Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ป.1-ป.3

กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ป.1-ป.3

Published by zenhaleluya, 2016-11-26 02:37:21

Description: กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ป.1-ป.3

Search

Read the Text Version

คำนำ นโยบายของรฐั บาลในการสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายหนึ่ง คือการปรับลดเวลาเรียนของเด็กให้น้อยลง เป็นการลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ โดยให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพิจารณาปรับลดชั่วโมงเรียนของบางวิชาให้น้อยลง แต่ต้องไม่กระทบเนื้อหาหลักท่ีเด็ก ๆควรเรียนรู้ ครูต้องใช้ความสามารถในการอธิบายและบูรณาการให้ครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน และกาหนดให้สถานศึกษาตอ้ งจดั กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ใหผ้ เู้ รยี นอยา่ งหลากหลาย เพื่อเพิ่มพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ความมีน้าใจต่อกัน การทางานเปน็ ทีม กระตุ้นให้ผเู้ รยี นได้ค้นหาศักยภาพและความชอบของตนเอง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ซ่ึงมีหน้าที่โดยตรงในการนานโยบายดังกล่าวไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ ได้จัดทาเอกสารเพ่ือให้สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องใช้ศึกษาประกอบการปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเปา้ หมายทีก่ าหนด โดยเอกสารท่ีจัดทาขึ้นเปน็ ชุด จานวน ๔ รายการ ประกอบดว้ ย ๑. คู่มือบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ๒. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ๓. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖ ๔. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ขอขอบคุณคณะทางานทุกคนที่ได้นาความรู้และประสบการณ์มาร่วมแลกเปล่ียนและจัดทาเป็นเอกสารฉบับน้ี สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานหวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่าเอกสารฉบับน้จี ะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการนานโยบาย “การลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลาเรียน” สกู่ ารปฏบิ ัตไิ ด้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน

สำรบญัเรอื่ ง หนำ้คานา 1 5สารบัญ บทนา 7คาชี้แจง แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” 8สว่ นท่ี 1 9สว่ นท่ี 2 9 15สว่ นท่ี 3 ตวั อยา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” 29หมวดที่ 1 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (กจิ กรรมบงั คบั ตามหลักสูตร) 39หมวดที่ 2 สร้างเสริมสมรรถนะและการเรยี นรู้ 46 กลมุ่ กิจกรรมที่ 4 พฒั นาความสามารถด้านการส่ือสาร 74 กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 5 พฒั นาความสามารถดา้ นการคดิ และการพฒั นา 74 กรอบความคดิ แบบเปิดกวา้ ง (Growth Mindset) 86 กลมุ่ กจิ กรรมที่ 6 พัฒนาความสามารถด้านการแกป้ ัญหา 94 กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 7 พฒั นาความสามารถดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี กลุ่มกิจกรรมท่ี 8 พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ท่สี ่งเสริมการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ การ 98 106 เรียนรู้ 106 หมวดท่ี 3 สรา้ งเสริมคุณลักษณะและคา่ นิยม 121 กลุ่มกจิ กรรมที่ 9 ปลูกฝังค่านิยมและจติ สานึกการทาประโยชน์ต่อสงั คม มีจิตสาธารณะและการใหบ้ ริการดา้ นต่าง ๆ ท้ังท่ีเป็นประโยชน์ 146 ตอ่ ตนเองและตอ่ ส่วนรวม 157 กลุ่มกจิ กรรมที่ 10 ปลูกฝงั ความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ 168 กลมุ่ กิจกรรมท่ี 11 ปลูกฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (มีวนิ ยั ซอ่ื สตั ย์ สุจริต เสยี สละ 180 อดทน มุ่งมนั่ ในการทางาน กตญั ญ)ู 183 กลุ่มกิจกรรมท่ี 12 ปลูกฝังและสร้างความภาคภูมใิ จในความเปน็ ไทย หมวดที่ 4 สร้างเสริมทักษะการทางาน การดารงชพี และทักษะชวี ิต กลมุ่ กิจกรรมท่ี 13 ตอบสนองความสนใจ ความถนดั และความต้องการของผ้เู รียน ตามความแตกต่างระหวา่ งบุคคล กลุม่ กิจกรรมที่ ๑4 ฝึกการทางาน ทักษะทางอาชพี ทรพั ย์สินทางปัญญา อยู่อย่าง พอเพียงและมวี นิ ยั ทางการเงิน กลุ่มกิจกรรมท่ี ๑5 พัฒนาความสามารถดา้ นการใชท้ กั ษะชีวิต กลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๑6 สรา้ งเสริมสมรรถนะทางกายส่วนท่ี 4 รายชื่อหน่วยงาน/ องค์กรทส่ี ามารถจดั กิจกรรมรว่ มกบั สถานศึกษาบรรณานกุ รมคณะผ้จู ัดทา

คำช้แี จง การจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” สถานศึกษาแต่ละแห่ง ควรแต่งตั้งคณะทางานเพื่อศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ รวมทั้งจุดเน้นและอัตลักษณ์ของโรงเรียน เป็นต้นแลว้ วางแผน หรือกาหนดกิจกรรมของโรงเรยี น กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรมีรายละเอียดเก่ียวกับ ชื่อกิจกรรม เวลาที่ใช้ วัตถุประสงค์ข้ันตอนการจัดกิจกรรม วัสดุอุปกรณ์หรือสื่อท่ีจาเป็นต้องใช้ ผลที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และแต่ละส่วนมีข้อควรคานงึ ดงั นี้ ๑. ชอื่ กิจกรรม กาหนดให้ชดั เจน ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ๒. เวลาทใี่ ชใ้ นการจดั กิจกรรมแตล่ ะคร้ัง ควรใชเ้ วลาประมาณหนง่ึ ถงึ หนึง่ ชั่วโมงคร่งึ ๓. วัตถุประสงค์ ควรอยใู่ นกรอบท่ีผู้เรยี นสามารถปฏบิ ัติได้อย่างมีความสุข มีความพึงพอใจ ๔. ขั้นตอนการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ควรให้ผู้เรียนได้ศึกษา คิดวิเคราะห์เตรียมการ ลงมือปฏิบัติ สรุปและช่ืนชมผลงาน รวมท้ังจัดเก็บกวาดดูแลรักษาบริเวณท่ีจัดกิจกรรมให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม ๕. ส่ือการเรยี นรู้ ควรจดั ให้เหมาะสมกบั กิจกรรมและเพียงพอกับผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม ๖. การประเมินผลเน้นการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม ความสาเร็จของงาน และความพึงพอใจในการเขา้ รว่ มกิจกรรม กรณีที่สถานศึกษาไม่สามารถกาหนดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ได้ สามารถเลือกกิจกรรม“ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ท่ีเหมาะสมกับระดับช้ัน หรือช่วงวัยของผู้เรียน จากตัวอย่างกิจกรรมในเอกสารแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ที่สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาจดั ทาขนึ้ ๓ รายการ ดงั นี้ ๑. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ๒. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ ๓. แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓

1สว่ นท่ี ๑ บทนา การจัดการเรียนรู้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ หรือโลกไร้พรมแดนเน้นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ / ประชาคมอาเซยี น หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความเป็นไทยและอัตลักษณ์ไทยและหลักการ “สุ จิ ปุ ลิ” เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ดังนั้นในการจัดการศึกษาจาเป็นต้องปรับการเรียนการสอนให้สามารถพัฒนาผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามองค์ความรู้จะไม่จากัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่าน้ัน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านส่ือการเรียนรู้และชอ่ งทางท่ีหลากหลายไดอ้ ย่างมีความสขุ ผลการสงั เคราะห์เอกสารและงานวิจัยเกยี่ วกบั หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช๒๕๕๑ และผลการใช้หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตลอดจนผลการประเมินคุณภาพการศึกษาต่าง ๆ พบว่า ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนต่ากว่าเกณฑ์ท่ีกาหนดท้ังผลการทดสอบระดับชาติ (O - NET) ผลการสอบ PISA เป็นต้น ถึงแม้ว่าสถานศึกษาจะใช้เวลาในการจัดการเรียนการสอนมาก สถานศึกษาบางแห่งใช้เวลา ๗ - ๘ ชั่วโมงต่อวัน อัดแน่นเนื้อหาวิชาการมากกว่าให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนมีภาระงาน หรือการบ้านมาก หรือต้องนาการบ้านไปทาท่ีบ้าน หรือต้องเรยี นพิเศษ ทาให้เด็กเกิดความเครยี ด เด็กคดิ ไม่เป็น วิเคราะหไ์ ม่ได้ ขาดทักษะชีวิต เปน็ ต้น จากสภาพและปญั หาดังกลา่ วกระทรวงศึกษาธกิ ารจึงกาหนดนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”เพื่อลดเวลาเรียนภาควิชาการลง แต่ต้องไม่กระทบเนื้อหาหลักที่ผู้เรียนควรเรียนรู้ และครูปรับการเรียนการสอน การจัดกิจกรรม โดยเพิ่มเวลาและโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือสร้างเสริมทักษะการเรียนรู้ทุกด้านในรูปแบบกิจกรรมเสริมหลักสูตร ให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาภายในเวลา ๑๔.๓๐ น. ส่วนเวลาหลงั จากนั้นจนถงึ เวลาเลิกเรยี น ใหจ้ ัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียนเพ่ิมเวลารู้” โดยเร่ิมดาเนินการในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ และมีสถานศึกษากลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ของจานวนสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ทั้งหมดครอบคลุมกระจายทุกสภาพพ้ืนที่ทั้งนอกเมืองในเมืองจานวน ๓,๘๓๑ โรงเรียน ท้ังนี้จะดาเนินการในสถานศึกษาทุกแห่งในปีการศึกษา ๒๕๕๙ สาหรับสถานศึกษาสังกัดอ่ืนให้พิจารณาดาเนินการตามบรบิ ทและความพรอ้ มของสถานศึกษาแต่ละแห่ง กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สารวจความคิดเห็นจากผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เพ่ือให้แนวดาเนินการมีความสมบูรณ์ คือการปรับปรุงเนื้อหาภายในของแต่ละวิชาของหลักสูตร และการจัดโครงสร้างเวลาเรียนในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา การเตรียมความพร้อมของครูและสถานศึกษาท่ีจะเข้าร่วมโครงการการจัดทีม Smart Trainers ช่วยกากับ ดูแลและให้คาแนะนาในการบริหารจัดการเวลาเรียน และการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” พร้อมท้ังมีการประเมินผลการดาเนินการ และศึกษาแนวทาง แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ชน้ั ปะถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3

2การดาเนินการจากสถานศึกษาที่ประสบความสาเร็จ เพ่ือขยายผลการดาเนินการไปยังสถานศึกษาอ่ืนในภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๙ รวมทง้ั รวบรวมปญั หาและอุปสรรค เพื่อปรับปรงุ การดาเนนิ การต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การขับเคล่ือนแนวทางการบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้”ส่กู ารปฏิบัติของสถานศกึ ษามีประสิทธิภาพ ครูปรบั เปล่ยี นรปู แบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น และผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ มีความสุขในการเรียน รู้อย่างแท้จริง สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานจงึ ไดจ้ ดั ทาแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สาหรับสถานศึกษาเลือก หรือนาไปปรบั ใชใ้ นการจัดกจิ กรรมไดอ้ ยา่ งเปน็ รูปธรรม ในการบริหารจดั การเวลาเรยี น และจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” สถานศึกษาแต่ละแห่งควรมีการตรวจสอบ หรือทบทวนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษา ในประเด็นโครงสร้างเวลาเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาเพิ่มเติม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดการเรียนรู้ของครู และศึกษาทาความเข้าใจนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” และการขับเคล่ือนนโยบายสู่การปฏิบัติได้จากเอกสารคู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน เอกสารแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้“ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ จุดเน้นและอัตลักษณ์ของสถานศึกษาเพื่อเตรียมการจัดตารางสอนตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา โดยจัดรายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาเพิ่มเติมและกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ให้เสร็จส้ินภายในเวลา ๑๔.๓๐ เป็นตน้ การวางแผนจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรคานึงถึงความสนใจ ความต้องการของผู้เรียนเป็นหลักหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม โดยแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบ สารวจ สืบค้นรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ นาเสนอแลกเปลี่ยน และสรุปข้อมูลจากการศึกษาโดยใช้ชุมชนส่ิงแวดล้อมและเทคโนโลยีสารสนเทศรอบตัวเป็นแหล่งเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสภาพจริงของชีวิตหลากหลายมิติ ได้สัมผัสกับธรรมชาติและได้ประสบการณ์ตรงกับการเรียนรู้กับผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลายชว่ งวัย มีสว่ นรว่ มในการถ่ายทอดประสบการณ์ การเพิ่มเวลารเู้ ปน็ การถ่ายทอดแนวคิด ประสบการณ์ จริยวัตรและวิถปี ฏิบัติที่พึงให้กับผู้เรียน และเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศเรียนรู้ร่วมกัน ถ่ายโอน ส่งทอดประสบการณ์จากผู้เรียนที่ต่างวัยกันรวมทั้งผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะความสามารถพ้ืนฐานต่าง ๆ เช่น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียนการวางแผน การแบ่งปันหน้าที่กันทางาน การสังเกต การสารวจค้นคว้า การลงมือปฏิบัติ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ประเมินผล การแก้ปัญหา การปรับปรุง การนาเสนอ การแลกเปล่ียน การสรุปความรู้ทกั ษะทางสงั คม การเรียนรู้รว่ มกับผอู้ ืน่ และทกั ษะชีวติ เปน็ ตน้คุณลกั ษณะสาคญั และธรรมชาติของผ้เู รียนระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ผูเ้ รียนแต่ละคนจะมคี ณุ ลกั ษณะสาคญั และธรรมชาติท่ีเหมือน หรือคล้ายกัน และมีความแตกต่างกันตามช่วงวัย การเข้าใจคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติของผู้เรียนจะช่วยให้การจัดการเรียนรู้ประสบผลสาเร็จ ซึง่ ผูเ้ รยี นระดับประถมศึกษาและมัธยมศกึ ษามคี ุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติ ดังน้ี แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ชน้ั ปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

3 1. คุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติของผู้เรียนระดับประถมศึกษา เป็นวัยของการเจริญเติบโตอยากรู้อยากเห็น ชอบทดลอง ทาอะไรด้วยตนเอง ชอบเคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง มีทักษะพื้นฐานทางภาษาฟัง ดู พดู อ่านและเขยี น มที ักษะการคิดคานวณ มีทักษะการคิดข้ันพ้ืนฐาน มีทักษะชีวิต รู้จักความสามารถของตนเอง รกั และเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง รู้จกั อาชพี ในโลกกว้าง 2. คณุ ลักษณะสาคญั และธรรมชาติของผูเ้ รียนระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น เปน็ วัยของการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว เป็นวัยของการเปล่ยี นแปลงของร่างกาย อารมณ์ และสังคม สนใจและให้ความสาคัญกบั เพ่ือนอยากลอง ชอบความทา้ ทาย ชอบอิสระ เชอ่ื ม่นั ในตนเอง ชอบแสวงหาความรู้ ร้จู ักใชเ้ ทคโนโลยีใหม่ ๆ มีทักษะทางภาษา วิเคราะห์และเลือกใช้ขอ้ มลู อย่างเหมาะสม มีทกั ษะการคดิ ขั้นสงู มีทกั ษะชีวติ รจู้ ักความสามารถของตนเอง รักและเหน็ คณุ ค่าในตนเอง รู้จักและเลือกอาชีพตา่ ง ๆขัน้ ตอนการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” เมอ่ื สถานศกึ ษาบรหิ ารจัดการเวลาเรียน จัดทาโครงสร้างเวลาเรยี น โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและจัดตารางสอน ที่เอ้ือต่อ “การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และขั้นตอนต่อไปครูต้องการจัดกิจกรรม“ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ให้ผู้เรยี นปฏิบัติ ควรมีขั้นตอนการดาเนินงาน ดงั น้ี ๑. จดั ข้อมูลสารสนเทศ เก่ียวกบั ความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรยี นเปน็ รายบุคคลเพอ่ื ใชป้ ระกอบการวางแผนการจัดกจิ กรรม ๒. วิเคราะห์สภาพความพร้อมของสถานศึกษา ท้ังด้านบุคลากร ภูมิปัญญาท้องถ่ิน วัสดุอุปกรณ์ ส่ือแหลง่ เรยี นรู้ สถานที่ งบประมาณ หรอื ประสานทรพั ยากรภายนอกสถานศึกษามาให้การสนบั สนุนสถานศึกษา ๓. กาหนดแนวทางการจดั กจิ กรรมให้ผู้เรียนปฏบิ ัติ อาจจะกาหนดได้ ดังน้ี ๓.๑ สถานศึกษาจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายให้ผู้เรียนได้เลือกปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัดความสนใจ โดยอาจจะปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือเป็นกลุ่ม มีครูเป็นที่ปรึกษา แนวทางน้ีเหมาะสมสาหรับระยะเวลาเริ่มต้นที่ผู้เรียนยังไม่มีความพร้อม หรือยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัติกิจกรรมอย่างแท้จริง หรืออาจจะเป็นสถานศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนากระบวนการคิด ความรับผิดชอบ และยังต้องคานึงถึงความพร้อมของอุปกรณ์ประกอบกิจกรรม จานวนครูความรคู้ วามสามารถของครู และความปลอดภัยของผู้เรียนในการปฏบิ ัติกิจกรรมท้ังในและนอกห้องเรียน กิจกรรมทีก่ าหนดให้ผู้เรียนเลือกปฏิบัติ ได้แก่ กิจกรรมภาคปฏิบัติจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมโครงงาน กิจกรรมจิตสาธารณะ กิจกรรมอิสระตามความถนัด ความสนใจของผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ทางวิชาการ (ศึกษา ค้นคว้า อิสระ) กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ครูกาหนดร่วมกับผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกับผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมวันสาคัญต่าง ๆ ให้ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกับ ผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมแข่งขันทางวิชาการ กจิ กรรมส่งเสริมทกั ษะกระบวนการ / ทกั ษะทางอาชีพ เปน็ ต้น ๓.๒ สถานศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแต่ละคน หรือรวมกลุ่มกันเสนอกิจกรรมท่ีจะปฏิบัติโดยผู้เรียนที่รวมเป็นกลุ่ม อาจจะเป็นผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือผู้เรียนระดับชั้นเดียวกัน หรือผู้เรียนหลายระดับชั้น มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน หรืออาจจะปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง / ชุมชน มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน การเสนอกิจกรรมดังกล่าวต้องมีครูเป็นที่ปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะให้การทากิจกรรม แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ชั้นปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

4ท่ีมีความเหมาะสม ถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างค่านิยมท่ีถูกต้อง กิจกรรมที่ผู้เรียนนาเสนออาจจะเป็นกิจกรรม ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม หรือเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สัมพันธ์ หรือจาลองจากสภาพจริงในทอ้ งถ่นิ ในสังคม ให้ผู้เรยี นได้เรยี นรูเ้ พ่อื เพม่ิ ทกั ษะการแก้ปัญหาใหก้ บั ผู้เรียน หรือใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจความภาคภมู ใิ จ ความผูกพัน และหวงแหนในท้องถ่ินมากขึ้น เป็นต้น ๓.๓ สถานศึกษาใช้ทัง้ สองแนวทางร่วมกัน กรณีน้ีเหมาะสาหรับสถานศึกษาที่จัดการศึกษาหลายระดบั เชน่ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓หรือสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ให้สถานศึกษาพิจารณาตามบริบทและความพร้อมของสถานศึกษา ๔. นิเทศ กากับ ติดตาม และประเมินความก้าวหน้าในการปฏิบัติกิจกรรม ความพึงพอใจของผ้เู รียนอย่างต่อเน่ือง โดยมอบหมายให้ครูทุกคนเป็นที่ปรึกษาการทากิจกรรม เพื่ออานวยความสะดวกประสานงาน ใหข้ อ้ เสนอแนะ และดูแลความปลอดภัยของนักเรยี น ๕. จดั นาเสนอผลงานของผู้เรียน ประชุมแลกเปลี่ยนเรยี นร้ภู ายในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการดาเนินงานอยา่ งต่อเนื่อง ๖. สรปุ และรายงานผลการดาเนนิ งาน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ชัน้ ปะถมศึกษาปที ่ี 1 - 3

5 สว่ นที่ ๒แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ท่ีสถานศึกษาจัดอย่างหลากหลายเพ่ือช่วยเพ่ิมพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ ความมีน้าใจต่อกัน การทางานเป็นทีม และกระตุ้นให้ผู้เรียนไดค้ น้ หา ศักยภาพและความชอบของตนเอง เพราะมคี วามเชอื่ ว่าผู้เรยี นทกุ คนมคี วามพิเศษ มีความสามารถในแบบฉบับของตนเอง กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามความถนัด ความสนใจความต้องการ ท้ังปฏิบัติด้วยตนเอง หรือปฏิบัติเป็นกลุ่ม เป็นทีม โดยการปฏิบัติกิจกรรมไม่จาเป็นต้องเปิดให้เฉพาะผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือระดับชั้นเดียวกัน บางกิจกรรมสามารถศึกษา หรือปฏิบัติร่วมกันหลายระดับชัน้ ได้ เพอื่ ให้ผู้เรียนรู้จักการปรับตัว การช่วยเหลือดูแลกัน การมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลายช่วงวัยโดยเป็นการจาลองสภาพจริงในสังคม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ซึ่งจะยิ่งช่วยเพ่ิมทักษะในการแก้ปัญหาให้กับเด็กไทย การจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” มีแนวทางในการดาเนนิ งาน ดังน้ี ๑. กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สามารถจัดได้ทุกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่สถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่จัดการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ หรือโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาระดับชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ถงึ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ หรือโรงเรียนมัธยมศึกษาที่จัดการศึกษาระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ - ๖ หรอื โรงเรียนการศกึ ษาพิเศษ การศึกษาสงเคราะห์ โดยสถานศึกษาต้องจัดกิจกรรมไดเ้ หมาะสมกับผเู้ รียนแต่ละชว่ งวยั ๒. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ตามขนาดโรงเรียน จานวนผู้เรียน จานวนครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษา มแี นวดาเนินการ ดังนี้ ๒.๑ โรงเรียนประถมศกึ ษา และโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ขนาดเล็ก มีครูไม่ครบช้ันทง้ั โรงเรียนท่ีจดั การศกึ ษาเป็นเอกเทศ หรอื จดั การศึกษาแบบเรียนรวม ควรจัดกลุ่มผู้เรียนเป็นช้ัน ช่วงชั้นคละชั้น หรือรวมกลมุ่ ทัง้ โรงเรียน (กรณีเป็นโรงเรียนขนาดเลก็ มาก) ใหส้ อดคล้องกับจานวนครูท่ีจะรับผิดชอบหรือเป็นผู้ดูแลกิจกรรม การจัดกิจกรรมของโรงเรียนขนาดเล็กในบางพ้ืนท่ีท่ีสามารถเดินทางไปมาสะดวกอาจนาผู้เรียนหมนุ เวยี นกนั ไปจดั รวมกบั โรงเรียนใกล้เคยี งได้ ๒.๒ โรงเรียนขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ทม่ี ีครูพอดีชั้น หรือมีครูเพียงพอควรจัดกลุ่มนักเรียนให้เหมาะสมกับกิจกรรมไม่ให้มีจานวนท้ังกลุ่มมากเกินไป และคานึงถึงความสนใจและความต้องการของผู้เรียนเป็นหลกั ๒.๓ โรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ที่มีผู้เรียนจานวนมาก ต้องมีการวางแผนท่ีรัดกุมเนือ่ งจากโรงเรยี นอาจมขี ้อจากัดด้านสถานท่ี และตอ้ งเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นเลือกกิจกรรมได้อย่างหลากหลายทง้ั นี้ อาจเลอื กกิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงเวลาไดต้ ลอดวนั ๒.๔ โรงเรียนการศึกษาพิเศษ และการศึกษาสงเคราะห์ ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับบรบิ ทและความพร้อมแนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ชั้นปะถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3

6 ๓. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรเป็นกิจกรรมท่ีเป็นไปตามความต้องการความสนใจของผเู้ รียน ผู้ปกครอง กจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” แบ่งออกเปน็ ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม มรี ายละเอียด ดังน้ี หมวดที่ ๑ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (กิจกรรมบังคับตามหลักสูตร) ๑. กิจกรรมแนะแนว ๒. กจิ กรรมนักเรียน ๓. กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ หมวดท่ี ๒ สรา้ งเสริมสมรรถนะและการเรียนรู้ ๔. พฒั นาความสามารถด้านการส่ือสาร ๕. พัฒนาความสามารถด้านการคิดและการพัฒนากรอบความคิดแบบเปิดกว้าง (GrowthMindset) ๖. พัฒนาความสามารถด้านการแก้ปัญหา ๗. พฒั นาความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยี ๘. พัฒนาทกั ษะการเรียนรู้ทีส่ ง่ เสรมิ การเรียนรู้๘ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ หมวดที่ ๓ สร้างเสริมคุณลกั ษณะและค่านยิ ม ๙. ปลูกฝังค่านิยมและจิตสานึกการทาประโยชน์ต่อสังคมมีจิตสาธารณะและการให้บริการด้านต่าง ๆ ท้ังทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อตนเองและต่อสว่ นรวม ๑๐. ปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ ๑๑. ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม (มีวินัย ซ่ือสัตย์ สุจริต เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทางานกตัญญู) ๑๒. ปลูกฝงั ความรกั ความภาคภมู ิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบตั ิของชาติ หมวดที่ ๔ สรา้ งเสริมทกั ษะการทางาน การดารงชีพ และทกั ษะชีวติ ๑๓. ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียนตามความแตกต่างระหว่างบุคคล ๑๔. ฝึกการทางาน ทักษะทางอาชีพ ทรัพยส์ ินทางปัญญา อยู่อย่างพอเพียงและมวี นิ ัยทางการเงิน ๑๕. พฒั นาความสามารถดา้ นการใช้ทักษะชีวติ ๑๖. สรา้ งเสริมสมรรถนะทางกาย กิจกรรมหมวดท่ี ๑ ให้ใช้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตร ส่วนกิจกรรมหมวดที่ ๒ – ๔ให้สถานศึกษาตั้งคณะทางานเพื่อศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย๑๒ ประการ คุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑รวมทง้ั จุดเน้นและอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น เปน็ ตน้ แลว้ วางแผนจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” หรือเลอื กจากตัวอย่างกจิ กรรม ดังตอ่ ไปน้ี แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” ชัน้ ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

7 ส่วนที่ ๓ตวั อย่างการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้”หมวดท่ี ๑ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนหมวดที่ ๒ สรา้ งเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้หมวดท่ี ๓ สร้างเสรมิ คณุ ลักษณะและคา่ นิยมหมวดที่ ๔ สรา้ งเสริมทกั ษะการทางาน การดารงชีพ และทกั ษะชีวิตแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ชั้นปะถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3

8หมวดที่ ๑ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน (กิจกรรมบงั คบั ตามหลกั สตู ร) กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๑ กจิ กรรมแนะแนว กลุ่มกจิ กรรมที่ ๒ กจิ กรรมนกั เรยี น กลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๓ กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ การจัดกิจกรรมหมวดที่ ๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมตามท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญาอารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พ่อื สงั คม สามารถจดั การตนเองได้ และอย่รู ว่ มกบั ผู้อน่ื อยา่ งมีความสขุ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน แบ่งเป็น ๓ ลกั ษณะ ดงั นี้ ๑. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจคดิ แก้ปัญหา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสมนอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ผู้ปกครองในการมสี ว่ นร่วมพฒั นาผเู้ รียน ๒. กิจกรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอ้ืออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางานเน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่น กิจกรรมนักเรียนประกอบด้วย ๒.๑ กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหาร ๒.๒ กิจกรรมชุมนมุ ชมรม ๓. กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคมมจี ติ สาธารณะ เช่น กจิ กรรมอาสาพฒั นาต่าง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรค์สงั คม สถานศกึ ษาสามารถเลือกกจิ กรรมได้จากเอกสาร / คู่มือ / แนวทาง ท่ีสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานจัดทา แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” ชนั้ ปะถมศึกษาปที ี่ 1 - 3

9 หมวด 2 สรา้ งเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้ กลุม่ กิจกรรมที่ 4 พัฒนาความสามารถด้านการสื่อสาร ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี 11. ช่อื กิจกรรม โป๊ะโปง่ เลา่ เร่ือง2. เวลาท่ีใช้ 1 ช่วั โมง3. วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือพฒั นาทักษะกระบวนการคดิ และแตง฽ ประโยคผา฽ นการทากิจกรรมสร฾างสรรคแ 2. เพ่ือให฾นกั เรยี นใช฾กระบวนการกลุม฽ และสามารถทางานเปน็ ทีมได฾4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูนาคาศัพทแใส฽ในลูกโปุง นาไปติดไว฾ท่ีกิ่งไม฾แห฾ง/ไม฾แขวนเสื้อ/ใช฾เชือกขึงที่มุมห฾อง (ตามความเหมาะสม) 2. ครูแบ฽งนกั เรยี นเปน็ กล฽ุม ๆ ละ 3 – 5 คน ให฾นักเรียนแต฽ละกลุ฽มเลือกจิ้มลูกโปุงคนละลูก (โดยครูใช฾เข็มพนั ปลายไม)฾ เพือ่ นาแผ฽นคาศพั ทมแ ารวมกัน 3. นกั เรยี นแตล฽ ะคนอ฽านคาศัพทแทีต่ นเองได฾ใหเ฾ พ่ือนในกลุ฽มฟงใ 4. นักเรียนแตล฽ ะกลม฽ุ แต฽งเร่ืองจากคาที่ได฾ โดยใช฾วธิ ีการเล฽าตอ฽ ๆ กันตามคาศัพทแท่ีไดจ฾ ากการโปฺะโปงุ 5. นกั เรยี นร฽วมกันลงความเห็นว฽าเร่ืองใดทน่ี ฽าสนใจทสี่ ดุ 6. กลุ฽มที่ได฾รับคะแนนโหวตสูงสดุ รบั ของรางวัลจากครู5. สื่อการเรยี นรู้ 1. ลกู โปงุ 2. คาศัพทแ 3. กิง่ ไม฾/ไมแ฾ ขวนเส้ือ/เชอื ก 4. รางวลั สาหรบั กล฽ุมทไ่ี ด฾รบั คะแนนโหวตสงู สดุ6. การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมีส฽วนรว฽ มในการทากจิ กรรมของนักเรียน 2. สงั เกตการอ฽านออกเสยี งของนกั เรยี น แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศกึ ษาปีที่ 1 - 3

10 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี 21. ช่อื กิจกรรม ภาษาพาเพลนิ2. เวลาทใ่ี ช้ 1 ชว่ั โมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อส฽งเสรมิ ให฾นักเรียนมีทักษะในการใช฾ภาษาอย฽างสรา฾ งสรรคแ 2. เพ่ือให฾นกั เรียนมีความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ในการเรียนร฾ู4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ทบทวนความรเ฾ู รื่อง คาคล฾องจองสองพยางคแ เชน฽ กินขา฾ ว – เล฽าเรื่อง นกร฾อง-ทอ฾ งนา เปน็ ตน฾ 2. ครูอธิบายวธิ กี าร กติกาในการแข฽งขนั ตอ฽ คาคล฾องจองให฾นักเรียนฟใงดังนี้ ครูจะชูบัตรคาท่ีเป็นคาสองพยางคแให฾ดูทีละคา และให฾แต฽ละคนต฽อคาคล฾องจองไปเร่ือย ๆ อาจเรียงตามเลขที่ หรือตาแหน฽งที่น่ังถ฾าตดิ ขัดท่คี นไหนใหข฾ า฾ มไปก฽อน และให฾เขาพยายามสังเกตวิธีการสัมผัสคาคล฾องจองจากท่ีเพ่ือน ๆ แต฽ง (ครูควรให฾กาลังใจ ไม฽ควรลงโทษ เพราะจะทาให฾เด็กจะขาดความม่ันใจ) ครูเปลี่ยนบัตรคา และอาจเปลี่ยนเป็นให฾นกั เรียนยกมือเพื่อต฽อคา 3. นักเรียนช฽วยกันสรปุ ผลการดาเนินกจิ กรรม ประโยชนแทีไ่ ดร฾ ับ5. สือ่ การเรยี นรู้ บตั รคา6. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตการมีส฽วนร฽วม ความกระตือรือรน฾ ในการเขา฾ รว฽ มกิจกรรม 2. ตรวจความถกู ต฾องในการต฽อคาคลอ฾ งจอง7. ภาพประกอบ ตวั อย฽างบัตรคา เรอื ใบนกน้อยปลาทู แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

11 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี 31. ชื่อกจิ กรรม ตามลา่ หาคู่2. เวลาทีใ่ ช้ 1 ชัว่ โมง3. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อส฽งเสรมิ พัฒนาการทางด฾านภาษาของนกั เรียน 2. เพื่อพฒั นาทกั ษะการอา฽ นใหแ฾ ก฽นักเรยี น4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูใหน฾ กั เรยี นยืนล฾อมกันเป็นวงกลม ครเู ปิดเพลง และให฾นกั เรยี นขยับตัวไปตามจังหวะเพลง 2. นักเรียนหยิบบัตรจากตะกร฾าที่ครูส฽งให฾คนละ 1 แผ฽น โดยที่บัตรในตะกร฾าจะมีท้ังบัตรภาพและบัตรคาศัพทแต฽าง ๆ ปนกันอย฽ู ครูอาจใช฾วิธีการแยกหมวด เช฽น ภาพสถานที่ – คาศัพทแอาชีพ ภาพสัตวแ –คาศัพทอแ าหาร ภาพตน฾ ไม฾ – คาศพั ทผแ ลไม฾ ภาพการแต฽งกาย – คาศพั ทอแ าชพี อุปกรณแกีฬา – คาศพั ทกแ ีฬา 3. เม่อื ไดย฾ ินสญั ญาณนกหวดี หรือสัญญาณให฾หยดุ จากครู ให฾นักเรยี นแต฽ละคนนาภาพหรือคาศัพทแทม่ี ีอย฽ูในมือของตนไปหาค฽ู เมอื่ จบั ค฽ูภาพและคาศัพทแให฾ตรงกนั แลว฾ น่งั ลง 4. ให฾นักเรียนที่น่ังจับคู฽กัน ลุกข้ึนยืนให฾เพื่อนช฽วยกันตรวจสอบดูว฽าค฽ูใดท่ีจับค฽ูภาพกับคาศัพทแได฾ถูกต฾องบา฾ ง 5. นกั เรียนชว฽ ยกนั สรุปความร฾แู ละสงิ่ ทไ่ี ด฾รับจากการทากิจกรรม5. สือ่ การเรยี นรู้ 1. ตะกร฾า บัตรคาศัพทภแ าษาองั กฤษและบตั รภาพ 2. เทปเพลงประกอบกจิ กรรม 3. นกหวดี6. การวัดและประเมนิ ผล สังเกตความสนใจในการเขา฾ ร฽วมกิจกรรมของนักเรียน7. ภาพประกอบ http://www.bookdeedee.com/product-th-0-3794521 แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลาร”฾ู ช้ันปะถมศึกษาปที ่ี 1 - 3

12 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี 41. ชื่อกิจกรรม นักเลา่ นอ้ ย2. เวลาทีใ่ ช้ 2 ชัว่ โมง3. วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือสง฽ เสรมิ ให฾นกั เรยี นมีนิสยั รกั การอ฽าน 2. เพื่อส฽งเสริมให฾นักเรยี นกล฾าแสดงออกอยา฽ งสร฾างสรรคแ 3. เพื่อฝกึ ทักษะในการทางานรว฽ มกับผอ฾ู ื่น4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. แบง฽ นักเรียนออกเปน็ กลมุ฽ ๆ ละ 5 - 6 คน 2. มอบหมายให฾แต฽ละกลุ฽มเลือกนิทานจากห฾องสมุดโรงเรียน หรือสืบค฾นจาก Internet กลุ฽มละ 1 เรื่องและฝึกซ฾อมการแสดง โดยมีผู฾เล฽าหรือผู฾บรรยายเร่ือง 1 คน และสมาชิกคนอ่ืน ๆ ในกล฽ุมแสดงบทบาทสมมติเป็นตัวละครในเรื่อง 3. ให฾ตัวแทนแต฽ละกลุ฽มออกมากล฽าวชมเชยแก฽ผู฾แสดง และช฽วยกันสรุปสาระข฾อคิดที่ได฾จากนิทานแตล฽ ะเรือ่ ง5. สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื นิทาน 2. หอ฾ งสมุดโรงเรยี น 3. อินเทอรแเน็ต6. การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตความสนใจในการร฽วมกจิ กรรมของนักเรียน 2. ประเมนิ พฤติกรรมการทางานรว฽ มกนั ของนักเรยี น7. ภาพประกอบ https://www.youtube.com/watch?v=ykFTU0pSpmk แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลาร”ู฾ ช้นั ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

13 ตวั อย่างกิจกรรมที่ 51. ช่อื กจิ กรรม Mime is fun2. เวลาที่ใช้ 1 ช่ัวโมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให฾นกั เรยี นทบทวน/เรียนรคู฾ าศัพทแภาษาอังกฤษ 2. เพ่ือสง฽ เสรมิ การเรยี นร฾ูทางดา฾ นวชิ าการของนักเรยี นโดยใชก฾ จิ กรรมเชงิ สรา฾ งสรรคแ4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนรว฽ มกนั อ฽านออกเสยี งและทบทวนคาศัพทจแ าก Vocabularies Chart 2. นกั เรยี นแบง฽ กล฽มุ การเลน฽ เกมตามความต฾องการของตนเอง ตง้ั แถวเป็นแถวตอนลกึ จากน้นั ให฾นักเรียนยืนหันหลังใหค฾ รูผสู฾ อน 3. ให฾นักเรียนท่ยี ืนหวั แถวออกไปดภู าพ พร฾อมมาแสดงท฽าทางให฾นักเรยี นท่ียืนอยถ฽ู ัดไปดู โดยหา฾ มพูดจากนั้นให฾ทาท฽าเชน฽ นี้ไปเรื่อย ๆ จนถงึ นักเรยี นคนสุดท฾าย คนสุดทา฾ ยของแต฽ละแถวบอกคาศพั ทแ และเขียนคาตอบมาส฽งครู 4. กลุ฽มใดทเ่ี ขียนคาศัพทแถูกต฾องแล฾วและเสร็จเป็นกล฽มุ แรกได฾คะแนน 5. นักเรยี นรว฽ มกันสรุปสง่ิ ท่ีได฾เรียนร฾จู ากการเลน฽ เกม Mime is fun5. ส่อื การเรยี นรู้ 1. Vocabularies Chart 2. เกม Mime is fun6. การวัดและประเมินผล สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรใ฾ู นช฽วงการทากิจกรรม7. ภาพประกอบ8. อา้ งอิงแหล่งทมี่ าของข้อมลู Clibart.com แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลาร”ู฾ ชั้นปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

14 ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี 61. ชือ่ กจิ กรรม คาศพั ท์แสนสนกุ2. เวลาท่ีใช้ 1 ชั่วโมง3. วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ส฽งเสริมให฾นกั เรียนได฾เพม่ิ ทักษะการฟใงในการเรียนร฾ภู าษาองั กฤษ สามารถอ฽าน โดยการออกเสียงคาศัพทไแ ด฾ถูกต฾อง แมน฽ ยามากขน้ึ 2. เพื่อสง฽ เสริมให฾นกั เรยี นกล฾าแสดงออก มีความเชื่อมั่นในการพูดภาษาอังกฤษ4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูนาบตั รภาพติดบนกระดาน ๘ – ๑๐ คา 2. ครูออกเสยี งคาศัพทแที่ถูกต฾อง ให฾นกั เรียนตีคาที่ถูกต฾องตามท่ีครูออกเสียง (ใช฾ไมต฾ ีแมลงวันไปแตะที่ภาพทนี่ ักเรียนไดย฾ ิน) 3. นกั เรยี นฝกึ ออกเสียงคาศัพททแ ี่ถูกต฾อง พร฾อม ๆ กนั และเปน็ รายบคุ คล 4. นักเรยี นฝึกแต฽งประโยคปากเปล฽า โดยใช฾ภาพ และนาเสนอหนา฾ ช้นั เรียน5. สอื่ การเรยี นรู้ 1. บตั รภาพ 2. บตั รคา 3. อปุ กรณกแ ารตีคา เชน฽ ไม฾ตีแมลงวนั6. การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมในการรว฽ มกิจกรรมในแตล฽ ะครงั้7. ภาพประกอบduck cow bee batGiraffe cow chair bird flower แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาร”฾ู ชั้นปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

15 กลุ่มกจิ กรรมท่ี 5 พฒั นาความสามารถด้านการคดิ และ การพัฒนากรอบความคดิ แบบเปดิ กว้าง (Growth Mindset) ตัวอย่างกิจกรรมที่ 1๑. ช่ือกจิ กรรม จะทาอะไรดีหนอ๒. เวลาท่ีใช้ ๑ ช่วั โมง๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อให฾นกั เรียนเกิดความคิดสร฾างสรรคแ 2. เพ่ือให฾นกั เรียนรู฾จักนาสิ่งของท่ีไม฽ใชแ฾ ล฾วมาทาใหเ฾ กิดประโยชนแ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครนู าขวดนา้ มาให฾นักเรียนดู โดยใช฾คาถามนา เชน฽ สิ่งนค้ี ืออะไร เอาไว฾ใชท฾ าอะไร 2. ครูถามนักเรยี นวา฽ นักเรียนคดิ ว฽าขวดนา้ พลาสติกทใ่ี ชแ฾ ล฾วสามารถใช฾ทาอะไรได฾บ฾าง ให฾นกั เรยี นทกุ คนผลัดกันตอบคาถาม โดยช฽วยกันคดิ (ภายในเวลา 5 นาท)ี 3. ครูเปลยี่ นส่ิงของไปเรอื่ ย ๆ เช฽น กระป฻องนม กล฽องนม กลอ฽ งกระดาษ 4. ให฾รางวัลนักเรยี นทตี่ อบคาถามอย฽างสรา฾ งสรรคแ๕. สื่อการเรยี นรู้ ขวดน้าพลาสติก/ กระป฻องนม/ กลอ฽ งนม/ กล฽องกระดาษ๖. การวัดผลและประเมินผล สังเกตพฤตกิ รรมการทางานร฽วมกับผู฾อนื่ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศึกษาปที ี่ 1 - 3

16 ตัวอย่างกิจกรรมท่ี 21. ช่ือกิจกรรม วัสดุหรรษา พาเพลิน (ขอขวด)2. เวลาทใี่ ช้ 3 ชั่วโมง3. วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือให฾นักเรยี นรจ฾ู ักใชเ฾ วลาวา฽ งใหเ฾ กดิ ประโยชนแ 2. เพื่อให฾นักเรยี นมสี มาธิ รูจ฾ กั การวางแผนการทางานและลาดับขั้นตอนการทางานได฾ 3. เพ่ือให฾สามารถทางานรว฽ มกับผู฾อน่ื ได฾ 4. เพือ่ นาไปส฽ูการสรา฾ งสรรคแผลงานอน่ื ๆ4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูพูดคยุ กบั นักเรียนเรื่องขยะทเ่ี ปน็ พลาสตกิ ในโรงเรียนสังเกตพฤตกิ รรมในการรว฽ มกิจกรรมในแตล฽ ะครงั้ 2. ครูยกตัวอย฽างขวดนา้ พลาสติก และบอกถึงปญใ หาขยะเกล่อื นโรงเรียนและชมุ ชน 3. ครูบอกนกั เรียนวา฽ จะทาสงิ่ ประดษิ ฐแจากขวดนา้ พลาสติก 4. ครใู ห฾นักเรยี นดูภาพสง่ิ ประดษิ ฐแที่ทาจากขวดน้าพลาสติก ชวั่ โมงท่ี 1 ตอน กาไลเห็น ๆ วัสดุและอปุ กรณแ 1. ขวดน้าดื่มทใี่ ช฾แลว฾ ชนดิ ใส 2. คดั เตอรแ/กรรไกร 3. เศษผ฾า 4. กาวชนิดเหนียวพเิ ศษ 5. เทปกาว ๖. ปืนยงิ กาว ขน้ั ตอนการทา 1. เทปกาวพนั เปน็ วงรอบขวดพลาสตกิ บรเิ วณท่ีจะทาเป็นกาไลข฾อมือ 2. ตดั ด฾วยคัตเตอร/แ กรรไกร ส฽วนที่เปน็ เทปกาว 3. นามาวัดรอบขอ฾ มือ 4. ตดั แลว฾ ต฽อด฾วยเทปกาวให฾พอดีกับข฾อมือ 5. นาเศษผ฾า มาพันรอบ ตดิ ด฾วยปืนยิงกาวให฾เรียบร฾อย แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศกึ ษาปีที่ 1 - 3

17ช่วั โมงที่ 2ตอน เหน็ แสงราไรวัสดุและอปุ กรณแ1. ขวดน้าดม่ื ทใ่ี ชแ฾ ล฾วชนดิ ใส2. คัดเตอรแ/กรรไกร3. สสี ะทอ฾ นแสง/สีทาเล็บ4. ปืนยิงกาว5. ไฟกระพริบขัน้ ตอนการทา1. ขวดน้าพลาสติกนามาตัดขวดดา฾ นบนออกใหเ฾ หลือฝาขวด กบั คอขวดเล็กนอ฾ ย(สาหรบั ทากลบี ดอกไม฾พลาสติก)2. ตัดกลีบดอก 6 กลบี ตกแต฽งกลีบดอกใหโ฾ คง฾ กลม3. ทาสีกลีบดอกไมด฾ ว฾ ยสีน้า4. เจาะฝาขวด สาหรบั เสียบไฟกระพริบลงไป5. ตดิ กาวหลอดไฟกับฝาขวดใหแ฾ นน฽6. ทาหลายดอก ประดบั ไฟใหส฾ วยงามชั่วโมงที่ 3ตอน ดอกไม฾ รีไซเคิลวสั ดุและอปุ กรณแ1. ขวดนา้ ดื่มทใ่ี ชแ฾ ลว฾ หลากสี2. คดั เตอรแ/กรรไกร3. ลวดสาหรับทากา฾ น4. เทยี น/ตะเกียงขั้นตอนการทา1. ขวดน้าพลาสตกิ นามาตดั ขวดดา฾ นบนออกให฾เหลอื ฝาขวด กบั คอขวดเลก็ นอ฾ ย(สาหรบั ทากลีบดอกไม฾พลาสตกิ )2. ตดั กลบี ดอก 6 กลีบ ตกแต฽งกลบี ดอกใหโ฾ ค฾งกลม3. นาไปลนไฟให฾มลี กั ษณะคลา฾ ยกลีบดอกไม฾จริง ๆแนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

18 4. เจาะฝาขวด สาหรบั เสียบกา฾ น 5. ตดั ขวดพลาสติกสีเขยี วเป็นเสน฾ เล็ก ๆ ใช฾ไฟลนก฾านและพัน 6. ตดิ กาวกบั ฝาขวดใหแ฾ น฽น 7. ทาหลายดอก ประดบั ใหส฾ วยงาม 8. จัดแต฽งตดิ ใบให฾สวยงาม5. ส่อื การเรียนรู้ 1. ภาพกาไลทท่ี าจากขวดน้าพลาสตกิ 2. ภาพไฟประดับจากขวดนา้ พลาสตกิ 3. ภาพสิง่ ประดิษฐตแ ฽าง ๆ ท่ีทาจากขวดพลาสติก6. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรม 2. สังเกตจากชิน้ งาน7. ภาพประกอบ สงิ่ ประดิษฐ์ตา่ ง ๆ ท่ีทาจากขวดพลาสตกิ8. อ้างอิงแหลง่ ที่มาของข้อมูล http://p-dit.com/2013/11/19/3462/ แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

19 ตัวอย่างกิจกรรมที่ 31. ช่ือกจิ กรรม วัสดุหรรษา พาเพลนิ (ประดิษฐ์สิ่งของง่าย ๆ จากไม้ไอศกรมี )2. เวลาที่ใช้ 2 ชั่วโมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให฾นกั เรยี นรูจ฾ ักใชเ฾ วลาวา฽ งให฾เกิดประโยชนแ 2. เพื่อให฾นักเรยี นมสี มาธิ ร฾จู กั การวางแผนการทางานและลาดบั ข้นั ตอนการทางานได฾ 3. เพอ่ื ให฾สามารถทางานร฽วมกบั ผอู฾ ่นื ได฾ 4. เพื่อนาไปสู฽การสรา฾ งสรรคแผลงานอืน่ ๆ4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูพดู คยุ กบั นักเรียนเกยี่ วกบั อปุ กรณแที่ใช฾เกบ็ ดนิ สอ ยางลบ ปากกา 2. ครูให฾นักเรียนดูรปู กลอ฽ งใส฽ดินสอต฽าง ๆ 3. ครบู อกนักเรียนวา฽ จะทากล฽องใสด฽ ินสอใชเ฾ อง 4. ครูให฾นกั เรียนดรู ปู กล฽องใส฽ดนิ สอ ช่ัวโมงที่ 1 ตอน หนูภูมิใจ ทาของใชเ฾ อง วัสดุและอปุ กรณแ 1. ไมไ฾ อศกรีม 2. กาวนา้ ชนิดเหนียวพเิ ศษ 3. กาวแท฽ง 4. สผี สมอาหาร 5. เศษผ฾า 6. กรรไกร 7. ปนื ยงิ กาว 8. วัสดสุ าหรบั ตกแตง฽ ขั้นตอนการทา 1. นาเศษผา฾ ตดั เป็นรูปสีเ่ หล่ียมผืนผา฾ ให฾มขี นาดเล็กกว฽าความยาวของไม฾ไอศกรีม 2. ผสมน้ากับสีผสมอาหารหลากสี ให฾เข฾ม ๆ และนาไม฾ไอศกรีมลงไปย฾อมสี และนามาผ่งึ ให฾แหง฾ 3. ทากาวที่ไม฾ไอศกรมี และติดลงบนผ฾าให฾ได฾ขนาดท่ีเราต฾องการ โดยเว฾นขอบผ฾าไว฾สาหรบั แปะติดกัน 4. ทาฐานสเี่ หลยี่ ม และใชก฾ าวแท฽งตดิ เขา฾ ด฾วยกัน 5. ถา฾ มรี บิ บ้นิ สามารถนามาตกแตง฽ ใหส฾ วยงาม แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”ู฾ ชน้ั ปะถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3

20 ชัว่ โมงท่ี 2 ตอน กระถางดอกไม฾ให฾คุณ วัสดุและอุปกรณ์ 1. ไม฾ไอศกรีม 2. กาวแทง฽ 3. สผี สมอาหาร 4. เศษผา฾ 5. กระปอ฻ งเปลา฽ 6. กรรไกร 7. ปนื ยงิ กาว 8. วัสดสุ าหรบั ตกแต฽ง ข้ันตอนการทา 1. ผสมน้ากบั สผี สมอาหารหลากสี ใหเ฾ ข฾มๆ และนาไม฾ไอศกรีมลงไปยอ฾ มสี และนามาผ่งึ ให฾แหง฾ 2. นาไมไ฾ อศกรีมตดิ ทีผ่ นังกระปอ฻ ง สลับสีใหส฾ วยงาม โดยใช฾ปืนยงิ กาว 3. ตกแตง฽ ดว฾ ยเศษผ฾า หรอื ริบบิน้ ให฾สวยงาม 4. สามารถปรับเปลี่ยนรปู แบบได฾ตามจนิ ตนาการ5. สือ่ การเรียนรู้ 1. รปู กลอ฽ งดนิ สอ/กระถางต฾นไมจ฾ ากไม฾ไอศกรีม 2. กลอ฽ งดนิ สอ/กระถางใสต฽ ฾นไม฾ จากไม฾ไอศกรีม6. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการทางานร฽วมกนั 2. สังเกตจากชิน้ งาน7. อา้ งอิงแหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู www.p-dit.com แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

21 ตัวอย่างกจิ กรรมที่ 41. ช่ือกิจกรรม วัสดุหรรษา พาเพลิน (พนั พนั พนั )2. เวลาทใ่ี ช้ 3 ชว่ั โมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให฾นักเรียนร฾จู ักใชเ฾ วลาวา฽ งใหเ฾ กดิ ประโยชนแ 2. เพอ่ื ให฾นกั เรยี นมสี มาธิ ร฾ูจกั การวางแผนการทางานและลาดบั ข้ันตอนการทางานได฾ 3. เพ่อื ให฾สามารถทางานร฽วมกบั ผ฾ูอน่ื ได฾ 4. เพื่อนาไปส฽ูการสร฾างสรรคแผลงานอน่ื ๆ4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูให฾นกั เรียนดเู ชอื กทเ่ี ตรียมมา และบอกประโยชนขแ องเชือก 2. ครูถามนักเรียนว฽าถ฾าให฾นักเรียนนาเชอื กมาใช฾ จะใช฾เชอื กทาอะไร 3. ครูให฾นักเรียนดภู าพส่งิ ของที่ประดิษฐแจากเชอื ก 4. ครูให฾นกั เรยี นทากาไลข฾อมือจากเชอื ก ชั่วโมงท่ี 1 ตอน ใคร ใคร ก็ทาได฾ วสั ดุและอปุ กรณแ 1. เชือกปุานหลากสี 2. กรรไกร 3. กาว 4. กระป฻อง/ขวดแกว฾ ขัน้ ตอนการทา 1. นาเชอื กมาพนั รอบ ๆ กระปอ฻ ง/ขวดแก฾วทากาวรอยต฽อของเชอื กแตล฽ ะชัน้ 2. รอให฾กาวแห฾ง ค฽อย ๆ แกะออก จะไดก฾ าไลเกเ ๆ ชว่ั โมงที่ 2 ตอน พันจนได฾ วัสดุและอุปกรณแ 1. เชือกปาุ นหลากสี 2. กรรไกร 3. กาว 4. กระป฻อง/ขวดแก฾ว แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร”ู฾ ชั้นปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

22 ข้นั ตอนการทา 1. ทากาวรอบกระป฻อง 2. นาเชือกหลากสมี าพนั รอบ ๆ กระป฻องจนเต็ม 3. ตกแตง฽ ใหส฾ วยงาม ช่วั โมงท่ี 3 ตอน ผกู พัน วัสดแุ ละอุปกรณแ 1. ไหมญ่ีปุน 2. กรรไกร ข้ันตอนการทา 1. นาไหมญี่ปุนหลายหลากสีมาถักเปน็ เปยี ความยาวเท฽าข฾อมือตนเองมดั ปมให฾เรยี บร฾อย 2. ถา฾ มกี ระด่ิงสามารถนามาประดบั ใหส฾ วยงาม5. ส่ือการเรียนรู้ 1. ภาพส่ิงประดิษฐแจากเชอื ก 2. ภาพเชอื กชนิดต฽าง ๆ6. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรม 2. สังเกตจากช้นิ งาน7. ภาพประกอบ เชอื กชนิดต่าง ๆ แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

23สิ่งประดิษฐท์ ่ที าจากเชือกต่าง ๆ8. อา้ งอิงแหล่งทีม่ าของข้อมลู http://p-dit.com แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

24 ตวั อยา่ งกจิ กรรมที่ 51. ชื่อกจิ กรรม มาสนกุ กับศิลปะกันเถอะ2. เวลาทใี่ ช้ 4 ชวั่ โมง3. วตั ถุประสงค์ 1. เพือ่ ให฾นักเรยี นมีการพัฒนาทางด฾านร฽างกาย จิตใจ สติปญใ ญา 2. เพอ่ื ให฾นกั เรียนมคี วามคิดริเร่มิ สร฾างสรรคแ 3. เพื่อให฾นักเรยี นรู฾จกั ชน่ื ชมความงามสุนทรียภาพ ซ่ึงมีคณุ คา฽ ต฽อมนุษยแ 4. เพื่อส฽งเสริมให฾นักเรียนมีความเช่ือม่ันในตนเองอันเป็นพ้ืนฐานในการศึกษาต฽อ หรือประกอบวชิ าชพี4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 มาเรียนรกู฾ ันเถอะ 1. วาดภาพสัตวทแ ี่นกั เรยี นรูจ฾ ักหรอื ทชี่ อบมา ๑ ชนิดพร฾อมกบั ทาท฽าประกอบ 1. ครูอธิบายถงึ สตั วทแ ่สี ามารถนามาเลี้ยงไดย฾ กตวั อยา฽ งเช฽น สุนัข แมว นก กระตา฽ ย เปน็ ต฾น 2. ครเู ปดิ โอกาสให฾นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นวา฽ ท่บี า฾ นของนกั เรียนใครเลยี้ งสตั วปแ ระเภทใดบา฾ ง 3. ครใู ห฾นักเรยี นเลอื กสัตวแท่ีตัวเองชอบไว฾ในใจ พร฾อมกับแจกกระดาษแล฾วให฾นักเรียนวาดรูป สัตวแท่ีตัวเองชอบพร฾อมกับบอกว฽าใครวาดรูปเสร็จแล฾วให฾เอารูปออกมาส฽งพร฾อมกับแสดงท฽าทาง เลียนแบบสัตวแประเภทน้ันดว฾ ย www.oknation.net แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลาร”฾ู ชนั้ ปะถมศึกษาปที ี่ 1 - 3

25 www.gotoknow.org www.gotoknow.orgชว่ั โมงท่ี 2สองไม฾ สองมือ1. การปน้ใ เป็นรูปทรงตา฽ ง ๆ 1. รูปทรงธรรมชาติและส่ิงแวดลอ฾ ม 2. รูปร฽างทีเ่ รามองเหน็ ในธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล฾อม มลี ักษณะตา฽ งกันไป โดยรูปร฽างมีลักษณะเป็น ๓ มิติ ความกว฾าง ความยาว และความลึก หรือความหนาทาให฾รูปทรงมีลักษณะสวยงามและสมจรงิ มากกวา฽ รูปร฽าง รูปทรงแบ฽งออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ 2.1 รูปทรงเรขาคณิต เป็นรูปทรงท่ีมีโครงสร฾างแน฽นอนสามารถระบุช่ือเรียกได฾ เช฽นทรงสีเ่ หล่ยี มมุมฉาก ทรงกระบอก ทรงกลม พีระมิด กรวย novation.kpru.ac.th 2.2 รูปทรงอิสระ เป็นรูปทรงท่ีมีโครงสร฾างไม฽แน฽นนอน มีท้ังเกิดข้ึนตามธรรมชาติและเกิดขึ้นจากมนษุ ยสแ ร฾างข้ึน เช฽น รปู ทรงของสัตวแตา฽ งๆ รูปทรงก฾อนหิน รูปทรงรองเทา฾ แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”฾ู ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

26 http://innovation.kpru.ac.th/ 2. ครูอธิบายถึงความสาคัญในการป้ในเป็นรูปต฽าง ๆ ว฽ามีความสาคัญเพราะเป็นพ้ืนฐานในการที่นกั เรยี นจะได฾นาไปขนึ้ รูปตา฽ ง ๆ 1. ครูแบ฽งนกั เรยี นใหน฾ ง่ั เปน็ กล฽ุมๆพร฾อมกบั แจกอุปกรณแ (ดินน้ามัน) 2. ครูสาธิตวิธีการปนใ้ ดินน้ามันขน้ึ เป็นรูปทรงต฽าง ๆ www.thaiadapp.com ชว่ั โมงที่ 3 ปใน้ ตามจินตนาการ 1. ครูอธิบายถงึ การปใน้ เปน็ กระบวนการหน่ึงในงานประติมากรรมท่ีมีลักษณะเป็น ๓ มิติ มีความกว฾างความยาว ความหนา สามารถจับต฾องหรือสัมผัสได฾ การป้ในสามารถทาได฾โดยการนาส฽วนย฽อยมารวมกันให฾เกดิ เปน็ รูปทรงตามตอ฾ งการ 2. ครูอธิบายถึงความหมายของจินตนาการว฽าคืออะไรจากน้ันจึงให฾นักเรียนแบ฽งกล฽ุมออกเป็นกล฽ุมย฽อยแล฾วจึงแจกอุปกรณแ (ดนิ น้ามนั ) 3. ครูให฾นักเรียนปน้ใ ดินน้ามนั เป็นรูปต฽างๆ ตามจนิ ตนาการ ครใู ห฾คาปรึกษาและดูแลอย฽างใกลช฾ ดิ xn--12c1bobh8dyb4bnrq1kue.blogspot.com แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

27coffee-drawing.blogspot.com jaikoh.exteen.com ช่วั โมงท่ี 4 การเปาุ สี การสร฾างภาพด฾วยการเปุาสี เป็นเทคนิคการสร฾างภาพอีกแบบหนึ่ง ที่ทาให฾ภาพสวยงามและเกิดจินตนาการ เหมาะสาหรบั ผ฾ูเร่มิ ต฾นในการเรียนร฾เู ก่ยี วกบั การวาดภาพและการใช฾สนี า้ หรอื สีโปสเตอรแ ขน้ั ตอนการเปา่ สี 1. ผสมสี 2. หยดสลี งบนกระดาษ ๓. ใช฾หลอดกาแฟเปุาสีให฾แตกกระจาย เทคนคิ การเปา่ สใี หไ้ ดภ้ าพสวยงาม ๑. ผสมสกี บั น้าให฾เหลวพอเหมาะไม฽ขน฾ หรอื เหลวเกินไป ๒. ใชส฾ หี ลากหลาย ๓. ใชก฾ ระดาษวาดภาพ รอ฾ ยปอนดขแ ้ึนไป ๔. เปุาสีให฾แตกกระจายรอบทิศทาง หากต฾องการให฾สีแตกกระจายไปทางใดเป็นพิเศษให฾เอียงกระดาษ เลก็ น฾อย ๕. เม่อื เปุาสเี สร็จแล฾วควรนาไปผง่ึ ลมให฾แห฾งไม฽ควรนาไปผึ่งแดดเพราะจะทาให฾กระดาษบิดไม฽สวยงามjaruwan99999.blogspot.com แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลาร”ู฾ ชัน้ ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

28 www.thaigoodview.com www.kukai.ac.th www.suwattanakindergarten.com witchuda08.blogspot.com5. สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. การสังเกตสง่ิ ต฽าง ๆ รอบ ๆ ตวั ๒. บริเวณภายในพนื้ ที่ของโรงเรียน ๓. หอ฾ งสมดุ ห฾องค฾นควา฾ ทางเทคโนโลยี6. การวดั ผลและประเมินผล 1. สังเกตจากการเข฾าร฽วมกิจกรรม ๒. สังเกตจากผลงานที่ได฾ปฏิบัติ7. ภาพประกอบ ภาพตามกิจกรรมตา฽ ง ๆ8. อ้างอิงแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล www.photoontour9.com tykatai.diaryclub.com www.oknation.net artlaemkom.blogspot.com www.gotoknow.org novation.kpru.ac.th http://innovation.kpru.ac.th/ www.thaiadapp.com jaikoh.exteen.com https://www.gotoknow.org/posts/54529 www.kukai.ac.th www.suwattanakindergarten.com witchuda08.blogspot.com แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

29 กลุ่มกิจกรรมที่ 6 พัฒนาความสามารถดา้ นการแกป้ ญั หา ตัวอยา่ งกิจกรรมที่ 1๑. ชื่อกจิ กรรม คดิ กอ่ นป้ัน (ถกแถลง/ระดมความคิดเหน็ )๒. เวลาที่ใช้ ๑ ชั่วโมง๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให฾นักเรียนเกิดความสนใจ เกดิ แนวความคิด และให฾ได฾มาซึ่งวิธีการทม่ี ีความคดิ สร฾างสรรคแดว฾ ยการถกแถลงระดมความคิด ๒. เพ่ือให฾นักเรียนได฾ฝึกการนาเสนอผลงาน๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครนู าดินน้ามัน มาให฾นักเรียนดู ใช฾คาถามนา เช฽น นักเรียนรู฾จักสิ่งน้ีหรือไม฽ ใช฾ทาอะไร มีสีอะไรบ฾างนักเรยี นเคยนาดินนา้ มันมาทาอะไรบา฾ ง 2. แบ฽งกลม฽ุ นกั เรียน กล฽มุ ละ ๔ - ๖ คน 3. ครูแจกดินนา้ มนั ให฾แต฽ละกลม฽ุ ๆ ละเท฽ากนั (อาจมสี ที ่หี ลากหลายแตกต฽างกันไป) 4. ให฾นักเรียนใช฾กระบวนการถกแถลง โดยนักเรียนร฽วมกันแสดงความคิดเห็น พร฾อมระดมสมองเพ่ือสร฾างช้ินงานจากดนิ น้ามัน ตามขอ฾ สรุปของกลุ฽ม 5. ตัวแทนนักเรยี นแตล฽ ะกลุ฽ม ออกมานาเสนอผลงานของตนหน฾าช้ันเรียน โดยบอกว฽า ผลงานของของกลุ฽มตนเองมีความพิเศษอย฽างไร๕. สื่อการเรยี นรู้ ดนิ น้ามัน๖. การวดั ผลและประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการมสี ฽วนรว฽ มในการทางาน ๒. ประเมนิ ชิน้ งาน แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศึกษาปที ี่ 1 - 3

30 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี 21. ชื่อกจิ กรรม วสั ดหุ รรษา พาเพลนิ (เครอ่ื งประดบั จากกระดมุ )2. เวลาที่ใช้ 2 ชว่ั โมง3. วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื ให฾นกั เรยี นร฾ูจักใชเ฾ วลาวา฽ งใหเ฾ กดิ ประโยชนแ 2. เพ่อื ให฾นักเรียนมสี มาธิ ร฾ูจักการวางแผนการทางานและลาดบั ขนั้ ตอนการทางานได฾ 3. เพือ่ ให฾สามารถทางานรว฽ มกับผ฾ูอน่ื ได฾ 4. เพื่อนาไปสู฽การสร฾างสรรคแผลงานอน่ื ๆ4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูให฾นกั เรียนบอกวา฽ เครื่องประดับมีอะไรบ฾าง 2. ครูให฾นักเรยี นดรู ปู เคร่อื งประดับแบบตา฽ ง ๆ 3. ครูบอกนักเรียนวา฽ จะทาเคร่ืองประดับใชเ฾ อง และให฾นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ัติ ชว่ั โมงที่ 1 ตอน เขม็ กลดั จากกระดุม วัสดแุ ละอุปกรณแ 1. กระดุมหลากสี หลายขนาด 2. กาวน้าชนิดเหนยี วพิเศษ 3. กาวแท฽ง 4. เข็มกลัด 5. เศษผา฾ 6. กรรไกร 7. ปืนยิงกาว ข้ันตอนการทา 1. นากระดมุ ขนาดเดยี วกัน 5 เมด็ วางให฾ชนกัน เป็นกลีบดอก จากนั้นติดกาวด฾านบน นากระดุมเมด็ ใหญก฽ ว฽ามาวางไว฾ 2. นากระดุมเมด็ เล็กสดุ มาทาเปน็ เกสรตรงกลาง 3. ติดเข็มกลัดสาเร็จรปู ดา฾ นหลงั กระดมุ ใชเ฾ ศษผา฾ ตัดเปน็ รูปวงกลมติดทับไว฾ด฾วยกาว แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร”฾ู ช้ันปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

31 ชัว่ โมงท่ี 2 ตอน ก๊ิบของพ่ี มอบให฾น฾อง วสั ดแุ ละอุปกรณ์ 1. กระดุมหลากสี หลายขนาด 2. กาวนา้ ชนิดเหนยี วพเิ ศษ 3. กบ๊ิ ติดผม 4. เศษผา฾ 5. กรรไกร 6. ปนื ยงิ กาว ขั้นตอนการทา 1. ให฾นกั เรยี นเลือกขนาด และสีของกระดุมตามใจชอบ 2. นากระดมุ มาติดลงบนกบ๊ิ ทากาว ตกแต฽งใหส฾ วยงาม ชว่ั โมงที่ 3 1. ครทู บทวนกิจกรรมการทาเครื่องประดบั จากกระดุม 2. ครูรว฽ มกนั เสนอแนะว฽า นอกจากการทาเข็มกลดั และกบ๊ิ ยังสามารถนากระดุมมาทาอะไรไดอ฾ ีก และสามารถใชว฾ ัสดุอืน่ แทนกระดุมไดห฾ รือไม฽ 3. ครใู ห฾นักเรยี นวาดภาพเคร่ืองประดบั ท่ตี นเสนอแนะความคดิ5. สอื่ การเรียนรู้ 1. ก๊บิ แบบตา฽ ง ๆ 2. ภาพเคร่ืองประดับต฽าง ๆ6. การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรม 2. สังเกตจากชน้ิ งาน7. ภาพประกอบ8. อา้ งอิงแหล่งท่มี าของข้อมูล P-dit.com แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

32 ตวั อยา่ งกิจกรรมท่ี 31. ชื่อกจิ กรรม หนูน้อยนักสืบ2. เวลาทีใ่ ช้ 5 ชว่ั โมง3. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให฾นกั เรยี นไดเ฾ ลอื กเรียนในสง่ิ ทีต่ นสนใจ 2. เพ่ือใหน฾ ักเรียนไดร฾ ับความรใ฾ู นสิ่งทีต่ นสนใจจนหมดประเดน็ คาถามทส่ี งสัย 3. เพ่ือพฒั นาความสามารถของนักเรียนในการสืบคน฾ ความรูแ฾ ละหาคาตอบในสิง่ ทต่ี นสนใจจากส่ือและแหลง฽ เรยี นร฾ูตา฽ ง ๆ ได฾ 4. เพ่ือพัฒนาทักษะการทางานเปน็ ทีมของนักเรยี น4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูแบ฽งนักเรียนเป็นกล฽ุม แล฾วให฾นักเรียนแต฽ละกลุ฽มเสนอหัวข฾อเรื่องในส่ิงที่ตนสนใจโดยครูอาจจะกาหนดกรอบกว฾าง ๆ เช฽น ในภาคเรียนน้ีนักเรียนได฾เรียนเรื่องสัตวแในรายวิชาวิทยาศาสตรแ ครูก็ให฾นักเรียนเสนอชนิดของสตั วทแ ี่นกั เรียนต฾องการศกึ ษาเพ่ิมเติม เช฽น กระต฽าย ปลา แมว สนุ ขั 2. นักเรียนแตล฽ ะกลุม฽ ตั้งประเด็นคาถามจากส่งิ ท่ีตนเองสนใจ นกั เรียนวางแผนการสบื คน฾ ข฾อมลู 3. นักเรียนแตล฽ ะกลุ฽มทาการสืบคน฾ ข฾อมลู จากสอ่ื และแหล฽งเรยี นร฾ูต฽าง ๆ เชน฽ ห฾องสมุด ห฾องวิทยาศาสตรแห฾องคอมพวิ เตอรแ หอ฾ งอาเซยี น โดยครูเปน็ ผู฾อานวยความสะดวกในการเรียนรใู฾ หแ฾ กน฽ ักเรยี น 4. นักเรียนแต฽ละคนบันทึกความร฾ูจากส่ิงที่ได฾เรียนรู฾ลงในสมุดบันทึกความร฾ู ซึ่งการสืบค฾นความร฾ูในทีน่ ้มี จี ดุ ประสงคแหลักคือการตอบคาถามในประเด็นที่นกั เรียนสนใจหรอื อยากรู฾ 5. นักเรียนแต฽ละกลม฽ุ นาเสนอข฾อมูล และส่งิ ท่ีไดเ฾ รียนรจู฾ ากการสืบค฾นให฾เพ่ือนกลมุ฽ อืน่ ฟใง5. สอื่ การเรียนรู้ 1. สมดุ บันทึกความรู฾ 2. วิทยากร/ผเ฾ู ช่ียวชาญในเรอ่ื งท่นี ักเรียนสนใจ 3. แหล฽งการเรียนรใ฾ู นโรงเรียน (ข้ึนอยู฽กับหัวข฾อท่ีนักเรียนสนใจ) เช฽น ห฾องสมุด ห฾องเรียนพิเศษต฽าง ๆเช฽น ห฾องวิทยาศาสตรแ ห฾องอาเซียน ห฾องคอมพิวเตอรแ 4. แหล฽งการเรียนรู฾ในชมุ ชน (ขึ้นอยกู฽ บั บริบทของชมุ ชน) เช฽น ศนู ยแการเรียนร฾ปู าุ ชายเลน ศนู ยแการเรยี นร฾ูการทานาเกลอื แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาร”ู฾ ช้นั ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

336. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมการมีสว฽ นรว฽ มในการทากจิ กรรมของนักเรียน 2. สังเกตพฤติกรรมการทางานเปน็ ทมี ของนักเรียน 3. ตรวจสมุดบันทึกความรู฾ของนักเรียน 4. สังเกตการนาเสนอผลงานของนักเรียน7. ภาพประกอบ8. อ้างอิงแหล่งท่มี าของขอ้ มลู ภาพกิจกรรมการจัดการเรยี นการสอนวิชาการศึกษาค฾นคว฾าดว฾ ยตนเองโรงเรียนอนุบาลสมุทรสาคร แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

34 ตวั อยา่ งกิจกรรมที่ 4๑. ชื่อกิจกรรม เพลดิ เพลินเกมนนั ทนาการ๒. เวลาทีใ่ ช้ 7 ชว่ั โมง3. วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื ปลกู ฝใงใหน฾ ักเรยี นรกั และเหน็ คุณคา฽ ของการออกกาลังกาย ๒. เพ่ือใหน฾ ักเรียนสนุกสนานเพลิดเพลินกับการออกกาลังกาย๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ก฽อนเล฽นเกมออกกาลงั กายทกุ ครง้ั ครคู วรใหน฾ กั เรียนยดื กลา฾ มเนื้อ และอบอ฽ุนร฽างกายก฽อน เพื่อเป็นการเตรยี มความพร฾อมในการเลน฽ เกม ชัว่ โมงท่ี 1 สนุ ขั จ้งิ จอกกับไก฽ ๑. แบง฽ นกั เรยี นออกเปน็ ๒ ทีมเทา฽ ๆ กัน ทีมสุนขั จง้ิ จอก กับทีมไก฽ ๒. ครกู าหนดพืน้ ที่ในการเล฽นสมมติว฽าเป็นเล฾าไก฽ และให฾ทีมไก฽อยู฽ในเล฾า ห฾ามออกนอกเล฾า ทีมสุนัขจง้ิ จอกอยน฽ู อกเล฾าหมายเหตุ = ไก฽ = สนุ ขั จ้ิงจอก ๓. ครใู หส฾ นุ ขั จิง้ จอก ลงไปไล฽จบั ไก฽กิน ไดค฾ รงั้ ละ ๑ ตวั ๔. ถ฾าสุนัขจิ้งจอก ลงไปไล฽กินไก฽ ครบทุกตัว แล฾วไก฽ยังไม฽หมด ทีมไก฽ชนะ แต฽ถ฾าสุนัขจิ้งจอกจับไก฽ได฾หมด ทีมสุนัขจิง้ จอกชนะ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

35ชวั่ โมงท่ี 2เกมแมน฽ าค 1. นักเรยี นเขา฾ แถวยืนรอบเขตสเ่ี หล่ยี ม ดงั รปู หมายเหตุ = ครู = นักเรียน 2. เม่ือครู กล฽าวคาว฽า “เวลาเช฾า” ใหน฾ ักเรยี นว่ิงเข฾าไปในส่ีเหล่ยี ม ครูกล฽าวคาว฽า “เวลาหกโมงเย็น”ให฾นักเรียนระวัง แต฽ถ฾าครูกล฽าวคาว฽า “เท่ียงคืน” ครูก็จะเป็นผีแม฽นาคว่ิงไล฽แตะนักเรียนในวงกลมโดยครูจะว่ิงตามเส฾นท่คี รูได฾กาหนดไว฾ 3. นักเรียนที่ถูกครูแตะก็จะต฾องออกจากเกมการเล฽น นักเรียนคนใดที่ไม฽ถูกครูแตะก็จะถือว฽าเปน็ ผ฾ชู นะ ชว่ั โมงท่ี 3 เกมลมเพลมพัด 1. ให฾นกั เรยี นเข฾าแถวหนา฾ กระดาน 2 แถว หนา฾ เส฾นทคี่ รูกาหนดไว฾ ดังรูปหมายเหตุ = ครู = นกั เรยี น แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

36 2. ครูจะพูดว฽า “ลมเอยลมพัดอะไร ลมเอยลมพัดอะไร ฉันจะบอกให฾พัด พัด......................”ครูก็จะพูดว฽า “พัดคนผมยาว” ก็ให฾นักเรียนที่ผมยาววิ่งออกไปแตะเส฾น แล฾ววิ่งกลับเข฾าที่ ใครเข฾าที่สุดท฾ายถือว฽าเปน็ ผ฾แู พ฾ให฾ออกจากการเล฽นเกม 3. ให฾เล฽นไปเรื่อย ๆ จนเหลือนักเรยี น 10 คน ถือเปน็ ผู฾ชนะ ชั่วโมงท่ี 4 เกมน้าขึ้นน้าลง 1. นักเรียนแบ฽งกลุ฽มเท฽า ๆ กัน เขา฾ แถวดงั รปูหมายเหตุ = ครู = นกั เรียน 2. เม่ือครูพูดว฽า “น้าข้ึน” ก็ให฾นักเรียนกระโดดไปด฾านหน฾า แต฽ถ฾าครูพูดว฽า “น้าลง” ให฾นักเรียนกระโดดถอย หลัง แต฽ถ฾าครูพูดคาอ่ืน เช฽น น้าโอเล้ียง ห฾ามนักเรียนกระโดดถ฾านักเรียนคนใดกระโดดถือว฽าผดิ กตกิ า ถอื ว฽าแพ฾ให฾ออกจากการเลน฽ เกม 3. ใหเ฾ ล฽นไปเร่ือย ๆ จนเหลอื นกั เรยี น 10 คน ถือเปน็ ผู฾ชนะ ชว่ั โมงที่ ๕ การกระโดดเทา฾ คู฽ (กบ) แบบผลดัหมายเหตุ นักเรียน ทศิ ทางการกระโดด แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลาร”ู฾ ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

37 1. แบง฽ นักเรียนออกเป็นกลมุ฽ ๆ ละเทา฽ ๆ กนั 2. ใหแ฾ ต฽ละกล฽มุ ยืนเปน็ แถวตอนหลังเสน฾ เรมิ่ 3. ให฾คนแรกกระโดดเทา฾ ค฽ูไปจนถึงเสน฾ กลบั ตวั แลว฾ กระโดดเทา฾ ค฽ูกลบั มาสัมผสั มือกบั คนต฽อไป 4. คนทีถ่ ูกสัมผสั มือให฾กระโดดเท฾าคู฽ออกไปจนถึงเส฾นกลับตัว แล฾วกระโดดเท฾าคู฽กลับมาสัมผัสมอืคนต฽อไป เหมอื นคนแรก 5. ทาเชน฽ นีไ้ ปเร่ือย ๆ จนถงึ คนสดุ ทา฾ ยของกล฽ุม ช่วั โมงที่ ๖ การวง่ิ ผลดั กระโดดข฾ามส่ิงกีดขวางหมายเหตุ นกั เรียน ทิศทางการกระโดด ส่งิ กีดขวาง 1. แบ฽งนักเรยี นออกเป็นกลมุ฽ ๆ ละเทา฽ ๆ กนั 2. ใหแ฾ ตล฽ ะกลุม฽ ยนื เปน็ แถวตอนหลงั เสน฾ เร่มิ 3. ใหค฾ นแรกวิ่งกระโดดข฾ามส่ิงกดี ขวางจนถงึ เสน฾ กลับตัว แลว฾ วิ่งกระโดดข฾ามสิง่ กดี ขวางกลบั มาสัมผสั มือกับคนต฽อไป แลว฾ ว่งิ ไปต฽อท฾ายแถว 4. คนทถี่ ูกสมั ผสั มือใหว฾ ิง่ กระโดดข฾ามส่งิ กดี ขวางแล฾วกลบั มาสมั ผสั มอื คนต฽อไปเหมือนคนแรก 5. ทาเช฽นน้ีไปเรื่อย ๆ จนถึงคนสดุ ท฾าย แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลาร”฾ู ช้ันปะถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3

38ช่ัวโมงท่ี ๗เกมกระต฽ายไลจ฽ ับหมายเหตุ = คนหนี = กระต฽าย 1. กาหนดเขตในการเลน฽ 2. ให฾นักเรียน ๕ คนเป็นกระต฽าย ส฽วนนักเรียนที่เหลือให฾วิ่งหนี กระต฽ายจะกระโดดขาเดียวไล฽จับคนทีว่ ง่ิ หนี 3. เม่ือกระต฽ายจับคนที่วิ่งหนีได฾ก็ให฾เปลี่ยนเป็นคนวิ่งหนีแทน ส฽วนคนที่ถูกจับได฾ก็ให฾เป็นกระต฽ายแทนโดย การกระโดดขาเดียวไลจ฽ บั หมายเหตุ “กระตา฽ ย” คอื คนทก่ี ระโดดขาเดยี วไล฽จับ๕. สื่อการเรียนรู้ 1. ผ฾าปิดตา 2. ลูกบอล 3. กรวย๖. การวดั และประเมินผล ๑. สงั เกตการให฾ความร฽วมมือในการร฽วมกิจกรรมของนักเรียน ๒. สังเกตความสนกุ สนานของนักเรียนในการร฽วมกจิ กรรม๗. ภาพประกอบ ประกอบภาพในเกม ทั้ง 7 เกม๘. อ้างอิงแหลง่ ทมี่ าของข้อมลู team-123.com แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

39 กลุม่ กิจกรรมท่ี 7 พัฒนาความสามารถดา้ นการสื่อสาร ตวั อยา่ งกจิ กรรมที่ 11. ช่ือกิจกรรม อยากดู อยากเล่า อยากเขยี น2. เวลาท่ีใช้ 1 ชวั่ โมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. นักเรียนไดร฾ ับความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ 2. ฝกึ สมาธิ ความอดทน ได฾ความรคู฾ ู฽คณุ ธรรม 3. ฝึกทักษะการคดิ การพูด การเขียน4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครใู ห฾นักเรยี นสบื คน฾ และดูภาพยนตรแท่ีเก่ียวกบั วทิ ยาศาสตรแ พระพทุ ธศาสนา วรรณคดี สารคดี(อาจเป็นการตแ ูนก็ได฾) จากจากหอ฾ งปฏบิ ัติการคอมพวิ เตอรแ คนละ 1 เรื่อง ทีม่ ีความยาวไม฽เกนิ 10 – 15 นาที 2. เม่อื นักเรยี นชมจบแล฾วครูถามคาถามเพื่อจดุ ประกายความคดิ 3. ท฾ายชั่วโมงใหน฾ กั เรยี นเขียนสรุปเป็นแผนผังความคดิ (Mind Mapping)5. ส่ือการเรียนรู้ 1. VCD ท่ีเก่ยี วกบั พระพุทธศาสนา วรรณคดี วทิ ยาศาสตรแ เปน็ ตน฾ 2. กระดาษ / สมดุ สาหรับทาแผนผงั ความคิด 3. เคร่อื งเล฽น VCD / เคร่ืองฉาย 4. โทรทศั นแ 5. หอ฾ งประชุม / หอ฾ งเรียน / ห฾องปฏบิ ัติการคอมพิวเตอรแ6. การวัดประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน 2. ตรวจผลงาน แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

407. ภาพประกอบ 1. นทิ านเรื่องกระต฽ายตืน่ ตูม http://bkkseek.com/nithan-isop/2. นิทานคุณธรรม http://www.complexplaza.com/shopview.asp?id=3. การแตูนวิทยา8ศ2า6สตรแ https://www.youtube.com/watch?v=nb_lJi1_o9U8. อา้ งอิงแหลง่ ท่มี าของขอ้ มลู 1. VCD การต์ นู วิทยาศาสตรเ์ ร่ือง มหศั จรรย์การเติบใหญ่ ป.1 - 3 (https://www.youtube.com/watch?v=aX6GD_miUhw) 2. การต์ นู นทิ านคณุ ธรรม http://www.kalyanamitra.org/chadok/mixchadok/mixchadok.html/ https://www.youtube.com/watch?v=hasC129dyW0 3. นิทานอสี ป http://bkkseek.com/nithan-isop/ แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”ู฾ ชน้ั ปะถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3

41 ตัวอยา่ งกจิ กรรมที่ 2๑. ช่ือกิจกรรม เทคโนโลยีพาเพลิน๒. เวลาทีใ่ ช้ ๑ ชวั่ โมง๓.วัตถุประสงค์ ๑. เพอ่ื ใหน฾ กั เรยี นเลือกและใชโ฾ ปรแกรมคอมพิวเตอรแอยา฽ งสรา฾ งสรรคแ ๒. เพ่ือฝกึ ทักษะการใช฾คอมพิวเตอรทแ างานอยา฽ งเป็นขน้ั ตอนตามกระบวนการ ๓. เพอ่ื ใหน฾ กั เรียนสามารถนาเสนอผลงานได฾อยา฽ งภาคภูมิใจ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. สารวจความต฾องการของนักเรียนในการเลือกใช฾โปรแกรมต฽างๆของคอมพิวเตอรแพร฾อมเหตุผลตามความต฾องการ/สนใจ แลว฾ บันทึกเรอ่ื ง/หัวขอ฾ และเหตผุ ลทน่ี กั เรียนตอ฾ งการไวเ฾ ปน็ รายบคุ คล ๒. จดั ให฾นกั เรียนประจาเครอื่ งคอมพวิ เตอรแ ๒ คนต฽อ ๑ เคร่ืองหรือตามความพร฾อมเหมาะสม แจ฾งให฾นักเรียนสารวจความพร฾อมของอุปกรณแคอมพิวเตอรแ แล฾วให฾นักเรียนปฏิบัติโดยการเปิดเคร่ืองและเข฾าใช฾โปรแกรมปฏิบตั ิการตามเร่ืองทต่ี อ฾ งการในกจิ กรรมที่ ๑ โดยใช฾เวลา ๓๐ นาที ครูสารวจ สังเกตการใช฾โปรแกรมของนกั เรียนเป็นรายบคุ คลพร฾อมให฾คาแนะนาการใช฾อย฽างปลอดภัยและเตือนเม่ือใกล฾หมดเวลา ๓. ให฾นักเรียนเตรียมนาเสนอผลงานโดยตอบคาถามทาอะไร ทาอย฽างไร โดยครูตรวจผลงานนักเรียนเปน็ รายบคุ คล เพื่อประเมินผลการปฏบิ ัติงานนกั เรียนรายบคุ คล ๔. ชมเชยนักเรยี นทมี่ ีผลงานดเี ด฽นพร฾อมนานักเรยี นรว฽ มช่ืนชมผลงาน ๕. ใหน฾ กั เรยี นออกจากโปรแกรมปิดเครื่องคอมพวิ เตอรเแ กบ็ กวาดทาความสะอาดและอุปกรณแเก็บเขา฾ ที่๕. สอ่ื การเรยี นรู้ เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ๖. การวัดและประเมินผล ๑. การสังเกตพฤตกิ รรมการมีส฽วนรว฽ ม ๒. สัมภาษณแ7. อา้ งอิงแหลง่ ท่มี าของข้อมลู หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ http://www.deedeejang.com/wp-content/uploads/2010/06/Computer3.jpg แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”ู฾ ช้นั ปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

42 ตวั อย่างกิจกรรมที่ 31. ช่อื กิจกรรม รูปเรขาคณติ คดิ สรา้ งสรรค์2. เวลาที่ใช้ ๑ ช่ัวโมง3. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อส฽งเสริมใหน฾ ักเรียนมคี วามคิดริเริม่ สรา฾ งสรรคแ 2. เพื่อส฽งเสริมให฾นกั เรียนมที ักษะการทางานคอมพิวเตอรเแ พ่มิ ขึน้4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. นักเรียนศึกษาสถานการณแที่ครูกาหนดให฾ในใบงาน แล฾วให฾นักเรียนสร฾างรูปเรขาคณิต โดยใช฾โปรแกรมเพน฾ ทแตามทก่ี าหนดให฾เหมาะสม ๒. นักเรียนสร฾างภาพจากรปู ทรงเรขาคณิตตามความคดิ สร฾างสรรคแในโปรแกรมเพน฾ ทแ ๓. นกั เรยี นพมิ พผแ ลงานเพ่ือนาเสนอผลงานท่ีเกิดจากความคดิ สร฾างสรรคแ 4. นักเรียนนาเสนอหน฾าชั้นเรียนว฽าส่ิงที่ได฾เรียนรู฾ผ฽านกิจกรรม รูปเรขาคณิตคิดสร฾างสรรคแ ว฽าได฾ทราบวิธกี ารนาเครอ่ื งมอื ของโปรแกรมเพน฾ ทแมาวาดรปู และการนารปู เรขาคณิตประกอบเป็นภาพตา฽ งๆ5. ส่อื การเรยี นรู้ 1. การคน฾ ควา฾ ทาง Internet 2. คาแนะนาจากครู 3. ห฾องสมุด6. การวดั และประเมินผล สงั เกตพฤติกรรมในการทากจิ กรรมของนักเรียน7. ภาพประกอบ แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู฾ “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลาร”ู฾ ชนั้ ปะถมศึกษาปีท่ี 1 - 3

43 สถานการณ์ และกิจกรรม รปู เรขาคณติ คดิ สร้างสรรค์ วันนี้นกั เรยี นไดร฾ บั มอบหมายใหท฾ างาน/การบ฾านในรายวิชาภาษาไทย คณิตศาสตรแ และภาษาอังกฤษนกั เรียนไดต฾ กลงกันว฽าชว่ั โมงนี้เลอื กทาการบ฾านในรายวิชาคอมพิวเตอรแ ตัวอยา่ งการบา้ นวชิ าคอมพิวเตอร์ แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู฾ “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลาร”฾ู ชน้ั ปะถมศึกษาปีที่ 1 - 3

44สาหรบั กิจกรรม รูปเรขาคณติ คดิ สร้างสรรค์ ประกอบด้วย วาดรูปเรขาคณิต และตัวอย฽างการลากเส฾นโดยใช฾เคร่ืองมือของโปรแกรมเพ฾นทแ สอดคล฾องกบั งาน / การบา฾ นทค่ี รมู อบหมายใหน฾ กั เรยี นทา แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลาร”฾ู ชั้นปะถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3

458. อ้างอิงแหลง่ ท่ีมาของข้อมลู รูปเครอื่ งมือโปรแกรมเพ฾นทแ http://www.nr.ac.th/learning/internetforweb/Learning8.html แบบรูปของเรขาคณิต และ การลากเส้นเรขาคณิต http://mcpswis.mcp.ac.th/html_edu/cgi- bin/mcp/main_php/print_informed.php?id_count_inform=13189 ภาพระบายสี http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=45607 แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลาร”฾ู ชั้นปะถมศึกษาปที ่ี 1 - 3

46 กลมุ่ กิจกรรมท่ี 8 พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี 11. ชื่อกิจกรรม Seven – Buzz2. เวลาที่ใช้ 1 ชว่ั โมง3. วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อฝึกทักษะในเรื่องจานวนใหแ฾ ก฽นกั เรยี น 2. เพื่อให฾นกั เรยี นได฾รบั ความสนุกสนานเพลิดเพลินในการเขา฾ ร฽วมกิจกรรม4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ทบทวนความรู฾เร่ืองจานวน เช฽น จานวนเลขค฽ู จานวนเลขค่ี จานวนที่ลงท฾ายด฾วยเลข 1 จานวนท่ีลงทา฾ ยด฾วยเลข 2 จานวนทลี่ งทา฾ ยด฾วยเลข 3 ... 2. ให฾นักเรยี นนัง่ เป็นวงกลม ครูอธิบายกติกาและวธิ ีการเล฽นเกมให฾นักเรยี นฟใง 3. ให฾นักเรียนส฽งบอลไปยังเพ่ือนคนท่ีนั่งถัดไปทางด฾านซ฾ายมือพร฾อมท้ังนับต฽อ ๆ กัน 1 2 3 ....เมอ่ื นับถึง 7 คนทน่ี ับ 7 ตอ฾ งพดู ว฽า buzz (บัช) แล฾วนับต฽อ ทุกจานวนที่ลงท฾ายด฾วย 7 (7 17 27 37 ...) ต฾องทาเสยี ง buzz ดว฾ ย และทกุ ตัวเลขที่เปน็ ผลคณู ของ 7 ต฾องทาเสยี ง buzz ด฾วยเชน฽ กนั (14 21 28 35...) * ครสู ามารถปรับกิจกรรมการนับเป็นตัวเลขอนื่ ๆ ได฾ตามความตอ฾ งการ5. สอ่ื การเรียนรู้ 1. ลูกบอล 2. ใบความร฾ู จานวนตา฽ ง ๆ6. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะรว฽ มกจิ กรรม 2. ตรวจสอบความถูกต฾องของการปฏิบตั ติ ามกจิ กรรมของนกั เรียน แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรยี นร฾ู “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลาร”฾ู ชัน้ ปะถมศึกษาปที ี่ 1 - 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook