2. การศึกษาความเหมาะสม 1. การค้นหาปัญหาขององค์กร (Problem Recognition) เป็น 3. การวิเคราะห์ (Analysis) เป็นการ (Feasibility Study) ว่าเหมาะสมหรือ กิจกรรมแรกที่สำคัญในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการ รวบรวมข้อมูลปัญหาความต้องการที่มี ไม่ที่จะปรับเปลี่ยนระบบ โดยให้เสียค่า ปรับปรุงโดยใช้ระบบเข้ามาช่วยนำข้อมูลปัญหาที่ได้มาจำแนก ใช้จ่าย (Cost) และเวลา (Time) น้อย จัดกลุ่มและจัดลำดับความสำคัญ เพื่อใช้คัดเลือกโครงการที่ เพื่อนำไปออกแบบระบบ ขั้นตอนนี้จะ ที่สุดแต่ให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และ เหมาะสมที่สุดมาพัฒนา โดยโครงการที่จะทำการพัฒนาต้อง ศึกษาจากผู้ใช้ โดยวิเคราะห์การทำงาน หาความต้องการของผู้เกี่ยวข้องใน สามารถแก้ปัญหาที่มีในองค์กรและให้ประโยชน์กับองค์กร มากที่สุด ของระบบเดิม (As Is) และความ 3 เรื่อง คือ เทคนิคเครื่องมือหรือ ต้องการที่มีจากระบบใหม่ (To Be) จาก อุปกรณ์ที่ใช้ บุคลากรและความ วงจรการพัฒนา นั้นนำผลการศึกษาและวิเคราะห์มาเขียน พร้อม และความคุ้มค่า เพื่อใช้นำ ระบบ SDLC เสนอต่อผู้บริหารพิจารณาอนุมัติ เป็นแผนภาพผังงานระบบ (System 5. การพัฒนาและทดสอบ 6. การติดตั้ง (Implementation) Flowchart) และทิศทางการไหลของ ดำเนินการต่อไป (Development & Test) เป็น เป็นขั้นตอนการนำระบบที่พัฒนาจน ขั้นตอนการการเขียนโปรแกรม ข้อมูล (Data Flow Diagram) 4. การออกแบบ (Design) นำผลการ (Coding) เพื่อพัฒนาระบบ สมบูรณ์มาติดตั้ง (Installation) วิเคราะห์มาออกแบบเป็นแนวคิด (Logical จากแบบบนกระดาษให้เป็น และเริ่มใช้งานจริง ในส่วนนี้ 7. การซ่อมบำรุงระบบ (System Maintenance) เป็น Design) เพื่อแก้ไขปัญหา โดยในส่วนนี้จะยัง ระบบตามคุณลักษณะที่กำหนด ขั้นตอนการบำรุงรักษาระบบต่อเนื่องหลังจากเริ่ม ไว้ นอกจากติดตั้งระบบใช้งานแล้ว ยัง ดำเนินการ ผู้ใช้ระบบอาจจะพบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการระบุถึงรายละเอียดและ ต้องมีการจัดเตรียมขั้นตอนการ ภายหลัง เช่น ปัญหาเนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับ คุณลักษณะอุปกรณ์มากนัก เน้นการ สนับสนุนส่งเสริมการใช้งานให้ ระบบใหม่ จึงควรกำหนดแผนค้นหาปัญหาอย่างต่อ ออกแบบโครงร่างบนกระดาษ แล้วส่งให้ผู้ สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ เนื่อง ติดตามประเมินผล เก็บรวบรวมคำร้องขอให้ ออกแบบระบบนำไปออกแบบ (System ปรับปรุงระบบ วิเคราะห์ข้อมูลร้องขอให้ปรับปรุง Design) ซึ่งขั้นตอนนี้จะเริ่มมีการระบุ ลักษณะการทำงานของระบบทางเทคนิค ระบบ จากนั้นออกแบบการทำงานที่ต้องการปรับปรุง รายละเอียดคุณลักษณะอุปกรณ์ที่ใช้ แก้ไขและติดตั้ง ซึ่งต้องมีการฝึกอบรมการใช้งาน เทคโนโลยีที่ใช้ ชนิดฐานข้อมูลการออกแบบ ระบบให้แก่ผู้ใช้งาน เพื่อที่จะทราบความพึงพอใจ เครือข่ายที่เหมาะสม ลักษณะของการนำ ของผู้ใช้ ข้อมูลเข้า ลักษณะรูปแบบรายงานที่เกิด และ ผลลัพธ์ที่ได้
1. Empathise 2. Define 3. Ideate ขั้นตอนแรกของกระบวนการ Design Thinking ขั้นตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือการนำข้อมูลทั้งหมด ในขั้นตอนที่สามของกระบวนการ Design คือการทำความเข้าใจปัญหาที่เราพยายามแก้ไข ที่หาได้จากขั้น Empathise มารวมกันเพื่อวิเคราะห์ Thinking เป็นขั้นที่เราจะเริ่มนำไอเดียที่ได้ โดยการสังเกต การมีส่วนร่วม และการเอาใจใส่ และสังเคราะห์สิ่งที่ได้ จากนั้นจึงเลือกเฉพาะข้อมูลที่ มาสร้างให้เป็นรูปธรรม จากขั้นแรกที่ทำให้ ผู้คนรอบตัวเพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์และ เกี่ยวข้องกับปัญหาของเราจริงๆ ออกมาแล้วจึงนำ เราเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น ส่วนขั้นที่สองเรา แรงจูงใจของพวกเขา การเอาใจใส่เป็นสิ่งสำคัญ มันมาอธิบายปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ แต่อย่าลืม ได้วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล จากนั้นด้วย ต่อกระบวนการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็น ว่าเราควรกล่าวถึงปัญหาในแบบ “เน้นมนุษย์เป็น วัตถุดิบที่เรามีอยู่ในมือ สมาชิกทีมอาจเริ่มที่ ศูนย์กลางอย่างแนวคิด Design Thinking เป็น จุดศูนย์กลาง จะ “คิดนอกกรอบ” เพื่อมองหาวิธีแก้ปัญหา อย่างมาก เพราะมันช่วยให้เราสามารถตั้งสมติฐาน ใหม่ๆ เกี่ยวกับผู้คนรอบตัวและความต้องการของพวก เขาได้ 5 ขั้นตอน 5. Test ของ 4. Prototype ขั้นตอนสุดท้ายคือการทดสอบ กระบวนการ แนวทางแก้ไขปัญหาหรือ ขั้นตอนนี้คือการสร้างผลิตภัณฑ์หรือแนวทาง DESIGN ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดอย่างเข้มงวด ต้นแบบโดยลดขนาด ฟังก์ชัน หรือลดทอนราย THINKING อีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การ ละเอียดลง เพื่อตรวจสอบวิธีแก้ปัญหาที่พบ อาจ ทำความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง มีการส่งต่อเพื่อทำการทดสอบทั้งภายในทีมและ ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แผนกอื่นๆ รวมถึงการมองหากลุ่มตัวอย่างเพื่อ ทดสอบผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้น เป้าหมายของขั้น ตอนนี้ก็คือการรวบรวมข้อมูลว่าแนวคิด Design Thinking ที่เราได้ไอเดียมาและนำมาสร้างแนวทาง แก้ปัญหาทั้งหมดยังมีจุดบกพร่องตรงไหน หรือ ต้องปรับปรุงส่วนใดบ้างจึงจะสามารถตอบสนอง ความต้องการของผู้บริโภคและนำไปแก้ปัญหาได้ดี ที่สุด
1.ฮาร์ดแวร์ 3.ข้อมูล 4.บุคลากร ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบ ข้อมูล เป็นส่วนที่จะนำไปจัดเก็บใน บุคลากรเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำคัญ หมายถึง เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ กับงานคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบ ข้าง 2.ซอฟต์แวร์ องค์ประกอบของ 5.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรม ระบบสารสนเทศมี 5 องค์ประกอบ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่จะ คอมพิวเตอร์ เป็นชุดคำสั่งที่สั่งให้ ต้องเข้าใจเพื่อให้ทำงานได้ถูกต้อง ฮาร์ดแวร์ทำงาน เป็นระบบ
2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ 1. ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ (Transaction Processing System : TPS) 5. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation (Management Information System : ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ มักเป็นการประมวลผลต่อวัน เช่น การรับ – จ่ายบิล ระบบ System : OAS) MIS) ควบคุมสินค้าคงคลัง ระบบรายรับ – จ่ายสินค้า ระบบนี้เป็นระบบสารสนเทศลำดับแรกที่ได้ ระบบสำนักงานอัตโนมัติ หมายถึง ระบบ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ รับ การพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ สารสนเทศที่ใช้บุคลากรน้อยที่สุด โดยอาศัย ระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารที่ต้องการ เครื่องมือแบบอัตโนมัติและระบบสื่อสารเชื่อมโยง การประมวลผลของเครื่อง คุณลักษณะของระบบ ข่ าวสารระหว่างเครื่องมือเหล่านั้นเข้าด้วยกัน คอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชน์มากกว่าการ สารสนเทศ ต่อไปนี้ TPS, MIS, OAS มีจุดมุ่งหมายให้เป็นระบบที่ไม่ใช้กระดาษ ช่วยงานแบบต่อวัน MIS จึงมีความ ข่ าวสารถึงกันด้วยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถในการคำนวณเปรียบเทียบ DSS, EIS, ES, OAS (Electronic Data Interchange) ข้อมูล ซึ่งมีความหมายต่อการจัดการ และบริหารงานเป็นอย่างมาก นอกจาก นั้นระบบนี้ยังสามารถสร้างสารสนเทศที่ ถูกต้องทันสมัย 3. ระบบช่วยตัดสินใจ (Decision Support System : 4. ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง 6. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Artificial Intelligence / Expert System : DSS) (Executive Information System : EIS) AI/ES) ระบบช่วยตัดสินใจ หมายถึง ระบบที่ทำหน้าที่จัดเตรียม ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง คือ MIS สารสนเทศ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ หากเป็นการใช้โดย ประเภทพิเศษที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูง ระบบผู้เชี่ยวชาญ หมายถึง ระบบที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้บริหารระดับสูง เรียกว่า “ระบบสนับสนุนการตัดสินใน โดยเฉพาะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่คุ้นเคยกับ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งคล้ายกับมนุษย์ เพื่อผู้บริหารระดับสูง” (Executive Support System : เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถใช้ระบบสารสนเทศได้ ESS) บางครั้งสารสนเทศที่ TPS และ MIS ไม่สามารถ ง่ายขึ้น โดยใช้เมาส์เลื่อนหรือจอภาพแบบสัมผัส ระบบนี้ได้รับความรู้จากมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง ช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้จำเป็นต้องพัฒนาระบบช่วย เพื่อเชื่อมโยงข่ าวสารระหว่างกันทำให้ผู้บริหารไม่ เก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถ ตัดสินใจ DSS ขึ้น ต้องจำคำสั่ง วิเคราะห์เหตุผล เพื่อตัดสินใจ ความรู้ที่เก็บไว้ในระบบ คอมพิวเตอร์นี้ประกอบด้วย ฐานความรู้ (Knowledge Bass) และกฎข้อวินิจฉัย (Inference การแบ่งประเภทสารสนเทศมีความหลากหลายแล้วแต่จะใช้ องค์ประกอบใดเป็นหลัก เช่นการวินิจฉัยความผิดพลาดของรถ จักรดีเซลไฟฟ้าโดยใช้คอมพิวเตอร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: