วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
1. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง ก. อัตราเรว็ เปน็ ปริมาณสเกลลาร์ ข. ความเร็วเปน็ ปริมาณสเกลลาร์ ค. อัตราเรว็ และความเร็วเปน็ ปริมาณเดยี วกัน ง. ถกู ทุกข้อ
2. วตั ถทุ เี่ คลอื่ นดว้ ยความเรง่ เทา่ กบั ศนู ย์ คอื ก. วตั ถทุ ห่ี ยดุ น่งิ เท่านั้น ข. วัตถุที่เคลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเรว็ คงตวั ค. วัตถทุ ่ีเคลือ่ นทดี่ ว้ ยความเรง่ คงตวั ง. วตั ถทุ ีห่ ยุดนิง่ หรอื วัตถทุ ีเ่ คลื่อนที่ดว้ ยความเร็วคงตวั
3. ขอ้ ใดกลา่ วผดิ ก. ความเรง่ ของวตั ถุมีทิศทางเดยี วกับทิศทางการเคลอ่ื นที่ของวัตถุเสมอ ข. ความเรง่ ของวตั ถไุ มจ่ าเป็นต้องมีทิศทางเดียวกับทิศทางการเคล่อื นที่ ของวัตถุ ค. วัตถทุ ีต่ กแบบเสรใี นแนวดงิ่ จะเคลือ่ นท่ดี ว้ ยความเร็วทีเ่ ปลี่ยนไป โดยมีความเรง่ คงตัว ง. วัตถุทีเ่ คล่ือนท่ดี ว้ ยความเรว็ คงตวั จะมคี วามเร่งเทา้ กบั ศูนย์
4. ระยะทางและการกระจดั แตกตา่ งกนั อยา่ งไร ก. ระยะทางเปน็ ปริมาณเวกเตอร์สว่ นการกระจดั เปน็ ปริมาณสเกลาร์ ข. ระยะทางเปน็ ปริมาณสเกลาร์ส่วนการกระจดั เป็นปริมาณเวกเตอร์ ค. ระยะทางมีทง้ั ขนาดและทศิ ทางส่วนการกระจัดมเี พียงขนาด ง. ถูกท้งั ข้อ ข. และ ค.
5. ในกรณที ม่ี กี ารเคล่ือนทก่ี ลบั ทิศทาง ระยะทางการเคลอื่ นที่ และขนาดการกระจดั มคี ่าเทา่ กนั หรอื ไม่ อย่างไร ก. เท่ากันโดย การกระจดั และระยะทางจะมีค่าเพิม่ ขน้ึ ข. ไม่เท่ากนั โดยการกระจัดจะมคี า่ เพม่ิ ขึ้นสว่ นขนาดของระยะทางจะมี ค่าลดลง ค. ไม่เทา่ กนั โดยระยะทางจะมคี า่ เพิ่มข้ึนสว่ นขนาดของการกระจดั จะมี คา่ ลดลง ง. เทา่ กันโดย การกระจัดและระยะทางจะมีคา่ ลดลง
6. อตั ราเรว็ เฉลยี่ กบั อตั ราเรว็ ขณะหนง่ึ ของวตั ถมุ ีคา่ เทา่ กนั หรือไม่ อยา่ งไร ก. มคี า่ เทา่ กันในกรณที ี่วัตถมุ ีอตั ราเรว็ คงตวั ตลอดชว่ งเวลาในการ เคลือ่ นที่ ข. มคี า่ ไมเ่ ท่ากันในกรณีท่วี ตั ถุมีอัตราเรว็ คงตวั ตลอดช่วงเวลาในการ เคลือ่ นท่ี ค. มคี ่าไมเ่ ท่ากนั ในกรณที วี่ ัตถมุ กี ารเปล่ยี นแปลงความเรว็ ในช่วงเวลาท่ี ใช้ในการเคลื่อนที่ ง. ถกู ท้งั ขอ้ ก. และ ค.
7. ถา้ วตั ถหุ นง่ึ มกี ารเคลอื่ นทดี่ ว้ ยความเร่งคงตวั วตั ถนุ น้ั มี ความเรว็ คงตวั หรอื ไม่ อย่างไร ก. วตั ถนุ ้ันจะมีความเร็วคงตวั ก็ตอ่ เมือ่ วัตถุนัน้ เคลือ่ นท่ีดว้ ยความเร่งคงตวั เทา่ กับศูนย์ ข. ถ้าวัตถมุ คี วามเรง่ คงตวั ไม่เท่ากบั ศนู ย์ วตั ถนุ น้ั จะเคล่อื นทโ่ี ดยมี ความเร็วไมค่ งตัว ค. ถา้ วตั ถมุ ีความเรง่ คงตวั ไม่เทา่ กับศูนย์ วตั ถุน้ันจะเคลอื่ นท่โี ดยมี ความเรว็ คงตัว ง. ถกู ทั้งข้อ ก. และ ข.
8. มวลมีความสมั พนั ธก์ บั ขนาดของความเรง่ อยา่ งไร (หากแรงมขี นาดคงท่ี) ก. มวลมคี า่ มาก ความเรง่ จะมีคา่ นอ้ ย ข. มวลมคี ่ามาก ความเรง่ จะมีคา่ มาก ค. มวลมคี า่ น้อย ความเร่งจะมีคา่ นอ้ ย ง. มวลมีค่านอ้ ย ความเร่งจะมีคา่ เปน็ ศนู ย์
9. การหาแรงลพั ธข์ อ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. แรงลพั ธท์ กี่ ระทาต่อวัตถหุ าไดจ้ ากการนาขนาดของแรงทก่ี ระทาต่อ วัตถุมารวมกัน ข. การหาแรงลพั ธท์ ีก่ ระทาต่อวตั ถจุ ะต้องพจิ ารณาท้งั ขนาดและทศิ ทาง ของแรงทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ ค. การหาแรงลัพธท์ ี่กระทาตอ่ วัตถจุ ะต้องพจิ ารณาทศิ ทางของแรงที่ กระทาตอ่ วัตถุ ง. ไมม่ ีขอ้ ถูก
10. แรงลพั ธข์ องแรง 4 N กบั แรงท่ี 3 N มขี นาดและ ทศิ ทางเปน็ อยา่ งไร เมอ่ื เทยี บกบั แรง 5 N ก. มขี นาดเท่ากับขนาดของแรง 5 N และมีทศิ ทางเดยี วกบั แรง 5 N ข. มีขนาดเทา่ กบั ขนาดของแรง 5 N แตท่ ิศทางตรงขา้ มกับแรง 5 N ค. มขี นาดเท่ากับขนาดของแรง 5 N แตท่ ศิ ทางตรงขา้ มกับแรง 4 N ง. มีขนาดเท่ากบั ขนาดของแรง 5 N แตท่ ศิ ทางตรงข้ามกบั แรง 3 N
11. จากขอ้ 10. แรงลพั ธข์ องแรงทง้ั 3 มีค่าเทา่ ใด ก. 0 N ข. 2 N ค. 4 N ง. 12 N
12. แรงท่กี ระต่อวตั ถุ มวลของวตั ถุ และความเรง่ ของวตั ถุ ขอ้ ใดกลา่ วผดิ ก. ความเร่งของวตั ถุแปรผนั ตรงกับแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุ ข. ความเรง่ ของวตั ถจุ ะแปรผกผันกบั มวลของวตั ถุ ค. แรงมคี ่าเทา่ กับผลคูณของมวลกับความเรง่ ของวัตถุ ง. มวลมีค่าเท่ากับผลคูณของแรงกบั ความเรง่ ของวตั ถุ
13. เมอื่ ออกแรงกระทาตอ่ วถั หุ นงึ่ วตั ถุนน้ั จะออกแรงกระทากลบั เสมอ เราเรยี กแรงทกี่ ระทากลบั นว้ี า่ ก. แรงลพั ธ์ ข. แรงกิริรยา ค. แรงปฏกิ ริ ิยา ง. แรงโนม้ ถว่ ง
14. วัตถุ A และ B มมี วลเทา่ กนั ตกจากทสี่ งู 0.5 และ 1.0 เมตร ตามลาดบั ในขณะที่วตั ถตุ กเกอื บถงึ พน้ื ขอ้ ใดกลา่ วไม่ ถกู ตอ้ ง ก. วัตถุ B มคี วามเร่งมากกว่าวตั ถุ A ข. วตั ถุ B มคี วามเรง่ น้อยกว่าวตั ถุ A ค. วัตถุ B มคี วามเรง่ เท่ากบั วตั ถุ A ง. ท้งั ข้อ ก. และ ข. กล่าวผดิ
15. ขอ้ ใดใกลเ้ คยี งกบั การเคลอ่ื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์มากที่สดุ ก. นุวิ่งรอบสนาม ข. นิกเลน่ วา่ ว ค. แน็กเลน่ แบดมนิ ตนั ง. ไนทเ์ ดินขึน้ สะพาน
16. ขวา้ งลกู บอลจากดาดฟา้ ตกึ ไปในแนวระดบั ปริมาณใด ของวตั ถมุ คี า่ คงตวั ก. การกระจัด ข. ระยะทาง ค. ความเร็วในแนวระดับ ง. ความเร็วในแนวดิ่ง
17. ในแตล่ ะขณะทจ่ี กุ ยางเคลื่อนท่เี ป็นวงกลม มีแรงดงึ เชอื ก กระทาตอ่ จกุ ยางในทศิ ทางใด ก. ทศิ ทางเขา้ หนศี นู ยก์ ลางของการเคล่ือนท่ี ข. ทิศทางเขา้ สูศ่ ูนย์กลางของการเคลือ่ นที่ ค. ทิศทางในแนวสมั ผสั กบั เสน้ ทางการเคล่ือนที่เปน็ วงกลม ง. ทิศทางเข้าสูศ่ ูนยก์ ลางของโลกเสมอ
18. ในแตล่ ะขณะท่จี กุ ยางเคลอื่ นท่เี ป็นวงกลม ความเรว็ ของ จุกยางมที ิศทางอยา่ งไร ก. ทิศทางเข้าหนีศนู ย์กลางของการเคลื่อนที่ ข. ทิศทางเขา้ สู่ศูนยก์ ลางของการเคลอื่ นท่ี ค. ทิศทางในแนวสัมผัสกับเส้นทางการเคล่อื นท่เี ปน็ วงกลม ง. ทศิ ทางเข้าสูศ่ นู ย์กลางของโลกเสมอ
19. ขณะลูกตมุ้ อยนู่ งิ่ ท่จี ดุ สมดลุ แรงลพั ธท์ ี่กระทาตอ่ ลกู ตมุ้ มีค่าเท่าใด ก. เทา่ กบั หนงึ่ ข. มีคา่ เท่ากับศนู ย์ ค. มีค่าสูงสุด ง. เทา่ กบั แรงโนม้ ถว่ ง
20. ลูกตมุ้ มคี วามเรว็ เป็นเทา่ ไรทีต่ าแหนง่ A และ B ก. เท่ากับหนงึ่ ข. มีค่าเทา่ กับศูนย์ ค. มีคา่ สูงสดุ ง. เท่ากับแรงโนม้ ถว่ ง
21. ขณะลูกตมุ้ อยกู่ าลงั แกว่งที่ตาแหนง่ สมดุล แรงลัพธท์ ่ี กระทาต่อลกู ตมุ้ มคี ่าเทา่ ใด ก. เทา่ กับหนงึ่ ข. มคี า่ เท่ากับศูนย์ ค. มคี ่าสูงสุด ง. เทา่ กับแรงโนม้ ถ่วง
22. ความเรง่ ของลกู ตมุ้ ขณะเคลอ่ื นเขา้ หาจดุ สมดุล มีทศิ ทาง เป็นอยา่ งไร ก. มที ศิ ทางเดียวกับความเร็ว ข. มที ิศทางเข้าหาจุดสมดลุ ค. มที ศิ ทางตรงข้ามกบั ความเรว็ ง. ถกู ทั้ง ก. และ ข.
23. ความเรง่ ของลกู ต้มุ ขณะเคลอ่ื นท่ีออกจากจดุ จดุ สมดลุ มี ทิศทางดังต่อไปนี้ ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. มีทศิ ทางเดียวกับความเร็ว ข. มีทศิ ทางเขา้ หาจดุ สมดลุ ค. มที ิศทางตรงขา้ มกับความเรว็ ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
24. เม่ือเราพบปา้ ยบนถนนเปน็ 60 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง ป้ายดงั กลา่ วหมายถงึ ก. ความเรว็ ขณะหนึ่ง ข. ความเร็วเฉลย่ี ค. ความเร่งขณะหน่ึง ง. ความเรง่ เฉล่ีย
25. ทาไมดาวเทยี มโคจรรอบโลกโดยไมต่ กลงมา ก. ดาวเทยี มอยใู่ นเขตท่ีไม่มแี รงดงึ ดดู ของโลก ข. ดาวเทียมเป็นการเคลอื่ นท่แี บบโพรเจกไทล์ ค. ดาวเทยี มเปน็ การเคลื่อนที่แบบซมิ เปิลฮาร์มอนกิ ทม่ี แี รงดึงดูดของ โลกทาหนา้ ทีเ่ ปน็ แรงสศู่ นู ยก์ ลาง ง. ดาวเทียมเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมทม่ี แี รงดงึ ดดู ของโลกทา หน้าท่ีเปน็ แรงสู่ศนู ยก์ ลาง
26. ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั ขนาดของแรงโนม้ ถ่วงของโลก ก. แรงโน้มถว่ งของโลกทก่ี ระทากบั วตั ถุใด ๆ มคี า่ คงท่ี ข. ไมข่ ้ึนกับมวลของวตั ถุและระยะทางของวตั ถุ ค. แรงโนม้ ถว่ งของโลกมีคา่ เท่ากับ 9.8 m/s ง. ข้ึนกับมวลของวตั ถุและระยะทางของวัตถุจากจุดศูนยก์ ลางโลก
27. ระหวา่ งมวลสองกอ้ น แรงดงึ ดูดทก่ี ระทากบั มวลแต่ละ ก้อนจะมขี นาดเทา่ กนั แต่ทิศทางของแรงตรงขา้ มกนั แรงค่นู ี้ เรยี กว่าแรงอะไร ก. แรงกิรยิ า แรงปฏิกิรยิ า ข. แรงอ่อน แรงเขม้ ค. แรงจากเนื่องสนามไฟฟ้า ง. แรงจากเนื่องสนามแม่เหล็ก
28. การท่ีจะสง่ ดาวเทยี มหรอื ยานอวกาศออกนอกโลกจะ ตอ้ งทาอยา่ งไร ก. มคี วามเร็วเทา่ กบั ความเรว็ หลุดพน้ ทีต่ าแหนง่ นน้ั ๆ ข. มีความเร็วใกลเ้ คียงกับความเร็วหลุดพน้ ทต่ี าแหน่งน้ัน ๆ ค. มคี วามเร็วนอ้ ยกวา่ ความเร็วหลุดพน้ ทต่ี าแหนง่ นนั้ ๆ ง. มีความเรว็ ไม่นอ้ ยกว่าความเร็วหลุดพน้ ท่ตี าแหน่งน้ัน ๆ
29. เมอ่ื มกี ระแสไฟฟา้ ผา่ นเสน้ ลวดตวั นาผงเหลก็ จะมีลกั ษณะ อย่างไร ก. ผงเหล็กจะเรยี งตวั เป็นวงรอบเส้นลวดตวั นา ข. ผงเหลก็ จะเรียงตัวเปน็ เสน้ ตรง ค. ไมเ่ กดิ สง่ิ ใดขึน้ กบั ผงเหลก็ เลย ง. ผงเหลก็ จะเรยี งตวั เปน็ เสน้ ตรงข้างเสน้ ลวดตวั นา
30. ขณะทข่ี ดลวดทอ่ี ยนู่ งิ่ และเคลอื่ นแท่งแมเ่ หลก็ เขา้ ใกล้ ขนาดสนามแมเ่ หลก็ จากแท่งแมเ่ หลก็ ในขดลวดมคี า่ ตามขอ้ ใด ก. ขนาดสนามแมเ่ หลก็ ท่ีผา่ นขดลวดจะมีค่าลดลง ข. ขนาดสนามแมเ่ หล็กทผ่ี า่ นขดลวดจะมีค่าเพิม่ ขนึ้ ค. ขนาดสนามแมเ่ หล็กทีผ่ ่านขดลวดจะมีค่าคงตวั ง. ขนาดสนามแม่เหล็กที่ผา่ นขดลวดจะมคี ่าเป็นศูนย์
31. อัตราเรว็ ในการหมนุ แกนเครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟา้ มคี วามสมั พนั ธ์ กบั ขนาดของกระแสไฟฟ้าอยา่ งไร ก. อัตราเรว็ มากขึ้น กระแสไฟฟา้ ทเี่ กดิ ขนึ้ จะมากขนึ้ ข. อัตราเรว็ มากข้นึ กระแสไฟฟ้าที่เกิดขน้ึ จะเท่าเดมิ ค. อตั ราเร็วมากขึ้น กระแสไฟฟ้าท่ีเกดิ ขึน้ จะลดลง ง. อัตราเรว็ มากขึ้น กระแสไฟฟา้ ท่เี กดิ ข้นึ จะเท่ากับศูนย์
32. สนามแมเ่ หลก็ และสนามไฟฟา้ มคี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร ก. การเปลีย่ นแปลงสนามแม่เหลก็ ทาให้เกดิ สนามไฟฟ้า ข. การเปล่ยี นแปลงสนามไฟฟา้ ทาใหเ้ กดิ สนามแม่เหลก็ ค. สนามไฟฟ้าทาใหเ้ กดิ สนามแม่เหล็ก ง. ถูกทง้ั ก และ ข
33. แรงออ่ นเกยี่ วขอ้ งกบั ข้อใด ก. แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอะตอม ข. แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าค ค. การสลายของนวิ เคลียสกมั มนั ตรงั สี ง. แรงยึดเหนี่ยวของอนุภาคที่เลก็ กว่านวิ คลีออน
34. อนภุ าคทเี่ ลก็ กวา่ นวิ คลีออนเรยี กวา่ ก. โปรตอน ข. ควารก์ ค. นิวตรอน ง. อเิ ล็กตรอน
35. แรงเขม้ เกย่ี วขอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. แรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอะตอม ข. แรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนภุ าค ค. การสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรงั สี ง. แรงยึดเหน่ียวของอนุภาคทเ่ี ลก็ กว่านวิ คลีออน
36. ในนวิ เคลยี ส โปรตอนและนวิ ตรอนอยรู่ วมกนั ไดด้ ว้ ย แรงชนดิ ใด ก. แรงนวิ เคลยี ร์ ซงึ่ เป็นผลมาจากแรงอ่อน ข. แรงนวิ เคลียร์ ซ่ึงเปน็ ผลมาจากแรงเข้ม ค. แรงดงึ ดดู ระหว่างประจไุ ฟฟา้ ง. แรงดงึ ดดู ระหว่างมวล
37. วตั ถุ A มวล 5 กิโลกรมั กบั วตั ถุ B มวล 10 กิโลกรมั ถกู ปลอ่ ยจาก ท่ีสูงระดบั เดยี วกนั โดยไมห่ า่ งจากพ้นื โลกมากนกั ขอ้ ใดตอ่ ไปนถี้ กู ตอ้ งบา้ ง 1) วตั ถุ B ตกลงมาดว้ ยความเรง่ มากกวา่ วตั ถุ A 2) วตั ถทุ ง้ั สองชนิ้ ตกลงมาดว้ ยความเรง่ เพ่ิมขนึ้ 3) วัตถทุ ง้ั สองชนิ้ ตกลงมาดว้ ยความเรง่ คงตวั 4) วตั ถุทงั้ สองชนิ้ ตกลงมาดว้ ยความเรว็ เพม่ิ ขน้ึ 5) วตั ถทุ ้ังสองชน้ิ ตกลงมาดว้ ยความเรว็ คงตวั ก. ขอ้ 1) และ 2) ข. ข้อ 1) และ 3) ค. ข้อ 3) และ 4) ง. ข้อ 3) และ 5)
38. อนุภาคโปรตอนเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ ไปในสนามแมเ่ หลก็ โดยมี ทิศทางขนานกบั สนามแมเ่ หลก็ แนวการเคลอ่ื นทีข่ องอนภุ าค โปรตอนจะเปน็ อยา่ งไร ก. เคล่อื นท่ีโค้งลง ข. เคล่ือนที่โคง้ ขึน้ ค. เคลื่อนที่เป็นวงกลม ง. ไม่เปลยี่ นแนวการเคลื่อนท่ี
39. เมือ่ นาเขม็ ทิศมาวางที่ตาแหนง่ ดงั รปู เขม็ ทศิ จะชใ้ี น ลักษณะใด ก. ขอ้ 1) ข. ข้อ 2) ค. ข้อ 3) ง. ขอ้ 4)
40. วางลวดตวั นาไวใ้ นสนามแมเ่ หลก็ ดงั รปู เมอ่ื ใหก้ ระแส ไฟฟ้า I เขา้ ไปในเสน้ ลวดตัวนาจะเกดิ แรงแม่เหลก็ กระทาตอ่ ลวดตวั นานใ้ี นทิศทางใด ก. ขึ้นด้านบน ข. ลงข้างลา่ ง ค. ไปทางซา้ ย (เขา้ หา N) ง. ไปทางขวา (เข้าหา S)
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: