรงเรียน จากนนั้ ทําความสะอาด ขยะที่นกั เรยี นคัดเลอื กไวเ พอ่ื นําไปใชในงานประดษิ ฐ 4. ใหนักเรียนประดิษฐผลงานจากขยะภายในโรงเรียนตามแผนท่ีได วางไว แลว ออกมานําเสนอหนา ชั้นเรยี น พรอ มบอกประโยชนท ไ่ี ดร บั จากการทํางานครง้ั นี้ T69

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ สรปุ Ẻ»ÃÐàÁ¹Ô ¡Ò÷Òí §Ò¹ ส�าห 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ คา� ชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนประเมินการทา� งานของตนเองตามรายการ รับนักเรียน การประดิษฐของใชของตกแตงใหสมาชิก ท่ีก�าหนด แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องทตี่ รงกับระดับคะแนน ในครอบครัวหรือใหเ พอ่ื นในโอกาสตางๆ รายการ ท�าไดด้ ี พอท�าได้ ปรบั ปรุง 2. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นแตล ะคนออกแบบและ ประดิษฐของใชจากวัสดุและเศษวัสดุเหลือใช ๑. วางแผนและออกแบบช้ินงานได้ ตัวอยางตารางบันทึกผล ภายในบานคนละ 1 ชิ้น โดยใหครอบคลุม ๒. เลือกใชว้ ัสดแุ ละอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ได้ ตามประเดน็ ทก่ี าํ หนด ๓. ลงมือปฏบิ ัติตามขน้ั ตอนได้ ๔. นา� ผลงานไปใช้ประโยชน์ได้ 3. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรยี นรทู ่ี 5 เรอื่ ง งานประดษิ ฐ จากแผนการ รวมทาํ ไดดี = ๓ พอทาํ ได = ๒ ปรับปรงุ = ๑ จดั การเรยี นรู Ẻ»ÃÐàÁÔ¹ ·Ñ¡ÉСÒ÷íÒ§Ò¹ C21 Life Sakinllds CareerLearning aSnkdillIsnnovation TIencform ขน้ั ประเมนิ Core Sub jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd ครวู ดั และประเมินผลนักเรยี น ดงั น้ี SCPtaruoLnrefrdeiacasrusnridlouinsnmgaalEnanDdnvediArvoIesnnslesomtsprsuemmcnteetisonnntts • จากกิจกรรมท่ี 5.1 ขอ 1-2 จากแบบวัดฯ ค�าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ทกั ษะการทา� งาน C21 ตามรายการ สา� หรับครู การงานอาชีพ ป.6 ทก่ี �าหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คะแนน • จากแบบทดสอบหนวยการเรียนรูท่ี 5 จาก รายการ ท�าไดด้ ี พอท�าได้ ปรบั ปรงุ แบบวดั ฯ การงานอาชีพ ป.6 • จากการประดิษฐของใชจากวัสดุและ ๑. แบง่ หนา้ ทกี่ นั อย่างเหมาะสม เศษวสั ดเุ หลอื ใชภายในบาน ๒. ร่วมมอื กันทา� งานจนส�าเรจ็ • จากแบบทดสอบหลงั เรียน หนว ยการเรยี นรู ๓. แสดงความคดิ เห็นอย่างเหมาะสม ๔. รับฟงความคดิ เหน็ ของคนในกลุ่ม ท่ี 5 เรื่อง งานประดิษฐ จากแผนการ ๕. นา� เสนอหนา้ ช้ันเรียน จดั การเรยี นรู ตัวอยางตารางบันทึกผล รวมทาํ ไดดี = ๓ พอทาํ ได = ๒ ปรบั ปรงุ = ๑ 5๖ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูศึกษาแนวทางการวดั และประเมินผล เพอ่ื ประเมนิ ชิ้นงานของนกั เรยี นจากแบบประเมนิ ชิน้ งานท่แี นบทา ยแผนการจัดการเรียนรู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 งานประดษิ ฐ์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 งานประดิษฐ์ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 งานประดิษฐ์ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 งานประดษิ ฐ์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) คาช้ีแจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องท่ี แบบประเมินผลงานการประดิษฐข์ องใชจ้ ากวสั ดุและเศษวสั ดุเหลือใช้ภายในบา้ น คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน การแสดง การทางาน การมี อันพึงประสงคด์ า้ น รายการประเมิน 321 321 ความ ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นร่วมใน รวม 1 การวางแผนการทางาน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน ลาดับที่ ช่อื – สกุล คิดเห็น การยอมรบั มอบหมาย ความมี การปรับปรุง 15 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 2 การเลือกใช้วัสดแุ ละเศษวัสดุ รวม 32 ของนกั เรียน ฟงั คนอื่น นา้ ใจ ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 การใชเ้ คร่อื งมือในการทางานประดิษฐ์ 1 การแสดงความคิดเหน็  1 กษัตรยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อน่ื  3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย   ต่อโรงเรียน 4 ความมีน้าใจ  5 การตรงต่อเวลา   32132132132132 1 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏบิ ัติตามหลักศาสนา  รวม  1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเก่ียวกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามท่โี รงเรยี นจัดขึน้  จาตกัวแอผยนางกแาบรบจดัปกระาเรมเรนิ ยี นรูลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง ............../.................../................ 2.2 ปฏบิ ัติในสง่ิ ที่ถูกต้อง 3. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้ ............../.................../................ 4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชอื่ ฟงั คาส่งั สอนของบิดา - มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง 4.4 ต้ังใจเรยี น 5. อย่อู ย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพยส์ นิ และสงิ่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และร้คู ุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน 6.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเร็จ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน 7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย ดี = 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน 8-9 ดี เกณฑ์การใหค้ ะแนน 8.2 รจู้ กั การดูแลรกั ษาทรัพย์สมบัตแิ ละสิง่ แวดล้อมของห้องเรยี นและ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ 5-7 พอใช้ ให้ 3 คะแนน โรงเรียน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ต่ำกวำ่ 5 ปรบั ปรุง เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ............../.................../................ 12 - 15 ดี เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน 8 - 11 พอใช้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 12 - 15 ดี พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั บิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน 8 - 11 พอใช้ 22 การงานอาชีพ ป.6 ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง 21 การงานอาชพี ป.6 20 การงานอาชีพ ป.6 19 การงานอาชพี ป.6 T70

Chapter Overview แผนการจดั สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนังสอื เรยี น 1. บอกวัตถปุ ระสงค์ วธิ สี อนโดยการ - ตรวจแบบทดสอบ 1. ทักษะการ 1. มวี นิ ัย การงานอาชพี ป.6 ในการประกอบธรุ กจิ จัดการเรียนรู้ ก่อนเรยี น รวบรวมขอ้ มูล 2. ตรงตอ่ เวลา การท�ำธรุ กิจ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 ประเภทของธุรกิจ แบบร่วมมอื : หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 2. ทักษะการ 3. มีความ - แบบวดั ฯ และคณุ ธรรมของ เทคนิคคู่คิด - ตรวจใบงานที่ 6.1 เชอื่ มโยง รบั ผดิ ชอบ 2 การงานอาชีพ ป.6 ผ้ปู ระกอบธุรกิจได้ สีส่ หาย - ตรวจกิจกรรมที่ 6.1 3. ทกั ษะการ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 2. ใช้ทักษะการจัดการ ข้อ 1 จากแบบวดั ฯ เรียงลำ� ดับ ชว่ั โมง - ใบงานที่ 6.1 เร่ือง ในการทำ� งานและมี การงานอาชีพ ป.6 4. ทักษะการ การท�ำธรุ กจิ ทกั ษะการทำ� งาน - ตรวจใบงานที่ 6.2 ประเมนิ - ใบงานที่ 6.2 เรื่อง รว่ มกนั - สังเกตพฤติกรรม สำ� รวจธุรกจิ ในชุมชน 3. ปฏิบตั ติ นอย่าง การทำ� งานรายบุคคล - บตั รภาพธรุ กจิ ประเภท มมี ารยาทในการ - สังเกตพฤตกิ รรม ตา่ ง ๆ ทำ� งานกบั ครอบครัว การทำ� งานกลมุ่ - PowerPoint และผอู้ ่นื - สังเกตความมีวินัย ตรงต่อเวลา และ ความรบั ผิดชอบ แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. บอกขั้นตอนการ วธิ ีสอนโดยใช้ - ตรวจกจิ กรรมท่ี 6.1 1. ทกั ษะการ 1. มวี นิ ยั การงานอาชีพ ป.6 บนั ทกึ รายรบั - การสาธิต ข้อ 2 จากแบบวัดฯ รวบรวมขอ้ มูล 2. ตรงตอ่ เวลา การบนั ทกึ รายจ่ายได้ รายรบั  – รายจา่ ย หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การงานอาชพี ป.6 2. ทักษะการ 3. มคี วาม - แบบวดั ฯ 2. บันทึกรายรับ- - สงั เกตพฤติกรรม เช่อื มโยง รับผิดชอบ 1 การงานอาชีพ ป.6 รายจ่ายได้ การทำ� งานรายบุคคล 3. ทักษะการ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 - สงั เกตความมีวนิ ัย เรยี งลำ� ดับ ชัว่ โมง - PowerPoint 3. ปฏบิ ัตติ นอยา่ ง ตรงตอ่ เวลา และ 4. ทกั ษะการ มมี ารยาทในการ ทำ� งานกบั ครอบครัว ความรับผดิ ชอบ ประเมิน และผู้อื่น T71

Chapter Overview แผนการจดั สอื่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ - หนงั สือเรยี น แผนฯ ท่ี 3 การงานอาชพี ป.6 1. บอกวธิ กี ารจัดเกบ็ วธิ สี อนโดยเน้น - ตรวจกจิ กรรมที่ 6.1 1. ทักษะการ 1. มวี นิ ยั หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 เอกสารทางธรุ กจิ กระบวนการ ขอ้ 3 จากแบบวัดฯ รวบรวมขอ้ มลู 2. ตรงตอ่ เวลา การจดั เก็บ และกระบวนการ ปฏิบัติ การงานอาชพี ป.6 2. ทักษะการ 3. มีความ เอกสาร  - แบบวดั ฯ ทำ� ธรุ กิจได้ - ตรวจแบบทดสอบ เช่อื มโยง รบั ผดิ ชอบ ทางธรุ กจิ การงานอาชีพ ป.6 2. ใช้ทกั ษะการจัดการ หลังเรยี น หนว่ ย 3. ทกั ษะการ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 ในการทำ� งานธรุ กจิ การเรียนรทู้ ่ี 6 เรียงลำ� ดับ 1 และมที กั ษะการทำ� งาน - สังเกตพฤตกิ รรม 4. ทักษะการ - PowerPoint ร่วมกนั การทำ� งานรายบคุ คล ประเมนิ ช่วั โมง 3. ปฏิบัติตนอยา่ ง - สงั เกตความมวี นิ ัย มีมารยาทในการ ตรงตอ่ เวลา และ ทำ� งานกบั ครอบครวั ความรับผดิ ชอบ และผอู้ ืน่ - ตรวจแบบบนั ทึก รายรบั -รายจา่ ยของ ตนเอง T72

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมิน ö §Ò¹¸ÃØ ¡¨Ô˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ èÕ ขนั้ นาํ ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹íÒÊÙ¡‹ ÒÃàÃÕ¹ ผูป้ ระกอบธุรกิจบริการ ครนู าํ ภาพธรุ กจิ ประเภทตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู ควรมคี ุณลักษณะ เชน ธุรกิจรานสะดวกซ้ือ ธุรกิจดานการเกษตร อยา่ งไร ธรุ กจิ ดา นอตุ สาหกรรม ธรุ กจิ การใหบ รกิ าร จากนนั้ ครูสอบถามนักเรียนวา ในชีวิตประจําวันของ นักเรียนเกี่ยวของกับธุรกิจอะไรบาง และธุรกิจ ดงั กลา วมีประโยชนตอ นักเรียนอยา งไร ÊÒÃÐÊíÒ¤ÞÑ à»Ò‡ ËÁÒ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã»ŒÙ ÃШÒí ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè ö งานธุรกิจเป็นกิจกรรมที่เก่ียวกับการผลิต ๑. อภิปรายกระบวนการด�าเนินงานธุรกิจไดอ้ ยา่ งเปน็ ขน้ั ตอน การจา� หนา่ ย การแลกเปลย่ี นสนิ คา้ และใหบ้ รกิ าร (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๑) ในดา้ นตา่ ง ๆ โดยมงุ่ หวงั ผลกา� ไรตอบแทน เพอ่ื ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ให้มีความ ๒. ท �าบัญชีธุรกิจและจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นขั้นตอนตามล�าดับท่ี สะดวกสบายและมีความสขุ ในการดา� รงชีวิต วางแผนไว้และประเมินทุกข้ันตอนเพื่อการแก้ไขและปรับปรุง ผลงาน (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๑) ๓. ใชท้ กั ษะการจดั การในการทา� งานและมที กั ษะการทา� งานรว่ มกนั ใน การท�าบัญชีธุรกิจและจดั เก็บเอกสาร (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๒) ๔. ป ฏบิ ตั ติ นอยา่ งมมี ารยาทในการทา� งานรว่ มกบั ครอบครวั และผอู้ น่ื (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๓) ๕. มจี ติ สา� นกึ ในการใชพ้ ลงั งานและทรพั ยากรอยา่ งประหยดั และคมุ้ คา่ (มฐ. ง ๑.๑ ป.๖/๓) ขอ สอบเนน การคิด บรู ณาการเชอ่ื มสาระ ครูบูรณาการเช่ือมสาระวิชาการงานอาชีพกับวิชาภาษาตางประเทศ แกวเปด รา นเสรมิ สวย ตดั ผม ออกแบบทรงผมใหล กู คาการทํา โดยการติดบัตรภาพพรอมคําศัพทเก่ียวกับธุรกิจตางๆ เปนภาษาอังกฤษ ธุรกจิ ประเภทใด จัดเปน ธรุ กิจประเภทเดยี วกบั แกว ภาษาจนี หรอื ภาษาอนื่ ๆ ทใ่ี ชใ นโรงเรยี น เพอ่ื ใหน กั เรยี นใชภ าษาอน่ื ๆ ในการ สอื่ สารเรอื่ งธรุ กิจไดถกู ตอ ง 1. สวนสม 2. ประมง 3. รา นอาหาร 4. กอนสรา งบาน (วิเคราะหคําตอบ : รานเสริมสวยเปนธุรกิจการใหบริการ ซ่ึงจัด เปน ประเภทเดยี วกับ ขอ 3. รานอาหาร สวนขอ 1. และขอ 2. เปน ธรุ กจิ ดานการเกษตร ขอ 4. เปน ธรุ กจิ ดานการกอ สรา ง ดงั นัน้ ขอ 3. จึงเปน คําตอบท่ีถกู ตอ ง) T73

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน ñ ¡Ò÷íÒ§Ò¹¸ÃØ ¡¨Ô 1. นักเรียนจับคูกัน แลวใหแตละคูชวยกันศึกษา งานธุรกจิ เปน็ งานเกยี่ วกับการผลิต จ�าหน่าย แลกเปล่ยี นสินค้า และ ความรู เรอื่ ง การทาํ งานธรุ กจิ จากหนงั สอื เรยี น ให้บริการในดา้ นต่าง ๆ โดยมุง่ หวงั ผลก�าไรตอบแทน ซง่ึ งานธรุ กจิ เหล่านี้ การงานอาชีพ ป.6 แตละคูนําความรูท่ีไดมา เกดิ ขนึ้ เพอื่ สนองความตอ้ งการของคนในการดา� รงชวี ติ ใหม้ คี วามสะดวกสบาย ทําใบงานที่ 6.1 เรื่อง การทํางานธุรกิจ จาก แผนการจัดการเรยี นรู ๑. ปจ จัยในการประกอบธรุ กจิ การประกอบธรุ กิจจะต้องอาศัยปจจัยต่าง ๆ เพ่อื ชว่ ยใหง้ านธุรกจิ 2. ครูถามคาํ ถามกระตนุ ความคิด ด�าเนนิ ไปได ้ ดงั นี้ • เพราะอะไรการประกอบธุรกิจตางๆ จึงมี ๒ ที่ดนิ ความสาํ คญั ตอ คนในชุมชน ๑ ทุน (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น หมายถึง ทรัพย์สินหรือเงินท่ีมีส่วนใน โดยใหอ ยใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) การสร้างก�าลงั การผลติ ไดแ้ ก่ เงนิ ทุน หมายถึง สถานท่ีท่ีใชป้ ระกอบธรุ กจิ 3. ครูอธิบายความรูใหนักเรียนเก่ียวกับการ เครอื่ งมอื เครอื่ งจกั ร ทํางานธุรกิจและคุณธรรมที่ใชในการทํางาน ครูใหนักเรียนชวยกันบอกประโยชนของ งานธุรกิจตามความเขา ใจของนกั เรียน อปุ กรณต์ ่าง ๆ และอาคารท่ีใช้ B ประกอบธรุ กจิ ๓ แรงงาน ๔ ผ้ปู ระกอบการ หมายถึง แรงงานคน ทั้งดา้ นความคิด หมายถึง ผู้ที่ท�าหน้าที่วางแผนการ และก�าลังกายในการท�างานธุรกิจ ซ่ึง กจัดารกทาา�รธ รุ กกาจิ ร1ดูแล และการประเมินผล การเลอื กแรงงานควรเลอื กใหเ้ หมาะกบั งาน เพอื่ ใหง้ านธรุ กจิ ประสบความสา� เรจ็ เช่น การขายสินค้า ต้องการแรงงาน ท่ีมีทักษะในการพูดโน้มน้าวเชิญชวน มปี ฏภิ าณไหวพรบิ มีใจรกั การบรกิ าร 5๘ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 การประเมนิ ผลการทาํ ธรุ กจิ เปน ตวั ชวี้ ดั ความสาํ เรจ็ ทางธรุ กจิ ทผ่ี ปู ระกอบการ พลอยชอบทําเคกและทาํ ไดอ รอ ย จงึ อยากเปดรา นขายเคก ส่งิ ทกุ คนควรเรยี นรู เพราะการประเมนิ ผลไมเ พยี งแตป ระเมนิ ในดา นการเงนิ เทา นนั้ ท่พี ลอยควรทําเปน อันดับแรกคอื สิง่ ใด แตยังตองคํานึงถึงสิ่งตางๆ ที่จะสงผลตอความสําเร็จขององคกรท้ังในอดีต ปจ จบุ นั และอนาคต โดยการประเมนิ ผลตอ งเชอื่ มโยงกบั วสิ ยั ทศั น พนั ธกจิ และ 1. ลงมือทาํ เคก แลว นาํ ไปขาย เปาหมาย ซ่ึงบุคลากรทุกฝายสามารถนําขอมูลดานการประเมินผลไปพัฒนา 2. ประกาศหาผชู ว ยในการทาํ เคก ตนเองและองคกรได การประเมินผลการทําธุรกิจมีหลายดาน เชน ดานการ 3. เลือกสถานทท่ี ี่จะเปดรานขายเคก บริหารจัดการ ดานการตลาด ดานการเงินดานการบริการลกู คา 4. สาํ รวจวาเคก แบบใดกําลังเปน ท่ีนิยมและลูกคาช่นื ชอบ (วเิ คราะหค าํ ตอบ : ในการทาํ ธรุ กจิ ตา งๆ ควรสาํ รวจตลาดกอ นวา T74 ธุรกิจที่ทําจะมีความนาสนใจมากนอยอยางไร หรือสํารวจความ ชอบเก่ียวกับธุรกิจที่จะทํากอน จากน้ันจึงคนหาขอมูลเกี่ยวกับ ธุรกิจนั้นๆ เม่ือนําขอมูลมาศึกษาจนเกิดเปนความรูความเขาใจ ในธุรกิจท่ีจะทําแลว จึงลงมือทําธุรกิจนั้นและตรวจสอบหาขอ บกพรอ งของธรุ กิจอยูเสมอ ดงั น้นั ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทีถ่ ูกตอง)

นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒. คุณลกั ษณะและคณุ ธรรมของผปู้ ระกอบธรุ กิจ ขนั้ สอน ผปู้ ระกอบธรุ กจิ ควรมคี ณุ ลกั ษณะและคณุ ธรรมในการทา� งาน ดงั น้ี 4. นักเรียนทํากิจกรรมเรียนรูปูพ้ืนฐาน ขอ 1-2 หนวยการเรียนรูท่ี 6 จากแบบวัดฯ การงาน ๑ มีความรคู้ วามสามารถในธรุ กจิ ทที่ �า อาชพี ป.6 ๒ มีความรับผิดชอบและความต้งั ใจในการทา� งาน ๓ มคี วามคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 5. ครอู ธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การทาํ ธรุ กจิ ๔ มคี วามตรงต่อเวลา ความซือ่ สตั ย์ และความเสยี สละ นักเรียนแตละคูจับคูกับเพื่อนอีกคู ใหได ๕ มมี นษุ ยสัมพนั ธ์ท่ดี ีต่อเพ่ือนร่วมงาน กลมุ ละ 4 คน จากนน้ั ทาํ ใบงานที่ 6.2 เรอ่ื ง ๖ มจี ติ สา� นกึ ในการใชพ้ ลงั งานและทรพั ยากรในการทา� งานอยา่ งประหยดั สํารวจธุรกิจในชุมชน จากแผนการจัดการ เรยี นรโู ดยทํานอกช่วั โมงเรยี น และคมุ้ ค่า 6. ครูแจงใหนักเรียนทราบวา ครูจะกําหนด ๓. วตั ถุประสงคในการท�างานธรุ กจิ ธุรกิจจําหนายอาหาร ธุรกิจงานซักรีด ธุรกิจ นวดแผนไทย ธุรกิจโรงแรม หรือธุรกิจท่ีกลุม งานธรุ กิจมีวตั ถปุ ระสงค์ในการทา� งาน ดงั นี้ ของนักเรียนสนใจ ใหนักเรียนแตละกลุม วางแผนการประกอบธรุ กจิ และออกมานาํ เสนอ ๑ เพือ่ ผลติ สนิ คา้ หรอื ให้บรกิ ารตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในชั่วโมงถดั ไป ๒ เพ่ือให้เกดิ ความเจริญกา้ วหน้าและความมนั่ คงในกิจการ ๓ เพื่อไดร้ บั ผลตอบแทนสงู สุด ๔ เพ่อื ความภาคภมู ิใจของผู้ประกอบธุรกจิ เมื่อประกอบธรุ กิจได้ส�าเร็จ ๔. ประโยชนของงานธรุ กิจ งานธรุ กจิ มีประโยชนห์ ลายประการ ดงั น้ี ๑ ผู้รบั บรกิ ารไดร้ บั ความสะดวกสบาย ๒ เกิดการจา้ งงาน ทา� ใหค้ นมงี านทา� และมีรายได้ ๓ เ กดิ การหมนุ เวยี นของเศรษฐกจิ โดยกระจายสนิ คา้ จากผผู้ ลติ ไปสผู่ บู้ รโิ ภค ๔ พัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ เช่น สง่ สินค้าไปยังตา่ งประเทศท�าใหม้ ี รายได้เข้าสู่ประเทศเพ่ิมขึ้น ธรุ กิจยุคใหมทนี่ าสนใจ 5๙ ขอ สอบเนน การคิด สื่อ Digital ใครไมมคี ณุ ธรรมในการทาํ งานธุรกิจ นกั เรยี นสแกน QR Code เรอื่ ง ธุรกจิ ยุคใหมทน่ี า สนใจ เพือ่ ศึกษาเกี่ยวกับ 1. นุนทาํ งานดว ยความตั้งใจ ธรุ กจิ ยุคใหมที่เปนที่นยิ มในปจจุบนั และอนาคต 2. แนนเปดคอมพิวเตอรไ วท ้งั วันแมใ นเวลาเลกิ งาน 3. นดิ มีขอสงสัยและประเดน็ คาํ ถามในที่ประชุมเสมอ 4. นันทเปน คนย้มิ แยมแจมใส มปี ฏสิ มั พันธที่ดกี บั เพอ่ื น รว มงาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ : ผทู มี่ คี ณุ ธรรมในการทาํ งานควรเปน ผทู ที่ าํ งาน ดวยความตั้งใจ มีความคิดสรางสรรค มีปฏิสัมพันธที่ดี และใช ทรพั ยากรอยางประหยัดและคุมคา เชน ปด เคร่อื งใชไ ฟฟา ตา งๆ เม่อื ไมใชงานแลว ดังนนั้ ขอ 2. จึงเปน คาํ ตอบท่ถี ูกตอง) T75

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน ๕. กระบวนการทําธรุ กจิ 7. นักเรียนและครูทบทวนความรูที่ไดเรียนมา การท�างานธุรกิจให้ประสบความส�าเร็จจ�าเป็นต้องมีกระบวนการ ในชวั่ โมงทีผ่ า นมา ท�างานท่ดี ี ซึง่ กระบวนการท�างานธุรกจิ มดี ังนี้ 8. นักเรยี นแตล ะกลุมนาํ เสนอแผนการประกอบ ๑ ศกึ ษาขอ้ มูล ๒ พิจารณา ธุรกจิ ของกลมุ ตนเอง ศกึ ษาคน้ ควา้ เกย่ี วกบั การทา� งานธรุ กจิ ตัดสินใจเลือกประกอบธุรกิจตาม ประเภทต่าง ๆ จากแหล่งความรู้ ข้อมูลท่ีได้ศึกษาค้นคว้ามา และ 9. นกั เรยี นและครรู ว มกนั สงั เกตการนาํ เสนอของ เช่น การเรียน การสัมภาษณ์ผู้รู ้ เลอื กทา� งานธรุ กจิ ทตี่ นเองเชย่ี วชาญ แตล ะกลมุ โดยครูคอยใหคําแนะนาํ การอา่ นหนงั สอื การทดลองปฏิบตั ิ มากทส่ี ดุ 10. ครูถามคําถามกระตนุ ความคดิ ๓ วางแผน ๔ หาผู้ร่วมลงทนุ • นกั เรยี นคดิ วา ถา ขาดปจ จยั ในการประกอบ ก�าหนดงานและปฏิบัติงานต่าง ๆ หาผู้ร่วมลงทุนทั้งด้านแรงงานและ ธรุ กจิ อยา งใดอยา งหนงึ่ การประกอบธรุ กจิ ตามความเหมาะสมกับบคุ คล เงินทุน โดยพิจารณาจากประวัติ จะประสบความสาํ เรจ็ หรอื ไม เพราะเหตใุ ด ความเป็นมา พฤติกรรม และ (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ๕ ด�าเนินงานธุรกิจ สถานภาพทางการเงิน โดยวาง โดยใหอ ยใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู อน) ทา� งานธรุ กจิ ตามแผนทว่ี างไว้ เงื่อนไขตา่ ง ๆ ใหช้ ดั เจน 11. นักเรียนทํากิจกรรมตามตัวช้ีวัด กิจกรรม ที่ 6.1 ขอ 1 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 6 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 ๖ ประเมินผลงาน และปรบั ปรุงแก้ไข ตรวจสอบหาข้อบกพร่องและแก้ไข ส่วนท่ีผิดพลาดให้ดียิ่งข้ึน เพื่อ ให้การท�างานธุรกิจประสบความ สา� เร็จ 6๐ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูใหนักเรียนแตละคนเขียนกระบวนการทําธุรกิจที่สนใจ 1 ธุรกิจ แลว หากคนในชมุ ชนของนกั เรยี นประกอบอาชพี การเกษตรเปน หลกั ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน จากน้ันครูและเพ่ือนในชั้นเรียนรวมกันอภิปราย นักเรียนควรทาํ ธุรกจิ ใดในชุมชน เพือ่ ใหตรงกบั ความตอ งการของ ถึงกระบวนการทําธุรกิจ ผบู รโิ ภคทสี่ ดุ ตวั อยาง 1. รานซอมคอมพวิ เตอร กระบวนการทาํ ธรุ กิจ รา นขายขนมไทย 2. รา นขายอปุ กรณท าํ ขนม 1. ศึกษาวธิ กี ารทาํ ขนมจากแหลงเรยี นรูต า งๆ 3. รา นขายเครื่องมอื การเกษตร 2. เลอื กทาํ ขนมไทยขายเพราะทาํ ออกมาไดอ รอ ยและมเี อกลกั ษณเ ฉพาะตวั 4. รานขายเสื้อผาและเคร่ืองแตงกาย 3. วางแผนการทาํ ขนมและแผนการขาย เชน สาํ รวจความตอ งการของลกู คา (วิเคราะหคําตอบ : หากคนในชุมชนประกอบอาชีพการเกษตร เปนหลัก ความตองการซื้อของคนในชุมชนมักจะเก่ียวของกับ กําหนดพน้ื ทสี่ าํ หรับขาย สินคาทใ่ี ชใ นการทําการเกษตร เชน รา นขายเครือ่ งมือการเกษตร 4. หาผูร วมลงทุนหรือผชู ว ยในการขายขนม ดงั น้ัน ขอ 3. จงึ เปน คาํ ตอบที่ถูกตอ ง) 5. ลงมอื ทําขนมตามทีล่ กู คา ตองการ 6. สอบถามลกู คา วา รสชาติเปน อยา งไร เพื่อนาํ ไปปรับปรงุ T76

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๖. ประเภทของงานธุรกจิ ขน้ั สรปุ งานธรุ กจิ มหี ลายประเภท แตล่ ะประเภทมคี วามสา� คญั แตกตา่ งกนั ไป ครูและนกั เรยี นรวมกันสรุปความรู เรอื่ ง การ แตม่ จี ดุ มงุ่ หมายทเ่ี หมอื นกนั คอื เพอ่ื ผลติ สนิ คา้ หรอื ใหบ้ รกิ าร เพอ่ื ตอบสนอง ทาํ งานธรุ กจิ ความต้องการของผู้บริโภค งานธุรกิจสามารถแบ่งตามลักษณะของงาน ท่ีท�าได้ ดงั น้ี ขน้ั ประเมนิ ๑ ธุรกิจด้านการเกษตร ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากกิจกรรม การทา� งานดา้ นการเกษตร เชน่ การทา� นา การเลย้ี งสตั ว์ ท่ี 6.1 ขอ 1 จากแบบวัดฯ การงานอาชีพ ป.6 เพือ่ น�าผลผลิตที่ไดม้ าจ�าหน่ายหรือแลกเปลยี่ นสินค้า ตรวจใบงานท่ี 6.2 และตรวจแบบทดสอบกอ นเรยี น จากแผนการจดั การเรยี นรู ๒ ธรุ กิจด้านอตุ สาหกรรม การท�างานด้านอุตสาหกรรม เพ่ือน�าผลิตภัณฑ์ มาจ�าหน่ายและผลิตสินค้ามาใช้ในการด�ารงชีวิต เช่น ๓ การผลติ ของใชใ้ นบ้าน การผลติ อาหารส�าเรจ็ รปู ธุรกจิ ด้านการเงิน กกาารรทใหา� ก้งเู้างนินดา้กนากรลารงเทงุนนิ ทตา่างงกๆารเเชงนิ่น1การฝาก-ถอนเงิน ๔ ธุรกิจด้านการกอ่ สร้าง การทา� งานดา้ นการกอ่ สรา้ ง เชน่ สรา้ งบา้ นเรอื น อาคาร ถนน ๕ ธรุ กิจด้านการใหบ้ ริการ การท�างานเพ่ือให้บริการในด้านต่าง ๆ เช่น ธุรกิจ ร้านอาหาร ธรุ กิจการทอ่ งเทย่ี ว ๖ ธรุ กิจดา้ นการจดั จา� หนา่ ย 61 การทา� งานด้านการจ�าหน่ายสนิ ค้าประเภทตา่ ง ๆ หรอื เป็นตัวแทนจ�าหน่ายสินค้าเพื่อความสะดวกของผู้ซ้ือ เช่น ขนม เส้อื ผา้ เคร่อื งใช้ไฟฟา้ ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ถา นกั เรยี นตอ งการทาํ ธรุ กจิ การใหบ รกิ าร นกั เรยี นควรเลอื กทาํ 1 การลงทุนทางการเงิน หมายถึง การนําเงินที่เก็บสะสมอยูไปสราง ธุรกจิ แบบใคร ผลตอบแทนท่ีสูงกวา การออม โดยใชการลงทนุ ตางๆ เชน การลงทุนพนั ธบตั ร รัฐบาล การลงทุนในหุนหรือหลักทรัพยตางๆ ซึ่งจะมีความเสี่ยงท่ีสูงมากขึ้น 1. ออยเลย้ี งวัวนม และนาํ นมไปขาย กวาการออม การลงทุนทางการเงินจะเปนไปตามเงื่อนไขของหลักทรัพยท่ีเรา 2. อว๋ิ ปลกู ผกั สวนครัว แลว นาํ ไปขาย เลือกท่จี ะลงทนุ ซ่งึ ผลตอบแทนท่ไี ดมานัน้ ขึ้นอยูกับสภาวะของหลกั ทรัพยท ีเ่ รา 3. ปุยรับจา งตดั เยบ็ เสื้อผา สําเรจ็ รปู ในโรงงาน ลงทุน แตละหลักทรพั ยจ ะมีความเสี่ยงมากนอ ยแตกตางกันไป และผูลงทุนจะ 4. ปลาจัดโปรแกรมทองเที่ยว และพาลูกคาไปตามสถานท่ี ไดรับผลตอบแทนของการลงทนุ น้นั ๆ ในรปู แบบของดอกเบี้ย เงนิ ปนผล กาํ ไร จากการซอ้ื ขายหนุ และสิทธพิ เิ ศษอน่ื ๆ เชน การลดหยอ นภาษี ตา งๆ (วเิ คราะหค าํ ตอบ : ขอ 1. และขอ 2. เปน ธรุ กจิ ดา นการเกษตร ขอ 3. เปนธุรกิจดานอุตสาหกรรม ขอ 4. เปนธุรกิจดานการใหบริการ ซึง่ คือธรุ กจิ การทองเทย่ี ว ดังน้นั ขอ 4. จงึ เปน คาํ ตอบทีถ่ ูกตอง) T77

นํา นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั นาํ ò การบ¹ั ทÖกราÂรบั -ราÂจา‹  ครถู ามคาํ ถามกระตนุ ความคดิ ใหน กั เรยี นชว ย ข้อมใูลนเกหาลร่าทน�าธี้สุรากมิจา รเถรบาคอวกรสจถัดาทน�าบะทันาทงึกกราารยเรงับิน-1ใรนายอจด่าีตยแทลุกะคปรจ้ังจ ุบเพันรไาดะ้ กันแสดงความคดิ เห็น อีกทั้งช่วยในการวางแผนการใช้เงินในอนาคต เพ่ือให้เลือกใช้จ่ายในส่ิงท่ี จ�าเป็น ตัดรายจ่ายท่ีฟุมเฟอยออก และปลูกฝงการใช้เงินอย่างคุ้มค่า • การบันทึกรายรับ-รายจายมีประโยชนตอ ซงึ่ ชว่ ยใหท้ �างานธรุ กจิ ไดป้ ระสบความส�าเร็จ การทําธุรกจิ อยา งไร (แนวตอบ : ทาํ ใหผ ทู าํ ธรุ กจิ ทราบถงึ รายไดแ ละ ๑. ประโยชนข องการท�าบญั ชีรายรบั -รายจ่าย รายจา ยของธรุ กจิ รวมถงึ ผลกาํ ไรในแตล ะวนั เพอ่ื จะปรบั ปรงุ และพฒั นาธรุ กจิ ตอ ไป) การทา� บัญชรี ายรับ-รายจา่ ยมปี ระโยชน์ ดงั นี้ ขนั้ สอน ๑ ท�าให้ทราบจา� นวนรายรบั -รายจ่ายของตนเองและสว่ นรวม ๒ สามารถควบคมุ รายจ่ายและมีความรบั ผดิ ชอบในการใชจ้ า่ ย เตรยี มการสาธิต ๓ ส ามารถตดั ทอนรายจ่ายท่ีไมจ่ �าเปน็ ออกได้ ๔ รู้จกั วางแผนการใช้เงินใหส้ อดคลอ้ งกบั รายรับ 123 1. ครตู ้ังคําถามเก่ียวกับการใชเ งินใน 1 สปั ดาห นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา การ ๕ มคี วามละเอยี ดรอบคอบในการใช้จา่ ยและฝกนสิ ยั ประหยัด ใชเ งนิ ของนกั เรยี นถา มกี ารจดบนั ทกึ ไวจ ะเปน ประโยชนแกน กั เรียนอยา งไร ๒. วธิ ีการบันทึกรายรับ-รายจ่าย 2. ครูเตรียมการสาธิตและเตรียมตารางการ การบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นการบันทึกรายละเอียดเก่ียวกับ บันทกึ รายรบั -รายจายใหนกั เรยี นดู การใชจ้ ่ายเงินหรือการไดร้ ับเงนิ จากแหลง่ ตา่ ง ๆ เป็นรายวนั รายสปั ดาห์ รายเดอื น หรอื รายป  โดยการบนั ทกึ รายรบั - รายจา่ ยตอ้ งบนั ทกึ รายละเอยี ด สาธิต ดงั น้ี 1. ครูเขียนตารางการจดบันทึกรายรับ-รายจาย µÇั อÂา‹ ง การบันทึกรายรบั -รายจา่ ย บนกระดานหนาช้ันเรียน ครูสาธิตการบันทึก รายรบั -รายจา ยใหน กั เรยี นดเู ปน ตวั อยา ง พรอ ม นักเรียนชั้น ป.๖/๒ จ�านวน ๔๐ คน ตกลงจะท�าธุรกิจร่วมกันโดยการจ�าหน่าย อธิบายประกอบทีละข้ันตอนอยางละเอียด ขนมทองมว้ นในสหกรณ์ร้านค้า นกั เรียนรว่ มลงทุนโดยเกบ็ เงนิ คนละ ๔๐ บาท จากน้นั เพ่ือใหนักเรียนสังเกตวิธีการ ข้ันตอนในการ ไปซ้ือขนมทองม้วน ๕๐๐ ช้นิ นา� มาบรรจใุ นกล่อง แลว้ ผกู ริบบ้นิ ให้สวยงาม นา� ไปขาย บันทึกรายละเอียดตางๆ ในตาราง ในราคากล่องละ ๔๐ บาท ซงึ่ นักเรยี นแบง่ ขนมทองมว้ นได้ ๕๐ กล่อง โดยในระหว่าง การท�างานมกี ารบนั ทกึ รายรับ-รายจ่ายทัง้ หมด ดังน้ี 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามขอสงสัย 6๒ เพอ่ื อธบิ ายความรเู พมิ่ เตมิ ใหน กั เรยี นมคี วามรู ความเขา ใจที่ถกู ตองและนําไปปฏบิ ัตไิ ด 3. นักเรียนแตละคนบันทึกรายรับ-รายจายตาม วธิ กี าร ขน้ั ตอนการสาธติ โดยครเู ปน ผตู รวจสอบ ความถูกตอง นักเรียนควรรู กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค 1 สถานะทางการเงิน เปนส่ิงสําคัญที่ผูทําธุรกิจควรตรวจสอบอยูเสมอ เพ่ือ ครใู หน กั เรียนทาํ กิจกรรม “อยอู ยา งพอเพยี ง” โดยใหน กั เรยี น ใหมั่นใจวามีเงินหมุนเวียนในธุรกิจอยางเหมาะสม การตรวจสอบสถานะทาง ฝก ใชเ งนิ อยา งประหยดั และคาํ นงึ ถงึ ความจาํ เปน ในการออม จากนน้ั การเงนิ ท่ีสําคัญทัง้ 10 ดาน มีดังน้ี ใหนกั เรียนแตละคนบันทึกรายรับ-รายจา ยใน 1 สัปดาห และเขยี น สรุปผลวา การใชเงินของนักเรียนเปนอยางไร และมีวิธีการใชเงิน 1. สินทรัพย เชน อุปกรณ ทดี่ ิน การถือหุน อยา งพอเพยี งอยางไรบาง 2. หนีส้ ิน เชน คาเชาทด่ี ิน การชาํ ระเงนิ กู 3. คาใชจา ยในการผลิต เชน คา แรงทต่ี อ งใชใ นการผลติ สินคา 4. คาใชจ ายในการจาํ หนาย เชน คา โฆษณา คา ทาํ การตลาด 5. อตั ราสว นหนสี้ นิ ตอ ทรพั ยส นิ ซงึ่ หากมเี พมิ่ สงู ขนึ้ เรอ่ื ยๆ อาจหมายความวา ธรุ กจิ กาํ ลงั อยใู นสถานะลาํ บาก 6. มลู คาบญั ชลี ูกหน้ี คือ จํานวนเงนิ ท่ีผอู ่นื เปน หนี้ 7. มลู คา บัญชีเจาหนี้ คอื จํานวนเงินทีธ่ รุ กจิ เปน หนี้ 8. สินคาคงคลัง เพ่ือทราบความตองการเพ่ิมหรือลดสินคา เพ่ือทราบ คณุ ภาพของสนิ คา T78

นาํ สอน สรปุ ประเมิน บนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ยการทา� ธรุ กจิ “จา� หนา่ ยขนมทองมว้ น1” ขน้ั สอน ของนกั เรยี นชนั้ ป.๖/๒ สรุปการสาธติ วนั /เดอื น/ปี รายการ ร(บายาทรบั ) ร(าบยาจทา่ )ย ค(งบเาหทล)ือ นักเรียนรวมกันสรุปวิธีการและขั้นตอนในการ บันทึกรายรบั -รายจาย ๒๐ ธ.ค. ๖๒ - ๔(เนก๐บ็กั เเบรงายีินทนคมนีล๔ะ๐ คน) ๑,๖๐๐ - ๑,๖๐๐ รา=ยเรงับนิ ค- งรเาหยลจอื่าย ๒๑ ธ.ค. ๖๒ - ช๕ซน้ิอ้ื๐ขล๐ะนชม๒ิน้ ทอบงามท้วน - ๑,๐๐๐ ๖๐๐ ๑,๖๐๐ - ๑,๐๐๐ วัดผลประเมินผล ๒๒ ธ.ค. ๖๒ - - กซซลือ้้ือ่อรกบิงลลบอ่ ะงิน้ ๓๕๐บากทลอ่ ง ๒๓ ธ.ค. ๖๒ - ไ๔ขดา๐้ย๑ขบ๐นาทมกกลล่ออ่งงละ เงินคงเหลอื (ก่อนหน้า) - รายจ่าย นักเรียนทํากิจกรรมตามตัวช้ีวัด กิจกรรม ๒๔ ธ.ค. ๖๒ - ๔ไขดา๐้ย๒ขบ๐นาทมกกลล่ออ่งงละ ที่ 6.1 ขอ 2 หนว ยการเรยี นรูท ี่ 6 จากแบบวดั ฯ ๒๕ ธ.ค. ๖๒ - ๔ไขดา๐้ย๒ขบ๐นาทมกกลลอ่ อ่งงละ - ๑๕๐ ๔๕๐ ๖๐๐ - ๑๕๐ การงานอาชีพ ป.6 - ๑๐๐ ๓๕๐ ๔๕๐ - ๑๐๐ รวม ๔๐๐ - ๗๕๐ ๓๕๐ + ๔๐๐ ขนั้ สรปุ เงนิ คงเหลอื (กอ่ นหนา้ ) + รายรับ นักเรียนรวมกันสรุปวิธีการและข้ันตอนในการ บันทกึ รายรบั -รายจาย ๘๐๐ - ๑,๕๕๐ ๗๕๐ + ๘๐๐ ขน้ั ประเมนิ ๘๐๐ ๒,๓๕๐ ๑,๕๕๐ + ๘๐๐ ครูวัดและประเมินผลนักเรียนจากกิจกรรม ๓,๖๐๐ ๑,๒๕๐ ๒,๓๕๐ ที่ 6.1 ขอ 2 จากแบบวัดฯ การงานอาชีพ ป.6 ๑,๖๐๐ + ๔๐๐ + ๘๐๐ + ๘๐๐ ๑,๐๐๐ + ๑๕๐ + ๑๐๐ ๓,๖๐๐ - ๑,๒๕๐ รายรบั ท้ังหมดรวมกนั รายจ่ายทัง้ หมดรวมกัน รราาเยงยจินรา่คับยงททเัง้ห้งั หลหมอืมดด 63 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ใครปฏิบตั ิตนเหมาะสมหากมรี ายจายเกินรายรบั 1 ทองมวน เปนขนมไทยชนิดหน่ึง มีลักษณะเปนแผนมวนกลม บางกรอบ 1. ไกใชจ า ยมากข้นึ ทองมว นมสี ว นผสมหลกั คอื แปง มะพรา ว นา้ํ ตาลปบ ไขไ ก นาํ้ มนั พชื และงาดาํ 2. แกม ขอเงนิ ผปู กครองเพิม่ ทองมว นมตี น กาํ เนดิ มาจากการรบั วฒั นธรรมของประเทศโปรตเุ กส มาดดั แปลง 3. กกิ๊ ยมื เงนิ เพอ่ื นท่ีโรงเรยี น ใหเหมาะสมกับวัฒนธรรมและวัตถุดิบของคนไทย โดยคนไทยมักใหทองมวน 4. กกุ ตัดรายจายทีไ่ มจ ําเปนออก เปนของขวัญเนอ่ื งจากชือ่ สือ่ ถึงการมัง่ มี (วิเคราะหคําตอบ : เม่ือนักเรียนมีรายจายเกินจากรายรับ ควร ประหยัดคา ใชจ ายตางๆ และตัดรายจายทีไ่ มจ ําเปนออก ไมควร ยืมเงนิ เพ่อื นหรอื ขอเงินผปู กครองเพ่ิมหากไมจ าํ เปน ดงั น้ัน ขอ 4. จึงเปน คาํ ตอบทถี่ ูกตอ ง) T79

นํา นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ ๓ การจดั เก็บเอกสารทางธรุ กิจ ครูถามคําถามกระตุนความคิด ใหนักเรียน เอกสารที่ใช้ในการท�างานธุรกิจหรือได้รับมาในขณะท�างานธุรกิจน้ัน ชวยกันแสดงความคิดเห็น มคี วามส�าคญั ควรจัดเกบ็ เอกสารเหลา่ นี้ให้เป็นระเบียบ เพ่อื ให้ค้นหาและ หยบิ ใชไ้ ดส้ ะดวก • นกั เรยี นรจู กั เอกสารสาํ คญั อะไรบาง (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ๑. รู้จักเอกสารทางธรุ กิจ โดยใหอ ยใู นดลุ ยพินจิ ของครผู ูส อน) เอกสารทางธรุ กจิ หมายถงึ เอกสารตา่ ง ๆ ทท่ี า� ขน้ึ เปน็ ลายลกั ษณ์ ขน้ั สอน อกั ษร เพอื่ ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานในการดา� เนนิ งานทางธรุ กจิ หรอื ใชใ้ นการอา้ งองิ ซึ่งเอกสารทางธรุ กิจแบง่ เป็น ๓ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ สังเกต รบั รู้ ๑ เอกสารทางการเงิน เชน่ สมดุ เงนิ ฝาก เชค็ 1ต๋ัวแลกเงิน 1. ครูนําตัวอยางเอกสารทางธุรกิจมาแสดง ๒ เอกสารทางการคา้ เชน่ ใบเสร็จรบั เงนิ ใบสัง่ ซ้ือสินคา้ ใหนักเรียนดูที่หนาชั้นเรียน นักเรียนสังเกต ๓ เอกสารประกนั ภัย เช่น กรมธรรม์ประกนั ภยั เอกสาร เชน สมุดเงินฝาก ใบเสร็จรับเงิน ใบรบั ประกันสนิ คา ๒. การจัดเก็บเอกสารทางธุรกจิ 2. นักเรียนบอกความสําคัญของเอกสารดังกลาว เอกสารทางธรุ กิจมีวิธกี ารจัดเก็บ ดงั น้ี ตามความเขาใจของนักเรยี น ๑ แยกประเภทของเอกสารใหเ้ ป็นหมวดหมู่ 3. ครถู ามคําถามกระตุนความคิด ๒ เกบ็ เอกสารไวใ้ นซองหรือแฟม้ ให้เรียบร้อย • นักเรียนมีวิธีการจัดเก็บเอกสารทางธุรกิจ ๓ เขียนชื่อเอกสารบนซองหรือแฟ้ม เพื่อให้ทราบว่าเป็นเอกสาร อยางไร (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น ประเภทใด แล้วน�าไปจัดเก็บไวใ้ นต้หู รอื วางไว้ทีช่ ั้น โดยใหอยใู นดุลยพนิ ิจของครูผสู อน) ๔ ในกรณีที่มีเอกสารจ�านวนมาก ควรจัดท�าสมุดบันทึกสถานที่ใน 4. ครูใหความรูเก่ียวกับความสําคัญของเอกสาร การเก็บเอกสาร เพือ่ ใหส้ ะดวกในการค้นหาเอกสาร ทางธุรกิจแตละประเภทและวิธีการจัดเก็บ เอกสารทางธุรกิจใหถูกตองและเปนระเบียบ ปลอดภยั ไว้ก่อน เรยี บรอ ย เอกสารสา� คญั เชน่ สมดุ บญั ชี สญั ญาทางธรุ กจิ ควรเกบ็ ไวใ้ นทท่ี ป่ี ลอดภยั เพอ่ื ปอ้ งกนั ผอู้ นื่ ปลอมแปลงเอกสารหรอื นา� เอกสารไปใช้ในทางทผ่ี ดิ กฎหมาย 64 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 เช็ค คือ ส่ิงที่เราสามารถใชจายเงินหรือชําระหนี้แทนการยื่นเงินสดให “กรมธรรมประกันภัยเปนเอกสารแสดงขอตกลงเก่ียวกับชีวิต เจาหนี้ และอาจมีการกําหนดระยะเวลาในการมารับเงินของเจาหนี้ไดดวย และทรัพยสินของผูทํากรมธรรมประกันภัย” นักเรียนควรจัดเก็บ ซึ่งเจาหน้ีจะตองเปนผูนําเช็คไปขึ้นเงินดวยตนเองท่ีธนาคารเดียวกันกับบนเช็ค เอกสารนอี้ ยา งไรจึงจะเหมาะท่ีสุด หรือนําเขาบัญชีธนาคารของตนเอง ในปจจุบันเช็คแบงเปน 2 ประเภทตาม กฎหมาย ไดแ ก 1. ใสซองและเกบ็ ในกระเปา นักเรียน 2. ใสซอง พรอมเขยี นระบุช่อื บนซอง และจดั เก็บไวใ ตหมอน 1. เช็คระบุชื่อ คือ เช็คท่ีจะตองประกอบไปดวยช่ือผูรับเงินหรือช่ือตาม 3. ใสแฟมเอกสาร และจัดเก็บในแฟมสะสมผลงานนกั เรยี น คําสั่งของบคุ คลทนี่ ําเชค็ มายน่ื เทาน้นั 4. ใสแฟม เอกสาร พรอ มเขียนระบชุ ่อื บนแฟม และจดั เก็บใน 2. เชค็ ผูถือ คือ เช็คท่ธี นาคารสามารถจา ยเงนิ ใหแกผูถอื เชค็ หรอื จา ยตาม ตเู อกสาร คาํ สง่ั ของผถู ือเช็คได โดยไมต องคํานงึ วาผรู ับเงนิ น้นั จะเปน ใคร (วเิ คราะหค าํ ตอบ : กรมธรรมป ระกนั ภยั เปน เอกสารแสดงขอ ตกลง เกี่ยวกับชีวิตและทรัพยสินของผูทํากรมธรรม ไมจําเปนตองนํา T80 เอกสารน้ีติดตัว ควรจัดเก็บใสแฟมและเก็บในตูเอกสาร เพื่อให สะดวกในการหยบิ ใชง าน และปอ งกนั การสญู หายหรอื ชาํ รดุ ดงั นนั้ ขอ 4. จงึ เปนคาํ ตอบท่ีถูกตอ ง)

นํา สอน สรปุ ประเมิน กิจกรรมพัฒนาการท�างาน ขน้ั สอน ถามมาหนตู อบได้ ทาํ ตามแบบ ๑. เพราะเหตใุ ด เราจงึ ควรจดั เก็บเอกสารทางธุรกิจโดยแยกประเภท 1. นกั เรยี นศกึ ษาความรู เรอื่ ง การจดั เกบ็ เอกสาร หรอื หมวดหมู่ ทางธุรกิจ จากหนังสือเรียน การงานอาชีพ ๒. น กั เรยี นคดิ วา่ คณุ ลกั ษณะและคณุ ธรรมในการประกอบธรุ กจิ มอี ะไรบา้ ง ป.6 จากนั้นครูนําเอกสารทางธุรกิจแตละ ประเภทมาจัดเก็บใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง เรยี นรู้กิจกรรมทักษะการท�างาน C21 CorLiefeSuSabkinllds CareerLearning aSnkdillIsnnovation TIencform ทีละขั้นตอน พรอมอธิบายประกอบในแตละ jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd ขั้นตอน เพ่อื ใหนกั เรียนเขาใจ SCPtaruoLnrefrdeiacasrusnridlouinsnmgaalEnanDdnvediArvoIesnnslesomtsprsuemmcnteetisonnntts 2. ครูเนนย้ําใหนักเรียนตระหนักถึงความสําคัญ ของการจัดเก็บเอกสารทางใหเหมาะสม และ แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓-๕ คน รว่ มกนั วเิ คราะหว์ า่ ถา้ นกั เรยี นไดร้ บั มอบหมาย แยกเปนประเภทอยางชัดเจน เพื่องายตอการ ใหท้ า� งานธรุ กิจ ๑ อยา่ ง นักเรยี นจะมีวิธีการทา� งานอย่างไร จากน้ันเขียน นําไปใชงาน บันทึกผลการท�างานลงในสมุดตามหัวข้อที่ก�าหนด แล้วออกมาน�าเสนอ หนา้ ชนั้ เรยี น 3. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ฝก จดั เกบ็ เอกสารทางธรุ กจิ • งานธุรกจิ ที่ไดร้ บั มอบหมาย • เอกสารทใ่ี ชใ้ นการทา� งานธรุ กจิ ตามแบบท่คี รูสอนตามลําดบั ขั้นตอน • ขน้ั ตอนการท�างานธรุ กจิ • วธิ จี ดั เก็บเอกสารทางธรุ กจิ • ประโยชนข์ องการทา� งานธรุ กจิ 4. ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน หากมีขอบกพรองใหเสนอแนะ นักเรียน หนูรู้สกึ อย่างไร ปรับปรงุ แกไ ขใหถกู ตอ ง ๑. ก ารจัดเก็บเอกสารทางธุรกิจอย่างถูกต้องและเหมาะสมมีประโยชน์ ทําเองโดยไมม แี บบ อยา่ งไร นักเรียนแตละคนฝกจัดเก็บเอกสารทางธุรกิจ ๒. ถา้ นกั เรยี นไมจ่ ดั ทา� บญั ชรี ายรบั -รายจา่ ยในงานธรุ กจิ จะสง่ ผลตอ่ ธรุ กจิ โดยท่ีไมมีแบบ แลวตรวจสอบความถูกตองและ อย่างไร ความเปนระเบียบเรียบรอยของผลงาน หากมี ขอ บกพรอ งใหแ กไขใหเ รียบรอ ย ฝก ทาํ ให้ชํานาญ 1. นักเรียนแตละกลุมผลัดเปลี่ยนกันจัดเก็บ เอกสารทางธุรกิจใหมีความชํานาญ นักเรียน แตละคนออกมาสาธิตการจัดเก็บเอกสารทาง ธุรกจิ โดยใหค รอบคลุมตามประเด็นทก่ี ําหนด 65 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ถา ผขู ายมคี แู ขง ทางธรุ กจิ จะทาํ อยา งไรเพอ่ื ใหส นิ คา และบรกิ าร ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเขาใจวา นักเรียนสามารถนําความสามารถ ของตนเองเปน ท่ตี อ งการของผบู รโิ ภคมากกวา เฉพาะตัวท่ีนักเรียนถนัดหรือสนใจ มาเปนแนวทางในการประกอบอาชีพ หรือ ทดลองประกอบอาชพี ได เชน 1. แจกของทรี่ ะลกึ ใหแกผ ูบ ริโภคมากกวา คแู ขง 2. โจมตคี ูแ ขง โดยใชสื่อโฆษณาเปรยี บเทยี บสินคา และบรกิ าร • นักเรียนท่ีมคี วามสามารถในการทาํ ขนม สามารถทําขนมเพื่อจําหนาย 3. ตงั้ รา นคา ทมี่ ขี นาดใหญก วา คแู ขง และอยใู นบรเิ วณเดยี วกนั • นกั เรยี นทมี่ คี วามสามารถในการวาดภาพ สามารถรบั จา งวาดภาพการต นู 4. ปรบั ปรงุ สินคาและบรกิ ารใหดกี วา คแู ขง ทง้ั ในดานคุณภาพ หรือทํางานศิลปะ งานประดิษฐตางๆ เพื่อเปนการฝกฝนการประกอบอาชีพและเปนการหารายไดอกี ดวย และราคา (วิเคราะหคําตอบ : การท่ีจะใหสินคาและบริการของตนเอง T81 เปนท่ีตองการของผูบริโภคมากกวาคูแขงน้ัน ควรปรับปรุงสินคา และบรกิ ารใหด กี วา คแู ขง ทงั้ ในดา นคณุ ภาพและราคา เพราะจะได รบั การยอมรบั และความไวว างใจจากผบู รโิ ภคในการซอื้ สนิ คา และ บริการอยางตอ เน่ือง และไมควรใชว ธิ ที ่ไี มมคี ณุ ธรรมในการโจมตี คแู ขง ดังนน้ั ขอ 4. จงึ เปนคําตอบทถ่ี ูกตอง)

นํา สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สอน Ẻ»ÃÐàÁÔ¹¡Ò÷íÒ§Ò¹ ส�าห ฝก ทําใหช้ ํานาญ คา� ชี้แจง : ใ หน้ กั เรยี นประเมนิ การท�างานของตนเองตามรายการ รับนักเรียน ที่ก�าหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน 2. นักเรียนรวมกันสรุปประโยชนที่ไดรับจากการ รายการ ท�าไดด้ ี พอท�าได้ ปรบั ปรงุ จัดเกบ็ เอกสารทางธรุ กิจ ๑. วางแผนการทา� ธรุ กจิ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. ครถู ามคําถามกระตนุ ความคดิ • นักเรียนสามารถนําความรูเร่ืองการจัดเก็บ ๒. ทา� ธรุ กิจทตี่ นเองสนใจได้ ตัวอยางตารางบันทึกผล เอกสารทางธุรกิจไปประยุกตใชในชีวิตของ ๓. บันทกึ รายรบั -รายจ่ายได้ นกั เรียนไดอยา งไร ๔. จดั เกบ็ เอกสารทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสม (แนวตอบ : พจิ ารณาตามคาํ ตอบของนกั เรยี น โดยใหอยูใ นดุลยพินิจของครผู สู อน) รวมทา� ได้ดี = ๓ พอทา� ได้ = ๒ ปรบั ปรุง = ๑ 4. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมตามตวั ชว้ี ดั กจิ กรรมที่ 6.1 Ẻ»ÃÐàÁ¹Ô ทักÉÐการทาí งา¹ C21 Life Sakinllds CareerLearning aSnkdillIsnnovation TIencform ขอ 3 หนวยการเรียนรูท่ี 6 จาก แบบวัดฯ Core Sub jects and 21st Centur atihonno,MloyegdyThiaeSk,mailelnssd การงานอาชีพ ป.6 SCPtaruoLnrefrdeiacasrusnridlouinsnmgaalEnanDdnvediArvoIesnnslesomtsprsuemmcnteetisonnntts 5. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบ หนว ยการเรยี นรูท ี่ 6 จากแบบวดั ฯ การงานอาชพี ป.6 ค�าชแ้ี จง : ใ ห้ผู้สอนประเมนิ ทักษะการท�างาน C21 ตามรายการ สา� หรับครู ทีก่ า� หนด แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน ขนั้ สรปุ รายการ ท�าไดด้ ี พอทา� ได้ ปรบั ปรงุ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรเู กยี่ วกบั การ จัดเกบ็ เอกสารทางธุรกิจ ๑. แบ่งหน้าท่ีกนั อยา่ งเหมาะสม 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนจดบันทึก ๒. รว่ มมอื กันทา� งานจนสา� เร็จ ตัวอยางตารางบันทึกผล รายรบั -รายจา ยของตนเองเปน เวลา 1 สปั ดาห ๓. แสดงความคิดเหน็ อย่างเหมาะสม แลวเขียนวิเคราะหการใชจายเงินของตนเอง ๔. รบั ฟง ความคดิ เหน็ ของคนในกล่มุ โดยใหครอบคลุมตามประเดน็ ทกี่ ําหนด ๕. การน�าเสนอผลงาน 3. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย รวมท�าได้ดี = ๓ พอท�าได้ = ๒ ปรับปรงุ = ๑ การเรียนรทู ี่ 6 เรือ่ ง งานธุรกจิ จากแผนการ จดั การเรียนรู 66 ขนั้ ประเมนิ ครูวดั และประเมนิ ผลนกั เรียน ดังน้ี • ตรวจกิจกรรมท่ี 6.1 ขอ 3 จากแบบวัดฯ การงานอาชีพ ป.6 • ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรู ที่ 6 เร่ือง งานธุรกิจ จากแผนการจัดการ เรยี นรู แนวทางการวัดและประเมินผล ครูศกึ ษาแนวทางการวดั และประเมนิ ผล เพอื่ ประเมินชิ้นงานของนกั เรยี นจากแบบประเมนิ ช้ินงานท่แี นบทายแผนการจดั การเรยี นรู หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 งานธุรกิจ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 งานธุรกจิ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 งานธุรกิจ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 6 งานธุรกิจ การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินบนั ทึกรายรับ – รายจ่ายของตนเอง คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน การแสดง การทางาน การมี คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 321 1 การแสดงความคดิ เหน็ 32 ความ ตามท่ไี ด้รบั ส่วนร่วมใน รวม อันพึงประสงคด์ า้ น 321 1 การบนั ทกึ ข้อมูลรายรับ-รายจา่ ย คดิ เหน็ การยอมรบั มอบหมาย ความมี การปรบั ปรงุ 15 2 ความถูกต้องของการบนั ทกึ ข้อมูลรายรับ-รายจ่าย  1 ลาดับที่ ชอื่ – สกลุ ฟงั คนอื่น นา้ ใจ ผลงานกล่มุ คะแนน 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 3 การวิเคราะห์การใชจ้ ่ายเงนิ ของตนเอง  ของนักเรยี น 4 ประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการบันทึกรายรับ-รายจ่าย กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ รวม 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื ตอ่ โรงเรยี น   32132132132132 1 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏบิ ัติตามหลักศาสนา 3 การทางานตามหนา้ ที่ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย   1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี กีย่ วกับสถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามทโ่ี รงเรียนจดั ขนึ้ 4 ความมนี า้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   ตวั อยางแบบประเมนิลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 2. ซื่อสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ข้อมลู ที่ถูกตอ้ ง และเป็นจรงิ รวม จากแผนการจดั การเรียนรู............../.................../................ 2.2 ปฏิบัตใิ นสงิ่ ทถี่ ูกตอ้ ง 3. มีวนิ ยั รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ ักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รู้จักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน 4.3 เชอ่ื ฟังคาสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง ............../.................../................ 4.4 ตั้งใจเรยี น 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและส่ิงของของโรงเรยี นอย่างประหยัด 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน เกณฑก์ ารให้คะแนน 6. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 6.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รับมอบหมาย ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสาเรจ็ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสานึกในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ดี = 3 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรียนและ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ปรับปรุง = 1 คะแนน 10-12 ดี ให้ 3 คะแนน โรงเรยี น ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน 6-9 พอใช้ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ............../.................../................ ต่ำกวำ่ 6 ปรบั ปรุง ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสมา่ เสมอ 8 - 11 พอใช้ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ดั เจนและบอ่ ยครั้ง ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 1 คะแนน 12 - 15 ดี 23 การงานอาชพี ป.6 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 22 การงานอาชพี ป.6 21 การงานอาชีพ ป.6 20 การงานอาชีพ ป.6 T82


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook