บทท่ี 4 การสรา งฟารมแพะ ความสาํ คัญของการวางแผนการจดั การโรงเรอื น การจดั การโรงเรือนและอุปกรณในฟารม นน้ั มคี วามสาํ คญั และเปนพนื้ ฐานของการ จดั สรรการใชป ระโยชนจากพ้ืนทท่ี ม่ี อี ยูของเกษตรกรใหส ามารถใชประโยชนไดอ ยางเหมาะสม และสามารถทจ่ี ะเตรยี มพรอมสําหรับรองรบั การเปล่ยี นแปลงหรือการขยายขนาดของฟารมได ในอนาคตอยา งเหมาะสมนน่ั เอง การวางแผนการจัดการโรงเรือนในฟารม จะตองครอบคลมุ ถงึ ทุกๆสว นของฟารม เชน โรงเรือนเลี้ยงแพะ โรงเก็บอาหาร โรงเก็บเครื่องมือ หรอื สถานท่ี กาํ จัดของเสีย เปนตน โดยการจัดการฟารม ท่ีเหมาะสมจะตอ งมีวัตถปุ ระสงคเ พอื่ เพ่มิ ผลผลติ ใหไดสูงสุดในขณะเดยี วกันกต็ อ งสามารถลดปญหาเรือ่ งคา ใชจ า ย มีการใชแ รงงานใหน อ ยท่ีสุด โดยควรจัดการการทํางานใหง า ยและสะดวกกับผูเ ล้ยี งทส่ี ดุ ดว ย รูปแบบการเล้ยี งแพะ ในการออกแบบการสรา งโรงเรือนทใ่ี ชเ ลย้ี งแพะจะตองคํานงึ ถึงระบบการเลีย้ งแพะ และออกแบบใหเ หมาะสมกบั ระบบนั้นๆ ซงึ่ การเลี้ยงแพะโดยทัว่ ไปจะแบง ไดเปน 2 ระบบ คอื การเล้ียงแบบปลอ ยทุง และการเลย้ี งไวภายในโรงเรือน การเลย้ี งแพะแบบปลอ ยในทุงหญา การเลีย้ งแพะแบบปลอยเลย้ี งตามทงุ หญา หรือในพืน้ ท่ีสาธารณะนนั้ ถอื เปน ระบบ การเล้ียงทนี่ ิยมกันในทองทขี่ องเกษตรกรในประเทศไทยเพราะมีตน ทนุ การผลิตตาํ่ มกี ารสราง โรงเรือนใหพักเฉพาะในชว งเวลากลางคนื หรือในชว งสภาพอากาศไมเหมาะสม ดังน้นั โรงเรือน ท่ีสรางน้ันจึงมักจะไมม ีอปุ กรณอาํ นวยความสะดวกใดๆมากนัก เนอื่ งจากเกษตรกรจะใหแพะ ใชเ วลาอยูในทุงเปน สว นใหญ การปลอ ยแพะเลยี้ งในทุง หญา นั้นจะทาํ การปลอ ยใหแพะเขา แทะ เล็มหาอาหารกนิ เองตามทุง หญาท่ีมอี ยไู ดตามสบาย อาจมกี ารสรางโรงเรอื นที่เปน เพิงพักหลบ แดดฝนแบบงายๆ ไมม ีสงิ่ อํานวยความสะดวกอืน่ ใดนอกจากทใี่ หนา้ํ หรอื อาจเพิ่มรางสาํ หรับ ใหอาหารขนและเกลือแรตั้งไวใหแพะบาง ลกั ษณะหลังคาโรงเรอื นอาจจะใชว สั ดทุ ่ีหาไดง ายใน ทอ งถ่นิ ทําเปน เพิงพักแบบเพิงหมาแหงนหรือหลงั คาแบบจวั่ กไ็ ด หากพน้ื ท่ีที่ปลอยแพะเปน AT 335 45
พนื้ ทีท่ มี่ ีรวั้ รอบขอบชดิ กส็ ามารถปลอ ยแพะใหเ ดินไปมาไดท ่ัวไปในเขตรวั้ นั้นได แตหากการ ปลอยแพะไวใ นสถานท่ีทเ่ี ปน ทงุ หญาสาธารณะกจ็ าํ เปน จะตอ งทาํ การผกู ลา มแพะไวโ ดยอาจใชเ ชอื กทีม่ คี วามยาวพอสมควรหรืออาจยาวประมาณ 5-10 เมตร เพ่ือท่จี ะใหแ พะสามารถเดนิ หาอาหารและแทะเลม็ หญา ไดต ามความตองการ ภาพที่ 4.1 การเลย้ี งแพะแบบปลอยแทะเลม็ ในทุง และใชเชือกผกู ลาม การเลี้ยงแพะภายในโรงเรือน การเลย้ี งแพะภายในโรงเรือน เปน ระบบทไ่ี ดร ับความนิยมอยางแพรหลายมากขึ้น เน่อื งจากชว ยอํานวยความสะดวกในดา นตา งๆ เชน การจดั การเกย่ี วกบั ตวั แพะ การสขุ าภบิ าล การดแู ลสขุ ภาพ การใหอาหาร และการรีดนมแพะ เปน ตน โดยเฉพาะในฟารม ขนาดใหญ ทีม่ ีจาํ นวนแพะมากการใชโ รงเรือนจะชวยใหก ารทํางานและการใชอปุ กรณตางๆสามารถทาํ ไดส ะดวกยง่ิ ข้นึ โรงเรอื นที่ใชเ ลย้ี งแพะโดยท่ัวไปนิยมสรา งแบบยกพ้นื สูง และสวนของพ้ืนคอก หรือโรงเรือนนิยมทําเปน พนื้ ไมร ะแนง ทัง้ นีโ้ รงเรอื นที่มกี ารยกพื้นข้นึ และพ้ืนไมระแนงนน้ั นอก AT 335 46
จากชวยใหการดูแลรักษาความสะอาด ในการเก็บกวาดส่ิงปฏิกูลจากการขับถายของแพะแลว ยงั ชว ยใหเ กิดการระบายอากาศทด่ี ี และไมท าํ ใหแพะตองนอนอยูบนพ้ืนที่ชน้ื แฉะท่ีแพะไมชอบ โรงเรือนทสี่ รา งควรมีความมน่ั คงแขง็ แรง มีหลังคากนั แดดฝน สว นของผนงั ของ โรงเรือนอาจจะมกี ารตีฝากน้ั หรือไมก ็ได แตถาหากไมตีฝากัน้ อาจจะใชผา ตาขา ยขงึ กัน้ เปนมงุ ที่สามารถยกขึ้นลงไดใ นเวลากลางคนื หรอื ในชวงทีม่ ีฝนตก ซ่งึ การใชม งุ กัน้ น้ีจะมีขอดีในแงข อง การระบายอากาศและชว ยกนั ยุงและแมลงในเวลากลางคนื ไดดว ย ภายในโรงเรือนอาจจะแบง คอกซอยยอ ยสําหรบั เลย้ี งแพะเปนรายตวั หรอื ตีคอกให มีขนาดกวางพอจะเลยี้ งแพะไดห ลายๆตวั ในคอกเดียว โดยแพะมคี วามตองการพื้นทีใ่ นการอยู อาศัยประมาณตวั ละ 1 ตารางเมตร นอกจากนค้ี วรมภี าชนะใสน ้ําตง้ั ทงิ้ ไวใ หแพะสามารถกิน ไดตลอดเวลาตามความตองการและรางอาหารทส่ี รางไวต ามความยาวของคอก เพื่อมพี ้ืนที่พอ สาํ หรับแพะกนิ อาหารไดครบทุกตวั โดยรางอาหารควรยกสงู จากพื้นข้ึนมาเลก็ นอยเพอื่ ใหแ พะ กมกินอาหารไดส ะดวก ภาพที่ 4.2 การเล้ยี งแพะในโรงเรอื นแบบคอกรวมใชเ ล้ยี งแพะได 10-15 ตัวตอ คอก AT 335 47
ภาพท่ี 4.3 การเลยี้ งแพะในโรงเรอื นแบง คอกใชเล้ยี งแพะได 2-3 ตวั ตอ คอก ภาพท่ี 4.4 การเลย้ี งแพะในโรงเรือนแบบคอกเลี้ยงเดยี่ ว AT 335 48
ภาพที่ 4.5 ลกั ษณะโรงเรอื นแพะทย่ี กพนื้ สูง ภาพท่ี 4.6 ลกั ษณะโรงเรือนแพะที่มมี งุ ตาขายยกขึ้นลงได AT 335 49
ภาพท่ี 4.7 ลกั ษณะคอกแพะอยางงายทีม่ มี ุง ตาขายยกขึ้นลงได ภาพที่ 4.8 ลกั ษณะของบนั ไดทางลาดใชข น้ึ ลงโรงเรอื นแพะ AT 335 50
ภาพที่ 4.9 การเลี้ยงแพะในคอกบนพื้นไมระแนง ภาพที่ 4.10 พน้ื โรงเรอื นควรเทใหล าดเอยี งเพื่อใหสง่ิ ปฏกิ ลู ตา งไหลลงทอระบายได AT 335 51
ภาพท่ี 4.11 โรงเรอื นยกพนื้ สงู ชวยใหการทาํ ความสะอาดพืน้ โรงเรอื นทาํ ไดส ะดวก ภาพท่ี 4.12 คอกแพะทม่ี ีการสรางหลงั คาใชห ลบแดดฝน AT 335 52
ภาพที่ 4.13 การสรางรางอาหารโดยตรี างไปตลอดตามแนวความยาวของคอก ภาพท่ี 4.14 รางอาหารท่ีมคี วามยาวตามขนาดคอกชวยเพิ่มพืน้ ทใี่ ชส อย AT 335 53
ภาพที่ 4.15 รางอาหารควรมคี วามกวางและเรยี บใชใ สอ าหารขนใหแพะกินได ภาพท่ี 4.16 รางอาหารควรมคี วามกวางและแผน กนั้ ดานหนาสูงพอสมควร เพือ่ กันไมใ หอาหารหยาบตกหลนไดง ายเวลาแพะกนิ AT 335 54
ภาพท่ี 4.17 มีถงั หรอื ภาชนะใสนํา้ สะอาดใหแพะกินไดตลอดเวลา ภาพท่ี 4.18 มกี อนเกลอื แรแขวนไวใหแ พะไดเ ลียกิน AT 335 55
สถานท่ี อุปกรณแ ละสิง่ จําเปน อื่นๆ ในฟารม แพะ การจดั สรรพืน้ ท่ีสาํ หรับปลกู หญา การใหอาหารแพะนั้นนอกจากจะจดั เตรียมหญา แหงและอาหารขนไวแ ลว ถา หาก เกษตรกรมีพืน้ ท่เี พียงพออาจใชในการปลกู หญา เพ่มิ เตมิ เพ่ือการใชป ระโยชนจ ากแปลงหญา โดยการตัดหญาสดใหแ กแพะ จะชว ยใหประหยดั คา ใชจ า ยในดา นอาหารและแพะยังชอบกิน หญาสดอีกดวย สถานทท่ี ่ใี ชสําหรบั การปลูกหญา อาจอยูในพืน้ ท่ีใกลก บั โรงเรอื นพักสตั วห รอื บนพื้นทแ่ี ยกออกไปตา งหาก แตควรมคี วามสะดวกในการตดั และนาํ มาใหสัตวก ิน หรอื ในบาง ครั้งการเตรียมพน้ื ท่ีสาํ หรบั ปลูกหญานน้ั ยังสามารถใชป ระโยชนในแงข องการปลอ ยแพะใน แปลงหญา เพื่อเขา แทะเลม็ ในบางโอกาส เชน ในชว งอากาศแจมใสฝนไมต กและในหนาหนาว หรอื ในแพะ พอ แมพนั ธทุ ตี่ อ งมีการออกกาํ ลังกาย และการหดั เดนิ เพื่อเขาประกวด เปน ตน นอกจากนใ้ี นการจดั เตรยี มแปลงปลูกหญา ควรมกี ารปรบั พรวนหนา ดนิ และใสปยุ บาํ รงุ ดิน เพ่ือ เปน การเพม่ิ ธาตุอาหารในดินจะชวยใหหญาทีป่ ลูกเจรญิ เตบิ โตงอกงาม ใหผลผลิตสูงและมอี ายุ การใชงานของแปลงหญาทย่ี าวนานอีกดวย ภาพท่ี 4.19 สถานทีส่ าํ หรบั ใชป ลกู หญาเพ่ือตดั หญาสดใหแ พะกนิ AT 335 56
ภาพที่ 4.20 การตัดหญา สดมาเตรยี มใสใ นรางอาหารไวใ หแพะกนิ การจัดหาสถานทสี่ ําหรับเก็บอาหาร ในการเล้ียงแพะน้นั นอกจากการสรา งโรงเรือนใหเปน คอกพักอาศัยของแพะแลว อาจตองจัดเตรียมสถานที่ หรือหองสําหรบั เก็บอาหาร เพ่อื อาหารทเ่ี ตรียมไวใ หแกแพะจะถูก เก็บรกั ษาไวอ ยา งดีไมมกี ารปะปนกบั สิ่งแวดลอม และชว ยปอ งกันพวกสัตวฟ น แทะหรอื แมลงที่ อาจเปน พาหะนําโรคตางๆมาสสู ัตวและคน โดยอาจทําการสรา งหอ งหรือโรงเรือนตา งหากให อยใู กลบ ริเวณโรงเรือนที่พักสัตวเ พอื่ สะดวในการดแู ลและเตรียมอาหารใหแกแ พะ ซึ่งสวนใหญ อาหารท่จี ดั เตรยี มไวม กั จะเปน หญา แหง จึงตองเกบ็ ไวใ นทีท่ มี่ ีอากาศถายเทสะดวกไมอับทบึ จนเ กนิ ไป อกี ทัง้ ไมปลอ ยใหต ากแดดฝนจนทําใหห ญา แหงที่เก็บไวเ สอ่ื มคณุ ภาพและมีอายุการใช งานลดลงได ในสวนของอาหารขนก็เชนเดยี วกนั เนอ่ื งจากเปนอาหารทมี่ ีการเสียหายไดงา ยถา เก็บรกั ษาไมดพี อ เชน การท้งิ อาหารขนตากแดดฝนไวจ ะทาํ ใหอาหารเนาเสียเสอ่ื มคุณภาพลง นาํ ไปใชเปนอาหารใหแ พะกินอกี ไมไ ดห รือการถกู แทะทาํ ลายโดยนก หนู และแมลงนาํ โรคจะ ทาํ ใหอ าหารปนเปอนสงิ่ สกปรกและเชอื้ โรคได AT 335 57
ภาพที่ 4.21 จดั ใหม สี ถานท่สี าํ หรบั ใชเ กบ็ หญาแหง และอาหารขน เปน สัดสว นแยกจากโรงเรือน ภาพท่ี 4.22 การสรา งเพิงใชเ กบ็ อาหารโดยมีมุง ปองกันนก หนู และแมลงเขา ทาํ ความเสยี หาย AT 335 58
ภาพที่ 4.23 หญา แหง ท่เี ตรียมไวใ หแ พะกินตองมที เ่ี กบ็ อยา งดไี มใ หตากแดดตากฝน ภาพที่ 4.24 ในโรงเกบ็ อาหารหยาบอาจมเี ครื่องยอยหญา แหงใหมีขนาดสน้ั ลง AT 335 59
การจัดการบาํ บัดส่งิ ปฏิกลู และของเสยี จากการเลย้ี งแพะ ในฟารม เลี้ยงแพะทมี่ กี ารจดั การการเลี้ยงแพะในโรงเรือน มกั จะหลีกเลย่ี งเร่ืองของ การสะสมของมลู แพะและอาหารท่เี หลอื จากในแตล ะวนั ไมได ซงึ่ ตางจากการเลยี้ งแบบปลอ ย ทุงเพราะแพะจะถายมูลไวใ นแปลงหญากลายเปน ปุยใหแ กแ ปลงหญา ชว ยใหเ กษตรกรไมต อ ง ยงุ ยากท้งั ดา นเวลาและแรงงานท่ใี ชในการจดั การของเสยี เหลานี้ แตในฟารม ท่มี ีโรงเรือนตอง มกี ารจดั การดานความสะอาด และการกวาดเศษอาหารเหลอื ที่แพะไมย อมกินน้นั ออกจากราง อาหาร และกวาดมูลแพะบนพ้ืนโรงเรือนหรือน้ําเสยี ที่ไดจากการชะลางคอก ควรมีการบาํ บดั เพอ่ื ไมใ หส งกลิน่ เหม็นรบกวน หรอื เปนแหลง สะสมสิ่งสกปรกอันเปนพาหะนําโรคมาสูค นและ สตั วได ในการจดั การสงิ่ ปฏกิ ลู ในฟารม แพะนนั้ อาจจัดทําไวง า ยๆเพยี งการขุดหลุมหรอื บอใน บรเิ วณหลังโรงเรอื น เพ่อื เปนทีร่ องรบั เศษอาหารและมลู แพะทเี่ ตรยี มจะกวาดไปท้ิงและควรทาํ ทางระบายน้ําเสียไปตามทอเพื่อไหลลงหลมุ นนั้ ดวย ผลจากการทาํ บอ บาํ บดั น้นี อกจากจะชวย ในการกําจดั กล่ินและเศษขยะส่ิงปฏกิ ูลแลว ยังนํามูลแพะมาใชเ ปนปยุ คอกใสแ ปลงหญา และ เรอื กสวนไรนาของเกษตรกร หรอื จัดสรา งเปนบอ หมกั กาซชวี ภาพไดอ กี ดว ย ภาพที่ 4.25 สถานทสี่ ําหรบั ขดุ บอ เพ่อื บาํ บดั ขยะสิง่ ปฏกิ ูลและน้ําเสยี จากฟารมแพะ AT 335 60
อุปกรณอืน่ ๆท่ีจาํ เปน ทตี่ อ งในการจดั การกบั ตวั สัตว การตัดแตง กบี การตัดแตง กบี เปนการจัดการกบั ตวั สตั วทจ่ี าํ เปน จะตอ งคอยดแู ลอยูเ ปน ประจาํ ซง่ึ ห ากปลอยใหกบี ยาวเกินไปอาจสงผลเสยี ตอ ทา ทางการยนื การเดิน หรือจะทาํ ใหแ พะมีอาการ เจ็บกบี และขาจากการยนื ไมส มดลุ หรอื ผิดทา ได โดยเฉพาะอยางย่ิงตวั พอพนั ธุ แมพ ันธทุ ีก่ าร ดแู ลกบี มคี วามสําคัญอยางมากเพราะถากีบเทา ไมดี มีอาการเจ็บกีบและขา หรือมีทา ทางการ ยืนทีไ่ มม น่ั คงจะทาํ ใหมผี ลตอการขนึ้ ผสมพันธุได ซงึ่ อุปกรณท ใี่ ชใ นการตัดแตงกบี มอี ยหู ลาย ชนดิ ท่สี ามารถเลอื กใชต ามความถนัดและความสะดวกของผทู าํ การตัดแตง กบี เชน คมี ตดั กบี กรรไกรตัดแตง กบี ตะไบแตงกีบท่ีมที ้งั แบบตรงและแบบโคง มดี ตดั แตง กบี ชนิด 2 คม และ มดี เหลากบี เปน ตน ระยะเวลาของการกาํ หนดวาแพะควรตัดแตงกีบเมื่อใดนน้ั ไมจําเพาะนกั เนือ่ งจาก วา การตดั แตงยอ มขนึ้ กับความยาวของกีบ และสอดคลองกบั การสึกของกีบแพะตามสภาพท่ี อยูอาศัย เชน แพะท่อี าศยั และเลย้ี งบนพ้ืนดินมีกรวดหนิ อยูอาจจะชวยใหก บี สกึ และไมยาว มาก แตถาหากเลยี้ งแพะบนโรงเรอื นกบี แพะกจ็ ะยาวออกมาเรว็ จนตอ งตัดแตงกีบบอยขนึ้ ในการตัดแตงกบี แพะจะทาํ ไดโ ดย ใหแพะอยใู นทายืนแลวจับขาแพะงอขึ้นมาเพื่อ ตัดแตงกบี ทลี ะขางโดยตองงอขาแพะใหหงายขึ้น แลวหนีบไวระหวางเขาของผูท่ีจะตดั แตง กบี จากนั้นจะใชม ีด คีม หรอื กรรไกรตดั แตง กีบคอยๆเฉอื นกบี ที่ยาวออกทลี ะนอยๆจนทาํ ใหกีบได รปู ทรงท่เี หมาะสม จากน้ันอาจจะใชตะไบฝนสว นปลายกีบทตี่ ดั แตงแลวใหมนเรียบย่งิ ขน้ึ และ คอยๆทําไปทลี ะขาจนเรยี บรอ ย ปกตแิ ลว ในสภาพทม่ี คี วามช้นื จะชวยใหกบี แพะออ นน่มิ ข้นึ ทาํ ใหงา ยตอการตัดแตง แตถ า กีบแพะแข็งเกินไปอาจใหแ พะยืนแชน ้ําสกั ครหู รอื ใชน า้ํ มนั หรอื ขผี้ งึ้ ท ากบี จะชว ยใหก บี แพะนม่ิ ขน้ึ ภาพที่ 4.26 ตะไบแตงกบี แบบตรงและแบบโคง AT 335 61
ภาพท่ี 4.27 คีมตัดกบี ภาพที่ 4.28 กรรไกรตดั แตง กีบ 62 AT 335
ภาพที่ 4.29 มดี ตัดแตงกบี ชนิด 2 คม ภาพท่ี 4.30 มีดเหลา ตัดแตง กบี AT 335 63
ภาพท่ี 4.31 ทาทางการจบั บงั คับแพะเพอ่ื การตดั แตง กบี แพะ ภาพที่ 4.32 พนื้ กีบดานลา งทยี่ าวเกนิ ไปและไมเรยี บอาจทาํ ใหแ พะยนื ไดลําบาก AT 335 64
ภาพท่ี 4.33 เนอ้ื กบี ดานลางท่ียาวไมสม่ําเสมอทําใหขอ นิว้ บดิ แพะจะเดินและยืนไมส ะดวก ภาพที่ 4.34 กีบทีย่ าวเกนิ ไปทาํ ใหแพะยนื ไมส มดลุ และทาํ ใหกีบบดิ AT 335 65
การทําเคร่อื งหมายและแบบบนั ทกึ ตวั สตั ว การทาํ เคร่อื งหมาย และแบบบนั ทกึ ตวั สตั วนัน้ มวี ธิ ีการ และอุปกรณท ใี่ ชในการทาํ เครือ่ งหมายตัวสัตวหลากหลายแบบแลว แตความสะดวก ประหยดั และประโยชนใ นการใชส อย ซึง่ แตละวิธกี ม็ ขี อดขี อ เสยี แตกตา งกันไปตามสภาพการเล้ยี งแพะในฟารม โดยวิธกี ารทําเคร่อื ง หมายแพะนน้ั มหี ลายวิธี เชน การใชสรอ ยคอ การตัดหู การตดิ เบอรห ู การสกั เบอรห ู เปนตน การใชสรอ ยคอ (Neck chain) เปนวิธีการทําเครอื่ งหมายท่นี ยิ มกันมากสาํ หรับ แพะ โดยเฉพาะแพะทเ่ี ลยี้ งในคอกหรอื โรงเรือน โดยการจดั หาเชือกหรอื โซคอ และแขวนปาย เบอรหรือชอ่ื ของแพะไว ถอื วาเปนวธิ ที ที่ ํางา ย ประหยดั ไมทําใหแ พะเจ็บปวด สามารถมอง เหน็ ไดงา ยใชไ ดกบั แพะทวั่ ไปทุกขนาด แตอ าจจะไมเหมาะกับแพะท่ีปลอ ยทุง เนอื่ งจากเวลาที่ แพะวงิ่ เลน หรือบกุ เขาปา รกปายชอ่ื และโซอาจหลดุ หรอื ขาดหายไดงาย และอาจจะตอ งมกี าร เปลีย่ นขนาดของเชือกหรือโซบอ ยตามขนาดของแพะทโี่ ตขน้ึ เรอื่ ยๆ การตัดหู (Ear mark) เปน วธิ กี ารทาํ เคร่ืองหมายแบบถาวรโดยการตดั สว นปลาย ใบหอู อกเปน ต่ิงรปู ตวั U หรอื รปู ตวั V แตวิธีนอ้ี าจไมเ ปน ที่นิยมนกั เนอ่ื งจากเสย่ี งตอ การเกดิ บาดแผลเนา เปอ ยหากรกั ษาความสะอาดของบาดแผลไมด พี อ หรือเกิดมกี ารวางไข การเจาะ ชอนไชแผลของตวั ออนแมลงวัน อกี ทัง้ การตัดหจู ะทําใหแพะเกดิ ความเจ็บปวดมากกวา วธิ อี ื่น รวมถึงทําใหแพะหนาตาและใบหไู มสวย เบอรทจี่ ัดทาํ ไดกม็ จี าํ นวนจํากดั การติดเบอรห ู (Ear tag) เปน วธิ ีการทําเครือ่ งหมายอีกรูปแบบหน่งึ ทน่ี ิยมมาก ทาํ ไดงา ย สะดวก โดยเบอรห แู ละคมี ติดเบอรหนู นั้ มกี ารผลติ และจําหนายทว่ั ไป การติดเบอรห ู นน้ั จะใชค มี เจาะติดเบอรด านบนของใบหู หางจากโคนหเู ล็กนอย และควรใหข อบของปายเบอร หูแนบใบหูและติดชิดขอบใบหพู อดี ไมปลอ ยใหหอ ยตอ งแตง เพราะอาจทําใหปายเบอรห ูเกยี่ ว กบั กงิ่ ไมหลุดหายไดง า ยเม่ือปลอ ยแพะลงแทะเล็มในทงุ หญา การสักเบอรหู (Ear tattoo) เปนวธิ กี ารทาํ เคร่ืองหมายแบบถาวรโดยการใชค ีม สักเบอร แบบเบอรสําหรับสักและหมกึ สกั น้ันมจี าํ หนา ยท่วั ไป วธิ กี ารสกั เบอรหูควรสักบรเิ วณ ท่ีไมมขี นและอยูร ะหวางเอน็ หู การสักควรสกั ใหห า งจากโคนหู โดยกะขนาดของตวั เลขและตวั อักษรใหพ อดีกับความกวา งของใบหู วางคีมสกั เบอรหูทม่ี บี ลอ็ กของเข็มท่เี รียงเปน รูปตัวเลข และตวั อักษรตามทต่ี องการใหพอดแี ลวกดคมี สกั อยา งรวดเรว็ และแรงพอสมควร เมื่อปลอ ยคีม ออกจะมีรอยจุดตวั เลขท่ีสกั อาจมเี ลอื ดซึมบา งเล็กนอย ใหเ อาหมึกสักทาบรเิ วณรอยแผลใหท วั่ ตวั เลขทไี่ ดจะติดอยูทนนาน การสักเบอรห นู เี้ ปน วิธที ท่ี าํ ไดงาย สะดวก ปลอดภัย และสามารถ ทาํ เบอรไ ดไ มจํากดั แตเ บอรท ่ีไดอ าจมีขนาดเลก็ มองเหน็ ไดยากตามขนาดของใบหแู พะ และ หากใบหแู พะมคี ราบสกปรกเกาะติดอาจทาํ ใหอ านเบอรไดยากขึน้ AT 335 66
ภาพท่ี 4.35 การใชสรอ ยคอ (Neck chain) ภาพท่ี 4.36 การตดั หู (Ear mark) AT 335 67
ภาพท่ี 4.37 การติดเบอรห ู (Ear tag) ภาพที่ 4.38 การสกั เบอรหู (Ear tattoo) AT 335 68
ภาพที่ 4.39 อุปกรณและหมึกสาํ หรับการสกั เบอรห ู การสญู เขา (Dishorning) การสูญเขาแพะ (Dishorning) เปนการจัดการเกย่ี วกบั ตวั แพะทีอ่ าจจะพิจารณาวา จาํ เปน ตอ งสูญเขาแพะมากนอ ยเพียงใดหรือเปนความตอ งการของเกษตรกรหรือไม เนื่องจาก ในทางปฏิบตั เิ ขาแพะน้ันอาจมีประโยชนใ นแงของการจัดการบังคบั สตั ว โดยใชเ ชือกคลองไว กับเขาผูกโยงไวกับคอก เพือ่ ใหแ พะยืนนิง่ และไมส ะบัดหัวชว ยใหการรดี นมสะดวกขึน้ หรือจะ ใชจ ับบงั คบั ใหสามารถปฏบิ ัตงิ านในการฉีดยา เจาะเลอื ด และปอนยาถา ยพยาธิ นอกจากน้ี การท่ีเกษตรกรบางรายไมท ําการสูญเขาแพะ เพราะวาเขาแพะเปน สวนทที่ ําใหแ พะดูดมี คี วาม สวยงามโดยเฉพาะแพะพอ พนั ธุ หรือบางครั้งท่กี ารสูญเขาอาจจะไมไดผลดีนกั เพราะถงึ แมจ ะ สญู เขาแพะแลว ต้ังแตเ ลก็ ๆ แตเ มอ่ื แพะโตข้นึ เขาจะงอกข้นึ มาใหมไ ดแ ละมลี ักษณะหงกิ งอผดิ รปู ไป ท้งั นอ้ี าจเน่ืองมาจากการสญู เขาแพะนนั้ มีการทาํ ลายเซลลสรา งเขาไดไ มหมด สวนขอ ดีของการสญู เขาคือ จะชวยลดอนั ตรายที่เกดิ กับตวั แพะหรอื ที่จะเกิดแกผ ู เล้ียงจากการชน โดยเฉพาะแพะพอพันธุท ม่ี ักจะมีความคึกและกาวรา วกวาตัวเมีย การสูญเขา แพะมักจะทาํ เม่อื แพะอายุที่ประมาณอายุ 3-5 วัน ซ่ึงเขาจะยงั ไมเจริญงอกออกมา เนื่องจาก จดุ ประสงคของการสญู เขาน้ันเพ่ือเปน การทาํ ลายเซลลส รา งเขา ซึ่งมลี ักษณะเปน ตมุ นนู ขึ้นท่ี สวนหวั เรยี กวา ตมุ เขา การทาํ การสญู เขานต้ี อ งทาํ ในขณะที่แพะยงั เลก็ เน่อื งจากสามารถทํา AT 335 69
ไดง า ย สะดวกในการจบั บังคับ รวมถึงแผลที่เกิดขน้ึ จะมคี วามเสียหายนอย แพะเจบ็ ปวดนอ ย แผลมขี นาดเลก็ และสามารถรักษาใหห ายไดงาย วธิ กี ารสูญเขามีหลายวธิ ี เชน การใชหวั แรงไฟฟา การใชความรอ นจากเหล็กเผา ไฟจี้ และการใชสารเคมที ม่ี ฤี ทธกิ์ ดั กรอ นเน้อื เยอื่ ทาตมุ เขา ซงึ่ วิธกี ารทั้งการใชค วามรอ น และ สารเคมลี ว นแตมผี ลตอการทาํ ลายเซลลส รางเขาของลกู แพะทงั้ สน้ิ แตในวธิ ีการนน้ั ๆอาจมีขอดี ขอเสียแตกตางกันไปในแตล ะวธิ ี การสูญเขาโดยการใชเหลก็ เผาไฟจี้ทาํ ลายตุม เขา ถอื เปนวิธที ใี่ ชท ําลายเซลล สรา งเขาที่มีประสทิ ธิภาพ สามารถทําลายเขาไดแ นนอน ตมุ เขาที่ถกู ทําลายมักจะไมมีเขางอก ออกมาภายหลงั เมือ่ แพะโตข้ึน ถงึ แมจ ะเปน วธิ ที ่ีทํางา ย ราคาถกู แตอ าจจะเปน วธิ ที ยี่ งุ ยากใน แงของการเตรียมอปุ กรณพวกเหล็กเผาไฟ และการดแู ลแผล เนอื่ งจากเปน แผลทม่ี กี ารทาํ ลาย เน้ือเย่ือทาํ ใหเกดิ อาการปวดแสบปวดรอ น ดงั นน้ั หลังจากการจต้ี ุมเขาแลว ตอ งมีการดูแลรักษา แผลดวยยาสมานแผลอยางสมา่ํ เสมอจนกวา แผลจะแหงสนิท การสูญเขาโดยใชห ัวแรง ไฟฟา จ้ี เปนอีกวธิ ีหน่งึ ทมี่ ีหลักการเดยี วกบั การสูญเขา โดยการใชเหลก็ เผาไฟจ้ที ําลายตุมเขา มขี อ ดีขอ เสยี ของการสญู เขาใกลเคยี งกนั แตหากการใช หัวแรง ไฟฟา กจ็ ะชว ยตดั ปญ หาเร่ืองการเตรยี มอุปกรณ เพราะหัวแรง ไฟฟาหางา ย ใชสะดวก มีอปุ กรณน้ชี ิ้นเดยี วก็สามารถทาํ การจเี้ ขาไดเลย ขั้นตอนของการสูญเขาโดยใชเหลก็ เผาไฟ หรอื ใชห ัวแรงไฟฟาจต้ี ุมเขา จะตองจับ บังคับแพะใหนง่ิ โกนขนท่บี รเิ วณรอบๆตุมเขาออกทั้งสองขา งแลวใชเ หล็กเผาไฟหรอื ใชหัวแรง ไฟฟาจลี้ งไปบนตุมเขานานประมาณ 10-15 วินาที แลวจึงคอ ยยกออก เม่อื เสร็จแลว ควรทายา รักษาแผลสดและดูแลใสย าจนกวา แผลจะแหงซ่งึ จะใชระยะเวลาไมน านนกั การสูญเขาโดยใชส ารเคมี เปน วิธีการทําลายเซลลส รา งเขาทมี่ หี ลักการของการ กัดกรอ นเนอ้ื เยอ่ื สารเคมที นี่ ยิ มใชคอื โปแตสเซียมไฮดรอกไซด (Potassium hydroxide) หรอื โซดาไฟ โดยวธิ กี ารทําจะตอ งโกนขนทบี่ ริเวณรอบๆตุมเขาออกทัง้ สองขา งแลวใชครีมโซดาไฟ ทาท่ีตุมเขา แตข อควรระวงั คือตองทาเจลไวรอบๆผวิ ที่อยูรอบตมุ เขาเพ่อื ไมใหส ารเคมีไหลเยิ้ม ไปทําอันตรายตอเนือ้ เยือ่ บรเิ วณอนื่ หรือไมใ หไหลเขาตาเพราะจะทําใหต าบอดได และตอ งแยก ลกู แพะออกจากแพะตัวอ่ืนๆประมาณครงึ่ ถงึ หนง่ึ ชัว่ โมงเพอื่ ปอ งกนั การเลียแผลกนั การสญู เขาโดยใชสารเคมเี ปนวธิ ที ม่ี ขี อดคี อื สามารถทาํ ไดง าย สะดวก มีราคาถกู แตอาจจะไดผ ลแนน อนในการทาํ ลายเซลลส รา งเขาไดไมเ ทากับวธิ ีการสญู เขาโดยการใชเ หลก็ เผาไฟหรอื ใชห วั แรง ไฟฟา จต้ี มุ เขา ทง้ั นี้พบวาในแพะบางตวั เมอ่ื โตขน้ึ เขาจะสามารถงอกออก มาไดอกี ทาํ ใหล กั ษณะรูปรา งเขาจะผิดรปู หงกิ งอ ไมสวยงาม AT 335 70
ภาพท่ี 4.40 ตําแหนง ของตมุ เขาในลกู แพะ ภาพที่ 4.41 หวั แรง ไฟฟา สูญเขา AT 335 71
การตอน (Castration) การตอนแพะนัน้ มวี ตั ถุประสงคห ลกั เพื่อการควบคมุ การแพรข ยายพันธุข องแพะ เพราะแพะเปน สัตวท ม่ี กี ารเปนหนุมเปน สาวเร็ว ซึ่งในแพะบางตวั อาจเรมิ่ เปนสัดครั้งแรกตั้งแต อายเุ พยี ง 3-4 เดอื น ดังน้นั หากมีการเลยี้ งลูกแพะแบบรวมฝงู โดยทย่ี งั ไมตอนตัวผู อาจมกี าร ผสมพันธุก นั ในฝงู ได ขอเสยี ของการผสมพันธุก นั ในฝงู น้ี นอกจากจะสง ผลกระทบโดยตรงตอ การหยุดชะงกั การเจรญิ เตบิ โตของแพะแลว ยงั อาจมีการผสมพนั ธุกันในระหวา งพีน่ อ ง ซงึ่ ทาํ ใหเกดิ การผสมเลือดชิดขึ้น เพื่อเปนการปองกันปญ หาตา งๆที่อาจจะเกิดข้ึน การตอนถือเปน วธิ หี นึง่ ทีใ่ ชไ ดผ ลดี อีกทงั้ ยังมผี ลดีในแงที่เม่ือเกษตรกรทาํ การตอนแพะเพศผตู งั้ แตยังเล็กกจ็ ะ ชว ยลดผลของกล่ินสาบจากตวั แพะไดท างหนง่ึ การตอนแพะสามารถทําไดเ ชน เดียวกบั วธิ กี ารตอนโค กระบอื นน่ั คือวิธกี ารใชค ีม เบอรดิซโซหนีบ เพอ่ื ตัดสว นของทอนาํ นา้ํ เชือ้ (Spermatic cords) และวธิ กี ารผาตดั เอาสวน ของลูกอณั ฑะออก การตอนโดยใชค ีมเบอรดซิ โซ (Burdizzo) เปนวธิ กี ารตอนท่ีทาํ ไดง า ยมขี ัน้ ตอน ในการทาํ ไมยงุ ยาก และแผลที่เกิดจากการตอนดว ยวธิ ีนจี้ ะไมทําใหแพะเกดิ ความเจ็บปวดมาก การดูแลรกั ษาหลงั จากการตอนไมวุนวาย หลักการของการตอนดว ยวธิ นี จี้ ะมีผลทําใหสว นของ ทอนําน้ําเชื้อ เสนเลอื ด และเสน ประสาทที่มาเลีย้ งอณั ฑะขาดทาํ ใหอัณฑะฝอไมสามารถผลติ อสุจไิ ดอีก ข้นั ตอนของการตอนตองทําการจับบังคบั ใหแพะอยูนิ่งโดยมักจะใหแพะนอนหงาย หรือนอนตะแคง ดึงสว นของถุงอัณฑะออกมาเพ่ือทําความสะอาดและจบั คลาํ บรเิ วณสวนเหนือ ลกู อัณฑะขึ้นไปหาตาํ แหนงของทอนําน้าํ เชอ้ื จากนั้นจึงจะใชค ีมเบอรด ิซโซหนีบเปน ระยะเวลา ประมาณ 10-15 วินาที โดยหนีบทอนาํ น้ําเชอ้ื ทีละขา ง จากน้นั จึงทายาใสแผลสดและทายา กันแมลงวนั ปอ งกันการมาตอมและวางไขบ นแผล การตอนโดยวธิ ผี าตัดเอาลกู อัณฑะออก เปน วธิ ที างศลั ยกรรมทที่ าํ การตดั สว น ของลูกอณั ฑะออกต้ังแตสว นทอนํานํ้าเชอ้ื ลงไป วธิ ผี า ตัดเปนวธิ ที ม่ี รี าคาแพงและยุง ยากกวา การใชคีมเบอรดิซโซหนีบ ซงึ่ ตอ งคอยระมดั ระวงั ในเรอ่ื งข้นั ตอนการกรดี ผา เปด อัณฑะ การผกู มัดทอนํานา้ํ เชื้อ การหามเลือด การดแู ลรักษาความปลอดเช้ือทง้ั กอนและขณะทผ่ี า ตัด รวมถึง การดูแลแผลหลังผา ตดั เพอื่ ปอ งกันการเกดิ แผลติดเชอื้ เกดิ หนองหรือเปน บาดทะยักได ขนั้ ตอนการผา ตัดเอาลูกอณั ฑะออก จะตอ งจบั บังคบั ใหแ พะอยนู งิ่ จากนัน้ จงึ ใชนํ้า สบูฟอกทําความสะอาด และโกนขนทลี่ กู อัณฑะ ใชน ํา้ ยาฆา เชือ้ เช็ดถงุ หมุ อณั ฑะ แลว จึงใชใบ มดี กรดี ผาเปด ถงุ หุมอัณฑะ และบบี ใหล กู อัณฑะปลนิ้ ออกมา จากนนั้ ใชไ หมผกู สว นของทอ นาํ นํ้าเช้ือใหแนนอยางนอ ยสองเปาะ เพ่อื ใหแ นใ จวา ปมไหมจะไมหลดุ ซึ่งจะชวยหา มเลอื ดไดดี AT 335 72
จากนั้นตัดสวนของลูกอัณฑะออก โดยตัดสวนใตปมไหมที่ทําการผูกไว แลวใหทําเชนเดียวกัน น้ีกับลูกอัณฑะอีกขาง เรียบรอยแลวจึงใสยารักษาแผลสด ยากันแมลง และฉีดยาปฏิชีวนะเพื่อ ปองกันการติดเชื้อ ซึ่งแผลผาตัดในลูกแพะน้ันจะหายคอนขางเร็วคือ ใชเวลาประมาณ 3-5 วัน แผลก็จะแหงสนิท ในเกษตรกรบางรายอาจจะใชว ิธีการตอนโดยใชยางรัดไวท่สี ว นเหนอื ลกู อัณฑะทั้ง สองขา ง ซ่งึ ถอื วา เปนวิธกี ารตอนอีกแบบหนง่ึ คอื ใชห ลกั การเชนเดียวกบั การใชค ีมเบอรด ิซโซ หนบี มผี ลทาํ ใหสว นของทอ นํานํา้ เชือ้ เสน เลอื ด และเสน ประสาททมี่ าเล้ียงอัณฑะขาดทําใหล ูก อัณฑะฝอ แหงไมส ามารถผลิตอสจุ ิได แตว ธิ นี ้ใี นทางปฏิบตั ิแลวคอ นขา งทําใหลกู แพะเจ็บปวด และอาจทาํ ใหเ กดิ แผลเนาไดงายกวาวธิ ีอน่ื ๆหากไมม ีการดแู ลรักษาแผลท่ดี ี การตอนแพะตวั เมียกส็ ามารถทาํ ได โดยวิธีการผาตดั เอาสว นของมดลูกและรังไข ออกไป ซ่ึงเปนการผา ตัดท่ียงุ ยากมาก ท้งั ในสวนของการวางยาสลบสตั ว ขนั้ ตอนการผา ตัด และการดูแลรกั ษาแผลหลงั ผา ตัด แตอยางไรก็ตามการตอนตวั เมียจะไมนิยมทาํ กนั เน่อื งจาก ความตองการผลผลติ ของสตั วเ พศเมียท้งั ในสวนของการใหลูก และการใหนมนน่ั เอง ภาพที่ 4.42 คมี เบอรดิซโซ (Burdizzo) AT 335 73
ภาพท่ี 4.43 ชดุ เคร่อื งมอื ผา ตัดตอนเอาลกู อัณฑะออก AT 335 74
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: