Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิตยสาร​ท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี​

นิตยสาร​ท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี​

Published by Sirikorn Ngamsiridachawong, 2021-11-11 02:50:04

Description: นิตยสาร​ท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี​

Search

Read the Text Version

TRAVELLING IN THAILAND KANCHANABURI YOUR JOURNEY STARTS TODAY DIVERSIFIED TOURISM IN ONE TRIP Travel trip with attraction, camp, and ubosot for you.

TABLE OF 02 CAMP CONTENTS ทีพักรมิ แม่นาํ แสนสวย กับบรรยากาศ 01 ATTRACTION ยามคําคืนทีสามารถนอนดูดาวได้จาก เตียงในหอ้ งพักผ่านโดมใสได้เลย สถานทีท่องเทียว สาํ หรบั เดินเล่น ชม เปนการดูดาวทีไม่มีแมลงและสบาย วิว ถ่ายรูป ซอื ของต่างๆ โดยจะมีทัง มาก รวมถึงมีแสงไฟทีสามารถเปดได้ แบบธรรมชาติรมิ แม่นาํ สามารถนัง ในยามคําคืน พรอ้ มอ่างจากุชชี และที รถไฟชมวิว หรอื เดินบนรางรถไฟ และ นังเล่นทานอาหารอีกด้วย แบบบรรยากาศสมัยก่อน ในยุครชั กาล ที ๕ ร.ศ. ๑๒๔ 03 UBOSOT วัดสีขาวทีมีความสวยงามเปนอย่างมาก ประดิษฐานอยู่บนเรอื หงส์ ภายในมีสมเด็จพุทธ รตั นมุนีศรโี สธร ล้อมรอบด้วยพระสาวกผู้ยิงใหญ่ ๘๐ รูป ใหส้ ักการะ รวมถึงมีรูปปนของสมเด็จพระ พุฒจารย์โตอยู่ด้านหน้า พรอ้ มเรอื สุพรรณหงส์ ๒ ข้าง และด้านหลังมีท้าวกุเวร เปนอธิบดีแหง่ อสูร

ATTRACTION ถํากระแซ เปดให้นักท่องเทียวและประชาชนเข้าชมทุกวันระหว่าง ตําบลล่มุ สมุ่ อําเภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบุรี เวลา 07.00 - 17.00 น. โดยสถานีรถไฟถํากระแซจะมี รถไฟผ่านทังหมด 3 ขบวนต่อวัน มาถึงถํากระแซเวลา เปนถําขนาดเล็ก ภายในถําโปร่งและเปนทีประดิษฐาน 7.36 น. , 11.41 น. และ 17.51 น. ซ้ายมือคือ ปากทาง พระพุ ทธอันศักดิสิทธิ สถานทีแห่งนีเคยเปนทีพักของ เชลยศึกเมือครังสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย- เข้าถํากระแซ ส่วนอีกฝงจะเปนรีสอร์ทเปดบริการ พม่า สมัยสงครามโลกครังที 2 บริเวณนีเปนจุดทีสร้าง ทางรถไฟยากทีสุด เนืองจากเส้นทางโค้งเลียบเขาและ สาํ หรับนักท่องเทียว ด้านล่างเปนแม่นาํ ลึก จึงได้สมยานามว่าโค้งมรณะ ตัวถําติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-นาํ ตก มอง จากปากถําไปบริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ทีงดงาม และมองเห็นแม่นาํ แควน้อยอยู่เบืองล่าง ดังนันเมือมาเยือนถํากระแซแล้ว ควรเริมด้วยการแวะ สักการะขอพรหลวงพ่อถํากระแซพระพุ ทธรูปองค์ใหญ่ ทีคนท้องถินบริเวณนันให้ความเคารพนับถือ จากนัน ชวนกันไปเดินชมวิวบนสะพานถํากระแซซึงเปนสะพาน ไม้เลียบหน้าผามีความยาวกว่า 450 เมตร และปดท้าย ด้วย การเดินย้อนรอยประวัติศาสตร์บนเส้นทางรถไฟ สายมรณะยาว 400 เมตร และเส้นทางสายนียังได้รับ การกล่าวขานกันว่าเปนจุดชมวิวแม่นาํ แควน้อยทีสวย ทีสุดเลยทีเดียว

NOITCARTTA สะพานข้ามแม่นาํ แคว สะพานขา้ มแมน่ าํ แคว แลนดม์ ารค์ แรกทที ําใหเ้ รานกึ ถงึ เมอื งกาญจน์ สรา้ งขนึ ในระหวา่ งสงครามโลกครงั ที 2 เปนสว่ นหนงึ ของเสน้ ทางรถไฟของกองทพั ญปี ุนจากสถานชี ุมทางหนองปลาดกุ อําเภอบา้ นโปง จงั หวดั ราชบุรี ไปเมอื งธนั บูซายตั ประเทศ พมา่ ซงึ การสรา้ งทางรถไฟเสน้ ทางดงั กลา่ ว บางแหง่ ตอ้ งทําสะพานขา้ มนาํ ลกึ และเชยี วกราก ไฮไลทใ์ นการมาเทยี วคอื การเดนิ บน รางรถไฟบนสะพานแหง่ นี ซงึ ระยะทาง 300 เมตร ชมความงามของสองฝากฝงแมน่ าํ แคว แตต่ อ้ งระวงั สญั ญาณหากมรี ถไฟมา ประวตั กิ ารสรา้ ง : กองทพั ญปี ุนเลอื กสรา้ งสะพานขา้ มนาํ แควใหญท่ บี รเิ วณบา้ นทา่ มะขาม (สมยั นนั เรยี กวา่ บา้ นทา่ มา้ ขา้ ม) ตําบลทา่ มะขาม อําเภอเมอื งกาญจนบุรี เนอื งจากพนื ดนิ ดา้ นลา่ งมคี วามหนาแนน่ ระยะแรกสรา้ งเปนสะพานไมช้ วั คราวกอ่ น หา่ ง จากสะพานปจจุบนั 100 เมตร ใชเ้ วลาในการกอ่ สรา้ ง 3 เดอื น ตอ่ มา สรา้ งเปนสะพานเหลก็ ถาวรโดยนาํ เหลก็ จากมะลายูมา ประกอบกนั วางรางโดยเชลยศึกชาวองั กฤษ สะพานมคี วามยาวทงั หมด 300 เมตรแบง่ เปน 11 ชว่ งตอมอ่ คอนกรตี เปดใชอ้ ยา่ ง เปนทางการเมอื วนั ที 25 ธนั วาคม พ.ศ.2486 ตอ่ มาในเดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ.2487 ในระหวา่ งสงครามสะพานขา้ มแมน่ าํ แควถกู ทหารสมั พนั ธมติ รโจมตที างอากาศโดยการทงิ ระเบดิ อยา่ งหนกั จนสะพานหกั ทอ่ นกลาง ซงึ ตอ่ มาญปี ุนยอมแพส้ งครามในวนั ที 15 สงิ หาคม พ.ศ.2488 ตําบลทา่ มะขาม อําเภอเมอื ง จงั หวดั กาญจนบุรี

เมอื งมลั ลิกา ร.ศ. 124 168 หมู่ 5 ตําบลสงิ ห์ อําเภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบุรี เมอื งมลั ลกิ า เปนเมอื งยอ้ นยุคของวถิ ชี วี ติ ชาวสยามบรเิ วณ เนอื งจากสามเี ปนขา้ ราชการ ทําใหม้ ชี อ่ งทางในการคา้ ขาย NOITCARTTA ลมุ่ แมน่ าํ เจา้ พระยา ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ โดยเฉพาะการคา้ ขายนาํ ตาล เรมิ มชี าวตา่ งชาตเิ ขา้ มาซอื มาก เจา้ อยูห่ วั รชั กาลที ๕ ในยุค ร.ศ.๑๒๔ มกี ารเปลยี นแปลงเกดิ ขนึ รวมถงึ แมม่ ะลเิ องมคี วามงดงาม และเรยี บรอ้ ยตามแบบ ขนึ มากมายหลายดา้ น ทเี ดน่ ชดั มากคอื การประกาศเลกิ ทาส ฉบบั หญงิ ไทย ทําใหก้ ารคา้ ขายยงิ เจรญิ งอกงาม ในขณะที เมอื ทาสไดร้ บั ความเปนไท พวกเขาตอ้ งใชช้ วี ติ และทํามาหากนิ สามซี งึ รบั ราชการกม็ บี รรดาศักดสิ งู ขนึ ฐานะกม็ นั คงขนึ จงึ ดว้ ยตนเอง ไมไ่ ดอ้ ยูภ่ ายใตอ้ าณตั หิ รอื การดแู ลของบรรดาเจา้ ไดส้ รา้ ง “เรอื นคหบด”ี ใหส้ มกบั ฐานะทสี งู ขนึ ทําใหม้ กี าร ขุนมูลนายอกี ตอ่ ไป พวกเขาตอ้ งดาํ รงชวี ติ ใหอ้ ยูร่ อด และอยู่ ตดิ ตอ่ กบั ตา่ งชาตมิ ากขนึ มกี ารไปมาหาสกู่ บั บรรดา รว่ มกบั คนสยามทกุ หมูเ่ หลา่ การปรบั เปลยี นวถิ ชี วี ติ เหลา่ นี ขา้ ราชการผสู้ งู ศักดมิ ากขนึ จงึ สรา้ ง “เรอื นหมู”่ ขนึ เพอื ไว้ นบั เปนรากเหงา้ สาํ คญั ของคนไทยในยุคปจจุบนั ตอ้ นรบั แขกบา้ นแขกเมอื งอยา่ งสมศักดศิ รี จงึ เกดิ เรอื นไทย ตามแบบทถี กู ตอ้ งตามหลกั การสรา้ งเรอื นไทยประเภทตา่ งๆ เมอื งมลั ลกิ า ในความหมายของ อาจารย์ สลุ กั ษณ์ ศิวลกั ษณ์ ในเมอื งมลั ลกิ า เปนเมอื งทมี คี วามหมายมาจากแมน่ าํ ทเี ปนตน้ นาํ อริ ะวดใี น ประเทศพมา่ ซงึ เปนแหลง่ รวมอารยะธรรมโบราณในแถบ ปลายสมยั รชั กาลที ๕ กรงุ เทพฯ กลายเปนเมอื งทา่ นานาชาติ ภมู ภิ าคนี แตต่ ามความหมายของพจนานกุ รมไทยแปลวา่ มะลิ ทคี ลาคลําไปดว้ ยผคู้ นหลากหลายเชอื ชาติ วฒั นธรรม และ ซงึ ผอู้ อกแบบสถาปตยกรรมนคี อื อาจารย์ ชาตรี ปกติ นนท ประเพณี การผสมผสานทางวฒั นธรรมนาํ มาซงึ แบบแผน กานต์ ทา่ นไดผ้ กู เรอื งเพอื ออกแบบ โดยมตี วั ละครหลกั คอื การใชช้ วี ติ ทมี ลี กั ษณะเฉพาะ หลายคนจงึ นยิ ามยุคสมยั นวี า่ แมม่ ะลิ หญงิ สาวชาวบา้ นอนั งดงาม อาศัยอยูบ่ า้ นเรอื นเดยี ว เปนยุคทองแหง่ ความศิวไิ ลซ์ มกี ารคา้ มากมาย มคี วามวจิ ติ ร เปนลกู สาวชาวนา ตอ่ มาไดแ้ ตง่ งานกบั ขา้ ราชการหนมุ่ และ บรรจงกบั ขนมและอาหารทกี นิ รวมถงึ เครอื งใชส้ อยทแี ปลก เรมิ คา้ ขายโดยสรา้ งเรอื นแพไวส้ าํ หรบั คา้ ขาย ตาสาํ หรบั คนรนุ่ ใหม่ ซงึ เปนภมู ปิ ญญาทสี งั สมตงั แตอ่ ดตี

The Three PMAC bubble house 498 ตําบลท่าเสา อําเภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบุรี เปนรสี อรท์ ทีมหี อ้ งพกั แบบ Bubble หรอื โดมใส ทีแรกของไทย โดยหอ้ งพกั อยูบ่ นแพแบบลอยนาํ ทําใหเ้ ราสามารถมองเหน็ ววิ แมน่ าํ แควนอ้ ยทีสวยงามไดจ้ ากทีพกั โดมใสทกุ หลัง ซงึ ตามแพลน การก่อสรา้ ง จะแบง่ เปน “ดนิ นาํ อากาศ” โดยดนิ หมายถึง ทีพกั โดมใสบนฝง, นาํ หมายถึง ทีพกั โดมใสทีเปนแพลอยนาํ และอากาศ หมายถึง ทีพกั โดมใสแบบลอยฟา ซงึ ปจจุบนั นยี งั ไมม่ ี การสรา้ งแบบลอยฟา ดงั นนั ทีพกั จงึ มที ังหมด 6 หอ้ ง แบบดนิ บน ฝงจาํ นวน 3 หอ้ ง และทีพกั แพลอยนาํ อีกจาํ นวน 3 หอ้ งเท่านนั ซงึ ไมว่ า่ จะนอนตรงไหน ก็สามารถเหน็ ววิ แมน่ าํ แควนอ้ ยไดอ้ ยา่ ง สวยงามเชน่ กัน บรรยากาศทีพกั โดมใสทีตังอยูบ่ นฝง จะเหมาะกับคนทีไมอ่ ยาก นอนโคลงเคลงบนแพ และขอ้ ดอี ีกอยา่ งคือ เดนิ ขนึ ลงไดง้ ่ายกวา่ และเหน็ ววิ แมน่ าํ แควนอ้ ยไดเ้ ชน่ กัน สว่ นสาํ หรบั ทีพกั โดมใสแบบลอยนาํ ขอ้ ดคี ือ เปนทีแรกของไทยที มโี ดมใสลอยนาํ แบบนี ซงึ ใหบ้ รรยากาศชวิ มาก คือ เราสามารถนงั ทานขา้ ว หอ้ ยขาลอยนาํ และนอนฟงเสยี งนาํ ไหลไดอ้ ยา่ งใกล้ชดิ แต่การเดนิ เขา้ หอ้ งพกั จะลําบากกวา่ หอ้ งบนฝงเล็กนอ้ ย สาํ หรบั ราคาหอ้ งพกั จะอยูท่ ี 5,900 บาท/คืน ซงึ ค่าใชจ้ า่ ยในสว่ นนี รวมทัง อาหารเยน็ (มใี หเ้ ลือกวา่ จะรบั ประทานเปน หมูกระทะ หรอื จมิ จุม่ ) , อาหารเชา้ ทีเปน American Breakfast และกิจกรรมล่อง แพเปยก รูปแบบห้องพัก หอ้ งพกั แต่ละหลังจะแยกผนงั สว่ นตัวออกจากกันอยา่ งชดั เจน ถ้าจะเปรยี บ Room Type ของหอ้ งพกั ก็เหมอื นระดบั Villa ของ รสี อรท์ นนั เอง มลี านกวา้ งใหเ้ ราไวน้ งั ทานขา้ วชวิ ๆยามเยน็ ไดเ้ ลย และทีแนน่ อน คือ มโี ดมใสสวยๆ ทีสามารถมองเหน็ ววิ ธรรมชาติ และท้องฟาในยามคําคืน โดยดา้ นในจะมเี ตียง ผา้ หม่ และแอร์ รวม ถึงมกี ารเปาลมจากดา้ นนอกเขา้ ดา้ นในตลอดเวลา ทําใหเ้ ราไม่ อึดอัดเวลานอนดว้ ย

วดั แท่นหนิ ลําภาชี TOSOBU ตําบลหนองไผ่ อําเภอดา่ นมะขามเตยี จงั หวดั กาญจนบุรี \"ถกู สนั นษิ ฐานวา่ มกี ารตงั ขนึ เมอื ปพ.ศ. 248\" ปจจุบนั มพี ระครถู าวรกาญจนธรรม หรอื หลวงพอ่ สมคดิ เปนเจา้ อาวาส โดย แนวคดิ ในการสรา้ งโบสถแ์ กว้ ประดษิ ฐานอยูบ่ นเรอื หงสน์ นั หลวงพอ่ สมคดิ กลา่ ววา่ พระครมู หาพุทธาภริ กั ษ์ ผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวดั อนิ ทรวหิ ารบางขุนพรม ไดน้ มิ ติ เหน็ สถานทกี อ่ สรา้ ง จงึ นาํ คณะศรทั ธาหลวงพอ่ สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พฺรหมฺ รงั ส)ี มาชว่ ย สรา้ ง และมคี า่ ใชป้ จจยั ไปกวา่ หนงึ รอ้ ยลา้ นบาท ซงึ ปจจยั ทงั หมดลว้ นแลว้ แตม่ าจากศรทั ธาของหลวงพอ่ โต ทงั สนิ ความหมายของโบสถแ์ กว้ ทปี ระดษิ ฐานอยูบ่ นเรอื หงสน์ นั สขี าวของโบสถ์ หมายถงึ กระจกขาวทสี อื ถงึ พระพุทธเจา้ ผทู้ รง พระคณุ อนั ประเสรฐิ เปลง่ ประกายไปทวั โลกมนษุ ยแ์ ละจกั รวาล สว่ นเรอื สพุ รรณหงส์ หมายถงึ การนาํ พามนษุ ยข์ า้ มวฏั สงสารมุง่ สพู่ ุทธภมู ิ สว่ นดา้ นขา้ งทงั 2 ของโบสถจ์ ะมเี รอื ขนาบขา้ ง คอื เรอื อนนั ตนาคราชลกั ษมี ประดษิ ฐานพระพุทธรปู ศักดสิ ทิ ธิ หลวง พอ่ โสธร หลวงพอ่ วดั บา้ นแหลม และหลวงพอ่ วดั ไรข่ งิ โดยมสี มเดจ็ พระพุฒาจารย์ โต พรหมรงั สี องคใ์ หญ่ เดน่ ตงั ตระหงา่ นอยู่ หนา้ โบสถ์ และดา้ นหลงั ของโบสถม์ ที า้ วกเุ วร หรอื ทา้ วเวสสวุ ณั อธบิ ดแี หง่ อสรู หรอื ยกั ษ์ เจา้ แหง่ ผหี นงึ ในบรรดาทา้ วจตโุ ลกบาล ทงั สผี คู้ มุ้ ครองและดแู ลโลกมนษุ ยส์ งิ สถติ อยูบ่ นสวรรค์ นอกจากนภี ายในวดั ยงั มสี งิ ศักดสิ ทิ ธอิ กี อยา่ ง คอื ศาลาประดษิ ฐาน 3 บูรพา (พระมหากษัตรยิ ใ์ นอดตี ) ไดแ้ ก่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช และพระปยมหาราช หรอื พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั เปนพระมหากษัตรยิ ส์ ยาม รชั กาลที ๕ แหง่ ราชวงศ์ จกั รี ซงึ ถกู สรา้ งขนึ โดยผมู้ จี ติ ศรทั ธา และมคี วามเชอื วา่ กษัตรยิ ์ 3 พระองคน์ า่ จะเคยเสดจ็ ผา่ นสถานทสี รา้ งวดั แหง่ นี

LET'S MAKE THE BEST MEMORIES ALONG THE WAY


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook