Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบต่างๆ ของรถจักรยานยนต์

ระบบต่างๆ ของรถจักรยานยนต์

Published by winza619, 2020-05-26 02:39:30

Description: ระบบต่างๆ ของรถจักรยานยนต์

Search

Read the Text Version

ระบบต่างๆ ของรถจกั รยานยนต์

.ระบบตา่ งๆของรถจกั รยานยนต์ หลกั การในการทางานของเครื่องยนต์ ก่อนอ่ืนเราตอ้ งมาทาความเขา้ ใจกบั แหลง่ กาเนิดพลงั งาน ซ่ึงเป็นจดุ เร่ิมตน้ ที่สามารถทาใหร้ ถจกั รยานยนตว์ ่ิงออกไปได้ เสียก่อน ห้องเผาไหมค้ ือ แหล่งกาเนิดพลงั งาน น้ามนั เบนซินถูกทาใหผ้ สมกบั อากาศดว้ ยเคร่ืองผสมน้ามนั เช้ือเพลงิ กบั อากาศ หรือคาร์บูเรเตอร์ (Carbureter) จนกลายเป็น ไอ แลว้ ถูกส่งเขา้ ไปในกระบอกสูบ และไอน้นั ถูกแรงอดั ของลูกสูบอดั จนเหลือปริมาตรนอ้ ยลง เมือ่ หวั เทียนจดุ ประกายไฟ ออกมาเผาไหมไ้ อดงั กลา่ ว ทาให้เกิดการระเบิดในหอ้ งเผาไหม้ จึงเกิดแรงดนั ผลกั ลกู สูบใหเ้ คลื่อนลง จึงกลายเป็นพลงั งาน ถ่ายทอดผา่ นกลไกตา่ งๆไปขบั เคลื่อนลอ้ ใหห้ มุนไป หอ้ งเผาไหม้ หลกั การทางานของเคร่ืองยนต์ ๒ จงั หวะ เครื่องยนต์ ๒ จงั หวะ หมายถึง เพลา ขอ้ เหวีย่ งหมนุ ๑ รอบ (๑ กลวตั ร) เคร่ืองยนตท์ างานไป ๒ จงั หวะ หลกั การทางานของเครื่องยนต์ ๒ จงั หวะ หลกั การทางานของเคร่ืองยนต์ ๔ จงั หวะ เคร่ืองยนต์ ๔ จงั หวะ หมายถึง เพลา ขอ้ เหวี่ยงหมนุ ๒ รอบ หลกั การทางานของเคร่ืองยนต์ ๔ จงั หวะ ๑.จงั หวะดูด ๒.จงั หวะอดั ๓.จงั หวะระเบดิ ๔.จงั หวะไอเสียหลกั การทางานของเครื่องยนต์ ต้งั แตก่ ารจดุ ระเบิดในห้องเผาไหม้ จนเกิดพลงั งานไปขบั เคลื่อนใหล้ อ้ หลงั หมุนไป เราสามารถทาความเขา้ ใจต้งั แตต่ น้ จน จบไดด้ งั น้ี กระบอกสูบของเคร่ืองยนตม์ ี ๒ แบบ คือ ๑. ชนิดมีสูบเดียว คณุ สมบตั ิ : ปริมาตรความจุต่า ขนาดเลก็ และน้าหนกั เบา ๒. ชนิดมี ๒ สูบ - ๔ สูบ คณุ สมบตั ิ : ปริมาตรความจุมาก แรงมา้ (กาลงั ของเครื่องยนต)์ สูง การทางานราบเรียบกวา่ ระบบระบายความร้อน ๑. ระบายความร้อนดว้ ยอากาศปะทะขณะรถวิง่ ๒. ระบายความร้อนดว้ ยอากาศจากพดั ลม ๓. ระบายความร้อนดว้ ยน้า ๔. ระบายความร้อนดว้ ยน้ามนั ระบบการขบั เคล่ือน ๑. ขบั ดว้ ยโซ่ - เปล่ียนอตั ราทดไดง้ า่ ย ๒. ขบั ดว้ ยเพลา - ประหยดั ในการบารุงรักษา ๓. ขบั ดว้ ยสายพาน - ทางานนิ่มนวลไมก่ ระตกุ

ระบบหล่อล่ืน ๑. ระบบหล่อลื่นแบบแยกส่วน สาหรับเคร่ืองยนต์ ๒ จงั หวะ โดยป๊ัมออโตลูบ (Automatic Lubrication) ๒. ระบบหล่อล่ืนแบบรวม สาหรับเคร่ืองยนต์ ๔ จงั หวะ 2.หลกั การทางานของระบบต่างๆของรถจกั รยานยนต์ หลกั การทางานของเครื่องยนต์ ๔ จงั หวะ หลกั การทางานของเคร่ืองยนต์ ๔ จงั หวะ ๑.จงั หวะดูด ๒.จงั หวะอดั ๓.จงั หวะระเบิด ๔.จงั หวะไอเสีย





3.ระบบควบคุมการฉีดเช้ือเพลิงดว้ ยอิเลก็ ทรอนิกส์ ระบบหวั ฉีดอเิ ลค็ ทรอนิคสห์ มายถึง ระบบหวั ฉีดน้ามนั เช้ือเพลิงของเครื่องยนตย์ นตเ์ บนซินทน่ี าเอาอเิ ลค็ ทรอนิคส์เขา้ มา ควบคุมการจา่ ยน้ามนั เชื่อเพลิง แทนระบบคาร์บูเรเตอร์แบบเดิม โดยอาศยั ECU (Electronic Control Unit) ซ่ึงเปรียบเสมือนระบบคอมพวิ เตอร์ระบบเลก็ ๆ เขา้ มาควบคมุ การทางานเพือ่ ใหก้ ารฉีด น้ามนั เป็นไปอยา่ ง ถกู ตอ้ งตามความตอ้ งการของเครื่องยนต์ มาตรวดั อากาศ (สาหรับ L-Jetronic) โดยการตรวจสอบปริมาณอากาศท่ีไหลเขา้ เคร่ืองยนต์ มาตรวดั ความดนั (สาหรับ D-Jetronic) ระบบฉีดน้ามนั เช้ือเพลิง ซ่ึงประกอบดว้ ย หวั ฉีดน้ามนั (Injector) ป๊ัมน้ามนั กรองน้ามนั ตวั ควบคมุ แรงดนั น้ามนั เซนเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์น้าหลอ่ เยน็ เซ็นเซอร์ความเร็วรอบเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์วดั มมุ ปี กผีเส้ือ เพ่อื ส่งสญั ญาณให้ ECU เพ่อื คานวณหาค่าที่เหมาะสมในสภาวะของเครื่องยนต์ ณ เวลาน้นั เพื่อท่ี ECU จะ ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปให้ตวั ควบคุม การฉีดน้ามนั (Actuators) ทีห่ วั ฉีดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เป็นระบบทค่ี วบการฉีดน้ามนั ที่มีประสิทธิภาพมากท่ีสุดตามอตั ราส่วนผสมน้ามนั กบั อากาศของเคร่ืองยนต์ ดว้ ยระบบการ ฉีดแบบน้ีทาให้ไมจ่ าเป็นตอ้ งมีการอนุ่ ไอดี เน่ืองจากสภาพการทางานตา่ งๆ จะมีอตั ราส่วนท่ีเหมาะสมตลอดเวลา การ ตอบสนองตอ่ การเร่งเป็นไปอยา่ งรวดเร็ว เพราะน้ามนั เช้ือเพลิงถูกฉีดออกมาภายใตค้ วามดนั ตลอดเวลาโดยใชค้ วามดนั ที่ เกิดจากป๊ัมเช้ือเพลิงไฟฟ้า หรือป๊ัมติ๊ก ซ่ึงแตกต่างจากระบบคาร์บเู รเตอร์ ท่ีใชค้ วามดนั อากาศท่ีคอคอดมาควบคุมการไหล ของน้ามนั เช้ือเพลิง

4.การใชเ้ ครื่องมือและเครื่องมือพเิ ศษ 1. เคร่ืองมือช่างทวั่ ไป เป็นเครื่องมือท่ีสามารถใชซ้ ่อมทวั่ ๆ ไป ไดแ้ ก่ 1.1 ประแจ ใชส้ าหรับขนั หรือคลายนอต (Nut) หรือโบลท์ (Bolt) เช่น 1.1.1 ประแจปากตาย 1.1.2 ประแจแหวนหรือประแจออฟเซ็ท 1.1.3 ประแจรวม 1.1.4 ประแจกระบอก 1.2 ไขขวง ใชข้ นั หรือคลายสกรู เช่น 1.2.1 ไขควงแบน 1.2.2 ไขขวงแฉก 1.3 คีม เช่น 1.3.1 คีมปากแหลม

1.3.2 คมี ปากเลื่อน 1.3.3 คีมตดั สายไฟ 1.3.4 คมี ถ่างแหวน 1.3.5 คมี นิปเปอร์ 1.3.6 คีมลอ็ ก 1.4 คอ้ น เช่น 1.4.1 คอ้ นหวั กลม 1.4.2 คอ้ นพลาสติก 1.4.3 คอ้ นยาง 1.4.4 คอ้ นทองเหลือง หรือทองแดง 1.4.5 คอ้ นไม้ 1.4.6 คอ้ นทดสอบ 2. เครื่องมือพเิ ศษ (Special Tools) เป็นเคร่ืองมือท่ีไดร้ บั การออกแบบใหเ้ หมาะกบั งานเฉพาะอยา่ ง เพอื่ ให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและป้องกนั การชารุดเสียหายท่ีอาจเกิดข้นึ ในขณะปฏิบตั ิงาน อาทีเช่น 2.1 เคร่ืองมือดดู ลอ็ กแม่เหลก็ (Magneto Puller) หนา้ ท่ีใชส้ าหรับดูดลอ้ แมเ่ หลก็ ออกจากปลายเพลาขอ้ เหวี่ยง 2.2 เครื่องมือจบั ลอ้ แม่เหลก็ (Flywheel Holder) เคร่ืองมอื จบั ลอ้ แม่เหลก็ แบบใชค้ วามฝืด (Flwheel Holeder Friction Type) มีหนา้ ท่ีใชส้ าหรับจบั ลอ้ แม่เหลก็ ใหอ้ ยกู่ บั ที่ เพ่ือทาการขนั หรือคลายนอตยดึ ลอ้ แมเ่ หลก็ 2.3 เคร่ืองมือจบั คลตั ซ์ (Clutch Holder) มีหนา้ ท่ี ใชส้ าหรับจบั ร่องของดุมคลตั ซ์ เพ่ือทาการขนั หรือคลายนอตยดึ ดุมคลตั ซ์ 2.4 ชุดถอดสลกั สูกสูบ (Piston Pin Puller) มีหนา้ ที่ใชส้ าหรับดดู สลกั ลกู สูบออกจากสูกสูบ เพ่ือแยกลูกสูบออกจากกา้ นสูบ 2.5 เคร่ืองมือตดั โซ่ (Chain Cutter) มีหนา้ ใชส้ าหรับตดั ขอ้ โซ่ 2.6 มลั ติมิเตอร์ (Mulltimeter) มีหนา้ ที่ใชส้ าหรับตรวจสอบ และวดั หาค่าทางไฟฟ้าตา่ ง ๆ 2.7 เครื่องมือแยกแครง้ ค์ (Crank Case Splitting Tool Assy) มีหนา้ ที่ใชส้ าหรับแยกแคร้งคเ์ ครื่องยนตอ์ อกจากกนั 2.8 เครื่องมือถอดสปริงวาลว์ (Valve Spring Compression Assy) ใชส้ าหรับถอด/ประกอบสปริงวาลว์ เคร่ืองยนต์ 4 จงั หวะ 2.9 ไดอลั เกจ (Dial Gauge) มีหนา้ ท่ีใชส้ าหรับตรวจวดั คา่ ความโก่งงอของเพลาหรือชิ้นงานที่ตอ้ งการความละเอียด 2.10 เครื่งมือถอดซีล (Oil Seal Remover) ใชส้ าหรบั ถอดซีลน้ามนั เช่น ซีลโชก้ อพั เป็นตน้ 2.11 ชุดตอกลกู ปื น และซีลน้ามนั (Bearing and Seal Installing Tool) ใชส้ าหรับประกอบลูกปื น หรือซีลน้ามนั 2.12 เครื่องมือถอดประกอบโชก้ อพั หนา้ (Front Fork Assembling Tool) ใชส้ าหรับจบั นอตลูกสูบโชก้ อพั ในตวั 2.13 เครื่องมือลอ็ กกา้ นสูบ (Con-rod Stopper) ใชส้ าหรับลอ็ กกา้ นสูบไม่ใหเ้ คลื่อนท่ีเพ่ือทาการขนั นอตยึดจานไฟ, ชุดคลตั ซ์ 2.14 ไทม่งิ ไลท์ (Timing Light) ใชส้ าหรับตรวจจบั วสญั ญาณจงั หวะการจดุ ระเบิดของเคร่ืองยนต์ 5.การตรวจสอบชิ้นส่วนรถจกั รยานยนต์ ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ การตรวจสอบในระบบผลิตรถยนต์ แบ่งได้ เป็น ๒ ส่วน คือ ก) การตรวจสอบชิ้นส่วนท่ีมาประกอบเป็นรถยนต์ เป็นการตรวจสอบ เพ่อื ควบคมุ คุณภาพของชิ้นส่วนที่ผผู้ ลิตชิ้นส่วนไดผ้ ลิตข้นึ วา่ ไดค้ ณุ ภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด ไวห้ รือไม่ โดยมีลกั ษณะท่ีจะตอ้ งควบคุมโดยทวั่ ไปๆ ไปคือ ขนาด รูปร่าง น้าหนกั ความแขง็ แรงของวสั ดุ ความทนทานตอ่ สภาพต่างๆ เช่น กรด ด่าง เกลือ ทนทานต่อรังสีเหนือมว่ ง (อลั ตราไวโอเลต) ทนทานตอ่ การเกิดลุกเป็นไฟ ขนาดกาลงั ไฟฟ้า อยา่ งไรก็ตาม ลกั ษณะท่ีตอ้ งควบคมุ ดงั ที่กล่าวมาน้ี มิไดห้ มายถึงวา่ ชิ้นส่วนทกุ ชิ้นส่วนจะตอ้ งถกู ตรวจสอบตามลกั ษณะท่ี

ตอ้ งควบคุมท้งั หมด ชิ้นส่วนบางชิ้น อาจจะมีเพยี งไมก่ ี่ลกั ษณะ ที่จะตอ้ งมีการตรวจสอบชิ้นส่วนท่ีไม่ไดม้ าตรฐานแมเ้ พียง ชิ้นเดียว ก็จะทาใหร้ ถยนตท์ ้งั คนั ไม่ไดม้ าตรฐานไปดว้ ย ดงั น้นั การควบคมุ คณุ ภาพในการผลิต จะตอ้ งกระทาต้งั แตต่ อนท่ียงั เป็นชิ้นส่วน เพอื่ ไมใ่ หม้ ีของเสียในกระบวนการผลิตเลย ข) การตรวจสอบเม่ือเป็นรถสาเร็จรูป โดยทว่ั ไปจะมีหวั ขอ้ ในการตรวจสอบตาม สายงาน ลกั ษณะภายใน และระบบการทางาน ของอปุ กรณ์ ๑. ความสวยงามและลกั ษณะภายนอก ๑.๑ การตรวจสอบสีของรถยนตว์ ่า มีรอยขดี ข่วน รอยแตกบวมของสี สีเรียบหรือไม่ มีรอยบบุ รอยนูนของตวั ถงั หรือไม่ ๑.๒ การตรวจสอบช่องไฟและความเรียบเสมอกนั ของตวั ถงั เป็นการตรวจสอบช่องไฟ รอยตอ่ ของชิ้นส่วนตวั ถงั รถยนต์ เพือ่ ให้มีความสวยงาม ๑.๓ การตรวจสอบการประกอบชิ้นส่วนในรถยนต์ เพื่อตรวจดูช่องไฟ รอยต่อ ความเรียบเสมอของผิว และความเรียบร้อย ในการประกอบ ๒. ระบบการทางานของอปุ กรณ์ ๒.๑ การตรวจสอบการใชง้ านของอปุ กรณ์รถยนต์ เช่น เครื่องเลน่ เทป วทิ ยุ เคร่ืองปรับอากาศว่ามีการทางานตามข้นั ตอนท่ี กาหนดไวห้ รือไม่ ๒.๒ การตรวจสอบอุปกรณ์ เพ่อื ความปลอดภยั เช่น ระบบเบรค ไฟฉุกเฉิน ไฟหนา้ กระจกมองขา้ ง อกี ท้งั ยงั เป็นขอ้ กาหนด ตามกฎหมายในหลายๆ ประเทศท่ีเจริญแลว้ ๒.๓ การทดสอบการรั่วซึมของน้า ไมใ่ หเ้ ขา้ มาภายในรถยนตไ์ ด้ ๒.๔ การทดสอบว่ิง เพ่อื ตรวจสอบการทางานของชิ้นส่วน ช่วงลา่ งของรถยนต์ และการประกอบ ๒.๕ การทดสอบเครื่องยนต์ เช่น แรงมา้ ปริมาณกา๊ ซไอเสีย ที่ออกมาจากเคร่ืองยนต์ โดยการเผาไหมน้ ้ามนั เช้ือเพลิง โดยเฉพาะเร่ืองของกา๊ ซไอเสีย เป็นเร่ืองท่ีทกุ คนจะตอ้ งใส่ใจ เพราะมีผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม

6.การปรับแตง่ รถจกั รยานยนต์ 1.ทาความสะอาดมอเตอร์ไซค์ ของคุณมอเตอร์ไซคท์ ่ีสะอาดเป็นหวั ใจของความปลอดภยั คณุ เคยเห็นมอเตอร์ไซคท์ ่ีสกปรกของมอเตอร์จีพีไหมละ่ ไม่และ มีเหตผุ ลเมื่อคณุ ทาความสะอาดรถมอเตอร์ไซคท์ ใี่ ชข้ บั เคล่ือนไปตามถนนของคุณ คณุ จะสามารถที่จะดูวา่ ห่วงโซ่ตอ้ ง ปรับม้ยั ผา้ เบรกตอ้ งเปล่ียนหรือยงั หรือระดบั น้ามนั ต่าไปหรือยงั มีผลิตภณั ฑพ์ ิเศษสาหรบั ทาความสะอาดรถมอเตอร์ไซค์ มากมายในตลาดรวมถึงผลิตภณั ฑท์ าความสะอาดมอเตอร์ไซคค์ าสตรอลGreentec(CastrolGreentecBikeCleaner)ซ่ึงสลาย ฝ่ นุ ละอองและส่ิงสกปรกหรือสเปรยค์ าสตรอลซลิโคน(CastrolSiliconSpray)ซ่ึงช่วยปกป้องและบรู ณะชิ้นส่วนพลาสติกบน มอเตอร์ไซคข์ องคุณ 2.เปล่ียนหรืออพั เกรดระบบกนั สะเทือนของรถมอเตอร์ไซค์ เพราะกีฬาบางประเภทความสมบกุ สมบนั มีสูง จึงจาเป็นตอ้ งปรับระบบกนั สะเทือนให้ เหมาะ 3.แกะและทาความสะอาดเครื่องวดั เส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง (Callipers)เบรคของคุณอีกงานหน่ึงทค่ี ณุ มกั จะมองขา้ ม การใชง้ านอยา่ งตอ่ เน่ืองของเบรก ลีฟ (Brakes Leaves) เบรก ดสั ต์ (Brake Dust) เช่นเดียวกบั ส่ิงสกปรกจากถนนและกรวดในเบรคของคณุ อยา่ งนอ้ ยปี ละหน่ึงคร้ังคุณควรเอาเคร่ืองวดั เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางของคณุ ,ลอกและทาความสะอาดพวกมนั และควรเปล่ียนน้ามนั เบรคของคณุ เป็นประจาโดยใชน้ ้ามนั เบรค สาหรับรถมอเตอร์ไซคค์ าสตรอล(CastrolMotorcycleBrakeFluid) 4.ใชน้ ้ามนั คาสตรอลพาว เวอร์ 1 เรซซิ่ง 4T (Castrol Power 1 Racing 4T) กบั มอเตอร์ไซคข์ องคณุ คาสตรอลพาวเวอร์ 1 เรซซิ่ง 4T เป็นน้ามนั สงั เคราะหเ์ ตม็ รูปแบบสาหรับรถมอเตอร์ไซคเ์ คร่ืองยนตส์ ี่จงั หวะท่ีมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยกี ารแขง่ ขนั ท่ีมาจาก ประสบการณ์โดยตรงของคาสตรอลกบั ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั เช่น ซาน คาร์โล ฮอนดา้ เกรสินี่ (San Carlo Honda Gresini) สร้าง ความมน่ั ใจในสมรรถนะของเครื่องยนตท์ ีเ่ หมาะสมและการเร่งความเร็ว 5.ติดต้งั Power Commander เป็นชิ้นส่วนอีเลก็ โทรนิคที่ทางานร่วมกบั ระบบ ECU ของเครื่องยนต์ ช่วยในการปรับระดบั การจา่ ยน้ามนั , ช่วยให้เคร่ืองยนตป์ ล่อยพลงั งานไดส้ ม่าเสมอ, เพ่มิ ประสิทธิภาพในการทางานโดยรวมของเคร่ืองยนตแ์ ละช่วยประหยดั น้ามนั เช้ือเพลิง 6.เช็คความดนั ยางทกุ วนั น่ีเป็นส่ิงที่สาคญั ที่สุดส่ิงหน่ึงอา่ นค่มู ือเพอ่ื รักษาระดบั แรงดนั ท่ีเหมาะสม สาหรับรถมอเตอร์ไซค์ และ ยางที่เลือกใช้ 7.การบารุงรักษารถจกั รยานยนต์ 1.ดูแลรักษาเครื่องยนตแ์ ละส่วนต่างๆของรถให้ สะอาดอยเู่ สมอตรวจเช็คการทางานของเคร่ืองว่าปกติ หรือไม่ 2.ตรวจเชค็ ระบบกรองอากาศไส้กรองจะทาหนา้ ที่ในการกรองฝ่ นุ ละอองทีป่ ะปนอยใู่ นอากาศไม่ใหเ้ ขา้ ไปในเครื่องยนต์ หากกรอง อากาศตนั จะทาใหเ้ คร่ืองยนตก์ ินน้ามนั มากข้นึ ว่ิงไมค่ อ่ ยออกจึงควรทาความสะอาไสก้ รองอากาศทกุ ๆ 4,000 – 5,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนทุกๆ 10,000 -12,000 กิโลเมตร ข้นึ อยกู่ บั สภาพการใชง้ าน 3.ตรวจเชค็ หวั เทียนหมนั่ สังเกตตรวจดูสภาพของหวั เทียนอาการผดิ ปกติเช่นสตาร์ทติดยากไม่ค่อยมีกาลงั กม็ กั มีสาเหตมุ า จากความเสื่อมของหวั เทียน 4.เชค็ ระดบั ของน้ามนั เครื่อง เสมอ 5.เม่ือรถ ว่งิ มาไดใ้ นระยะทางประมาณ2,500กิโลเมตรควรเปลี่ยนไสก้ รอง

น้ามนั เคร่ือง 6.ตรวจสอบทอ่ ทางเดินน้ามนั หากพบการชารุดฉีกขาดหรือกรอบ แตกควรทาการเปล่ียนทนั ที 7.ตรวจเชค็ ยางเลือกใชย้ างให้เหมาะสมกบั รถจกั รยานยนตท์ ่ีขบั ขีต่ ามท่ีคูม่ ือรถกาหนดไวส้ ูบลมยางในอตั ราที่กาหนดและ ควรสูบลมขณะที่ยางเยน็ หมน่ั ตรวจสภาพการสึกหรอของยางโดยตรวจดูดอกยางตรงท่ีมเี ครื่องหมายสามเหลี่ยม 8.ตรวจเชค็ ระบบเบรคใหใ้ ชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเสมอหากรู้สึกวา่ ตอ้ งบีบหรือเหยยี บมากกว่าปกติควรเปลี่ยนผา้ เบรค ใหม่ 9.เช็คระบบโซ่ความตึงหยอ่ นและความสะอาดการบารุงรักษาโซ่ควรหลอ่ ล่ืนดว้ ยน้ามนั เกียร์เป็นประจาหากสกปรกมากควร ลา้ งดว้ ยน้ามนั โซล่าหรือเบนซินโดยใชแ้ ปรงอยา่ แช่ทงิ้ ไวก้ ารหมนั่ ตรวจเช็คดูแลรักษาเครื่องยนตท์ าให้ระบบต่างๆทางานได้ เป็นอยา่ งดีลดการเกิดอบุ ตั ิเหตุอนั เกิดจากการบกพร่องของระบบเคร่ืองยนตเ์ ช่นระบบเบรคแถมยงั ยดื อายกุ ารใชง้ านให้กบั รถของเราอีกดว้ ย 8.การประมาณราคาค่าบริการในการซ่อมรถจกั รยานยนต์ 1.การประมาณราคาคา่ บริการ เป็นการประมาณค่าใชจ้ ่ายต่างๆของร้านซ่อม หรือศูนยบ์ ริการ เช่น ค่าอะไหล่ ค่าวสั ดุ ค่าแรงงาน และกาหนดระยะเวลาในการซ่อมบริการเครื่องยนต์ ซ่ึงช่างจะตอ้ งมีความรู้ ความชานาญในการซ่อมปรับเปลี่ยน ชิ้นส่วนต่างๆเพ่ือให้ไดร้ าคาและกาหนดเวลาแลว้ เสร็จในการทางาน 2.การกาหนดราคาโดยทว่ั ไปจะมีวธิ ีการคิดราคาท่ีแตกต่างกนั ไมว่ ่าจะเกิดจากความคุน้ เคยความสนิทสนม ซ่ึงกเ็ ป็นส่วน หน่ึงในการคิดราคาแตร่ ้านซ่อมหรือศูนยซ์ ่อมที่เป็นมาตรฐานจะกาหนดราคาโดยเอาราคาแรงงานราคาวสั ดุและราคา อะไหล่มารวมกนั จากน้นั จึงจะกาหนดเป็นราคาค่าบริการ 2.1ราคาแรงงาน หมายถึง ราคาคา่ แรงของช่างในการท่ที าการซ่อมบริการต้งั แต่เริ่มตน้ จนเสร็จการกาหนดราคาค่าแรงน้ีได้ จากการประเมินค่าของการปฏิบตั ิงานตามใบส่งั ซ่อม(ใบงาน 2.2ราคาวสั ดุ หมายถึง ค่าสิ้นเปลืองตา่ งๆที่ร้านซ่อมหรือศนู ยบ์ ริการจดั เตรียมไวใ้ ห้สาหรับช่างบริการใชใ้ นการทางานและ จะรวมคดิ คา่ ใชจ้ ่ายอนื่ ๆของแตล่ ะงานซ่ึงการกาหนดราคาประมาณไดจ้ ากงานท่ีให้บริการหรืออาจจะคดิ เป็นร้อยละของ ค่าแรง 2.3 ราคาอะไหล่ หมายถึง ค่าอะไหลท่ ้งั หมดท่ีใชไ้ ปในการเปลี่ยน ซ่อม กากาหนดราคาใน ส่วนน้ีทาไดโ้ ดยการสอบราคาอะไหลจ่ ากร้านจาหน่ายทวั่ ไป วิธีการคานวณราคา การ คานวณราคาเพื่อแจง้ ใหล้ ูกคา้ ทราบโดยทว่ั ไปทางศนู ยบ์ ริการ จะใชว้ ธิ ีคดิ จากราคางานบวกดว้ ยกาไร จะไดร้ าคาประมาณ การแจง้ ให้ลกู คา้ ทราบดงั น้ี 1.ราคางาน (ตน้ ทนุ )= ราคาแรงงาน+ราคาวสั ดุ+ราคาอะไหล่ 2.กาไร หมายถึง ราคาท่ีศนู ยบ์ ริการหรือร้านซ่อมคดิ ราคางาน แลว้ ถือว่าเป็นตน้ ทนุ ฉะน้นั ราคาประมาณการที่จะแจง้ ให้ลกู คา้ ทราบจะบวกดว้ ยกาไร คอื ราคางาน บวกดว้ ยกาไร ซ่ึง โดยทว่ั ไปแลว้ กาไรจะคิดประมาณ 10 ถึง 20 % ของราคางานท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ว่ามีฐานจานวนนอ้ ยหรือมากเพยี งใด ถา้ มีฐาน นอ้ ยอาจคดิ ถึง 25 % ของราคา เช่น ราคางาน (ตน้ ทุน) เป็นเงิน 160 บาท ดงั น้นั กาไรท่ีควรจะคดิ ได้ คอื 25 % = = 40 บาท 3.ราคาประมาณการแจง้ ใหล้ ูกคา้ หมายถึง ราคาท่ีศูนยบ์ ริการหรือร้านซ่อมคดิ เงนิ จากลูกคา้ เมื่อส่งมอบงาน คอื ราคา ประมาณการแจง้ ลูกคา้ = ราคางาน+กาไร การคานวณราคาอาจใชว้ ธิ ีดงั น้ีได้ คอื ราคาประมาณการคา่ บริการ = คา่ แรง + คา่ วสั ดุ + ค่าอะไหล่ + กาไร ชว่ั โมงงานมาตรฐานการซ่อมบริการรถจกั รยานยนต์

ชว่ั โมงงานมาตรฐานการซ่อมบริการรถจกั รยานยนตน์ ้ีอาจใชเ้ ป็นแนวทางในการกาหนดเวลาปฏบิ ตั ิงานซ่อมบริการ และ การบารุงรักษารถจกั รยานยนตไ์ ด้ อีกท้งั อาจใชป้ ระกอบการคิดประมาณราคาในการซ่อมรถเพอื่ แจง้ แก่ลูกคา้ นอกจากน้ียงั ใชใ้ นการคดิ ประสิทธิภาพการทางานของช่างและศนู ยบ์ ริการโดยรวมไดด้ ว้ ย ชว่ั โมงงานมาตรฐานดงั แสดงใน ตวั อยา่ งตารางจะแสดงเป็นเลขทศนิยม (1/10) ของชว่ั โมง เช่น 0.1 = 6 นาที 0.2 = 12 นาที 0.5 = 30 นาที 1.0 = 1 ชวั่ โมง หากนาชวั่ โมงงานมาตรฐานมาแปลงเป็นค่าแรงซ่อมบริการ จะใชต้ วั คณู ที่ศูนยบ์ ริการกาหนดข้นึ เองตามราคา ทอ้ งถิ่น ซ่ึงอยรู่ ะหว่าง 100 ถึง 150 เช่น ชว่ั โมงมาตรฐาน 0.3 ใชต้ วั คณู 100 ราคาค่าบริการจะเท่ากบั 0.3 x 100 = 30 บาท




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook