แผนการจดั การเรยี นร้บู ูรณาการ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หนว่ ยการเรียนรู้ การมีสว่ นร่วมในการวางแผนพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมชุน สงั คม สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม สค21003 สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต รายวชิ า เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ารจดั การเรียนรู้บูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. หนว่ ยการเรียนรู้ การมสี ว่ นรว่ มในการวางแผนพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม สาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม สค21003 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ สาระทกั ษะการดาเนินชวี ติ รายวิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทช21๐0๑ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ แผนการเรยี นรเู้ ร่อื ง การวางแผนพัฒนาครอบครวั 1. วางแผนการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว ๒. หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งกับการจดั การทรพั ยากรที่มอี ยู่ ของตนเอง ครอบครัว ชุมชน จานวนเวลา ๓ ชวั่ โมง ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั รายวชิ าการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม การวางแผนพัฒนาครอบครัว 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจและเห็นความสาคญั ของข้อมลู ตนเอง ครอบครวั สงั คม ชมุ ชน มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ รายวิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง นาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการจัดการทรัพย์กรทม่ี ีอยู่ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน ตวั ช้ีวดั รายวิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม 1. การวางแผนพัฒนาครอบครัว การวางแผนการเล้ียงดสู มาชิกในครอบครัว ดา้ นรา่ งกาย ด้านจิตใจ การ ถ่ายทอดวฒั นธรรมและประเพณี เปน็ ศูนยร์ วมแห่งความรกั และความอบอุ่น การปลกู ฝงั วัฒนธรรมและ ประชาธิปไตย รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การจดั การทรัพยากรท่มี อี ยขู่ องตนเอง ครอบครวั ชุมชน ๓. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การวางแผนพัฒนาครอบครวั การพัฒนาตนเองให้ประสบผลสาเรจ็ จะตอ้ งมีความมุ่งม่ัน และมีการวางแผนทีด่ ี ๔. สาระการเรยี นรู้ สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวติ รายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๕. จดุ ประสงค์ 1. การมีสว่ นรา่ มและการวางแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 2. แนะนา สง่ เสริมใหส้ มาชกิ ในครอบครัวและชมุ ชน ให้เหน็ คณุ คา่ และนาไปปฏิบัติในการดาเนินชวี ติ ๖. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. การมีสว่ นรว่ มในการวางแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คม และนาไปปฏบิ ัติในการดาเนินชีวติ ๒. การพฒั นาอาชีพในชุมชนและสงั คม ๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ : รเู้ ขา้ ใจ ยอมรับ เหน็ คุณ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพและมภี มู คิ มุ้ กนั ในการดาเนินชวี ิตของตนเอง ครอบครัวและชุมชนอย่างมีความสขุ ๗. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย : มีความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา อยอู่ ย่างพอเพยี ง คิดและตดั สนิ ใจในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ทีไ่ ด้รับมอบหมายไดเ้ หมาะสมกับศักยภาพตนเอง/ กลุ่ม ใช้เวลาได้อยา่ งเหมาะสมในการทากิจกรรม ใช้ความรู้ สติปญั ญา ๒. ขยนั : ใฝ่เรียนรู้ ต้งั ใจเรียนรู้และทากจิ กรรม แสวงหาความรใู้ หม่แลว้ สรปุ เปน็ ความรู้
๓. ซื่อสตั ย์ : มคี วามซื่อสตั ยส์ ุจริต เตรยี มพร้อมและวางแผนการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมอย่างเป็นระบบรอบคอบ สมเหตุสมผล และร่วมกนั ลงมอื ทากิจกรรมอย่างระมดั ระวงั ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ ผเู้ รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน กจิ กรรมท่ี 1 วเิ คราะห์หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เวลา ๑.3 ชวั่ โมง (วิธสี อนแบบ ONIE) ขั้นท่ี 1 กาหนดสภาพปญั หาความต้องการ ครูให้ผูเ้ รยี นดภู าพสงิ่ ประดษิ ฐ์จากขวดพลาสตกิ เหลอื ใช้ จานวน 5 ภาพ แลว้ รว่ มกันสนทนาเก่ียวกบั ภาพ เชน่ ความรู้สึกกบั ภาพ ภาพมีความสาคัญ ลกั ษณะภาพ ครอบครวั ชมุ ชน อาชพี ในชุมชน ของผเู้ รยี น เปน็ ตน้ ขน้ั ที่ 2 แสวงหาข้อมลู และการจดั การเรียนรู้ ครูให้ผู้เรียนช่วยกันวิเคราะห์ภาพในข้ันตอนที่ 1 ซึ่งแสดงถึงความเป็นอยู่ในชุมชนและให้ผู้เรียนอ่านใบ ความรู้ที่ 1 การวางแผนพัฒนาตนเอง “วางแผนการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว”และร่วมกันสรุปสาระแนวคิดสาคัญ และประโยชน์ของวางแผนการเล้ียงดูสมาชิกในครอบครัวของผู้เรียน สนทนาถึงพระราชดารัสที่เก่ียวกับเศรษฐกิจ พอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว ทปี่ รากฏอยู่ในใบความรู้ (ผเู้ รยี นรู้หลักความพอประมาณ) ครอบครัว ชมุ ชน สังคม มีความเป็นอยู่อย่างไร (ความรู้) เพราะเหตุใดครอบครัว ชุมน สังคม จึงมีความสุข (เหตุผล) ครอบครัว ชุมน สังคม ใช้คุณธรรมข้อใดจึงมีความสุขในชีวิต (คุณธรรม)ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเดิมจากใบงานท่ี 2 วิธีสร้างสัมพันธภาพของ ครอบครัวและเพอื่ น 1. ใหผ้ ู้เรียนอ่านใบความรูท้ ่ี 2 วธิ สี ร้างสมั พันธภาพของครอบครัวและเพ่ือน (ความร)ู้ 2. ผู้เรยี นร่วมกันอภปิ รายสรุปเปน็ ความคิดรวบยอดเก่ียวกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จากภาพ สิ่งประดิษฐจ์ ากขวดพลาสติกเหลอื ใช้ 3. ใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาใบความรทู้ ี่ 3 เรื่อง หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แล้วชว่ ยกนั อภิปรายถึงหลัก แนวคิด 3 หว่ ง ทป่ี ระกอบดว้ ย ๑. ความพอประมาณ ๒. ความมีเหตผุ ล ๓. การมภี มู ิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี วา่ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่างไรบ้าง (ความรู้) 1. ผเู้ รียนศึกษาใบความรทู้ ่ี 3 เรือ่ งหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง(ความร)ู้ 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้ผู้เรียนเข้าใจว่าผลท่ีได้รับจากการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมา ประยุกต์ใช้ คือการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงในทุกด้าน ท้ังด้าน เศรษฐกิจสังค ม สิ่งแวดลอ้ ม ความร้ดู า้ นเทคโนโลย(ี ความร)ู้ ขั้นท่ี 3 การปฏบิ ัตแิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ๑. ครแู บง่ กล่มุ ผู้เรยี น กลุ่มละเทา่ ๆ กนั เพอื่ ให้ผูเ้ รยี นไดช้ ่วยเหลือกนั ในการศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ๒. ให้ผเู้ รยี นทาใบงานที่ 1 เร่ือง วางแผนการพัฒนาตนเอง - ครูสมุ่ เรียกสมาชิกบางคนในแตล่ ะกลมุ่ ออกไปนาเสนอความรู้จากใบงาน - ครแู ละผ้เู รยี นร่วมกนั สรุปเนื้อหา การประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการ ดารงชวี ติ ในชมุ ชนเห็นความสาคัญ คุณค่าและประโยชน์ของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อสงั คมไทย - ครูมอบหมายให้ผู้เรียนนาแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปวิเคราะห์ของตนเองว่าได้ ใช้หลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เง่ือนไขอย่างไรบ้าง จนสามารถสร้างสรรค์งานของตนได้สาเร็จลุล่วงอย่าง สมบรู ณ์ ข้ันท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ - ผู้เรียนรว่ มกนั คิดวเิ คราะห์ผลงานและปรบั ปรงุ แกไ้ ข ใหม้ คี ุณภาพตามเป้าหมาย
- ผเู้ รียนร่วมกนั สรุปจากการวิเคราะห์ของแต่ละคน และเขียนบนกระดานดาเป็นข้อ ๆ ใหเ้ ห็นชัดเจน และสรุปถงึ แนวทางท่ีผู้เรียนในฐานะทีเ่ ปน็ เยาวชนของชาติ จะร่วมกนั น้อมนาแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไปพฒั นา ตนเอง สังคม ประเทศชาตเิ พอ่ื ความสมดลุ อยา่ งยง่ั ยืน มัน่ คงของเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรมและส่ิงแวดล้อมไดอ้ ย่างไร บา้ ง ศกึ ษาความร้เู พมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจาก เวบ็ ไซต์ https://shorturl.asia/Lwlct (ความมีเหตุผล) กิจกรรมที่ 2 หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการจัดการทรพั ยก์ รทมี่ อี ยขู่ อง ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน (1.3 ชวั่ โมง) ๑. ผเู้ รียนสนทนาถงึ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการจัดการทรัพย์กรทีม่ ีอยู่ของ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน โดยใช้เร่อื ง “หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การจดั การทรัพยากรทีม่ ีอยขู่ องตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน มาเป็นตัวอยา่ ง แล้วชว่ ยกันอภิปรายสรปุ 2. ครูกล่าวชมเชยและให้ผู้เรียนในชั้นเปิดโอกาสให้เพื่อนคนอ่ืน ๆ ร่วมเสนอแนะ หลังจากนั้น ครูกล่าวสรุป อีกครั้ง ผู้เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน 9. ภาระงาน /ชนิ้ งาน ทาแบบทดสอบเก่ียวกบั การวางแผนพฒั นาครอบครวั ๑๐. การวดั และประเมนิ ผล ๑. การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน ๒. การประเมินระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ - ใบงานที่ 1 การวางแผนพัฒนาตนเอง - ใบงานที่ 2 วิธีสรา้ งสัมพันธภาพในครอบครวั และเพอื่ น - ใบงานที่ 3 หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง - สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ๓. การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลังเรียน ๑๑. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. สอื่ การเรยี นรู้ ๑. ภาพสงิ่ ประดิษฐ์ 5 ภาพ ๒. ใบความรทู้ ่ี ๑ การวางแผนพัฒนาตนเอง 3. ใบความรูท้ ี่ 2 วิธีสร้างสัมพนั ธภาพในครอบครัวและเพ่ือน 4. ใบความรทู้ ่ี 3 หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5. ใบงานที่ ๑ การวางแผนพฒั นาตนเอง 6. ใบงานท่ี 2 วธิ ีสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวและเพื่อน 7. ใบงานท่ี 3 หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 8. หนงั สอื เรยี น พฒั นาตนเอง สังคม ชมุ ชน ม.ตน้ 9. หนังสือเรียน เศรษฐกจิ พอเพียง ม.ตน้ 2. แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอกระสงั https://shorturl.asia/U1w8Q 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
๑๒.ชุดคาถามเพือ่ กระตุน้ คณุ ลักษณะอยอู่ ยา่ งพอเพยี ง - ผเู้ รียนรูค้ วามหมายและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (Q1) - ความพอเพยี งมอี ะไรบ้าง (Q๓) - ความพอเพียงมปี ระโยชน์อย่างไร (Q๔) - ยกตัวอย่างความพอเพยี งในชวี ติ ประจาวันมอี ะไรบา้ ง (Q๕)
การประเมนิ ชนิ้ งาน / ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ การวางแผนพัฒนาครอบครวั รายการประเมิน ดีมาก (4) ระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนน ปรับปรงุ (1) ด(ี 3) พอใช(้ 2) 1. รแู้ ละเข้าใจใน เขียนตอบไดถ้ ูกต้อง กาหนด เขียนตอบได้ถูกต้อง เขียนตอบได้ถูกต้อง แต่ เขยี นตอบไม่ถกู ต้อง ครตู อ้ ง วางแผนพฒั นา ประเดน็ ชดั เจน เรียบเรียง กาหนดประเด็นชัดเจน ยงั กาหนดประเดน็ ไม่ อธิบายเพ่มิ เตมิ จงึ สามารถ ตนเอง ความคิดเป็นสาคญั และ แต่มขี ้อบกพร่องในการ ชัดเจนและมีขอ้ บกพร่อง เขียนตอบได้ ตอ่ เน่อื ง ไมม่ ีขอ้ บกพรอ่ งใน เรียบเรยี ง ความคิด ในการเรยี บเรียงความคดิ การใชภ้ าษา และการใชภ้ าษา 2. การสรา้ ง จัดลาดบั ความคิดในการ จัดลาดบั ความคดิ ใน การ จัดลาดบั ความคิดในการ จัดลาดับความคิดในการ สัมพันธภาพใน เขียนได้เป็นระบบ ดึงดดู เขยี นไดเ้ ปน็ ระบบและ เขยี นได้เปน็ ระบบและ เขยี นไดไ้ ม่เป็นระบบ ครอบครัวและ ความสนใจไดด้ ี และสอด ความสาคญั ของเนอื้ หา ครบถ้วน เพ่ือน คล้องกบั เนอ้ื หาไดเ้ ปน็ อยา่ ง ดี 3. 3. หลักปรชั ญา เขยี นตอบไดถ้ ูกต้อง กาหนด เขียนตอบไดถ้ ูกตอ้ ง เขียนตอบได้ถูกต้อง เขียนตอบไมถ่ ูกต้อง ครตู อ้ ง ของเศรษฐกิจ ประเดน็ ชดั เจน เรยี บเรียง กาหนดประเด็นชัดเจน แตย่ งั กาหนดประเดน็ ไม่ อธิบายเพ่มิ เติม จงึ สามารถ พอเพยี ง ความคิดเป็นสาคัญและต่อ แตม่ ีข้อบกพรอ่ งในการ ชัดเจนและมีข้อบกพรอ่ ง เขยี นตอบได้ เนอ่ื ง ไม่มีข้อบกพรอ่ งใน เรียบเรียงความคดิ ในการเรียบเรยี งความคดิ การใชภ้ าษา และการใชภ้ าษา เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ช่วงคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรบั ปรุง 2 1
แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกระสงั (แบบปรนัย) จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. การพฒั นาตนเองใหป้ ระสบผลสาเร็จ จะต้องมคี วามม่งุ มน่ั มกี ารวางแผนทดี่ ี สามารถปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งไรบา้ ง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. สารวจตนเอง มีอะไรบ้าง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. การวเิ คราะห์ตนแอง คอื ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4. การกาหนดปญั หาและพฤตกิ รรมเปา้ หมายคือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 5. การรวบรวมขอ้ มลู พนื้ ฐาน คือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 6. การเลือกเทคนคิ และวางแผนปรับปรงุ ตนเอง คอื ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................
แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกระสัง (แบบอตั นยั ) 1. การพัฒนาชุมชน หมายถึง ก. การทาใหช้ มุ ชนมีการเปล่ียนแปลงไปในทางท่ดี ขี ึน้ หรอื เจริญขึ้น ข. การรกั ษาระดบั มาตรฐานของชมุ ชน ค. การพฒั นาตนเองให้มกี ารเปล่ยี นแปลงไปในทางทดี่ ขี ึ้นหรือเจริญข้ึน ง. การพัฒนาคนในชุมชนใหม้ คี วามรูค้ วามสามารถ 2. การใชช้ ีวติ ตามแนวเศรษฐกจิ พอเพียงจะต้องมีความพอดีกี่ประการ ก. 5 ประการ ข. 8 ประการ ค. 10 ประการ ง. 12 ประการ 3. ข้อใดคอื ความพอดดี ้านสังคม ก. รู้รกั สามัคคี ข. รู้จักการประนีประนอม ค. นาเทคโนโลยีมาใชเ้ พือ่ ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนหม่มู าก ง. มีจติ ใจ เออื้ อาทร 4. การนาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้น้ัน ขั้นแรกต้องยึดหลักในขอ้ ใด ก. พึง่ ครอบครวั ข. พึ่งตนเอง ค. พ่ึงรัฐบาล ง. ปล่อยทกุ อยา่ งใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาติ 5. ข้อใดไมใ่ ชส่ ิง่ ที่ต้องสารวจตนเอง ก. ภาวะทางอารมณแ์ ละจิตใจ ข. ประวตั ิศาสตร์ของชมุ ชน ค. สภาพร่างกาย ง. พัฒนาการทางสงั คม เฉลย 1. ก 2. ก 3. ง 4. ข 5. ข
ภาคผนวก ๑. ผู้เรยี นได้เรยี นรู้หลักคดิ และฝกึ ปฏิบัตติ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. ผูเ้ รยี นไดเ้ รยี นรกู้ ารใชช้ วี ติ ทีส่ มดุลและพรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลง ๔ มิติตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ก. ชุดคาถามกระตนุ้ คิดเพ่อื ปลูกฝังหลกั คิดพอเพยี งในกิจกรรมการเรียนรู้ ข. แนวทางการนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ค. ผลทเ่ี กิดข้ึนกับผ้เู รยี นสอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ง. ใบความรู้ จ. ใบงาน ฯลฯ
ก.ชดุ คาถามกระตนุ้ คดิ เพอ่ื ปลกู ฝงั หลักคดิ พอเพยี งในกิจกรรมการเรยี นรู้ คาถามกระตนุ้ คิดเพ่อื ปลูกฝังหลกั คดิ พอเพยี งกอ่ นเรยี น ๑. Q๑ ผเู้ รยี นสามารถเรยี นรหู้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไดอ้ ย่างไร ๒. Q๒ ผเู้ รียนคิดวา่ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมปี ระโยชน์อยา่ งไร ๓. Q๓ ผู้เรยี นคดิ วา่ เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร มอี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง ๔. Q๔ ผู้เรยี นวางแผนแบง่ หน้าทก่ี ารทางานกลมุ่ อยา่ งไรใหเ้ หมาะสมกับความสามารถของสมาชกิ และให้งาน สาเรจ็ ตามเปา้ หมายทันเวลาทก่ี าหนด (ภมู คิ ้มุ กนั , พอประมาณ) ๕. Q๕ การปฏบิ ัติกจิ กรรมให้สาเรจ็ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายงานจากกล่มุ ผูเ้ รียนจาเป็นจะต้องปฏิบัติ ตนอยา่ งไร บ้าง (คุณธรรม) ๖. Q๖ การเลอื กวิธีนาเสนอผลการศกึ ษาทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ผเู้ รยี นในกลุ่มมีเหตผุ ลอะไรในการเลอื ก วธิ ี นาเสนอ (มีเหตผุ ล) ๗. Q๗ การช่วยกนั ทางานในกลมุ่ จะส่งผลดตี ่อผู้ปฏบิ ตั อิ ย่างไร และเป็นคณุ ธรรมดา้ นใด (คุณธรรม) ๘. Q๘ การปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้สาเร็จจาเป็นตอ้ งมคี วามรู้อะไร (ความร)ู้ ๙. Q๙ การปฏิบัติกจิ กรรมการทางานกล่มุ และการนาเสนอใหส้ าเรจ็ จาเป็นตอ้ งมคี ณุ ธรรมขอ้ ใด อธบิ ายเหตผุ ล ประกอบ (คุณธรรม) ๑๐.Q๑๐ เพราะเหตใุ ดผเู้ รยี นจงึ ต้องปฏบิ ัติกิจกรรมการเรยี นรู้ (เหตุผล) ๑๑.Q๑๑ แหล่งเรยี นร้ใู นท้องถิน่ มปี ระโยชนก์ ับผู้เรยี นอยา่ งไร (เหตุผล) ๑๒.Q๑๒ ทาใบงานใหส้ าเร็จทันเวลาตามที่รบั มอบหมาย กลุ่มของผู้เรียนพิจารณาถงึ ความเหมาะสม กับปจั จยั ใด พร้อมอธบิ ายเช่ือมโยงความเหมาะสมประกอบ (พอประมาณ) ๑๓.Q๑๓ การนาเสนอใหส้ าเร็จทันเวลาตามทร่ี ับมอบหมายกลุ่มของผูเ้ รยี นมีการวางแผนดว้ ยความ รอบคอบ อยา่ งไร (ภูมิคมุ้ กนั ในตัวที่ด)ี ๑๔.Q๑๔ หลังจากผเู้ รยี นไดเ้ รียนรูจ้ ากหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงแลว้ ผ้เู รยี นจะปฏบิ ัตติ นใน ชีวิตประจาวนั กับความรทู้ ่ีได้รับอยา่ งไร และขยายผลความรู้นน้ั ไดอ้ ย่างไร (๒ - ๓ - ๔)
แนวทางการนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครผู ูส้ อนนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ความร้ทู ี่ครูต้องมกี อ่ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ คุณธรรมของครู 1.มคี วามร้รู ายวิชาการพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม และ ๑. ความรักเมตตาศิษย์ รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. ความรบั ผิดชอบ 2.มีความรู้ในเรือ่ งการวางพัฒนาตนเอง ๓. ความยุตธิ รรม 3. มคี วามร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกับหลักปรชั ญาของ ๔. ความตรงตอ่ เวลา เศรษฐกจิ พอเพยี ง และการพัฒนาตนเอง 4. ร้พู ้นื ฐานผ้เู รยี น/จติ วิทยาในการสอน/เทคนิคการ สอน/การวดั ผล หลักพอเพียง พอประมาณ มเี หตุผล มภี มู ิคุ้มกนั ในตัวทด่ี ี ประเดน็ เนอื้ หา - เนอ้ื หารายวิชาพฒั นา - เพอื่ ผู้เรยี นมคี วามรู้ - เตรยี มภาพเพือ่ ใช้ ตนเอง ชมุ ชน สังคมและ และเขา้ ใจเกยี่ วกับ ประกอบเนื้อหาในการ รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง ความสาคญั ของ สอน สอดคล้องกับมาตรฐาน รายวชิ า เศรษฐกิจ - วางแผนเรียงลาดบั การ ตัวช้ีวัด เหมาะสมกบั เวลาท่ี พอเพยี ง สอนตามเนื้อหาได้ กาหนดและวยั ของผ้เู รยี น เขา้ ใจงา่ ย เวลา - กาหนดเวลาในแตล่ ะ - เพอ่ื จัดกจิ กรรมการ - วางแผนกาหนดเวลาใน กจิ กรรมที่เหมาะสมกบั เรยี นรไู้ ด้ครบถว้ น แต่ละกิจกรรมให้ เนอื้ หาและช่วงวัยของ ตามที่ออกแบบไว้ เหมาะสมกบั เนื้อหา ผู้เรยี น วธิ กี ารจดั กิจกรรม - แบง่ กลมุ่ ผู้เรียนได้พอดี - เพอื่ ให้ผเู้ รียนปฏบิ ัติ - แบง่ กลมุ่ ผ้เู รยี นตาม กบั จานวนผู้เรยี น กิจกรรมอย่างทัว่ ถงึ ความสามารถของผ้เู รยี น - กาหนดกจิ กรรมการ - เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ - เตรยี มใบงาน ใบ เรยี นรเู้ หมาะสมกับเวลาที่ การเรยี นรตู้ าม ความรู้ กาหนด จุดประสงค์ ทก่ี าหนด - สังเกตพฤตกิ รรมและ - มอบหมายภาระงานและ - เพือ่ ผเู้ รยี นนาความรู้ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เมื่อ ช้ินงานเหมาะสมกบั ความ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น ผูเ้ รยี นมปี ัญหา สามารถผู้เรยี นและ ชีวิตประจาวันได้ สอดคลอ้ งกบั เปา้ หมาย การ เรยี นรู้ ส่ือ / อปุ กรณ์ - จานวนใบความรู้ ใบงาน - เพื่อใหผ้ ู้เรยี นปฏิบัติ - เตรียมสอื่ อปุ กรณใ์ ห้ ภาพประกอบเหมาะสมกับ กจิ กรรมบรรลตุ าม พรอ้ มก่อนการจดั กจิ กรรม / เนอ้ื หาเพยี งพอ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กจิ กรรม กบั ผ้เู รยี น ทกี่ าหนดไว้ – วางแผนลาดับข้ันตอน วิธกี ารใชส้ ือ่ ท่ีถูกตอ้ ง และจดั เกบ็ อย่างเปน็ ระเบยี บ
แหลง่ เรียนร/ู้ ฐานการ - ห้องสมุดประชาชน - เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นได้ - เตรยี มสถานท่ี/วัสดุ เรียนรู้ และแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ เหมาะสมกบั กจิ กรรม ศึกษาเรียนรู้ด้วย อปุ กรณใ์ หพ้ รอ้ มเพื่อรับ การประเมนิ ผล ท่ีกาหนด ตนเอง บรกิ าร - จัดทาแบบประเมินผลให้ เหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ - เพอ่ื ให้ผู้เรยี นได้นา การเรียนรู้ ความรูไ้ ปใช่ใน ชวี ติ ประจาวัน - เพอ่ื ประเมินผล - เตรยี มวางแผนการสรุป การเรียนรตู้ าม ประเมินผลงานตาม วัตถุประสงคท์ ีก่ าหนด เกณฑ์ประเมิน ๒. ผลที่เกดิ ขน้ึ กบั ผู้เรยี นสอดคล้องกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งจากการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๒.๑.ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลักคดิ และฝึกปฏิบัตติ าม ๒ เงื่อนไข ๓ หลกั การ 4 มิติ 3 ศาสตร์พระราชา สพู่ ระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของในหลวงรชั กาลท่ี 10 ดงั นี้ ความรู้ คุณธรรม - รู้เขา้ ใจความหมายหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง - มีความอดทน - รปู้ ระโยชน์และคุณค่าหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ - มีความซื่อสตั ย์ พอเพียง - มคี วามขยนั - รวู้ ธิ ีการวางแผนการพฒั นาตนเอง - มีความรับผิดชอบ พอประมาณ มีเหตผุ ล มภี ูมิคุ้มกนั ในตวั ทีด่ ี - ผู้เรยี นวางแผนในการพัฒนา - เพอื่ ให้ผเู้ รยี นไดร้ บั ความรูต้ รง ๑. เตรียมการวางแผนการทางาน ตนเองได้ ตามตวั ชีว้ ัดของหลกั สูตร กลุม่ อย่างเปน็ ระบบและมีขนั้ ตอน - ใช้วัสดอุ ุปกรณใ์ นการปฏบิ ัติ - เพอ่ื ให้ผ้เู รียนมีความรู้เร่ืองหลัก ๒. เตรยี มข้อมลู วชิ าการ ตนเอง กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งคุ้มค่าและ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสิง่ แวดลอ้ ม ไดค้ รบถว้ นและ เหมาะสม วิเคราะห์ตอบคาถามในชุดคาถาม ตรงตามวัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ - นาความรไู้ ปประยุกต์ใช้ให้ ได้อย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล เหมาะสมกับตนเอง - เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนได้แสดงความ คิดเหน็ วิพากษ์ วิจารณผ์ อู้ ่ืนอยา่ ง มีเหตุผล ๒.๒. ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้การใชช้ ีวติ ที่สมดุลและพรอ้ มรับการเปลย่ี นแปลง ๔ มติ ิตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ดังนี้ มิติดา้ น สมดุลและพรอ้ มรบั การเปลี่ยนแปลงในด้านตา่ ง ๆ องค์ประกอบ มิติด้านวตั ถุ/ มิตดิ า้ นสงั คม มิตดิ ้านสิง่ แวดล้อม มติ ดิ า้ นวฒั นธรรม เศรษฐกิจ ความรู้ ( K ) - ความร้ใู นการใช้ - การแลกเปลย่ี น - นาหลักปรัชญา - ความรู้เกีย่ วกบั วัสดุ/อปุ กรณ์ เรียนรู้ แบ่งหนา้ ท่ี ของเศรษฐกิจ บริบทของชุมชน ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ภายในกลุ่มได้ พอเพียง ในการ เหมาะสมและคมุ้ คา่ อย่างเหมาะสม พฒั นาตนเอง - สามารถปฏบิ ตั ิ ชมุ ชน สังคม งานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้
ทกั ษะ ( P ) - ทกั ษะในการใช้ - ปฏบิ ตั ิงาน - - ค่านิยม ( A ) แหล่งเรยี นร้ไู ด้ รว่ มกนั ภายใน อย่างถูกต้องและ กลุ่มตามทไ่ี ด้รบั - สร้างจิตสานกึ - ตระหนกั ถึง เหมาะสม มอบหมายจน ในการรกั ษา คุณคา่ ของบรบิ ท สาเร็จ สภาพแวดลอ้ ม ในชุมชน เพอ่ื - เห็นความสาคัญ นามาวเิ คราะห์ ของการพฒั นา - มีจิตสานกึ ทด่ี ตี ่อ สภาพปัญหา ตนเอง ชมุ ชน การปฏิบตั งิ าน ภายในชมุ ชน สงั คม และเรยี นรทู้ ่ี - เหน็ คุณคา่ ของ คุ้มค่า ความสามัคคใี น การปฏิบัติงาน ภายในกลุ่ม
บนั ทึกผลหลงั การจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. ผลท่ีเกิดกบั ผู้เรียน (K P A) ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ๒. ปญั หา / อุปสรรค ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ๓. ข้อเสนอแนะ / วธิ ีแก้ไข ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ครผู ู้สอน () กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... บนั ทกึ ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรอื ผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงช่อื (นางนจุ รยี ์ สอ่ งสพ) ผอู้ านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกระสงั
ภาพส่งิ ประดิษฐ์กระถางต้นไม้ 5 ภาพ
ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ือง การพฒั นาตนเอง การพัฒนาตนเองใหป้ ระสบผลสาเรจ็ จะตอ้ งมคี วามมงุ่ มน่ั มกี ารวางแผนท่ีดตี ามขัน้ ตอนดังน้ี 1. การสารวจตนเอง เป็นการพิจารณาสภาพการดารงชีวิตของตนเองว่ากาลังเผชิญกับสภาวะใด ซึ่งจะทาให้ ทราบแนวทางว่าควรพฒั นาตนเองด้านใด สิง่ ท่ีต้องสารวจตนเอง ไดแ้ ก่ 1.1 สภาพร่างกาย การสารวจสภาพร่างกายทาให้ทราบถึงสุขภาพ กิริยาท่าทาง และบุคลิกภาพของ ตนเอง 1.2 ภาวะทางอารมณ์ และจิตใจ ทาใหท้ ราบถงึ อุปนสิ ยั อารมณ์ และสภาพจติ ใจ 1.3 พัฒนาการทางสังคม เป็นการสารวจความสามารถทั่วไปในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น โดย พิจารณาเกี่ยวกบั ความสามารถในการตดิ ต่อส่อื สาร พฤติกรรมการแสดงออกของตนเองต่อผู้อน่ื รวมถงึ ความสัมพนั ธ์กบั ผอู้ น่ื ดว้ ย 1.4 สติปัญญา เป็นการสารวจเกี่ยวกับการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การบริหารเวลา การจัดการเรื่อง ตา่ ง ๆ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2. การวิเคราะหต์ นเอง เมอ่ื ไดส้ ารวจตนเองอย่างถ่องแท้ จะทาใหท้ ราบถึงจดุ เดน่ และจุดด้อย ของตนเอง สว่ น ที่เป็นจุดเด่นควรได้รับการส่งเสริมและประพฤติให้ชัดเจนยิ่งข้ึน และปรับปรุงพัฒนาส่วนที่เป็นจุดด้อยให้เกิด พฤติกรรมใหม่ที่ดี อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์บุคลิกภาพหรือพฤติกรรมของตนเองน้ัน ควรพิจารณา องค์ประกอบหลายดา้ น เชน่ เงือ่ นไขพฤติกรรม สถานการณ์ ส่งิ แวดล้อมและแรงจูงใจ 3. การกาหนดปญั หาและพฤติกรรมเปา้ หมาย เมื่อได้วิเคราะหพ์ ฤติกรรมของตนเองจนทราบ จุดเดน่ และจดุ ด้อยแล้ว จะต้องเลือกปรับปรุงพฤติกรรมที่เป็นจุดด้อย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายหรือ อันตรายต่อชีวิตของ ตนเองและผู้อื่น พฤติกรรมท่ีขัดขวางการพัฒนาชีวิตของตนเองหรือผู้อ่ืนและพฤติกรรม ท่ีเป็นเหตุให้เกิด พฤติกรรมอ่นื ๆ ตามมาอีกไดแ้ ก่ ในการกาหนดปญั หา ควรแยกปญั หาใหช้ ดั เจน โดยทัว่ ไปสามารถแยกปัญหาไดเ้ ป็นกลมุ่ ใหญ่ ๆ 1) ปญั หาท่ีเกดิ จากความคิด 2) ปญั หาท่ีเปน็ อารมณ์ความรสู้ ึก 3) ปญั หาเชงิ พฤตกิ รรม 4) ปัญหาความขัดแยง้ 4. การรวบรวมข้อมลู พนื้ ฐาน เป็นขอ้ มลู พื้นฐานที่เกี่ยวกบั ปัญหา ซึ่งจะชว่ ยให้เข้าใจพฤติกรรม เปา้ หมาย ที่ถูกตอ้ ง ช่วยให้สามารถเลือกเทคนิควิธีการปรับปรุงตนเองที่เหมาะสม พฤติกรรมพ้นื ฐานได้มาจากการสังเกต การบันทึก การวเิ คราะห์ เปน็ ตน้ 5. การเลือกเทคนคิ และวางแผนปรับปรงุ ตนเอง เทคนคิ ทีใ่ ช้ในการปรบั ปรุงตนเองอาจเลือก การปรบั เปล่ยี น พฤติกรรม หรือเลือกปรับเปลี่ยนความคิด หรืออาจใช้หลายวิธีประกอบกัน โดยคานึงถึงความง่ายและ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการปรับปรุงการวางแผนพัฒนาตนเอง ควรกาหนดเวลาให้สอดคล้องกับ เป้าหมาย และแสดงแผนงาน ให้ชัดเจน อุปสรรคของการพัฒนาตนเอง คือ การขาดวินัย ไม่ควบคุมหรือ จัดระบบการพฒั นาตนเอง ให้รดั กุม และมคี ุณภาพ ดงั นั้นจงึ ควรมีการกาหนดวัตถปุ ระสงคแ์ ละระยะเวลาอย่าง ชัดเจน โดยคานงึ ถึงความเปน็ ไปไดจ้ รงิ และสอดคล้องกับสภาพความต้องการหรือสนองต่อปญั หาท่ีเกดิ ขน้ึ 6. การทดลองปรับปรุง และพัฒนาตนเอง เป็นข้ันตอนของการดาเนินตามแผนที่กาหนดโดย จะต้องอาศัย ความมุ่งมั่น และเมื่อประสบผลสาเร็จแล้วควรให้กาลังใจ หรือให้รางวัลตนเองสาหรับการตั้งใจทาความดีจน ประสบผลสาเร็จ
7. การประเมินผลและขยายผลการพัฒนาตนเอง เป็นข้ันของการติดตามผลว่าการทดลอง ปรับปรุงและ พัฒนาตนเองบรรลุผลสาเร็จเพียงใด หากมีข้อบกพร่องจะต้องพิจารณาว่าเกิดจากปัจจัยใด หากประสบ ความสาเร็จจะต้องพิจารณาตอ่ ว่าจะยุตกิ ารพฒั นา และทาให้พฤติกรรมคงอยู่ตอ่ ไป หรือจะขยายผลการพัฒนา ไปยังพฤตกิ รรมอืน่ อีกตอ่ ไปหรือไม่
ใบความรทู้ ่ี 2 ทกั ษะการสรา้ งสัมพนั ธภาพทด่ี กี ับผ้อู ่นื
ใบความรทู้ ่ี 3 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันตอ่ โลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อัน เกิดจากการเปล่ียนแปลงท้ังภายนอกและภายใน ท้ังน้ีจะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมัดระวังอย่างยิ่งในการนาวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนการดาเ นินการทุกข้ันตอนและขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสรา้ งพ้ืนฐานจติ ใจของคนในชาตโิ ดยเฉพาะเจา้ หนา้ ที่ของรัฐนักทฤษฎแี ละนักธรุ กจิ ในทุกระดับให้มี จิตสานึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความ เพยี ร มีสตปิ ัญญาและความรอบคอบเพอ่ื ให้สมดลุ และพร้อมต่อการรองรับการเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว และกว้างขวาง ทง้ั ดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี เรือ่ งเศรษฐกจิ พอเพยี งซึง่ พระราชทานในวโรกาสตา่ งๆรวมทงั้ พระราชดารัสอน่ื ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งโดยไดร้ บั พระราชทานพระบรมราชาอนญุ าตให้นาไปเผยแพร่ เมื่อวนั ท่ี 29 พฤศจกิ ายน 2542 เพื่อเป็นแนวทาง ปฏบิ ัติของทุกฝา่ ยและประชาชนโดยทว่ั ไป นิยามของความพอเพียง ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คณุ ลักษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดังน้ี • ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อน่ื เช่น การผลิตและการบรโิ ภคทอี่ ย่ใู นระดับพอประมาณ • ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสนิ ใจเก่ียวกับระดบั ของความพอเพยี งนน้ั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทาน้ันๆ อยา่ งรอบคอบ • การมภี ูมคิ ุม้ กันในตวั ท่ีดี หมายถึง การเตรยี มตวั ให้พร้อมรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลงดา้ นต่างๆ ที่จะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตท้ังใกล้ และไกล เงื่อนไข การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยท้ังความรู้และ คณุ ธรรมเป็นพ้ืนฐาน กลา่ วคอื • เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกบั วิชาการตา่ งๆท่เี ก่ียวขอ้ งอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนาความร้เู หลา่ นน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน และความระมดั ระวังในขนั้ ปฏิบัติ • เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ทีจ่ ะต้องเสริมสรา้ ง ประกอบด้วยมคี วามตระหนักในคณุ ธรรม เช่น มีความซ่ือสตั ย์ สุจรติ ความอดทน ความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนินชีวติ ไม่โลภ และไม่ตระหนี่ แนวทางปฏบิ ตั /ิ ผลท่คี าดว่าจะได้รบั จากการนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกตใ์ ช้ คอื การพฒั นาท่ีสมดลุ และยง่ั ยนื พรอ้ มรบั ต่อ การเปลี่ยนแปลงในทกุ ด้าน ทั้งดา้ นเศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดล้อม ความรแู้ ละเทคโนโลยี
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ทางสายกลาง พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี ความรู้ คณุ ธรรม รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซ่ือสัตยส์ จุ ริต ขยันอดทน สตปิ ัญญา แบง่ ปัน (จากหนงั สอื เศรษฐกจิ พอเพียงคืออะไร จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการขับเคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพียง สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต)ิ
ใบงานท่ี 1 การวางแผนพฒั นาตนเอง จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. การพัฒนาตนเองให้ประสบผลสาเรจ็ จะตอ้ งมคี วามมงุ่ มัน่ มกี ารวางแผนทดี่ ี สามารถปฏิบตั ิได้อย่างไรบ้าง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. สารวจตนเอง มีอะไรบ้าง ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. การวิเคราะหต์ นแอง คือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4. การกาหนดปัญหาและพฤตกิ รรมเป้าหมายคือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 5. การรวบรวมข้อมลู พืน้ ฐาน คือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 6. การเลอื กเทคนิคและวางแผนปรบั ปรงุ ตนเอง คือ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................
แนวคาตอบ ใบงานท่ี 1 การวางแผนพฒั นาตนเอง 1. การพฒั นาตนเองใหป้ ระสบผลสาเรจ็ จะต้องมคี วามมงุ่ มนั่ มีการวางแผนทดี่ ี สามารถปฏิบัติได้อย่างไรบา้ ง 1. สำรวจตนเอง 2. กำรวิเครำะหต์ นเอง 3. กำรกำหนดปัญหำและพฤตกิ รรมเปำ้ หมำย 4. กำรรวบรวมขอ้ มลู พื้นฐำน 5. กำรเลือกเทคนิคและวำงแผนปรับปรุงตนเอง 6. กำรทดลองปรับปรงุ และพฒั นำตนเอง 7. กำรประเมนิ ผลและขยำยผลกำรพฒั นำตนเอง 2. สารวจตนเอง มีอะไรบา้ ง 1.1 สภำพร่ำงกำย กำรสำรวจสภำพร่ำงกำย 1.2 ภำวะทำงอำรมณแ์ ละจติ ใจ 1.3 พัฒนำกำรทำงสงั คม 1.4 สติปญั ญำ เป็นกำรสำรวจเกย่ี วกับกำรตดั สินใจ 3. การวิเคราะห์ตนเอง คอื หลงั จำกสำรวจตนเองจนทรำบข้อมูลเก่ยี วกับตนเองแล้ว ใหว้ เิ ครำะหว์ ่ำสงิ่ ใดเป็นจดุ เด่นและส่งิ ใดเปน็ จุดด้อยของตนเอง 4. การกาหนดปัญหาและพฤติกรรมเปา้ หมายคือ หลังจำกทรำบจดุ เดน่ และจดุ ดอ้ ยของตนเองแลว้ จะต้องปรบั ปรุงสว่ นทีเ่ ป็นจุดด้อย ซึ่งจุดด้อยท่ีควร ได้รับกำรปรบั ปรุงเปน็ อนั ดับแรกคอื พฤติกรรมท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ควำมเสยี หำยหรืออนั ตรำยต่อชีวติ ของตนเองและ ผูอ้ ่ืน 5. การรวบรวมข้อมูลพนื้ ฐาน คือ เป็นข้อมลู พน้ื ฐำนเก่ียวกับปัญหำ ซึ่งจะช่วยใหเ้ ขำ้ ใจพฤตกิ รรมเป้ำหมำยถูกต้อง ช่วยให้สำมำรถเลือก เทคนคิ วธิ ีกำรปรับปรุงตนเองท่ีเหมำะสม 6. การเลอื กเทคนิคและวางแผนปรับปรงุ ตนเอง คอื เทคนิคและวำงแผนปรบั ปรงุ ตนเอง อำจเลอื กกำรปรบั เปลยี่ นพฤติกรรม หรอื เลือกปรบั เปลย่ี น ควำมคิด หรืออำจใช้หลำยวิธีประกอบกัน
เกณฑก์ ารประเมินการทาใบงานที่ 1 ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ 4 เขียนตอบได้ถูกตอ้ ง กาหนดประเดน็ ชดั เจน เรียบเรียงความคิดเป็นสาคญั และ 3 ต่อเน่อื ง ไมม่ ีขอ้ บกพรอ่ งในการใชภ้ าษา 2 เขยี นตอบได้ถูกตอ้ ง กาหนดประเดน็ ชัดเจน แต่มีข้อบกพรอ่ งในการเรียบเรียง ความคิด 1 เขยี นตอบไดถ้ ูกต้อง แต่ยงั กาหนดประเด็นไมช่ ดั เจนและมขี อ้ บกพรอ่ งในการเรียบ เรยี งความคดิ และการใช้ภาษา เขยี นตอบไม่ถูกตอ้ ง ครูต้องอธบิ ายเพม่ิ เตมิ จึงสามารถเขียนตอบได้
ใบงานท่ี 2 ทกั ษะการสร้างสัมพันธภาพทด่ี กี ับผู้อ่นื คาส่งั ใหผ้ ู้เรียน นาวิธีสรา้ งสัมพันธภาพในครอบครวั ละเพื่อนไปเติมลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกต้อง ชว่ ยเหลอื งานในบา้ น มีนา้ ใจ รู้จกั แบง่ ปนั ไมเ่ อาเปรยี บรงั แกกนั ใช้เวลาว่างร่วมกนั ยอมรบั ความคิดเหน็ ผอู้ น่ื คาพดู สุภาพ อ่อนหวาน เคารพเชื่อฟังผูใ้ หญ่ จรงิ ใจไม่โกหก ใหค้ วามช่วยเหลอื เมือ่ เดือดร้อน ร่วมมือและหาทางแกป้ ญั หา ครอบครัว เพ่อื น
เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นอธบิ ายเนือ้ หาไดอ้ ย่างถกู ต้อง ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมิน 16-20 มีองคป์ ระกอบของการเขียนอธบิ ายเนือ้ หาได้อยา่ งครบถ้วน เรยี งลาดับเนอ้ื หา 11-15 ถกู ตอ้ งและเรยี บเรยี งขอ้ ความอยา่ งประณตี 6-10 มีองคป์ ระกอบของการเขยี นอธบิ ายเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน แต่มขี อ้ บกพรอ่ ง เลก็ น้อยเร่ืองการเรยี งลาดบั เนือ้ หาและการใช้ภาษา 5 มอี งคป์ ระกอบของการเขยี นอธิบายเนื้อหาไดอ้ ย่างครบถ้วน แต่มขี ้อบกพรอ่ ง คอ่ นขา้ งมากเรอื่ งการลาดับเนื้อหาและการใชภ้ าษา มอี งคป์ ระกอบไม่ครบถว้ น มขี ้อบกพรอ่ งค่อนข้างมากเรื่องการลาดับเนือ้ หาและการ ใชภ้ าษา
แนวคาตอบ ใบงานท่ี 2 ทักษะการสร้างสมั พนั ธภาพท่ดี กี บั ผอู้ ืน่ ครอบครัว เพ่อื น ชว่ ยเหลอื งำนในบ้ำน มนี ำ้ ใจ รู้จกั แบง่ ปนั ใช้เวลำว่ำงรว่ มกนั ไมเ่ อำเปรยี บรังแกกัน คำพูดสภุ ำพ อ่อนหวำน ยอมรับควำมคิดเห็นผ้อู ื่น เคำรพเช่ือฟังผูใ้ หญ่ จริงใจไม่โกหก รว่ มมอื และหำทำงแกป้ ญั หำ ให้ควำมช่วยเหลือเมื่อเดือดรอ้ น
ใบงานที่ 3 หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง คาสง่ั ใหผ้ ้เู รยี นเขยี นเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3 หว่ งให้ถูกต้อง ทางสายกลาง หว่ งท่ี 1 .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. หว่ งท่ี 2 .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. หว่ งท่ี 3 .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
เกณฑป์ ระเมนิ การวิเคราะหก์ ารเขยี นอธิบายความหมายตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ 16-20 เขียนวเิ คราะห์ได้ดีมาก กาหนดประเด็นชัดเจน เรยี บเรียงความคดิ เป็นสาคญั และ 11-15 ตอ่ เน่ือง ไมม่ ขี อ้ บกพร่องในการใช้ภาษา 6-10 เขยี นวเิ คราะห์ได้ดมี าก กาหนดประเด็นชดั เจน แตม่ ขี อ้ บกพรอ่ งในการเรียบเรยี ง ความคดิ 5 เขียนวิเคราะหไ์ ด้ แตย่ งั กาหนดประเดน็ ไม่ชัดเจนและมีข้อบกพร่องในการ เรียบเรียงความคดิ และการใช้ภาษา เขยี นวเิ คราะห์ไม่ได้ ครูต้องกาหนดประเด็นใหแ้ ละอธิบายเพ่ิมเติม จงึ สามารถเขียน วิเคราะห์ได้
แนวคาตอบ ใบงานที่ 3 หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: