ชุดการเรียนรู้ทางไกล คร้ังที่ /18 เรื่อง ªµ¤¦¼o¡ºo µ
°ÁÃ襸Á¦°º
nµ¥°n¸ วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชพี รหสั วชิ า 3001 -2001 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ ประเภทวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา พุทธศกั ราช 2557 ประทีป ผลจนั ทร์งาม เพื่อการจดั ทาเน้ือหาและพฒั นาส่ือการสอนอาชีพและวิชาชีพ สาหรับการศกึ ษาทางไกลหรอื เรยี นฝึกงานในสถานประกอบการด้วยตนเอง วิทยาลัยเทคนิคระยอง สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวันออก สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญ 1. รายละเอียดหลกั สูตรรายวิชา 1 2. ใบวเิ คราะห์หวั ขอ้ เรื่อง 6 3. แผนภมู ิปะการัง 8 4. โครงการจดั การเรียนรู้ 9 5. แผนการจดั การเรียนรู้ 6. เน้ือหา (ใบความรู้) 12 7. ส่ือประกอบการสอน 8. แบบทดสอบก่อนเรียน 19 9. แบบทดสอบหลงั เรียน 41 10. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 66 11. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 69 12. แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 72 13. แบบบนั ทึกหลงั การเรียนรู้ 74 76 78
1 1.รายละเอียดหลกั สูตรรายวชิ า
2 ช่ือวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพือ่ การจดั การอาชพี คาอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า300– แผ่นที่ 1 สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศ คาอธิบายรายวชิ า ( เดมิ ) 1. รหัสและช่ือวชิ า 3000–0203. วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเบอื้ งต้น 2. ระดบั รายวชิ า ระดบั ช้นั ปวส. ปี ท่ี 1 3. เวลาศึกษา 72 ชว่ั โมงตลอด 18 สัปดาห์ ทฤษฎี 2 ชว่ั โมง ปฏิบตั ิ 2 ชว่ั โมงต่อสปั ดาห์ 4. จานวนหน่วยกติ 3 หน่วยกิต 5. จุดประสงค์รายวชิ า 1. เเขา้ ใจเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์และสารสนเทศรจดั การสารสนเทศ 2. สามารถสบื ค้น จัดเก็บ คน้ คนื สง่ ผ่าน จดั ดำเนนิ การข้อมูลสารสนเทศ นำเสนอและสือ่ สารข้อมูล ส 3. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี 6. สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั หลักการและกระบวนการสบื ค้น จัดดำเนนิ การและสอ่ื สารขอ้ มลู ฯ 2. ใชค้ อมพวิ เตอรในการสืบค้นและสอื่ สารขอ้ มลู สารสนเทศผา่ นระบบ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 3. จัดเก็บ ค้นคนื สง่ ผ่านและจดั ดำเนินการขอ้ มูลสารสนเทศตามลักษณะงานอาชพี 4. นำเสนอและสื่อสารขอ้ มลู สารสนเทศในงานอาชพี โดยประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู 7. คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัติเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณโ์ ทรคมนาคม ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ และ สารสนเทศ การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การจดั เก็บ คน้ คืน ส่งผ่านและจัดดำเนนิ การขอ้ มูล สารสนเทศ การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู ในการนำเสนอและสอ่ื สารข้อมลู สารสนเทศ ตามลกั ษณะงานอาชพี
3 ชื่อวชิ า.ทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การจดั การอาชีพ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า3001–2001 แผ่นท่ี 2 สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ คาอธิบายรายวชิ า ( เดมิ ) ศกึ ษาและปฏิบัตเิ กย่ี วกบั คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์โทรคมนาคม ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ และ สารสนเทศ การสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การจัดเก็บ คน้ คนื ส่งผ่านและจัดดำเนินการขอ้ มลู สารสนเทศ การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รูปในการนำเสนอและสื่อสารข้อมลู สารสนเทศ ขอ้ มลู สารสนเทศเพ่ือพฒั นางานอาชีพดว้ ยคอมพวิ เตอร์ คาอธิบายรายวชิ า ( ปรับปรุง ) ศึกษาเกยี่ วกบั พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร ขอ้ มลู และการจดั การฐานขอ้ มลู การส่ือสารขอ้ มลู เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ ระบบปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือขา่ ย เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต การสืบคน้ ขอ้ มูล ตามลักษณะงานอาชีพ ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกบั งานทดสอบโปรแกรมการจดั การฐานขอ้ มูล MS-ACCESS งานประกอบ ไมโครคอมพวิ เตอร์PC งานทดสอบโปรแกรม MS-Word งานทดสอบโปรแกรม MS-Power Point งานทดสอบโปรแกรม MS-Excel งานติดต้งั และทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Linux งานติดต้งั และ ทดสอบระบบปฏิบตั ิการ Windows XP งานทดสอบระบบเครือขายวนิ โดว์ งานทดสอบสาย UTP งาน ทดสอบสอบ Switching HUB งานทดสอบระบบเครือขายอินเทอร์เน็ต งานทดสอบ IP Address งาน ทดสอบการใชง้ าน Browser งานทดสอบการใช้ e-Mail งานทดสอบการสืบคน้ มูลผา่ นเครือข่าย อินเทอร์เน็ต
4 2. ใบวิเคราะห์หวั ขอ้ เร่ือง
5 ชื่อวชิ า.เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพี ใบวเิ คราะห์หัวข้อเรื่อง รหัสวชิ า300– สาขาวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ แผ่นท่ี 1 แหล่งข้อมูล หวั ข้อเรื่อง ( Topic ) ABCDE 1. พ้ืนฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 2. ขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มลู /// / 3. การส่ือสารขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ / //// 5. เทคโนโลยซี อฟตแ์ วร์ 6. ระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ / //// 7. ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อินเตอร์เน็ต / //// 9. การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศเพอ่ื พฒั นางานอาชีพดว้ ยเครือข่าย อินเตอร์เน็ต / //// / //// / //// / //// / //// หมายเหตุ A : คาอธิบายรายวชิ า B : ประสบการณ์ของผู้สอน C : ผู้เช่ียวชาญ D : ผู้ชานาญงาน E : เอกสาร / ตารา
6 3. แผนภมู ิปะการงั
9.1 การสบคนขอมลสารสนเทศบนอนเทอร์เน็ต 1.1 เทคโนโลยสารสนเทศ 2.1 ขอมลและสารสนเทศ 9.2 เทคนคการสบคนขอมล 1.2 วฒนาการเทคโนโลยสารสนเทศและการสอสาร 2.2 ฐานขอมลและการจดการฐานขอมล 9.3 เวบ็ ไซต์ทเกยวของเพอประโยชน์ในการศกษา 9. การสบคนขอมลสารสนเทศเพอพฒนา 1. พนฐานเทคโนโลย 2. ขอมลและการจดการ 3.1 รปแบบของการสอสารขอมล งานอาชพดวยเครอขายอนเตอรเ์ น็ต สารสนเทศและการสอสาร ฐานขอมล 3.2 ชนดของสญญาณ อเล็กทรอนกส์ 3.3 รหสทใชแทนขอมลในการสอสาร 8. เทคโนโลยสารสนเทศกบ วชา เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชพีี 3. การสอสารขอมล 3.4 ระบบการสอสารอเลก็ ทรอนกส์ อนเตอร์เนต็ รหสั 3001–2001สาขาวิชาเทคโนโลยสารสนเทศ 3.5 ทศทางของการสอสารขอมล 3.6 สอและอปกรณร์ บสงขอมล 8.1 เครอขายอนเตอรเ์ นต็ 7. ความรพนฐานของ 4. เทคโนโลยคอมพวเตอร์ 4.1 คอมพวเตอรแ์ ละฮารด์ แวร์ 8.2 การบรการเครอขายอนเตอร์เน็ต เทคโนโลยเครอขาย 5. เทคโนโลยซอฟต์แวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพนฐานของเครอง คอมพวเตอร์ 8.3 โพรโตคอล TCP/IP 6. ระบบปฏบตการ (Transmission Control คอมพวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพวเตอร์ Protocol/Internet Protocol) 4.4 เทคโนโลยคอมพวเตอรส์ วนบคคล 4.5 แนะนาการเลอกซออปกรณ์คอมพวเตอร์ 8.5 การเชอมตอเขากบอนเตอรเ์ นต็ 4.6 คอมพวเตอรก์ บเครอขาย 8.6 การใชงานและบรการตางๆ บนเครอขาย อนเตอรเ์ นต็ Control (MAC) Method) 7.1 เปาหมายของเครอขายคอมพวเตอร์ 5.1 ซอฟตแ์ วรค์ อมพวเตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครอขายคอมพวเตอร์ 8.7 การประยกตใ์ ชอนเตอรเ์ นต็ 5.2 ภาษาคอมพวเตอร์ 8.8 เครอขายอนทราเน็ต 7.3 ระบบเครอขายLAN (Local Area Network) 5.3 แนวทางการพฒนาซอฟตแ์ วร์ 7.4 สอทใชในการสงขอมล 6.1 ระบบปฏบตการ 6.2 ระบบปฏบตการ UNIX และ Linux 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.5 อปกรณ์ทใชในการเชอมตอบนระบบเครอขาย 6.3 ระบบปฏบตการวนโดว์ (ตอนท่ 1 การใชงานโปรแกรม MS Word) 7.6 วธควบคมการเขาใชงานสอกลาง (Media Access Control 6.4 ระบบปฏบต Windows mobile 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ (ตอนท่ 2 การใชงานโปรแกรม MS Power Point ) (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครอขายแบบ LAN ชนดตางๆ 5.4 ซอฟตแ์ วรป์ ระยกต์ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครอขาย (Network Protocol) (ตอนท่ 3 การใชงานโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS Excel ) 7
8 4. โครงการจดั การเรียนรู้
9 โครงการสอนทางไกล วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจดั การอาชีพ รหสั วชิ า 3001–2001 สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ หลกั สูตรระดับ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) ตามหลกั สูตร สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พทุ ธศกั ราช 2557 สอนคร้ังที่ หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ 1 เรียนท่ี 2 1. พนื้ ฐานเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 3 1 1.1 เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2 1.2 วฒั นาการเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 4 3 5 2. ข้อมูลและการจัดการฐานข้อมูล 3 2.1 ขอ้ มลู และสารสนเทศ 6 4 2.2 ฐานขอ้ มูลและการจดั การฐานขอ้ มูล 7 4 3. การสื่อสารข้อมูล 5 3.1 รูปแบบของการสื่อสารขอ้ มูล 3.2 ชนิดของสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์ 3.3 รหสั ท่ีใชแ้ ทนขอ้ มลู ในการสื่อสาร 3.4 ระบบการส่ือสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 3.5 ทิศทางของการส่ือสารขอ้ มลู 3.6 ส่ือและอุปกรณ์รับส่งขอ้ มลู 4. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ 4.1 คอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ 4.2 องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4.3 ประเภทของคอมพิวเตอร์ 4.4 เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 4.5 แนะนาการเลือกซ้ืออุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ 4.6 คอมพวิ เตอร์กบั เครือขา่ ย 5. เทคโนโลยซี อฟต์แวร์ 5.1 ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์
10 สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน หมายเหตุ เรียนที่ 8 5.2 ภาษาคอมพวิ เตอร์ 9 5 5.3 แนวทางการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ 10 5 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 11 5 (ตอนที่ 1 การใชง้ านโปรแกรม MS Word) 12 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 13 (ตอนท่ี 2 การใชง้ านโปรแกรม MS Power Point ) 14 6 5.4 ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 6 (ตอนท่ี 3 การใชง้ านโปรแกรมไมโครซอฟท์ MS 15 7 Excel ) 6. ระบบปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ 16 7 6.1 ระบบปฏิบตั ิการ 6.2 ระบบปฏิบตั ิการ UNIX และ Linux 8 6.3 ระบบปฏิบตั ิการวนิ โดว์ 6.4 ระบบปฏิบตั ิ Windows mobile 7. ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 7.1 เป้ าหมายของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.3 ระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network) 7.4 สื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มูล 7.5 อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเช่ือมตอ่ บนระบบเครือขา่ ย 7.6 วธิ ีควบคุมการเขา้ ใชง้ านสื่อกลาง (Media Access Control (MAC) Method) 7.7 มาตรฐานระบบเครือข่ายแบบ LAN ชนิดตา่ งๆ 7.8 โปรโตคอลของระบบเครือข่าย (Network Protocol) 8. เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั อนิ เตอร์เน็ต 8.1 เครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต 8.2 การบริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 8.3 โพรโตคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
สอนคร้ังท่ี หน่วยการ รายการสอน 11 เรียนที่ 8.4 ระบบชื่อโดเมน (Domain Name System) หมายเหตุ 17 8 8.5 การเช่ือมต่อเขา้ กบั อินเตอร์เน็ต 8.6 การใชง้ านและบริการตา่ งๆ บนเครือข่าย อินเตอร์เน็ตControl (MAC) Method) 8.7 การประยกุ ตใ์ ชอ้ ินเตอร์เน็ต 8.8 เครือขา่ ยอินทราเน็ต 18 9 9. การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศเพอื่ พฒั นางานอาชีพด้วย เครือข่ายอินเตอร์เน็ต 9.1 การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต 9.2 เทคนิคการสืบคน้ ขอ้ มูล 9.3 เวบ็ ไซตท์ ี่เกี่ยวขอ้ งเพอ่ื ประโยชน์ในการศึกษา
12 5. แผนการจดั การเรียนรู้
13 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศพ่อื การจดั การอาชพี หน่วยท่ี 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือขา่ ย ช่ือเรื่อง ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนที่ 1 จานวน 2 ชั่วโมง 1.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายเป้ าหมายของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. จาแนประเภทระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. อธบิ ายระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network)ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 4. อธบิ ายสื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มลู แต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. หวั ข้อสาระการเรียนรู้ 1. เป้ าหมายของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2. ประเภทระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 3. ระบบเครือขา่ ยLAN (Local Area Network) 4. สื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มูล 3. สาระสาคญั การเรียนรู้ ในปจั จบุ นั มกี ารนาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาใชง้ านในหน่วยงานประเภทต่างๆ มากมาย ซง่ึ มี ผลทาใหก้ ารทางานในองค์กรหรอื หน่วยงาน สามารถทางานไดอ้ ย่างเป็นระบบ และสามารถ พฒั นาการทางานไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง ซง่ึ การนาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาใชใ้ นองคก์ ร หรอื หน่วยงานกเ็ รมิ่ มกี ารพฒั นาขน้ึ แทนทจ่ี ะใชใ้ นลกั ษณะหน่งึ เครอ่ื งต่อหน่งึ คน กใ็ หม้ กี ารนาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และ อุปกรณ์ต่างๆ มาเช่อื มต่อกนั เป็นระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ กค็ อื ระบบการเช่อื มโยงระหว่าคอมพวิ เตอรต์ งั้ แต่สองตวั ขน้ึ ไปเพอ่ื ใหส้ ามารถทาการส่อื สารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ทางอเิ ลก็ ทรอนิกสร์ ะหว่างกนั ได้
14 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศพอ่ื การจดั การอาชีพ หน่วยที่ 7 ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. เครือขา่ ย 4. เนือ้ หาสาระ บทท่ี 7 ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย 7.1 เป้ าหมายของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 7.2 ประเภทระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 7.3 ระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network) 7.4 สื่อที่ใชใ้ นการส่งขอ้ มลู จากเอกสารประกอบการเรียนรู้ของ ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบือ้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้.อดั สาเนา. เอกสารการพมิ พว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นคา่ ย. 2555. 5. กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรียน ข้นั เตรียม ข้นั เตรียม 1. จดั เตรียมสื่อที่ใชป้ ระกอบการเรียนรู้ให้ 1. เตรียมตวั และเอกสาร หรือวสั ดุ เคร่ืองมือท่ี พร้อม สาหรับการเรียนการสอน ( ตามรายการ จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการเรียนรู้ ในหวั ขอ้ ท่ี สื่อการเรียนรู้ เลือกส่ือการเรียนรู้ได้ 2. ใหค้ วามร่วมมือกบั ครูในการตรวจสอบรายชื่อ ตามความเหมาะสม ) เขา้ เรียน 2. ตรวจสอบรายช่ือนกั เรียนที่เขา้ เรียน 3. ถา้ เรียนรู้ผา่ นระบบ e-Learning ใหเ้ ขา้ สู่ระบบ เพอื่ เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) ข้นั สนใจปัญหา (Motivation) 1. ใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน โดย 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ใชเ้ วลา 30 นาที และครูตรวจคาตอบหลงั จาก 2. ร่วมสนทนาและแสดงความคิดเห็น เสร็จสิ้นการทดสอบ เพื่อแจง้ ผลการทดสอบให้ นกั เรียนทราบหลงั เรียนจบบทเรียน 2. ใชส้ ่ือช่วยสอน นาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยภาพ แบบจาลอง ของตวั อยา่ ง หรือสิ่งท่ีจะช่วยดึงดูด ความสนใจ หรือคาถาม
15 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจัดการอาชพี หน่วยท่ี 7 ช่ือหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือขา่ ย หมายเหตุ หากเรียนรู้จากส่ือวดี ีทศั น์ ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรือผา่ นอินเทอร์เน็ต ตอ้ งทาการทดสอบก่อนเรียนใหแ้ ลว้ เสร็จก่อน การเรียนรู้ จากส่ือฯ ท่ีทาการออกอากาศ ข้ันศึกษาข้อมูล (Information) (60 นาท)ี ข้ันศึกษาข้อมูล (Information) 1. ใหผ้ เู้ รียนเริ่มเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึก 1. ผเู้ รียนเร่ิมเรียนรู้เน้ือหา หรือฝึกปฏิบตั ิงาน ปฏิบตั ิงาน จากการฉายวดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ จากการฉายวดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ DVD หรือ ส่ือวีดี DVD หรือ สื่อวดี ีทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม ทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม หรืออินเทอร์เน็ต หรืออินเทอร์เน็ต หรือแบบออฟไลน์ หรือแบบออฟไลน์ 2. ใหผ้ เู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสัย จาก 2. ผเู้ รียนไดส้ อบถามหรือขอ้ สงสยั จากการ การเรียนรู้เน้ือหา เรียนรู้เน้ือหา ข้นั พยายาม (Application) (30 นาท)ี ข้นั พยายาม (Application) 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้น ใหผ้ เู้ รียน 1. หลงั การเรียนรู้เน้ือหาเสร็จสิ้นผเู้ รียนทา ทาแบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ แบบทดสอบหลงั เรียนหรือแบบฝึกปฏิบตั ิ 2. หรือใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบบน 2. หรือทาแบบทดสอบบนออนไลน์ และ ออนไลน์ และสามารถตรวจคาตอบไดท้ นั ที สามารถตรวจคาตอบทนั ที ข้นั สาเร็จผล (Progress) ข้นั สาเร็จผล (Progress) 1. ประเมินผลการปฏิบตั ิงานหรือ 1. รับผลการทดสอบ แบบทดสอบของผเู้ รียนหลงั ข้นั พยายามโดย 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคญั เทียบกบั วตั ถุประสงคก์ ารเรียนที่ต้งั ไว้ 3. นกั เรียนสอบถามขอ้ สงสยั 2. ผสู้ อนแจง้ ผลคะแนนการปฏิบตั ิงานหรือ 4. ฟังและปฏิบตั ิตามที่ครูแนะนา การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนใหผ้ เู้ รียน 5. ผเู้ รียนท่ีมีคะแนนทดสอบหลงั การเรียนท่ีไม่ ทราบ เพอ่ื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ผา่ นเกณฑ์ข้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตามเกณฑ์ ของตน การประเมินผล และคาแนะนาของครูผสู้ อน 3. ผสู้ อนแจง้ ใหผ้ เู้ รียนท่ีมีคะแนนหลงั เรียน ที่ไม่ผา่ นเกณฑข์ ้นั ต่า ปฏิบตั ิตามขอ้ แนะนาตาม เกณฑก์ ารประเมินผล
16 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังที่ 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศพอื่ การจดั การอาชีพ หน่วยท่ี 7 ช่ือหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย 4. ผสู้ อนสรุปสาระสาคญั และตอบขอ้ สงสัย พร้อมแนะนาสิ่งที่เกี่ยวขอ้ งในการเรียนรู้คร้ังน้ี และแนะนาการเรียนรู้ในคร้ังต่อไป 6. สื่อการเรียนการสอน สื่อการเรียนรู้ ใหค้ รูผสู้ อนและผเู้ รียนเลือกใชส้ ื่อประกอบการเรียนการสอนตามสภาพความ พร้อมของของตนเอง ดงั น้ี 6.1 สื่อโสตทศั น์ 1) วดี ีทศั นใ์ นรูปแบบ DVD เร่ือง ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนท่ี 1 สาหรับ ผเู้ รียน ท่ีเรียนรู้จากการฉายวดี ีทศั น์ 2) วดี ีทศั น์ทางไกลผา่ นดาวเทียม วงั ไกลกงั วล ตามตารางการออกอากาศ เรื่อง ความรู้ พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย ตอนที่ 1 สาหรับผเู้ รียนที่เรียนรู้ทางไกลผา่ นดาวเทียม 6.2 โสตทศั น์อปุ กรณ์ 1) เครื่องเล่น DVD พร้อม TV ที่มีช่องรับสญั ญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียน ท่ีเรียนรู้ จากการฉายวดี ีทศั น์ 2) เคร่ืองรับสัญญาณดาวเทียม ที่รับสัญญาณจากมลู นิธิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม วงั ไกลกงั วล พร้อม TV ที่มีช่องรับสญั ญาณ AV (AV IN) สาหรับผเู้ รียนที่เรียนรู้ทางไกลผา่ น ดาวเทียม 6.3 ส่ือส่ิงพมิ พ์ 1) สาเนาส่ือโปรแกรมนาเสนอ PowerPoint เร่ือง ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยีเครือข่าย ตอนท่ี 1 2) เอกสารประกอบการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ แบบทดสอบฯลฯ 6.4 ส่ือออนไลน์ 1) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเขา้ เวบ็ ไซต์ url: http://edltv.vec.go.th 2) เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมติดต้งั ระบบ edltv เพือ่ พฒั นาอาชีพ แบบออฟไลน์ สามารถเขา้ ใช้ งานและเรียนรู้ไดโ้ ดยตรง
17 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศพอื่ การจดั การอาชีพ หน่วยท่ี 7 ช่ือหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. เครือข่าย 7. การวดั ผลและประเมนิ ผล 7.1 ก่อนเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบก่อนเรียนรู้ เครื่องมือวดั - แบบทดสอบก่อนเรียนรู้ 7.2 ระหว่างเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล - ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล เคร่ืองมือวดั - แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล 7.3 หลงั เรียน วธิ ีการวดั ผล - ทดสอบหลงั เรียนรู้ เคร่ืองมือวดั - แบบทดสอบหลงั เรียนรู้ 8. เกณฑ์การประเมินผล 8.1 เกณฑ์การวดั ผลสัมฤทธ์จิ ากแบบทดสอบและใบมอบงานมเี กณฑ์ดังนี้ ร้อยละ 80-100 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดีมาก ร้อยละ 70-79 หมายถึง ผลการเรียนรู้ดี ร้อยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรียนรู้ปานกลาง ร้อยละ 50-59 หมายถึง ผลการเรียนรู้ผา่ นเกณฑผ์ า่ น ข้นั ต่า ต่ากวา่ ร้อยละ 50 หมายถึง (ควรปรับปรุงดว้ ยการศึกษาทบทวน) ผลการเรียนไม่ผา่ นเกณฑ(์ ตอ้ งปรับปรุงและ เรียนซ่อมเสริมควรทดสอบการประเมินจนกวา่ จะผ่านข้นั ตา่ ) 8.2เกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล 8-10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5-7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมที่ตอ้ งปรับปรุง
18 แผนการจดั การเรียนรู้ คร้ังท่ี 13 วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศพื่อการจัดการอาชพี หน่วยท่ี 7 ช่ัวโมงรวม 2 ช.ม. ชื่อหน่วย ความรู้พ้ืนฐานของเทคโนโลยี เครือขา่ ย 8.3 เกณฑ์การตัดสิน 2 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิสม่าเสมอ 1 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปฏิบตั ิบางคร้ัง 0 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ไม่ปฏิบตั ิ 8.4 เกณฑ์การประเมนิ 8 - 10 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมดี 5 - 7 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมพอใช้ ต่ากวา่ 5 คะแนน หมายถึง มีพฤติกรรมท่ีตอ้ งปรับปรุง 9. แหล่งการเรียนรู้เพม่ิ เติม - ประทีป ผลจนั ทร์งาม. วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเบือ้ งต้น .เอกสารประกอบการเรียนรู้. อดั สาเนา. เอกสารการพิมพว์ ทิ ยาลยั เทคนิคบา้ นค่าย. 2555. - สืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มูลอื่นๆ ผา่ นเครือขายอินเทอร์เน็ต
19 6. เนือ้ หา (ใบความรู้)
20 บทเรียนที่ 7 เร่ือง ความรพู้ ืน้ ฐานของเทคโนโลยีเครอื ข่าย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเป้าหมายของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. จาแนกประเภทของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. อธบิ ายเครอื ขา่ ยระบบ LAN ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 4. อธบิ ายประเภทของส่อื กลางการส่อื สารขอ้ มลู แต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. อธบิ ายการนาอุปกรณ์ในระบบเครอื ขา่ ยไปใชง้ านใหถ้ กู ตามหน้าทไ่ี ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 6. อธบิ ายวธิ กี ารควบคุมการเขา้ ใชส้ อ่ื กางไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 7. อธบิ ายมาตรฐานต่าง ๆ ของระบบ LAN ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 8. อธบิ ายโปรโตคอลแต่ละประเภทไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง หวั ข้อเนื้อหา 1. บทนา 2. เป้าหมายของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 3. ประเภทระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 4. ระบบเครอื ขา่ ยLAN (Local Area Network) 5. ส่อื ทใ่ี ชใ้ นการสง่ ขอ้ มลู 6. อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการเชอ่ื มต่อบนระบบเครอื ขา่ ย 7. วธิ คี วบคมุ การเขา้ ใชง้ านส่อื กลาง (Media Access Control (MAC) Method) 8. มาตรฐานระบบเครอื ขา่ ยแบบ LAN ชนดิ ต่างๆ 9. โปรโตคอลของระบบเครอื ขา่ ย (Network Protocol) 10. สรปุ
21 บทเรยี นท่ี 7 ความรพู้ ืน้ ฐานของเทคโนโลยีเครอื ข่าย 7.1 บทนา ในปจั จบุ นั มกี ารนาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาใชง้ านในหน่วยงานประเภทต่างๆ มากมาย ซง่ึ มผี ล ทาใหก้ ารทางานในองคก์ รหรอื หน่วยงาน สามารถทางานไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ และสามารถพฒั นาการ ทางานไดอ้ ย่างต่อเน่อื ง ซง่ึ การนาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาใชใ้ นองคก์ ร หรอื หน่วยงานกเ็ รม่ิ มกี าร พฒั นาขน้ึ แทนทจ่ี ะใชใ้ นลกั ษณะหน่งึ เครอ่ื งต่อหน่งึ คน กใ็ หม้ กี ารนาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และ อุปกรณ์ต่างๆ มาเชอ่ื มต่อกนั เป็นระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กค็ อื ระบบการเช่อื มโยงระหว่าคอมพวิ เตอรต์ งั้ แต่สองตวั ขน้ึ ไปเพ่อื ใหส้ ามารถทาการส่อื สารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สร์ ะหวา่ งกนั ได้ 7.2 เป้ าหมายของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 1. มกี ารใชท้ รพั ยากรทางฮารด์ แวร์ และซอฟตแ์ วรร์ ว่ มกนั เน่อื งจากอุปกรณ์ทาง คอมพวิ เตอรแ์ ต่ละชนิดราคาค่อนขา้ งสงู เพอ่ื ใหใ้ ชท้ รพั ยากรเหล่านนั้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ มกี าร นาเอาอุปกรณ์เหลา่ นนั้ มาใชร้ ว่ มกนั เป็นสว่ นกลาง เช่น เครอ่ื งพมิ พ,์ พลอตเตอร,์ ฮารด์ ดสิ ก์ และ โปรแกรมต่าง ๆ เป็นตน้ 2. สามารถใชข้ อ้ มลู รว่ มกนั ได้ สาหรบั ทกุ คนทอ่ี ยใู่ นระบบเครอื ขา่ ย โดยไมต่ อ้ งสนใจวา่ ขอ้ มลู เหลา่ น้ีจะเกบ็ อยทู่ ใ่ี ด เชน่ ผใู้ ชค้ นหน่งึ อาจจะอยหู่ ่างจากสถานทท่ี เ่ี กบ็ ขอ้ มลู ถงึ 1000 กโิ ลเมตร แต่เขากส็ ามารถใชข้ อ้ มลู น้ไี ดเ้ หมอื นกบั ขอ้ มลู เกบ็ อยทู่ เ่ี ดยี วกบั ทๆ่ี เขาทางานอยู่ และยงั สามารถกาหนดระดบั การใชข้ อ้ มลู ของผูใ้ ชแ้ ต่ละคนได้ ซง่ึ จะเป็นการรกั ษาความปลอดภยั สาหรบั ขอ้ มลู ซง่ึ อาจเป็นความลบั 3. การตดิ ต่อระหวา่ งผใู้ ชแ้ ต่ละคนมคี วามสะดวกสบายขน้ึ หากผใู้ ชอ้ ยหู่ า่ งกนั มาก การ ตดิ ต่ออาจไมส่ ะดวก ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มบี ทบาทในการเป็นตวั กลางในการตดิ ต่อระหว่าง ผใู้ ชแ้ ต่ละคน ซง่ึ อาจจะเป็นการตดิ ต่อในลกั ษณะทผ่ี ใู้ ชท้ ต่ี อ้ งตดิ ต่อดว้ ยไมอ่ ยู่ กอ็ าจฝากขอ้ ความ เอาไวใ้ นระบบ เมอ่ื ผใู้ ชค้ นนนั้ เขา้ มาใชร้ ะบบกจ็ ะมกี ารแจง้ ขา่ วสารนัน้ ทนั ที
22 7.3 ประเภทระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแบง่ ไดต้ ามลกั ษณะต่างๆ ดงั น้ี ตามขนาดตามภมู ศิ าสตร์ แบ่งเป็นระบบ LAN ,ระบบ MAN และ ระบบ WAN ตามลกั ษณะการเชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ย: แบ่งเป็น เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ต (Intranet) เครอื ขา่ ยอนิ ทราเน็ต (Intranet) และ เอก็ ทราเน็ต (Extranet) ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอรท์ แ่ี บง่ ตามขนาดทางภมู ศิ าสตรแ์ บง่ ออกได้ 3 ประเภทคอื 1. ระบบเครือข่ายระยะใกล้ (LAN : Local Area Network) เป็นเครอื ขา่ ยซง่ึ อุปกรณ์ ทงั้ หมดเช่อื มโยงกนั อยใู่ นพน้ื ทใ่ี กลๆ้ กนั เช่น อยภู่ ายในแผนกเดยี วกนั อยภู่ ายในสานกั งาน หรอื อยภู่ ายในตกึ เดยี วกนั ภาพท่ี 7.1 แสดงการระบบเครอื ขา่ ยแบบ LAN 2. ระบบเครือข่ายบริเวณเมอื งใหญ่ (MAN : Metropolitan Area Network) เป็นระบบ ทเ่ี ชอ่ื มโยงคอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ อาจตงั้ อยหู่ ่างไกลกนั ในชว่ ง 5 ถงึ 50 กโิ ลเมตร ผใู้ ชร้ ะบบเครอื ขา่ ยแบบ น้มี กั จะเป็นบรษิ ทั ขนาดใหญ่ทจ่ี าเป็นจะตอ้ งตดิ ต่อสอ่ื สารขอ้ มลู ผา่ นระบบคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย ความเรว็ สงู มาก โดยทก่ี ารส่อื สารนนั้ จากดั อยภู่ ายในบรเิ วณเมอื ง
23 3 . ระบบเครือข่ายระยะไกล (WAN : Wide Area Network) เป็นเครอื ขา่ ยท่ี ประกอบดว้ ย เครอื ขา่ ย LAN ตงั้ แต่ 2 วงขน้ึ ไปเช่อื มต่อกนั ในระยะทางทไ่ี กลมาก เชน่ ระหวา่ งเมอื ง หรอื ระหว่าง ประเทศ ภาพท่ี 7.2 แสดงการเช่อื มต่อระบบ WAN 3. ระบบเครอื ข่ายบริเวณเมืองใหญ่ (MAN : Metropolitan Area Network) เป็น ระบบทเ่ี ช่อื มโยงคอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ อาจตงั้ อยหู่ ่างไกลกนั ในช่วง 5 ถงึ 50 กโิ ลเมตร ผใู้ ชร้ ะบบ
24 เครอื ขา่ ยแบบน้ีมกั จะเป็นบรษิ ทั ขนาดใหญ่ทจ่ี าเป็นจะตอ้ งตดิ ต่อสอ่ื สารขอ้ มลู ผ่านระบบ คอมพวิ เตอรด์ ว้ ยความเรว็ สงู มาก โดยทก่ี ารสอ่ื สารนนั้ จากดั อยภู่ ายในบรเิ วณเมอื ง 7.4 ระบบเครือข่ายLAN (Local Area Network) ระบบเครอื ขา่ ยแบบ LAN หรอื ระบบเครอื ขา่ ยเฉพาะบรเิ วณ โดยปกตแิ ลว้ จะเป็นระบบ เครอื ขา่ ยส่วนตวั (Private Network) นนั่ คอื องคก์ รทต่ี อ้ งการใชง้ านเครอื ข่าย ทาการสรา้ งเครอื ข่าย คอมพวิ เตอรท์ เ่ี ช่อื มต่อกนั เป็นระบบเครอื ข่ายในระยะใกลๆ้ ซง่ึ จะช่วยใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่องคก์ ร และธุรกจิ ต่างๆ มากมาย เช่น สามารถแบง่ เบาการประมวลผลไปยงั เครอ่ื งต่างๆ เฉลย่ี กนั ไป สามารถแบ่งกนั ใชง้ านอุปกรณ์ต่างๆ เชน่ เครอ่ื งพมิ พ์ ซดี รี อมไดรฟ์ เครอ่ื ง คอมพวิ เตอรท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู เป็นตน้ สามารถแบ่งกนั ใชง้ านซอฟตแ์ วรแ์ ละขอ้ มลู หรอื สารสนเทศต่างๆ รวมทงั้ ทาใหส้ ามารถ จดั เกบ็ ขอ้ มลู เหล่านนั้ ไวเ้ พยี งทเ่ี ดยี ว สามารถวางแผนหรอื ทางานรว่ มกนั เป็นกล่มุ ได้ แมจ้ ะไม่ไดอ้ ยใู่ กลก้ นั กต็ าม สามารถใชใ้ นการตดิ ต่อกนั เชน่ สง่ จดหมายทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื การสง่ เสยี งหรอื ภาพทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เป็นตน้ ชว่ ยลดค่าใชจ้ า่ ยโดยรวมขององคก์ ร ส่วนประกอบพน้ื ฐานของระบบ LAN ทม่ี คี วามสาคญั และความจาเป็นเพ่อื ใหก้ ารใชง้ านมี ความสมบรู ณ์และมปี ระสทิ ธภิ าพจะตอ้ งมสี ่วนประกอบดงั น้ี Network Operating System (NOS) ระบบปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ย (Network Operating System) มหี น้าทใ่ี นการควบคมุ การทางานของเครอื ขา่ ย เช่นเดยี วกบั การทร่ี ะบบปฏบิ ตั กิ าร (Operating System) ควบคุมการทางานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรน์ นั่ เอง ซง่ึ ในเครอื ขา่ ยแบบ Peer- to-Peer เช่น Windows for Workgroups จะมรี ะบบปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ยอยใู่ นเครอ่ื งทกุ เครอ่ื งของ เครอื ขา่ ย ในขณะทใ่ี นเครอื ขา่ ยแบบ Server-based เช่น Netware หรอื Windows NT นนั้ ระบบปฏบิ ตั กิ ารเครอื ขา่ ยจะอยทู่ เ่ี ครอ่ื ง Server ในขณะท่ี workstation จะใชซ้ อฟต์แวรข์ นาดเลก็ อกี ตวั ในการตดิ ต่อรบั -ส่งขอ้ มลู กบั Server
25 เครือ่ งบริการและสถานีงาน (Server and Workstation) กค็ อื เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ่ี ประกอบกนั เป็นเครอื ขา่ ยนนั่ เอง โดยเครอ่ื งบรกิ าร (Server) จะเป็นเครอ่ื งหลกั ทม่ี หี น้าทใ่ี หบ้ รกิ าร ต่างๆ แก่สถานีงาน (Workstation) หรอื โหนด (Node) ซง่ึ บรกิ ารหลกั ๆ กค็ อื บรกิ ารแฟ้มขอ้ มลู (File Server) บรกิ ารเครอ่ื งพมิ พ์ (Print Server) บรกิ าร FAX (FAX Server) บรกิ ารฐานขอ้ มลู (Database Server) เป็นตน้ สว่ น Workstation นนั้ กค็ อื เครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ผ่ี ใู้ ชใ้ ชใ้ นการตดิ ต่อเขา้ เครอื ขา่ ยนนั่ เอง แผงวงจรเช่ือมต่อเครอื ข่าย (Network Interface Card-NIC) จะเป็นอุปกรณ์ทเ่ี ป็น แผนวงจรสาหรบั เสยี บเขา้ ช่องต่อขยาย (expansion bus) ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใหส้ ามารถ ต่อสายของเครอื ขา่ ยเขา้ มาและทาการตดิ ต่อสง่ ขอ้ มลู กบั เครอื ขา่ ยได้ ระบบการเดินสาย(Cabling System) ระบบการเดนิ สายจะเป็นสอ่ื ทเ่ี ชอ่ื มเครอ่ื ง คอมพวิ เตอรท์ อ่ี ยใู่ นเครอื ขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั ซง่ึ อาจประกอบดว้ ยสายแบบต่างๆคอื UTP/STP, Coaxial, Fiber Optic หรอื แมแ้ ต่การเช่อื มกนั แบบไรส้ าย เช่น Infrared หรอื สญั ญาณวทิ ยกุ ไ็ ด้ ทรพั ยากรและอปุ กรณ์ที่ใช้งานร่วมกนั (Shared Resources and Peripherals) จะ รวมถงึ อุปกรณ์หน่วยความจาถาวร เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ หรอื เทปทต่ี ่ออยกู่ บั เครอ่ื ง Serverตลอดจน เครอ่ื งพมิ พห์ รอื อุปกรณ์อ่นื ๆ ซง่ึ ผใู้ ชใ้ นเครอื ขา่ ยทไ่ี ดร้ บั อนุญาตสามารถใชง้ านได้ 7.4.1 ชนิดการเชื่อมต่อของระบบเครอื ข่าย LAN การเช่อื มต่อคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ ดว้ ยกนั เป็นเครอื ขา่ ยเฉพาะบรเิ วณ (LAN) นนั้ จดุ ประสงค์ หลกั อยา่ งหน่งึ กค็ อื การแบง่ กนั ใชท้ รพั ยากรทม่ี อี ยู่ โดยทรพั ยากรเหล่านนั้ อาจเป็นหน่วยประมวลผล กลาง (CPU) ความเรว็ สงู ฮารด์ ดสิ ก์ เครอ่ื งพมิ พ์ หรอื แมแ้ ต่อุปกรณ์สอ่ื สารต่างๆ ซง่ึ อุปกรณ์เหล่าน้ี จะเช่อื มอยกู่ บั คอมพวิ เตอรเ์ ครอ่ื งใดเครอ่ื งหน่งึ 1. ระบบเครอื ขา่ ยแบบรวมศูนยก์ ลาง (Centrallized Networks) 2. ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Peer-to Peer 3. ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Client/Server 1. ระบบเครือข่ายแบบรวมศนู ยก์ ลาง เป็นระบบทม่ี เี ครอ่ื งหลกั เพยี งเครอ่ื งเดยี วทใ่ี ช้ ในการประมวลผล ซง่ึ จะตงั อยทู่ ศ่ี ูนยก์ ลางและมกี ารเชอ่ื มต่อไปยงั เครอ่ื งเทอรม์ นิ อลทอ่ี ยรู่ อบๆ โดย การเดนิ สายเคเบลิ เชอ่ื มต่อกนั โดยตรง เพ่อื ใหเ้ ครอ่ื งเครอ่ื งเทอรม์ นิ อลสามารถเขา้ ใชง้ าน โดยส่ง คาสงั่ ต่างๆ มาประมวลผลทเ่ี ครอ่ื งกลาง ซง่ึ มกั เป็นเครอ่ื งคอมพวิ เตอรเ์ มนเฟรมประสทิ ธภิ าพสงู ระบบเครอื ขา่ ยแบบรวมศูนยก์ ลางจะมรี าคาสงู และและไมส่ ามารถสนบั สนุนระบบการประมวลผล
26 แบบ Multiprocessor ไดด้ เี ทา่ กบั ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Client/Server ปจั จุบนั ระบบน้จี งึ มคี วามนยิ ม ในการใชง้ านลดน้อยลง ภาพท่ี 7.3 ระบบเครอ่ื ขา่ ยแบบรวมศนู ยก์ ลาง 2. ระบบเครือข่าย Peer-to-Peer แต่ละสถานีงานบนระบบเครอื ขา่ ย Peer-to-Peer จะมี ความเทา่ เทยี มกนั สามารถทจ่ี ะแบง่ ปนั ทรพั ยากรใหแ้ ก่กนั และกนั ได้ เช่นการใชเ้ ครอ่ื งพมิ พห์ รอื แฟ้มขอ้ มลู รว่ มกนั ในเครอื ขา่ ย ในขณะเดยี วกนั เครอ่ื งแต่ละสถานงี านกจ็ ะมขี ดี ความสามารถในการ ทางานไดด้ ว้ ยตวั เอง (Stand Alone) คอื จะตอ้ งมที รพั ยากรภายในของตวั เองเชน่ ดสิ กส์ าหรบั เกบ็ ขอ้ มลู หน่วยความจาทเ่ี พยี งพอ และมคี วามสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู ได้ ข้อดีของระบบน้คี อื ความงา่ ยในการจดั ตงั้ ระบบ มรี าคาถกู และสะดวกต่อการบรหิ าร จดั การ ซง่ึ มกั จะมอบเป็นภาระหน้าทข่ี องผใู้ ชใ้ นแต่ละสถานีงานให้ รบั ผดิ ชอบในการดแู ลพจิ ารณา การแบง่ ปนั ทรพั ยากรของตนเองใหก้ บั สมาชกิ ผอู้ ่นื ในกลุม่ ดงั นนั้ ระบบน้ีจงึ เหมาะสมสาหรบั สานกั งานขนาดเลก็ ทม่ี สี ถานงี านประมาณ 5-10 เครอ่ื งทว่ี างอยใู่ นพน้ื ทเ่ี ดยี วกนั ข้อด้อยของระบบน้คี อื เรอ่ื งการรกั ษาความปลอดภยั ของขอ้ มลู เน่อื งจากไม่มรี ะบบการ ป้องกนั ในรปู แบบของ บญั ชผี ใู้ ช้ และรหสั ผา่ น ในการเขา้ ถงึ ทรพั ยากรต่างๆ ของระบบ
27 ภาพท่ี 7.4 ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Peer-to-Peer 3. ระบบเครือข่ายแบบ Client/Server เป็นระบบเครอื ขา่ ยทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู และมี การใชง้ านกนั อยา่ งกวา้ งขวางมากกว่าระบบเครอื ขา่ ยแบบอ่นื ทม่ี ใี นปจั จบุ นั ระบบ Client/Server สามารถสนับสนุนใหม้ เี ครอ่ื งลกู ขา่ ยไดเ้ ป็นจานวนมาก และสามารถเชอ่ื มต่อกบั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ไดห้ ลายแพลตฟอรม์ ระบบน้จี ะทางานโดยมเี ครอ่ื ง Server ทใ่ี หบ้ รกิ าร เป็นศูนยก์ ลางอยา่ งน้อย 1 เครอ่ื ง และมกี ารบรหิ ารจดั การทรพั ยากรต่างๆ จากสว่ นกลาง ซง่ึ คลา้ ยกบั ระบบเครอื ขา่ ยแบบรวม ศนู ยก์ ลางแต่สงิ่ ทแ่ี ตกต่างกนั กค็ อื เครอ่ื งทท่ี าหน้าทใ่ี หบ้ รกิ ารในระบบ Client/Server น้จี ะเป็น เครอ่ื งทม่ี รี าคาไมแ่ พงมาก ซง่ึ อาจใชเ้ พยี งเครอ่ื ง ไมโครคอมพวิ เตอรส์ มรรถนะสงู ในการควบคุมการ ใหบ้ รกิ ารทรพั ยากรต่างๆ นอกจากน้เี ครอ่ื งลกู ข่ายยงั จะตอ้ งมคี วามสามารถในการประมวลผล และ มพี น้ื ทส่ี าหรบั จดั เกบ็ ขอ้ มลู ทอ้ งถนิ่ เป็นของตนเองอกี ดว้ ย ระบบเครอื ข่ายแบบ Cleint/Server เป็น ระบบทม่ี คี วามยดื หยนุ่ สงู สนบั สนุนการทางานแบบ Multiprocessor สามารถเพม่ิ ขยายขนาดของ จานวนผใู้ ชไ้ ดต้ ามตอ้ งการ นอกจากน้ยี งั สามารถเพม่ิ จานวนเครอ่ื ง Servers สาหรบั ใหบ้ รกิ ารต่างๆ เพอ่ื ช่วยกระจายภาระของระบบได้ ส่วนขอ้ เสยี ของระบบน้กี ค็ อื มคี วามยงุ่ ยากในการตดิ ตงั้ มากกว่า ระบบ Peer-to-Peer รวมทงั้ ตอ้ งการบคุ ลากรเพอ่ื การบรหิ ารจดั การระบบโดยเฉพาะอกี ดว้ ย
28 ภาพท่ี 7.5 ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Client/Server 7.4.2 โครงสรา้ งระบบเครือข่าย LAN (Topology Network) สถาปตั ยกรรมของระบบเครอื ขา่ ย (Network Architecture) หรอื โทโปโลยี (Topology) คอื ลกั ษณะทาง กายภาพ (ภายนอก) ของเครอื ขา่ ยซง่ึ หมายถงึ ลกั ษณะของการเช่อื มโยงสายส่อื สาร เขา้ กบั อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสต์ ่างๆ ภายในเครอื ขา่ ยดว้ ยกนั นัน่ เอง โทโปโลยขี องเครอื ขา่ ย แต่ละ แบบมคี วามเหมาะสมในการใชง้ าน แตกต่างกนั จงึ มคี วามจาเป็นทเ่ี ราจะตอ้ งทาการศกึ ษาลกั ษณะ และคณุ สมบตั ิ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของโทโปโลยแี ต่ละแบบ เพ่อื นาไปใชใ้ นการ ออกแบบ พจิ ารณา เครอื ขา่ ยใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน รปู แบบของโทโปโลยขี องเครอื ขา่ ยหลกั ๆ มดี งั ต่อไปน้ี การจดั วางโครงสรา้ งของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ใชใ้ นการออกแบบระบบเครอื ขา่ ย ซง่ึ มี Topology พน้ื ฐานดงั น้ี แบบบสั (Bus Topology) แบบสตาร์ (Star Topology) แบบรงิ (Ring Topology) แบบแมส (Mesh Topology) 1. โทโปโลยีแบบบสั (Bus Topology) เป็นโทโปโลยที ไ่ี ดร้ บั ความนิยมใชก้ นั มากทส่ี ุด มาตงั้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ลกั ษณะการทางานของเครอื ขา่ ย โทโปโลยแี บบบสั คอื อุปกรณ์ทุกชน้ิ หรอื โหนดทกุ โหนด ในเครอื ขา่ ยจะตอ้ งเช่อื มโยงเขา้ กบั สายส่อื สารหลกั ทเ่ี รยี กว่า\"บสั \" (BUS) เมอ่ื โหนดหน่งึ ตอ้ งการจะส่งขอ้ มลู ไปใหย้ งั อกี โหนด หน่งึ ภายในเครอื ขา่ ย จะตอ้ งตรวจสอบใหแ้ น่ใจก่อน
29 ว่าบสั ว่างหรอื ไม่ ถา้ หากไม่วา่ งกไ็ มส่ ามารถจะส่งขอ้ มลู ออกไปได้ ทงั้ น้เี พราะสายส่อื สารหลกั มี เพยี งสายเดยี ว ในกรณที ม่ี ขี อ้ มลู วงิ่ มาในบสั ขอ้ มลู น้ีจะวงิ่ ผา่ นโหนดต่างๆ ไปเรอ่ื ยๆ ในขณะทแ่ี ต่ ละโหนดจะคอยตรวจสอบขอ้ มลู ทผ่ี ่านมาว่าเป็นของตนเองหรอื ไม่ หากไมใ่ ช่ กจ็ ะปลอ่ ยใหข้ อ้ มลู วง่ิ ผ่านไป แต่หากเลขทอ่ี ยปู่ ลายทาง ซง่ึ กากบั มากบั ขอ้ มลู ตรงกบั เลขทอ่ี ยขู่ องของตน โหนดนนั้ กจ็ ะ รบั ขอ้ มลู เขา้ ไป ก. การสอ่ื สารของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบ Bus Topology ข. การต่อคอนเน็คเตอร์ BNC ค. แสดงการใช้ คอนเน็คเตอรเ์ ชอ่ื มต่อแบบ Bus Topology ภาพท่ี 7.6 แสดงการโครงสรา้ งแบบ Bus Topology
30 ข้อดีข้อเสียของโทโปโลยีแบบบสั ข้อดี 1. ใชส้ ายส่งขอ้ มลู น้อยและมรี ปู แบบทง่ี า่ ยในการตดิ ตงั้ ทาใหล้ ดคา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ตงั้ และ บารงุ รกั ษา 2. สามารถเพมิ่ อุปกรณ์ชน้ิ ใหมเ่ ขา้ ไปในเครอื ขา่ ยไดง้ ่าย ข้อเสีย 1. ในกรณที เ่ี กดิ การเสยี หายของสายสง่ ขอ้ มลู หลกั จะทาใหท้ งั้ ระบบทางานไมไ่ ด้ 2. การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดทาไดย้ าก ตอ้ งทาจากหลาย ๆจดุ 2. โทโปโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology) เป็นการเช่อื มต่ออุปกรณ์ต่างๆ เขา้ กนั เป็น วงกลม ขอ้ มลู ขา่ วสารจะถูกสง่ จากโหนดหน่ึงไปยงั อกี โหนดหน่งึ วนอยใู่ นเครอื ขา่ ยไปใน ทศิ ทาง เดยี วเหมอื นวงแหวน (ในระบบเครอื ขา่ ยรปู วงแหวนบางระบบสามารถส่งขอ้ มลู ไดส้ องทศิ ทาง) ใน แต่ละโหนดหรอื สถานี จะมรี พี ตี เตอรป์ ระจาโหนด 1 ตวั ซง่ึ จะทาหน้าทเ่ี พม่ิ เตมิ ขา่ วสารทจ่ี าเป็นต่อ การ ส่อื สาร ในสว่ นหวั ของแพก็ เกจขอ้ มลู สาหรบั การส่งขอ้ มลู ออกจากโหนด และมหี น้าทร่ี บั แพก็ เกจขอ้ มลู ทไ่ี หลผา่ นมาจากสายสอ่ื สาร เพอ่ื ตรวจสอบวา่ เป็นขอ้ มลู ทส่ี ่งมาใหโ้ หนดตนหรอื ไม่ ถา้ ใชก่ จ็ ะคดั ลอกขอ้ มลู ทงั้ หมดนนั้ ส่งต่อไปใหก้ บั โหนดของตน แต่ถา้ ไมใ่ ช่กจ็ ะปลอ่ ยขอ้ มลู นนั้ ไปยงั รพี ตี เตอรข์ องโหนดถดั ไป Internal Ring HUB ก. แสดง Internal Ring Hub
31 ข. แสดงการเชอ่ื มต่อแบบ Ring Topology ภาพท่ี 7.7 แสดงการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ Ring Topology ข้อดีข้อเสียของโทโปโลยีรปู วงแหวน ข้อดี 1. การสง่ ขอ้ มลู สามารถสง่ ไปยงั ผรู้ บั หลาย ๆ โหนดพรอ้ มกนั ได้ โดยกาหนดตาแหน่ง ปลายทางเหล่านนั้ ลง ในสว่ นหวั ของแพก็ เกจขอ้ มลู รพี ตี เตอรข์ องแต่ละโหนดจะตรวจสอบเองวา่ มี ขอ้ มลู ส่งมาใหท้ โ่ี หนดตนเองหรอื ไม่ 2. การสง่ ขอ้ มลู เป็นไปในทศิ ทางเดยี วกนั จงึ ไม่มกี ารชนกนั ของสญั ญาณขอ้ มลู ข้อเสีย 1. ถา้ มโี หนดใดโหนดหน่งึ เกดิ เสยี หาย ขอ้ มลู จะไมส่ ามารถส่งผ่านไปยงั โหนดต่อไปได้ และ จะทาใหเ้ ครอื ขา่ ยทงั้ เครอื ขา่ ยขาดการตดิ ต่อส่อื สาร 2. เมอ่ื โหนดหน่งึ ตอ้ งการส่งขอ้ มลู โหนดอ่นื ๆ ตอ้ งมสี ่วนรว่ มดว้ ย ซง่ึ จะทาใหเ้ สยี เวลา 3. โทโปโลยีรปู ดาว (Star Topology) เป็นการเชอ่ื มโยงการตดิ ต่อส่อื สารทม่ี ลี กั ษณะ คลา้ ยรปู ดาว หลายแฉก โดยมสี ถานกี ลาง หรอื ฮบั เป็นจดุ ผา่ นการตดิ ต่อกนั ระหว่างทุกโหนดใน
32 เครอื ขา่ ย สถานีกลางจงึ มหี น้าทเ่ี ป็นศนู ยค์ วบคมุ เสน้ ทางการส่อื สาร ทงั้ หมด นอกจากน้สี ถานีกลาง ยงั ทาหน้าทเ่ี ป็นศนู ยก์ ลางคอยจดั ส่งขอ้ มลู ใหก้ บั โหนดปลายทางอกี ดว้ ย การส่อื สารภายใน เครอื ขา่ ยแบบดาว จะเป็นแบบ 2 ทศิ ทางโดยจะอนุญาตใหม้ เี พยี งโหนดเดยี วเท่านนั้ ทส่ี ามารถสง่ ขอ้ มลู เขา้ สเู่ ครอื ข่ายได้ จงึ ไมม่ โี อกาสทห่ี ลายๆ โหนดจะส่งขอ้ มลู เขา้ ส่เู ครอื ข่ายในเวลาเดยี วกนั เพ่อื ป้องกนั การชนกนั ของสญั ญาณขอ้ มลู เครอื ขา่ ยแบบดาว เป็นโทโปโลยอี กี แบบหน่งึ ทเ่ี ป็นทน่ี ิยม ใชก้ นั ในปจั จบุ นั HUB or Switch ภาพท่ี 7.8 โทโปโลยแี บบดาว ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแบบดาว ข้อดี 1. การตดิ ตงั้ เครอื ขา่ ยและการดแู ลรกั ษาทา ไดง้ า่ ย 2. หากมโี หนดใดเกดิ ความเสยี หายกส็ ามารถตรวจสอบไดง้ า่ ย และเน่อื งจากใชอ้ ุปกรณ์ 1 ตวั ต่อสายสง่ ขอ้ มลู 1 เสน้ ทาใหก้ ารเสยี หายของอุปกรณ์ใดในระบบไมก่ ระทบต่อการทางานของจดุ อ่นื ๆ ในระบบ 3. งา่ ยในการใหบ้ รกิ ารเพราะโทโปโลยแี บบดาวมศี นู ยก์ ลางทาหน้าทค่ี วบคุม ข้อเสีย 1. ถา้ สถานีกลางเกดิ เสยี ขน้ึ มาจะทาใหท้ งั้ ระบบทางานไมไ่ ด้ 2. ตอ้ งใชส้ ายสง่ ขอ้ มลู จานวนมากกวา่ โทโปโลยแี บบบสั และ แบบวงแหวน 4. โทโปโลยีแบบผสม (Mesh Topology) เป็นเครอื ขา่ ยการส่อื สารขอ้ มลู แบบผสม ระหวา่ งเครอื ขา่ ยแบบใดแบบหน่งึ หรอื มากกวา่ เพ่อื ความถกู ตอ้ งแน่นอน ทงั้ น้ขี น้ึ อยกู่ บั ความ ตอ้ งการและภาพรวมขององคก์ ร
33 Mesh Topology ภาพท่ี 7.9 แสดงการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ Mes Topology 7.5 ส่ือท่ีใช้ในการส่งข้อมูล ในระบบเครอื ขา่ ยจะตอ้ งมสี ่อื ทใ่ี ชใ้ นการเชอ่ื มต่อสถานีงานต่างๆ ในเครอื ขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั เพ่อื ส่งขอ้ มลู ซง่ึ ส่อื เหล่าน้ีจะมหี ลายแบบใหเ้ ลอื กใช้ โดยแต่ละแบบเองกจ็ ะมจี ุดเดน่ จดุ ดอ้ ยแตกต่าง กนั ออกไปตามแต่ว่าจะพจิ ารณาโดยยดึ ราคา หรอื ศกั ยภาพเป็นเกณฑ์ ส่อื ทใ่ี ชใ้ นการสง่ ขอ้ มลู (Transmission media) แบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภทคอื 1. ประเภทมสี าย ไดแ้ ก่ สายค่ไู ขว้ (Wire pair หรอื Twisied pair หรอื สายโทรศพั ท)์ , สาย โคแอกเชยี ล(Coaxial Cables), เสน้ ใยแกว้ นาแสง หรอื ไฟเบอรอ์ อฟตกิ ส์ (Fiber optics) 2. ประเภทไมม่ สี าย ไดแ้ ก่ ไมโครเวฟ (Microwave) ดาวเทยี ม (Satellite Tranmission) ระบบอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ ระบบวทิ ยุ (Radio Transmission), ระบบอนิ ฟาเรด (Infrared Transmission) และ ระบบโทรศพั ทเ์ คล่อื นท่ี (Cellular Transmission) 7.5.1 ประเภทมีสาย 1. สายค่ตู ีเกลียว (Twisted-Pair Cable) เป็นสายทม่ี รี าคาถูกทส่ี ดุ ประกอบดว้ ยสาย ทองแดงทม่ี ฉี นวนหมุ้ 2 เสน้ นามาพนั กนั เป็นเกลยี ว จะใชก้ นั แพรห่ ลายในระบบโทรศพั ท์ ความเรว็ ในการสง่ ขอ้ มลู 10 Mbps สง่ ไดใ้ นระยะทาง 1 mile สายคตู่ เี กลยี วสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ชนดิ คอื 1.1 สายคตู่ เี กลยี วแบบไมม่ ชี ลิ ด์ (Unshielded Twisted-Pair : UTP) เป็นสาย เคเบลิ ทถ่ี กู รบกวนจากภายนอกไดง้ า่ ย แต่กม็ คี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ านสงู และราคาไมแ่ พง
34 ภาพท่ี 7.10 สายคตู่ เี กลยี วแบบไม่มชี ลิ ด์ 1.2 สายคตู่ เี กลยี วแบบมชี ลิ ด์ (Shielded Twisted-Pair : STP) เป็นสายทม่ี ี ปลอกหุม้ อกี รอบเพ่อื ป้องกนั สญั ญาณรบกวนจากภายนอก จงึ ทาใหส้ ายเคเบลิ ชนิดน้สี ามารถใชใ้ น การเช่อื มต่อในระยะไกลไดม้ ากขน้ึ แต่ราคาแพงกว่าแบบ UTP ภาพท่ี 7.11 สายคตู่ เี กลยี วแบบมชี ลิ ด์ ข้อดีและข้อเสียของสายค่ตู ีเกลียว ข้อดี 1.ราคาถูก 2.มคี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ าน 3.ตดิ ตงั้ งา่ ยและมนี ้าหนกั เบา ข้อเสีย 1.ถูกรบกวนจากสญั ญาณภายนอกไดง้ า่ ย 2. ระยะทางจากดั เป็นสายทม่ี รี าคาถูกทส่ี ดุ สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบไม่มชี ลี ต์ (UTP) ซง่ึ ใชใ้ นการเดนิ สายโทรศพั ทแ์ ละใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ยระยะใกลส้ ว่ นมาก ส่วน สายบดิ เกลยี วแบบมชี ลี ต์ (STP) จะมี
35 ฉนวนโลหะหมุ้ อยภู่ ายนอก ทาใหส้ ามารถป้องกนั สญั ญาณรบกวนไดด้ ขี น้ึ ตวั อยา่ งเช่นระบบ สายโทรศพั ท์ สายค่บู ดิ เกลยี วตามมาตรฐาน EIA/ITA-568 สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 5 ประเภทคอื 1. Category 1 เป็นสาย UTP ทใ่ี ชใ้ นระบบสายโทรศพั ทแ์ บบดงั้ เดมิ เหมาะสาหรบั สง่ สญั ญาณเสยี งไมเ่ หมาะกบั การสง่ ขอ้ มลู 2. Category 2 เป็นสาย UTP ซง่ึ เหมาะกบั การสง่ ขอ้ มลู ไดส้ งู ถงึ 4 เมกะบติ ต่อวนิ าที 3. Category 3 เป็นสาย ซง่ึ สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดส้ งู สุดถงึ 10 เมกะบติ ต่อวนิ าที มกี าร ใชง้ านมากในระบบ token ring แบบ 4 Mbits/sec และ 10 Base-T 4. Category 4 เป็นสาย ซง่ึ สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดส้ งู สดุ ท่ี 16 เมกะบติ ต่อวนิ าที มใี ชใ้ น ระบบ token ring แบบ 16 Mbits/sec 5. Category 5 เป็นสาย ทเ่ี หมาะกบั การสง่ ขอ้ มลู ไดถ้ งึ 100 เมกะบติ ต่อวนิ าที มใี ชใ้ น ระบบเครอื ขา่ ยความเรว็ สงู รุ่นใหม่ ๆ เช่น Fast Ethernet และ ATM (Asynchronous Transfer Mode) 2. สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) สายโคแอกเชยี ลเป็นสายสญั ญาณอกี แบบหน่งึ จะประกอบดว้ ยลวดทองแดงอยตู่ รงกลาง หุม้ ดว้ ยฉนวนพลาสตกิ 1 ชนั้ แลว้ จงึ หมุ้ ดว้ ยทองแดงท่ี ถกั เป็นแผน่ แลว้ หุม้ ภายนอกอกี ชนั้ หน่งึ ดว้ ยฉนวน สามารถป้องกนั การรบกวนของคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและสญั ญาณรบกวนอ่นื ๆ ใชใ้ นระบบโทรทศั น์ ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 350 Mbps ส่งไดใ้ นระยะทาง 2-3 mile เป็นสายส่อื สารทส่ี ามารถส่งขอ้ มลู ไกลกวา่ สายแบบค่บู ดิ เกลยี ว แต่มขี อ้ เสยี คอื ราคาสงู กว่า สายโคแอกจะสามารถส่งขอ้ มลู ไดท้ งั้ แบบเบสแบนดแ์ ละบรอดแบรนด์ พบการใชง้ านไดม้ ากจากสายเคเบลิ ทวี ี Coaxial Cable เป็นสายเคเบลิ ทน่ี ยิ มใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ย เน่อื งจากมรี าคาถกู น้าหนกั เบา มคี วามอ่อนตวั และงา่ ยในการเดนิ สาย มตี าขา่ ยถกั เพ่อื คอยป้องกนั สญั ญาณรบกวน ภาพท่ี 7.12 แสดงสายสญั ญาณ Coaxial
36 สายแบบบาง (Thinnet) เป็นสายโคแอค็ เชยี ลทม่ี คี วามอ่อนตวั และมคี วามหนาประมาณ 0.64 เซนตเิ มตร มคี วามตา้ นทานกระแสไฟฟ้าประมาณ 50 โอหม์ ระยะทางทส่ี ามารถใชส้ ายไดอ้ ยู่ ในชว่ งระหว่าง 185 เมตร (607 ft.) ภาพท่ี 7.13 สายแบบหนา (Thicknet) เป็นสายโคแอค็ เชยี ลทม่ี ขี นาดของแกนทองแดง ทใ่ี ชใ้ นการ นาสญั ญานขนาดใหญ่กว่า Thinnet โดยมเี สน้ ผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 1.27 เซนตเิ มตร ทาให้ สามารถส่งขอ้ มลู ไดไ้ กลกว่าสายแบบบาง ระยะทางทส่ี ามารถใชส้ ายไดอ้ ยใู่ นชว่ งระหว่าง 500 เมตร (1,640 ft.) ข้อดีและข้อเสียของสายโคแอกเชียล ข้อดี 1. ราคาถูก 2. มคี วามยดื หยนุ่ ในการใชง้ าน 3. ตดิ ตงั้ งา่ ย และมนี ้าหนกั เบา ข้อเสีย 1. ถูกรบกวนจากสญั ญาณภายนอกไดง้ า่ ย 2. ระยะทางจากดั 3. สายใยแก้วนาแสง (Fiber Optic Cable) ประกอบดว้ ยเสน้ ใยทท่ี ามาจากใยแกว้ 2 ชนดิ ชนดิ หน่งึ จะอยทู่ แ่ี กนกลาง ส่วนอกี ชนดิ หน่งึ อยทู่ ด่ี า้ นนอก ซง่ึ ใยแกว้ ทงั้ สองจะมดี ชั นกี าร สะทอ้ นแสงต่างกนั ทาใหแ้ สงซง่ึ ถกู สง่ ออกมาจากปลายดา้ นหน่งึ สามารถสง่ ผ่านไปอกี ดา้ นหน่งึ ได้ ใชส้ าหรบั ส่งขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการความเรว็ สงู มขี อ้ มลู ทต่ี อ้ งการส่งเป็นจานวนมาก และอยใู่ น สภาพแวดลอ้ มทม่ี สี ญั ญาณไฟฟ้ารบกวนมาก ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 1 Gbps ระยะทางในการสง่ ขอ้ มลู 20-30 mile
37 ภาพท่ี 7.14 สายใยแกว้ นา ข้อดีข้อเสียของสายใยแก้วนาแสง ข้อดี 1. สง่ ขอ้ มลู ดว้ ยความเรว็ สงู 2. ไมม่ กี ารรบกวนทางแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 3. สง่ ขอ้ มลู ไดใ้ นปรมิ าณมาก ข้อเสีย 1. มรี าคาแพงกวา่ สายส่งขอ้ มลู แบบสายค่ตู เี กลยี วและโคแอกเชยี ล 2. ตอ้ งใชค้ วามชานาญในการตดิ ตงั้ 3. มคี ่าใชจ้ า่ ยในการตดิ ตงั้ สงู กว่า สายค่ตู เี กลยี วและโคแอกเชยี ล
38 ตารางท่ี 7.1 เปรยี บเทยี บการใชง้ านสายเคเบลิ ชนดิ ต่าง ตารางของสายนาสญั ญาณชนิดต่างๆ สายนา ราคา การติดตงั้ สญั ญาณ ระยะทา สญั ญาณ ง รบกวน สญั ญาณ 185 m น้อยกว่า UTP Coaxial น้อยกว่า STP งา่ ย 10 500 m น้อยกวา่ UTP Thinnet Mbp/Typical Coaxial มากกว่า STP งา่ ย 10 Thicknet น้อยกว่า Fiber Mbp/Typical Optic (STP) มากกวา่ UTP งา่ ย 16 100 m น้อยกว่า UTP Shielded น้อยกว่า Mbp/Typical Typical Twisted-Pair Thicknet up to 500 Mbps (UTP) 10 Unshielded ต่า งา่ ย Mbp/Typical 100 m สงู Twisted-Pair up to 100 Typical Mbps Fiber-Opic สงู ยาก 100 10 km ไมม่ ี Mbp/Typical 7.5.2 ประเภทไม่มีสาย 1. ระบบไมโครเวฟ (Microwave System) กลไกของการส่อื สารและรบั สญั ญาณของ ไมโครเวฟใชจ้ านสะทอ้ นรปู พาลาโบลา เป็นระบบทใ่ี ชว้ ธิ สี ง่ สญั ญาณทม่ี คี วามถส่ี งู กว่าคลน่ื วทิ ยเุ ป็น ทอดๆ จากสถานีหน่งึ ไปยงั อกี สถานหี น่งึ และสญั ญาณของไมโครเวฟจะเดนิ ทางเป็นเสน้ ตรง ดงั นนั้ สถานีจะตอ้ งพยายามอยใู่ นทส่ี งู ๆ สถานีหน่งึ ๆ จะ ครอบคลุมพน้ื ทท่ี ร่ี บั สญั ญาณได้ 30-50 กม. ความเรว็ ในการส่งขอ้ มลู 200-300 Mbps ระยะทาง 20-30 mile และยงั ขน้ึ อยกู่ บั ความสงู ของเสา สญั ญาณดว้ ย
39 ภาพท่ี 7.15 ระบบไมโครเวฟ ข้อดีและข้อเสียของระบบไมโครเวฟ ข้อดี 1. ใชใ้ นพน้ื ทซ่ี ง่ึ การเดนิ สายกระทาไดไ้ มส่ ะดวก 2. ราคาถกู กวา่ สายใยแกว้ นาแสงและดาวเทยี ม 3. ตดิ ตงั้ งา่ ยกว่าสายใยแกว้ นาแสงและดาวเทยี ม 4. อตั ราการส่งขอ้ มลู สงู ข้อเสีย สญั ญาณจะถกู รบกวนไดง้ ่ายจากคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า จากธรรมชาติ เช่น พายุ หรอื ฟ้าผ่า 2. ระบบดาวเทียม (Satellite System) ใชห้ ลกั การคลา้ ยกบั ระบบไมโครเวฟ ในสว่ น ของการยงิ สญั ญาณจากแต่ละสถานตี ่อกนั ไปยงั จดุ หมายทต่ี อ้ งการ โดยอาศยั ดาวเทยี มทโ่ี คจรอยู่ รอบโลก ขนั้ ตอนในการสง่ สญั ญาณมี ทงั้ หมด 3 ขนั้ ตอนคอื 2.1 สถานตี น้ ทางจะสง่ สญั ญาณขน้ึ ไปยงั ดาวเทยี ม เรยี กวา่ สญั ญาณเชอ่ื มต่อขาขน้ึ (Up-Link) 2.2 ดาวเทยี มจะตรวจสอบตาแหน่งสถานีปลายทาง หากอยนู่ อกเหนือขอบเขต สญั ญาณจะส่งต่อไปยงั ดาวเทยี มทค่ี รอบคลมุ สถานปี ลายทางนนั้ 2.3 หากยใู่ นขอบเขตพน้ื ทท่ี ค่ี รอบคลุมจะทาการส่งสญั ญาณไปยงั สถานลี ายทาง เรยี กว่าสญั ญาณเช่อื มต่อขาลง (Down-Link) อตั ราเรว็ ในการสง่ 1-2 Mbps
40 ภาพท่ี 7.16 ระบบดาวเทยี ม ข้อดีและข้อเสียของระบบดาวเทียม ข้อดี 1. ส่งสญั ญาณครอบคลุมไปยงั ทุกจดุ ของโลกได้ 2. ค่าใชจ้ า่ ยในการใหบ้ รกิ ารสง่ ขอ้ มขู องระบบดาวเทยี มไมข่ น้ึ อยกู่ บั ระยะทางทห่ี ่างกนั ของ สถานพี น้ื ดนิ ข้อเสีย มเี วลาหน่วง (Delay Time) ในการสง่ สญั ญาณ 3. ระบบวิทยุ (Radio Transmission) จะใชค้ ลน่ื วทิ ยใุ นการส่งผา่ นขอ้ มลู ระหว่าง คอมพวิ เตอร์ จะมปี ญั หากบั การขออนุใชค้ ลน่ื ความถ่ี 4. ระบบอินฟราเรด (Infrared Transmission) ใชเ้ ทคโนโลยเี ช่นเดยี วกบั remote control ของเครอ่ื งรบั โทรทศั น์ จะมขี อ้ จากดั ทต่ี อ้ งใชง้ านเป็นเสน้ ตรง ระหวา่ งเครอ่ื งรบั และ เครอ่ื งส่ง รวมทงั้ ไมอ่ าจมสี งิ่ กดี ขวางดว้ ย 5. โทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ (Cellular Transmission) จะอาศยั การสง่ สญั ญาณของ โทรศพั ทเ์ คล่อื นทใ่ี นการสง่ ผ่านขอ้ มลู
41 7. ส่ือประกอบการสอน
42 คร้ังที่ 13 หน่วยท่ี 7 ความรู้พนื้ ฐานของเทคโนโลยเี ครือข่าย (ตอนท่ี 1) วตั ถุประสงค์ •เขา้ ใจความหมายของการส่ือสารขอ้ มูล และทฤษฎีการสื่อสาร •เขา้ ใจเทคนิคการโอนถ่ายขอ้ มลู ในลกั ษณะต่างๆ •เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งวธิ ีการโอนถ่ายขอ้ มูล อุปกรณ์ท่ีใช้ และ ความเร็วของการส่ือสาร •รู้จกั การส่ือสารระบบ LAN และ WAN
43 สัญญาณ analog สามารถสื่อสารไดร้ ะยะทางไกล แต่สามารถถูกรบกวนไดง้ ่าย และ ยากต่อการอ่านค่าของสญั ญาณ สัญญาณ digital สื่อสารไดร้ ะยะทางใกลก้ วา่ สญั ญาณ Analog และเนื่องจากความ ชดั เจนของสญั ญาณ จึงทาํ ใหง้ ่ายต่อการอ่านระดบั ของสญั ญาณ
44 การส่ือสารระหว่างคอมพวิ เตอร์ หรือการส่ือสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ใชส้ ญั ญาณ Digital ในการส่งขอ้ มูล การส่ งข้ อมูลแบบขนาน 01110011100111100101
45 การส่ งข้ อมูลแบบอนุกรม 0110 ซิงโครนัส อะซิงโครนัส
46 อุปกรณ์ของระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ Network Equipment สายนําสัญญาณแบบ UTP (Unshielded twisted-pair ) Shielding สายนาํ สญั ญาณแบบ STP (shielded twisted-pair )
47 อปุ กรณ์เชื่อมต่อ RJ-45 สายนําสัญญาณแบบ UTP (Unshielded twisted-pair ) สัญญาณรบกวนทเ่ี กดิ ขนึ้ ระหว่างสายนําสัญญาณ (Crosstalk)
Search