องค์ประกอบด้านที่ ๑ ด้านการปฏิบัติตน -3

รายงานผลการปฏิบัตงิ านการเตรียมความพรอ้ มและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย ครง้ั ที่ ๒ ระหว่างวันที่ 1 เดอื น มกราคม พ.ศ. 256๖ ถงึ วันท่ี 3๐ เดอื น มิถนุ ายน พ.ศ. 256๖ องคป์ ระกอบด้านที่ ๑ ดา้ นการปฏบิ ัตติ น ๓. จรรยาบรรณวชิ าชีพ ๓.๑ การพัฒนาวชิ าชีพและบคุ ลกิ ภาพอย่างต่อเนอ่ื ง ข้าพเจ้าพัฒนาตนเองอยู่เสมอตามกจิ กรรม/โครงการทหี่ นว่ ยงานตน้ สังกัด และทห่ี นว่ ยงาน ตา่ งๆจดั ขึน้ ไมใ่ ชแ่ ต่เฉพาะดา้ นการสอนแต่ยังพฒั นาทางด้านทักษะตา่ ง ๆ อันพึงประสงค์บนพืน้ ฐานของความ เป็นครู ๓.๒ การมีวสิ ยั ทศั น์ รแู้ ละเขา้ ใจ สนใจ ตดิ ตามความเปล่ียนแปลงด้านวิทยาการ เศรษฐกิจ สงั คม การเมืองของไทย และนานาชาติในปัจจุบัน ขา้ พเจา้ ติดตามขา่ วสารตา่ ง ๆ ผา่ นช่องทางสือ่ สงั คมโซเชยี ลเนต็ เวริ ก์ ตดิ ตามข่าวสาร ความเคล่อื นไหวทางการศึกษา วทิ ยาการใหมๆ่ ทจี่ ะสามารถนำมาประยกุ ต์ใช้ในการพัฒนาการสอนได้ การเปลี่ยนแปลงด้านวทิ ยาการในหลาย ๆ ด้าน เชน่ เกยี่ วกับเทคโนโลยีของการเรยี นรู้ และสภาพเศรษฐกจิ สงั คม การเมืองของไทย และนานาชาติ นำข้อมลู ข่าวสารต่าง ๆ มาแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ในการจดั การเรยี น การสอนอยู่สม่ำเสมอ พูดคยุ สอบถามความคิดเห็นของสงิ่ ต่าง ๆ รอบตวั จากการได้ฟัง ได้ดู การวเิ คราะห์

๓.๓ การไม่อาศยั วชิ าชีพแสวงหาผลประโยชน์ท่ีไมถ่ ูกต้อง ขา้ พเจา้ เหน็ คณุ ค่าและความสำคัญของการเปน็ ครทู ่ดี ีอยเู่ สมอ โดยมคี วามรักและศรัทธา ในวิชาชีพครู พึงกระทำตนใหเ้ ป็นแบบอย่างทีด่ ีต่อศษิ ย์ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม ไมห่ วังผลประโยชนอ์ ย่างอื่น ตอบแทน ๓.๔ การมงุ่ มั่นต่อการพฒั นาความรู้ ความสามารถของผู้เรยี น ข้าพเจ้ามงุ่ มนั่ ในการทำงาน พัฒนาความรู้ ความสามารถของตนเองใหเ้ พยี งพอ เพ่ือที่จะนำ ความรู้ ความสามรถของตนไปพฒั นาผ้เู รียนใหม้ ีศักยภาพ มีความพร้อมในการดำรงชีวติ โดยไม่มคี วามย่อท้อ ตอ่ ปญั หาและอุปสรรคท่ีเกิดข้ึน เพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายท่ีกำหนดไว้ อกี ท้ังส่งเสริมนักศกึ ษาท่มี ีความต้องการ พัฒนาตนเองในด้านต่างๆให้ถึงขดี สุดของความสามารถของตวั นกั ศึกษา จัดกระบวนการเรียนรูท้ ่ีหลากหลาย เปิดโอกาสทางการเรียนรใู้ หผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง ตามจนิ ตนาการและความถนัดของแตล่ ะบคุ คล ทำให้ ผเู้ รียนอยากที่จะเรยี นรู้ อีกทั้งส่งเสรมิ และสนับสนุนผู้เรยี นตามความสามารถ เพ่ือให้สนุกและมีความสขุ กับ การเรยี นมากขน้ึ จดั กระบวนการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย เปดิ โอกาสทางการเรยี นรใู้ หผ้ ู้เรยี นได้เรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง ตามจินตนาการและความถนดั ของแต่ละบุคคล

๓.๕ การให้ความสำคัญต่อการเขา้ รว่ ม ส่งเสริม สนบั สนุนกจิ กรรมทเี่ กี่ยวข้องกบั วิชาชีพครู อย่างสมำ่ เสมอ ข้าพเจา้ เขา้ รว่ มการประชุม/การอบรม ความรู้ท่ีเก่ยี วข้องกับการศกึ ษาอยู่เสมอ เม่ือเสร็จ สิ้นการจัดกิจกรรม ขา้ พเจ้าทำการบนั ทึกและสรุปผลการเข้ารว่ มกจิ กรรม นำความรู้ที่ไดร้ ับมาพฒั นาตนเอง ขยายผลต่อผู้รว่ มวชิ าชพี และผู้เรียนพรอ้ มทั้งรายงานผลให้ผบู้ ริหารรับทราบอยเู่ สมอ ๓.๖ รกั เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหบ้ รกิ ารผเู้ รียนทกุ คน ดว้ ยความเสมอภาค ข้าพเจ้ามีความรักและศรทั ธาในวชิ าชพี ครู พงึ กระทำตนให้เปน็ แบบอย่างทีด่ ีต่อศิษยท์ ้ัง ทางตรงและทางอ้อม สง่ เสรมิ สนับสนุน ช่วยเหลอื ศิษยเ์ สมอมา เตม็ ใจใหบ้ รกิ ารทงั้ ในเวลาราชการและนอก ราชการ ดว้ ยความเสมอภาคไมเ่ ลือกปฏบิ ัติ รัก เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลือ สง่ เสริม สนบั สนนุ ให้บรกิ ารผู้เรยี นทุกคน ดว้ ยความเสมอภาคไม่เลือกปฏบิ ัติ

๓.๗ การประพฤติปฏบิ ตั ิตน เปน็ ทีย่ อมรับของผูเ้ รยี น ผู้บริหาร เพ่ือนรว่ มงาน ผู้ปกครอง และ ชุมชน ข้าพเจา้ ดำรงตนดว้ ยความสุภาพอ่อนน้อม สำรวมในกิริยา มารยาท ต่อผเู้ รยี น ผบู้ รหิ าร เพ่อื นรว่ มงาน ผู้ปกครองชมุ ชน แสดงออกดว้ ยปิยวาจา อตั ถจริยา แตง่ กายสะอาด เรียบรอ้ ย และถูกกาลเทศะ จนเปน็ ที่ยอมรบั ต่อของผเู้ รยี น ผู้บรหิ าร เพ่ือนรว่ มงาน ผู้ปกครองชุมชน ๓.๘ การไม่ปฏิบัติตนท่สี ่งผลเชิงลบต่อกายและใจของผู้เรียน ข้าพเจา้ ปฏิบัตติ นตามจรรยาบรรณวิชาชีพครอู ยา่ งเครง่ ครัด วางตัวเปน็ กลางไม่แสวงหา ผลประโยชน์ และเปน็ แบบอย่างที่ดีใหก้ ับผู้เรียน ให้กำลังใจผเู้ รียนเสมอ คอยสนับสนุนให้ผูเ้ รียนการคดิ กลา้ ทำ ในส่ิงทถ่ี ูกตอ้ ง ไม่ปฏิบตั ิตนอันจะสง่ ผลทางลบตอ่ กายและใจของผเู้ รยี น ใหก้ ำลังใจผเู้ รียนเสมอ คอยสนับสนุนใหผ้ ู้เรยี นการคิด กลา้ ทำในส่ิงท่ถี กู ต้อง ไมป่ ฏบิ ตั ิตนอันจะส่งผลทางลบต่อกายและใจของผเู้ รียน

๓.๙ การทำงานกบั ผอู้ ่นื ได้ โดยยดึ หลกั ความสามคั คี เกอื้ กูลซงึ่ กนั และกนั ข้าพเจา้ ปฏิบัตงิ านต่างๆ ท่สี ถานศึกษามอบหมายให้ ด้วยความรว่ มมอื กับคณะครู ในการทำกิจกรรม ตา่ ง ๆ ทง้ั ใน และนอกสถานศึกษาด้วยความเต็มใจ จนบรรลุตามวัตถุประสงคด์ ้วยดี ๓.๑๐ การใชค้ วามรู้ ความสามารถท่ีมีอยู่ นำให้เกิดความเปลย่ี นแปลงในทางพัฒนาให้กบั ผเู้ รียน โรงเรยี นหรือชุมชนในดา้ นใดดา้ นหน่ึง (ด้านการอนรุ กั ษ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญา และสงิ่ แวดล้อม) ข้าพเจา้ ตั้งใจปฏบิ ัติหน้าทใ่ี นการถา่ ยทอดความรู้ ทักษะท่ีตนเองมใี ห้กบั ผเู้ รยี น และเพื่อน รว่ มงาน โดยมิได้ปดิ บัง พยายามศกึ ษาค้นควา้ หาความรเู้ พ่ิมเติมเพอ่ื พฒั นาตนเอง ติดตามข่าวสาร และเขา้ อบรมเทคนคิ ใหม่ ๆ นำมาช่วยพัฒนาการเรียนการสอน ใหก้ ับผู้เรียนเพ่ือให้ผู้เรียนเป็นบุคคลท่ีมีความรู้ ทักษะ และทันต่อเหตกุ ารณ์ สามารถนำความร้ทู ่ไี ด้ไปพัฒนาชุมชนและท้องถ่ิน และเผยแพร่ศิลปวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญา ของคนในชมุ ชนใหเ้ ป็นที่รจู้ ักเพือ่ อนรุ ักษใ์ หค้ งอย่ภู ายในชุมชน การศกึ ษาดงู าน การศึกษาตามอธั ยาศยั เพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ตลอดชีวติ

๓.๑๑ การยดึ ม่นั ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ข้าพเจ้ามีความจงรักภกั ดี ต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ยึดมน่ั ในการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตย โดยมีพระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมุข ประพฤตติ นให้เป็นสมาชิกทด่ี ีของสังคมและมจี ิต สาธารณะมคี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม โดยช่วยเหลอื เพื่อนร่วมงานโดยไม่หวังผลประโยชนแ์ ละส่ิงตอบแทนใดๆ ทงั้ ส้ิน