Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการเรียนการเรื่องเครื่องดนตรีสากล

สื่อการเรียนการเรื่องเครื่องดนตรีสากล

Published by Nui Wachirawit, 2018-09-17 00:17:33

Description: สื่อการเรียนการเรื่องเครื่องดนตรีสากล

Search

Read the Text Version

สอื่ การเรียนการสอน เรื่อง เคร่ืองดนตรสี ากล รายวิชา ศิลปศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ (ดนตร)ี จดั ทาโดย นายวชิรวทิ ย์ หันจางสทิ ธ์ิ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเค่ิง อาเภอแม่แจม่ จังหวัดเชียงใหม่ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษสานักงานการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

เคร่ืองดนตรสี ากลการจาแนกประเภทของเครอ่ื งดนตรสี ากล(music Instruments)เคร่ืองดนตรสี ากลในปจั จุบนั สามารถจาแนกหรอื จัดเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ตามลักษณะของเสียงท่ีคล้ายคลึงกนัและลกั ษณะของเคร่ืองดนตรี แบง่ ออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ เครื่องสาย (String Instruments) เครอ่ื งลมไม้ (Woodwind Instruments) เครื่องลมทองเหลือง (Brass Instruments) เครื่องลิ่มนว้ิ (Keyboard Instruments) เคร่ืองกระทบ (Percussion Instruments)

เคร่ืองสาย string instrument เป็นการจดั ประเภทของเครื่องดนตรสี ากล โดยเครอื่ งดนตรีสากลประเภทเคร่ืองสายน้ีหมายถงึ เคร่ืองดนตรที ่ีทาใหเ้ กดิ เสยี งโดยการสั่นสะเทือนของสายลวด เชอื ก เอน็ หรอื ไนลอนและมีตัวกาธรเสยี ง ทาหน้าท่ขี ยายเสียงให้ดงั มากข้ึน คณุ ภาพของเสียงขึน้ อยู่กับรปู รา่ ง และวตั ถทุ ่ีใชท้ า การส่ันสะเทอื นของสายอาจทาไดโ้ ดยการสี หรอื ดีดโดยอาจกระทาโดยตรง หรอื เพิ่มกลไกใหย้ ุ่งยากขนึ้ เครือ่ งสายที่พบเหน็ ในปจั จุบัน นยิ มใช้วธิ ีทาใหเ้ กิดเสียงได้ 2 วิธี คอื วิธีสี และวิธดี ีด

กีตาร์ (อังกฤษ: guitar) เป็นเคร่ืองดนตรชี นดิ หน่ึง จัดเปน็ พวกเครอ่ื งสาย มกั จะเลน่ ด้วยน้วิ มอื ซา้ ย และดดี ดว้ ยน้วิ มือขวาหรอื ใชป้ ิ๊กดดี กตี าร์ เสยี งของกีตารน์ น้ั เกดิ จากการส่นั สะเทอื นของสาย ทาให้เกิดกาทอน (resonance) แก่ตัวกีตาร์และคอกตี าร์ กตี าร์นั้น มีทั้งแบบกีตาร์อะคูสตกิ และกตี ารไ์ ฟฟา้ บางตวั กเ็ ป็นไดท้ ้งั สองอย่าง กตี ารม์ ีสว่ นตวั เป็นกลอ่ งกาทอน ซึง่ ในกีตาร์อะคสู ตกิ จะเจาะเป็นชอ่ ง ส่วนกีตาร์ไฟฟ้ามักจะตัน และมีโพรงในส่วนคอกตี าร์ โดยท่ัวไปแล้วสว่ นหวั ของกีตาร์จะยดื ขึ้นไปจากคอ เพอ่ื ใสล่ กู บิดหมนุ สายสาหรบั ปรับเสียง กีตารเ์ ป็นเครอ่ื งดนตรีทนี่ ิยมใช้แพร่หลาย[ตอ้ งการอ้างอิง] และใช้กับดนตรีหลากหลายสไตล์นบั เป็นเครือ่ งดนตรที ีน่ ยิ มใชบ้ รรเลงเดี่ยวอยา่ งกว้างขวางทพี่ บเหน็ มากที่สดุ คือกีตารค์ ลาสสกิ และยงั เป็นเครือ่ งดนตรีหลักในวงดนตรปี ระเภทบลสู ์ และดนตรีรอ็ กอีกดว้ ย กีตารส์ ามารถเลน่ ในยามวา่ ง หรือ เปน็ งานอดิเรกได้ดี ปกติกีตาร์จะมี 6 สาย แตแ่ บบ 4- 7- 8- 10- 12- สายก็มีเช่นกนั ผู้ประดิษฐก์ ีตาร์จะเรยี กว่า Luthier

เบส เปน็ เครอ่ื งดนตรีประเภทเครอ่ื งสาย ในทางสากลสามารถเรียกไดท้ ้ัง electric bass(เบสไฟฟา้ ) , electric bass guitar (กีตารเ์ บสไฟฟ้า) หรอื เรียกสน้ั ๆ ว่า bass (เบส) ลักษณะของเบสมขี นาดใหญก่ ว่ากตี าร์ มีโครงสรา้ งของคอที่ใหญ่และยาวกว่า มียา่ นความถีเ่ สยี งตา่ มีหน้าท่ีโดยหลกั ๆ ในการให้จงั หวะ คือคุมจงั หวะตาม rhythm, line, pattern และ groove ของดนตรีในขณะเดียวกันก็สามารถขยายระดับความสามารถการเลน่ ให้สูงข้นึ ตามแนวเพลงและการประยกุ ตใ์ ช้ต่าง ๆ เช่น เทคนิคการ Slap หรือการตบเบส (รวมไปถึงเทคนิคอ่ืนท่ใี ช้ร่วมกันกบั การSlap) ในดนตรี Funk, Jazz และอีกหลายแนว การ Tapping การเดนิ Improvising การเล่นHarmonics การเลน่ Picking เปน็ ต้น เบสไฟฟ้าจดั วา่ เปน็ เครอื่ งดนตรีท่ถี อื กาเนดิ หลังเครื่องดนตรีอนื่ ๆ ในประเภทวงสตริงคือสร้างข้นึ หลัง กตี าร์ กลอง คยี ์บอรด์ หรือซินธไิ ซเซอร์ (รายละเอียดจะมีในหัวขอ้ ประวตั ิ) เครื่องดนตรีประเภทเบสท่ีใช้กันในวงดนตรีและแนวต่าง ๆ ก็จะมี เบสไฟฟา้ เบสโปรง่ ไฟฟ้า fretlessbass (เบสไมม่ เี ฟรต) และ double bass, upright bass บา้ งทกี ็เรยี กกันวา่ acoustic bass แต่ก็มภี าษาพูดเรียกกันติดปากสาหรบั นักดนตรบี างคนวา่ เบสใหญ่ เบสไฟฟ้าที่ใช้โดยทว่ั ไปจะมี 4 สาย 5 สาย และ 6 สาย ส่วนสายท่ีมากไปกวา่ นี้กม็ ีเนื่องจากนักดนตรีบางคนอาจจะออกแบบเพือ่ ประยุกตใ์ ช้ทางการเล่นเฉพาะตวั เบส 4 สายการตั้งสายตามมาตรฐานคอื E-A-D-G (เรียงจากต่า-สงู ) เบส 5 สายคือ B-E-A-D-G สว่ น 6 สายคอื B-E-A-D-G-C แต่อยา่ งไรกต็ ามเบสกไ็ ดถ้ กู ขยายขอบเขตออกไปตามแนวคดิและการประยกุ ต์ใช้ของมอื เบสต่าง ๆ จานวนสายก็อาจจะมีอน่ื ๆ อีก เช่น 3 สาย, 7 สาย, 8 สาย,9 สาย เปน็ ต้น

ไวโอลิน เป็นเครอ่ื งดนตรีทที่ าใหเ้ กดิ เสียงระดบั เสียงสูงในกลมุ่ เครื่องดนตรคี ลาสสกิประเภทเคร่ืองสาย (String instruments) ซ่ึงมีต้นกาเนิดมาจากโลกตะวันตก เป็นเครื่องดนตรีตระกลู ไวโอลนิ ทเ่ี ล็กทส่ี ดุ อันประกอบไปด้วย ไวโอลนิ วิโอลา เชลโล และ ดบั เบลิ เบส เม่ือนาทงั้ หมดมาเล่นรว่ มกนั แล้วจะเรยี กวา่ วงเครื่องสาย(string) ซึ่งเปน็ ตระกูลเคร่อื งดนตรหี ลักของ วงออรเ์ คสตรา

วโิ อลา เปน็ เครื่องดนตรีในตระกลู เครอื่ งสายที่มีรูปร่างคลา้ ยไวโอลนิ แต่มขี นาดท่ีใหญก่ วา่นยิ มเล่นใน วงออร์เคสตรา และ วงเครื่องสาย ซงึ่ มตี น้ กาเนิดมาจากโลกตะวนั ตก เปน็ หนง่ึ ในเครอ่ื งดนตรตี ระกูลไวโอลนิ อนั ประกอบไปดว้ ยไวโอลิน วิโอลา เชลโล และ ดับเบลิ เบส โดยวโิ อลามีระดบั เสยี งตา่ กว่า ไวโอลนิ แต่สงู วา่ เชลโลและดับเบิลเบส

วโิ อลอนเชลโล (องั กฤษ: Violoncello) หรือเรียกทั่วไปวา่ เชลโล (อังกฤษ: Cello) เปน็ เครอื่ งดนตรปี ระเภทเคร่ืองสาย นยิ มเลน่ ใน วงออร์เคสตราและ วงเครอ่ื งสาย ซึ่งมตี น้ กาเนดิ มาจากโลกตะวันตก เปน็ หนึ่งในเครอื่ งดนตรีตระกลู ไวโอลนิ อนัประกอบไปด้วยไวโอลนิ , วโิ อลา่ , เชลโล และ ดบั เบลิ เบส เชลโลเปน็ เครือ่ งดนตรีประเภทเครอื่ งสายที่ได้รบั ความนยิ มเชน่ เดยี วกับไวโอลนิ มีโน้ตเพลงท่ีเขยี นไว้สาหรบั เชลโลโดยเฉพาะอยู่หลายบทเพลง แต่ไมค่ อ่ ยไดร้ ับความนยิ ม[ต้องการอ้างอิง] ถงึ อยา่ งไรก็ตามยงั มีการเล่นเชลโลกบั ดนตรีประเภทแจส๊ บลสู ์ ปอ๊ ป รอ็ ก ฯลฯ

ดบั เบิลเบส (Double bass) มชี ่อื เรียกหลายช่ือเชน่ สตริงเบส(String Bass) คอนทราเบส (Contra Bass) เบสวิโอล (Bass Viol) ดบั เบิลเบสเป็นเคร่ืองดนตรที ่ีที่นยิ มเล่นใน วงออรเ์ คสตรา และ วงเครอื่ งสาย ซึง่ มีตน้ กาเนิดมาจากโลกตะวันตก เปน็ หนง่ึ ในเคร่ืองดนตรีตระกูลไวโอลิน อันประกอบไปด้วยไวโอลิน วิโอลา่ เชลโล และ ดับเบลิ เบส มีความสูงมาตรฐานประมาณ 74 น้ิว ดบั เบิล้ เบสเปน็ เคร่ืองดนตรีเพยี งชนิ้ เดียวที่อาจจะกล่าวได้ว่ามีความสัมพนั ธ์กบั ซอวิโอล (Viol) อยา่ งแทจ้ รงิ โดยสืบทอดมาจาก Violone ซอวิโอลขนาดใหญ่(Big Viol) ซึ่งเลน่ ในชว่ งเสียง 16 ชว่ งเสยี ง (เสียงของมนั จะต่ากวา่ โนต้ ที่เขียน 1 ช่วงเสียง)

ฮารป์ (harp) หรอื พิณ คือเคร่อื งดนตรปี ระเภทเครือ่ งสายของตะวันตกมเี สียงเกดิ ขึน้ จากการใช้นว้ิ ดีด สายเสียงของเคร่ืองดนตรนี ี้ปกตแิ ลว้ มี 47 สาย และท่เี หยียบเพดดัล 7 อนั เพดดัลแต่ละอนั จะควบคมุ สายเสียงแต่ละชดุ เชน่ เพดดัล อันหนง่ื จะบังคับสายเสยี ง C ท้งั หมดและอีกอนัหนง่ื จะบงั คับสายเสยี ง D ท้ังหมด ฮาร์ปเป็นเครื่องดนตรเี ก่าแก่ชนิดหน่งึ ทีม่ ีการกลา่ วถงึ ตั้งแตร่ าว3,000 ปีก่อนคริสตกาล ท่ีมาของเครอ่ื งดนตรชี ้ินน้ีน่าจะมาจากประเทศไอยคุปต์ (อียิปต์) เพราะตามภาพฝาผนงั ใตส้ สุ านของประเทศไอยคปุ ต์ท่ีเหน็ จะมรี ปู คนดดี พิณชนดิ นอี้ ยู่เยอะมาก ฮารป์ คือเคร่อื งดนตรปี ระเภทเครือ่ งสายซึ่งแตกตา่ งจากเครือ่ งสายประเภทอน่ื ๆ คือ การขึงของสายจะไมผ่ ่านกลอ่ งเสียง (Sounding Board) เหมอื นเครื่องดนตรีชนิดอน่ื ๆ เชน่ กีตาร์,ไวโอลิน หรือเปยี โน โครงสาหรบั ขงึ สายมีลกั ษณะเป็นรปู สามเหลีย่ มโค้งงอเล็กน้อยเพ่อื ให้เกดิความสวยงาม ปกตจิ ะเลน่ ดว้ ยการดดี ทสี่ าย คณุ ภาพเสยี งของฮาร์ปมคี วามแจม่ ใสกวา่ เสยี งของเปยี โน ใชแ้ สดงความสดช่ืนแจม่ ใส

แมนโดลิน (อังกฤษ: Mandolin) เป็นเครอื่ งดนตรีตระกลู ลูท มสี าย 4 คู่ (8สาย) หรือ 6 คู่ (12 สาย) ตัง้ เสยี งเทา่ กันเป็นคู่ มีลกู บิดคลา้ ยกตี าร์ใช้ในการต้ังเสยี ง และมนี ม(Feat) รองรับสาย เวลาเล่นจะใชน้ ้ิวมอื ซ้ายจบั ตวั แมนโดลินและใช้มอื ขวาดีด ลกั ษณะการดีดคล้ายการดดี กีตารโ์ ดยใช้พิค (Pick) เสียงที่เกิดจากแมนโดลินมีความไพเราะเป็นเสียงท่ีมีคุณภาพเรา้ อารมณไ์ ดด้ โี ดยเฉพาะอารมณ์โศกเศร้าเกี่ยวกบั ความรัก แมนโดลนิ มถี ่ินกาเนิดที่ประเทศอิตาลี เป็นเคร่อื งดนตรที ชี่ าวอติ าเลียนนยิ มแพรห่ ลายกัน ในปี ค.ศ. 1713 ไดม้ ผี ูน้ าเอาแมนโดลนิมาเลน่ ผสมในวงคอนเสริ ต์ ในประเทศอังกฤษ

ลูต (องั กฤษ: lute) เปน็ เคร่อื งดนตรีประเภทเครอื่ งสายทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มมากในระหวา่ งศตวรรษที่ 16 และ 17 สายจะขึน้ ไว้เปน็ คู่ๆ ลูทมรี ูปร่างคลา้ ยลกู แพร์ และมีส่วนคอเปน็ แผ่นแบนมีขดี แบ่งเสยี ง 7 ขีดหรอื มากกวา่ นั้น หมดุ หมุนสายจะเอนไปดา้ นหลังเพือ่ ชว่ ยยึดสายต่างๆไว้และยังมวี ิธกี ารทดี่ ีดคล้ายกับกีตาร์โปร่งอกี ดว้ ย

เครอ่ื งเป่าลมไม้ (Woodwind Instruments) เป็นการจัดประเภทเคร่ืองดนตรสี ากล โดยเครื่องดนตรีประเภทเครอ่ื งเป่าลมไมน้ ้ี แมต้ วั ของเครอื่ งดนตรี อาจทาจากวัสดตุ า่ งๆ มากมาย แต่ส่วนสาคัญท่ีทาใหเ้ กดิ เสียง คือ ล้นิ(Reed) ซง่ึ ทามาจากไม้ จึงไดช้ ่อื ว่า เคร่ืองเปา่ ลมไมน้ น่ั เอง เครอื่ งเปา่ ลมไม้

ขลุ่ยรคี อรเ์ ดอร์ (Recorder) เปน็ เครอ่ื งเป่าดนตรสี ากลจัดอยู่ในประเภทเคร่อื งเปา่ ลมไม้ชนดิ ไมม่ ีลน้ิ เปน็ เครื่องดนตรีที่มขี นาดเล็ก โครงสรา้ งที่ไมซ่ ับซอ้ น

ฟลตู (Flute) เป็นเคร่ืองดนตรีทเี่ ก่าแกท่ ่สี ุดชนิดหน่งึ ทีม่ พี ัฒนาการมาจากมนษุ ย์กอ่ นประวัตศิ าสตร์ทีค่ ดิ ใช้กระดกู สตั ว์หรอื เขาของสัตวท์ ่ีเปน็ ท่อกลวงหรือไมก่ ใ็ ช้ปล้องไม้ไผ่มาเจาะรูแล้วเป่า ใหเ้ กิดเสียงต่าง ๆ วตั ถนุ น้ั จงึ เปน็ ต้นกาเนดิ ของเครอ่ื งดนตรปี ระเภทขลุ่ย ฟลตู เป็นขลุ่ยเปา่ ด้านข้าง มีความยาว 26 นิว้ มชี ว่ งเสียงตงั้ แต่ C กลางจนถงึ C สูงขน้ึ ไปอีก 3 ออคเทฟ เสียงแจ่มใสจึงเหมาะสาหรบั เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทเลน่ ทานองใช้เลยี นเสยี งนกเล็ก ๆ ไดด้ แี ละเสยี งตา่ ของฟลูตจะใหเ้ สียงท่ี นุ่มนวล

ปิคโคโล (Piccolo) เป็นขลุ่ยขนาดเล็กมลี ักษณะเชน่ เดียวกับฟลูตแต่เลก็ กวา่ ทามาจากไม้หรืออีบอรไ์ นท์ แต่ปจั จบุ นั ทาด้วยโลหะ ยาวประมาณ 12 น้วิ เสยี งเล็กแหลมชดั เจน แมว้ ่าจะเปา่เพยี ง เครอ่ื งเดยี ว พคิ โคโลเลน่ ได้ดีเปน็ พิเศษโดยเฉพาะการทาเสยี งรัว (Trillo) และการบรรเลงเดี่ยว (Solo)

คลาริเนต (Clarinet) เปน็ เคร่อื งดนตรที รี่ ้จู ักกนั แพร่หลายกวา่ เคร่อื งอน่ื ๆ ในบรรดาเครือ่ งลมไม้ดว้ ยกัน คลาริเนตเป็นเครอื่ งดนตรีที่ใชไ้ ดใ้ นวงดนตรเี กอื บทกุ ประเภท และเป็นเครอ่ื งดนตรำีท่ีสาคญั ในวงออร์เคสตรา วงโยธวาทิต และวงแจ๊ส

แซกโซโฟน (Saxophone) เป็นเครอื่ งดนตรใี นตระกูลเคร่อื งลมไม้ ใช้ลน้ิ เดยี่ วเหมือนของคลารเิ นต แม้ว่าตวั เคร่ืองมักจะทาดว้ ยโลหะแต่สุ้มเสยี งก็กระเดยี ดมาทางเครือ่ งลมไม้ แซกโซโฟนจึงได้รับฉายาวา่ “คลารเิ นตทองเหลอื ง” (brass clarinet)

โอโบ ทีใ่ ชใ้ นปัจจุบันน้ีมีมาตัง้ แตศ่ ตวรรษที่ 17 ใชใ้ นการแสดงโอเปรา่ ฝร่ังเศส เรียกวา่“Hautbois” หรอื “Hoboy” ในศตวรรษท่ี 18 โอโบใช้เปน็ เคร่ืองดนตรีหลักในวงออรเ์ คสตร้าเป็นเคร่ืองดนตรเี สียงสงู ในกลุ่มเครอื่ งลมไม้ ซองในขณะน้ันมรี ูปิดเปดิ เพียง 2- 3 รูเท่าน้ัน ในศตวรรษท่ี 19 โอโบไดพ้ ัฒนาในเรื่องระบบกลไก คีย์ กระเดอ่ื ง สาหรับปดิ เปิดรู เพอ่ื เปลี่ยนระดับเสยี งให้เลน่ สะดวกมากขน้ึ จนในท่สี ดุ โอโบ คอื เคร่อื งดนตรหี ลกั ทจี่ ะต้องมีใน วงออรเ์ คสตร้า

คอร์ แองเกลส์ (Cor Anglais or English horn) เป็นป่ตี ระกูลเดยี วกบั โอโบแต่มขี นาดใหญ่กวา่ และมีรูปร่างทแี่ ตกต่างไปจากโอโบ ระดับเสยี งต่ากว่าโอโบและเวลาเล่นจะต้องมีสายตดิกับลาตวั ป่ีโยงไปคลอ้ งคอผเู้ ล่นเพ่ือพยงุ นา้ หนกั ของปี่ ปีช่ นิดนีม้ ลี าตวั ยาวกว่าปโ่ี อโบ ดังนั้นเพอื่งา่ ยตอ่ การเป่า ส่วนท่ตี ่อจากทเี่ ป่า(ล้ิน) กับลาตวั ป่ีจึงต้องงอโคง้ เป็นมุมและเกิดคาวา่ “อองเกล(Angle)” ขนึ้ ตอ่ มาคานไี้ ดเ้ พ้ียนไปกลายเปน็ อองแกลส์ (Anglais) ในภาษาฝร่ังเศส ซึ่งตรงกับภาษาองั กฤษว่า English ส่วนคาวา่ “คอร”์ (Cor) ในภาษาฝรง่ั เศส ซึง่ ตรงกับภาษาองั กฤษว่าฮอรน์ (Horn)

บาสซูน เป็นปี่ขนาดใหญใ่ ช้ลิ้นคู่เช่นเดียวกับโอโบ รูปรา่ งของบาสซูนค่อนขา้ งจะประหลาดกวา่ ป่ีชนดิ อ่นื ๆ ได้รบั ฉายาวา่ เป็น “ตัวตลกของวงออร์เคสตรา” (The Clown of the Orchestra)ทั้งนี้เพราะเวลาบรรเลงเสียงสน้ั ๆ หว้ น ๆ (Staccato) อย่างเรว็ ๆ จะมีเสียงดัง ปดู …ปดู๊ … คลา้ ยลักษณะท่าทางของตวั ตลกท่ีมีอากปั กริยากระโดดเตน้ หยอง ๆ ในโรงละครสัตว์

เครอ่ื งลมทองเหลือง (Brass Instruments) เครื่องดนตรปี ระเภทน้ีมักทาด้วยโลหะผสมหรอื โลหะทองเหลอื ง เสียงของเคร่ืองดนตรีประเภทนี้เกิดจากการเป่าผ่านทอ่ โลหะ ความสั้นยาวของทอ่ โลหะทาให้ระดับเสยี งเปล่ียนไป การเปล่ียนความสน้ั ยาวของท่อโลหะจะใช้ลกู สบู เป็นตัวบงั คับ

คอร์เนต (Cornet) ลกั ษณะคลา้ ยกบั ทรมั เปตแต่ลาตวั สัน้ กว่า คุณภาพของเสียงมคี วามนมุ่ นวล กลมกล่อม เสียงสดใสนอ้ ยกว่าทรัมเป็ท คอร์เนท็ นามาใชใ้ นวงออร์เคสตร้าเปน็ ครั้งแรกเมอ่ื ประมาณ ค.ศ. 1829 ในการแสดงโอเปรา่ ของ Rossini เรอื่ ง William Tell ในปัจจุบันคอร์เนท็ เปน็ เคร่ืองดนตรสี าคัญสาหรบั วงโยธวาทติ และแตรวง

ทรมั เป็ต (trumpet) เป็นเคร่ืองดนตรีสากลในกลุ่มเคร่อื งลมทองเหลือง(แตร) ประเภทเสยี งสงู (high brass) เช่นเดยี วกับเฟรนช์ฮอรน์ กาเนิดเสียงโดยอาศัยลมจากการเป่าของผู้เล่นทาให้เกดิ การส่ันสะเทอื นของรมิ ฝีปาก โดยท่ัวไปมปี ุ่มกด (valve) 3 อนั เรียงอย่ใู นระนาบเดียวกนั มีท้ังท่ีเคลือบผวิ ด้วยทอง, เงนิ , นิกเกิล, และแลกเกอร์

เฟรนชฮ์ อร์น (French Horn) คือ เครื่องเปา่ ทองเหลือง ท่อลมเปน็ ทรงกรวย ขยายออกไปตลอด ปลายท่อจะบานออกเป็นลาโพงอย่างกวา้ ง ท่อลมจะขดเปน็ วงกลม เฟรนชฮ์ อรน์ พัฒนามาจากการเปา่ เขาสตั ว์เพอื่ ใช้บอกสญั ญาณต่างๆ เสียงของเฟรนช์ฮอรน์ จงึ เหมือนกบั เสยี งทเ่ี กดิ จากกการเป่าเขาสตั ว์ คณุ ภาพของเสยี งเฟรนช์ฮอร์น โปร่งเบาและมีความนมุ่ นวลกงั วาน เฟรนช์ฮอรน์ ในยุคแรกไมม่ ีน้ิวกดเล่นเสยี งไดจ้ ากดั ใชส้ าหรับการล่าสัตว์

ทรอมโบน (Trombone) เปน็ เครือ่ งดนตรีสากลประเภทเครอ่ื งเปา่ ทองเหลือง มีคนั ชกั ใช้สาหรับเปลย่ี นระดบั เสยี ง โดยมากจะใชใ้ นวงโยธวาทิต วงดนตรลี กู ทุ่ง รวมทั้งวงซิมโฟนอี อรเ์ คสตรา ในวงดนตรี ทรอมโบนจะทาหน้าท่ีประสานเสยี งในกลมุ่ แตรด้วยกนั

ยูโฟเนียม (euphonium) คอื เคร่อื งดนตรปี ระเภทเครอื่ งเปา่ ทองเหลอื ง ลักษณะเสยี งของยโู ฟเนยี มจะนุ่มนวล ทุ้มลึก และมีความหนกั แน่นมาก สามารถเลน่ ในระดบั เสียงต่าได้ดี บางคร้ังนาไปใชใ้ นวงออร์เคสตร้าแทนทูบา คาวา่ ”ยโู ฟเนยี ม” มาจากภาษากรีกหมายถึง ”เสยี งดี”ลกั ษณะท่ัวไปของยูโฟเนียมเหมอื นกับเคร่อื งเป่าทองเหลอื งท่ัวไป จะมีลกู สบู 3 – 4 ลกู สบู มีกาพวดเปน็ รปู ถว้ ย ทอ่ ลมกลวงบานปลายเปน็ ลาโพงเสยี ง มีเครอ่ื งดนตรีชนดิ หน่งึ ชอื่ “บาริโทน”มเี สยี งใกล้เคียงกับยูโฟเนียม แตท่ อ่ ลมมขี นาดเล็กกว่า เสียงของบาริโทนจะมคี วามห้าวมากกวา่ยูโฟเนียม พบว่าบ่อยคร้ังทีม่ กี ารเรยี กช่ือสลับกนั ระหวา่ งยโู ฟเนียมและบาริโทน

ทบู า (tuba) เป็นเคร่ืองดนตรีตระกูล แซ็กฮอรน์ ทบู ามีทอ่ ลมขนาดใหญ่ และมคี วามยาวต้ังแต่ 9 ,12,14,16 และ 18 ฟตุ แลว้ แต่ขนาด มชี ว่ งเสยี งกว้าง 3 ออคเทฟ เศษ ๆ ท่อลมเป็นทรงกรวย เช่นเดียวกับฮอร์น ส่วนกลางลาตัวตดิ ลกู สูบบงั คับเสยี ง 3 อนั หรือ 4 อนั ส่วนตรงปลายทอ่บานเป็นลาโพง กาพวดเป็นโลหะรปู ถว้ ย เสียงของทูบาตา่ ลึกนมุ่ นวล ไมแ่ ตกพร่า เสยี งตา่ มากท่ีเรียกว่า “พีเดลิ โทน” (pedal tones) น้นั มคี ณุ สมบัติเฉพาะตัวปกติแตรทบู าทาหนา้ ท่ีเป็นแนวเบส ให้แกก่ ลุม่ เครอ่ื งลมทองเหลือง

ซูซา่ โฟน (Sousaphone) เป็นเครื่องลมทองเหลืองที่ใหญท่ ี่สดุ เปน็ เครือ่ งดนตรีประเภทเดียวกับทูบา ลักษณะของเสยี งจะต่าท้มุ ลกึ เหมาะที่จะบรรเลงในแนวเสียงเบสมากกว่าแนวอน่ื ชื่อซูซา่ โฟน ตงั้ ขนึ้ เพอ่ื ให้เกียรตกิ บั จอห์น ฟิลปิ ซูซ่า (John Philip Sousa) นักประพนั ธ์เพลงผู้ควบคุมวงดนตรีทม่ี ีช่อื เสยี งของอเมรกิ า

เครือ่ งลม่ิ นว้ิ (Keyboard Instruments) เคร่ืองดนตรสี ากลในกลมุ่ น้ีมักนยิ มเรยี กทับศพั ท์ในภาษาองั กฤษว่า“เครือ่ งดนตรปี ระเภทคยี บ์ อร์ด” ลกั ษณะเดน่ ของเครือ่ งดนตรีท่อี ยู่ในกล่มุ นี้กค็ ือมลี ่มิ นว้ิ สาหรบั กดเพือ่ ปรับเปลีย่ นระดับเสยี งดนตรี ลิม่ นวิ้ สาหรับกดเรยี กว่า “คยี ์ (Key)” เคร่ืองดนตรีแต่ละชนดิ มีจานวนคยี ์ไม่เท่ากนั โดยปกติสีของคีย์เป็นสีขาวกบั ดา คยี ส์ ีดาโผล่สงู ขึน้ มามากกว่าคีย์สขี าว

เปยี โน(piano) เปน็ เครอื่ งดนตรขี นาดใหญ่ที่สร้างเสียงเมื่อคยี ์ถูกกดและกลไกภายในเครื่องตีสาย คาว่าเปียโนเป็นตวั ยอ่ ของคาว่า ปีอาโนฟอเต(pianoforte)-ออกเสยี งวา่ (ปี-อ๊า-โน่-ฟอ-เต้)ซ่ึงเปน็ คาภาษาอิตาเลียนท่แี ปลวา่ “เบาดงั ” มาจากความสามารถของเปยี โนที่จะปรบั ความดังเบาตามแรงที่กดคีย์ แกรนด์เปยี โน อัพไลทเ์ ปยี โน

ออร์แกน (organ) เป็นเครื่องดนตรีตะวนั ตก ออร์แกนมีประวัติในการประดษิ ฐ์ที่ยาวนานมาตัง้ แต่สมยั โรมนั และมคี วามสาคญั ควบคมู่ ากับศาสนาครสิ ตเ์ ลยทีเดียว คาว่า Organ นน้ั ก็มาจากภาษาละตนิ Organum ซ่ึงเปน็ ชื่อทีใ่ ชเ้ รยี กเคร่ืองดนตรีชนิดหน่ึง ที่มีช่ือว่า Hydraulis ตน้กาเนิดเสียงของออร์แกนมาจากลม ซง่ึ มีแหลง่ กาเนดิ หลายวธิ ีซง่ึ ในสมัยโบราณกต็ อ้ งใชแ้ รงคนในการผลติ ลม เมอื่ ลมถกู บงั คับให้ไหลผา่ นทอ่ ที่มขี นาดตา่ งๆกนั ก็จะเกิดเสยี งที่มคี วามถี่แตกตา่ งกันทอ่ ท่ใี ช้ในการสรา้ งออร์แกนนนั้ อาจจะเป็นไม้ หรือโลหะ กไ็ ด้ ซึง่ จะสง่ ผลให้มเี สยี งทีแ่ ตกตา่ งกนัและออรแ์ กนหน่ึงเคร่ือง สามารถทาเสียงตา่ ง ๆ ไดเ้ ทา่ ๆ กบั เคร่ืองดนตรีหลายชิ้นมารวมกนัดงั นัน้ ออร์แกนจึงสามารถเล่นไดท้ ้ังแนวทานอง และแนวเดินเบส โดยไมต่ อ้ งพึง่ พาเครอ่ื งดนตรีอน่ืใด ดังนั้น ในสมัยกอ่ นน้ัน ออร์แกนจึงถอื เป็นเครอื่ งดนตรที มี่ ีประสิทธิภาพสงู ท่ีสดุ ในบรรดาเครอ่ื งดนตรที ้งั ปวง

ฮารป์ ซิคอรด์ (Harpsichord) เปน็ เคร่อื งดนตรตี ะวนั ตก ในยคุ บาโรค ประเภทเครื่องดดีโดยมีการพัฒนามาจากเครือ่ งดนตรปี ระเภทพิณ และกีตาร์ กลไกการเกดิ เสียงจะใชก้ ารเกย่ี วดึงสายโลหะซง่ึ มขี นาด และความยาวแตกต่างกนั เพ่อื ให้ได้เสยี งความถต่ี ่างๆ การเล่นเครือ่ งดนตรีน้ีจะใช้ คียบ์ อร์ด (Keyboard) ในการสร้างกลไกในการดงึ สาย โดยผ้เู ล่นสามารถเลอื กกดบนแปน้ คยี ์บอรด์ ซ่ึงจะคลา้ ยคลงึ กับการเลน่ เปียโน(Piano) แต่จะมีคยี บ์ อรด์ สองช้ัน เหมอื น ออรแ์ กน(Organ) ผเู้ ล่นไม่สามารถปรบั ความดงั ของเสยี งได้ด้วยนา้ หนกั ของการกดคยี ์บอรด์ แต่สามารถใช้กลไกอ่นื ชว่ ยในการสร้างความแตกต่างของคณุ ภาพเสียง (Acrustic Quality)

คลาวคิ อรด์ (clavichord) เป็นเครือ่ งดนตรีที่มลี กั ษณะคล้ายเปียโน เป็นเครื่องดนตรีประเภทลิม่ นิ้ว (Keybroad instruments) ในยคุ แรก ๆ ประเภทเกิดเสียงได้ จากการดดี โดยมีสายเสียงทีข่ ึงไปตามส่วนรปู ของกล่องไมส้ ่เี หลีย่ ม กวา้ งประมาณ 2 ฟตุ ยาวประมาณ 4 ฟตุ มีแถวของลม่ิ นิ้วประมาณ 3 ออ็ กเทฟ ส่วนปลายสุดของคยี จ์ ะมกี ลไกการงัดหรอื แตะของลิ่มทองเหลอื งเล็กๆ เม่ือผู้เลน่ กดคยี ล์ งไปล่ิมทองเหลืองนก้ี ็จะยกข้ึนและตีไปท่สี ายเสียงเพอื่ ทาให้เกิดเสียง แคลฟวิคอร์ดเป็นเครอ่ื งดนตรปี ระเภทลม่ิ นิว้ ประเภทแรกที่สามารถเล่นได้ท้งั เบาและดังโดยเปล่ยี นแปลงน้าหนกั การกดคยี ์ เสยี งท่ไี ดจ้ ากแคลฟวิคอร์ดมีความไพเราะและนมุ่ นวล

แอคคอร์เดียน (Accordion) เปน็ เครอ่ื งดนตรปี ระเภทลิ่มนว้ิ เช่นเดียวกบั เปยี โนเสียงของแอคคอรเ์ ดียนเกดิ จากการส่นั สะเทอื นของล้นิ ทองเหลืองเลก็ ๆ ภายในตวั เครอื่ งอนั เนื่องมาจากการเล่น ผ่านเข้า – ออกของลมซึ่งต้องใช้แรงของผู้เลน่ สูบเขา้ – ออก

เครื่องกระทบ (Percussion Instruments)เครื่องดนตรีประเภทเคร่ืองกระทบ ได้แก่ เครือ่ งดนตรที เ่ี กดิ เสยี งจากการตี การสน่ั การเขย่า การเคาะ หรือการขดู การตีอาจจะใช้ไม้ตีหรืออาจจะใชส้ งิ่ หนึง่ กระทบเขา้ กับอกี สิ่งหนงึ่ เพื่อทาใหเ้ กิดเสียง เครอ่ื งกระทบประกอบขึน้ ดว้ ยวสั ดทุ ี่เป็นของแข็งหลายชนดิ เช่น โลหะ ไม้ หรือแผน่ หนังขึงตึง

ไซโลโฟน (Xylophone) เปน็ เคร่ืองดนตรปี ระเภทเครื่องกระทบ(PercussionInstruments) ชนิดท่มี ีระดับเสียงแน่นอน (Definite Pitch) เปน็ ระนาดไม้ขนาดเลก็ ของดนตรีตะวันตก ลักษณะท่ัวไปจะคล้ายกบั มาริมบา หรือไวบราโฟน แต่ไวบราโฟนทาจากโลหะ และมีขนาดใหญก่ ว่าไซโลโฟน ลูกระนาดของไซโลโฟนทาด้วยไมเ้ น้ือแขง็ เช่น โร้สวดู เปน็ ต้น จัดเรยี งลาดับเสียงตามบนั ไดเสียงโครมาติก (Chromatic) เชน่ เดยี วกับเปียโนหรือออร์แกน ใต้ลกูระนาดมีท่อโลหะตดิ อยเู่ พอ่ื เปน็ ตวั ขยายเสยี ง คาดว่ามีต้นกาเนดิ มาจากแอฟริกา และเอเชีย

ไวบราโฟน (Vibraphone) เป็นเครือ่ งดนตรปี ระเภทเครื่องตีกระทบ(PercussionInstruments)ชนิดทมี่ รี ะดับเสียงแน่นอน (Definite Pitch) เปน็ ระนาดโลหะขนาดใหญ่ ลักษณะทั่วไปคล้ายกับมาริมบาหรือไซโลโฟน ใต้ลูกระนาดมที อ่ โลหะเพ่อื เป็นตัวขยายเสยี ง มีแกนใบพดัเลก็ ๆ ประจาอยูแ่ ต่ละทอ่ ใช้ระบบมอร์เตอร์หมนุ ใบพัดทาให้เกดิ คลน่ื เสียงสัน่ รัว ดงั ก้องกังวาลอย่างตอ่ เนือ่ ง

มาริมบา(Marimba) เปน็ เครื่องดนตรปี ระเภทเครอื่ งตีกระทบ(Percussion Instruments)ชนิดที่มีระดับเสียงแนน่ อน (Definite Pitch) ลกั ษณะเหมือนกบั ระนาดไมข้ นาดใหญ่ ลกู ระนาดทาด้วยไม้พิเศษท่มี ีชื่อว่า “rosewood” ใตล้ ูกระนาดจะมีท่อโลหะตดิ อยู่เพื่อเปน็ ตัวขยายเสียง

ระฆังราว(Tubular Bells) ทาด้วยท่อโลหะแขวนเรียงตามลาดับเสียงจากสงู ไปตา่ แขวนกบั โครงโลหะในแนวดง่ิ ใชไ้ ม้ตีทปี่ ลายทอ่ ดา้ นหัวจะเกิดเปน็ เสียงเหมือนระฆงั

กลองทมิ ปานี(Timpani) เปน็ กลองที่มลี กั ษณะเหมือนกระทะหรอื กาต้มน้า จึงมีช่ือเรียกอกีช่อื หนึ่งวา่ Kettle Drum ตวั กลองทาด้วยโลหะทองแดง ต้งั อยบู่ นขาหยั่ง กลองทมิ ปานมี ีระดับเสียงแนน่ อนเทยี บเท่ากับเสยี งเบส มีเท้าเหยียบเพื่อเปล่ียนระดบั เสียงตามตอ้ งการ ในการบรรเลงต้องใช้อยา่ งนอ้ ย 2 ใบ เสียงของกลองจะแสดงอานาจ ทาให้ความย่ิงใหญ่ ตน่ื เต้นเร้าใจ

ก๋งิ (Triangle) เปน็ เครื่องดนตรีจดั อยูใ่ นประเภทเครอื่ งตกี ระทบ ทาด้วยแท่งโลหะ ดัดให้เป็นรปู สามเหลี่ยม แทง่ โลหะมขี นาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 1 ซ.ม. เพือ่ ใหเ้ กิดเสยี งดงั กงั วานตอ้ งแขวนกงิ๋ ไวก้ บั เชือกแลว้ ตกี ระทบด้วยแท่งโลหะ ก๋ิงมีเสียงแจ่มใส มีชีวิตชีวา

ฉาบ(Cymbal) คอื เครื่องดนตรีประเภทตกี ระทบ ทาดว้ ยโลหะทองเหลอื ง มีหลายแบบ ทั้งฉาบแบบฝาเดยี ว และแบบสองฝา แตล่ ะแบบยังมีหลายขนาดอีกดว้ ย ฉาบแต่ละแบบมีลักษณะการตแี ตกต่างกันออกไป เสียงของฉาบทาใหเ้ กดิ ความตื่นเต้นเรา้ ใจ ความสนุกสนาน และความอกึ ทึกครึกโครม

แทมโบริน(Tambourine) เปน็ เคร่ืองตีกระทบจังหวะ ประกอบขนึ้ ดว้ ยขอบกลมเหมอื นขอบกลองขนาดเลก็ ประมาณ 10 นิว้ ขอบอาจทาด้วยไม้ พลาสติก หรอื โลหะ รอบๆ ขอบติดด้วยแผ่นโลหะประกบกนั 2 แผน่ หรือติดด้วยลกู กระพรวนเป็นระยะ ใชก้ ารตีกระทบกบั ฝ่ามอืหรือสั่นเขยา่ ให้เกิดเสียงดังกรงุ๋ กร๋งิ เพอื่ ประกอบจังหวะให้เกดิ ความสนกุ สนาน สดชื่น แทมโบรนิบางชนดิ จะขึงด้วยหนงั เหมือนกลอง 1 ด้าน ใช้ฝ่ามือตที ี่หนังกไ็ ด้ แทมโบรินมชี ือ่ เรยี กอีกชอ่ื หน่ึงว่า Riqq หรือ Riq

มาราคา(Maraca) เปน็ เคร่ืองดนตรจี ัดอยใู่ นประเภทเคร่ืองตกี ระทบ เดมิ ทาดว้ ยผลนา้ เต้าแก่จดั ทาใหแ้ ห้ง ภายในบรรจดุ ้วยเมล็ดนา้ เต้า เมลด็ ถั่วต่างๆ หรือลูกปดั ลูกเล็กๆ ตอ่ ด้ามไว้สาหรับจับถอื เล่นโดยการเขยา่ ดว้ ยมือทง้ั 2 ขา้ งสอดสลบั กันเพ่ือใหเ้ กดิ เสยี งซ่าๆ ปัจจุบนั ทาด้วยไมแ้ ละพลาสตกิ

กลองชุด(Drum set) คือกลองท่ีประกอบดว้ ยกลองใหญ่ กลองสะแนร์ ฉาบขนาดต่างๆ กลองทอม 2 หรือ 3 ลกู ท่มี ขี นาดแตกตา่ งกนั ไฮแอท (ฉาบ 2 ฝาประกบตดิ กัน กระทบกันด้วยขาเหยยี บ) พร้อมทง้ั เพมิ่ เครอื่ งกระทบจังหวะอน่ื ๆ ประกอบเข้าด้วยกันเป็นพิเศษ อกี ดว้ ย เช่นเคาเบลล์ เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook