Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

Published by nataya.wk, 2019-10-09 02:07:18

Description: หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

Keywords: การใช้คอม

Search

Read the Text Version

1 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (2001-2001) การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละ 1หน่วยที่ ระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ 2. หลักการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ 3. ข้นั ตอนการทางานของคอมพวิ เตอร์ 4. สว่ นประกอบของคอมพิวเตอร์ 5. ข้อควรระวงั ในการใช้เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 6. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. ลักษณะสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 8. องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 9. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 10. ระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี เบอ้ื งต้น สาระสาคญั เทคโนโลยแี ละการสือ่ สารเก่ียวข้องกับการดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ไม่วา่ จะเป็นอปุ กรณ์สอ่ื สาร และคอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาทสาคัญต่อการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ความสามารถของอุปกรณ์ ส่ือสารและประสทิ ธภิ าพของเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ ทาให้องค์กรนาเทคโนโลยีเหล่าน้เี ข้ามาช่วยทา ให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากย่งิ ข้ึน ไมว่ ่าจะเปน็ การทาธรุ กจิ การใหบ้ ริการบนอินเทอร์เน็ต แม้กระทง้ั การใช้เป็นเคร่ืองมือเพื่อช่วยในการทางาน เพราะฉะนั้นจากการท่ีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการดาเนินชีวิต มนุษย์จึงต้องเรียนรกู้ ารใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะ เป็นการค้นหาข้อมูลเพอ่ื นามาช่วยในการตัดสินใจ การวิเคราะห์ การจัดเก็บข้อมูลจึงเป็นส่ิงจาเปน็ พื้นฐานสาหรับมนุษย์ หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ

2 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (2001-2001) จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จุดประสงคท์ วั่ ไป 1. มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ 2. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. มเี จตคติท่ีดีต่อการใชง้ านคอมพิวเตอร์ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. บอกความหมายของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 2. บอกหลกั การใช้งานคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 3. อธิบายขัน้ ตอนการทางานของคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 4. อธบิ ายเก่ียวกบั สว่ นประกอบของคอมพวิ เตอร์ได้ 5. บอกขอ้ ควรระวงั ในการใช้เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ได้ 6. บอกความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 7. บอกลักษณะสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 8. อธิบายเกยี่ วกับองคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 9. บอกผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้ 10. อธบิ ายเก่ยี วกับระบบสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพเบื้องต้นได้ หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

3 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (2001-2001) 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละ หนว่ ยท่ี ระบบสารสนเทศเพื่องานอาชพี แผนผงั มโนทศั น์สาระการเรยี นรหู้ นว่ ยท่ี 1 ความหมายของ ความหมายของ เทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพวิ เตอร์ ลกั ษณะสาคญั ของ การใช้ หลกั การใช้งาน เทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพิวเตอรแ์ ละ คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ องค์ประกอบของ เพื่องานอาชีพ ขั้นตอนการทางาน เทคโนโลยีสารสนเทศ ของคอมพิวเตอร์ ผลกระทบของ ส่วนประกอบของ เทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพวิ เตอร์ ระบบสารสนเทศเพอื่ ข้อควรระวังในการใช้ งานอาชีพเบือ้ งต้น เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ภาพที่ 1.1 แสดงแผนผงั มโนทศั นส์ าระการเรียนรูห้ น่วยที่ 1 หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ

4 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (2001-2001) จากความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเรว็ การดาเนินชวี ิตประจาวันของมนุษย์มอี ุปกรณ์สอ่ื สาร และคอมพิวเตอร์ เข้ามามบี ทบาทสาคญั ตอ่ ชวี ิตเปรยี บเสมือนอวยั วะสว่ นหน่งึ ของมนุษย์ ตอ่ การ ดาเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การศึกษาค้นคว้าและการทาธรุ กจิ ด้วยความก้าวหนา้ ของ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ ทาใหอ้ งค์กรต่าง ๆ นาเทคโนโลยเี หลา่ น้ีเขา้ มาช่วยในการดาเนนิ งานของ องคก์ รใหม้ ีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึนและผู้ใช้ตามบา้ นจัดหาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาใช้สว่ นตวั กนั มากข้ึน เพือ่ ทาธุรกิจออนไลนผ์ า่ นทางระบบเครอื ข่ายการรบั -สง่ ข้อมลู ข่าวสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ และใหบ้ รกิ าร บนอนิ เตอรเ์ น็ต ตลอดจนการใช้เป็นเคร่ืองมือชว่ ยในการทางาน 1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ ภาพท่ี 1.2 เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ทม่ี า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computer หมายถึง การนับหรือการคานวณ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ไดใ้ ห้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า คอมพิวเตอร์ คือ “เคร่ืองอิเล็กทรอนิกสแ์ บบอัตโนมัติ ทาหน้าที่เสมอื นสมองกล ใช้สาหรับแกป้ ัญหาต่าง ๆ ท่ีง่าย และซบั ซอ้ น โดยวธิ ที างคณิตศาสตร์” คอมพิวเตอร์ ตามความหมายของพจนานกุ รม หมายถึง เครือ่ งคานวณหรือผคู้ านวณ มหี น้าท่ี คานวณและเปรียบเทียบหรือประมวลผลตามคาสั่ง ที่มนุษย์จัดเตรียมไว้ในรูปของโปรแกรมหรือ ชุดคาส่งั ตา่ ง ๆ (ศพั ท์บัญญัติคาว่าคอมพวิ เตอรข์ องไทย คอื คณิตกรณ์) นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า “คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ อเิ ล็กทรอนิกส์ทมี่ ีการเขยี นคาสั่งใหท้ างานตามที่กาหนดเพื่ออานวยความสะดวกและชว่ ยแบง่ เบาการ ทางานของมนุษยใ์ หม้ ีความถูกตอ้ ง รวดเร็ว และมปี ระสิทธภิ าพมากขนึ้ ” คอมพิวเตอร์ เป็นเครือ่ งจักรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ทถ่ี ูกสรา้ งขน้ึ เพอ่ื ใชท้ างานแทนมนุษยใ์ นด้านการ คิดคานวณและสามารถจาข้อมูลทั้งตัวเลขและตัวอกั ษร เพื่อให้การเรยี กใช้งานในครั้งต่อไปรวดเรว็ โดย ปฏิบัติตามข้ันตอนของโปรแกรมและยังมีความสามารถในด้านต่าง ๆ เช่น การเปรียบเทียบทาง หน่วยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

5 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี (2001-2001) ตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเกบ็ ข้อมูลในตวั เคร่อื ง สามารถประมวลผลจากข้อมูลตา่ ง ๆ ได้ เป็นตน้ คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อช่วยทางานได้อย่าง รวดเร็ว แม่นยาและมีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยมนุษย์จะเป็นผู้ท่ีเขียนชุดคาสั่ง สั่งให้เคร่ือง คอมพวิ เตอร์ทางานตามชุดคาสัง่ ท่ตี อ้ งการ ซง่ึ เรยี กวา่ “โปรแกรมเมอร์” โดยเขยี นชุดคาส่ัง เรียกวา่ “โปรแกรม” ซึ่งผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการประมวลผล เรียกว่า “สารสนเทศ” ซึ่งโปรแกรมเมอรจ์ ะเปน็ ผู้ กาหนดข้อมูล วิธีการ คานวณสูตรต่าง ๆ พร้อมทั้งทาการทดสอบการทางานชุดคาสั่งนั้นถูกต้อง สามารถนาไปใช้งานได้จรงิ และใหผ้ ลลัพธ์ท่ถี ูกต้องตรงกบั ความต้องการ โดยที่เครือ่ งคอมพวิ เตอรจ์ ะ ทางานตามชดุ คาสั่ง แตไ่ มส่ ามารถแกไ้ ขหรอื ตดั สินปญั หาทเี่ กดิ ข้นึ ได้ แมเ้ ครอื่ งคอมพวิ เตอร์จะทางาน ได้รวดเร็วและแม่นยากว่าก็ตามแตก่ ย็ งั ตอ้ งใช้ความสามารถของมนุษยเ์ ปน็ ผสู้ ่งั การอยู่ 2. หลกั การใช้งานคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์มีหลักการใช้งานของส่วนต่าง ๆ ท่ีมีความสัมพันธ์กันเป็นกระบวนการ โดยมี องค์ประกอบพื้นฐานหลัก คือ ส่วนนาข้อมูลเข้า (Input Device) ส่วนประมวลผล (Processing Device) และสว่ นแสดงผล (Output Device) โดยมีข้ันตอนการทางาน ดงั ภาพท่ี 1.3 หน่วยควบคมุ หน่วยความจา หน่วยคานวณและตรรกะ สว่ นนาข้อมลู เข้า ส่วนประมวลผลกลาง ส่วนแสดงผล (Input Device) (Processing Device) (Output Device) ภาพท่ี 1.3 หลกั การใชง้ านสว่ นต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ ส่วนที่ 1 สว่ นนาข้อมูลเข้า (Input Device) เริ่มต้นด้วยการนาเข้าข้อมูลเข้าสเู่ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ผ่านทางอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กบั ชนิดของข้อมูลท่ีจะป้อนเข้าไป เช่นถ้าเป็นการป้อนข้อมูล จะใช้แป้นพิมพ์ (keyboard) เพื่อพิมพ์ ข้อความหรอื โปรแกรมเขา้ เครื่องคอมพวิ เตอร์ ถ้าเปน็ การเขยี นภาพจะใชเ้ ครื่องอ่านพิกดั ภาพกราฟิก โดยมีปากกาชนิดพิเศษสาหรับเขียนภาพ (Graphics Tablet) หรือถ้าเป็นการเล่นเกมส์ก็จะมีก้าน ควบคมุ (Joystick) สาหรับเคลื่อนตาแหน่งของการเลน่ บนจอภาพ เปน็ ตน้ สว่ นที่ 2 สว่ นประมวลผลกลาง (Processing Device) หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ

6 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ (2001-2001) เมื่อรับข้อมูลจากส่วนรับข้อมูลเข้ามาแล้ว เคร่ืองคอมพิวเตอร์จะดาเนินการกับข้อมูลตาม คาสัง่ ท่ีไดร้ ับมาเพ่อื ให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ตี อ้ งการ การประมวลผลอาจมีไดห้ ลายอย่าง เชน่ นาขอ้ มูลมา หาผลรวม นาขอ้ มลู มาจดั กลุม่ เปรียบเทยี บ นาขอ้ มลู มาหาคา่ มากทสี่ ุดหรอื ค่าน้อยท่สี ดุ เปน็ ต้น โดยมี สว่ นยอ่ ย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ หนว่ ยควบคมุ หนว่ ยคานวณและตรรกะ และหนว่ ยความจา ซึ่งแบง่ ออกเป็น 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยความจาหลักและหน่วยความจาสารอง เป็นต้น ซ่ึงส่วนน้ีจะเป็นส่วนที่สาคัญ ทสี่ ดุ ในหลักการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ ส่วนที่ 3 สว่ นแสดงผล (Output Device) เป็นการนาผลลพั ธจ์ ากสว่ นประมวลผลมาแสดงผลใหท้ ราบทางอปุ กรณ์ทกี่ าหนดไว้ โดยทัว่ ไป จะแสดงผา่ นทางจอหรือทีเ่ รียกกนั โดยท่วั ไปวา่ “จอภาพหรอื จอมอนเิ ตอร์” หรอื ออกทางเครื่องพิมพ์ ที่ใชพ้ มิ พข์ อ้ มลู ออกทางกระดาษ 3. ขัน้ ตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ ภาพที่ 1.4 แสดงการบทู เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เม่ือเครอื่ งคอมพวิ เตอรไ์ มถ่ ูกเปดิ จะเปรยี บเสมือนกลอ่ ง ท่ีประกอบดว้ ยวงจรตา่ ง ๆ พลาสตกิ โลหะ และสายไฟ ทมี่ ีการเชอ่ื มตอ่ เขา้ ด้วยกนั อยา่ งสลบั ซับซ้อน แตเ่ มอื่ ใดที่เครอื่ งคอมพวิ เตอรถ์ กู เปดิ ข้ึน จะทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลและไปกระตุ้นวงจรต่าง ๆ ให้ทางาน ทาให้กล่อง ๆ นั้นสามารถใช้ งานให้เกิดประโยชน์ไดอ้ ย่างมากมาย ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะไหลเขา้ สู่เครอ่ื งคอมพวิ เตอรจ์ ะยงั ไมม่ กี าร ทางานใด ๆ เม่อื มีการเปิดเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์จะมีขนั้ ตอนการทางานดงั ต่อไปน้ี 3.1 เมื่อกดปุ่มเปดิ เครอื่ งที่ตวั เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละจอภาพ ไฟฟา้ กาลังจะวิ่งไปตามเสน้ ทาง ที่ได้กาหนดไว้ไปยังซีพียู เพื่อลบข้อมูลเก่าท่ียังคงค้างอยู่ในหน่วยความจาของซีพียู หรือเรียกว่า รีจสิ เตอร์ (Register) สัญญาณทางไฟฟา้ จะไปตงั้ ค่ารจี ิสเตอร์ของซพี ียทู มี่ ีช่ือว่า ตวั นบั โปรแกรม หรอื Program Counter ค่าท่ตี ง้ั นน้ั เป็นค่าทีบ่ อกใหซ้ ีพยี ูรูต้ าแหนง่ ของคาสง่ั ถดั ไปทจ่ี ะตอ้ งทา ซง่ึ ตอนเปดิ เคร่ืองตาแหนง่ ทีต่ ้องส่งไปกค็ อื ตาแหน่งเรมิ่ ต้นของคาสั่งบทู อพั นนั้ เอง ชดุ คาสั่งโปรแกรมบูทจะเกบ็ อยู่ ในหน่วยความจาท่ีเรียกว่า ไบออส (BIOS : Basic Input/output System) หรือรอมไบออส (ROM BIOS : Read Only Memory Basic Input/output System) จากน้ันซีพียจู ะสง่ สัญญาณไปตามบัส หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี

7 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (2001-2001) (Bus) ซ่ึงเป็นวงจรทีเ่ ชื่อมอปุ กรณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทางานทุกอย่าง โดยมี ข้ันตอนการทางานทจี่ ะตอ้ งตรวจสอบดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1.1 การตรวจสอบหน่วยความจาที่อยู่ในการ์ดแสดงผลและสัญญาณวีดีโอท่ี ควบคุม การแสดงผลบนหน้าจอ ต่อจากนั้นจะสร้างรหัสไบออสให้การ์ดแสดงผลเป็นส่วนหน่ึงของ ระบบ ถึงข้นั ตอนน้จี ะเห็นว่ามบี างสิ่งบางอย่างปรากฏบนหนา้ จอคอมพิวเตอร์ 3.1.2 การตรวจสอบแรมชปิ (RAM Chip) โดยซพี ยี ูจะเขียนขอ้ มลู ลงในชิป แล้วอ่าน ออกมาเทียบกับข้อมูลที่ส่งไปเขียนตอนแรก และเริ่มนับจานวนความจุของหน่วยความจาท่ีถูก ตรวจสอบแล้ว ซึ่งในระหว่างน้จี ะมกี ารแสดงผลขึ้นบนหนา้ จอดว้ ย 3.1.3 การตรวจสอบคียบ์ อร์ด โดยซพี ียจู ะตรวจสอบวา่ คยี บ์ อร์ดได้ตอ่ อยูก่ บั คอมพิวเตอรห์ รอื ไม่ และตรวจสอบวา่ มกี ารกดแป้นพมิ พห์ รอื ไม่ ทั้งหมดน้ีจะเป็นกระบวนการเริม่ การทางานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงเรยี กกระบวนการน้ี ว่า การบูทระบบ (Boot System) เพื่อดงึ ระบบปฏิบัติการขึ้นมา แตก่ ่อนที่ระบบปฏิบตั กิ ารจะทางาน ได้น้ัน ระบบปฏิบัติการต้องถูกดึงมาไว้ที่หน่วยความจาหลักก่อน เรียกว่า บูทสแทรป (Bootstrap) หรอื บูท (Boot) ซึง่ เปน็ คาสัง่ สน้ั ๆ ท่ีต้องมอี ยู่ในคอมพวิ เตอรท์ ุกเคร่ือง 3.2 เม่ือเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทาการเรียกระบบปฏิบัติการทเ่ี ก็บอยู่ในฮารด์ ดิสก์ของเคร่อื งมา ทางาน ถ้าไม่มซี อฟตแ์ วรร์ ะบบ หรือระบบปฏิบัติการ ซงึ่ เปน็ ชดุ คาส่งั หรอื โปรแกรม ทาหนา้ ท่เี ป็นตัว ประสานการทางานระหว่างอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ของคอมพวิ เตอร์และโปรแกรมประยุกตก์ บั ผู้ใช้ แต่ก่อนที่ คอมพิวเตอร์จะดึงระบบปฏิบัติการมาทางานน้ัน ต้องแน่ใจก่อนว่าอุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมต่าง ๆ ทางาน ถกู ตอ้ ง ซพี ียแู ละหนว่ ยความจาทางานถูกต้อง การทางานดงั กล่าวเรยี กว่า การตรวจสอบตนเองก่อน เปดิ เครือ่ ง (POST : Power On Self Test) โดยการเรยี กจากซอฟต์แวรไ์ บออส ถา้ มีบางอย่างผิดปกติ หน้าจอจะขึ้นข้อความเตือน หรือส่งสญั ญาณเสียง “ปี๊บ” ซ่ึงมีอยู่หลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของความ ผิดปกติทเี่ กิดขึน้ ข้อความเตือนความผิดพลาดหรอื สัญญาณเสียงเตือนอาจไมไ่ ด้เกดิ จากข้อผดิ พลาด นั้น ๆ โดยตรง แต่ก็พอจะระบุได้ว่าอุปกรณ์ใดมีปัญหา จุดประสงค์โดยทั่วไปก็คือตรวจสอบว่า คอมพิวเตอร์มีความผิดพลาดเกดิ ขนึ้ หรอื ไม่ แต่ถ้าไมม่ ีขอ้ ความเตือนหรอื เสยี งเตือน กไ็ มไ่ ด้หมายความ ว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ทางานถูกต้องสมบูรณ์ทั้งหมด เน่ืองจากการตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเคร่ือง สามารถตรวจสอบข้อผดิ พลาดทว่ั ๆ ไปได้เท่านน้ั ซึง่ อาจบอกไดเ้ พยี งว่าอปุ กรณ์ท่ีจาเปน็ พ้ืนฐาน เชน่ แป้นพิมพ์ การ์ดแสดงผล ได้ต่ออยู่กับเคร่ืองหรือไม่เท่าน้ัน ตัวไบออสจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกบั ขนาดของหน่วยความจา, ความเร็วซีพียูหรือขนาดของฮาร์ดดิสก์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จากน้ันใน ระหว่างที่บูทเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ตัวไบออสก็จะเตรียมการทางานและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเคร่ือง คอมพิวเตอร์ให้พรอ้ มรบั การทางานตามขั้นตอนย่อย ๆ ดงั นี้ 3.2.1 ไบออส จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าการ์ดแสดงผลทางานอย่างไรในขั้นตอนแรก เพอื่ ให้สามารถแสดงผลไดเ้ มอื่ เปดิ เครือ่ งตอนแรก ปกติแลว้ ท่ีตัวการด์ แสดงผล (Graphic Card) จะมี ไบออสของตัวเอง เพอื่ ควบคมุ การทางานของการประมวลผลของการแสดงภาพ และหนว่ ยความจาท่ี ติดต้ังอยบู่ นการด์ ดว้ ย แต่ถา้ เปน็ การด์ แบบทีร่ วมอยูบ่ นชปิ เซ็ต บนแผงวงจรหลกั ก็จะอาศัยขอ้ มลู ทอ่ี ยู่ ในรอมเพอื่ ทาการต้ังค่าไบออส โดยไบออส จะทาการตรวจสอบการทางานของแรม เริ่มต้ังแต่ขนาด ความเร็ว และประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ จากน้ันก็จะตรวจหาอุปกรณ์ Input/Output, DVD หน่วยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพื่องานอาชพี

8 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (2001-2001) Drive, ฮาร์ดดสิ ก์และอ่ืน ๆ ซง่ึ หากพบปัญหาเกิดขนึ้ กจ็ ะมเี สียงสญั ญาณดงั และแสดงปญั หาข้นึ มาถา้ เกดิ ความผดิ ปกติท่ีหนา้ จอคอมพิวเตอร์ 3.2.2 เม่ือเตรียมพร้อมและทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ตัวไบออสจะ เตรียมระบบเขา้ ส่กู ารบูทเครื่อง เพอ่ื เตรียมพร้อมท่ีจะดงึ ระบบปฏบิ ตั ิการใหท้ างานต่อไป 3.3 การบูทเคร่อื ง (Bootstrap Loader) จะทาการโหลดข้อมลู ของระบบปฏิบัตกิ ารมาไว้บน แรม เพ่ือเตรียมความพร้อมสาหรับการประมวลผลโดยซีพียู จากน้ันจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียม เครอ่ื งมือการทางานตา่ ง ๆ ให้พรอ้ ม ตง้ั แต่ 3.3.1 Processor management เป็นตัวควบคุม จดั การ การทางานของซีพียู 3.3.2 Memory management เป็นการจัดการระบบไหลเวียน หรือส่งผา่ นข้อมลู ระหวา่ ง หนว่ ยความจาหลัก, หน่วยความจาเสมือนกบั ฮารด์ ดิสก์ และหน่วยความจาแคชบนซพี ียู 3.3.3 Device management เตรียมพร้อมการต่อเชื่อมต่าง ๆ ให้พร้อมสาหรบั การ ทางาน เชน่ เครอ่ื งพมิ พ,์ สแกนเนอร์ หรืออปุ กรณต์ อ่ พ่วงอน่ื ๆ 3.3.4 Storage management เตรยี มการทางานของฮารด์ ดิสก์ใหพ้ รอ้ มกนั สาหรบั การเขียนอา่ นข้อมลู 3.3.5 Application Interface เตรียมพร้อมให้ระบบปฏิบัติการ และโปรแกรม ตา่ ง ๆ สามารถส่อื สารรว่ มกันได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 3.3.6 User Interface เตรียมเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานของระบบปฏิบัติการให้พร้อม สาหรบั การใชง้ าน 3.4 เม่ือระบบปฏิบัติการพร้อมสาหรับการใช้งาน เคร่ืองคอมพิวเตอร์ก็พร้อมท่ีจะทางาน ตามทผ่ี ใู้ ชต้ ้องการ โดยทาการป้อนขอ้ มลู ต่าง ๆ ผ่านทางแปน้ พิมพ์ เมาส์ หรอื อปุ กรณร์ ับขอ้ มลู อน่ื ๆ 3.5 เม่ือมีการเรยี กใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ระบบปฏิบัติการจะเรียกข้อมูลจากฮารด์ ดิสก์มา เตรียมทีแ่ รม เพอื่ รองรับการทางานคูไ่ ปกับซีพยี ู และในทางกลบั กัน เม่อื ตอ้ งทาการบนั ทกึ ขอ้ มลู ก็จะ ย้อนการกระทาของแรม มาบันทึกลงฮารด์ ดิสก์ สาหรับในบางครง้ั ท่ีโปรแกรมหรือไฟล์มขี นาดใหญ่ มาก ๆ โดยทแ่ี รมไม่สามารถรองรบั ได้ ระบบปฏบิ ัตกิ ารก็จะสรา้ งหน่วยความจาเสมอื น โดยอาศัยพน้ื ท่ี บางส่วนบนฮาร์ดดิสก์ เพื่อรองรบั การทางานในกรณนี ี้ 3.6 เมื่อเสร็จการใช้งานเครือ่ งคอมพิวเตอร์กค็ ลิกที่ปุ่ม Start (เริ่ม) และเลือก Shut Down (ปดิ ) เพือ่ ปิดคอมพวิ เตอร์ ซึ่งระบบปฏิบัติการจะตรวจสอบการทางานทง้ั หมด เพอื่ ปดิ โปรแกรมต่าง ๆ และพร้อมสาหรับการปิดเครื่อง จากนั้นเครื่องก็จะปิดลงอัตโนมัติ ซึ่งก็รวมไปถึงหยุดการจ่ายไฟเข้า เคร่อื งคอมพิวเตอรด์ ว้ ย เม่ือเปิดเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปกระตุ้นให้วงจรต่าง ๆ ให้ทางาน เรียกกระบวนว่า การบูทระบบ ขณะน้ันก็จะทาการตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่องและการค้นหา ไดร์ฟท่ีเก็บระบบปฏิบัติการ ทาหน้าที่เสมือนผู้ดูแลการทางานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครื่อง คอมพวิ เตอรใ์ หท้ างานตามคาสงั่ ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์ เคร่อื งจะรวู้ า่ ระบบปฏบิ ตั ิการถกู เก็บไวท้ ีไ่ หน จากนั้น จะดึงระบบปฏิบัติการโดยการอ่านไฟล์และคัดลอกไปไว้ในหน่วยความจาหลักของเครื่องหรือแรม (RAM : Random Access Memory) สาเหตุทไ่ี ม่ใส่ระบบปฏบิ ัตกิ ารลงในรอมไบออส เพราะรอมนั้น ยากต่อการแก้ไข และเวลาจะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขระบบปฏบิ ตั ิการกจ็ ะตอ้ งเปลี่ยนอปุ กรณ์ ซึง่ เปน็ การเสยี ค่าใช้จ่ายสงู กว่าการตดิ ตง้ั ระบบปฏิบัติการไว้ทอ่ี ื่น แล้วคัดลอกมาทางาน การทาแบบนที้ าให้ หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

9 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (2001-2001) สามารถเปลยี่ นระบบปฏบิ ัตกิ ารหรืออัพเกรดระบบปฏบิ ตั ิการได้ง่าย ระบบปฏิบัติการในปจั จุบนั มีให้ เลือกมากมาย ไดแ้ ก่ ไมโครซอฟต์วินโดวส,์ ลนี กุ ซ์, ดอส, ยนู ิกสแ์ ละแมคโอเอส เป็นตน้ 4. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ภาพท่ี 1.5 สว่ นประกอบเครื่องคอมพวิ เตอร์ ทม่ี า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์มีส่วนประกอบดว้ ยกนั ท้ัง 2 ส่วน ซึ่งสามารถนามาใชง้ านร่วมกันให้เครื่อง คอมพวิ เตอร์ได้ทางานอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่ึงส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ มีรายละเอยี ดดังนี้ 4.1 ส่วนประกอบภายนอก ซ่ึงเป็นส่วนท่ีสาคัญสาหรับการใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยมี สว่ นประกอบภายนอกที่สาคัญ ๆ ดังตอ่ ไปน้ี 4.1.1 จอภาพ (Monitor) ทาหน้าท่ีแสดงผลการทางาน ซ่ึงเหมือนกับจอโทรทัศน์ แสดงตวั อักษร ตัวเลขและภาพกราฟิกต่าง ๆ ขนาดทนี่ ยิ ม ได้แก่ขนาด 17 นวิ้ เพอื่ ใหท้ างานไดอ้ ย่าง สะดวก โดยจอภาพแบ่งออกเปน็ 3 แบบ ด้วยกัน จอภาพแบบหลอด CRT จอภาพแบบ LCD จอภาพแบบ LED ภาพที่ 1.6 จอภาพ (Monitor) ทมี่ า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ

10 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (2001-2001) 4.1.1.1 จอภาพแบบหลอด CRT (Cathode Ray Tube) ซึ่งจะเหมือนกับ จอภาพของโทรทศั น์ จอภาพแบบนี้ปจั จุบนั ไดร้ ับความนิยมน้อยลง เน่ืองจากมขี นาดท่ีใหญ่ น้าหนกั มาก และยงั มรี งั สีออกมาจากจอภาพทาให้เกิดความรอ้ นสูงขณะใชง้ าน 4.1.1.2 จอภาพแบบ LCD (Liquid crystal Display monitor) เปน็ จอภาพ แบบแบนซึ่งใช้การเรืองแสงของผลึกเหลว มีขนาดเล็กและบางกว่ามาก จึงทาให้ใช้ไฟฟ้าน้อย ประหยดั ไฟฟ้าและมีแสงทีส่ ่องมายงั ตาผู้ใชง้ านนอ้ ยจงึ ถนอมสายตาของผู้ใช้ได้ดีกว่า 4.1.1.3 จอภาพแบบ LED (Light Emitting Diode) เป็นจอภาพแบบใหมท่ ่ี ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ซ่ึงจอภาพชนิดน้ีจะใช้เทคโนโลยีไมโครคอนโทรลเลอร์ประมวลผล คาส่ังเพ่ือให้หลอดไฟ LED แสดงภาพออกมา ลักษณะของจอภาพชนิดน้จี ะมหี ลอดไฟ LED เล็กเรยี ง กันอยู่ ภาพที่ออกมาจะมสี สี นั สดใส สวยงามและมีความคมชดั กว่าจอ LCD มาก สาหรบั จอ LCD และจอ LED นั้นมีหลกั งานทางานแบบเดียวกนั เพียงแตว่ ่า จอ LCD นัน้ ลดการผลติ ลงเพราะวา่ ใช้หลอดฟลอู อเรสเซนต์ สว่ นจอ LED น้นั เปน็ การใชห้ ลอด LED จึง ทาใหม้ กี ารผลิตและพฒั นาเป็นเทคโนโลยีใหม่ข้นึ มา นยิ มเพราะประหยัดพลงั งานมากกวา่ 4.1.2 แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard) อุปกรณ์ที่ใช้ในการพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้หน่วยประมวลผล ทาการประมวลผล แป้นพิมพ์จัดเปน็ ส่วนนาข้อมูลเข้า (Input Device) ที่ทาหนา้ ท่ใี นการปอ้ นข้อมูลเข้าสูเ่ ครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ปจั จุบันมีแปน้ พิมพ์ 2 แบบ คือ แป้นพิมพ์แบบมีสาย และแป้นพิมพ์แบบไร้สาย โดยจะมีตัวรับสัญญาณจากแป้นพิมพ์ไปยังเคร่ือง คอมพิวเตอรอ์ กี ตัวหนึ่ง แปน้ พมิ พ์แบบไรส้ าย ตวั รบั สญั ญาณ แป้นพมิ พ์แบบมสี าย ภาพท่ี 1.7 แปน้ พิมพห์ รอื คยี ์บอรด์ (Keyboard) ทม่ี า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.3 เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกและเลอื่ นตาแหน่งลูกศรเพื่อสัง่ งาน ใหค้ อมพวิ เตอรท์ างาน เมาส์จดั เปน็ อปุ กรณ์ด้านหนว่ ยป้อนขอ้ มูลเชน่ เดียวกับแป้นพมิ พ์ แตใ่ ชง้ านใน ลักษณะท่ีแตกต่างกัน เมาส์ในปัจจุบันมีทั้งแบบมีสาย และแบบไร้สายจะมีตัวรับสัญญาณที่ส่งจาก เมาสไ์ ปยงั เครือ่ งคอมพวิ เตอรอ์ ีกหนึ่งตัว เมาสแ์ บบมีสาย เมาส์แบบไรส้ าย ตัวรับสญั ญาณ ภาพที่ 1.8 เมาส์ (Mouse) ที่มา : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ หน่วยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ

11 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) 4.1.4 เคส (Case) กล่องทห่ี ่อหุ้มอปุ กรณภ์ ายในต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซงึ่ ประกอบไปด้วย แผงวงจร ชปิ เซตตา่ ง ๆ แหลง่ จา่ ยไฟ สายแพร การ์ดต่างๆ ฮาร์ดดิสก์ ซดี รี อมไดรฟ์ และแรม เปน็ ตน้ ภาพที่ 1.9 เคส (Case) ท่ีมา : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.5 ลาโพง (Speaker) อปุ กรณไ์ ฟฟา้ เชิงกล ทาหน้าทแี่ ปลงสญั ญาณไฟฟา้ ให้เปน็ เสียง มีดว้ ยกนั หลายแบบ ใช้เช่ือมต่อกบั เครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ พอ่ื ฟังเสียงต่าง ๆ ภาพท่ี 1.10 ลาโพง (Speaker) 4.1.6 สแกนเนอร์ (Scanner) อุปกรณจ์ ับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ สามารถแสดง เรยี บเรยี ง เกบ็ รกั ษาและผลิตออกมาได้ ภาพนนั้ อาจจะเปน็ รูปถา่ ย ข้อความ ภาพวาด หรือแม้แตว่ ตั ถุ สามมติ ิ สามารถใช้สแกนเนอร์ทางานต่าง ๆ ได้ ภาพท่ี 1.11 สแกนเนอร์ (Scanner) ท่ีมา : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ หน่วยที่ 1 การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ

12 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) 4.1.7 ไมโครโฟน (Microphone) อปุ กรณร์ บั เสยี งแล้วทาการแปลงเปน็ สัญญาณไฟฟา้ เพ่ือประมวลผลในเครอ่ื งขยายเสียงหรอื อุปกรณผ์ สมเสียงอื่น ๆ ไมโครโฟนจะ ประกอบด้วยขดลวดและแมเ่ หลก็ เป็นหลัก เม่อื เสยี งกระทบตัวรับในไมโครโฟนจะทาใหข้ ดลวด สน่ั สะเทอื นตดั กบั สนามแมเ่ หลก็ จงึ ทาใหเ้ กิดสญั ญาณไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลกั การทางานตรงขา้ มกบั ลาโพง โดยทั่วไปไมโครโฟนใช้รบั เสยี งพดู หรือเสียงร้องเพลง ภาพท่ี 1.12 ไมโครโฟน (Microphone) ท่ีมา : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.8 กล้องเว็บแคม (Webcam) ชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า เว็บแคเมรา (Web Camera) หรือ Video Camera หรือ Video Conference เว็บแคมเป็นส่วนนาเข้าข้อมูลท่ี สามารถจับ ภาพเคลื่อนไหว ไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนีผ้ ่านระบบเครอื ขา่ ย เพื่อให้คนอีกฝง่ั หนงึ่ สามารถเห็นคนอีกฝั่งหน่งึ เคลอื่ นไหว ได้เหมือนอยตู่ ่อหน้า ถือว่าเปน็ อปุ กรณ์ทม่ี ี ประโยชน์อีกตัวหนึง่ และมีความจาเป็นมากข้ึนเรอ่ื ย ๆ ภาพที่ 1.13 กล้องเว็บแคม (Webcam) ทมี่ า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.9 กล้องดิจิตอล (Digital Camera) กล้องถ่ายรูปท่ีไมต่ ้องใช้ฟิลม์ ภาพท่ีถ่ายได้ จะถูกบันทึกแบบดิจิตอลโดยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในกล้อง โดยอยู่ในรูปแบบของไฟล์ภาพซ่ึง สามารถสง่ เขา้ ไปยงั คอมพวิ เตอรเ์ พ่อื พมิ พอ์ อกมาเป็นภาพ หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

13 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (2001-2001) ภาพที่ 1.14 กล้องดจิ ติ อล (Digital Camera) ทมี่ า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.10 ฮารด์ ดิสกพ์ กพา (Harddisk External) อปุ กรณเ์ กบ็ ข้อมลู คอมพิวเตอรช์ นดิ หนึง่ ทสี่ ามารถพกพาหรือนาติดตัวไปยังสถานทต่ี ่าง ๆ เป็นฮารด์ ดสิ ก์แบบเดยี วกบั ฮาร์ดดิสก์ในเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ แตต่ ่างกนั ตรงทฮี่ าร์ดดสิ ก์พกพา นี้ใช้เชือ่ มตอ่ ภายนอกเครอื่ งคอมพิวเตอร์ส่วนฮารด์ ดสิ ก์ ทั่วไปนน้ั อยภู่ ายในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ดดสิ ก์ทใี่ ช้กนั อยู่ทว่ั ไปในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ มาติดต้ัง ในกล่องสาหรับใส่ฮาร์ดดิสก์โดยจะมีแผงวงจรควบคุมการทางานของฮาร์ดดิสก์ท่ีติดตั้งอยู่ในกลอ่ ง โดยสามารถเลือกขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์มาติดตั้งในกล่องน้ีได้ตามความต้องการ และชนิด ของ ฮาร์ดดสิ กท์ จี่ ะนามาตดิ ต้งั ในกล่องนี้ ตอ้ งเลอื กให้ถกู ตอ้ งกับประเภทของกลอ่ งซ่งึ จะมอี ย่สู องแบบ โดยทวั่ ไป คอื IDE และ SATA ภาพท่ี 1.15 ฮารด์ ดสิ ก์พกพา (Harddisk External) ทม่ี า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.11 แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) อุปกรณ์หน่วยความจาที่สามารถเก็บข้อมูลไว้ ภายในได้ Flash Memory เลก็ ๆ สามารถเขยี น ลบขอ้ มลู ไดไ้ ม่จากัดจานวนครัง้ โดยไม่ตอ้ งใช้ไฟฟ้า เลี้ยงตลอดเวลา มีขนาดเลก็ เบา พกพาง่าย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเเบรนด์ ขนาดความจุ รปู รา่ งดี ไซน์ แฟลชไดรฟ์ สว่ นใหญ่จะต้องเช่อื มต่อกับช่อง USB เพอ่ื ใชง้ าน ภาพท่ี 1.16 แฟลชไดรฟ์ (Flash Drive) 4.1.12 เครอ่ื งฉาย (Projectors) อุปกรณท์ ่ีเปน็ ตัวกลางหรอื สื่อกลางในการถ่ายทอด เน้ือหา สาระ ขอ้ มูล ต่าง ๆ จากวสั ดฉุ ายใด ๆ ให้ปรากฏขนึ้ มาบนจอภาพและมองเห็นได้ อาจมเี สียง หรือไม่มเี สียง มีภาพเคลอ่ื นไหวหรือภาพน่ิง หรอื มแี ต่ขอ้ ความเพยี งอย่างเดยี วก็ได้ ข้ึนอย่กู ับประเภท ของเครื่องฉายและวัสดุฉาย หนว่ ยที่ 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ

14 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) ภาพท่ี 1.17 เครอื่ งฉาย (Projectors) ท่มี า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.1.13 เครื่องพมิ พ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ต่อพว่ งทีจ่ ะผลติ ขอ้ ความและกราฟกิ ของ เอกสารท่ีเก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในส่ือทางกายภาพเช่นกระดาษหรือแผ่นใส ซึ่งมี ด้วยกัน 3 ชนิด คือ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) มีลักษณะการทางานเหมือนเคร่ืองถ่าย เอกสาร เคร่ืองพิมพ์แบบพ่นหมกึ หรอื เคร่ืองพมิ พ์อิงก์เจค็ (Inkjet Printer) มีลักษะการทางานโดย การพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็ก ๆ ลงบนกระดาษ และเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer) มีลักษณะการทางานโดยใช้หัวเขม็ กระแทกลงบนผา้ หมกึ ใหเ้ กดิ เปน็ จดุ เหมาะสาหรบั พิมพล์ ง บนกระดาษสาเนา เครอื่ งพมิ พเ์ ลเซอร์ เครอ่ื งพิมพ์องิ กเ์ จ็ค เครอ่ื งพิมพ์ดอตแมทรกิ ซ์ ภาพที่ 1.18 เครื่องพมิ พ์ (Printer) ทมี่ า : http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/ 4.2 ส่วนประกอบภายใน ได้แก่ ซอฟต์แวร์ (Software) คาสั่งหรือชุดคาส่ังที่ส่ังให้ คอมพิวเตอร์ทางานอย่างใดอยา่ งหน่ึงตามต้องการ หรอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์น่ันเอง สามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบและซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี

15 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (2001-2001) ซอฟตแ์ วร์ ซอฟต์แวรร์ ะบบ ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ ระบบปฏบิ ัตกิ าร ซอฟต์แวรส์ าเรจ็ รปู ตวั แปลภาษา ซอฟต์แวร์เฉพาะงาน ยทู ิลติ ี้ ภาพท่ี 1.19 ผงั ภาพโครงสรา้ ง Software 4.2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ซอฟต์แวร์ท่ีช่วยในการจัดการระบบ คอมพวิ เตอรจ์ ดั การอปุ กรณ์รบั เขา้ และส่งออก การรับขอ้ มลู จากแป้นพิมพ์การแสดงผลบนจอภาพการ นาขอ้ มูลออกไปพมิ พ์ยังเครอื่ งพิมพ์ การจดั เกบ็ ข้อมูลเป็นแฟม้ การเรยี กคน้ ขอ้ มลู การส่ือสารข้อมูลใน ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการประสานงานกบั ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซอฟต์แวร์ระบบไดแ้ ก่ ระบบปฏิบตั ิการ ตัวแปลภาษา ยูทิลิต้ี เป็นต้น ซอฟต์แวร์ระบบท่ีรู้จักกนั ดี คือ ระบบปฏิบัติการ (operating System) เช่น DOS Windows, Unix, Linux เป็นต้น รวมท้ังโปรแกรม แปลคาส่ังท่ีเขียนในภาษาระดับสูง เช่น ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol และ C เปน็ ต้น 4.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เป็นซอฟต์แวรท์ ่ีใช้กับงานด้าน ตา่ ง ๆ ตามความต้องการของผูใ้ ช้ ที่สามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ดโ้ ดยตรง ปจั จบุ ันมผี ูพ้ ฒั นาซอฟตแ์ วร์ ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจาหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย อาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สาเร็จรูป และซอฟต์แวร์เฉพาะงาน ซอฟต์แวร์สาเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลผลคา ซอฟต์แวร์ตารางทาการ ซอฟต์แวร์นาเสนอขอ้ มลู ฯลฯ ซอฟต์แวร์ประยกุ ตแ์ บง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 4.2.2.1. ซอฟตแ์ วร์สาเรจ็ รปู มีด้วยกัน 5 กล่มุ ใหญ่ ได้แก่ หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพอื่ งานอาชพี

16 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (2001-2001) ภาพท่ี 1.20 แสดงชดุ ซอฟต์แวรส์ าเรจ็ รปู ทม่ี า : http://www.qweas.com 4.2.2.1. 1 ซ อ ฟ ต์ แ ว ร์ ป ร ะ ม ว ล ผ ล ค า (word processing software) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สาหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพ่ิม แทรก ลบ และ จัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารท่ีพมิ พ์ไว้จดั เป็นแฟ้มข้อมลู เรียกมาพมิ พ์หรอื แก้ไขใหม่ได้ การ พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจบุ นั มกี ารเพ่มิ ขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลผลคาอกี มากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลผลคา ที่นยิ มอยู่ในปจั จุบัน เช่น Microsoft Word 4.2.2.1.2 ซอฟต์แวร์ตารางทาการ (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ทช่ี ่วยในการคิดคานวณ การทางานของซอฟต์แวร์ตารางทาการ ใช้หลักการเสมือนมี โตะ๊ ทางานทม่ี กี ระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มเี คร่อื งมอื คล้ายปากกา ยางลบ และเคร่ืองคานวณเตรียมไว้ ใหเ้ สร็จ บนกระดาษมีชอ่ งใหใ้ สต่ วั เลข ขอ้ ความหรอื สูตร สามารถสัง่ ให้คานวณตามสตู รหรอื เงื่อนไขที่ กาหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทาการสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอ่ืน ๆ ได้ ซอฟต์แวร์ ตารางทาการทีน่ ิยมใช้ เชน่ Microsoft Excel 4.2.2.1.3 ซอฟต์แวร์จดั การฐานข้อมลู (database management software) การใชค้ อมพิวเตอรเ์ กบ็ ข้อมลู และจดั การข้อมลู ทจี่ ัดเก็บในคอมพวิ เตอร์ จึงจาเป็นตอ้ งมซี อฟต์แวรจ์ ดั การข้อมลู การรวบรวมขอ้ มลู หลาย ๆ เรือ่ งทเี่ กยี่ วข้องกนั ไวเ้ รียกวา่ ฐานข้อมลู ซอฟตแ์ วรจ์ ัดการฐานขอ้ มลู จงึ หมายถึงซอฟตแ์ วรท์ ชี่ ว่ ยในการเกบ็ การเรียกคน้ มาใช้งาน การทารายงาน การสรปุ ผลจากข้อมลู ซอฟตแ์ วรจ์ ัดการฐานข้อมลู ทนี่ ยิ มใช้ เชน่ Microsoft Access 4.2.2.1.4 ซอฟต์แวร์นาเสนอ (presentation software) เป็น ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชส้ าหรบั นาเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดงึ ดูดความสนใจ ซอฟต์แวรเ์ หลา่ นี้จึง เปน็ ซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลกั ษณะทจ่ี ะสือ่ ความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้าง แผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นาเสนอ เช่น Microsoft PowerPoint หน่วยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี

17 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (2001-2001) 4.2.2.1.5 ซอฟต์แวร์ส่ือสารข้อมูล (data communication software) ซอฟต์แวร์สอ่ื สารข้อมูลนห้ี มายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้เคร่อื งคอมพิวเตอร์ตดิ ต่อสือ่ สาร กบั เคร่อื งคอมพิวเตอรอ์ ืน่ ในทีห่ า่ งไกล โดยผา่ นทางสายโทรศพั ท์ ซอฟตแ์ วร์สอื่ สารใช้เชื่อมโยงต่อเข้า กับระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทาให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพ่ิมเติมได้ สามารถ ใช้รับส่งไปรษณียอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟม้ ข้อมลู ใช้แลกเปลยี่ นข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพ่ือเรียกใช้งานจาก เครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวรส์ อื่ สารข้อมูลท่นี ิยมมมี ากมายหลายซอฟต์แวร์ เช่น Procom close-talk 4.2.2.2 ซอฟตแ์ วรเ์ ฉพาะทาง ภาพท่ี 1.21 แสดงซอฟตแ์ วร์เฉพาะงาน เป็นโปรแกรมที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาสาหรับนาไปใช้งานเฉพาะ ด้านหรือในสาขาใดสาขาหนึ่งตามความต้องการของผู้ใช้ โดยที่ผู้เขียนโปรแกรมหรือที่เรียกว่า โปรแกรมเมอร์ (Programmer) ที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ และต้อง ศึกษาทาความเข้าใจงานและรายละเอียดของการประยุกต์น้นั เป็นอย่างดี เช่น โปรแกรมช่วยจัดการ ดา้ นการเงนิ โปรแกรมชว่ ยจดั การบรกิ ารลกู คา้ โปรแกรม ศธ.02 ระบบบริหารโปรแกรมงานทะเบียน และวัดผลการศึกษา ระบบบริหารงานวิทยาลัยต่าง ๆ ท่ีใช้งานภายในสถานศึกษาของอาชีวศึกษา ฯลฯ ตามปกติจะไม่ไดพ้ บเห็นซอฟต์แวร์ประเภทนี้ในท้องตลาดทัว่ ไป แต่จะซื้อหาได้จากผผู้ ลิตหรือ ตวั แทนจาหน่ายในราคาคอ่ นข้างสงู กวา่ ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ชง้ านทัว่ ไป ในประเทศไทย มกี ารใช้ซอฟตแ์ วร์เฉพาะงานอยบู่ ้าง ส่วนใหญ่จะเปน็ ซอฟต์แวรท์ บ่ี ริษัทผผู้ ลิตต่างประเทศไดอ้ อกแบบมาเพ่ือรองรับงานดา้ นธุรกจิ ในท่ีนี้ไดร้ วบรวมจัด ประเภทไว้ดังนี้ 4.2.2.2.1 ซอฟต์แวรร์ ะบบงานด้านบัญชี ได้แก่ ระบบงานบญั ชี เจา้ หน้ี บญั ชีลกู หนี้ บญั ชสี ินทรัพย์ถาวรและค่าเสอื่ มราคาสะสม บญั ชแี ยกประเภทท่ัวไป และบญั ชี เงินเดือน 4.2.2.2.2 ซอฟตแ์ วรร์ ะบบงานจัดจาหน่าย ได้แก่ ระบบงานรับ ใบสง่ั ซอื้ สินค้า ระบบงานบรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั และระบบงานประวัตกิ ารขาย 4.2.2.2.3 ซอฟตแ์ วร์ระบบงานในโรงงานอตุ สาหกรรม ได้แก่ ระบบงานกาหนดโครงสรา้ งผลติ ภัณฑ์ การวางแผนกาลงั การผลติ การคานวณต้นทนุ ของงาน การ ประเมนิ ผลงานของพนกั งาน การวางแผนการผลติ หลัก การวางแผนความต้องการวสั ดุ การควบคมุ การทางานภายในโรงงาน การกาหนดเงนิ ทนุ มาตรฐานสินคา้ และการกาหนดขัน้ ตอนการผลติ หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี

18 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี (2001-2001) 4.2.2.2.4 ซอฟตแ์ วร์อื่น ๆ ได้แก่ ระบบการสร้างรายงาน การ บรหิ ารการเงนิ อสังหารมิ ทรพั ย์ การเช่าซ้อื รถยนตแ์ ละการเชา่ ซอื้ อุปกรณ์ต่าง ๆ 5. ขอ้ ควรระวังในการใช้คอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีระบบสนับสนุนการประหยัดพลังงานหากไม่ได้ใช้งาน เครื่อง คอมพิวเตอรจ์ ะทาการตัดระดับไฟฟ้าท่เี ลย้ี งเคร่ืองอัตโนมัติ ทาใหส้ ามารถเปิดเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ งิ้ ไว้ ได้ตลอดเวลาที่ทางานได้ ให้ทาการปิดเฉพาะสวิตซ์หน้าจอ จึงต้องระวังในการใช้คอมพิวเตอร์ ดังต่อไปนี้ 5.1 ไม่ควรปิดแล้วทาการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ติดต่อกันทันที เพราะอาจทาให้เกิด กระแสไฟฟา้ กระชาก ซ่งึ จะทาให้วงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ภายในเครื่องเส่ือมอายเุ ร็วขึน้ หรอื เสยี หายได้ 5.2 ไมค่ วรนาอาหารและเครื่องดืม่ เข้ารับประทานขณะใช้งานเครือ่ งคอมพิวเตอร์ เพอ่ื ป้องกนั เศษอาหารหรือนา้ หกใส่เคร่อื งคอมพิวเตอรท์ าใหไ้ ฟฟ้าลดั วงจรได้ 5.3 ห้ามทาการเคาะ เขย่า เหยียบหรือกระโดดบนโต๊ะเก้าอ้ีท่ีต้ังเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพราะ อาจทาใหอ้ ุปกรณ์และโต๊ะเกา้ อเี้ สยี หายได้ 5.4 อย่าขีดเขยี นสิ่งใดลงบนหน้าจอภาพ เนือ่ งจากจอภาพร่นุ ใหมจ่ ะมีลักษณะเป็นของเหลว อยู่ภายในอาจทาให้หน้าจอเสียหาย รวมท้ังอย่าขีดเขียนลงบนแป้นพิมพ์ หรือส่วนใดส่วนหน่ึงของ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 5.5 ควรใช้แป้นพิมพ์ต้องใช้อย่างเบามอื ไม่ควรกระแทกแรง ๆ ขณะใช้งานเพราะอาจทาให้ ปุ่มแป้นพิมพเ์ สยี หายได้ 5.6 ภายหลังท่ีใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เสร็จ ควรคลุมเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยผ้าหรือ พลาสตกิ เพ่ือป้องกนั ฝุ่น 5.7 ควรควบคุมอุณหภูมิภายในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ห้องมีความร้อนและ ความชืน้ มาก เน่ืองจากเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์กลัวความช้นื มากกว่ากลวั ความรอ้ น 6. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ขอ้ มูลดิบ (Raw Data) หมายถงึ ขอ้ เทจ็ จรงิ หรือสาระตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกบั งานที่ปฏบิ ัติ อาจ เป็นตัวเลขหรอื ขอ้ ความที่เกิดขนึ้ จากการดาเนินงาน หรอื ท่ไี ด้จากหนว่ ยงานอนื่ ๆ ขอ้ มูลเหล่านยี้ ังไม่ หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ

19 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (2001-2001) สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสนิ ใจได้ทันที จะนาไปใช้ก็ต่อเม่ือผ่านกระบวนการประมวลผล แลว้ อยา่ งเชน่ คะแนนสอบของนกั เรยี น เงนิ เดือนของพนักงาน เป็นตน้ สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข่าวสารที่ได้จากการนาข้อมูลดิบ (Raw data) จาก แหล่งต่าง ๆ นาผ่านการคานวณทางสถิติหรือผ่านกระบวนการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เพอื่ ให้ไดผ้ ลลพั ธต์ ามทตี่ ้องการเรียกวา่ “สารสนเทศ” ข้อมลู ที่ไดอ้ อกมาจะอยูใ่ นรูปทีส่ ามารถนาไปใช้ งานได้ทันที อย่างเชน่ เกรดเฉลย่ี เงนิ เดือนเฉลีย่ ของพนักงาน เปน็ ตน้ เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาข้ึน เพื่อช่วยในการทางานหรือ แก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองจักร วัสดุหรือส่ิงที่ไม่ได้เป็นส่ิงของที่จบั ต้องได้ เช่น กระบวนการตา่ ง ๆ เปน็ ต้น เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการ สารสนเทศที่ต้องการ โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการสอ่ื สาร ตลอดจนกระบวนการดาเนินงานสารสนเทศ ตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทาสาเนา และการส่ือสาร โทรคมนาคม เพ่ือใหไ้ ดส้ ารสนเทศ และสามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ด้ โดยมีขัน้ ตอนต่าง ๆ ดังนี้ 6.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นวิธีการรวบรวมข้อมลู เข้าสู่ระบบ ซึ่งสามารถทาได้หลายวิธี เช่น การพิมพข์ อ้ มูลทางแป้นพิมพ์ หรือเคร่ืองอ่านบาร์โคด้ หรอื รหสั แทง่ เป็นต้น 6.2 การประมวลผล เป็นการนาข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมไว้มาผ่านการประมวลผลด้วยเครื่อง คอมพิวเตอร์จากสว่ นสาคัญของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 6.3 การแสดงผลลัพธ์ เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้เทคโนโลยีในการแสดงผลลัพธ์ ได้แก่ ตัวอักษร รปู ภาพ ภาพเคลอื่ นไหวแบบวีดีทศั น์ หรือเสียง หรือเครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์ เปน็ ตน้ 6.4 การทาสาเนา เป็นการทาสาเนาข้อมูลหรือสารสนเทศที่จัดเก็บไว้ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ชนิดตา่ ง ๆ ใหม้ ีจานวนหลายชดุ เพื่อสะดวกตอ่ การเกบ็ รักษาและการนาไปใช้ อปุ กรณท์ ีใ่ ชท้ าสาเนา เชน่ เครอ่ื งพมิ พ์ เคร่ืองถา่ ยเอกสาร แผน่ บันทึกข้อมลู ฮารด์ ดสิ ก์ หรือแผน่ ซดี ี เปน็ ต้น 6.5 การสื่อสารโทรคมนาคม เป็นวิธีการท่ีจะส่งข้อมูลจากท่ีหนึ่งไปยังอีกท่ีหน่ึง ซึ่งอาจส่ง กระจายไปยังปลายทางครั้งละมาก ๆ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์บ้าน โทรศัพทเ์ คลอ่ื นท่ี เครื่องโทรสาร เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ คล่ืนวทิ ยุ ดาวเทยี ม เปน็ ตน้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยกุ ต์ใช้เครอ่ื งมือเคร่อื งจักรหรอื เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ มาใช้ในการประมวลผลข้อมลู ดิบด้วยกระบวนการคานวณทางสถิติ เพ่ือให้ได้มาซ่ึงผลลพั ธ์ ที่รวดเร็ว นา่ เชื่อถือ มีความถูกตอ้ ง และไม่ย่งุ ยากซบั ซ้อน จนไดผ้ ลลัพธ์ทต่ี อ้ งการ ที่เรียกว่า สารสนเทศ 7. ลักษณะสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมูล มีประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรใหม้ ีความเจรญิ กา้ วหน้า ซ่ึงทาการอาศัยเทคโนโลยี เข้ามาประมวลผลให้ข้อมูลกลายเป็นสารสนเทศ มีความถูกต้อง แม่นยา ความรวดเร็วและน่าเช่อื ถอื โดยมีลักษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนี้ หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

20 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี (2001-2001) 7.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ ช่วยใหผ้ ู้ใช้สามารถเขา้ ถึงสารสนเทศที่ต้องการไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและ ทันต่อเหตุการณ์ เนื่องจากข้อมูลถูกจัดเก็บและบริหารเป็นระบบ ทาให้ผู้บริหารสามารถจะเข้าถึง ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบท่ีเหมาะสม และสามารถนาข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ทันต่อความ ต้องการ 7.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยผู้ใช้ในการกาหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผน ปฏิบัติการ ได้ตรงตามเป้าหมายในการดาเนินงาน เน่ืองจากสารสนเทศถูกเก็บรวบรวมและจัดการ อยา่ งเหมาะสม ทาใหม้ ีขอ้ มูลอยา่ งต่อเน่อื ง สามารถทจ่ี ะช้ีแนวโนม้ ของการดาเนินงานได้ 7.3 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยทาให้การบริการกว้างขวางข้ึน สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง โดยตรง เมอื่ มกี ารพัฒนาระบบเกบ็ และใชข้ อ้ มูล ทาให้การบริการต่าง ๆ อย่ใู นรปู แบบการบริการแบบ กระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซ้ือสินค้าจากท่ีบ้าน สามารถถามข้อมลู ผา่ นทางโทรศัพท์ หรือตรวจผลการ เรยี นผา่ นทางเครือขา่ ยของนักเรียนนกั ศึกษา 7.4 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยดาเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่าง พฒั นาระบบจดั เกบ็ ข้อมูลและรวบรวมข้อมลู เพ่อื ใช้ในองค์กร ประเทศไทย มีระบบทะเบยี นราษฎรที่ จัดทาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมู ลภาษี ใน ปัจจุบนั องคก์ รทกุ ระดบั เห็นความสาคัญที่จะนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ ชว่ ยให้การทางานอย่างรวดเรว็ ถกู ตอ้ งและแม่นยา ช่วยให้ทาการบรกิ ารที่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง รวมทั้งช่วยใหก้ ารดาเนินการในองค์กรต่าง ๆ ใหม้ ี ประสทิ ธิภาพย่ิงข้ึน 8. องคป์ ระกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ มีการนาเทคโนโลยี หลายดา้ น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการนาขอ้ มูลมา ประมวลผลและสือ่ สาร สารสนเทศไปยงั ผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ งได้อย่างรวดเรว็ องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ 8.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง รวมท้ังอุปกรณ์ส่ือสาร สาหรับเช่ือมโยงคอมพิวเตอรเ์ ข้าเปน็ เครอื ข่าย ซงึ่ ถอื วา่ เปน็ องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ของระบบสารสนเทศ 8.2 ซอฟต์แวร์ (Software) โปรแกรมหรอื ชุดคาสง่ั ทใี่ ห้คอมพวิ เตอรท์ างาน เปน็ ตวั สงั่ การให้ อุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้ โดยโปรแกรมจะเขียนให้ทางานเป็นขั้นตอนโดยจะครอบคลมุ การดาเนินการ ทั้งหมดว่าจะให้ผลลัพธ์ออกมาในลักษณะไหน โดยผู้เขียนโปรแกรมหรือนักโปรแกรมเมอร์จะเป็น ผ้เู ขยี นโปรแกรมกาหนดใหโ้ ปรแกรมรบั อะไรมาประมวลผล แล้วให้ผลลพั ธแ์ สดงออกมาในรปู แบบใด แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ 8.3 บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People ware) บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บริหาร ผู้พัฒนา ระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสาคัญในความสาเรจ็ ของระบบ สารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์มากเท่าใดโอกาสที่จะใช้งานระบบ สารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็มศักยภาพและคุ้มค่ายิ่งมากขึ้นเท่านั้น ผู้ใช้มีโอกาสพัฒนา ความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานได้เองตามต้องการ บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ เ ช่น นักวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) โปรแกรมเมอร์ (Programmer) วิศวกรระบบ (System Engineer) ผูบ้ รหิ ารระบบงาน (Administrator) พนกั งานปฏิบัตกิ าร (Operator) ผใู้ ช้ (User) หนว่ ยท่ี 1 การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ

21 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี (2001-2001) 8.4 ข้อมูล (Data) เป็นองค์ประกอบหนึ่งท่ีของระบบสารสนเทศ การเก็บข้อมูลจาก แหล่งกาเนิดข้อมลู จะต้องมคี วามถูกต้องมีการตรวจสอบแล้วเทา่ นั้น จึงจะมีประโยชน์ ข้อมูลจาเปน็ จะต้องมีมาตรฐาน เมื่อใช้งานในระดับกล่มุ หรือระดบั องค์การข้อมูลต้องมีโครงสรา้ งในการจดั เกบ็ ที่ เปน็ ระบบระเบียบเพ่ือการสบื ค้นทร่ี วดเร็วมปี ระสิทธิภาพ 8.5 ข้นั ตอนการปฏิบัตงิ าน (Procedure) ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ านของผู้ใชห้ รอื ของบุคลากรที่ เกี่ยวข้องเป็นเรอ่ื งสาคัญ เมอ่ื ไดพ้ ัฒนาระบบงานแล้ว ขณะที่ใช้งานกจ็ าเปน็ ต้องคานงึ ถึงลาดบั ขนั้ ตอน ของคนและความสัมพันธ์กับเคร่ือง ทั้งในกรณีปกติและกรณีฉุกเฉิน เช่น การบันทึกข้อมูล การ ประมวลผล การปฏิบัติงาน เม่ือเครื่องชารุดหรือข้อมูลสูญหายและการทาสาเนาข้อมูลสารองเพ่ือ ความปลอดภัย และการทาเอกสารคมู่ อื การใช้งานทีช่ ัดเจน 8.6 ระบบการส่ือสารข้อมูล (Data Communication System) ระบบสื่อสารข้อมูลเป็น ปจั จัยสาคัญในการเชอ่ื มต่อสารสนเทศ ทาให้มีการใช้งานสารสนเทศไดม้ ีประสทิ ธิภาพ ความกา้ วหน้า ของเทคโนโลยีดา้ นนีท้ าให้ทุกภาคสว่ นตอ้ งมกี ารปรบั ตัวเพอื่ รองรับกับความเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และนามาใช้ประโยชน์กบั องค์กร ระบบเครือขา่ ยและระบบโทรคมนาคม ชว่ ยทาใหก้ ารตดิ ตอ่ ส่ือสาร การแลกเปลยี่ นข้อมูลงา่ ย สะดวก รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายน้อยลง เช่น มีการใช้สัญญาณ Wi-Fi ระบบ 3G ซ่ึงกาลังจะเปล่ียนเป็น 4G ในไม่ช้า อินเทอร์เน็ตก็เป็นช่องทางหน่ึงท่ีมีความสาคัญในการใช้ระบบ สารสนเทศ องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ท่ีสามารถนามาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ โดยการนาขอ้ มูล มาประมวลผลและสอ่ื สาร สารสนเทศไปยงั ผู้ทเ่ี กย่ี วข้องได้อย่างรวดเร็ว องค์ประกอบท่ีสาคัญ ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ (People ware) ข้อมูล (Data) ข้ันตอนการปฏิบัติงาน (Procedure) และระบบการส่ือสารข้อมูล (Data Communication System) 9. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้สรา้ งประโยชนอ์ ย่างมากต่อวงการทางธุรกิจ ทาให้ ทุกธุรกิจมีการลงทุนขยายขอบเขต การให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมาก กลไกเหล่าน้ี ทาให้ โอกาสในการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศกว้างขวางเพิ่มข้ึน นอกจากนก้ี ารเชื่อมโยงเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอร์ทาให้สังคมโลกเป็นสังคมแบบไร้พรมแดน การใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น หน่วยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี

22 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี (2001-2001) อินเทอร์เน็ตมีอัตราการขยายตัวสูงมาก ผู้คนบนโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านทางเครือข่าย อนิ เทอรเ์ น็ตได้หมด โดยผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ มีดังตอ่ ไปนี้ 9.1 ผลกระทบทางบวก การก้าวเข้าสู่การปฏิวัติเพื่อเข้าสู่ยุคสารสนเทศ การส่ือสารที่ให้ข่าวสารได้อย่าง รวดเร็ว จนทาให้โลกมลี กั ษณะไร้พรมแดน สิ่งเหลา่ นจ้ี ะมีผลกระทบในการที่ดี หรือทางบวกต่อสังคม โดยตรง เชน่ 9.1.1 ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทาให้ มนุษย์มีความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้น ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทางาน มีเคร่ืองมือส่ือสาร โทรคมนาคมสมัยใหม่ ทาให้ติดต่อถึงกันได้สะดวก มีระบบคมนาคมขนส่งท่ีรวดเร็ว สามารถใช้ โทรศัพท์ในขณะเดินทางไปมายังที่ต่าง ๆ มีอุปกรณ์อานวยความสะดวกที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น ลฟิ ต์ เครอ่ื งซักผา้ เครื่องปรับอากาศ มเี ครอ่ื งชว่ ยใหเ้ กดิ การพักผอ่ นหยอ่ นใจ เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ มีการแพร่กระจายสญั ญาณโทรทัศนผ์ ่านดาวเทียม สามารถรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้ อยา่ งรวดเร็ว 9.1.2 ช่วยทาให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีข้ึน ระบบการผลิตสินค้าในปัจจุบันเป็น ระบบที่ต้องการผลติ สินค้าจานวนมาก มีภาพมาตรฐาน การผลิตในสมยั ปัจจบุ ันใช้เคร่ืองจักรทางาน อย่างอัตโนมตั ิ สามารถทางานไดต้ ลอดย่ีสิบสี่ชัว่ โมง ปัจจุบนั มีความพยายามที่จะสรา้ งหุ่นยนต์เข้ามา ชว่ ยในอตุ สาหกรรมการผลิต เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมผี ลตอ่ การผลิตมาก 9.1.3 ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยสิง่ ใหม่ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และระบบส่ือสาร เชน่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้งานค้นคว้าวจิ ยั ในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารวจิ ัยต่าง ๆ มีความกา้ วหน้าย่ิงข้ึน ปัจจุบันงานค้นคว้าวิจัยทุกแขนงจาเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคานวณต่าง ๆ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ใช้ประโยชน์จากคอมพวิ เตอร์ในการจาลองรปู แบบของส่ิงทม่ี องไม่เหน็ ตวั ใช้ในการ ค้นหาข้อมลู ทีม่ จี านวนมากและแพร่กระจายอยูท่ ่วั โลก สามารถค้นหารายงานวิจัยท่ีมีผู้เคยทาไว้แล้ว และที่เก็บไวใ้ นห้องสมุดตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 9.1.4 ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีข้ึน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ท่ี เกี่ยวกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้กจิ การทางด้านแพทย์เจริญก้าวหนา้ ขึ้นอกี มาก ปัจจบุ ันเครื่องมอื เคร่อื งใชท้ างการแพทยล์ ้วนแลว้ แต่ใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยในการดาเนนิ การ 9.1.5 ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ คอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยในการ เรียนรู้ของมนุษย์ได้ดี ปัจจุบันมีการนาบทเรียนมาไว้ในคอมพิวเตอร์เรียกว่า คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI: Computer Assisted Instruction) คอมพิวเตอรย์ ังเป็นเคร่ืองมือทใี่ หน้ ักเรยี น นิสิต นักศึกษา เชื่อมโยงติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต สามารถศึกษาค้นคว้าข้อมูลข่าวสารผา่ นทางเครอื ข่าย สามารถ เรยี นรู้การใช้คอมพวิ เตอรห์ รือเรยี นจากท่ีหา่ งไกลได้ 9.1.6 เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยให้เศรษฐกิจเจรญิ รงุ่ เรอื ง การใช้เทคโนโลยีเปน็ เรอ่ื ง ท่ีจาเป็นต่ออุตสาหกรรม กิจการค้า ธุรกิจต่าง ๆ กิจการทางด้านธนาคาร ช่วยส่งเสริมงานทางด้าน เศรษฐกิจ ทาให้กระแสเงินหมุนเวียนได้อย่างกว้างขวาง ผู้ผลิตในสายอุตสาหกรรมจะผลิตสินค้า ได้มาก ลดต้นทุนธุรกิจ โดยรวมจาเป็นต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน มีการสื่อสาร เก่ียวข้องกนั เกิดระบบการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ทางอิเล็กทรอนกิ ส์ หนว่ ยที่ 1 การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี

23 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) 9.1.7 ช่วยให้เกิดความเขา้ ใจอันดีระหว่างกัน การสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ชว่ ย ย่อโลกให้เลก็ ลงโลกมสี ภาพไรพ้ รมแดน มีการเรยี นรู้วัฒนธรรมซึง่ กันและกันมากข้ึน เกิดความเขา้ ใจ ซ่ึงกันและกันได้ดี ทาให้ลดปัญหาในเร่ืองความขัดแย้ง สังคมไร้พรมแดนทาให้มีความเป็นอยู่แบบ รวมกลุ่มประเทศมากข้ึน 9.1.8 ช่วยส่งเสรมิ ประชาธิปไตย ในการเลอื กตั้งสมาชิกสภาพผแู้ ทนราษฎรทุกครั้ง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกระจายข่าวสาร เพ่ือให้ประชาชนได้เห็นความสาคัญของระบบ ประชาธิปไตย แม้แต่การเลอื กต้ังกม็ ีการใช้คอมพิวเตอร์รวมผลคะแนน ใช้สื่อโทรทศั น์ วิทยุ แจ้งผล การนับคะแนนท่ที าใหท้ ราบผลไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ 9.2 ผลกระทบทางลบ ต้ังแต่เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันมากขึ้น การใช้ เทคโนโลยเี ป็นไปอย่างกว้างขวาง การใชเ้ ทคโนโลยีไปในดา้ นต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนย่อมต้องมที งั้ และโทษ ภาพยนตร์ หลายเรื่องได้สะท้อนความคิดของการนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในทางลบ ผลกระทบในทางลบเหล่าน้ีบางอยา่ งเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นอาจไม่ได้เกิดขึน้ จริง แตอ่ ย่างไรก็ ตามยอ่ มมโี อกาสเกิดข้ึนได้ เชน่ 9.2.1 ทาให้เกิดอาชญากรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถนามาใช้ในการ ก่อให้เกดิ อาชญากรรมไดม้ ีการลกั ลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มกี ารโจรกรรมหรอื แกไ้ ขตัวเลขบญั ชดี ว้ ย การ แก้ไขระดับคะแนนผ้เู รยี น การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาล เพ่ือให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผดิ ซึ่งเปน็ การทาร้ายหรอื ฆาตกรรม 9.2.2 ทาให้เกิดความสมั พันธ์ของมนุษย์เส่อื มถอย การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์ สอ่ื สารทาให้สามารถตดิ ต่อส่อื สารกันได้โดยไม่ตอ้ งเห็นตัว การใชง้ านคอมพิวเตอรห์ รือแมแ้ ต่การเล่น เกม มีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทาให้ความสัมพันธ์กับผู้อ่ืนลดน้อยลง ผลกระทบน้ีทาให้มี ความเช่ือว่า มนุษยส์ ัมพนั ธข์ องบุคคลจะลดน้อยลง สังคมใหมจ่ ะเป็นสงั คมทีไ่ ม่ต้องพ่งึ พากนั มาก 9.2.3 ทาให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลมุ่ บุคคลบางกลุ่มท่ีมีความวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจทาให้เกิดการจ้างงานน้อยลง มีการนาเอา หุ่นยนต์มาใช้งานมากข้ึน มีระบบการผลิตท่ีอัตโนมัติมากขึ้น ทาให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน หรือ หนว่ ยงานอาจเลิกว่าจา้ งได้ 9.2.4 ทาให้เกิดการเสยี่ งภัยทางด้านธุรกจิ ธุรกิจในปัจจบุ ันจาเป็นต้องพ่ึงพาอาศยั เทคโนโลยีสารสนเทศมากข้ึน ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกจิ ฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลกู หนี้ การคา้ ขอ้ มลู สินคา้ และบริการต่าง ๆ หากเกดิ การสญู หายของขอ้ มลู อันเนอื่ งมาจากเหตุอุบัติภยั เชน่ ไฟไหม้ น้าทว่ ม หรอื ดว้ ยสาเหตใุ ดก็ตามทที่ าใหข้ อ้ มูลสญู หายหมดยอ่ มทาใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อธรุ กจิ ได้ 9.2.5 ทาให้การพัฒนาอาวุธมีอานาจทาลายสูงมากข้ึน ประเทศท่ีเปน็ ต้นตารับของ เทคโนโลยี สามารถนาเอาเทคโนโลยีไปใช้ในการสร้างอาวุธท่ีมีอานุภาพการทาลายสูง อาจมีผลต่อ สงครามทีม่ ีการทาลายลา้ งสูงเกดิ ขึน้ ได้ 9.2.6 ทาให้เกดิ การแพรว่ ัฒนธรรมและกระจายข่าวสารท่ีไม่เหมาะสมอย่างรวดเรว็ คอมพิวเตอร์เปน็ อปุ กรณท์ ท่ี างานตามคาสัง่ การนามาใช้ในการทางใด จงึ ขนึ้ อยู่กบั ผูใ้ ช้ จรยิ ธรรมการ ใช้คอมพิวเตอร์ ซ่ึงเป็นเรือ่ งสาคัญ ผู้สร้างเว็บไซต์หรอื สรา้ งข้อมลู ข่าวสารในเรอ่ื งภาพทไ่ี มเ่ หมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรือภาพท่ีทาให้ผู้อื่นเสียหาย การดาเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของ หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี

24 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี (2001-2001) ผู้ดาเนินการ นอกจากนี้ ยังมีการปลอมแปลงระบบจดหมาย เพ่ือส่งจดหมายถึงผู้อ่ืนโดยมีเจตนา กระจายข่าวทเี่ ป็นเท็จ ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีด้วยกัน 2 ด้าน คือ 1. ผลกระทบทางบวก ได้แก่ช่วย ส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ ช่วยทาให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีข้ึน ช่วยส่งเสริมการ ค้นคว้าวิจัยส่ิงใหม่ ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ช่วย สง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตย และ2. ผลกระทบทางลบ ไดแ้ ก่ ทาให้เกดิ อาชญากรรม ทาให้เกดิ ความสัมพนั ธ์ ของมนุษยเ์ ส่ือมถอย ทาให้เกดิ ความวิตกกงั วล ทาให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกจิ ทาให้การพฒั นา อาวุธมอี านาจทาลายสูงมากขน้ึ ทาใหเ้ กดิ การแพรว่ ฒั นธรรมและกระจายข่าวสารทไี่ ม่เหมาะสมอย่าง รวดเรว็ 10. เทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ งานอาชพี เทคโนโลยีสารสนเทศท่ถี ูกพัฒนาขึ้น เพ่ือสนับสนนุ การดาเนินงานด้านต่าง ๆ ให้ดาเนนิ การ อย่างเป็นระบบ โดยถูกออกแบบและพัฒนาให้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ สามารถจาแนกเทคโนโลยี สารสนเทศ ดังตอ่ ไปน้ี 10.1 เทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นการศกึ ษา เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การศึกษา หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงาน ด้านการศึกษา อันได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศ ช่วยการเรยี นการสอน การวางแผนและการบรหิ ารการศกึ ษา การวางแผนหลักสูตร การแนะแนวและ หนว่ ยที่ 1 การใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ

25 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) บริการ การทดสอบวัดผล การพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งเป็นที่นิยมประยุกต์ใช้ใน ปจั จุบัน ไดแ้ ก่ 1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการเรียนการสอน 2. การสอนทางไกลผ่านดาวเทยี ม 3. การประชมุ ทางไกลระบบจอภาพ 4. ระบบฐานขอ้ มูลการศึกษา 5. ระบบสารสนเทศเอกสาร ความสาคัญของเทคโนโลยีกับการพัฒนาการศึกษา ในปัจจุบัน Information and Communication Technology: ICT จึงมีผลต่อระบบการศึกษาโดยตรง ICT เก่ียวข้องโดยตรงกับ การรวบรวบข้อมูล ข่าวสาร ความรอบรู้ จัดระบบ ประมวลผล ส่งผ่านและส่ือสาร ด้วยความเรว็ สูง และปรมิ าณมาก นาเสนอและแสดงผลด้วยระบบสอ่ื ตา่ ง ๆ ทง้ั ทางด้านข้อมลู รปู ภาพ เสยี ง และวิดโี อ อีกท้งั ยงั สามารถสร้างระบบการมีปฏิสัมพนั ธโ์ ตต้ อบ ทาใหก้ ารเรยี นรใู้ นยคุ ใหมป่ ระสบผลสาเร็จดว้ ยดี บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการศึกษา 1. เทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามามสี ่วนช่วยเรื่องการเรียนรู้ ปัจจุบันมีเครือ่ งมือทชี่ ว่ ย สนับสนุนการเรยี นรู้ หลายด้าน มรี ะบบคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) ระบบสนับสนนุ การรับรู้ข่าวสาร เชน่ การค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อการเรยี นรใู้ น World Wide Web 2. เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัด การศึกษาสมัยใหมจ่ าเปน็ ต้องอาศัยข้อมลู ข่าวสารเพื่อการวางแผน การดาเนินการ การติดตามและ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ซ่ึ ง อ า ศั ย ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ แ ล ะ ร ะ บ บ สื่ อ ส า ร โ ท ร ค ม น า ค ม เ ข้ า ม า มี บ ท บ า ท ท่ี ส า คั ญ 3. เทคโนโลยสี ารสนเทศกับการสอ่ื สารระหวา่ งบคุ คล ในเกือบทุกวงการทง้ั ทางดา้ น การศกึ ษาจาเป็นต้องอาศยั สอื่ สมั พนั ธ์ระหว่างตัวบคุ คล เช่น การสือ่ สารระหว่างผู้สอนกบั ผู้เรียน โดย ใช้องคป์ ระกอบท่ีสาคัญช่วยสนับสนุนใหเ้ กิดประสิทธิภาพตน้ 4. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การพฒั นาศึกษาเพ่ือช่วยเสรมิ แรงจูงใจ ให้นักเรยี น มีความตั้งใจเรียน และช่วยเร้าความสนใจในการเรยี นเพม่ิ ขน้ึ นกั เรยี นสามารถคน้ คว้าหา ความรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง ก็จะทาให้นกั เรียนรู้จกั คดิ เป็น ทาเป็น แกไ้ ขปัญหาได้ นกั เรยี นไมเ่ บอ่ื ที่จะเรยี นรู้ เทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาศกึ ษา ไดแ้ ก่ 4.1 การเรยี นรู้แบบออนไลน์ (E-learning) 4.2 บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction: CAI) 4.3 วดี ที ศั น์ตามอัธยาศัย (Video on Demand: VOD) 4.4 หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-books) 4.5 หอ้ งสมดุ อิเล็กทรอนกิ ส์ (E-library) 5. พิจารณาเลือกใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือเพิ่มประสทิ ธิภาพการจัดการเรยี นรู้ ตามบริบทของโรงเรียนท่ีกาหนดให้ต่อไปนี้ พร้อมท้ังให้เหตุผลประกอบการอธิบายเทคโนโลยี สารสนเทศทใี่ ช้ 5.1 เน่ืองจากมีบุคลากรน้อย แต่มีความพร้อมทางเทคโนโลยี จึงเหมาะที่ จดั การเรยี นรแู้ บบเนน้ ผูเ้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลางให้ผูเ้ รยี น เรยี นรูต้ ามความสนใจบนเครอื ข่ายอินเตอร์เน็ต หน่วยที่ 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี

26 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (2001-2001) ครูกาหนดหัวข้อการเรียนรู้ แล้วให้นักเรียนค้นคว้าด้วยตัวเอง และนาเสนอความรู้ความเข้าใจของ ตนเอง 5.2 เรียนแบบมัลติมีเดียท่ีนาเสนอได้ท้ัง เสียง ข้อความ ภาพเคล่ือนไหว ดนตรี กราฟกิ ภาพถา่ ยวสั ดตุ พี มิ พ์ ภาพยนตร์ และวดี ีทัศน์ ประกอบกบั สามารถทจี่ ะจาลองภาพของ การเรยี นการสอนทผี่ ู้เรยี นสามารถเรียนรไู้ ดด้ ้วยตนเองแบบเชิงรุก 5.3 เรียนแบบ E-Learning 10.2 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านธรุ กจิ พาณชิ ยแ์ ละสานักงาน มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการผลิตและการบริการ ตวั อยา่ งการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศดา้ นธุรกิจ พาณิชย์ และสานกั งาน จาแนกได้ ดังน้ี 10.2.1 Electronic Commerce: E-commerce หรือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถงึ การทาธรุ กรรมในเชิงธุรกิจทกุ ประเภททีก่ ระทาผา่ นสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมทัง้ การซอ้ื ขาย การแลกเปลี่ยนสินค้าและกิจกรรมต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่ง สนิ ค้า การชาระเงนิ และการบรกิ ารดา้ นข้อมลู เป็นต้น E-commerce นัน้ สามารถใหบ้ รกิ ารทส่ี ะดวก รวดเร็ว และไม่จากัดขอบเขตของผ้ใู ช้บริการและระยะเวลาทาการของหน่วยงานสือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ หมายถึง ส่ือท่ีใช้อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ปน็ เคร่อื งมอื หลัก ในการปฏิบัติงานและติดต่อส่ือสารข้อมลู ใน E-commerce สื่ออิเล็กทรอนิกส์ของ ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ส่ือเคเบิลทีวี เคร่ืองโทรสาร โทรศัพท์ พ้ืนฐาน โทรศัพท์เคลื่อนท่ี เครื่อง ATM ระบบการชาระเงินและโอนเงินอัตโนมัติ รวมท้ังเครือข่าย อินเทอรเ์ นต็ 10.2.2 Electronic business: E-business เป็นธุรกิจเชิงอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงมี ขอบเขตกว้างกว่า E-commerce เนื่องจากเป็นการพิจารณาถงึ องค์ประกอบทุกส่วนของการดาเนิน ธุรกิจ มิได้พิจารณาเพียงเฉพาะกิจกรรมการซ้ือ-ขายเท่านั้น เป็นการปรับเปล่ียนกลยุทธ์ทางธุรกจิ ผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือดาเนินธุรกรรมต่าง ๆ และปรับปรุงธุรกิจให้มีความเป็นระบบ สามารถดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจด้วยการดาเนินธุรกจิ ให้ กลายเปน็ รปู แบบ online และครอบคลุมไดท้ ่วั โลก 10.2.3 Electronic Data Interchange: EDI ก า ร แ ล ก เ ป ล่ี ย น ข้ อ มู ล ท า ง อิเล็กทรอนิกส์ หรอื EDI เปน็ เทคโนโลยที ่ใี ชค้ อมพิวเตอรใ์ นการรับ - สง่ เอกสารจากหนว่ ยงานหนง่ึ ไป ยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย เช่น โทรศัพท์ สายเคเบิล ดาวเทียม เป็นต้น แทนการส่ง เอกสารโดยพนักงานส่งสารหรอื ไปรษณีย์ ระบบ EDI จะต้องใช้รูปแบบของเอกสารทเี่ ป็นมาตรฐาน เพื่อใหห้ น่วยงานทางธุรกจิ หรอื องค์กรต่างๆ สามารถสอ่ื สารได้อย่างมีประสิทธิภาพสาหรับมาตรฐาน ของ EDI ในประเทศไทยถูกกาหนดโดยกรมศุลกากร ซึ่งเปน็ หน่วยงานแรกทีน่ าระบบน้ีมาใช้งาน คือ ม า ต ร ฐ า น Electronic Data Interchange for Administration, Commerce and Transport: EDIFACT ตัวอยา่ งของเอกสารทน่ี ามาใช้แลกเปลย่ี นข้อมลู ดว้ ยระบบ EDI เช่น ใบสงั่ ซ้ือสินคา้ ใบเสนอ ราคา ใบกากับสนิ ค้า ใบเสร็จรับเงนิ ใบกากับภาษี ประโยชนข์ องการใชร้ ะบบ EDI 1. ลดคา่ ใชจ้ ่ายดา้ นการจัดส่งเอกสาร 2. ลดเวลาทางานในการป้อนข้อมูล ทาให้ข้อมูลมีความถูกต้อง และลด ข้อผดิ พลาดจากการปอ้ นขอ้ มลู ที่ซ้าซอ้ น หน่วยที่ 1 การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพื่องานอาชีพ

27 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (2001-2001) 3. เพมิ่ ความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร 4. ลดค่าใชจ้ า่ ยและภาระงานดา้ นเอกสาร 5. แก้ปญั หาอุปสรรคทางภูมศิ าสตร์และเวลา 10.2.4 ระบบสานักงานอัตโนมัติ ปัจจุบันสานักงานจานวนมากได้นาเทคโนโลยี สารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อให้งานบังเกิดผลในด้านบวก อาทิ ความสะดวก รวดเร็ว ความถกู ตอ้ ง และสามารถทาสาเนาไดเ้ ป็นจานวนมาก เปน็ ตน้ อุปกรณ์เทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่นามาใช้ได้แก่ เครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนกิ ส์ โทรศัพท์ เทเลเท็กซ์ เคร่ืองเขียนตามคาบอกอัตโนมัติ (Dictating Machines) เครื่องอ่านและบันทึกวัสดุย่อส่วน เครื่องถ่ายเอกสารแบบหน่วยความจา เคร่อื งโทรสาร ฯลฯ อปุ กรณ์เหลา่ นี้ นาไปประยกุ ต์ใช้กับงานสานกั งาน ดังนั้นการนาเทคโนโลยเี หลา่ นี้ มาใช้ในระบบสานักงาน จึงเรียกว่า ระบบสานักงานอัตโนมัติ ซึ่งเทคโนโลยีดังท่ีกล่าวมานา ไป ประยุกตใ์ ช้กบั งานสานกั งานไดใ้ นหลายลักษณะ เชน่ งานจดั เตรียมเอกสาร งานกระจายเอกสาร งาน จัดเกบ็ และคน้ คนื เอกสาร งานจดั เตรยี มสารสนเทศในลักษณะภาพ งานส่ือสารสนเทศดว้ ยเสียง งาน ส่อื สารสารสนเทศดว้ ยภาพและเสยี ง 10.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นอตุ สาหกรรมและการผลติ อุตสาหกรรมหลายแห่งนาระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information System: MIS) เข้ามาช่วยจัดการงานด้านการผลิต การส่ังซื้อ การพัสดุ การเงิน บุคลากร และงาน ด้านอื่นๆ ในโรงงาน ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานอุตสาหกรรมเช่น อุตสาหกรรมการ พิมพ์ อุตสาหกรรมประเภทน้ี ใช้ระบบการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Publishing)ในการ จัดเตรียมต้นฉบับ วิดีโอเท็กซ์ วัสดุย่อส่วน และเทเลเท็กซไ์ ด้ รวมทั้งการพิมพ์ภาพโดยใช้เทอรม์ นิ ลั นาเสนอภาพ (Visual Display Terminal) ส่วนอุตสาหกรรมการผลติ รถยนต์ มีการใช้คอมพิวเตอร์ ออกแบบรถยนต์ ปฏิบัติการการผลิต (เช่น การพ่นสี การเช่ือมอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกนั ฯลฯ) การ ขับเคล่ือน การบริการ และการขาย รวมทั้งออกแบบระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถปฏิบัติงานใน โรงงานไดใ้ นรูปแบบหนุ่ ยนต์ 1. อตุ สาหกรรมการผลติ ภณั ฑ์ ได้ใชค้ อมพิวเตอร์ออกแบบ รถยนต์ ปฏบิ ตั ิการผลติ เช่น การพ่นสี การเช่ือมอุปกรณ์ต่างๆ เขา้ ดว้ ยกนั ฯลฯ 2. อุตสาหกรรมการพมิ พ์ เช่นระบบการพมิ พอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Publishing) ในการจัดเตรียมตน้ ฉบบั บรรณาธิกร ตีพมิ พ์ จดั เก็บ และจัดจาหน่าย และสามารถพมิ พ์ ข้อมลู จากระบบไปรษณยี ์อิเล็กทรอนกิ ส์ (E-mail) วีดีโอเทก็ ซ์ วัสดุย่อสว่ นและเทเลเทก็ ซไ์ ด้รวมทง้ั การพมิ พภ์ าพโดยใช้เทอร์มินลั เสนอภาพ (Visual Display) 10.4 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นสาธารณสขุ และการแพทย์ งานดา้ นสาธารณสขุ เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเรว็ ระบบบรหิ ารไดน้ าเทคโนโลยี สารสนเทศมา ใชใ้ นงานตา่ งๆ เช่น การลงทะเบยี นผ้ปู ่วย การสร้างเครอื ข่ายขอ้ มลู ทางการแพทย์ แลกเปล่ียนข้อมูล ของผู้ป่วย การให้คาปรึกษาทางไกลโดยแพทย์ผเู้ ช่ียวชานาญ เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยให้แพทย์ สามารถเห็นหน้าหรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลท่ีเป็นเอกสารหรือภาพเพื่อประกอบการ พิจารณาของแพทย์ได้ ส่วนด้านให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล ด้วยระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เป็นต้น 10.4.1ระบบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) หน่วยที่ 1 การใชค้ อมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี

28 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (2001-2001) ระบบแพทย์ทางไกลเป็นการนาเอาความก้าวหน้า ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมมา ประยุกต์ใช้กับงานทางการแพทย์ โดยการส่งสัญญาณผ่านส่ือซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณดาวเทียม (Satellite) หรือใยแก้วนาแสง (Fiber optic) แล้วแต่กรณีควบคู่ไปกับเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ แพทย์ ตน้ ทางและปลายทางสามารถติดตอ่ กนั ด้วยภาพเคล่ือนไหวและเสียง ทาให้สามารถแลกเปล่ยี นขอ้ มูล คนไข้ระหว่างกันได้ 10.4.2 ระบบการปรกึ ษาแพทยท์ างไกล (Medical Consultation) เป็นระบบการปรึกษาระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพยาบาล (One to One) ซึ่งจะ สามารถใช้งานพร้อมๆ กันได้ เช่น ในขณะที่โรงพยาบาลท่ี 1 ปรึกษากับโรงพยาบาล ท่ี 2 อยู่ โรงพยาบาลที่ 3 สามารถขอคาปรึกษาจากโรงพยาบาลที่ 4 และโรงพยาบาลท่ี 5 สามารถขอ คาปรึกษาจาก โรงพยาบาลท่ี 6 ได้ ระบบการปรึกษาแพทย์ทางไกล ประกอบด้วยระบบย่อย ๆ 3 ระบบดงั นคี้ อื 10.4.2.1 ระบบ Tele radiology เป็นระบบการรบั สง่ ภาพ X-Ray โดย ผ่านการ Scan Film จาก High Resolution Scanner เพือ่ เก็บลงใน File ของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ กอ่ นทจ่ี ะมกี ารสง่ File ดงั กล่าวไปยังโรงพยาบาลทจี่ ะใหค้ าปรึกษา 10.4.2.2 ระบบ Tele cardiology เป็นระบบการรบั สง่ คลนื่ หัวใจ (ECG) และเสียงปอด เสยี งหวั ใจ โดยผ่านอปุ กรณเ์ ช่อื มต่อมายังอปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ 10.4.2.3 ระบบ Tele pathology เปน็ ระบบรับสง่ ภาพจากกล้อง จลุ ทรรศน์ (Microscope) ซงึ่ อาจจะเปน็ ภาพเนื้อเยื่อ หรือภาพใด ๆ ก็ได้จากกล้องจลุ ทรรศน์ทงั้ ชนดิ Monocular และ Binocular ระบบนีเ้ ปน็ อุปกรณ์เชือ่ มต่อกับกล้องจุลทรรศน์ซ่ึงมอี ยู่ทัว่ ไปใน โรงพยาบาลตา่ ง ๆ อยู่แล้ว 10.4.3 ระบบเช่ือมเครือขา่ ยข้อมลู และโทรศัพท์ (Data and Voice Network) ระบบเช่ือมเครอื ขา่ ยขอ้ มลู เปน็ ระบบการใช้งานเชอื่ มตอ่ จากโรงพยาบาลต่าง ๆ ซงึ่ เปน็ จุดติดตง้ั ของโครงการฯ มายงั สานกั เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพื่อใหส้ ามารถใชบ้ รกิ ารทางด้าน เครือขา่ ยข้อมลู ต่าง ๆ คอื ระบบ Internet ระบบ CD-ROM Server ระบบ ฐานข้อมลู กระทรวง สาธารณสขุ 10.5 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านการส่อื สารและโทรคมนาคม การประยกุ ตใ์ ช้ในงานประเภทนีไ้ ด้แก่ การบริการโทรศพั ท์ โทรศพั ท์เคลอ่ื นที่ วิทยุ โทรทศั น์ เคเบลิ ทีวี การคน้ คนื สารสนเทศระบบออนไลน์ ดาวเทยี ม และโครงข่ายบริการสอ่ื สารร่วมระบบดจิ ทิ ลั (ISDN) เป็นตน้ ซ่งึ ในที่นจ้ี ะกลา่ วถงึ เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการส่อื สารข้อมลู และโทรคมนาคมทน่ี ่าสนใจ ได้แก่ เทคโนโลยตี ่างๆ ดังน้ี ดาวเทียม (Satellite) เป็นสิ่งที่มนุษย์เปน็ ผ้ปู ระดษิ ฐ์ขึ้น แล้วส่งไปโคจร รอบโลก รอบดาวเคราะห์ต่าง ๆ ดาวฤกษต์ า่ ง ๆ หรือเพือ่ ใหท้ อ่ งเที่ยวไปในอวกาศและจกั รวาลตามวถิ ี ท่ไี ด้มกี ารกาหนดไวก้ อ่ น ดาวเทยี ม จาแนกไดห้ ลายประเภทซ่ึงขน้ึ กบั ลกั ษณะการใช้งานเช่น ดาวเทยี ม วิทยาศาสตร์ (Scientific Satellite) ผลิตขึ้นมาเพ่ือใช้ในงานค้นคว้าวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ดาวเทยี มการทหาร (Military Satellite) แบ่งเปน็ ประเภทย่อยได้ เช่น ดาวเทยี มจารกรรม ดาวเทยี ม เตือนภัยลว่ งหนา้ ดาวเทียมต่อตา้ นจรวด และดาวเทียมจโู่ จมหรือระดมยิง เป็นต้น ดาวเทียมนาทาง (Navigational Satellite) ดาวเทียมประเภทนี้ใช้ประโยชน์มากในเรือดาน้า การวางแผนเส้นทาง หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี

29 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (2001-2001) เดินเรือและเส้นทางการบิน ดาวเทียมสารวจทรัพยากรบนผิวโลกและในมหาสมุทร (Earth and Ocean Resources Satellite) มีจุดประสงค์เพื่อใช้ศึกษาธรณีวิทยา พืชพรรณ ตลอดจนมหาสมทุ ร และดาวเทียมโทรคมนาคม (Telecommunication Satellite) ใช้ในกิจการการส่ือสารในระดบั โลก ระดบั ภูมภิ าคและระดบั ประเทศ ด้านโทรคมนาคม โครงขา่ ยบรกิ ารสอื่ สารรว่ มระบบดจิ ิทลั (Integrated Service Digital Network : ISDN) ระบบ ISDN เป็นระบบที่องคก์ ารโทรศพั ทแ์ ห่งประเทศไทย นามาใช้เพ่ือใหบ้ ริการส่งขอ้ มลู ในลักษณะ โครงข่าย ISDN เป็นโครงข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงในระบบดิจิทลั ที่สามารถส่งท้ังสัญญาณเสยี ง และข้อมูลต่าง ๆ ร่วมไปในสายเส้นเดียวกัน และสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายโทรศัพท์ในปัจจุบัน (PSTN) รวมทั้งการเชื่อมต่อกบั โครงข่ายส่วนบคุ คลอืน่ (Private Network) เพ่ือติดต่อกบั ผูใ้ ช้บรกิ าร รายอน่ื ไดท้ วั่ ประเทศ เนื่องจากระบบ ISDN เป็นแบบดิจิทัลท้ังหมด ตลอดปลายทาง ไม่ต้องมีการแปลงสญั ญาณ ทาให้ความเพยี้ นของสัญญาณมนี ้อยมาก ตลอดจนสง่ิ รบกวน (Noise) กจ็ ะลดนอ้ ยลงดว้ ยทาใหข้ อ้ มูล ข่าวสารท่ีรับส่งในโครงข่าย ISDN มีความถูกต้อง ไว้วางใจได้สูงกว่าระบบเดิม ความเร็วในการรบั ส่ง 64 Kbps ต่อวงจร ทาให้สามารถรับส่งสัญญาณเสียง ข้อมูล ภาพ ตัวอักษร ในปริมาณมากและ รวดเรว็ ข้ึนกว่าเดิม สาหรับการบริการของระบบ ISDN ในปัจจุบันท่ีเพิ่มขึ้นนอกจากการส่งข้อมูลเสยี งแล้ว ยัง บรกิ ารข้อมลู อื่นๆ อกี อาทิ ระบบโทรศัพทแ์ บบใหมซ่ ึง่ สามารถแสดงหมายเลขโทรศพั ท์ ชอื่ ตลอดจน ทอี่ ยู่ของผูท้ เี่ รยี กมา และระบบโทรศพั ท์ทส่ี ามารถเชอ่ื มโยงกับคอมพวิ เตอร์ ทาให้สามารถแสดงขอ้ มลู ของผู้ทีเ่ รียกเข้ามาได้ นอกจากน้ีระบบ ISDN ยังช่วยให้มีการตดิ ต่อเพ่ือพูดคุยพรอ้ มกันหลาย ๆ สาย ไดอ้ ีกโดยมี 10.5.1 ระบบไปรษณีย์เสียง (voice mail) หากผู้ท่ีโทรเรียกไปพบว่าสายไม่ว่าง หรือไมม่ ผี ูร้ ับกอ็ าจจะทิง้ ขอ้ ความไว้ และเมอื่ ผูร้ ับเข้าสรู่ ะบบ ข้อความทฝี่ ากไว้ก็จะถูกถา่ ยทอดให้แก่ผู้ นั้นไดท้ นั ที นอกจากนีย้ ังมกี ารบริการใหแ้ กโ่ รงแรมต่างๆ ในการปลกุ ผู้เข้าพักโดยอัตโนมัติอกี ด้วย 10.5.2 โทรสาร (Facsimile) หรือแฟกซ์ (Fax) เป็นวิวัฒนาการด้านอุปกรณ์การ สอ่ื สารข้อมลู ประดษิ ฐข์ ้นึ เพื่อส่งผา่ นสารสนเทศจากต้นแหลง่ ไปยังผู้รบั ปลายทาง โดยใช้ความเร็วใน การส่งข้อมูลสงู ระบบการทางานของเครอ่ื งโทรสารเป็นกระบวนการทีเ่ คร่อื งส่งฉายแสงไปที่เอกสาร รปู ถา่ ย ภาพเขยี น หรอื สญั ลกั ษณต์ า่ งๆ อันเปน็ ตน้ ฉบับ เพอื่ เปลี่ยนภาพหรอื อักษรเป็นสัญญาณไฟฟา้ แล้วส่งไปตามช่องทางคมนาคมต่างๆ อาทิ ไมโครเวฟ สายโทรศัพท์ เครื่องส่งวิทยุ เมื่อเครื่องรับ ปลายทางได้รับสัญญาณดังกล่าว ก็จะเปลี่ยนสัญญาณน้ันให้ปรากฏเป็นภาพหรือข้อความตรงตาม ต้นฉบบั 10.5.3 โทรภาพสาร (Teletext) โทรภาพสารหรือเทเลเท็กซ์เป็นระบบรับ-ส่ง สารสนเทศผ่านคลื่นวิทยุโทรทัศน์ ส่งออกอากาศได้ในเวลาเดียวกันกับท่ีมีการออกอากาศรายการ โทรทัศน์ตามปรกติ สารสนเทศจะถูกส่งออกอากาศเป็นหนา้ ๆ เหมือนหน้าหนังสือท่วั ไป ผชู้ มสามารถ ใช้การควบคุมระยะไกล (Remote Control) เรียกสารสนเทศนน้ั ออกมาดไู ด้ตามตอ้ งการ หรอื เลือกดู เฉพาะข้อความท่ีต้องการและหยุดดูได้นานตามต้องการ ไม่ต้องรอดูตั้งแต่หน้าแรก และยังสามารถ รับชมรายการโทรทศั น์ไดต้ ามปกติ ผู้ท่ีมีเครอื่ งรับธรรมดาจะรับสารสนเทศทางเทเลเท็กซ์ได้ด้วยการ ติดต้ังแผน่ วงจรพิเศษ กับเคร่อื งรับโทรทศั น์ หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี

30 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ (2001-2001) 10.5.4 ไ ป ร ษ ณี ย์ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ( Electronic mail : E-mail) ไ ป ร ษ ณี ย์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์เปน็ ทางเลือกข้ันต้น ในการให้บริการจดหมายทางไปรษณยี โ์ ดยอัตโนมัติ แนวความคิด เก่ียวกับไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนกิ สค์ รอบคลุมถงึ เร่อื ง Broad Spectrum ด้วย กล่าวคือสารจะถกู แปลง เป็นสัญญาณไฟฟ้าแล้วจึงถูกส่งออกไป ดังนั้น กระบวนการของระบบจึงเป็นลักษณะเดียวกบั ระบบ โทรสารขอ้ มูลนาเขา้ และขอ้ มลู ผลลพั ธ์จากระบบไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกส์ อาจปรากฏในรูปของ Video Terminal, Word Processor, โทรสาร, Data Terminal Computer Vision และระบบการส่ือสาร ด้วยเสียง การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์จาเป็นต้อ งอาศัยข่ายงานโทรคมนาคม ไปรษณีย์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ท่ีมีข้อความสาคัญและประสงค์การส่งอยา่ งรวดเรว็ อาจกระทาไดโ้ ดยสง่ ผา่ นออกไปใน รูปแบบข้อมลู คอมพิวเตอร์ ผ่านขา่ ยงานขอ้ มูลทีเ่ รียกวา่ Computerize Switching System 10.5.5 การประชุมทางไกล (Teleconference) เปน็ รปู แบบการสือ่ สารหรือการ ประชมุ ระหวา่ งคนหลายๆ คน โดยไมต่ อ้ งอยู่ต่อหน้ากนั และใชอ้ ุปกรณไ์ ฟฟ้าเป็นกลไกสาคญั ในการ สื่อสาร การประชมุ ทางไกลมี 3 วธิ ีการ คือ 10.5.5.1 การประชุมทางไกลดว้ ยเสียงและภาพ 10.5.5.2 การประชุมทางไกลดว้ ยเสียง 10.5.5.3 การประชุมทางไกลดว้ ยคอมพวิ เตอร์ จะใชค้ อมพวิ เตอร์สง่ สาระ ของการประชมุ ระหวา่ งกันผ่านระบบออนไลน์ 10.6 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นหนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ สานักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (Government Information Technology Services: GITS) ลักษณะงานของสานักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ จะให้บริการเครือขา่ ย สารสนเทศภาครัฐ (Government Information Network) เพื่อตอบสนองการบริหารงานสาหรับ หน่วยงานของภาครัฐอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐให้มีการนา เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดาเนนิ งาน อนั นาไปสู่การเปน็ E-government และเป็นศนู ย์กลาง ส่งเสริมให้เกดิ ระบบการเช่ือมโยงข่าวสารระหว่างภาครัฐและประชาชนสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation: OA) สานักงานอัตโนมัติท่ีหน่วยงานของรัฐจัดทาขึ้นมีชื่อว่า IT Model Office เป็น โครงการนารอ่ งทจี่ ดั ทาขน้ึ เพือ่ พัฒนาระบบเครอื ขา่ ยพ้ืนฐานของภาครัฐ ในรปู ของสานกั งานอัตโนมัติ เช่น งานสารบรรณ งานจัดทาเอกสารและจัดส่งทางจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ งานแฟ้มเอกสาร งาน บนั ทกึ การนัดหมายผบู้ รหิ าร ซึง่ ระบบงานที่สาคัญมีดงั น้คี อื 10.6.1 ระบบนาเสนอขอ้ มูลข่าวสารสาหรบั ผู้บริหาร 10.6.2 ระบบจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์แบบปลอดภยั ได้มกี ารนาเทคโนโลยลี ายเซน็ ตด์ ิจทิ ลั (Digital signature) เขา้ มาชว่ ยในการยนื ยันผสู้ ง่ และ ยืนยันความแท้จริงของอีเมล์ อินเทอร์เน็ตตาบล เป็นการวางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้ตาบล ตา่ งๆ ทว่ั ประเทศสามารถเข้าใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ อนั จะเป็นประโยชน์อย่างมากใน ด้านต่างๆ เช่น หน่วยงานของรัฐ และองค์กรตา่ ง ๆ สามารถมีสว่ นรว่ มในการจดั ทาและใช้ประโยชน์ จากระบบอินเทอรเ์ น็ตตาบล โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ หน่วยงานทอี่ ยู่ ณ ตาบลและใกลช้ ิดกบั ประชาชน ก็ จะมคี วามสาคญั และความรับผิดชอบในการจัดทา ตรวจสอบและปรับปรุงขอ้ มลู รวมทั้งให้บรกิ ารแก่ กลมุ่ ชนต่าง ๆ 10.7 เทคโนโลยีสารสนเทศด้านความมนั่ คงของชาติและทางทหาร หน่วยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพื่องานอาชพี

31 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชพี (2001-2001) 10.7.1 ด้านกฎหมายและการปกครอง ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศสรปุ คดีทุกคดวี ่าใคร ฟ้องใคร เร่ืองอะไร ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ตัดสินว่าอย่างไร เข้าคอมพิวเตอร์ทั้งหมด หลังจากนน้ั คอมพิวเตอรก์ จ็ ะช่วยงานไดห้ ลายอย่าง เชน่ ตอ้ งการทราบวา่ รฐั ธรรมนญู ฉบับไหนเหมอื น หรือแตกต่างกับฉบับไหนมากน้อยเท่าใด กใ็ ห้คอมพวิ เตอรค์ ้นหา และวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บพมิ พล์ งได้ หรือต้องการทราบว่าคดแี บบไหนเคยมีฟ้องร้องแล้วศาลตัดสินอยา่ งไร กใ็ ช้คอมพิวเตอร์ช่วยหาใหก้ ็จะ ได้คาตอบภายในเวลาไมก่ ี่นาที 10.7.2 ด้านรัฐสภา เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทสาคัญต่อการสนับสนุน และการดาเนินบทบาทด้านการพัฒนาประชาธิปไตยเป็นอย่างมากต่องานรัฐสภา ซึ่งเป็นหน่วยงาน ด้านนิติบัญญัติ ตามบทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนูญ รัฐสภาได้มกี ารปรับปรุงระบบงานใหม่ พร้อมดึงเอา คอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในกิจการงานสภา ศึกษาวิเคราะห์ระบบงานรัฐสภาทั้งหมดและจัดต้ังศูนย์ คอมพิวเตอร์ ขึ้นมากากับดูแลงานดา้ นคอมพวิ เตอร์ พร้อมพัฒนาฐานข้อมูลรัฐสภาขึ้นระหวา่ งปพี .ศ. 2535-2540 10.7.3 ด้านการทหารและกองบัญชาการทหารสงู สดุ การนาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นด้านการทหารแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื ดา้ นการสื่อสาร และภมู ิศาสตร์•มีการนา ดาวเทียมทหารมาใช้เพื่อกิจการด้านความม่ันคงทางทหาร เพราะสามารถส่งข้อมูลข่าวสารซึ่งเป็น ความลับเกี่ยวกับความม่นั คงของชาติ โดยเฉพาะด้านการทหารซ่งึ ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ •การ ถา่ ยภาพภมู ศิ าสตร์ จาลองลกั ษณะภมู ิศาสตรใ์ นภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เพอ่ื ความสะดวก ในการ จัดทายุทธภูมิและการวางแผนป้องกันประเทศ การถ่ายภาพภูมิศาสตร์และใช้เทคโนโลยีหาพิกัด ภมู ิศาสตร์และจดั เกบ็ ขอ้ มลู ) 10.7.4 ด้านอาวุธ และอุปกรณ์การรกั ษาความมนั่ คงของประเทศ ได้นาเทคโนโลยี มาใช้ในการประดษิ ฐอ์ าวุธทีท่ นั สมยั สามารถกาหนดพกิ ดั การยิงโดยเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ในการคานวณ ระยะทาง และวิถีการตกของระเบิดได้อย่างถูกต้องและแม่นยา ทางด้านการทหารได้นาเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้กับเครือ่ งตรวจจับ อาวุธสงคราม รวมถึงเครื่องบินที่รุกล้าเข้ามาใน เขตน่านฟ้าของ ประเทศไทย •มีการนาคอมพิวเตอรม์ าใช้ในการจดั เก็บข้อมูลด้านความปลอดภัย เก่ียวกับข้อมูลผู้ไม่ ประสงคด์ ี มาสร้างเป็น แบบจาลองการป้องกนั ประเทศ 10.8 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นการเกษตร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการเกษตร มีวัตถุประสงค์เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกรไทย ต้ังแต่การรับรู้ข้อมูลด้านการเกษตร ราคาของ ผลผลิตทางการเกษตร และความต้องการผลผลิตทางการเกษตรในตลาดซ่ึงจะช่วยให้เกษตรกร สามารถตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั การผลิตได้ดีข้ึน และสามารถผลิตไดต้ รงกบั ความต้องการของตลาด ตัวอย่าง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นการเกษตร มดี ังน้ี 10.8.1 ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic information Systems: GIS) เป็นระบบการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับพื้นท่ีในระบบคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลท่ีจัดเก็บ เช่น ทรัพยากรดิน นา้ ปา่ ไม้ สัตวป์ ่า เปน็ ตน้ ซ่ึงสมั พนั ธก์ บั ตาแหนง่ พิกัดในแผนที่ ได้แก่ ตาแหน่งละตจิ ูด และลองจิจูด ซึ่งจะช่วยสร้างสารสนเทศท่ีสาคัญเพอื่ นาไปใช้ตัดสินใจทางการเกษตร เช่น แผนท่กี าร ตรวจสภาพความเหมาะสมในการส่งเสริมการปลูกพืชให้ได้ผลผลิตท่ีมีภาพการแพร่ขยายของโรค ระบาด การเปล่ยี นแปลงของการใชพ้ ้นื ที่ สภาพภูมิประเทศ ตลอดจนประมาณน้าในพ้นื ท่ี เป็นต้น หน่วยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี

32 คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชพี (2001-2001) 10.8.2 เวบ็ ไซตท์ เ่ี ผยแพรข่ อ้ มูลทางการเกษตร ปัจจบุ นั มีเวบ็ ไซตท์ จี่ ดั เกบ็ ข้อมลู ทาง การเกษตร การปลกู พชื เลยี้ งสัตว์ โรคระบาด การป้องกันโรคและแมลงศตั รูพชื ความรู้และอาชีพท่ี เปน็ ประโยชน์ ตลอดจนการรจู้ ักดูแลรกั ษาตนใหป้ ลอดภยั จากโรคและสารเคมี สรปุ ทา้ ยหนว่ ยท่ี 1 1. ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ หมายถึง เคร่ืองจักรอิเล็กทรอนิกส์ท่ีมนุษย์สร้างขึ้น เพื่อช่วยทางานได้อย่าง รวดเร็ว แม่นยาและมีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยมนุษย์จะเป็นผู้ที่เขียนชุดคาส่ัง ส่ังให้เครื่อง คอมพิวเตอร์ทางานตามชุดคาส่ังท่ีต้องการ ซ่ึง เรยี กวา่ “โปรแกรมเมอร์” โดยเขียนชดุ คาสั่ง เรยี กว่า “โปรแกรม” ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล เรียกว่า “สารสนเทศ” ซึ่งโปรแกรมเมอร์จะเปน็ ผู้ กาหนดข้อมูล วิธีการ คานวณสูตรต่าง ๆ พร้อมท้ังทาการทดสอบการทางานชุดคาสั่งนั้นถูกต้อง สามารถนาไปใช้งานไดจ้ ริงและให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตรงกบั ความต้องการ 2. หลกั การใชง้ านคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอรจ์ ะมีหลักการใชง้ านของส่วนต่าง ๆ ทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กันเปน็ กระบวนการ โดยมี องค์ประกอบพื้นฐานหลัก คือ ส่วนนาข้อมูลเข้า (Input Device) ส่วนประมวลผล (Processing Device) ซ่ึงในส่วนนี้จะมีส่วนย่อยที่สาคัญคือหน่วยควบคุม หน่วยคานวณและตรรกะ และ หนว่ ยความจา ซ่งึ เปน็ หน่วยที่อยูภ่ ายในของสว่ นประมวลผล และส่วนแสดงผล (Output Device) ซง่ึ เป็นสว่ นสุดท้าย 3. ข้นั ตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ เมือ่ มีการเปิดเครอื่ งคอมพิวเตอรจ์ ะมขี ัน้ ตอนการทางานดงั ต่อไป น้ี 3.1 เม่ือกดปมุ่ เปิดเครือ่ งท้งั บนตัวเครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ละจอภาพ คือไฟฟา้ กาลงั ไหลผ่านเข้า สรู่ ะบบ และเปน็ การเรมิ่ ต้นการทางานของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ 3.2 ทหี่ น้าจอจะเห็นซอฟตแ์ วรไ์ บออสกาลังเรียกโปรแกรมตา่ ง ๆ หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี

33 คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (2001-2001) 3.3 เริม่ การบูทเครอื่ ง (Bootstrap Loader) จะทาการโหลดขอ้ มูลของระบบปฏิบตั กิ ารมาไว้ บนแรม เพ่ือเตรียมความพร้อมสาหรับการประมวลผลโดยซีพียู จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียม เครอ่ื งมอื การทางานตา่ ง ๆ ให้พร้อม 3.4 เมื่อระบบปฏิบัติการพร้อมสาหรับการใช้งาน เคร่ืองคอมพิวเตอร์ก็พร้อมท่ีจะทางาน ตามทผี่ ู้ใชต้ ้องการ โดยทาการป้อนข้อมลู ตา่ ง ๆ ผ่านทางแป้นพิมพ์ เมาส์ หรืออปุ กรณร์ บั ขอ้ มลู อน่ื ๆ 3.5 เม่ือมีการเรียกใช้งานโปรแกรมตา่ ง ๆ ระบบปฏิบัติการจะเรียกข้อมูลจากฮาร์ดดิสกม์ า เตรยี มทแี่ รม เพอ่ื รองรับการทางานค่ไู ปกับซีพยี ู 3.6 เมื่อเสร็จการใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ก็คลิกที่ Start และเลือก Shut Down เพ่ือปิด คอมพวิ เตอร์ 4. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอรม์ ีส่วนประกอบด้วยกนั ทงั้ 2 ส่วน ซึง่ สามารถนามาใช้งานรว่ มกนั ใหเ้ คร่อื ง คอมพวิ เตอรไ์ ดท้ างานอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ซึง่ ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ มีดังตอ่ ไปนี้ 4.1 ส่วนประกอบภายนอก ซึ่งเป็นส่วนท่ีสาคัญสาหรับการใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยมี ส่วนประกอบภายนอกท่ีสาคัญ ๆ ได้แก่อุปกรณ์ จอภาพ (Monitor) แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard) เมาส์ (Mouse) เคส (Case) สแกนเนอร์(Scanner) ไมโครโฟน (Microphone) กล้องเวบ็ แคม (Webcam) กล้องดจิ ิตอล (Digital Camera) ฮาร์ดดิสก์พกพา (Harddisk External) แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive) เครอ่ื งฉาย (Projectors) เป็นต้น 4.2 ส่วนประกอบภายใน ได้แก่ ซอฟต์แวร์ (Software) คาสั่งหรือชุดของคาส่ังที่ส่ังให้ คอมพิวเตอร์ทางานอย่างใดอย่างหนึ่งตามต้องการ หรอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์น่ันเอง สามารถแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบและซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ 5. ขอ้ ควรระวังในการใช้คอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีระบบสนับสนุนการประหยัดพลังงานหากไม่ได้ใช้งาน เครื่อง คอมพวิ เตอรจ์ ะทาการตัดระดบั ไฟฟ้าทเ่ี ลย้ี งเครื่องอัตโนมตั ิ ทาใหส้ ามารถเปดิ เคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ิง้ ไว้ ได้ตลอดเวลาที่ทางานได้ ให้ทาการปิดเฉพาะสวิตซ์หน้าจอ จึงต้องระวังในการใช้คอมพิวเตอร์ ดงั ต่อไปน้ี 5.1 ไม่ควรเปดิ ปิดเครอื่ งคอมพวิ เตอรต์ ดิ ตอ่ กันทันที เพราะไฟอาจกระชาก 5.2 ไมค่ วรนาอาหารและเครอื่ งดืม่ เข้ารับประทาน เพอ่ื ปอ้ งกันไฟฟา้ ลัดวงจรได้ 5.3 หา้ มเคาะ/เขยา่ /เหยยี บ/กระโดดบนโตะ๊ ท่ีต้งั เคร่อื งคอมพวิ เตอรเ์ พราะอาจทาให้อุปกรณ์ เสียหายได้ 5.4 อย่าขีดเขียนสิ่งใดลงบนหน้าจอภาพ คีย์บอร์ด หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของเคร่ือง คอมพิวเตอร์ 5.5 ไมค่ วรกระแทกแรง ๆ ลงบนคียบ์ อร์ด ต้องใชอ้ ย่างเบามือ 5.6 ควรคลมุ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ดว้ ยผา้ หรอื พลาสตกิ เพอื่ ปอ้ งกันฝุ่นเม่ือใช้งานเสร็จ 5.7 เครอ่ื งคอมพวิ เตอรก์ ลวั ชืน้ มากกวา่ กลวั ความรอ้ น แต่ก็ไม่ควรร้อนจนเกนิ ไป 6. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการ สารสนเทศที่ต้องการ โดยอาศัยเคร่ืองมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ หน่วยท่ี 1 การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ

34 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (2001-2001) เทคโนโลยีด้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการสือ่ สาร ตลอดจนกระบวนการดาเนินงานสารสนเทศ ตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทาสาเนา และการสื่อสาร โทรคมนาคม เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารสนเทศ และสามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ด้ โดยมขี ้นั ตอนต่าง ๆ ดงั น้ี 6.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 6.2 การประมวลผล 6.3 การแสดงผลลพั ธ์ 6.4 การทาสาเนา 6.5 การส่ือสารโทรคมนาคม 7. ลักษณะสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยมลี กั ษณะสาคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ดังน้ี 7.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถงึ สารสนเทศทต่ี อ้ งการได้อย่างรวดเร็วและ ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ 7.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยผู้ใช้ในการกาหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผน ปฏบิ ัตกิ าร ไดต้ รงตามเปา้ หมายในการดาเนินงาน 7.3 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยทาให้การบริการกว้างขวางข้ึน สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง โดยตรง 7.4 เทคโนโลยสี ารสนเทศ ช่วยดาเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ 8. องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศมีองคป์ ระกอบทส่ี าคัญ ไดแ้ ก่ 8.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 8.2 ซอฟตแ์ วร์ (Software) 8.3 บคุ ลากรทางคอมพิวเตอร์ (Peopleware) 8.4 ข้อมูล (Data) 8.5 ขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน (Procedure) 8.6 ระบบการส่ือสารข้อมลู (Data Communication System) 9. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ การเช่ือมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทาให้สังคมโลกเป็นสังคมแบบไร้พรมแดน การใช้งาน เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เช่นอินเทอร์เนต็ มอี ัตราการขยายตัวสูงมาก ผคู้ นบนโลกสามารถตดิ ต่อส่ือสาร กนั ผ่านทางเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตได้หมด จึงมีผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ มีดงั ตอ่ ไปนี้ 9.1 ผลกระทบทางบวก การก้าวเข้าสู่การปฏิวัติเพื่อเข้าสู่ยุคสารสนเทศ การส่ือสารที่ให้ข่าวสารได้อย่าง รวดเรว็ จนทาให้โลกมลี ักษณะไรพ้ รมแดน ส่ิงเหล่านจี้ ะมีผลกระทบในการที่ดี หรอื ทางบวกต่อสงั คม โดยตรง เช่น 9.1.1 ชว่ ยส่งเสรมิ ความสะดวกสบายของมนษุ ย์ 9.1.2 ชว่ ยทาให้การผลิตในอุตสาหกรรมดขี นึ้ 9.1.3 ช่วยส่งเสรมิ การค้นควา้ วจิ ัยสงิ่ ใหม่ 9.1.4 ช่วยส่งเสรมิ สขุ ภาพและความเปน็ อย่ใู หด้ ี หน่วยท่ี 1 การใช้คอมพิวเตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ

35 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอื่ งานอาชีพ (2001-2001) 9.1.5 ช่วยสง่ เสรมิ สตปิ ญั ญาของมนุษย์ 9.1.6 เทคโนโลยสี ารสนเทศชว่ ยให้เศรษฐกจิ เจรญิ รงุ่ เรือง 9.1.7 ชว่ ยให้เกิดความเขา้ ใจอันดีระหว่างกนั 9.1.8 ชว่ ยส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตย 9.2 ผลกระทบทางลบ ตั้งแต่เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันมากข้ึน การใช้ เทคโนโลยีเปน็ ไปอยา่ งกว้างขวาง การใช้เทคโนโลยีไปในด้านต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนยอ่ มต้องมีทั้งและโทษ จะเห็นได้จาก ละครและภาพยนตร์ หลายเรื่องได้สะทอ้ นความคดิ ของการนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในทางลบ ซ่งึ สง่ ผลกระทบในทางลบมโี อกาสเกดิ ขึ้นได้ เช่น 9.2.1 ทาให้เกิดอาชญากรรม 9.2.2 ทาให้เกดิ ความสมั พนั ธ์ของมนุษยเ์ ส่ือมถอย 9.2.3 ทาให้เกิดความวติ กกงั วล 9.2.4 ทาให้เกิดการเสย่ี งภัยทางด้านธุรกจิ 9.2.5 ทาให้การพฒั นาอาวธุ มีอานาจทาลายสงู มากขน้ึ 9.2.6 ทาให้เกดิ การแพร่วฒั นธรรมและกระจายข่าวสารท่ไี มเ่ หมาะสมอยา่ งรวดเร็ว 10. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่องานอาชีพ เทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพฒั นาข้ึน เพื่อสนับสนุนการดาเนินงานด้านต่าง ๆ ให้ดาเนนิ การ อย่างเป็นระบบ โดยถูกออกแบบและพัฒนาให้ปฏิบัติงานตามหน้าท่ี สามารถจาแนกเทคโนโลยี สารสนเทศ ดงั ตอ่ ไปนี้ 10.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นการศกึ ษา 10.2 เทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นธุรกจิ พาณชิ ย์และสานกั งาน 10.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านอุตสาหกรรมและการผลิต 10.4 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นสาธารณสุขและการแพทย์ 10.5 เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นการสอ่ื สารและโทรคมนาคม 10.6 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านหน่วยงานราชการต่าง ๆ 10.7 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านความม่นั คงของชาตแิ ละทางทหาร 10.8 เทคโนโลยสี ารสนเทศด้านการเกษตร หนว่ ยที่ 1 การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ

36 คอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพือ่ งานอาชีพ (2001-2001) เอกสารอา้ งองิ ทา้ ยหนว่ ยที่ 1 การปฏริ ปู การศกึ ษามใิ ช่กาลงั เกิดข้ึนเฉพาะประเทศไทยเท่านน้ั . [ออนไลน์]. สบื คน้ จาก http://www.vcharkarn.com/varticle/33108. (วนั ท่สี ืบค้น 14 พฤษภาคม 2559). คอมพวิ เตอรค์ อื อะไร. [ออนไลน]์ . สบื ค้นจาก http://www.thaiwebsocial.com/2014/08/. (วันทีส่ บื ค้น 8 พฤษภาคม 2559). ธรรมรัฐ พุแค. (2553). ช่างคอม ซ่อมเองได้. กรุงเทพฯ : เสริมวิทย์ อินฟอรเ์ มช่นั เทคโนโลย.่ี พงศก์ ฤษณ์ ช่วยทอง. เทคโนโลยกี บั การพฒั นาการศกึ ษา แกไ้ ข: 14 Jun 2012. [ออนไลน]์ . สืบคน้ จาก https://www.gotoknow.org/posts/194415. (วนั ท่ีสบื คน้ 14 พฤษภาคม 2559). วกิ พิ ีเดยี สารานุกรมเสร.ี คอมพวิ เตอร์. [ออนไลน]์ . สบื คน้ จาก http://th.wikipedia.org/wiki. กกกกกกก (วนั ทสี่ บื ค้น 8 พฤษภาคม 2559). วิกพิ ีเดีย สารานกุ รมเสร.ี เทคโนโลยีสารสนเทศ. [ออนไลน]์ . สบื ค้นจาก http://th.wikipedia.org/wiki. (วันที่สืบค้น 14 พฤษภาคม 2559). วโิ รจน์ ชัยมลู และ สพุ รรษา ยวงทอง. (2552). ความรเู้ บ้อื งตน้ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศ. กรุงเทพฯ : โปรวิช่ัน. อวยพร โกมลวจิ ติ รกลุ และ โสภาพร สุขภิรมย์. (2551). มอื ใหมห่ ดั ใช้คอมพวิ เตอรใ์ หเ้ ก่ง. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . โอภาส เอยี่ มสิริวงศ์. (2551). วิทยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยูเคช่ัน. Microsoft Office Compatibility pack Screenshots. [ออนไลน]์ . สบื ค้นจาก http://www.qweas.com. (วนั ท่ีสืบคน้ 8 พฤษภาคม 2559). หนว่ ยท่ี 1 การใช้คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ