46 หน้า ๒๙ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๓๐ ง ราชกิจจานุเบกษา (๕) สถาบันการอาชีวศึกษาต้องส่งเสริม สนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมสมรรถนะ แกนกลางและสมรรถนะวิชาชีพ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ระเบียบวินัย ปลูกฝังจิตสานึก และจิตอาสา เสริมสร้างการเป็นพลเมืองไทยและพลโลกในด้านการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ทะนบุ ารงุ ศาสนา ศลิ ปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ส่งเสริมการกีฬาและนันทนาการ ส่งเสริมการดารงตน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมให้ผู้เรียนทางานโดยใช้กระบวนการกลุ่ม ในการบรกิ ารวชิ าการ วชิ าชีพ หรือทาประโยชน์ต่อชุมชน และสังคม (๖) สถาบนั การอาชีวศึกษาต้องจดั ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับการประเมินมาตรฐานวชิ าชีพ (๗) การจัดการศึกษา การประเมนิ ผลการเรยี น และการสาเร็จการศกึ ษา (ก) การจัดการศึกษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตร ให้เป็นไปตามระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดการศึกษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรอื สายปฏบิ ตั ิการ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา (ข) การสาเร็จการศึกษา ต้องได้จานวนหน่วยกิตสะสมครบถ้วนตามโครงสร้างท่ีกาหนด ไว้ในหลักสูตร ได้คะแนนเฉล่ียสะสมไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ จากระบบ ๔ ระดับคะแนน และผ่านเกณฑ์ การประเมินมาตรฐานวิชาชพี (๘) การประกันคุณภาพหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ให้สานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา และสถาบันการอาชีวศึกษากาหนดระบบการประกันคุณภาพของหลักสูตรและ การจัดการเรียนการสอนในสาขาวิชาท่ีเปิดสอน โดยมีองค์ประกอบในการประกันคุณภาพอย่างน้อย ๔ ดา้ น คือ (ก) หลักสูตรทีย่ ดึ โยงกบั มาตรฐานอาชีพ (ข) อาจารย์ ทรัพยากรและการสนับสนนุ (ค) วธิ กี ารจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล (ง) ผ้สู าเร็จการศกึ ษา ข้อ ๑๖ เงือ่ นไขการพัฒนาปรบั ปรุง อนุมตั ิ และประกาศใชห้ ลักสตู ร (๑) การพัฒนาหลักสูตรหรือการปรับปรุงหลักสูตรระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือ สายปฏิบัติการ เป็นหน้าท่ีของสถาบันการอาชีวศึกษา โดยความเห็นชอบของสภาสถาบันการอาชีวศึกษา และให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ท่ีคณะกรรมการการอาชวี ศึกษากาหนด (๒) การอนุมัติหลักสูตรระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ให้เป็นหน้าท่ีของ สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา (๓) การประกาศใช้และการปิดหลักสูตรระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ให้ทาเป็นประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
47 หน้า ๓๐ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา (๔) ระเบียบที่เก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ให้จัดทาเป็นระเบียบสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา (๕) ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาข้ึนทะเบียนหลักสูตรระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยหี รอื สายปฏิบัตกิ ารท่ไี ดร้ ับการอนุมัติและประกาศใช้ (๖) สถาบันการอาชีวศึกษาและสถานศึกษาสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงรายวิชาหรือกลุ่มวิชา เพิม่ เติมไดต้ ามเง่อื นไขของหลักสตู ร โดยตอ้ งรายงานให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาทราบ (๗) ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษา และสถานศึกษา จดั ให้มีการประเมินการประกนั คณุ ภาพของหลักสตู รและการจัดการเรียนการสอน เพอ่ื นาไปสูก่ ารพฒั นา หลักสูตรหรือการปรับปรุงหลักสูตรท่ีอยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเน่ือง อย่างน้อยทุก ๕ ปี สาหรับ หลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ต้องปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับประกาศนี้ ภายใน ๓ ปี นับแต่วนั ทีป่ ระกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ ๑๗ ในกรณีท่ีไม่สามารถปฏิบัติตามประกาศน้ีได้ หรือมีความจาเป็นต้องปฏิบัติ นอกเหนือจากท่ีกาหนดไว้ในประกาศน้ี ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่จะพิจารณาวนิ จิ ฉยั และให้ถอื เปน็ ท่ีสุด ประกาศ ณ วนั ที่ 8 มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖2 จรญู ชูลาภ ประธานกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
48 (6) ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วย การจดั การศึกษาและการประเมินผลการศึกษาระดบั ปริญญาตรีสาย เทคโนโลยีหรือสายปฏบิ ัติการของสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ.2556 ณ วนั ท่ี 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
49 เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หน้า ๑๘ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าด้วยการจัดการศึกษาและการประเมนิ ผลการศึกษาระดับปรญิ ญาตรี สายเทคโนโลยีหรือสายปฏบิ ัตกิ ารของสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กรอบคุณวุฒิการศึกษาวิชาชีพระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ ในการจัดการศึกษาและการประเมินผลการศึกษา ให้สอดคล้องกับ มาตรฐานคุณวฒุ ิอาชวี ศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรีสายเทคโนโลยหี รือสายปฏิบตั ิการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ โดยคําแนะนําของคณะกรรมการ การอาชวี ศกึ ษาจงึ วางระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดการศึกษาและ การประเมินผลการศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการของสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๖” ขอ้ ๒ ระเบียบน้ใี หใ้ ช้บงั คับตง้ั แต่ปีการศึกษา ๒๕๕๖ เปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ให้ใช้ระเบียบนบ้ี ังคบั แก่สถาบันการอาชวี ศกึ ษาทจี่ ัดต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่ึงจดั การศึกษาหลกั สตู รระดบั ปริญญาตรสี ายเทคโนโลยหี รือสายปฏบิ ตั กิ าร ข้อ ๔ ในระเบียบน้ี “หลักสูตร” หมายความว่า หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต “ปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ” หมายความว่า การศึกษาตามหลักสูตร เทคโนโลยีบณั ฑติ (ต่อเนอ่ื ง) หลังจากจบหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า ใช้อักษรยอ่ วา่ “ทล.บ.” “ผู้เข้าศึกษา” หมายความว่า ผู้มาสมัครเข้าศึกษาในสถาบัน หรือสมัครฝึกอาชีพกับ สถานประกอบการท่ียังไมไ่ ด้ขึน้ ทะเบยี นเปน็ นกั ศึกษา “นักศึกษา” หมายความว่า ผู้ท่ีได้ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาตามหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สําหรับนักศึกษาการศึกษาระบบทวิภาคีต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาและทําสัญญาการฝึกอาชีพกับ สถานประกอบการ “ภาคเรยี น” หมายความว่า ชว่ งเวลาทส่ี ถานศกึ ษาเปดิ ทําการสอนการจัดภาคเรยี นให้ใช้ระบบทวิภาค โดยกําหนดให้ ๑ ปีการศกึ ษา แบ่งออกเป็น ๒ ภาคเรียน
50 เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๑๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา “ภาคเรียนฤดูร้อน” หมายความวา่ ช่วงเวลาทจ่ี ดั ใหเ้ รยี นหรือฝึกปฏิบัติในระหว่างภาคฤดูร้อน ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าด้วยการเปดิ ภาคเรยี นฤดรู อ้ นในสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และในชว่ งปดิ ภาคเรียนกลางปโี ดยอนุโลม “สถาบัน” หมายความว่า สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดําเนินการจัด การอาชีวศกึ ษาและการฝกึ อบรมวิชาชีพตามพระราชบัญญตั กิ ารอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๑ “อาจารยป์ ระจาํ ” หมายความวา่ คณาจารย์ประจําของสถาบันการอาชีวศึกษาน้ันที่มีหน้าท่ีหลัก ทางดา้ นการสอน การวิจยั และปฏิบตั หิ นา้ ท่ีเตม็ เวลาตามภาระงานท่รี ับผิดชอบในหลกั สูตรท่เี ปิดสอน “อาจารย์ท่ีปรึกษา” หมายความว่า อาจารย์ประจําในสาขาวิชาซ่ึงสถาบันมอบหมายให้ทําหน้าที่ ใหค้ ําแนะนาํ ปรกึ ษา ติดตามผลเกย่ี วกับการศกึ ษา ตักเตอื นดแู ลความประพฤติ ตลอดจนรบั ผดิ ชอบดูแล แผนการเรยี นของนกั ศกึ ษา “อาจารย์ผู้สอน” หมายความว่า คณาจารย์ประจําและผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสอนรายวิชา ในระดับปรญิ ญา “การศกึ ษาในระบบ” หมายความวา่ การจัดการศึกษาวิชาชีพท่ีเน้นการศึกษาในสถาบันเป็นหลัก โดยมีการกําหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา การวัดและการประเมินผลท่ีเป็น เง่อื นไขของการสาํ เร็จการศึกษาทแ่ี นน่ อน “การศกึ ษาระบบทวภิ าคี” หมายความวา่ การจัดการศึกษาวิชาชีพท่ีเกิดจากข้อตกลงระหว่าง สถาบันกับสถานประกอบการ รัฐวิสาหกจิ หรือหน่วยงานของรฐั ในเร่ืองการจัดหลักสูตรการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล โดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถาบัน และเรียนภาคปฏิบัติใน สถานประกอบการ รัฐวสิ าหกิจหรือหนว่ ยงานของรัฐ “สถานประกอบการ” หมายความวา่ สถานประกอบการที่ร่วมมอื กับสถาบันในสังกัดสํานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพ่ือจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ ท่ีคณะกรรมการการอาชีวศึกษากาํ หนด “ผคู้ วบคมุ การฝึก” หมายความว่า ผู้ที่สถานประกอบการมอบหมายให้ทําหน้าท่ีประสานงาน กับสถาบันในการจัดการศกึ ษาระบบทวิภาคขี องนกั ศึกษาในสถานประกอบการ “ครูฝึก” หมายความว่า ผทู้ าํ หน้าทสี่ อน ฝกึ อบรมในสถานประกอบการทม่ี ีคณุ สมบัติเปน็ ไปตาม มาตรา ๕๕ แห่งพระราชบญั ญัตกิ ารอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ “อาจารยน์ ิเทศก”์ หมายความว่า อาจารย์ที่สถาบันมอบหมายให้ทําหน้าท่ีนิเทศให้คําปรึกษา แนะนําแก่นักศกึ ษาท่ฝี กึ อาชพี และฝึกประสบการณท์ ักษะวิชาชพี
51 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๐ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา “มาตรฐานวชิ าชีพ” หมายความวา่ ข้อกําหนดคุณลักษณะของบุคคลด้านวิชาชีพ เพ่ือใช้เป็นเกณฑ์ ในการกํากบั ดูแล ตรวจสอบและประกันคณุ ภาพผู้สาํ เร็จการศกึ ษา “การประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ” หมายความว่า การทดสอบความรู้ ความสามารถ สมรรถนะ ตลอดจนลักษณะนิสยั ในการปฏิบตั ิงานตามมาตรฐานวิชาชพี โดยใช้เคร่อื งมอื ทเ่ี หมาะสมซ่ึงกําหนดเกณฑ์ การตัดสนิ ไว้ชดั เจน พร้อมทง้ั จัดดาํ เนนิ การประเมนิ ภายใตเ้ งอ่ื นไขที่เป็นมาตรฐาน “คณะกรรมการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ” หมายความว่า คณะกรรมการผู้ทําหน้าที่รับผิดชอบ ในการอํานวยการ ตดิ ตามและกาํ กบั ดแู ลการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพของนักศกึ ษาในสถาบัน ข้อ ๕ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษารักษาการให้เป็นไปตามระเบียบน้ี และให้ มอี ํานาจตีความและวินจิ ฉัยปญั หาเก่ียวกับการปฏบิ ัติตามระเบยี บน้ี หมวด ๑ สภาพนกั ศกึ ษา สว่ นท่ี ๑ พน้ื ความรแู้ ละคุณสมบัตขิ องผู้เขา้ ศึกษา ขอ้ ๖ ผูเ้ ขา้ ศึกษา ตอ้ งสําเร็จการศึกษาไมต่ ํ่ากว่าระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรอื เทียบเทา่ ที่ตรงหรอื สัมพนั ธ์กบั สาขาที่เรยี นหรอื เป็นคณุ วุฒกิ ารศึกษาตามทก่ี ําหนดไว้ในหลกั สตู ร ผู้เข้าศกึ ษาตามโครงการต่าง ๆ ของสถาบัน ให้สถาบันกําหนดคุณสมบัติเพ่ิมเติมได้ตามความ เหมาะสมของโครงการน้ัน ส่วนท่ี ๒ การรับผูเ้ ขา้ ศกึ ษา ขอ้ ๗ การรับผู้เข้าศึกษา ให้ทําการสอบคัดเลือก หรือคัดเลือกให้เป็นไปตามระเบียบ ทีส่ ถาบันกําหนด การรับผูเ้ ข้าศึกษาในรปู แบบการศึกษาระบบทวิภาคี สถาบันจะเป็นผู้สอบคัดเลือกหรือคัดเลือก นกั ศึกษาเองตามคุณสมบัตทิ ก่ี าํ หนดและตามจํานวนที่ได้ตกลงร่วมกับสถานประกอบการหรือดําเนินการ ร่วมกันก็ได้
52 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๒๑ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา การรบั ผ้เู ขา้ ศกึ ษาตามโครงการต่าง ๆ ของสถาบัน ให้สถาบันคัดเลือกตามคุณสมบัติที่กําหนด ตามความเหมาะสมของโครงการน้ัน ข้อ ๘ ให้มีการตรวจร่างกายเฉพาะผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือก หรือได้รับการคัดเลือกโดย แพทยป์ ริญญา สว่ นท่ี ๓ การเปน็ นักศกึ ษา ขอ้ ๙ ผทู้ ผี่ ่านการสอบคดั เลือกหรอื คดั เลอื กเขา้ ศึกษา จะมีสภาพเป็นนักศึกษาเม่ือได้ข้ึนทะเบียน และชําระเงนิ ค่าลงทะเบยี นเรยี นและค่าธรรมเนียมตามระเบยี บท่สี ถาบนั กาํ หนด หากผผู้ า่ นการสอบคัดเลือกหรือคัดเลือกเข้าศึกษา ไม่มาขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาตามกําหนด ของสถาบัน จะถอื ว่าสละสทิ ธ์ทิ จี่ ะเข้าเปน็ นักศกึ ษา เว้นแตม่ ีเหตจุ าํ เปน็ และไดร้ ับอนมุ ัติจากสถาบัน สําหรับการศึกษาระบบทวิภาคี ผู้เข้าศึกษาต้องข้นึ ทะเบียนเปน็ นกั ศกึ ษา และทําสัญญาการฝึกอาชีพ กบั สถานประกอบการ การขึ้นทะเบยี นเปน็ นกั ศกึ ษา และการทาํ สญั ญาการฝึกอาชีพต้องกระทําด้วยตนเอง พร้อมท้ัง แสดงหลกั ฐานการสําเรจ็ การศึกษาตามวัน เวลา ที่สถาบันและสถานประกอบการกําหนดโดยชําระเงิน คา่ ธรรมเนียมใหเ้ สรจ็ ส้นิ กอ่ นวันเปดิ ภาคเรยี น ขอ้ ๑๐ ให้สถาบันออกบตั รประจําตวั ให้แก่นกั ศึกษา โดยให้เป็นไปตามท่ีสถาบันกําหนด สถานประกอบการจะใช้บัตรประจําตัวที่สถาบันออกให้ หรือจะออกให้ใหม่ตามความต้องการ ของสถานประกอบการก็ได้ ส่วนท่ี ๔ การพ้นสภาพและคืนสภาพนักศกึ ษา ขอ้ ๑๑ การพน้ สภาพนกั ศกึ ษา เป็นไปตามกรณใี ดกรณหี นึง่ ต่อไปนี้ (๑) สําเรจ็ การศกึ ษาตามหลกั สูตร (๒) พน้ สภาพนกั ศึกษาตามข้อ ๕๕ (๓) ลาออก (๔) ถงึ แก่กรรม (๕) สถาบนั สัง่ ใหพ้ ้นสภาพนกั ศึกษาในกรณใี ดกรณหี นง่ึ ตอ่ ไปน้ี
53 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ก. ขาดเรียน ขาดการฝึกอาชีพ หรือขาดการติดต่อกับสถาบันและหรือสถานประกอบการ เกินกวา่ ๑๕ วัน ซง่ึ สถาบนั หรอื สถานประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือมี พฤติกรรมอย่างอ่ืนทแี่ สดงวา่ ไมม่ ีความตง้ั ใจท่จี ะศกึ ษาเล่าเรียนหรือรับการฝกึ อาชพี ข. ไมช่ าํ ระค่าธรรมเนียมการรักษาสภาพนักศึกษาทุกภาคเรียนที่พักการศึกษาตามข้อ ๑๖ ไม่ยื่นขอกลบั เข้าศกึ ษาตามข้อ ๑๘ หรอื ไมต่ ิดตอ่ เพ่อื รกั ษาสภาพนักศึกษาตามขอ้ ๒๗ ค. ประพฤติฝ่าฝืนระเบียบข้อบงั คับของสถาบัน หรือสถานประกอบการ หรือของทางราชการ หรือประพฤติผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง จนเป็นท่ีเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่สถาบันหรือประพฤติตนเป็นภัย ต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ง. ต้องโทษคดีอาญา โดยคําพิพากษาของศาลถึงท่ีสุดให้จําคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรอื ความผดิ ท่ีได้กระทาํ โดยประมาท จ. ขาดพน้ื ความร้หู รอื คุณสมบตั ิของผเู้ ข้าเรียน ตามทก่ี าํ หนดไวใ้ นข้อ ๖ ข้อ ๑๒ ผู้ท่ีพ้นสภาพนักศึกษาตามข้อ ๑๑ (๓), ๑๑ (๕) ก, ๑๑ (๕) ข ถ้าประสงค์จะ ขอคืนสภาพเพื่อกลับเขา้ ศึกษาในสถาบนั หรือฝึกอาชีพในสถานประกอบการจะตอ้ งยนื่ คํารอ้ งขอต่อสถาบัน แหง่ น้ันภายใน ๑ ปี นับแตว่ ันถัดจากวนั พ้นสภาพนักศึกษา เมอื่ สถาบนั พิจารณาเห็นสมควรก็ให้รับเข้า ศกึ ษาได้ ขอ้ ๑๓ การขอคืนสภาพเพอ่ื กลบั เขา้ ศกึ ษาตามข้อ ๑๒ ใหป้ ฏิบัตดิ ังนี้ (๑) ต้องเข้าศึกษาภายในสปั ดาห์แรกของภาคเรยี น เวน้ แต่กลับเขา้ ศกึ ษาในภาคเรียนเดยี วกนั (๒) ต้องศึกษาตามหลกั สตู รที่ใช้อยใู่ นขณะนัน้ (๓) ให้นําจํานวนหน่วยกิตของรายวิชาท่ีประเมินได้ไว้ และเป็นรายวิชาที่ยังปรากฏอยู่ใน หลักสูตรน้มี านบั รวม เพือ่ พิจารณาตดั สนิ การสาํ เรจ็ การศกึ ษาตามหลกั สตู ร ส่วนที่ ๕ การพกั การศกึ ษา ขอ้ ๑๔ สถาบันและสถานประกอบการอาจพิจารณาอนุญาตให้นักศึกษาลาพักการศึกษาหรือ ฝึกอาชพี ไดต้ ามทเ่ี ห็นสมควร เม่ือมเี หตุจําเปน็ กรณีใดกรณหี นึ่งต่อไปนี้ (๑) ได้รับทุนการศึกษาให้ไปศึกษา หรือดูงาน หรือเป็นตัวแทนของสถาบัน หรือ สถานประกอบการในการเข้ารว่ มประชุม หรอื กรณีอื่น ๆ อนั ควรแก่การสง่ เสรมิ (๒) เจ็บปว่ ยต้องพกั รักษาตวั
54 เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา (๓) เพอื่ รบั ราชการทหารกองประจําการ โดยใหล้ าพกั ไดจ้ นกวา่ จะไดร้ บั การนําปลด (๔) เหตุจําเป็นอย่างอื่นตามที่สถาบัน หรือสถาบันและสถานประกอบการจะพิจารณา เหน็ สมควร ในภาคเรียนแรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาของสถาบัน นักศึกษาจะขอลาพักการศึกษาหรือ การฝกึ อาชพี ไมไ่ ด้ เว้นแตจ่ ะไดร้ บั อนุมตั จิ ากสถาบนั เปน็ กรณพี ิเศษ ในกรณีที่มีนักศึกษาลาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพตั้งแต่ต้นปีเป็นระยะเวลานานเกินกว่า ๑ ปี สถาบันหรอื สถานประกอบการอาจพจิ ารณารับนักศึกษาอื่นเข้าศึกษาหรือฝึกอาชีพแทนท่ีได้ตามที่ เหน็ สมควร ข้อ ๑๕ นกั ศกึ ษาทข่ี ออนุญาตลาพักการศึกษาหรอื การฝึกอาชพี ต้องย่ืนคําขอเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อสถาบนั หรือสถาบนั และสถานประกอบการ มิฉะน้นั จะถือวา่ ขาดเรยี น เว้นแตเ่ หตสุ ุดวิสัย ข้อ ๑๖ สถาบันส่ังให้นักศึกษาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพได้ โดยปฏิบัติตามข้อกําหนด เกย่ี วกับวินัยของนักศกึ ษาของสถาบันหรอื ระเบยี บขอ้ บังคับของสถานประกอบการ นักศึกษาที่ขออนุญาตลาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพตามข้อ ๑๔ หรือถูกสั่งพักการศึกษา หรอื การฝึกอาชีพตามข้อ ๑๖ เปน็ เวลาเกนิ กวา่ ๑ ภาคเรียน ต้องชําระค่าธรรมเนียมการรักษาสภาพ นักศึกษาทุกภาคเรียนที่พักการศึกษาตามระเบียบของสถาบันภายใน ๑๕ วัน นับจากวันประกาศ ลงทะเบยี นเรยี นในภาคเรยี นถดั ไป ขอ้ ๑๗ การอนุญาตให้นักศึกษาลาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพ ให้สถาบันทําหลักฐาน เป็นลายลักษณอ์ ักษรแจง้ ให้นกั ศกึ ษาโดยตรง ขอ้ ๑๘ นกั ศึกษาท่ลี าพักการศกึ ษาหรือการฝึกอาชีพ หรือถูกสั่งพักการศึกษาหรือพักการฝึกอาชีพ เมอ่ื ครบกําหนดเวลาท่ีลาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพ หรือถูกส่ังพักการศึกษาแล้ว ให้ย่ืนคําขอกลับ เข้าศึกษาพร้อมหลักฐานการอนุญาตให้ลาพักการศึกษาหรือการฝึกอาชีพต่อสถาบันภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันถัดจากวันครบกําหนด หากพ้นกาํ หนดนี้ใหถ้ อื ว่าพน้ สภาพนกั ศึกษา เวน้ แต่เหตสุ ดุ วสิ ัย สว่ นที่ ๖ การลาออก ขอ้ ๑๙ นักศึกษาท่ีประสงค์จะลาออกจากการเป็นนักศึกษา ต้องดําเนินการตามข้ันตอน ทีส่ ถาบันกําหนด
55 เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๒๔ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๒๐ นักศึกษาที่ลาออกแล้วได้รับอนุญาตให้กลับเข้าศึกษาในภาคเรียนเดียวกัน ให้ถือว่า นกั ศึกษาผู้นั้นมสี ภาพนักศกึ ษามาต้ังแต่ต้นภาคเรียนนนั้ ทุกประการ หมวด ๒ การจดั การศึกษา ส่วนที่ ๑ การเปิดเรียน ขอ้ ๒๑ ให้สถาบันกําหนดวันเปิดและปิดภาคเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย ปีการศึกษาการเปิดและปิดสถานศึกษา สถาบันอาจกําหนดวันเปิดและปิดภาคเรียนแตกต่างไปจาก ระเบียบดังกล่าวได้ และให้รายงานสาํ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาทราบ ขอ้ ๒๒ สถาบันท่ีเปิดภาคเรียนฤดูร้อน ให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การเปดิ ภาคเรียนฤดูร้อน ส่วนท่ี ๒ การลงทะเบยี นรายวิชา ขอ้ ๒๓ สถาบนั ต้องจัดใหน้ ักศกึ ษาลงทะเบียนรายวชิ าตา่ ง ๆ ให้เสร็จก่อนวันเปิดภาคเรียนนั้น ตามระยะเวลาที่สถาบันกาํ หนด ขอ้ ๒๔ การลงทะเบียนเรียนรายวิชา และการฝึกอาชีพในการศึกษาระบบทวิภาคี การทํา โครงการพฒั นาทักษะวชิ าชีพ ต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ท่ีปรึกษา โดยเป็นไปตามข้อกําหนด ของหลักสูตร ข้อ ๒๕ นักศึกษาต้องลงทะเบียนรายวิชาด้วยตนเอง ตามวันและเวลาท่ีสถาบันกําหนด ในกรณที ่ีนักศึกษาไม่สามารถมาลงทะเบียนรายวิชาด้วยตนเอง จะมอบหมายให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทน ให้สถาบันพิจารณาอนุญาตเป็นราย ๆ ไป ข้อ ๒๖ สถาบันอาจใหน้ ักศกึ ษาลงทะเบยี นรายวิชาภายหลังกําหนดตามข้อ ๒๓ ก็ได้ โดยให้ สถาบันกําหนดวันส้ินสุดการลงทะเบียนตามท่ีเห็นสมควร แต่ต้องไม่เกิน ๑๕ วัน นับแต่วันเปิดภาคเรียน หรอื ไม่เกิน ๕ วัน นบั แตว่ ันเปดิ ภาคเรียนฤดูรอ้ น การลงทะเบยี นรายวชิ าภายหลังวันสิ้นสุดการลงทะเบยี น นักศกึ ษาต้องเสยี ค่าปรับตามทสี่ ถาบันกําหนด
56 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๒๕ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๒๗ นกั ศึกษาท่ีมิได้ลงทะเบียนรายวิชาภายในเวลาท่ีสถาบันกําหนด ถ้าประสงค์จะรักษา สภาพนักศึกษา ตอ้ งตดิ ต่อลาพักการศกึ ษาภายใน ๑๕ วัน นบั แต่วันถัดจากวันปิดการลงทะเบยี น ขอ้ ๒๘ นกั ศึกษาลงทะเบียนรายวชิ าในภาคเรียนปกตไิ ดไ้ ม่น้อยกว่า ๙ หน่วยกิต และไม่เกิน ๒๒ หน่วยกิต สาํ หรบั ภาคเรยี นฤดูรอ้ นลงทะเบียนได้ไม่เกิน ๙ หน่วยกติ เวน้ แต่ได้รับอนญุ าตจากสถาบนั ส่วนท่ี ๓ การเปลย่ี น การเพ่ิม และการถอนรายวชิ า ขอ้ ๒๙ นกั ศึกษาจะขอเปลย่ี นรายวิชาท่ีได้ลงทะเบียนไว้แล้ว หรือขอเพิ่มรายวิชาต้องกระทํา ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันเปิดภาคเรียน หรือภายใน ๕ วัน นับแต่วันเปิดภาคเรียนฤดูร้อน สว่ นการขอถอนรายวิชาต้องกระทําภายใน ๓๐ วัน นบั แต่วนั เปดิ ภาคเรียนหรือภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันเปิด ภาคเรียนฤดรู อ้ น การถอนรายวิชาภายหลังกําหนดตามวรรคหน่ึงอาจกระทําได้ ถ้าสถาบันพิจารณาเห็นว่า มเี หตุผลสมควร การขอเปลี่ยน ขอเพ่ิม หรือขอถอนรายวิชา ต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษา และอาจารยผ์ สู้ อนประจํารายวชิ า ข้อ ๓๐ การถอนรายวิชาภายในกําหนดตามข้อ ๒๙ ให้ลงอักษร “ถ.น.” ในใบแสดง ผลการศึกษา การถอนรายวิชาภายหลังกําหนดตามข้อ ๒๙ และสถาบันพิจารณาเห็นว่ามีเหตุผลสมควร ให้ลงอักษร “ถ.น.” ในใบแสดงผลการศึกษาเช่นเดียวกัน แต่ถ้าสถาบันพิจารณาเห็นว่าไม่มีเหตุผล อนั สมควร กใ็ หล้ งอกั ษร “ถ.ล.” ส่วนที่ ๔ การศกึ ษาโดยไม่นับจาํ นวนหนว่ ยกติ มารวมเพ่อื การสําเร็จการศึกษาตามหลกั สูตร ข้อ ๓๑ สถาบันอาจอนญุ าตให้นกั ศึกษาลงทะเบยี นเรยี นรายวิชาใดวิชาหน่ึงเพ่ือเป็นการเสริมความรู้ โดยไมน่ บั จาํ นวนหนว่ ยกติ ของรายวชิ านน้ั มารวมเพ่ือการสําเร็จการศึกษาตามหลกั สตู รกไ็ ด้ ขอ้ ๓๒ เมื่อได้ทําการวัดและประเมินผลการศึกษาแล้วได้ระดับผลการศึกษาผ่าน ให้บันทึก “ม.ก.” ลงในใบแสดงผลการศึกษาช่อง “ระดบั ผลการศึกษา” ถ้าผลการประเมินไม่ผ่าน ไม่ต้องบันทึก รายวิชานั้น และให้ถือเป็นการสิ้นสุดสําหรับการศึกษารายวิชาน้ัน โดยไม่นับจํานวนหน่วยกิตมารวม เพอื่ การสําเร็จการศึกษาตามหลักสูตร
57 เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๖ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา สว่ นท่ี ๕ การนับเวลาเรยี นเพื่อสทิ ธิในการประเมนิ สรุปผลการศึกษา ข้อ ๓๓ ในภาคเรียนหน่ึง ๆ การศึกษาในระบบและการศึกษาระบบทวิภาคีต้องมีเวลาเรียน ในแต่ละรายวิชาไม่ต่ํากว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเปิดเรียนเต็มสําหรับรายวิชาน้ัน จึงจะมีสิทธิรับ การประเมินสรุปผลการศึกษา ในกรณที ม่ี ีเหตสุ ุดวิสยั สถาบันอาจพิจารณาผ่อนผันไดเ้ ป็นราย ๆ ไป นักศึกษาที่ไม่มีสิทธิรับการประเมินสรุปผลการศึกษาตามวรรคหน่ึง จะขอประเมินเทียบโอน ความรู้และประสบการณ์ตามขอ้ ๖๓ ในภาคเรียนนนั้ มไิ ด้ ข้อ ๓๔ การนบั เวลาเรียน ใหป้ ฏบิ ตั ดิ ังนี้ (๑) เวลาเปิดเรยี นเต็มตามปกติ ไม่น้อยกว่าภาคเรียนละ ๑๘ สัปดาห์ (๒) นกั ศึกษาท่ยี ้ายสถาบันระหวา่ งภาคเรยี น ให้นาํ เวลาเรียนจากสถาบันทัง้ สองแห่งรวมกนั (๓) นักศึกษาท่ีลาออกแล้ว ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าศึกษาในภาคเรียนเดียวกัน ให้นับ เวลาเรียนท่เี รยี นแล้วมารวมกนั (๔) นักศึกษาท่ีลาพักการศึกษาหรือฝึกอาชีพในภาคเรียนใด ให้นับเวลาเรียนก่อนและหลัง การลาพกั การศึกษาหรือการฝึกอาชีพในภาคเรียนนั้นมารวมกัน (๕) นักศกึ ษาที่ถูกสัง่ พกั การศกึ ษาจะไมน่ ับเวลาเรยี นในระหวา่ งถกู สง่ั พักการศึกษา (๖) รายวิชาทีม่ ีอาจารยผ์ ้สู อนหรอื ครฝู ึกต้ังแต่ ๒ คนขน้ึ ไป และแยกกนั สอน ให้นาํ เวลาเรียน ทศี่ ึกษากบั อาจารย์ผ้สู อนหรอื ครูฝึกทกุ คนมารวมกนั (๗) ถา้ มีการเปลยี่ นรายวชิ า หรอื เพิ่มรายวชิ า ใหน้ บั เวลาเรียนตงั้ แต่เร่มิ เรียนรายวิชาใหม่ ส่วนท่ี ๖ การขออนญุ าตเล่ือนการประเมนิ ขอ้ ๓๕ นักศกึ ษาที่ไม่สามารถเขา้ รับการประเมนิ สรุปผลการศึกษาตามวันและเวลาท่ีสถาบันกําหนด สถาบนั อาจอนุญาตเลือ่ นการประเมินได้ในกรณีต่อไปน้ี (๑) ประสบอบุ ตั เิ หตุหรือเจ็บป่วย ก่อนหรอื ระหว่างการประเมินสรปุ ผลการศึกษา (๒) ถูกควบคมุ ตวั โดยพนักงานเจา้ หนา้ ทีต่ ามกฎหมาย
58 เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๒๗ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา (๓) เป็นตวั แทนของสถาบัน หรือสถานประกอบการ ในการเขา้ ร่วมประชุมหรือกิจกรรมพิเศษ อยา่ งอืน่ โดยได้รบั ความยนิ ยอมจากสถาบนั หรอื สถานประกอบการ (๔) มีความจําเป็นอย่างอ่ืน โดยสถาบันหรือสถานประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็น ความจาํ เป็นอยา่ งแท้จรงิ ข้อ ๓๖ นักศึกษาท่ีประสงค์จะขออนุญาตเล่ือนการประเมินสรุปผลการศึกษา ต้องยื่นคําร้อง พร้อมท้ังหลักฐานประกอบต่อสถาบันก่อนการประเมินไม่น้อยกว่า ๓ วัน หากไม่สามารถกระทําได้ ใหส้ ถาบนั พจิ ารณาเปน็ ราย ๆ ไป การอนุญาตให้เลื่อนการประเมินสรุปผลการศึกษาให้สถาบันทําเป็นลายลักษณ์อักษรมอบให้ นักศกึ ษา ขอ้ ๓๗ นักศึกษาจะขออนญุ าตเล่อื นการประเมินออกไปไดไ้ มเ่ กนิ วนั กาํ หนดการประเมินสรุปผล การศกึ ษาปลายภาคเรียนของภาคเรียนถดั ไป เวน้ แต่จะได้รับอนุญาตจากสถาบันเป็นราย ๆ ไป ขอ้ ๓๘ ถ้าเปน็ กรณีทส่ี ามารถกาํ หนดวันประเมินได้ ให้สถาบนั กําหนดวันประเมินไว้ในหนังสือ อนุญาตให้เลื่อนการประเมิน แต่ถ้าไม่สามารถกระทําได้ให้เป็นหน้าท่ีของนักศึกษาซึ่งพร้อมท่ีจะรับ การประเมินย่ืนคําร้องต่อสถาบันเพ่ือขอเข้ารับการประเมิน พร้อมทั้งหลักฐานการอนุญาตให้เล่ือน การประเมนิ ท้ังนี้ ต้องไมเ่ กินวันกาํ หนดการประเมินสรปุ ผลการศกึ ษาปลายภาคเรยี นของภาคเรยี นถัดไป หากพ้นกําหนดนี้ให้ถือว่าขาดการประเมินสรุปผลการศึกษา และให้สถาบันทําการประเมินตัดสิน ผลการศกึ ษา เวน้ แตไ่ ดร้ บั อนุญาตตามข้อ ๓๗ หมวด ๓ การประเมินผลการศกึ ษา สว่ นท่ี ๑ หลกั การในการประเมนิ ผลการศึกษา ขอ้ ๓๙ ใหส้ ถาบันมหี น้าทแ่ี ละรับผิดชอบในการประเมินผลการศกึ ษา ข้อ ๔๐ ให้ประเมินผลการศึกษาเป็นรายวิชาตามระบบหน่วยกิต จํานวนหน่วยกิตของแต่ละ รายวิชาให้ถือตามทีก่ ําหนดไวใ้ นหลกั สูตรสถาบนั ขอ้ ๔๑ ให้สถาบัน หรือสถาบันและสถานประกอบการทําการประเมินผลการศึกษารายวิชา เมือ่ สน้ิ ภาคเรยี น หรือเมอ่ื สน้ิ สดุ การศกึ ษาหรือการปฏบิ ตั ิงานในทุกรายวชิ า
59 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๘ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ ๔๒ ให้สาํ นักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาร่วมกบั สถาบัน ดําเนินการส่งเสริมคุณภาพ และควบคมุ มาตรฐานการอาชวี ศึกษา สว่ นท่ี ๒ วธิ กี ารประเมินผลการศึกษา ข้อ ๔๓ การประเมินผลการศึกษาเป็นรายวิชา ให้ดําเนินการประเมินตามสภาพจริงต่อเนื่อง ตลอดภาคเรยี นดา้ นความรู้ ความสามารถและเจตคติจากกิจกรรมการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน ทีม่ อบหมายซึ่งครอบคลุมเนอื้ หาวชิ า โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื และวธิ กี ารหลากหลายตามความเหมาะสม ให้มีการประเมินเพ่ือพัฒนาและการประเมินสรุปผลการศึกษา โดยพิจารณาจากการประเมิน ในแต่ละกจิ กรรมและงานที่มอบหมาย ในอัตราสว่ นตามความสําคัญของแตล่ ะกจิ กรรมหรอื งานท่มี อบหมาย ให้ดําเนินการประเมินผลการศึกษาสําหรับนักศึกษาที่ศึกษาในรูปแบบการศึกษาระบบทวิภาคี จากการปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการ ตามวิธีการท่ีครูฝึกและอาจารย์นิเทศกําหนดโดยความเห็นชอบ ของสถาบัน ขอ้ ๔๔ ใหใ้ ช้ตัวเลขแสดงระดับผลการศึกษาในแต่ละรายวชิ า ดงั ต่อไปนี้ ๔.๐ หมายถงึ ผลการศกึ ษาอยใู่ นเกณฑ์ดเี ยย่ี ม ๓.๕ หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในเกณฑด์ มี าก ๓.๐ หมายถึง ผลการศกึ ษาอยใู่ นเกณฑด์ ี ๒.๕ หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ดพี อใช้ ๒.๐ หมายถึง ผลการศึกษาอยู่ในเกณฑพ์ อใช้ ๑.๕ หมายถงึ ผลการศึกษาอยู่ในเกณฑอ์ ่อน ๑.๐ หมายถงึ ผลการศกึ ษาอยใู่ นเกณฑ์อ่อนมาก ๐ หมายถึง ผลการศึกษาตก ขอ้ ๔๕ รายวิชาใดทีแ่ สดงระดับผลการศกึ ษาตามขอ้ ๔๔ ไมไ่ ด้ ใหใ้ ช้ตวั อกั ษรต่อไปนี้ ข.ร. หมายถึง ขาดเรียน ไม่มีสิทธิเข้ารับการประเมินสรุปผลการศึกษา เน่ืองจากมี เวลาศึกษาตํ่ากว่าร้อยละ ๘๐ โดยสถาบันพิจารณาแลว้ เห็นวา่ ไมใ่ ช่เหตุสดุ วิสยั ข.ป. หมายถงึ ขาดการปฏิบัติงาน หรือปฏิบัติงานไม่ครบ โดยสถาบันพิจารณาแล้ว เหน็ ว่าไมม่ ีเหตผุ ลสมควร
60 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หน้า ๒๙ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ข.ส. หมายถงึ ขาดการประเมินสรปุ ผลการศกึ ษา โดยสถาบนั พจิ ารณาแล้วเห็นว่าไม่มี เหตุผลสมควร ถ.ล. หมายถึง ถอนรายวิชาภายหลังกําหนด โดยสถาบันพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มี เหตผุ ลสมควร ถ.น. หมายถึง ถอนรายวชิ าภายในกาํ หนด ถ.พ. หมายถึง ถกู ส่งั พักการศึกษาในระหวา่ งท่มี ีการประเมินสรปุ ผลการศกึ ษา ท. หมายถงึ ทจุ ริตในการสอบหรืองานท่มี อบหมายให้ทาํ ม.ส. หมายถึง ไม่สมบูรณ์ เน่ืองจากไม่สามารถเข้ารับการประเมินครบทุกคร้ัง และหรอื ไม่ส่งงานอนั เปน็ สว่ นประกอบของการศกึ ษารายวิชาตามกําหนดด้วยเหตสุ ดุ วิสัย ม.ท. หมายถึง ไม่สามารถเข้ารับการประเมินทดแทนการประเมินส่วนท่ีขาด ของรายวิชาที่ไม่สมบรู ณภ์ ายในภาคเรยี นถดั ไป ผ. หมายถึง ไดเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมตามกําหนด และผลการประเมนิ ผา่ น ม.ผ. หมายถงึ ไมเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมตามกาํ หนด และผลการประเมนิ ไมผ่ า่ น ม.ก. หมายถึง การศึกษาโดยไม่นับจํานวนหน่วยกิตมารวมเพื่อการสําเร็จการศึกษา ตามหลักสตู ร และผลการประเมนิ ผา่ น ข้อ ๔๖ ในกรณีต่อไปนี้ใหต้ ดั สินผลการศึกษาเปน็ ระดับ ๐ (ศูนย์) เฉพาะรายวชิ า (๑) ได้ ข.ร. (๒) ได้ ข.ป. (๓) ได้ ข.ส. (๔) ได้ ถ.ล. (๕) ได้ ถ.พ. (๖) ได้ ท. (๗) ได้ ม.ท. ข้อ ๔๗ นักศึกษาที่ทําการทุจริตหรือส่อเจตนาทุจริตในการสอบ หรืองานที่มอบหมายให้ทํา ในรายวชิ าใด ให้สถาบันพิจารณาผลการเรียนใหไ้ ด้คะแนน ๐ (ศนู ย์) เฉพาะครงั้ นัน้ หรอื ในรายวิชาน้ัน หรืออาจตดั คะแนนความประพฤติตามระเบยี บทส่ี ถาบนั กาํ หนด ขอ้ ๔๘ การคํานวณค่าระดบั คะแนนเฉล่ยี ให้ปฏบิ ัติดงั นี้ (๑) ให้นําผลบวกของผลคูณระหว่างจํานวนหน่วยกิตของแต่ละรายวิชากับระดับผลการศึกษา หารดว้ ยผลบวกของจํานวนหนว่ ยกิตของแต่ละรายวิชา คิดทศนยิ มสองตาํ แหนง่ ไม่ปัดเศษ
61 เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๓๐ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๒) ให้คํานวณค่าระดับคะแนนเฉล่ีย จากรายวิชาที่ได้ระดับผลการศึกษาตามข้อ ๔๔ และ ข้อ ๔๖ รายวชิ าท่นี ักศกึ ษาเรยี นซา้ํ เรียนแทน ใหใ้ ชร้ ะดับผลการศึกษาสุดทา้ ยและนับจํานวนหน่วยกิต มาเปน็ ตัวหารเพยี งครั้งเดียว (๓) ใหค้ าํ นวณค่าระดับคะแนนเฉลีย่ ดงั น้ี (ก) ค่าระดับคะแนนเฉล่ียประจําภาคเรียน คํานวณจากรายวิชาท่ีได้ระดับผลการศึกษา ตาม (๒) เฉพาะในภาคเรียนหนึ่ง ๆ (ข) ค่าระดับคะแนนเฉล่ียสะสม คํานวณจากรายวิชาที่เรียนมาทั้งหมดและได้ระดับ ผลการศกึ ษาตาม (๒) ตงั้ แต่สองภาคเรยี นข้นึ ไป ขอ้ ๔๙ ผู้ท่ไี ด้ ม.ส. เน่ืองจากไม่สามารถเข้ารับการประเมินครบทุกครั้ง ต้องรับการประเมิน ทดแทนส่วนทข่ี าดภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันประกาศผลการศึกษารายวิชา หากพ้นกําหนดน้ีให้ถือว่า ไม่สามารถเข้ารับการประเมินทดแทน (ม.ท.) ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้สถาบัน และหรือสถานประกอบการ พิจารณาเป็นราย ๆ ไป ทงั้ นี้ ให้ประเมนิ ทดแทนในรายวิชาท่ไี ม่สมบูรณ์ให้แล้วเสรจ็ ภายในภาคเรียนถดั ไป ผ้ทู ไี่ ด้ ม.ส. เน่ืองจากไมส่ ามารถส่งงานอนั เปน็ ส่วนประกอบของการศึกษารายวิชาตามกําหนด ให้ส่งงานนั้นให้สมบูรณ์ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันประกาศผลการศึกษารายวิชา หากพ้นกําหนดให้ สถาบันหรือสถานประกอบการทําการตัดสินผลการศึกษา ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้สถาบันหรือ สถานประกอบการพจิ ารณาเป็นราย ๆ ไป กรณีตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้อาจารย์ผู้สอนหรือครูฝึกรายงานให้สถาบันหรือผู้ควบคุม การฝึกทราบทกุ ราย ขอ้ ๕๐ นักศึกษาต้องรับการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ เม่ือนักศึกษาได้ลงทะเบียนเรียน ครบทกุ รายวิชาตามหลกั สูตร หรอื ตามระยะเวลาท่คี ณะกรรมการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพเหน็ สมควร ขอ้ ๕๑ ใหร้ ะดับผลการประเมนิ ในการประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี ดงั นี้ ผ. หมายถึง ผลการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี ผ่านเกณฑ์ ม.ผ. หมายถึง ผลการประเมินมาตรฐานวิชาชพี ไม่ผ่านเกณฑ์ ส่วนที่ ๓ การตดั สินผลการศึกษา ขอ้ ๕๒ การตัดสินผลการศึกษาให้ดําเนนิ การ ดังนี้ (๑) ตัดสินผลการศึกษาเปน็ รายวิชา
62 เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๓๑ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๒) รายวิชาที่มีผลการศึกษาต้ังแต่ระดับ ๑ ขึ้นไป ถือว่าประเมินผ่านและให้นับจํานวนหน่วยกิต ของรายวิชานัน้ เปน็ จํานวนหน่วยกติ สะสม (๓) เมื่อได้ประเมินผลการศึกษาแล้ว นักศึกษาที่มีผลการศึกษาระดับ ๐ (ศูนย์) ตามที่ กาํ หนดไว้ในข้อ ๔๖ และขอ้ ๔๗ ถ้าเป็นรายวิชาบังคับที่กําหนดให้ศึกษาในแต่ละสาขาวิชา ให้ศึกษา ซํา้ รายวชิ านัน้ ถา้ เป็นรายวิชาเลือกจะศึกษาซ้าํ หรือศกึ ษารายวิชาอ่ืนแทนกไ็ ด้ ในกรณีท่ใี ห้ศึกษารายวิชาอ่นื แทนให้ลงหมายเหตุว่าใหศ้ ึกษาแทนรายวชิ าใด ขอ้ ๕๓ การตัดสินผลการศกึ ษาเพือ่ สําเรจ็ การศึกษาตามหลักสูตร ใหถ้ ือตามเกณฑต์ ่อไปน้ี (๑) ประเมินผ่านรายวชิ าในหมวดวชิ าตา่ ง ๆ ครบตามทก่ี ําหนดไวใ้ นหลกั สูตรและเงื่อนไขอ่ืน ๆ ท่สี ถาบันกําหนด (๒) ไดจ้ าํ นวนหน่วยกติ สะสมไม่ตํ่ากวา่ ที่กาํ หนดไว้ในหลักสตู ร (๓) ได้ค่าระดบั คะแนนเฉล่ยี สะสมไมต่ ่ํากว่า ๒.๐๐ และผา่ นการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี ข้อ ๕๔ นักศึกษาผู้ใดประสงค์จะลงทะเบียนเรียนเพ่ิม เพื่อประเมินปรับค่าระดับคะแนน เฉลี่ยสะสมใหส้ ูงข้ึน ให้สถาบนั ดาํ เนนิ การใหศ้ กึ ษาเพม่ิ ภายในเวลาทเ่ี ห็นสมควร การนับจาํ นวนหน่วยกติ สะสมในกรณนี ี้ ใหน้ บั หน่วยกิตทีล่ งทะเบียนเรียนทุกรายวิชา ข้อ ๕๕ ให้สถาบันพิจารณาเกณฑ์การพ้นสภาพเน่ืองจากผลการศึกษาของนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เมื่อนักศึกษาได้ลงทะเบียนรายวิชาครบ ๒ ภาคเรียน หรือไม่น้อยกว่า ๔๐ หน่วยกิต และได้รับการประเมนิ ใหมแ่ ล้ว หากได้คา่ ระดบั คะแนนเฉลีย่ สะสมต่ํากว่า ๑.๗๕ ให้สถาบันพิจารณาว่า ควรใหเ้ รยี นตอ่ ไปหรอื พ้นสภาพนักศึกษา (๒) เมื่อนักศึกษาได้ลงทะเบียนรายวิชาครบ ๔ ภาคเรียน หรือไม่น้อยกว่า ๗๒ หน่วยกิต และไดร้ บั การประเมินใหม่แล้ว หากไดค้ ่าระดบั คะแนนเฉล่ียสะสมตํ่ากว่า ๑.๙๐ ให้สถาบันพิจารณาว่า ควรใหเ้ รียนต่อไปหรือให้พน้ สภาพนักศกึ ษา สว่ นที่ ๔ การเทยี บโอนผลการศกึ ษา ข้อ ๕๖ การโอนผลการศึกษา ให้สถาบันที่รับนักศึกษาเข้าศึกษารับโอนผลการศึกษา ทกุ รายวิชา ทีไ่ ด้รบั ความเหน็ ชอบจากสถาบัน
63 เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๓๒ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๕๗ สถาบนั จะรับโอนผลการศกึ ษารายวิชาจากหลักสตู รอ่ืนซ่ึง ก.พ. รับรองคุณวุฒิไม่ต่ํากว่า ระดับปริญญาตรี หรือจากหลักสูตรอื่นใดท่ีมีรายวิชาลักษณะเดียวกัน แต่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นของ สถาบนั การศึกษาของรัฐหรอื เอกชน ตามหลกั เกณฑท์ ่ีสถาบันกาํ หนดดังนี้ (๑) เป็นรายวิชาหรือกลุ่มวิชาท่ีมีเน้ือหาใกล้เคียงกันไม่ต่ํากว่าร้อยละ ๗๕ และมีจํานวน หน่วยกติ ไม่นอ้ ยกวา่ หนว่ ยกิตของรายวิชาทีร่ ะบไุ วใ้ นหลกั สูตรที่ใชร้ ะเบยี บน้ี (๒) รายวิชาทีไ่ ด้ระดบั ผลการศึกษาต้งั แต่ ๒.๐ ข้ึนไป สถาบันจะรับโอนผลการศึกษาหรือจะ ทําการประเมนิ ใหม่แล้วจึงรบั โอนรายวชิ าน้นั กไ็ ด้ (๓) การขอโอนผลการศกึ ษาและหนว่ ยกติ สถาบนั จะรับโอนได้ไม่เกิน ๓ ใน ๔ ของจํานวน หน่วยกติ รวมของหลกั สตู รทร่ี บั โอน (๔) รายวชิ าหรอื กลมุ่ วิชาทรี่ บั โอนผลการศึกษา ตอ้ งนํามาคํานวณระดบั คะแนนเฉล่ียสะสมด้วย ขอ้ ๕๘ การบนั ทึกผลการศกึ ษาตามข้อ ๕๖ ขอ้ ๕๗ ลงในใบแสดงผลการศึกษา ให้ใช้รหัสวิชา และช่ือรายวิชาตามหลักสูตร โดยแสดงหมายเหตุว่าเป็นรายวิชาที่รับโอนมาจากหลักสูตรอ่ืนหรือจาก การเทยี บรายวิชารหัสวชิ าใด ยกเวน้ มีข้อกาํ หนดเฉพาะในเรอื่ งน้ัน ๆ ขอ้ ๕๙ สถาบนั จะอนุญาตใหน้ ักศกึ ษาไปศกึ ษารายวิชาบางรายวิชาจากสถาบันแห่งอ่ืนในกรณี ที่สถาบันไม่สามารถเปิดทําการสอนในรายวิชานั้นได้ โดยสถาบันพิจารณารายละเอียดเก่ียวกับเนื้อหา ของหลักสตู รตามทีเ่ หน็ สมควร และใหส้ ถาบันท้ังสองแห่งทาํ ความตกลงรว่ มกันในการจัดสอนและรับโอน ผลการศึกษา ขอ้ ๖๐ ในกรณีสถาบันอนุญาตให้นกั ศึกษาไปศกึ ษาจากสถาบนั แหง่ อน่ื ตามข้อ ๕๙ ให้สถาบัน พิจารณารับโอนผลการศึกษาตามท่ีได้รับการประเมินจากสถาบันที่นักศึกษาไปศึกษาและบันทึก ผลการศึกษาลงในใบแสดงผลการศึกษา ให้ใช้รหัสวิชา และช่ือรายวิชาของหลักสูตรของสถาบัน โดยระบุวา่ รับโอนจากสถาบนั แห่งอนื่ ยกเวน้ มขี อ้ กําหนดเฉพาะในเรือ่ งนน้ั ๆ ขอ้ ๖๑ นกั ศึกษาท่ีมปี ระสบการณใ์ นงานอาชีพ หรือฝึกงานในสถานประกอบการ หรือทํางาน ในอาชีพนัน้ อย่แู ลว้ หรือมีความร้ใู นรายวชิ าตามหลักสตู รน้มี าก่อนเข้าศึกษาหรือเข้าศึกษาแล้ว แต่ขอไปศึกษา หรอื ฝึกปฏบิ ัติในสถานประกอบการ จะขอเทียบโอนความรู้และประสบการณ์การทํางานในสถานประกอบการ เพ่ือนับจํานวนหน่วยกิตสะสมสําหรับรายวิชานั้นได้ ตามหลักเกณฑ์ท่ีสํานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษากําหนด ถ้าผลการประเมินไม่ผ่าน นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนปกติในภาคเรียนนั้นหรือ ขอประเมินเทยี บโอนความรู้และประสบการณใ์ นภาคเรียนต่อไปได้
64 เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หนา้ ๓๓ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๖๒ นกั ศกึ ษาทีส่ ถาบันให้พ้นสภาพนกั ศึกษาตามข้อ ๕๕ แล้วสอบเข้าศึกษาใหม่ในสถาบันเดิม หรือสถาบนั แหง่ ใหมไ่ ด้ ใหส้ ถาบนั รับโอนผลการศึกษาเฉพาะรายวิชาที่ยงั ปรากฏอยใู่ นหลักสูตรนี้ และได้ ระดบั ผลการศึกษาตั้งแต่ ๒.๐ ข้ึนไป ข้อ ๖๓ นกั ศกึ ษาท่ขี อโอนผลการศกึ ษารายวิชาตามข้อ ๕๗ หรือขอประเมินเทียบโอนความรู้ และประสบการณ์ ตอ้ งลงทะเบยี นเรียนรายวชิ าในสถาบันนัน้ ไม่น้อยกวา่ ๑ ภาคเรียน หมวด ๔ การขอสาํ เร็จการศึกษาและการรบั ปรญิ ญา สว่ นที่ ๑ การขอสําเร็จการศึกษาและการขอขึ้นทะเบยี นบณั ฑิต ข้อ ๖๔ นกั ศกึ ษาท่มี สี ิทธขิ อสําเรจ็ การศกึ ษา ต้องมีคุณสมบัติดงั น้ี (๑) ศึกษารายวิชาได้ครบตามหลักสูตร และข้อกําหนดของสาขาน้ัน ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน ๔ ปีการศึกษาสาํ หรับการลงทะเบยี นเรียนเต็มเวลา หรือไม่เกิน ๖ ปีการศึกษา สาํ หรบั การลงทะเบยี นเรียน ไม่เต็มเวลา นับตั้งแต่วันขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา โดยไม่นับภาคเรียนท่ีลาพักการเรียน หรือถูกส่ัง พกั การเรยี นรวมเข้าดว้ ย (๒) มหี น่วยกิตสะสมไม่ต่ํากวา่ ท่หี ลกั สูตรกําหนดไว้ และผ่านการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ (๓) มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเปน็ บัณฑติ และไมม่ หี น้ีสินผกู พนั ต่อสถาบัน (๔) ตอ้ งยนื่ คาํ ร้องขอสําเร็จการศึกษาในภาคเรียนท่ีนกั ศกึ ษาคาดว่าจะสาํ เรจ็ การศึกษา ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วนั เปิดภาคเรียนนัน้ ตามประกาศของสถาบนั (๕) นักศึกษาท่ีไม่ดําเนินการตามข้อ (๔) จะไม่ได้รับการพิจารณาเสนอช่ือเพื่อรับปริญญา ในแต่ละภาคเรยี นนน้ั และจะต้องชาํ ระคา่ รักษาสภาพการเป็นนักศึกษาจนถึงภาคเรียนที่นักศึกษาย่ืนคําร้องขอ สําเรจ็ การศกึ ษา ข้อ ๖๕ นักศึกษาท่ีสําเร็จการศึกษาต้องขอขึ้นทะเบียนบัณฑิต โดยย่ืนคําร้องขอข้ึนทะเบียน บัณฑติ พร้อมชาํ ระเงนิ ค่าขึ้นทะเบียนบัณฑติ ตามข้ันตอนทส่ี ถาบันกาํ หนด ขอ้ ๖๖ การเสนอชอ่ื เพอ่ื รับปรญิ ญาให้เปน็ ไปตามประกาศของสถาบนั
65 เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง หน้า ๓๔ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา สว่ นท่ี ๒ ปริญญาเกยี รตนิ ิยม ข้อ ๖๗ สภาสถาบันโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอาจออกข้อบังคับ กาํ หนดให้ผูส้ ําเรจ็ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรีเกียรตินิยมอันดับหน่ึงหรือปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับสอง ได้ภายใตแ้ นวทางดังน้ี ลงทะเบยี นรายวชิ าในสถาบันไม่ตํา่ กว่า ๗๒ หนว่ ยกิต (๑) สาํ เรจ็ การศึกษาในระยะเวลาทห่ี ลกั สตู รกําหนด ท้ังนี้ ไมน่ บั ระยะเวลาทน่ี กั ศกึ ษาขอลาพัก การศกึ ษาตามระเบียบน้ี (๒) ตอ้ งไมม่ ผี ลการศกึ ษาอยูใ่ นเกณฑ์ตํ่ากวา่ พอใช้ในรายวชิ าใดวิชาหนง่ึ (๓) นักศึกษาผสู้ ําเร็จการศึกษาทม่ี คี ุณสมบัตคิ รบถว้ นตาม (๑) และ (๒) ท่ีมีค่าระดับคะแนน เฉลยี่ สะสมไมต่ าํ่ กว่า ๓.๗๕ ได้รบั การเสนอชอ่ื เพื่อรับปรญิ ญาตรเี กยี รตนิ ิยมอันดบั หนึง่ (๔) นักศกึ ษาผู้สาํ เร็จการศกึ ษาท่ีมคี ุณสมบัติครบถว้ นตาม (๑) และ (๒) ที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยสะสม ไมต่ ํ่ากว่า ๓.๕๐ ไดร้ บั การเสนอช่ือเพือ่ รบั ปรญิ ญาตรีเกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั สอง (๕) การเสนอช่ือรบั ปริญญาเกียรตนิ ิยม ให้สถาบันนําเสนอต่อสภาสถาบันในคราวเดียวกันกับ ทเ่ี สนอขออนุมัติปริญญาประจําภาคเรยี นนั้น ข้อ ๖๘ ในกรณีท่ีไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ หรือมีความจําเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือจาก ท่ีกําหนดไว้ในระเบียบน้ี ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาท่ีจะพิจารณาวินิจฉัย และใหถ้ ือเป็นทส่ี ดุ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๖ จาตุรนต์ ฉายแสง รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ
66 (7) ประกาศสานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา เร่อื ง วิธีการปฏิบตั ิในการบรหิ ารหลกั สูตรระดบั ปริญญาตรีสายเทคโนโลยหี รือสาย ปฏิบัติการ ณ วันท่ี 10 เมษายน พ.ศ.2560
67
68
69
70
71
72
73
74 (8) ประกาศสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา เรอ่ื ง หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารในการตรวจสอบรายละเอยี ดของหลักสูตร และประเมิน ความพร้อมและศักยภาพของสถาบัน ณ วันท่ี 10 เมษายน พ.ศ.2560
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87 (9) ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดบั ปริญญาตรี พ.ศ.2558 ณ วันท่ี 7 ตุลาคม พ.ศ.2558
88 เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง หนา้ ๒ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง เกณฑ์มาตรฐานหลกั สูตรระดับปรญิ ญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ประกาศใช้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว จึงมีความจําเป็นต้องมีการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวสําหรับการผลิตบัณฑิตระดับอุดมศึกษา ที่เหมาะสมกับพลวัตของโลกที่เปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเจตนารมณ์ให้เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร ระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับการบริหารจัดการหลักสูตรท่ีมีลักษณะที่แตกต่างตามจุดเน้น ของสาขาวิชาการและวิชาชีพต่าง ๆ ตอบสนองการผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพสอดคล้องกับกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ ตลาดแรงงาน ความก้าวหน้าของศาสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ังบริบททางสังคม ท่ีเปลยี่ นแปลงไป ฉะนั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคําแนะนํา ของคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในคราวประชุมคร้ังที่ ๘/๒๕๕๘ เม่ือวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง “เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘” ดังต่อไปน้ี ๑. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการนี้เรียกว่า “เกณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘” ๒. ให้ใช้ประกาศกระทรวงนี้สําหรับหลักสูตรระดับปริญญาตรีทุกสาขาวิชาท่ีจะเปิดใหม่ และหลักสูตรเก่าท่ีจะปรับปรุงใหม่ของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน และให้ใช้บังคับต้ังแต่ วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ๓. ให้ยกเลิก ๓.๑ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง “เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๔๘” ลงวนั ท่ี ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓.๒ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง “การจัดการศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาตรี (ต่อเนือ่ ง) ของสถาบันอดุ มศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓” ลงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔. ในประกาศกระทรวงน้ี “อาจารย์ประจํา” หมายถึง บุคคลที่ดํารงตําแหน่งอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ในสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรน้ัน ที่มีหน้าท่ีรับผิดชอบ ตามพันธกจิ ของการอดุ มศึกษา และปฏบิ ัติหน้าท่ีเต็มเวลา สําหรับอาจารย์ประจําที่สถาบันอุดมศึกษารับเข้าใหม่ต้ังแต่เกณฑ์มาตรฐานน้ีเร่ิมบังคับใช้ ต้องมีคะแนนทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษได้ตามเกณฑ์ท่ีกําหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ การอดุ มศกึ ษา เรอื่ ง มาตรฐานความสามารถภาษาองั กฤษของอาจารย์ประจํา
89 เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๙๕ ง หน้า ๓ ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา “อาจารย์ประจําหลักสูตร” หมายถึง อาจารย์ประจําที่มีคุณวุฒิตรงหรือสัมพันธ์กับ สาขาวิชาของหลักสูตรท่ีเปิดสอน ซึ่งมีหน้าท่ีสอนและค้นคว้าวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าว ทั้งน้ี สามารถ เป็นอาจารย์ประจําหลักสูตรหลายหลักสูตรได้ในเวลาเดียวกัน แต่ต้องเป็นหลักสูตรที่อาจารย์ผู้น้ัน มีคณุ วฒุ ิตรงหรอื สัมพันธก์ ับสาขาวชิ าของหลกั สตู ร “อาจารยผ์ รู้ บั ผิดชอบหลักสูตร” หมายถึง อาจารย์ประจําหลกั สูตรที่มภี าระหนา้ ท่ีในการบริหาร และพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน ต้ังแต่การวางแผน การควบคุมคุณภาพ การติดตามประเมินผล และการพัฒนาหลักสูตร อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้องอยู่ประจําหลักสูตรน้ันตลอดระยะเวลา ท่ีจัดการศึกษา โดยจะเป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรเกินกว่า ๑ หลักสูตรในเวลาเดียวกันไม่ได้ ยกเว้น พหุวิทยาการหรือสหวิทยาการ ให้เป็นอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรได้อีกหน่ึงหลักสูตร และอาจารยผ์ ู้รบั ผิดชอบหลักสตู รสามารถซ้าํ ไดไ้ มเ่ กิน ๒ คน “อาจารย์พเิ ศษ” หมายถึง ผสู้ อนท่ไี มใ่ ชอ่ าจารยป์ ระจาํ ๕. ปรัชญา และวัตถุประสงค์ มงุ่ ใหก้ ารผลิตบณั ฑิตมีความสมั พันธ์สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาของชาติ ปรัชญาของการอุดมศึกษา ปรัชญาของสถาบันอุดมศึกษา และมาตรฐานวิชาการและวิชาชีพท่ีเป็นสากล ให้การผลิตบัณฑิตระดับอุดมศึกษาอยู่บนฐานความเชื่อว่ากําลังคนที่มีคุณภาพต้องเป็นบุคคลท่ีมีจิตสํานึก ของความเป็นพลเมืองดีท่ีสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคม และมีศักยภาพในการพ่ึงพาตนเองบนฐาน ภมู ิปัญญาไทย ภายใต้กรอบศีลธรรมจรรยาอันดีงาม เพื่อนําพาประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและทัดเทียม มาตรฐานสากล ทั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือกํากับส่งเสริมกระบวนการผลิตบัณฑิตที่เน้นการพัฒนาผู้เรียน ให้มีลักษณะของความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ สามารถดํารงตนอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กระแส โลกาภวิ ัตน์ ท่มี ีการสื่อสารแบบไร้พรมแดน มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความสามารถในการปฏิบัติงานได้ ตามกรอบมาตรฐานและจรรยาบรรณที่กําหนด สามารถสร้างสรรค์งานท่ีเกิดประโยชน์ต่อตนเอง และสังคม ทัง้ ในระดบั ท้องถิ่นและสากล โดยแบ่งหลกั สูตรเปน็ ๒ กลุม่ ดังน้ี ๕.๑ หลักสูตรปรญิ ญาตรีทางวชิ าการ แบ่งเป็น ๒ แบบ ไดแ้ ก่ ๕.๑.๑ หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการ ที่มุ่งผลิตบัณฑิตให้มีความรอบรู้ท้ัง ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ เน้นความรู้และทักษะด้านวิชาการ สามารถนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์จรงิ ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ ๕.๑.๒ หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาการ ซ่ึงเป็นหลักสูตรปริญญาตรี สําหรับผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตท่ีมีความรู้ ความสามารถระดับสูง โดยใช้ หลักสูตรปกติท่ีเปิดสอนอยู่แล้ว ให้รองรับศักยภาพของผู้เรียน โดยกําหนดให้ผู้เรียนได้ศึกษา บางรายวิชาในระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาทเ่ี ปดิ สอนอยู่แล้ว และสนับสนนุ ให้ผูเ้ รียนไดท้ าํ วจิ ยั ท่ลี ุ่มลึกทางวิชาการ
90 เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๙๕ ง หน้า ๔ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา ๕.๒ หลกั สูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรอื ปฏิบัตกิ าร แบ่งเปน็ ๒ แบบ ได้แก่ ๕.๒.๑ หลกั สตู รปรญิ ญาตรีทางวชิ าชีพหรือปฏิบัติการ ท่ีมุ่งผลิตบัณฑิตให้มีความรอบรู้ ทง้ั ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เน้นความรู้ สมรรถนะและทักษะด้านวิชาชีพตามข้อกําหนดของมาตรฐานวิชาชีพ หรือมีสมรรถนะและทักษะด้านการปฏิบัติเชิงเทคนิคในศาสตร์สาขาวิชาน้ัน ๆ โดยผ่านการฝึกงาน ในสถานประกอบการ หรือสหกิจศกึ ษา หลักสูตรแบบน้ีเท่านั้นท่ีจัดหลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเน่ือง) ได้ เพราะมุ่ง ผลิตบัณฑติ ทีม่ ีทกั ษะการปฏบิ ตั กิ ารอยู่แลว้ ใหม้ คี วามรู้ดา้ นวชิ าการมากยิ่งข้นึ รวมทั้งได้รับการฝึกปฏิบัติ ขัน้ สงู เพิ่มเติม หลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) ถือเป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรปริญญาตรี และจะต้องสะท้อนปรัชญาและเนื้อหาสาระของหลักสูตรปริญญาตรีน้ัน ๆ โดยครบถ้วน และให้ระบุคําว่า “ต่อเน่ือง” ในวงเลบ็ ต่อท้ายช่ือหลักสตู ร ๕.๒.๒ หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ซ่ึงเป็นหลักสูตร สําหรับผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ สมรรถนะทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการขั้นสูง โดยใช้หลักสูตรปกติท่ีเปิดสอนอยู่แล้ว ให้รองรับศักยภาพของผู้เรียน โดยกําหนดให้ผู้เรียนได้ศึกษาบางรายวิชา ในระดับบัณฑิตศึกษาท่ีเปิดสอนอยู่แล้ว และทําวิจัยที่ลุ่มลึกหรือได้รับการฝึกปฏิบัติข้ันสูงในหน่วยงาน องค์กร หรือสถานประกอบการ หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาการหรือทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ต้องมีการเรยี นรายวชิ าระดบั บัณฑติ ศึกษาไมน่ ้อยกว่า ๑๒ หน่วยกิต ๖. ระบบการจัดการศึกษา ใช้ระบบทวิภาค โดย ๑ ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น ๒ ภาค การศึกษาปกติ ๑ ภาคการศึกษาปกติมีระยะเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ สัปดาห์ สถาบันอุดมศึกษา ท่ีเปิดการศึกษาภาคฤดูร้อน ให้กําหนดระยะเวลาและจํานวนหน่วยกิตโดยมีสัดส่วนเทียบเคียงกัน ไดก้ ับการศึกษาภาคปกติ สถาบนั อุดมศึกษาทจี่ ัดการศึกษาในระบบไตรภาค หรอื ระบบจตุรภาค ให้ถือแนวทางดงั น้ี ระบบไตรภาค ๑ ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น ๓ ภาคการศึกษาปกติ ๑ ภาคการศึกษาปกติ มรี ะยะเวลาศึกษาไม่น้อยกวา่ ๑๒ สัปดาห์ โดย ๑ หน่วยกิตระบบไตรภาค เทียบได้กับ ๑๒/๑๕ หน่วยกิตระบบทวิภาค หรือ ๔ หน่วยกิตระบบทวภิ าค เทยี บไดก้ บั ๕ หน่วยกิตระบบไตรภาค ระบบจตรุ ภาค ๑ ปีการศึกษาแบ่งออกเป็น ๔ ภาคการศึกษาปกติ ๑ ภาคการศึกษาปกติ มรี ะยะเวลาศึกษาไม่นอ้ ยกวา่ ๑๐ สปั ดาห์ โดย ๑ หน่วยกิตระบบจตุรภาค เทียบได้กับ ๑๐/๑๕ หน่วยกิตระบบทวิภาค หรือ ๒ หน่วยกติ ระบบทวิภาค เทยี บไดก้ บั ๓ หนว่ ยกติ ระบบจตรุ ภาค สถาบันอุดมศึกษาท่ีจัดการศึกษาระบบอ่ืน ให้แสดงรายละเอียดเก่ียวกับระบบการศึกษาน้ัน รวมทั้งรายละเอยี ดการเทยี บเคียงหนว่ ยกติ กับระบบทวภิ าคไว้ในหลักสตู รใหช้ ดั เจนดว้ ย
91 เล่ม ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๙๕ ง หนา้ ๕ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ๗. การคดิ หน่วยกติ ๗.๑ รายวิชาภาคทฤษฎี ท่ีใช้เวลาบรรยายหรืออภิปรายปัญหาไม่น้อยกว่า ๑๕ ช่ัวโมง ต่อภาคการศกึ ษาปกติ ใหม้ ีคา่ เท่ากับ ๑ หนว่ ยกติ ระบบทวภิ าค ๗.๒ รายวิชาภาคปฏิบัติ ที่ใช้เวลาฝึกหรือทดลองไม่น้อยกว่า ๓๐ ช่ัวโมงต่อภาค การศึกษาปกติ ใหม้ คี า่ เทา่ กบั ๑ หนว่ ยกิตระบบทวภิ าค ๗.๓ การฝึกงานหรือการฝึกภาคสนาม ท่ีใช้เวลาฝึกไม่น้อยกว่า ๔๕ ชั่วโมงต่อภาค การศึกษาปกติ ใหม้ ีค่าเทา่ กับ ๑ หน่วยกติ ระบบทวภิ าค ๗.๔ การทําโครงงานหรือกิจกรรมการเรียนอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายท่ีใช้เวลา ทําโครงงานหรือกิจกรรมน้ัน ๆ ไม่น้อยกว่า ๔๕ ชั่วโมงต่อภาคการศึกษาปกติ ให้มีค่าเท่ากับ ๑ หน่วยกิต ระบบทวิภาค ๘. จํานวนหน่วยกติ รวมและระยะเวลาการศึกษา ๘.๑ หลักสตู รปริญญาตรี (๔ ป)ี ใหม้ จี ํานวนหนว่ ยกิตรวมไม่น้อยกว่า ๑๒๐ หน่วยกิต ใชเ้ วลาศึกษาไม่เกนิ ๘ ปีการศึกษา สําหรบั การลงทะเบยี นเรยี นเต็มเวลา และไม่เกิน ๑๒ ปีการศึกษา สําหรับการลงทะเบียนเรียนไมเ่ ตม็ เวลา ๘.๒ หลกั สตู รปรญิ ญาตรี (๕ ปี) ให้มีจํานวนหนว่ ยกิตรวมไม่น้อยกว่า ๑๕๐ หน่วยกิต ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน ๑๐ ปีการศึกษา สําหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน ๑๕ ปี การศึกษา สําหรบั การลงทะเบียนเรียนไมเ่ ต็มเวลา ๘.๓ หลักสูตรปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า ๖ ปี) ให้มีจํานวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า ๑๘๐ หน่วยกิต ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน ๑๒ ปีการศึกษา สําหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน ๑๘ ปีการศกึ ษา สําหรับการลงทะเบยี นเรยี นไม่เตม็ เวลา ๘.๔ หลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเน่ือง) ให้มีจํานวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า ๗๒ หน่วยกิต ใช้เวลาศึกษาไม่เกิน ๔ ปีการศึกษา สําหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่เกิน ๖ ปีการศึกษา สําหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา ทั้งนี้ ให้นับเวลาศึกษาจากวันที่เปิดภาคการศึกษาแรกท่ีรับเข้าศึกษา ในหลกั สตู รนัน้ ๙. โครงสร้างหลกั สตู ร ประกอบด้วยหมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะ และหมวดวิชา เลือกเสรี โดยมสี ัดส่วนจาํ นวนหน่วยกติ ของแตล่ ะหมวดวิชา ดงั น้ี ๙.๑ หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง หมวดวิชาที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง เข้าใจ และเห็นคุณค่าของตนเอง ผู้อ่ืน สังคม ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติ ใส่ใจต่อความเปล่ียนแปลงของสรรพส่ิง พัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง ดําเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม พรอ้ มให้ความชว่ ยเหลอื เพื่อนมนษุ ย์ และเป็นพลเมอื งท่มี ีคณุ ค่าของสงั คมไทยและสังคมโลก สถาบันอุดมศกึ ษาอาจจดั วชิ าศึกษาทั่วไปในลกั ษณะจําแนกเป็นรายวิชาหรือลักษณะ บูรณาการใด ๆ ก็ได้ โดยผสมผสานเนื้อหาวิชาที่ครอบคลุมสาระของกลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภาษาและกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ หมวดวิชาศึกษาทว่ั ไป โดยให้มจี ํานวนหน่วยกติ รวมไมน่ อ้ ยกว่า ๓๐ หนว่ ยกติ
92 เล่ม ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๙๕ ง หนา้ ๖ ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา อนึง่ การจัดวิชาศึกษาท่วั ไปสาํ หรบั หลักสูตรปริญญาตรี (ตอ่ เน่ือง) อาจได้รับการยกเว้น รายวิชาที่ได้ศึกษามาแล้วในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือระดับอนุปริญญา ทั้งนี้ จํานวนหน่วยกิต ของรายวิชาที่ได้รับการยกเว้นดังกล่าว เมื่อนับรวมกับรายวิชาที่จะศึกษาเพิ่มเติมในหลักสูตรปริญญาตรี (ตอ่ เน่ือง) ต้องไม่น้อยกว่า ๓๐ หน่วยกิต ๙.๒ หมวดวิชาเฉพาะ หมายถึง วิชาแกน วิชาเฉพาะด้าน วิชาพื้นฐานวิชาชีพและวิชาชีพ ทีม่ งุ่ หมายใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และปฏบิ ตั ิงานได้ โดยใหม้ ีจํานวนหนว่ ยกติ รวม ดังนี้ ๙.๒.๑ หลักสตู รปริญญาตรี (๔ ปี) ทางวิชาการ ให้มีจํานวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะ รวมไม่น้อยกว่า ๗๒ หนว่ ยกติ ๙.๒.๒ หลักสูตรปริญญาตรี (๔ ปี) ทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ให้มีจํานวน หน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า ๗๒ หน่วยกิต โดยต้องเรียนวิชาทางปฏิบัติการตามที่ มาตรฐานวิชาชีพกําหนด หากไม่มีมาตรฐานวิชาชีพกําหนดต้องเรียนวิชาทางปฏิบัติการไม่น้อยกว่า ๓๖ หนว่ ยกิต และทางทฤษฎไี ม่น้อยกวา่ ๒๔ หนว่ ยกิต หลกั สูตร (ตอ่ เนอื่ ง) ใหม้ จี ํานวนหนว่ ยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวมไม่น้อยกว่า ๔๒ หน่วยกิต ในจาํ นวนน้นั ต้องเป็นวิชาทางทฤษฏไี มน่ อ้ ยกวา่ ๑๘ หนว่ ยกิต ๙.๒.๓ หลักสูตรปริญญาตรี (๕ ปี) ให้มีจํานวนหน่วยกิตหมวดวิชาเฉพาะรวม ไมน่ อ้ ยกว่า ๙๐ หนว่ ยกิต ๙.๒.๔ หลักสูตรปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า ๖ ปี) ให้มีจํานวนหน่วยกิตหมวดวิชา เฉพาะรวมไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๘ หนว่ ยกิต สถาบันอุดมศึกษาอาจจัดหมวดวิชาเฉพาะในลักษณะวิชาเอกเดี่ยว วิชาเอกคู่ หรือวิชาเอกและวิชาโทก็ได้ โดยวิชาเอกต้องมีจํานวนหน่วยกิตไม่น้อยกว่า ๓๐ หน่วยกิต และวชิ าโทตอ้ งมีจาํ นวนหนว่ ยกติ ไมน่ ้อยกวา่ ๑๕ หน่วยกติ ในกรณีที่จัดหลักสูตรแบบวิชาเอกคู่ต้องเพิ่ม จํานวนหน่วยกิตของวิชาเอกอีกไม่น้อยกว่า ๓๐ หน่วยกิต และให้มีจํานวนหน่วยกิตรวมไม่น้อยกว่า ๑๕๐ หน่วยกติ สําหรับหลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้า ผู้เรียนต้องเรียนวิชาระดับ บณั ฑติ ศึกษาในหมวดวชิ าเฉพาะไมน่ ้อยกว่า ๑๒ หน่วยกิต ๙.๓ หมวดวิชาเลือกเสรี หมายถึง วิชาที่มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ตามที่ ตนเองถนัดหรือสนใจ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกเรียนรายวิชาใด ๆ ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี โดยให้มจี าํ นวนหนว่ ยกติ รวมไม่น้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ สถาบันอุดมศึกษาอาจยกเว้นหรือเทียบโอนหน่วยกิตรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะ และหมวดวิชาเลือกเสรี ให้กับนักศึกษาท่ีมีความรู้ความสามารถ ท่ีสามารถวัดมาตรฐานได้ ทั้งนี้ นกั ศึกษาต้องศึกษาให้ครบตามจํานวนหน่วยกิตที่กําหนดไว้ในเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร และเป็นไป ตามหลักเกณฑ์การเทียบโอนผลการเรียนระดับปริญญาเข้าสู่การศึกษาในระบบ และแนวปฏิบัติท่ีดี เกยี่ วกบั การเทยี บโอน ของสาํ นักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา
93 เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๙๕ ง หน้า ๗ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา ๑๐. จํานวน คณุ วฒุ ิ และคณุ สมบตั ิของอาจารย์ ๑๐.๑ หลกั สตู รปรญิ ญาตรที างวิชาการประกอบดว้ ย ๑๐.๑.๑ อาจารย์ประจําหลักสูตร มีคุณวุฒิข้ันต่ําปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ และต้องมีผลงานทางวิชาการที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับ ปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดในการพิจารณาแต่งตั้ง ให้บุคคลดาํ รงตาํ แหนง่ ทางวชิ าการอย่างน้อย ๑ รายการ ในรอบ ๕ ปีย้อนหลงั ๑๐.๑.๒ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร มีคุณวุฒิและคุณสมบัติเช่นเดียวกับ อาจารยป์ ระจาํ หลักสูตร จาํ นวนอยา่ งน้อย ๕ คน กรณีที่หลักสูตรจัดให้มีวิชาเอกมากกว่า ๑ วิชาเอก ให้จัดอาจารย์ ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีคุณวุฒิและคุณสมบัติตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาที่เปิดสอนไม่น้อยกว่า วชิ าเอกละ ๓ คน กรณีที่มีความจําเป็นอย่างย่ิงสําหรับสาขาวิชาท่ีไม่สามารถสรรหาอาจารย์ ผู้รับผิดชอบหลักสูตรครบตามจํานวน ทางสถาบันอุดมศึกษาต้องเสนอจํานวนและคุณวุฒิของอาจารย์ ผู้รบั ผดิ ชอบหลกั สูตรท่มี ีนนั้ ให้คณะกรรมการการอุดมศกึ ษาพจิ ารณาเป็นรายกรณี ๑๐.๑.๓ อาจารย์ผู้สอน อาจเป็นอาจารย์ประจําหรืออาจารย์พิเศษท่ีมีคุณวุฒิ ขั้นต่ําปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน หรือในสาขาวชิ าของรายวิชาท่สี อน ในกรณีท่ีมีอาจารย์ประจําท่ีมีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และทําหน้าท่ีอาจารย์ผู้สอนก่อนที่เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะประกาศใช้ ให้สามารถทําหนา้ ทีอ่ าจารยผ์ ้สู อนตอ่ ไปได้ ในกรณีของอาจารย์พิเศษอาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโท แต่ท้ังนี้ต้องมีคุณวุฒิข้ันตํ่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานที่เก่ียวข้องกับวิชา ที่สอนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ ปี ทั้งนี้ อาจารย์พิเศษต้องมีชั่วโมงสอนไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของรายวิชา โดยมีอาจารย์ประจาํ เป็นผู้รับผดิ ชอบรายวิชานนั้ ๑๐.๒ หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ และหลักสูตรปริญญาตรี (ตอ่ เน่ือง) ประกอบดว้ ย ๑๐.๒.๑ อาจารย์ประจําหลักสูตร มีคุณวุฒิข้ันตํ่าปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ และต้องมีผลงานทางวิชาการท่ีไม่ใช่ส่วนหน่ึงของการศึกษาเพ่ือรับปริญญา และเป็นผลงานทางวิชาการท่ีได้รับการเผยแพร่ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการพิจารณาแต่งตั้งให้บุคคล ดาํ รงตําแหนง่ ทางวชิ าการอยา่ งนอ้ ย ๑ รายการ ในรอบ ๕ ปยี อ้ นหลงั สําหรับหลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ที่เน้นทักษะ ด้านวิชาชีพตามข้อกําหนดของมาตรฐานวิชาชีพ อาจารย์ประจําหลักสูตรต้องมีคุณสมบัติเป็นไป ตามมาตรฐานวิชาชีพนนั้ ๆ
94 เลม่ ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง หนา้ ๘ ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา กรณีร่วมผลิตหลักสูตรกับหน่วยงานอ่ืนท่ีไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา หากจําเป็น บคุ ลากรท่ีมาจากหน่วยงานน้ันอาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโทและผลงานทางวิชาการ แต่ต้องมีคุณวุฒิขั้นตํ่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานแห่งน้ัน มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ ๖ ปี ๑๐.๒.๒ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร มีคุณวุฒิและคุณสมบัติเช่นเดียวกับ อาจารย์ประจาํ หลักสูตร จาํ นวนอย่างนอ้ ย ๕ คน ในกรณีของหลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการท่ีเน้นทักษะ ด้านการปฏิบัติเชิงเทคนิคในศาสตร์สาขาวิชาน้ัน อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอย่างน้อย ๒ ใน ๕ คน ต้องมีประสบการณ์ในด้านปฏิบัติการ โดยอาจเป็นอาจารย์ประจําของสถาบันอุดมศึกษา หรือเป็น บุคลากรของหน่วยงานที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษาซ่ึงมีข้อตกลงในการผลิตบัณฑิตของหลักสูตรนั้นร่วมกัน แตท่ ั้งนตี้ ้องไมเ่ กนิ ๒ คน กรณีร่วมผลิตหลักสูตรกับหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา หากจําเปน็ บุคลากรท่ีมาจากหน่วยงานนั้นอาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโทและผลงานทางวิชาการ แต่ต้องมีคุณวุฒิขั้นต่ําปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานแห่งน้ัน มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า ๖ ปี กรณีท่ีหลักสูตรจัดให้มีวิชาเอกมากกว่า ๑ วิชาเอก ให้จัดอาจารย์ ผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีคุณวุฒิและคุณสมบัติตรงหรือสัมพันธ์กับสาขาวิชาที่เปิดสอนไม่น้อยกว่า วิชาเอกละ ๓ คน และหากเป็นปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการท่ีเน้นทักษะด้านการปฏิบัติ เชิงเทคนคิ ในศาสตรส์ าขาวชิ านน้ั ต้องมสี ัดสว่ นอาจารยท์ ม่ี ปี ระสบการณ์ในด้านปฏิบัติการ ๑ ใน ๓ กรณีท่ีมีความจําเป็นอย่างยิ่งสําหรับสาขาวิชาที่ไม่สามารถสรรหาอาจารย์ ผู้รับผิดชอบหลักสูตรครบตามจํานวน ทางสถาบันอุดมศึกษาต้องเสนอจํานวนและคุณวุฒิของอาจารย์ ผู้รับผดิ ชอบหลักสูตรท่ีมีนั้นใหค้ ณะกรรมการการอุดมศกึ ษาพิจารณาเปน็ รายกรณี ๑๐.๒.๓ อาจารย์ผู้สอน อาจเป็นอาจารย์ประจําหรืออาจารย์พิเศษที่มีคุณวุฒิขั้นต่ํา ปริญญาโทหรือเทียบเท่า หรือมีตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาน้ันหรือสาขาวิชาท่ีสัมพันธ์กัน หรอื ในสาขาวิชาของรายวิชาที่สอน ในกรณที มี่ อี าจารยป์ ระจาํ ท่มี คี ุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และทําหน้าที่ อาจารยผ์ ู้สอนกอ่ นทเ่ี กณฑ์มาตรฐานหลกั สตู รระดบั ปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะประกาศใช้ ให้สามารถ ทาํ หนา้ ทอี่ าจารย์ผูส้ อนต่อไปได้ สําหรับกรณีร่วมผลิตหลักสูตรกับหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา หากจาํ เปน็ บุคลากรท่ีมาจากหน่วยงานน้ันอาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโทและผลงานทางวิชาการ แต่ต้องมีคุณวุฒิขั้นต่ําปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานแห่งนั้น มาแลว้ ไม่น้อยกวา่ ๖ ปี
95 เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๒๙๕ ง หน้า ๙ ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ราชกิจจานุเบกษา ในกรณีของอาจารย์พิเศษอาจได้รับการยกเว้นคุณวุฒิปริญญาโท แต่ทั้งน้ีต้องมีคุณวุฒิข้ันต่ําปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีประสบการณ์การทํางานที่เก่ียวข้องกับวิชา ที่สอนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ ปี ท้ังนี้อาจารย์พิเศษต้องมีช่ัวโมงสอนไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของรายวิชา โดยมอี าจารยป์ ระจาํ เป็นผูร้ ับผิดชอบรายวิชานน้ั สําหรับหลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการที่เน้นทักษะ ด้านวิชาชีพตามข้อกําหนดของมาตรฐานวิชาชีพ อาจารย์ผู้สอนต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐาน วชิ าชพี นั้น ๆ ๑๑. คุณสมบัตขิ องผ้เู ขา้ ศกึ ษา ๑๑.๑ หลักสูตรปริญญาตรี (๔ ปี ๕ ปี และไม่น้อยกว่า ๖ ปี) จะต้องเป็นผู้สําเร็จ การศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายหรอื เทียบเทา่ ๑๑.๒ หลักสูตรปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) จะต้องเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูงหรือเทียบเท่า หรือระดับอนุปริญญา (๓ ปี) หรือเทียบเท่า ในสาขาวิชา ทต่ี รงกบั สาขาวิชาทีจ่ ะเขา้ ศึกษา ๑๑.๓ หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทั้งทางวิชาการ และทางวิชาชีพหรือปฏิบัติการ ต้องเปน็ ผสู้ ําเรจ็ การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า โดยมีคะแนนเฉล่ียสะสมไม่น้อยกว่า ๓.๕๐ จากระบบ ๔ ระดับคะแนนหรอื เทียบเทา่ และมผี ลการเรยี นในหลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้า ไม่น้อยกว่า ๓.๕๐ ทุกภาคการศึกษา อนึ่ง ในระหว่างการศึกษาในหลักสูตรแบบก้าวหน้า หากภาคการศึกษาใด ภาคการศึกษาหนึ่งมีผลการเรียนตํ่ากว่า ๓.๕๐ จากระบบ ๔ ระดับคะแนนหรือเทียบเท่า จะถือว่า ผู้เรยี นขาดคุณสมบัติในการศึกษาหลกั สตู รแบบกา้ วหน้า ๑๒. การลงทะเบียนเรียน ให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่น้อยกว่า ๙ หน่วยกิต และไม่เกิน ๒๒ หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ สําหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน ๙ หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติ สําหรับการลงทะเบียนเรียนไม่เต็มเวลา และจะสําเร็จ การศกึ ษาได้ ดังน้ี ๑๒.๑ หลักสูตรปริญญาตรี (๔ ปี) สําเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน ๖ ภาคการศึกษาปกติ สาํ หรบั การลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่ก่อน ๑๔ ภาคการศึกษาปกติ สําหรับการลงทะเบียนเรียน ไมเ่ ต็มเวลา ๑๒.๒ หลักสูตรปริญญาตรี (๕ ปี) สําเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน ๘ ภาคการศึกษาปกติ สาํ หรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่ก่อน ๑๗ ภาคการศึกษาปกติ สําหรับการลงทะเบียนเรียน ไม่เต็มเวลา ๑๒.๓ หลักสูตรปริญญาตรี (ไม่น้อยกว่า ๖ ปี) สําเร็จการศึกษาได้ไม่ก่อน ๑๐ ภาค การศึกษาปกติ สําหรับการลงทะเบียนเรียนเต็มเวลา และไม่ก่อน ๒๐ ภาคการศึกษาปกติ สําหรับ การลงทะเบยี นเรยี นไมเ่ ตม็ เวลา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158