ชุดการเรียนรู้ทางไกล คร้ังท่ี 14/18 เรื่อง ความรู้พน้ื ฐานของเทคโนโลยีเครอื ขา่ ย (ตอนท่ี 2) วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจัดการอาชพี รหสั วชิ า 3001 -2001 สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา พทุ ธศกั ราช 2557 ประทีป ผลจนั ทรง์ าม เพื่อการจดั ทาเน้ือหาและพฒั นาสื่อการสอนอาชีพและวชิ าชีพ สาหรับการศกึ ษาทางไกลหรือเรยี นฝึกงานในสถานประกอบการด้วยตนเอง วทิ ยาลยั เทคนคิ ระยอง สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคตะวนั ออก สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญ 1. รายละเอียดหลกั สูตรรายวชิ า 1 2. ใบวเิ คราะห์หวั ขอ้ เรื่อง 4 3. แผนภูมิปะการัง 6 4. โครงการจดั การเรียนรู้ 8 5. แผนการจดั การเรียนรู้ 6. เน้ือหา (ใบความรู้) 12 7. ส่ือประกอบการสอน 19 8. แบบทดสอบก่อนเรียน 9. แบบทดสอบหลงั เรียน 43 10. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 63 11. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 66 12. แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 69 13. แบบบนั ทึกหลงั การเรียนรู้ 71 73 75
1 1.รายละเอียดหลกั สูตรรายวชิ า
2 ชื่อวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจัดการอาชพี คาอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า 3001–2001 แผ่นที่ 1 สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ คาอธบิ ายรายวชิ า ( เดิม ) 1. รหสั และช่ือวชิ า 3000–0203. วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเบอื้ งต้น 2. ระดับรายวชิ า ระดบั ช้นั ปวส. ปี ท่ี 1 3. เวลาศึกษา 72 ชว่ั โมงตลอด 18 สัปดาห์ ทฤษฎี 2 ชว่ั โมง ปฏิบตั ิ 2 ชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ 4. จานวนหน่วยกติ 3 หน่วยกิต 5. จุดประสงค์รายวชิ า 1. เเข้าใจเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศรจดั การสารสนเทศ 2. สามารถสบื ค้น จัดเกบ็ ค้นคืน ส่งผ่าน จัดดำเนินการข้อมลู สารสนเทศ นำเสนอและสือ่ สารข้อมูล ส 3. มีคณุ ธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ 6. สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรูเ้ กยี่ วกับหลกั การและกระบวนการสืบค้น จดั ดำเนนิ การและสอ่ื สารขอ้ มลู ฯ 2. ใชค้ อมพวิ เตอรในการสืบค้นและส่อื สารข้อมูลสารสนเทศผ่านระบบ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 3. จดั เกบ็ ค้นคนื ส่งผ่านและจัดดำเนนิ การข้อมลู สารสนเทศตามลกั ษณะงานอาชพี 4. นำเสนอและสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศในงานอาชพี โดยประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู 7. คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ัติเกยี่ วกับคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์โทรคมนาคม ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และ สารสนเทศ การสบื คน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ การจดั เกบ็ คน้ คนื สง่ ผ่านและจัดดำเนนิ การขอ้ มูล สารสนเทศ การประยกุ ต์ใช้โปรแกรมสำเรจ็ รปู ในการนำเสนอและส่อื สารข้อมลู สารสนเทศ ตามลักษณะงานอาชพี
3 ชื่อวชิ า.ทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า3001–2001 แผ่นท่ี 2 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ คาอธิบายรายวชิ า ( เดมิ ) ศกึ ษาและปฏิบัตเิ กย่ี วกบั คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์โทรคมนาคม ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ และ สารสนเทศ การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การจัดเก็บ คน้ คนื ส่งผ่านและจัดดำเนินการขอ้ มลู สารสนเทศ การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รูปในการนำเสนอและสื่อสารข้อมลู สารสนเทศ ขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือพฒั นางานอาชีพดว้ ยคอมพวิ เตอร์ คาอธิบายรายวชิ า ( ปรับปรุง ) ศึกษาเกยี่ วกบั พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ขอ้ มลู และการจดั การฐานขอ้ มลู การส่ือสารขอ้ มลู เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ ระบบปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือขา่ ย เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต การสืบคน้ ขอ้ มูล ตามลักษณะงานอาชีพ ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกบั งานทดสอบโปรแกรมการจดั การฐานขอ้ มูล MS-ACCESS งานประกอบ ไมโครคอมพวิ เตอร์PC งานทดสอบโปรแกรม MS-Word งานทดสอบโปรแกรม MS-Power Point งานทดสอบโปรแกรม MS-Excel งานติดต้งั และทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Linux งานติดต้งั และ ทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Windows XP งานทดสอบระบบเครือขายวนิ โดว์ งานทดสอบสาย UTP งาน ทดสอบสอบ Switching HUB งานทดสอบระบบเครือขายอินเทอร์เน็ต งานทดสอบ IP Address งาน ทดสอบการใชง้ าน Browser งานทดสอบการใช้ e-Mail งานทดสอบการสืบคน้ มูลผา่ นเครือข่าย อินเทอร์เน็ต
4 2. ใบวิเคราะห์หวั ขอ้ เร่ือง
5 ชื่อวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี ใบวเิ คราะห์หัวข้อเรื่อง รหัสวชิ า3001–2001 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ แผ่นท่ี 1 แหล่งข้อมูล หวั ข้อเรื่อง ( Topic ) ABCDE 1. พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 2. ขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มลู /// / 3. การส่ือสารขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ / //// 5. เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ 6. ระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ / //// 7. ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต / //// 9. การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศเพอ่ื พฒั นางานอาชีพดว้ ยเครือข่าย อินเตอร์เน็ต / //// / //// / //// / //// / //// หมายเหตุ A : คาอธิบายรายวชิ า B : ประสบการณ์ของผู้สอน C : ผู้เช่ียวชาญ D : ผู้ชานาญงาน E : เอกสาร / ตารา
6 3. แผนภมู ิปะการงั
9.1 การสบคนขอมลสารสนเทศบนอนเทอร์เน็ต 1.1 เทคโนโลยสารสนเทศ 2.1 ขอมลและสารสนเทศ 9.2 เทคนคการสบคนขอมล 1.2 วฒนาการเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร 2.2 ฐานขอมลและการจดการฐานขอมล 9.3 เวบ็ ไซต์ทเกยวของเพอประโยชน์ในการศกษา 9. การสบคนขอมลสารสนเทศเพอพฒนา 1. พนฐานเทคโนโลย 2. ขอมลและการจดการ 3.1 รปแบบของการสอสารขอมล งานอาชพดวยเครอขายอนเตอรเ์ น็ต สารสนเทศและการสอสาร ฐานขอมล 3.2 ชนดของสญญาณ อเล็กทรอนกส์ 3.3 รหสทใชแทนขอมลในการสอสาร 8. เทคโนโลยสารสนเทศกบ วชา เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพีี 3. การสอสารขอมล 3.4 ระบบการสอสารอเลก็ ทรอนกส์ อนเตอร์เนต็ รหสั 3001–2001สาขาวิชาเทคโนโลยสารสนเทศ 3.5 ทศทางของการสอสารขอมล 3.6 สอและอปกรณร์ บสงขอมล 8.1 เครอขายอนเตอรเ์ นต็ 7. ความรพนฐานของ 4. เทคโนโลยคอมพวเตอร์ 4.1 คอมพวเตอรแ์ ละฮารด์ แวร์ 8.2 การบรการเครอขายอนเตอร์เน็ต เทคโนโลยเครอขาย 5. เทคโนโลยซอฟต์แวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพนฐานของเครอง คอมพวเตอร์ 8.3 โพรโตคอล TCP/IP 6. ระบบปฏบตการ (Transmission Control คอมพวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพวเตอร์ Protocol/Internet Protocol) 4.4 เทคโนโลยคอมพวเตอรส์ วนบคคล 4.5 แนะนาการเลอกซออปกรณ์คอมพวเตอร์ 8.5 การเชอมตอเขากบอนเตอรเ์ นต็ 4.6 คอมพวเตอรก์ บเครอขาย 8.6 การใชงานและบรการตางๆ บนเครอขาย อนเตอรเ์ นต็ Control (MAC) Method) 7.1 เปาหมายของเครอขายคอมพวเตอร์ 5.1 ซอฟตแ์ วรค์ อมพวเตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครอขายคอมพวเตอร์ 8.7 การประยกตใ์ ชอนเตอรเ์ นต็ 5.2 ภาษาคอมพวเตอร์ 8.8 เครอขายอนทราเน็ต 7.3 ระบบเครอขายLAN (Local Area Network) 5.3 แนวทางการพฒนาซอฟตแ์ วร์ 7.4 สอทใชในการสงขอมล 6.1 ระบบปฏบตการ 6.2 ระบบปฏบตการ UNIX และ Linux 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.5 อปกรณ์ทใชในการเชอมตอบนระบบเครอขาย 6.3 ระบบปฏบตการวนโดว์ (ตอนท่ 1 การใชงานโปรแกรม MS Word) 7.6 วธควบคมการเขาใชงานสอกลาง (Media Access Control 6.4 ระบบปฏบต Windows mobile 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ (ตอนท่ 2 การใชงานโปรแกรม MS Power Point ) (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครอขายแบบ LAN ชนดตางๆ 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครอขาย (Network Protocol) (ตอนท่ 3 การใชงานโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS Excel ) 7
8 4. โครงการจดั การเรียนรู้
9 โครงการสอนทางไกล วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ รหสั วชิ า 3001–2001 สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พทุ ธศกั ราช 2557 สอนคร้ังที่ หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ 1 เรียนท่ี 2 1. พนื้ ฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 3 1 1.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2 1.2 วฒั นาการเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 4 3 5 2. ข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูล 3 2.1 ขอ้ มลู และสารสนเทศ 6 4 2.2 ฐานขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มูล 7 4 3. การสื่อสารข้อมูล 5 3.1 รูปแบบของการสื่อสารขอ้ มูล 3.2 ชนิดของสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์ 3.3 รหสั ท่ีใชแ้ ทนขอ้ มลู ในการสื่อสาร 3.4 ระบบการส่ือสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5 ทิศทางของการส่ือสารขอ้ มลู 3.6 ส่ือและอุปกรณ์รับส่งขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ 4.1 คอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพิวเตอร์ 4.4 เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 4.5 แนะนาการเลือกซ้ืออุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ 4.6 คอมพวิ เตอร์กบั เครือขา่ ย 5. เทคโนโลยซี อฟต์แวร์ 5.1 ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์
10 สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ เรียนที่ 8 5.2 ภาษาคอมพวิ เตอร์ 9 5 5.3 แนวทางการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ 10 5 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 11 5 (ตอนที่ 1 การใชง้ านโปรแกรม MS Word) 12 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 13 (ตอนท่ี 2 การใชง้ านโปรแกรม MS Power Point ) 14 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 6 (ตอนท่ี 3 การใชง้ านโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS 15 7 Excel ) 6. ระบบปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ 16 7 6.1 ระบบปฏิบตั ิการ 6.2 ระบบปฏิบตั ิการ UNIX และ Linux 8 6.3 ระบบปฏิบตั ิการวนิ โดว์ 6.4 ระบบปฏิบตั ิ Windows mobile 7. ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 7.1 เป้ าหมายของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.3 ระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network) 7.4 สื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มูล 7.5 อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเช่ือมตอ่ บนระบบเครือขา่ ย 7.6 วธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านสื่อกลาง (Media Access Control (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครือข่ายแบบ LAN ชนิดตา่ งๆ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อนิ เตอร์เน็ต 8.1 เครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต 8.2 การบริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 8.3 โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน 11 เรียนที่ 8.4 ระบบชื่อโดเมน (Domain Name System) หมายเหตุ 17 8 8.5 การเช่ือมต่อเขา้ กบั อินเตอร์เน็ต 8.6 การใชง้ านและบริการตา่ งๆ บนเครือข่าย อินเตอร์เน็ตControl (MAC) Method) 8.7 การประยกุ ตใ์ ชอ้ ินเตอร์เน็ต 8.8 เครือขา่ ยอินทราเน็ต 18 9 9. การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศเพอื่ พฒั นางานอาชีพด้วย เครือข่ายอินเตอร์เน็ต 9.1 การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต 9.2 เทคนิคการสืบคน้ ขอ้ มูล 9.3 เวบ็ ไซตท์ ี่เกี่ยวขอ้ งเพอ่ื ประโยชน์ในการศึกษา
12 5. แผนการจดั การเรียนรู้
13 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชพี หน่วยท่ี 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย ช่ือเร่ือง ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนท่ี 2 จานวน 2 ชั่วโมง 1.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเช่ือมต่อบนระบบเครือข่ายแต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. อธบิ ายวธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านส่ือกลาง (Media Access Control (MAC) Method)ได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. อธบิ ายมาตรฐานระบบเครือขา่ ยแบบ LAN ชนิดต่างๆไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. อธบิ ายโปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) แต่ละชนดิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. หวั ข้อสาระการเรียนรู้ 1. อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเชื่อมตอ่ บนระบบเครือข่าย 2. วธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านส่ือกลาง (Media Access Control (MAC) Method) 3. มาตรฐานระบบเครือข่ายแบบ LAN ชนิดตา่ งๆ 4. โปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) 3. สาระสาคญั การเรียนรู้ ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ ป็นระบบทม่ี กี ารเช่อื มต่อมากกว่า 2 เคร่อื งขน้ึ ไปใหส้ ามารถ ติดต่อส่ือสารข้อมูลระหว่างกันได้ ถ้าแบ่งตามลักษณะการเช่ือมต่อสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคอื ระบบ LAN MAN และ WAN ถ้าแบ่งตามลกั ษณะการใช้งานแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคอื เครอื ข่าย Internet Intranet และ Extranet และการเช่อื มต่อระบบ LAN เป็นการ เช่อื มต่อทใ่ี ช้ภายในองค์กรหรอื หน่วยงานเพ่อื ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย จะมมี าตรฐาน เ ฉ พ า ะ ใ น ก า ร เ ช่ือ ม ต่ อ แ ล ะ ส่ือ ส า รข้อ มูล เ พ่ือ ใ ห้เ ป็ น ร ะ บบ แ ล ะ ม า ต รฐ า น ท่ีใ ช้ง าน ไ ด้อ ย่ า ง มี ประสิทธิภาพ ตามลกั ษณะของแต่ละองค์กรหรอื หน่วยงานท่ีจะนาไปใช้งานจรงิ ตามความ เหมาะสมของตนเอง และเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ น่ี ยิ มใชง้ านกนั อยา่ งกวา้ งขวางมากทส่ี ุดในปจจุ บนั น้ีคอื เครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ น็ตทส่ี ามารถส่อื สารขอ้ มูลระหว่างกนั ไดท้ วั่ โลก เป็นเครอื ข่ายโยงใย ไปถงึ กนั ทวั่ โลก
14 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชพี หน่วยท่ี 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย 4. เนือ้ หาสาระ บทที่ 7 ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 7.5 อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเช่ือมตอ่ บนระบบเครือข่าย 7.6 วธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านส่ือกลาง (Media Access Control (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครือข่ายแบบ LAN ชนิดตา่ งๆ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครือขา่ ย (Network Protocol) จากเอกสารประกอบการเรียนรู้ของ ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบือ้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้.อดั สาเนา. เอกสารการพมิ พว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นค่าย. 2555. 5. กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรียน ข้นั เตรียม ข้นั เตรียม 1. จดั เตรียมสื่อที่ใชป้ ระกอบการเรียนรู้ให้ 1. เตรียมตวั และเอกสาร หรือวสั ดุ เครื่องมือท่ี พร้อม สาหรับการเรียนการสอน ( ตามรายการ จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการเรียนรู้ ในหวั ขอ้ ท่ี สื่อการเรียนรู้ เลือกสื่อการเรียนรู้ได้ 2. ใหค้ วามร่วมมือกบั ครูในการตรวจสอบรายช่ือ ตามความเหมาะสม ) เขา้ เรียน 2. ตรวจสอบรายชื่อนกั เรียนที่เขา้ เรียน 3. ถา้ เรียนรู้ผา่ นระบบ e-Learning ใหเ้ ขา้ สู่ระบบ เพ่อื เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) 1. ใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน โดย 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ใชเ้ วลา 30 นาที และครูตรวจคาตอบหลงั จาก 2. ร่วมสนทนาและแสดงความคิดเห็น เสร็จสิ้นการทดสอบ เพื่อแจง้ ผลการทดสอบให้ นกั เรียนทราบหลงั เรียนจบบทเรียน 2. ใชส้ ่ือช่วยสอน นาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยภาพ แบบจาลอง ของตวั อยา่ ง หรือสิ่งท่ีจะช่วยดึงดูด ความสนใจ หรือคาถาม
15 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเเพ่อื การจดั การอาชพี หน่วยที่ 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย หมายเหตุ หากเรียนรู้จากสื่อวดี ีทศั น์ ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรือผา่ นอินเทอร์เน็ต ตอ้ งทาการทดสอบก่อนเรียนใหแ้ ลว้ เสร็จก่อน การเรียนรู้ จากส่ือฯ ที่ทาการออกอากาศ ข้ันศึกษาข้อมูล (Information) (60 นาท)ี ข้นั ศึกษาข้อมูล (Information) 1. ใหผ้ เู้ รียนเริ่มเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึก 1. ผเู้ รียนเร่ิมเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึกปฏิบตั ิงาน ปฏิบตั ิงาน จากการฉายวดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ จากการฉายวดี ีทศั น์ในรูปแบบ DVD หรือ ส่ือวีดี DVD หรือ สื่อวดี ีทศั นท์ างไกลผา่ นดาวเทียม ทศั นท์ างไกลผา่ นดาวเทียม หรืออินเทอร์เน็ต หรืออินเทอร์เน็ต หรือแบบออฟไลน์ หรือแบบออฟไลน์ 2. ใหผ้ เู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสยั จาก 2. ผเู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสัย จากการ การเรียนรู้เน้ือหา เรียนรู้เน้ือหา ข้นั พยายาม (Application) (30 นาท)ี ข้นั พยายาม (Application) 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้น ใหผ้ เู้ รียน 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้นผเู้ รียนทา ทาแบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ แบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ 2. หรือใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบบน 2. หรือทาแบบทดสอบบนออนไลน์ และ ออนไลน์ และสามารถตรวจคาตอบไดท้ นั ที สามารถตรวจคาตอบทนั ที ข้นั สาเร็จผล (Progress) ข้นั สาเร็จผล (Progress) 1. ประเมินผลการปฏิบตั ิงานหรือ 1. รับผลการทดสอบ แบบทดสอบของผเู้ รียนหลงั ข้นั พยายามโดย 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคญั เทียบกบั วตั ถุประสงคก์ ารเรียนที่ต้งั ไว้ 3. นกั เรียนสอบถามขอ้ สงสัย 2. ผสู้ อนแจง้ ผลคะแนนการปฏิบตั ิงานหรือ 4. ฟังและปฏิบตั ิตามที่ครูแนะนา การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนใหผ้ เู้ รียน 5. ผเู้ รียนที่มีคะแนนทดสอบหลงั การเรียนท่ีไม่ ทราบ เพ่อื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ผา่ นเกณฑ์ข้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตามเกณฑ์ ของตน การประเมินผล และคาแนะนาของครูผสู้ อน 3. ผสู้ อนแจง้ ให้ผเู้ รียนที่มีคะแนนหลงั เรียน ท่ีไม่ผา่ นเกณฑข์ ้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตาม เกณฑก์ ารประเมินผล
16 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชพี หน่วยที่ 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย 4. ผสู้ อนสรุปสาระสาคญั และตอบขอ้ สงสยั พร้อมแนะนาสิ่งที่เกี่ยวขอ้ งในการเรียนรู้คร้ังน้ี และแนะนาการเรียนรู้ในคร้ังตอ่ ไป 6. สื่อการเรียนการสอน ส่ือการเรียนรู้ ใหค้ รูผสู้ อนและผเู้ รียนเลือกใชส้ ื่อประกอบการเรียนการสอนตามสภาพความ พร้อมของของตนเอง ดงั น้ี 6.1 สื่อโสตทศั น์ 1) วดี ีทศั น์ในรูปแบบ DVD เรื่อง ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนท่ี 2 สาหรับ ผเู้ รียน ที่เรียนรู้จากการฉายวดี ีทศั น์ 2) วดี ีทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม วงั ไกลกงั วล ตามตารางการออกอากาศ เรื่อง ความรู้ พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนที่ 2 สาหรับผเู้ รียนที่เรียนรู้ทางไกลผา่ นดาวเทียม 6.2 โสตทศั น์อุปกรณ์ 1) เครื่องเล่น DVD พร้อม TV ที่มีช่องรับสัญญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียน ท่ีเรียนรู้ จากการฉายวดี ีทศั น์ 2) เคร่ืองรับสัญญาณดาวเทียม ที่รับสญั ญาณจากมลู นิธิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม วงั ไกลกงั วล พร้อม TV ที่มีช่องรับสญั ญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียนที่เรียนรู้ทางไกลผา่ น ดาวเทียม 6.3 สื่อสิ่งพมิ พ์ 1) สาเนาส่ือโปรแกรมนาเสนอ PowerPoint เรื่อง ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนท่ี 2 2) เอกสารประกอบการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ แบบทดสอบฯลฯ 6.4 สื่อออนไลน์ 1) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถเชื่อมตอ่ อินเทอร์เน็ตได้ และเขา้ เวบ็ ไซต์ url: http://edltv.vec.go.th 2) เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมติดต้งั ระบบ edltv เพอื่ พฒั นาอาชีพ แบบออฟไลน์ สามารถเขา้ ใช้ งานและเรียนรู้ไดโ้ ดยตรง
17 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชพี หน่วยที่ 7 ช่ือหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. เครือขา่ ย 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล 7.1 ก่อนเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบก่อนเรียนรู้ เครื่องมือวดั - แบบทดสอบก่อนเรียนรู้ 7.2 ระหว่างเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล เคร่ืองมือวดั - แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 7.3 หลงั เรียน วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบหลงั เรียนรู้ เคร่ืองมือวดั - แบบทดสอบหลงั เรียนรู้ 8. เกณฑ์การประเมนิ ผล 8.1 เกณฑ์การวดั ผลสัมฤทธ์จิ ากแบบทดสอบและใบมอบงานมเี กณฑ์ดงั นี้ ร้อยละ 80-100 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดีมาก ร้อยละ 70-79 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดี ร้อยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรียนรู้ปานกลาง ร้อยละ 50-59 หมายถึง ผลการเรียนรู้ผา่ นเกณฑผ์ า่ น ข้นั ต่า ต่ากวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง (ควรปรับปรุงดว้ ยการศึกษาทบทวน) ผลการเรียนไม่ผา่ นเกณฑ(์ ตอ้ งปรับปรุงและ เรียนซ่อมเสริมควรทดสอบการประเมินจนกวา่ จะผ่านข้นั ตา่ ) 8.2เกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล 8-10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5-7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมที่ตอ้ งปรับปรุง
18 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 14 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ หน่วยท่ี 7 ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. ช่ือหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี เครือข่าย 8.3 เกณฑ์การตัดสิน 2 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิสม่าเสมอ 1 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิบางคร้ัง 0 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ไม่ปฏิบตั ิ 8.4 เกณฑ์การประเมนิ 8 - 10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5 - 7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมที่ตอ้ งปรับปรุง 9. แหล่งการเรียนรู้เพม่ิ เติม - ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบือ้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้. อดั สาเนา. เอกสารการพมิ พว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นค่าย. 2555. - สืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู อื่นๆ ผา่ นเครือขายอินเทอร์เน็ต
19 6. เนือ้ หา (ใบความรู้)
20 บทเรียนที่ 7 เร่ือง ความรพู้ ืน้ ฐานของเทคโนโลยีเครอื ข่าย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเป้าหมายของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. จาแนกประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. อธบิ ายเครอื ขา่ ยระบบ LAN ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. อธบิ ายประเภทของส่อื กลางการส่อื สารขอ้ มลู แต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. อธบิ ายการนาอุปกรณ์ในระบบเครอื ขา่ ยไปใชง้ านใหถ้ กู ตามหน้าทไ่ี ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 6. อธบิ ายวธิ กี ารควบคุมการเขา้ ใชส้ อ่ื กางไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 7. อธบิ ายมาตรฐานต่าง ๆ ของระบบ LAN ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 8. อธบิ ายโปรโตคอลแต่ละประเภทไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง หวั ข้อเนื้อหา 1. บทนา 2. เป้าหมายของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 3. ประเภทระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 4. ระบบเครอื ขา่ ยLAN (Local Area Network) 5. ส่อื ทใ่ี ชใ้ นการสง่ ขอ้ มลู 6. อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการเชอ่ื มต่อบนระบบเครอื ขา่ ย 7. วธิ คี วบคมุ การเขา้ ใชง้ านส่อื กลาง (Media Access Control (MAC) Method) 8. มาตรฐานระบบเครอื ขา่ ยแบบ LAN ชนดิ ต่างๆ 9. โปรโตคอลของระบบเครอื ขา่ ย (Network Protocol) 10. สรปุ
21 บทเรยี นที่ 7 ความรพู้ ืน้ ฐานของเทคโนโลยีเครอื ข่าย 7.6 อปุ กรณ์ที่ใช้ในการเช่ือมต่อบนระบบเครือข่าย นอกจากระบบเครอื ขา่ ยจะประกอบดว้ ยโหนด การด์ เช่อื มต่อระบบเครอื ขา่ ย สายเคเบลิ และหวั ต่อเช่อื มแลว้ ระบบเครอื ขา่ ยยงั ตอ้ งอาศยั อุปกรณ์ทต่ี ่อเชอ่ื ม และในบางครงั้ กต็ อ้ งคน้ หา เสน้ ทางการขนส่งขอ้ มลู ระหว่างโหนด และระหวา่ งสว่ นต่างๆ ของระบบเครอื ข่าย ซง่ึ เชอ่ื มโยงกนั เป็นระบบเครอื ขา่ ยขนาดใหญ่ขน้ึ 7.6.1 อปุ กรณ์รวมสญั ญาณ 1. มลั ติเพลก็ ซเ์ ซอร์ (Multiplexer) นยิ มเรยี กกนั วา่ มกั (MUX) เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการ รวม ขอ้ มลู (multiplex) จากเครอ่ื งเทอรม์ นิ ลั จานวนหน่งึ เขา้ ดว้ ยกนั และส่งผา่ นไปยงั สายสอ่ื สารเดยี วกนั และทป่ี ลายทาง MUX อกี ตวั จะทาหน้าทแ่ี ยกขอ้ มลู (de-multiplex) ส่งไปยงั จดุ หมายทต่ี อ้ งการการ Mutiplexing ภาพท่ี 7.17 แสดงการทางานของอุปกรณ์มลั ตเิ พลก็ เซอร์ การ multiplex เป็นวธิ กี ารรวมขอ้ มลู จากหลายๆ จดุ แลว้ ส่งผ่านไปตามสายสง่ เพยี งสาย เดยี ว ซง่ึ แบง่ ไดเ้ ป็น 2 แบบคอื 1. การมลั ตเิ พลก็ ซแ์ บบแบ่งเวลา (Time Division Multiplexer หรอื TDM) เป็นวธิ ที เ่ี พงิ่ จะ ไดร้ บั การพฒั นาไดไ้ มน่ าน การมลั ตเิ พลก็ ซแ์ บบแบ่งเวลาจะใชเ้ สน้ ทางเพยี งเสน้ ทางเดยี ว และ คลน่ื พาหค์ วามถเ่ี ดยี วเทา่ นนั้ แต่ผใู้ ชแ้ ต่ละคนจะไดร้ บั การจดั สรรเวลาในการเขา้ ใชช้ ่องสญั ญาณ เพอ่ื ส่งขอ้ มลู ไปยงั ปลายทาง
22 ภาพท่ี 7.18 แสดงการมลั ตเิ พลก็ ซแ์ บบแบ่งเวลา 2. การมลั ตเิ พลก็ ซแ์ บบแบง่ ความถ่ี (Frequency Division Multiplexer หรอื FDM) เป็น วธิ ที ใ่ี ชก้ นั ทงั้ ระบบทม่ี สี ายและระบบคล่นื วทิ ยุ หลกั การของการมลั ตเิ พลก็ ซแ์ บบแบ่งความถค่ี อื การ รวมสญั ญาณจากแหลง่ ต่างๆ ใหอ้ ยใู่ นคล่นื พาหเ์ ดยี วกนั ทค่ี วามถต่ี ่างๆ สญั ญาณเหลา่ น้สี ามารถท่ี จะใชเ้ สน้ ทางรว่ มกนั ได้ 2. คอนเซนเตรเตอร์ (Concentrator)nนิยมเรยี กกนั สนั้ ๆ วา่ คอนเซน เป็นมลั ตเิ พลก เซอรท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู ขน้ึ คอื - มหี น่วยความจา (buffer) ทใ่ี ชเ้ กบ็ ขอ้ มลู เพ่อื สง่ ต่อได้ ทาใหส้ ามารถเช่อื มต่อระหว่าง อุปกรณ์ทม่ี คี วามเรว็ สงู กบั ความเรว็ ต่าได้ - มกี ารบบี อดั ขอ้ มลู (compress) เพอ่ื ใหส้ ามารถสง่ ขอ้ มลู ไดม้ ากขน้ึ 3 ฮบั (Hub) ฮบั เป็นอุปกรณ์ทเ่ี หน็ ไดอ้ ย่างเด่นชดั ในระบบเครอื ขา่ ยทใ่ี ชโ้ ทโปโลยแี บบ ดาว ในความเป็นจรงิ จะใชฮ้ บั อยา่ งแพรห่ ลายในระบบเครอื ขา่ ย 2 ประเภท คอื 10BaseT Ethernet และ Token Ring ซง่ึ ในระบบเครอื ขา่ ยแต่ละประเภท ฮบั จะเป็นศนู ยก์ ลางการเช่อื มต่อโหนดต่างๆ และทาใหโ้ หนดเหลา่ น้สี ามารถตดิ ต่อส่อื สารกนั ได้ โดย ทาการตดิ ตงั้ ฮบั ไวท้ ศ่ี ูนยก์ ลางของโทโปโลยี แบบดาว โหนดแต่ละโหนดทเ่ี ขา้ มามสี ่วนรว่ มในระบบเครอื ขา่ ยจะเช่อื มต่อผา่ นฮบั และจะส่อื สาร กนั โดยสง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารผ่านฮบั HUB เป็นอุปกรณ์ศูยน์กลางในการเชอ่ื มต่อ ระหวา่ งคอมพวิ เตอรใ์ นระบบเครอื ขา่ ย แบบ LAN ทางานอยใู่ น Layer ท่ี 1 ของ OSI Model
23 ภาพท่ี 7..19 เมอ่ื มองจากภายนอกฮบั จะมจี ดุ เชอ่ื มต่อทเ่ี รยี กวา่ พอรต์ (port) ไวจ้ านวนหน่งึ สาหรบั ให้ โหนดหรอื อุปกรณ์ระบบเครอื ขา่ ยอ่นื เชอ่ื มต่อเขา้ มา เมอ่ื ขอ้ มลู ถกู สง่ มาจากโหนดต่างๆ ทเ่ี ชอ่ื มต่อ อยกู่ บั ฮบั ขอ้ มลู นนั้ ๆ จะถูกทาสาเนาไปยงั พอรต์ ต่างๆ เพอ่ื ใหแ้ น่ใจวา่ ฮบั จะสามารถสง่ กระจาย ขอ้ มลู ไปยงั โหนดทกุ ตวั ได้ นอกจากน้ฮี บั ยงั มอี ยหู่ ลายประเภท คอื - Intelligent Hub เป็นฮบั ทส่ี ามารถจดั การควบคมุ บางอยา่ งกบั โหนดทเ่ี ช่อื มต่ออยู่ เช่น การอนุญาตใหผ้ บู้ รหิ ารระบบเครอื ขา่ ยควบคุมแต่ละพอรต์ ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ ไมว่ า่ จะเป็นการสงั่ ให้ ทางาน หรอื หยดุ ทางานกต็ าม Intelligent Hub บางประเภทสามารถเฝ้าตดิ ตาม กจิ กรรมของระบบ เครอื ขา่ ยได้ เชน่ ตดิ ตามจานวนแพก็ เกจ (packet) ทส่ี ่งผา่ น และการเกดิ ความ ผดิ พลาดขน้ึ ใน แพก็ เกจเหลา่ นนั้ - Standalone Hub เป็นอุปกรณ์ภายนอกทเ่ี ช่อื มต่อเขา้ กบั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เป็นฮบั ท่ี พบเหน็ โดยทวั่ ไป ซง่ึ ไมม่ คี วามสามารถในการจดั การ มเี ฉพาะความสามารถในการเช่อื มต่อไป ยงั ฮบั ตวั อ่นื เทา่ นนั้ - Modular Hub เป็นฮบั ทส่ี ามารถจดั การไดโ้ ดยมลี กั ษณะเป็น การด์ สลอ็ ต (slot card) การด์ แต่ละตวั จะมกี ารทางานเชน่ เดยี วกบั Standalone Hub 1 ตวั การใชฮ้ บั ประเภทน้ที าให้ สามารถขยายระบบเครอื ขา่ ยไดโ้ ดยงา่ ย บางตวั กส็ ามารถสนบั สนุนการเชอ่ื มต่อกบั เครอื ขา่ ยได้ มากกวา่ 1 ประเภท เชน่ ใชไ้ ดก้ บั ระบบเครอื ขา่ ยทงั้ แบบ Ethernet และ Token Ring 7.6.2 อปุ กรณ์เช่ือมต่อเครือข่าย 1. รพี ีตเตอร์ (Repeater) รพี ตี เตอร์ เป็นอุปกรณ์ทท่ี างานอยใู่ นระดบั ฟิสคิ ลั เลเยอร์ ( Physical Layer) ใน OSI Model มหี น้าทเ่ี ชอ่ื มต่อสาหรบั ขยายสญั ญาณใหก้ บั เครอื ขา่ ย เพ่อื เพม่ิ ระยะทางในการรบั ส่งขอ้ มลู ใหก้ บั เครอื ขา่ ยใหไ้ กลออกไปไดก้ วา่ ปกติ ขอ้ จากดั คอื ทาหน้าทใ่ี นการ
24 สง่ ต่อสญั ญาณทไ่ี ดม้ าเทา่ นนั้ จะไมม่ กี ารเช่อื มต่อกบั ระบบเครอื ขา่ ยซง่ึ อาศยั วธิ กี าร access ท่ี แตกต่างกนั เชน่ Ethernet กบั Token Ring และไมร่ จู้ กั ลกั ษณะของขอ้ มลู ทแ่ี ฝงมากบั สญั ญาณเลย ภาพท่ี 7.20 แสดงหน้าทแ่ี ละการใชง้ าน Repeater 2. บริดจ์ (Bridge) บรดิ จ์ มกั ใชใ้ นการเช่อื มต่อวงแลน (LAN Segment) 2 วงเขา้ ดว้ ยกนั ทาใหส้ ามารถขยายขอบเขตของ เครอื ขา่ ยออกไปเรอ่ื ยๆ โดยทป่ี ระสทิ ธภิ าพรวมของระบบ ไมล่ ดลงมากนกั โดยบรดิ จอ์ าจเป็นไดท้ งั้ ฮารด์ แวรเ์ ฉพาะ หรอื ซอฟแวรบ์ นเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ บรดิ จจ์ ะมกี ารทางานทด่ี าตา้ ลง้ิ คเ์ ลเยอร์ (Data Link Layer) ทาการกรองสญั ญาณและส่งผ่านแพก็ เกต็ ขอ้ มลู ไปยงั ส่วนต่างๆ ของระบบเครอื ข่าย ซง่ึ อาจจะเป็นส่วนของระบบเครอื ขา่ ยทม่ี โี ครงสรา้ ง สถาปตั ยกรรมทแ่ี ตกต่างกนั ได้ เชน่ บรดิ จส์ ามารถเชอ่ื มโยงส่วนของ Ethernet เขา้ กบั ส่วนของ Token Ring ได้ และถงึ แมว้ า่ ระบบเครอื ขา่ ยทงั้ ค่จู ะใชโ้ ปรโตคอลทแ่ี ตกต่างกนั บรดิ จก์ ย็ งั คง สามารถโยกยา้ ยแพก็ เกต็ ขอ้ มลู ระหวา่ งระบบเครอื ขา่ ยทงั้ สองไดอ้ ยดู่ ี
25 การใช้ Bridge เช่ือมต่อระหว่างเครือข่าย รปู ท่ื 4.21 แสดงการใช้ Bridge เช่อื มระหว่างเครอื ขา่ ย 3. สวิตซ์ (Switch) สวติ ซ์ หรอื ทน่ี ยิ มเรยี กว่า อเี ธอรเ์ นตสวติ ซ์ (Ethernet Switch) จะ เป็น บรดิ จแ์ บบหลายชอ่ งทาง (Multiport Bridge) ทน่ี ิยมใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ย LAN แบบ Ethernet เพ่อื ใชเ้ ชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยหลายๆ เครอื ขา่ ย (Segment) เขา้ ดว้ ยกนั สวติ ซจ์ ะช่วยลดการจราจร ระหวา่ งเครอื ข่ายทไ่ี ม่จาเป็น และเน่อื งจากการเช่อื มต่อแต่ละช่องทางกระทาอยภู่ ายในตวั สวติ ซเ์ อง ทาใหส้ ามารถทาการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ในแต่ละเครอื ข่าย (Switching) ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กวา่ การใช้ บรดิ จจ์ านวนหลายๆ ตวั เช่อื มต่อกนั
26 ก. แสดงหลกั การทางานของ Switching ข. แสดงการใชง้ าน Switching
27 ค. แสงดรปู รา่ งของ Switching ภาพท่ี 7.22 แสดงการทาหน้าท่ี ของ Bridge และ Switching Hub 4. เราทเ์ ตอร์ (Router) เราทเ์ ตอร์ เป็นอุปกรณ์ทท่ี างานอยใู่ นระดบั ทส่ี งู กว่าบรดิ จท์ าให้ สามารถใชใ้ นการเช่อื มต่อระหว่างเครอื ขา่ ยทใ่ี ชโ้ ปรโตคอลต่างกนั ได้ และสามารถทาการกรอง (Filter) เลอื กเฉพาะชนิดของขอ้ มลู ทร่ี ะบุไวว้ า่ ใหผ้ า่ นไปไดท้ าใหช้ ว่ ยลดปญั หาการจราจรทค่ี บั คงั่ ของขอ้ มลู และเพมิ่ ระดบั ความปลอดภยั ของเครอื ข่าย นอกจากน้ี เราทเ์ ตอรย์ งั สามารถหาเสน้ ทาง การสง่ ขอ้ มลู ทเ่ี หมาะสมใหโ้ ดยอตั โนมตั ดิ ว้ ย อยา่ งไรกด็ เี ราทเ์ ตอร์ จะเป็นอุปกรณ์ทข่ี น้ึ อยกู่ บั โปรโตคอล นนั่ คอื ในการใชง้ านจะตอ้ งเลอื กซอ้ื เราทเ์ ตอรท์ ส่ี นบั สนุนโปรโตคอลเครอื ขา่ ยทต่ี อ้ งการ จะเช่อื มต่อเขา้ ดว้ ยกนั 5. เกทเวย์ (Gateway) เกทเวย์ เป็นอุปกรณ์ทม่ี หี น้าทใ่ี นการเชอ่ื มต่อและแปลงขอ้ มลู ระหวา่ ง เครอื ขา่ ยทแ่ี ตกต่างกนั ทงั้ ในสว่ นของโปรโตคอล และสถาปตั ยกรรมเครอื ข่าย เช่น เช่อื มต่อและแปลงขอ้ มลู ระหว่างระบบเครอื ขา่ ย LAN และระบบ Mainframe หรอื เชอ่ื มระหว่าง เครอื ขา่ ย SNA ของ IBM กบั DECNet ของ DEC เป็นตน้ โดยปกติ เกทเวยม์ กั เป็น Software Package ทใ่ี ชง้ านบนเครอ่ื งคอมพวิ เตอรเ์ ครอ่ื งใดเครอ่ื งหน่งึ (ซง่ึ ทาใหเ้ ครอ่ื งนนั้ มสี ถานะเกทเวย์) และมกั ใชส้ าหรบั เชอ่ื ม Workstation เขา้ ส่เู ครอ่ื งทเ่ี ป็นเครอ่ื งหลกั (Host) ทาใหเ้ คร่อื งเป็น Workstation สามารถทางาน ตดิ ต่อกบั เครอ่ื งหลกั ได้ โดยไมต่ อ้ งกงั วลเกย่ี วกบั ขอ้ แตกต่างของ ระบบเลย ก. แสดงหน้าทข่ี อง Router และ Gateway
28 ก) แสดงหน้าทก่ี ารทางานของ Router หรอื Gateway ข. แสดงการใช้ Router เช่อื มต่อระหว่างเครอื ขา่ ย
29 ค. แดสงรปู ร่างของ Router รปู ท่ี 4.23 แสดงการใชง้ าน Router / Gateway 7.7 วิธีควบคมุ การเข้าใช้งานสื่อกลาง (Media Access Control (MAC) Method) วธิ ใี นการควบคุมการเขา้ ใชง้ านส่อื กลาง (Media Access Control Method) จะเป็น ขอ้ ตกลงทใ่ี ชใ้ นการรบั ส่งขอ้ มลู ผ่านส่อื กลาง (ในทน่ี ้กี ค็ อื สายเคเบลิ ของเครอื ขา่ ยแบบ LAN) ซง่ึ ทกุ โหนดในเครอื ข่ายจะตอ้ งใชม้ าตรฐานเดยี วกนั การทางานจะเกดิ อยใู่ นส่วนของแผงวงจรเชอ่ื มต่อ เครอื ขา่ ย (Network Interface Card : NIC) และทางานอยใู่ นครง่ึ ทอ่ นล่างของ Data link Layer คอื สว่ นของ MAC Layer (ดู OSI Reference Model ) วธิ ใี นการเขา้ ใชง้ านสอ่ื กลางจะมอี ยหู่ ลายวธิ ี ซง่ึ แต่ละวธิ กี จ็ ะมขี อ้ ดขี อ้ เสยี และเหมาะสมกบั โทโปโลยตี ่างๆ กนั ไป ทน่ี ิยมใชก้ นั ในปจั จบุ นั คอื 1. CSMA/CD (Carrier Sense Multiple Access/Collision Detection) เป็นวธิ ที ท่ี กุ node ของเครอื ขา่ ยสามารถเหน็ ขอ้ มลู ทไ่ี หลอยใู่ นสายสอ่ื สารของเครอื ขา่ ย แต่จะมแี ต่โหนด ปลายทางทร่ี ะบุไวเ้ ท่านนั้ ทจ่ี ะทาการคดั ลอกขอ้ มลู ขน้ึ ไป ในการส่งขอ้ มลู ดว้ ยวธิ นี ้ี ทุกโหนดท่ี ตอ้ งการสง่ ขอ้ มลู จะตอ้ งทาการตรวจสอบสายส่อื สารวา่ ว่างหรอื ไม่ หากสายไมว่ า่ งโหนดกต็ อ้ งหยดุ รอและทาการสุ่มตรวจเขา้ ไปใหมเ่ รอ่ื ยๆ จนเมอ่ื สญั ญาณตอบกลบั ว่าว่างแลว้ จงึ สามารถสง่ ขอ้ มลู เขา้ ไปได้ แต่อยา่ งไรกด็ อี าจมกี รณที ส่ี องโหนดสง่ สญั ญาณเขา้ ไปพรอ้ มๆ กนั ทาใหเ้ กดิ การชนกนั (collision) ขน้ึ หากเกดิ กรณนี ้ที งั้ สองฝา่ ยจะตอ้ งหยดุ ส่งขอ้ มลู และรออยรู่ ะยะหน่งึ (ตามตวั เลขทส่ี มุ่ ไดจ้ ากสตู ร) ซง่ึ โหนดทส่ี มุ่ ไดร้ ะยะเวลาทน่ี ้อยทส่ี ดุ กจ็ ะทาการสง่ ก่อน หากชนกห็ ยดุ ใหม่ ทาเช่นน้ี ไปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ จะสง่ ไดส้ าเรจ็ วธิ กี ารใชส้ ่อื กลางชนดิ น้ีจะพบมากในโครงสรา้ งแบบบสั 2. Token passing เป็นวธิ ที ใ่ี ชห้ ลกั การของ token ซง่ึ เป็นกลุ่มของบติ ทว่ี ง่ิ วนไปตาม โหนดต่างๆ รอบเครอื ขา่ ยแต่ละโหนดจะคอยตรวจสอบรบั ขา่ วสารทส่ี ง่ มาถงึ ตนจากใน token และ ในกรณที ต่ี อ้ งการส่งขอ้ มลู กจ็ ะตรวจสอบว่า token วา่ งอยหู่ รอื ไม่ หากว่างอยกู่ จ็ ะทาการใส่ขอ้ มลู พรอ้ มระบปุ ลายทางเขา้ ไปใน token นนั้ และปลอ่ ยให้ token วง่ิ วนต่อไปในเครอื ขา่ ย วธิ ใี นการเขา้ ใชส้ ่อื ชนดิ น้ีจะพบมากในโครงสรา้ งแบบบสั (Token Bus) และแบบวงแหวน (Token Ring) 7.8 มาตรฐานระบบเครอื ข่ายแบบ LAN ชนิดต่างๆ โดยปกตแิ ลว้ ในการออกแบบการเชอ่ื มต่อของระบบ LAN จะตอ้ งคานึงถงึ ลกั ษณะ
30 โครงสรา้ ง (Topology) ส่อื กลาง (Media) และวธิ ใี นการเขา้ ใชส้ อ่ื กลาง (Media Access Method) ซง่ึ จะมคี วามเหมาะสมในการนามาประกอบกนั เพอ่ื ใชง้ านแตกต่างกนั ไป อยา่ งไรกด็ ี เพ่อื ใหก้ าร เชอ่ื มต่อระบบ LAN มมี าตรฐานและสามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ทาใหม้ อี งคก์ รกาหนด มาตรฐานไดก้ าหนดมาตรฐานของระบบเครอื ขา่ ยแบบต่างๆ ออกมา ซง่ึ มาตรฐานทไ่ี ดร้ บั การ ยอมรบั และมกี ารใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวางดงั ต่อไปน้คี อื 7.8.1 มาตาฐาน IEEE (nstitute of Electronics and Electrical Engineers) สถาปตั ยกรรมสว่ นใหญ่ถูกกาหนดโดยกลุ่มประชุม Institute of Electronics and Electrical Engineers (IEEE) มาตรฐานส่วนทใ่ี หญ่ทส่ี ุดเรยี กว่า มาตรฐาน 802 (Main committee) และถา้ ตามดว้ ยจดุ ทศนยิ มกค็ อื สว่ นมาตรฐานยอ่ ย (Subcommittee) เป็นขอ้ กาหนดมาตรฐานของ LAN เกย่ี วกบั Physical และ Data-link ของ OSI Model และไดม้ กี ารกาหนดมาตรฐานการระบบ เครอื ขา่ ยดงั น้ี 1. มาตรฐาน IEEE 802.3 และ Ethernet ระบบเครอื ข่ายแบบ Ethernet ถูกพฒั นา ขน้ึ โดยรษิ ทั ซรี อกซใ์ นปลายทศวรรษ 1970 และ ในปี 1980 บรษิ ทั Digital Equipment, Intel และ Xerox ไดร้ ว่ มกนั ออกแบบ Ethernet I ซง่ึ ใชง้ านกบั สาย coaxial และต่อมาในปี 1985 กไ็ ดท้ าการ พฒั นาเป็น Ethernet II ซง่ึ เป็นระบบเครอื ข่ายทถ่ี ูกใชง้ านมากทส่ี ุดแบบหน่งึ จากนนั้ องคก์ ร มาตรฐาน IEEE จงึ ไดอ้ อกขอ้ กาหนดมาตรฐาน 802.3 โดยใช้ Ethernet II เป็นรากฐาน โดยมจี ุด แตกต่างจาก Ethernet II เลก็ น้อย แต่หลกั การใหญ่ๆ จะคลา้ ยคลงึ กนั คอื ใช้ Access Method แบบ CSMA/CD และใช้ Topology แบบ Bus หรอื Star (Ethernet II จะเป็น Bus เทา่ นัน้ ) นอกจากน้ีมาตรฐาน IEEE 802.3 ยงั ไดร้ า่ งมาตรฐานการใชส้ อ่ื ในระดบั กายภาพ (Physical Layer) แบบต่างๆ ทาใหส้ ามารถใชส้ ายเคเบลิ ในระดบั กายภาพไดห้ ลายแบบ โดยไมต่ อ้ ง เปลย่ี นในสว่ นของ Data link Layer ขน้ึ ไป เชน่ 10Base5, 10BaseT โดย “10” หมายถงึ ความเรว็ 10 Mbps ส่วน “Base” หมายถงึ Baseband (“Broard” คอื Broadband) และในสว่ นสุดทา้ ยนนั้ ในช่วงแรก “5” หมายถงึ ระยะไกลสดุ ทส่ี ามารถเช่อื มต่อมหี น่วยเป็นเมตรคณู รอ้ ย ในทน่ี ้คี อื 500 เมตร แต่ต่อมาไดม้ กี ารใชค้ วามหมายของส่วนน้เี พมิ่ เตมิ เป็นชนิดของสาย เช่น “T” หมายถงึ ใชส้ าย Twisted Pair และ “F” หมายถงึ Fiber ดงั สรปุ ในตาราง
31 ตารางท่ี 7.2 แสดงการกาหนดมาตรฐานการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย มาตรฐาน IEEE 802.3 Data rate Ethernet 10Base5 IEEE 802.3 10BaseT 10Broad36 (Mbps) 10 10 10Base2 1Base5 10 10 Signaling method 10 1 Broadband Max. 1800?? Segment Baseband Baseband Baseband Baseband Baseband Length 75–ohm (m) 500 500 185 250 100 coax Media Bus 50–ohm 50– 50–ohm UTP UTP Topology coax(thick) ohm coax(thick) coax(thick) Star Star Bus Bus Bus ในปจั จบุ นั น้ี ยงั มมี าตรฐาน IEEE 802.3u ซง่ึ ไดข้ ยายครอบคลมุ ความเรว็ ระดบั 100 Mbps ดว้ ย นนั่ คอื มาตรฐาน Fast Ethernet โดยจะประกอบดว้ ย 100BaseTX ซง่ึ เป็นการใชส้ าย UTP Category 5 เช่อื มต่อไดไ้ กล 100 เมตรต่อเซกเมนต์ และ 100 BaseFX ซง่ึ ใชส้ าย Fiber Optic เช่อื มต่อไดไ้ กลถงึ 412 เมตรต่อเซกเมนต์ นอกจากน้ีทาง IEEE ยงั กาลงั พจิ ารณารา่ งมาตรฐาน 802.3z หรอื Gigabit Ethernet โดยจะทาการขยายความเรว็ ในการเช่อื มต่อขน้ึ ไปถงึ 1,000 Mbps (1 Gigabit/seconds) 10 Base2 จากตาราง เป็นการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยทม่ี ี ความเรว็ 10 Mbps การส่อื สาร ขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ ายสญั ญาณแบบ Baseboard มรี ะยะทางของสายสญั ญาณโดยใชส้ ายสญั ญาณแบบโค
32 แอก เชยี ลแบบบาง (Coaxial แบบ Thinnet) มรี ะยะทางสงู สดุ ของสายไมเ่ กนิ 200 เมตร แต่ มาตรฐานทวั่ ไป 185 เมตร ระยะห่างน้อยทส่ี ดุ ในระบบเครอื ขา่ ยคอื 0.5 เมตร จะเช่อื มโครงสรา้ ง แบบบสั (Bus Topology) ดงั แสดงในรปู แต่ละสว่ นของเครอื ขา่ ยสามารถมคี อมพวิ เตอรไ์ ดส้ งู สุด ประมาณ 30 เครอ่ื ง Termiators หวั ท้าย 50 โอห์ม สาย RG58-AU Coax T Conectors ก) แสดงโครงสรา้ งการเช่อื มต่อ การ์ดแลน (NIC) ข) แสดงขอ้ ต่อ BNC
33 ค) แสดงการใชง้ าน ง) แสดงลกั ษณะการเช่อื มต่อใชง้ านจรงิ รปู ท่ี 4.24 แสดงการเชอ่ื มต่อ 10Base2 10BaseT โดยมาจะใชส้ ายนาสญั ญาณแบบ UTP หรอื STP รปู แบบการเชอ่ื มต่อจะเป็น แบบ Star ระยะห่างสงู ทส่ี ุดสาหรบั 10BaseT คอื 100 เมตร และระยะหา่ งน้อยทส่ี ุดในระบบ เครอื ขา่ ยคอื 2.8 เมตร ใชไ้ ดก้ บั คอมพวิ เตอร์ 1024 เครอ่ื ง HUB สาย UTP แจ็ค RJ - 45 การ์ดแลน ก) แสดงการเช่อื มต่อแบบ 10 Base T
34 ข) แสดงการใช้ HUB ขยายการเชอ่ื มต่อเพ่อื ขยายระบบเครอื ขา่ ย สาย UTP รปู ท่ี 3.7 RJ-45 ค) แสดงอุปกรณ์ RJ-45 ทใ่ี ชเ้ ชอ่ื มต่อเขา้ กบั สาย UTP หรอื STP ภาพท่ี 7.25 แสดงมาตรฐานการเช่อื มต่อเครอื ข่าย 10BaseT
35 10Base5 ระบบเครอื ขา่ ยแบบน้ใี ชส้ าย Coaxial แบบหนา (Thicnet) ระยะหา่ งสงู ทส่ี ดุ สาหรบั 10Base5 คอื 500 เมตร และระยะห่างน้อยทส่ี ุดในระบบเครอื ขา่ ยคอื 0.5 เมตร แต่ละสว่ น ของเครอื ขา่ ยสามารถมคี อมพวิ เตอรไ์ ดส้ งู สดุ 100 เครอ่ื ง รปู ท่ี 4.26 แสดงการเช่อื มต่อแบบ 10Base5 100BaseX ประกอบดว้ ย 100BaseT4(4 pair UTP), 100BaseTX(2 pair UTP or STP), 100BaseFX(2 standard fiber optic) ระยะห่างสงู สุดขน้ึ อยกู่ บั การเลอื กใชส้ ายนาสญั ญาณแบบ CAT 5 (Category 5) สามารถส่อื สารขอ้ มลู ไดท้ ค่ี วามเรว็ 100 Mbps และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทเ่ี ชอ่ื ม ในระบบเครอ่ื ขา่ ยตอ้ งสามารถวง่ิ ไดถ้ งึ 100 Mbps เชน่ การด์ แลน (Network Operating System :NIC) ฮบั (HUB) และสวติ ช์ (Switching) เป็นตน้ หรอื ใชอ้ ุปกรณ์แบบ dual speed ทส่ี ามารถ ส่อื สารขอ้ มลู ดว้ ยความเรว็ ทงั้ แบบ 10 Mbps และ 100 Mbps ดงั แสดงในรปู
36 ภาพท่ี 7.27 แสดงการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ยแบบ 100BaseT ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการเช่อื มต่อสายคอื - 100baseTX ใชส้ าย 4-เสน้ (การเช่อื มทกุ อยา่ งเหมอื น 10baseT แต่อุปกรณ์ทุกตวั ตอ้ ง สอ่ื สารความเรว็ ไดถ้ งึ 100 Mbps) - 100baseT4 ใชส้ าย 8 เสน้ 100baseTX: เป็นการใชส้ ายสญั ญาณ UTP หรอื STP เพยี ง 4 เสน้ เทา่ นนั้ ในการสอ่ื สาร ขอ้ มลู เหมอื น 10baseT แต่อุปกรณ์ทุกตวั ตอ้ งสอ่ื สารขอ้ มลู ความเรว็ ไดถ้ งึ 100 Mbps ภาพท่ี 7.28 แสดงการส่อื สารทใ่ี ชส้ ายสญั ญาณ 4 เสน้ 100 baseT4 เป็นการใชส้ ายสญั ญาณ UTP หรอื STP ใชส้ ายสญั ญาณ 8 เสน้ และใชอุ้ ป กรณ์ทเ่ี ป็นความเรว็ สงู 100 Mbps ดงั แสดงในภาพท่ี 7.29
37 ภาพท่ี 7.29 แสดงการสอ่ื สารทใ่ี ชส้ ายสญั ญาณ 8 เสน้ 2. มาตรฐาน IEEE 802.4 และ TOKEN BUS ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Token Bus จะใช้ Access Protocol แบบ Token Passing และ Topology ทางกายภาพเป็นแบบ Bus แต่จะมกี ารใช้ โทโปโลยที างตรรกเป็นแบบ Ring เพ่อื ใหแ้ ต่ละโหนดรจู้ กั ตาแหน่งของตนเองและโหนดขา้ งเคยี ง จงึ ทาการสง่ ผ่าน Token ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. IEEE 802.5 และ Token Ring ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Token Ring ไดร้ บั การพฒั นา โดย IBM จะไช้ Access Method แบบ Token Passing และ Topology แบบ Ring สามารถใชไ้ ด้ กบั ทงั้ สาย STP, UTP, Coaxial และ Fiber Optic มาตรฐานความเรว็ จะมี 2แบบ คอื 4 Mbps และ 16 Mbps 4.8.2 FDDI (Fider Distributed Data Interface) FDDI (Fider Distributed Data Interface) เป็นมาตรฐานเครอื ขา่ ยความเรว็ ทพ่ี ฒั นาขน้ึ โดย ANSI (American National Standards Institute) ทางานทค่ี วามเรว็ 100 Mbps ใชเ้ คเบลิ แบบ Fiber Optic ใช้ Access Method แบบ Token-passing และใช้ Topology แบบวงแหวนคู่ (Dual Ring) ซง่ึ ช่วยทาใหท้ นทานต่อขอ้ บกพรอ่ ง (fault tolerance) ของระบบเครอื ขา่ ยไดด้ ขี น้ึ โดยอาจใช้ Ring หน่งึ เป็น Backup หรอื อาจใชท้ งั้ 2 Ring ในการรบั และส่งขอ้ มลู กไ็ ด้ 7.9 โปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) โปรโตคอลของระบบเครอื ขา่ ย (Network Protocol) หรอื ทน่ี ิยมเรยี กกนั วา่ โปรโตคอลส
38 แตก (Protocol stack) กค็ อื ชดุ ของกฏหรอื ขอ้ ตกลงในการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ผ่านเครอื ขา่ ย คอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใหแ้ ต่ละ Workstation ในเครอื ขา่ ยสามารถรบั ส่งขอ้ มลู ระหว่างกนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยโปรโตคอลของระบบเครอื ขา่ ยสว่ นมากจะทางานอยใู่ นระดบั Network Layer และ Transport Layer ใน OSI Reference Model และทาหน้าทใ่ี นการประสานงานระหวา่ งแผงวงจรเชอ่ื มต่อ เครอื ขา่ ย (NETWORK INTERFACE CARD : NIC) กบั ระบบปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ย(NOS) ระบบเครอื ข่ายทใ่ี ชก้ นั อย่ใู นปจั จบุ นั จะมโี ปรโตคอลสแตกทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มใชง้ านกนั อยู่ หลายโปรโตคอลซง่ึ แต่ละโปรโตคอลกจ็ ะไดจ้ ดั การในงานของเครอื ขา่ ยทค่ี ลา้ ยกนั และในกรณที ่ี ระบบเครอื ขา่ ยเชอ่ื มอยกู่ บั คอมพวิ เตอรห์ ลายแบบ จะสามารถใชง้ านหลายๆ โปรโตคอลสแตก พรอ้ มกนั ผ่านเครอื ขา่ ยได้ เชน่ ใช้ IPX/SPX สาหรบั Netware และใช้ TCP/IP ในการตดิ ต่อกบั UNIX ผ่าน LAN แบบ Ethernet พรอ้ มๆ กนั เป็นตน้ ตวั อยา่ งของโปรโตคอลสแตกทม่ี ใี ชง้ านอยู่ ในปจั จบุ นั ดงั แสดง ในรปู ภาพท่ี 7.30 แสดงการใชโ้ ปรโตคอลในระบบเครอื ขา่ ย NetBOIS และ NetBEUI โปรโตคอล NetBIOS (Network Basic Input/Output System) พฒั นารว่ มกนั โดย IBM และ Microsoft มกี ารใชง้ านอยใู่ นเครอื ขา่ ยหลายๆ ชนดิ อยา่ งไรกด็ ี NetBIOS เป็นโปรโตคอลทท่ี างานอยใู่ นระดบั Session Layer เทา่ นนั้ จงึ ไมไ่ ดเ้ ป็นโปรโตคอล สาหรบั เครอื ข่ายโดยสมบรู ณ์ Microsoft จงึ ไดพ้ ฒั นาโปรโตคอล NetBEUI (NetBIOS Extended
39 User Interface) ซง่ึ เป็นส่วนขยายเพมิ่ เตมิ ของ NetBIOS ทท่ี างานอยใู่ น Network Layer และ Transport Layer จะพบการใชง้ านไดใ้ น Windows for Workgroups และ Windows NT IPX/SPX เป็นโปรโตคอลของบรษิ ทั Novell ซง่ึ พฒั นาขน้ึ มาใชก้ บั Netware มพี น้ื ฐานมา จากโปรโตคอล XNS (Xerox Network Services) ของบรษิ ทั Xerox โปรโตคอล IPX (Internetwork Packet Exchange) จะเป็นโปรโตคอลทท่ี างานอยใู่ น Network Layer ใชจ้ ดั การการแลกเปลย่ี น packet ภายใน Network ทงั้ ในส่วนของการหาปลายทางและการจดั ส่ง packet สว่ น SPX (Sequenced Packet Exchange) จะเป็นโปรโตคอลทท่ี างานอยใู่ น Transport Layer โดยมหี น้าท่ี ในการจดั การใหข้ อ้ มลู สง่ ไปถงึ จดุ หมายไดอ้ ย่างแน่นอน TCP/IP เป็นโปรโตคอลทไ่ี ดร้ บั การพฒั นามาจากทุนวจิ ยั ของ U.S. Department of Defense’s Advanced Research Project Agency (DARPA) ไดร้ บั การใชง้ านกนั มากใน Internet และระบบ UNIX แบบต่างๆ ทาใหอ้ าจกลา่ วไดว้ ่าเป็นโปรโตคอลทไ่ี ดร้ บั ความนิยมสงู สุดในขณะน้ี โดยมกี ารใชง้ านมากทงั้ ใน LAN และ WAN โปรโตคอล TCP/IP จะเป็นชดุ ของโปรโตคอลซง่ึ รบั หน้าทใ่ี นส่วนต่างๆ กนั และมกี ารแบง่ เป็น 2 ระดบั (Layer) คอื IP Layer เป็นโปรโตคอลทอ่ี ยใู่ นระดบั ต่ากว่า TCP อาจเทยี บไดก้ บั Network Layer ใน OSI Reference Model ตวั อยา่ งของโปรโตคอลทอ่ี ยใู่ นระดบั น้คี อื IP (Internet Protocol), ARP(Address Resolution Protocol), RIP (Routing Information Protocol) เป็นตน้ TCP Layer เป็นโปโตคอลทอ่ี ยใู่ นระดบั สงู กวา่ IP เทยี บไดก้ บั Transport Layer ของ OSI Reference Model ตวั อยา่ งโปรโตคอลใน Layer น้ี เช่น TCP (Transmission Control Protocol), UDP (User Datagram Protocol) เป็นตน้
40 ตารางท่ี 7.3 แสดงการเปรยี บเทยี บโมเดลของโปรโตคอล OSI NetWare UNIX LAN Manager Transport SPX TCP NetBEUI Network IPX IP Data-Link LAN drivers Physical MAC (CSMA/CD, Token Passing) Media (Star, Bus, Ring etc.+UTP, STP etc.) 7.10 สรปุ ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ ป็นระบบทม่ี กี ารเช่อื มต่อมากกว่า 2 เครอ่ื งขน้ึ ไปใหส้ ามารถ ตดิ ต่อสอ่ื สารขอ้ มลู ระหว่างกนั ได้ ถา้ แบง่ ตามลกั ษณะการเช่อื มต่อสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื ระบบ LAN MAN และ WAN ถา้ แบ่งตามลกั ษณะการใชง้ านแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคอื เครอื ขา่ ย Internet Intranet และ Extranet และการเชอ่ื มต่อระบบ LAN เป็นการเช่อื มต่อทใ่ี ช้ ภายในองคก์ รหรอื หน่วยงานเพ่อื ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ มากมาย จะมมี าตรฐานเฉพาะในการ เชอ่ื มต่อและส่อื สารขอ้ มลู เพ่อื ใหเ้ ป็นระบบและมาตรฐานทใ่ี ชง้ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตาม ลกั ษณะของแต่ละองคก์ รหรอื หน่วยงานทจ่ี ะนาไปใชง้ านจรงิ ตามความเหมาะสมของตนเอง และ เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ น่ี ิยมใชง้ านกนั อยา่ งกวา้ งขวางมากทส่ี ุดในปจจบุ นั น้คี อื เครอื ขา่ ย อนิ เตอรเ์ น็ตทส่ี ามารถส่อื สารขอ้ มลู ระหว่างกนั ไดท้ วั่ โลก เป็นเครอื ขา่ ยโยงใยไปถงึ กนั ทวั่ โลก
41 แบบฝึ กหดั 1. อธบิ ายเป้าหมายของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรม์ อี ะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 2. เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรม์ กี ่ปี ระเภทอะไรบา้ งแต่ละประเภทเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 3. เครอื ขา่ ยระบบ LAN คอื อะไร เป็นลกั ษณะอยา่ งไร อธบิ ายพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 4. อธบิ ายประเภทของส่อื กลางการส่อื สารขอ้ มลู แต่ละชนิด อะไรบา้ งแต่ละชนดิ เป็น อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 5. อธบิ ายหน้าทก่ี ารทางานของ switching HUB Router และ Repeater มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………
42 6. อธบิ ายวธิ กี ารควบคมุ การเขา้ ใชส้ ่อื กางเป็นอยา่ งไร มแี บบใดบา้ ง …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 7. มาตรฐานต่าง ๆ ของการเช่อื มต่อระบบ LAN เป็นอยา่ งไร มอี ะไรบา้ งพรอ้ มยกตวั อยา่ ง …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… 8. อธบิ ายโปรโตคอลแต่ละประเภทว่าเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ------====@@@@=====---------
43 7. ส่ือประกอบการสอน
44 คร้ังที่ 14 หน่วยที่ 7 ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย (ตอนท่ี 2)
45 วตั ถุประสงค์ • เข้าใจองค์ประกอบของการส่ือสารโดยคอมพวิ เตอร์ • เข้าใจความเป็ นมาของมาตรฐานการส่ือสาร หรือ โพรโตคอล และความเกย่ี วข้องระหว่างอุปกรณ์การ สื่อสารกบั โพรโตคอลการสื่อสาร • รู้จกั และเข้าใจโครงสร้างของ TCP/IP โพรโตคอล • รู้จกั ประเภทการให้บริการบนอนิ เทอร์เน็ท การใช้งานคอมพวิ เตอร์แบบอสิ ระ (Stand-alone)
46 การใช้งานคอมพวิ เตอร์แบบเครือข่าย (network) เครื่องคอมพวิ เตอร์ในระบบเครือข่าย เครื่องพมิ พ์ใน ระบบเครือข่าย สายนําสัญญาณ การใช้งานเคร่ืองพมิ พ์แบบอสิ ระ มีความคล่องตวั ในการใชง้ านสูง แต่อาจทาํ ให้ เปลืองทรัพยากร เน่ืองจากถา้ ทุกเคร่ืองตอ้ งการ พมิ พง์ านเหมือนกนั ดงั น้นั ทุกเคร่ืองจึงจาํ เป็นที่ จะตอ้ งมีเครื่องพิมพส์ ่วนตวั
47 การแบ่งปันเคร่ืองพมิ พ์ผ่านระบบเครือข่าย ทาํ ใหอ้ งคก์ รประหยดั ทรัพยากร แต่อาจขาดความสะดวกสบายในการใชง้ าน องค์ประกอบพนื้ ฐานของระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครื่องคอมพวิ เตอร์แม่ข่าย(Server) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ลูกข่าย(Clients) เคร่ืองพมิ พ์ใน ระบบเครือข่าย สายนําสัญญาณ • ระบบเครือข่ายแบบ Peer to Peer • ระบบเครือขา่ ยแบบ Client-Server
Search