ป้องกันอัคคีภัยและอพยพหนีไฟ ศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจำปี 2565 จัดทำโดย สำนักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ถนนสิรินธร
บทนํา ดวยสํานักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ไดจัดทํา โครงการ “ปองกันอัคคีภัย และอพยพหนีไฟศูนยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจําป 2565” โดยมีวัตถุประสงค เพื่อเตรียม ความพรอมดานอุปกรณชวยเหลือและระงับเหตุ ข้ันตอนการอพยพหนีไฟ ทักษะการใชงานอุปกรณดับเพลิง และภาคปฏิบัติจําลองสถานการณเ พลิงไหมและอพยพหนไี ฟ ลดการสูญเสียในชวี ิตและทรัพยสนิ เม่ือเกิดอัคคีภัย ในวันศุกรท่ี 22 กรกฎาคม 2565 ณ HALL4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ ศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ทางสํานักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตระหนักถึงความสําคัญของ ความปลอดภัยของบุคลากรและนักศึกษาภายในอาคารท่ีพัก จึงสนับสนุนใหมีการดําเนินการเพื่อเสริมสรางความรู ความเขาใจเรื่องความปลอดภัยปลูกฝงทัศนคติและกระตุนจติ สํานึกความปลอดภัยใหเ กิดแกบุคลากรและนักศึกษา ทุกระดบั รวมทั้งผทู สี่ นใจ
สารบัญ หนา เรื่อง 2 2 ปองกนั อคั คีภัยและอพยพหนไี ฟอาคารท่ีพักศนู ยว ทิ ยาศาสตร ประจําป 2565 2 - หลักการและเหตุผล 2 - วัตถปุ ระสงค 2 - วนั /เวลาดําเนินการ 2 - พ้นื ท่ดี ําเนินการ 3 - หนวยงานที่รบั ผดิ ชอบ 3 1. การอบรมความรกู ารปองกนั อคั คภี ัยและการฝก ซอ มอพยพหนีไฟ 3 3 1.1 ความรเู กี่ยวกับทฤษฎไี ฟ 4-5 - สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม 5 - องคป ระกอบของการเกิดของไฟ 5-6 1.2 ความรเู ก่ียวกบั ประเภทของไฟ 7 1.3 ประเภทของถังดบั เพลิงและวิธกี ารใชถ ังดับเพลงิ 7 - ประเภทของถังดบั เพลิง 8 - วิธีการใชถ ังดบั เพลงิ 8-14 - วิธกี ารตรวจสอบถังดบั เพลงิ 14-18 1.4 การปฐมพยาบาลเบ้ืองตนและการชวยชีวติ 19 - การเคลอื่ นยา ยผบู าดเจ็บ 20 - การชวยฟนคืนชพี CPR 20 1.5 ความรเู ก่ยี วกบั แกสหุงตม (LPG) 20 - คุณสมบตั ิของแกส หุงตม (LPG) 21 - ขอควรระวงั วิธีการติดตัง้ และใชแกสในการประกอบอาหาร 22 - ขน้ั ตอนการปดเตาแกส ท่ถี กู ตอ ง 22 - วิธีการตรวจสอบถงั แกสหงุ ตม (LPG) 23 2. การฝกปฏิบัตกิ ารดบั เพลงิ เบื้องตน และการอพยพหนไี ฟ 24 - การวางแผนซอ มอพยพหนีไฟ - แผนผงั การปฏิบัติเมอ่ื ประสบเหตุเพลิงไหมในอาคาร 25 - แผนผงั การระงับอัคคภี ยั การอพยพหนีไฟ 26-31 ภาคผนวก ภาพกิจกรรมการปอ งกนั อัคคภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดุสติ ประจําป 2565 ปอ งกันอคั คีภยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ ประจาํ ป 2565 1
ปอ งกันอคั คภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจําป 2565 หลักการและเหตุผล ปจจุบันหนวยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจสวนใหญใหความสําคัญในเร่ืองความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพยสินขององคกรที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติภัยตางๆ โดยเฉพาะอยางยิ่ง จากสภาพแวดลอมท่ีเปล่ียนแปลงไป เชน ความแปรปรวนของภูมิอากาศความไมสมดุลของระบบนิเวศนจึงเกิดอุบัติภัยท่ีเกิดจากอัคคีภัย และแผนดิน ไหว ซ่ึงอาจทําใหเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพยสินของหนวยงาน เรื่องการปองกันและระงับอัคคีภัยในสถาน ประกอบการเพ่ือความปลอดภัยการทํางานสําหรับลูกจาง และปญหาเรื่องภัยพิบัติเปนสาธารณภัยในประเทศไทย ท่มี ีแนวโนม ทจี ะเกิดขึ้นอยางตอเนื่องและรนุ แรงมากขนึ้ เพ่ือความปลอดภัยในการทาํ งานสาํ หรับบุคลากร อาจารย และนักศึกษามหาวิทยาลัย สํานักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเห็นถึงความจําเปน จัดโครงการอบรม “การปองกันอคั คภี ยั และอพยพหนีไฟศนู ยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565” เพอ่ื ใหบุคลากรทกุ คนในสถานศกึ ษาไดรับความปลอดภยั และสามารถปฏิบัติตนเมือ่ อยูในภาวะฉุกเฉินในเบอ้ื งตนได อยางถกู ตองและปลอดภัย วัตถุประสงค 1. เพ่ือใหถูกตองตามกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดําเนินการดาน ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ มในการทาํ งานเกีย่ วกับการปองกันและระงบั อคั คีภยั 2. เพอื่ เตรียมความพรอ มในสถานการณฉุกเฉินเกยี่ วกบั อัคคีภัยในการสถานท่ีปฏิบตั งิ านและอาคารท่ีพัก 3. เพื่อใหบุคลากรและนักศึกษามีความรูความสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินมากขึ้น รวมทั้งมีสวนรวม ในการแกไขสถานการณฉ กุ เฉนิ ซงึ่ จะชวยลดความ สญู เสียที่อาจจะมผี ลกระทบตอ ชวี ิตทรัพยสนิ และส่ิงแวดลอ ม วัน/เวลาดําเนินการ วนั ศกุ รท ่ี 22 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 – 16.30 น. พืน้ ท่ีดําเนินการ HALL4 อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ ศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ หนวยงานทร่ี ับผิดชอบ สํานกั งานบริการอาคารวิทยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต ปอ งกันอคั คภี ยั และอพยพหนีไฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต ประจาํ ป 2565 2
1. การอบรมความรกู ารปอ งกันอัคคีภัยและการฝกซอ มอพยพหนไี ฟ สํานักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร ไดประสานงานกับสํานักปองกันและบรรเทาสาธารณภัยสถานี ดั บ เพลิงแ ละกู ภัย บ างออ ใน การ จัดอบร มคว ามรูก ารปองกันอัคคี ภั ยแ ละกา รฝกอ พย พ ห นีไ ฟ โดย นายกลวชั ร ราโสภา ตาํ แหนง เจา พนกั งานปองกนั และบรรเทาสาธารณภัยปฏิบัติการ สถานีดับเพลงิ และกูภัย บางออ กองปฏิบัติการดับเพลิงและกูภัย5 สํานักปองกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร วิทยากร ผบู รรยายและฝก ปฏิบัติ ดังน้ี 1.1 ความรูเกย่ี วกับทฤษฎไี ฟ สาเหตุของการเกดิ เพลงิ ไหม แบง เปน ๒ ประเภท 1. เกดิ จากการกระทําของมนุษย (เกิดจากความประมาท) - การจดุ ธูปเทยี นไหวพระ - การสูบบหุ ร่ี - การใชแ กสประกอบอาหาร - การใชไ ฟฟา - การวางเพลิง 2. เกดิ จากธรรมชาติ - ฟา ผา - การเสียดสขี องตนไม องคประกอบของการเกิดของไฟ การเกิดของไฟ ไฟเกิดจากการรวมตัวขององคป ระกอบ 3 ประการทร่ี วมตวั กนั จนไดส ัดสวน ไดแ ก 1. เชื้อเพลงิ (FUEL) คอื ส่งิ ที่ติดไปและลุกไหมไ ด 1.1 ประเภทของแข็ง เชน ไม กระดาษ พลาสติก เสอ้ื ผาฯลฯ 1.2 ประเภทของเหลว เชน นํ้ามนั สารเคมี ฯลฯ 1.3 ประเภทกาซ เชน กา ซหุงตม 2. ความรอน (HEAT) คือมีความรอนที่เหมาะสมและ เพียงพอ สามารถทาํ อุณหภูมิสูงจนทาํ ใหส ารเช้ือเพลิงถงึ จดุ ตดิ ไฟ เชน ทอรอน สะเก็ดไฟ ลูกไฟจากการเช่ือม เคร่ืองจักรรอน ชิ้นงานรอน ไฟฟา ชอ็ ต เปลวไฟ บุหร่ี ฟาผาฯลฯ 3. อากาศ (OXYGEN) ในบรรยากาศทั่วไปมีออกซิเจน ประมาณ 21% อยูแลว ซึ่งสามารถชวยติดไฟได ปองกนั อคั คภี ัยและอพยพหนีไฟศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ ประจําป 2565 3
1.2 ความรูเ ก่ียวกับประเภทของไฟ สญั ลักษณ/ รูปภาพ ประเภทของไฟ 1. Class A Fire คือไฟไหมทั่วไป คือเกิดเหตุ ไฟไหมบนผิววัสดุติดไฟทวั่ ไป เชน ไม เสื้อผา ยาง และพลาสติกบางประเภท ซึ่งไฟประเภทนี้ สามารถใชนํ้าในการดับไฟได รวมถึงถังดับเพลิง ท่วั ไปกใ็ ชดบั ไฟประเภทนไ้ี ดเชนกัน 2.Class B Fire คือไฟไหมบนของเหลวที่ติดไฟ ได เชน น้ํามันเชื้อเพลิง ไฮโดรคารบ อน แอลกฮอล หรือสารละลายเคมีตางๆ รวมถึงกาซ ไวไฟชนิด วธิ ดี ับไฟประเภทนี้คือ กําจัดออกซิเจน ทําใหอับ อากาศ โดยคลุมดับ ใชผงเคมีแหงหรือใชโฟม ดับเพลิง 3. Class C Fire คือไฟไหมท ี่เกิดจากไฟฟา หรอื อุปกรณไฟฟา ซึ่งแนนอนวาไฟประเภทนี้ไม สามารถใชน ํ้าได วิธีดับไฟประเภทน้ีคอื การตัดกระแสไฟฟา แลว จึงใชกาซคารบอนไดออกไซด CO2 หรือนํ้ายา เหลวระเหยทีไ่ มมี CFC ไลออกซเิ จนออกไป 4. Class D Fire คือไฟไหมบนสสารที่เปน โลหะ เชน อลูมิเนียม แม็กนีเซียม โซเดียมฯลฯ ซ่ึงไฟประเภทนี้จะมีอุณหภูมิสูงมาก (อาจถึง 1000 องศาเซลเซียส) และยังมีเปลวไฟนอยมาก จนสังเกตเห็นไดยาก การใชน้ําดับไฟประเภทน้ี เปน สิง่ ที่หามเด็ดขาด วิธีเดียวในการดบั ไฟคือ ใชสารดบั ไฟทเี่ หมาะสม โดยทั่วไปจะใช ผงโซเดียมคลอไรด หรือ ผงแกรไฟต ในการดับไฟ ปอ งกนั อคั คีภัยและอพยพหนไี ฟศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ประจาํ ป 2565 4
1.2 ความรเู กี่ยวกับประเภทของไฟ (ตอ ) สญั ลกั ษณ/ รูปภาพ ประเภทของไฟ 5. Class K Fire คือไฟที่เกิดจากน้ํามันท่ีติดไฟ ยาก เชน น้ํามันทําอาหาร นํ้ามันพืช ไขมันสัตว ติดไฟ วธิ ดี บั ไฟประเภทนค้ี ือ การกําจัดออกซิเจน การ ทาํ ใหอับอากาศ ใชสารดบั เพลงิ ชนดิ น้าํ ผสมสาร โปตสั เซียมอะซเิ ตท 1.3 ประเภทของถังดบั เพลงิ และวิธกี ารใชถ ังดับเพลิง ประเภทของถังดับเพลิง รูปภาพ ประเภทไฟทใ่ี ชด ับ 1. ชนดิ ผงเคมีแหง (Dry Chemical) สามารถดับไฟไดเกือบทุกประเภท A B C ยกเวน CLASS K ราคาถูกหาซื้อ งาย แตม ขี อเสียคอื เม่อื ฉีดออกมาจะฟุง กระจาย และเม่ือเราทําการฉีดแลว จะฉีดจนหมดหรือไมหมดถัง แรงดัน จะตก ไมสามารถใชงานไดอีก ตองสง บรรจุใหม ถงั สีแดง 2.ชนิดน้ํายาเหลวระเหย (BF2000 NON-CFC) สามารถดับไฟไดเกือบทุก ป ร ะ เ ภ ท A B C ย ก เ ว น CLASS K ราคาถูก หาซื้องาย ไมมีสี ไมมีกล่ิน ไมติดไฟ ไมเปนสื่อนําไฟฟา เม่ือฉีดออกจะเปนไอระเหยสีขาว และ จ ะ ร ะ เ ห ย ไ ป เ อ ง โ ด ย ไ ม ทํ า ใ ห วั ส ดุ อุปกรณไฟฟาเสียหาย และไมทําให สกปรกในบรเิ วณ ทใ่ี ชงาน ถังสีเขียว ปองกันอคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดุสติ ประจําป 2565 5
1.3 ประเภทของถงั ดบั เพลงิ และวิธกี ารใชถงั ดับเพลงิ (ตอ) ประเภทของถงั ดับเพลงิ รปู ภาพ ประเภทไฟที่ใชดับ 3. ชนิดกา ซคารบ อนไดออกไซด (CO2) ส า ร เ ค มี ภ า ย ใ น บ ร ร จุ ก า ซ คารบอนไดออกไซด กาซที่ฉีดออกมา จะเปนไอเย็นจัด คลายนํ้าแข็งแหง ลด ความรอ นของไฟได ไมท งิ้ คราบสกปรก สามารถดับไฟไดประเภท B C เหมาะ สําหรับใชงานในหองเคร่ืองจักร Line ก า ร ผ ลิ ต อุ ต ส า ห ก ร ร ม อ า ห า ร ถังสีแดง ปลายกระบอกฉีดจะใหญเปน พิเศษ 4.ชนิดโฟม สารเคมีภายในบรรจุโฟม เมื่อฉีดออกมาจะเปนฟองโฟมคลุมผิว เชื้อเพลงิ ท่ีลุกไหม จึงสามารถดบั ไฟได ประเภท A B แตไมสามารถนําไปดับ ไฟประเภท C ไดเพราะเปนส่ือนํา ไฟฟา เหมาะสาํ หรับภาคอตุ สาหกรรม ดับเชื้อเพลิงประเภททินเนอร และสาร ระเหยติดไฟ ถงั แสตนเลส 5 . ช นิ ด น้ํ า บ ร ร จุ น้ํ า ภ า ย ใ น ถั ง มี คุณสมบัติพิเศษในการดับเพลิงจําพวก ของแข็งติดไฟไดดี Fire Class A ทเี่ กิด จาก ไม กระดาษ ผา ปอ งกนั อคั คีภยั และอพยพหนไี ฟศูนยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจําป 2565 6
วิธีการใชถงั ดับเพลงิ 1. เขาไปทางเหนอื ลมโดยหา งจากฐานของไฟประมาณ ๒ – ๓ เมตร 2. ดึงสลักหรือลวดทีร่ ัง้ วาลว ออก 3. ยกหวั ฉีดปากกรวยชไี้ ปท่ฐี านของไฟ (ทาํ มุมประมาณ ๔๕ องศา ) 4. บีบไกเพือ่ เปด วาลว ใหก า ซพุง ออกมา 5. ใหฉีดไปตามทางยาว และกราดหัวฉีดไปชา ๆ 6. ดบั ใหสนิทจนแนใ จแลว จึงฉดี ตอไปขางหนา ในกรณีที่เกิดเพลิงไหมวางอยูในระดับตางกันใหฉีดจาก ขางลางไปหาขางบนและถาน้าํ มนั รว่ั ไหลใหฉีดจากปลายทางท่ีรั่วไหล ไปยังจุดที่ร่ัวไหล และเหตุเพลิงไหมที่เกิดจากอุปกรณไฟฟาท่ีมี กระแสไฟฟา ไหลอยตู องรีบตดั กระแสไฟฟากอน เพ่อื ปอ งกนั มิใหเกิด การลกุ ไหมข ึน้ มาอีกได วธิ ีการตรวจสอบถังดบั เพลงิ 1. ดูท่ีเข็มในมาตรวัด (Pressure Gauge) ของถังดับเพลิง เคร่ืองดับเพลิงที่อยูในสภาพพรอมใชงานได เข็มจะชท้ี ช่ี องสเี ขยี ว ( สังเกตตามรูป ) แตถาเข็มเอียงมาทางซา ยแสดงวาแรงดนั ไมมี ตอ งรีบนาํ ไปเติมแรงดันทันที ซ่งึ ควรตรวจสอบเปน ประจาํ ทุกเดือน 2. ตรวจ สายฉีด หัวฉีด อยาใหมผี งอดุ ตัน เปน ประจําทุกเดือน 3. ถาไฟไหมห รือกระทบกระเทอื นอยา งรุนแรง ใหสง ไปตรวจสอบและบรรจุใหม 4. สภาพบรรจุของถังดับเพลงิ ตอ งไมบุบ หรือบวม และไมข ึ้นสนมิ 5. อายุการใชงาน ถังดับเพลงิ ชนิดผงเคมแี หง (ถงั สีแดง) มอี ายุประมาณ 5 ป ชนดิ ฮาโลตรอนวนั (ถงั สีเขียว) และชนิดกาซ CO2 มีอายปุ ระมาณ 10 ป 6. ถังดบั เพลิงชนดิ ผงเคมีแหง (ถงั สีแดง) หากมีการใชงานแลว ตองนาํ ไปเติมสารเคมีใหมทกุ ครั้ง ปอ งกนั อคั คภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจําป 2565 7
1.4 การปฐมพยาบาลเบ้อื งตนและการชวยชีวิต การเคลอ่ื นยายผูบาดเจ็บ การเคลื่อนยายท่ีถูกวิธีมีความสําคัญมาก ถาผูชวยเหลือมีประสบการณ มคี วามรู ความเขาใจ มหี ลักการ และรูจักวิธีการเคล่ือนยายท่ีถูกวิธี จะชวยใหผูบาดเจ็บมีชีวิตรอด ปลอดภัย ลดความพิการ หรืออันตราย ท่ีจะ เกดิ ข้นึ ภายหลังได หลักในการเคลื่อนยายผูป วย 1. ตองทราบวาผูป ว ยไดร ับบาดเจ็บบริเวณใด 2. ใหก ารปฐมพยาบาลกอ นการเคล่อื นยาย เชน หา มเลือด ดามกระดกู ท่ีหกั เปนตน 3. เลือกวิธีการเคลื่อนยายท่ีเหมาะสมกบั สภาพความเจบ็ ปวย 4. การเคลอื่ นยายตอ งทําดว ยความนุมนวล มสี ติ รอบคอบ 5. การเคลื่อนยายผูปวยหนักจะตองมีสง่ิ รองรับ ศรี ษะ แขน ขา และหลัง 6. อุปกรณเ คลือ่ นยายผูปว ย เชน เปล ตอ งนํามาใหถึงผูปว ย มิใชยกผปู ว ยเดนิ ไปหาเปล 7. ถามผี ชู วยเหลือหลายคนควรมีหัวหนาเพ่ือสง่ั การหน่ึงคน เพ่ือใหก ารทาํ งานเปนไปอยางมปี ระสิทธภิ าพ 8. ขณะเคล่ือนยํ้ายดวยเปลควรมีสาํ ยรดั กนั กาํ รตก 9. ขณะเคลื่อนยายผูปวยตองดูแลอยางใกลชิด โดยสังเกตการหายใจและจับชีพจร ถามีอาการผิดปกติ ตองรีบ ชวยเหลือทันที 10. รีบนําผูปวยสงใหถึงมือแพทยโดยเร็วท่ีสุดและผูนําสงควรเลาเหตุการณใหแพทยทราบเพ่ือชวยการวิเคราะห การบาดเจ็บ การเคลือ่ นยายผปู วย จุดประสงคก ารเคลอื่ นยายผปู วย คือ 1. เพ่ือเคลื่อนยายผูปวยออกจากสถานทเ่ี กิดเหตุ อนั อาจทาํ ใหเกดิ อนั ตรายเพิม่ ข้ึน 2. เพ่ือเคลื่อนยายผปู วยไปอยูใ นที่ทใี่ หก ารปฐมพยาบาลไดส ะดวก 3. เพอ่ื สงผปู วยไปรบั การรักษาตอ 1. การเคล่ือนยายโดยผูช วยเหลือคนเดียว วธิ ีที่ 1 พยงุ เดนิ เหมาะสําหรบั ผปู วยท่ีรูสึกตวั ดี แตแขนหรือขาขางใดขางหนึง่ เจ็บ (เฉพาะสวนลาง) วิธเี คล่อื นยาย ผูชวยเหลือยืนเคียงขางผูปว ย หันหนาไปทางเดียวกัน แขนขางหน่งึ ของผูปวยพาดคอ ผูชวยเหลือ จบั มือผูปว ยไว สวนแขนอกี ขางหนง่ึ ของผูช ว ยเหลือโอบเอวและพยุงเดนิ ปองกนั อคั คีภยั และอพยพหนไี ฟศนู ยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจาํ ป 2565 8
ภาพ การเคลือนยา้ ยผปู้ ่ วยโดยวธิ ีพยงุ เดิน วธิ ที ่ี 2 การอุม วธิ ีนใ้ี ชกับผูบาดเจบ็ ท่ีมีนา้ํ หนกั ตวั นอ ย หรือในเด็กซ่งึ ไมม บี าดแผลรุนแรง หรือกระดกู หัก โดยการ ชอนใตเ ขาและประคองดานหลงั หรืออุมทาบหลังก็ได ภาพ การเคลือ่ นยายผูปว ยดว ยวธิ อี ุม ปองกันอคั คีภยั และอพยพหนีไฟศูนยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดุสติ ประจําป 2565 9
วิธีที่ 3 วิธีลาก เหมาะท่ีจะใชในกรณีฉุกเฉิน เชน เกิดไฟไหม ถังแก็สระเบิด หรือตึกถลม จําเปนตองเคล่ือนยาย ออกจากท่ีเกิดเหตุใหเร็วท่ีสุด อาจปฏิบัติไดหลายวิธี ผูชวยเหลืออาจจะลากโดยใชมือสอดใตรักแรลากถอยหลัง หรือจับขอเทาลากถอยหลังก็ได ไมควรลากไปดานขางของผูบาดเจ็บ ตองระวังไมใหสวนของรางกายโคงงอ โดยเฉพาะสวนของคอและลําตัว การลากจะลดอันตรายลงถาใชผาหมหรือเส่ือ หรือ แผนกระดานรองลําตัว ผบู าดเจ็บ ภาพ การเคลื่อนยายผปู ว ยดว ยวิธีการลาก 2. การเคลื่อนยายผูปวยโดยผูชวยเหลือสองคน วิธีท่ี 1 อุมและยก เหมาะสําหรับผูปวยรายในรายท่ีไมรูสึกตัว แตไมควรใชในรายท่ีมีการบาดเจ็บของลําตัว หรอื กระดกู หัก ภาพ การเคลอื่ นยายผปู วยดว ยวธิ ีอมุ และยก ปอ งกันอคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจําป 2565 10
วิธที ่ี 2 น่ังบนมือท้ังสี่ที่จบั ประสานกันเปนแคร เหมาะสําหรับผูปวยในรายท่ีขาเจ็บแตรูสึกดีและสามารถใชแขน ทั้งสองขางได วิธีเคลื่อนยาย ผูชวยเหลือท้ังสองคนใชมือขวากําขอมือซายของตนเอง ขณะเดียวกันก็ใชมือซายกํามือขวา ซง่ึ กนั และกัน ใหผ ปู วยใชแขนท้ังสองยนั ตัวขน้ึ น่งั บนมอื ทง้ั ส่ีท่ีจบั ประสานกันเปนแคร แขนท้ังสองของผูปวยโอบคอ ผูช ว ยเหลอื จากนั้นวางผูปว ยบนเขาเปนจังหวะท่ีหน่งึ และอุมยนื เปน จงั หวะทีส่ อง แลวจึงเดนิ ไปพรอ มๆ กัน ภาพ การเคล่อื นยายผูป วยดวยวิธีน่ังบนมอื ทงั้ สที่ ป่ี ระสานกันเปน แคร วิธที ี่ 3 การพยุงเดนิ วิธีนีใ้ ชในรายท่ีไมมบี าดแผลรนุ แรง หรือกระดูกหักและผบู าดเจบ็ ยังรูสึกตวั ดี ภาพ การเคลอื่ นยายผปู ว ยดว ยวธิ ีพยุงเดนิ ปองกันอคั คีภัยและอพยพหนีไฟศนู ยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจาํ ป 2565 11
3. การเคล่อื นยายผูปวยโดยผชู วยเหลือสามคน วิธที ่ี 1 อมุ สามคนเรียง เหมาะสาํ หรับผูปว ยในรายที่ไมรูสกึ ตวั ตองการอุมข้นึ วางบนเตียงหรืออมุ ผานทางแคบๆ วิธีเคลอื่ นยาย ผูชวยเหลอื ทั้งสามคนคกุ เขาเรียงกันในทาคกุ เขาขางเดียว ทกุ คนสอดมอื เขาใตตัวผูปวยและอุมพยุง ไวต ามสว นตาง ๆ ของรางกายดงั น้ี คนท่ี 1 สอดมือท้ังสองเขาใตต ัวผูป ว ยตรงบรเิ วณคอและหลังสวนบน คนท่ี 2 สอดมือทัง้ สองเขาใตต ัวผปู วยตรงบริเวณหลงั สวนลางและกน คนท่ี 3 สอดมือท้ังสองเขาใตข า ผูชวยเหลือคนท่ีออนแอที่สุดควรเปนคนท่ี 3 เพราะรับน้ําหนักนอยท่ีสุด เมื่อจะยกผูปวยผูชวยเหลือ ทั้งสามคน จะตอ งทํางานพรอมๆกัน โดยใหคนใดคนหน่ึงเปนออกคําสั่ง ข้ันแรกยกผูปวยพรอมกันและวางบนเขา จากทานี้เหมาะสําหรับจะยกผูปวยขึ้นวางบนเปลฉุกเฉินหรือบนเตียง แตถาจะอุมเคลื่อนที่ผูชวยเหลือท้ังสามคน จะตองประคองตัวผูปวยในทานอนตะแคงและอุมยืน เมื่อจะเดินจะกาวเดินไปทางดานขางพรอมๆกัน และถา จะวางผูปว ยใหท ําเหมือนเดมิ ทกุ ประการ คือ คกุ เขาลงกอนและคอ ยๆวางผูป ว ยลง ภาพ การเคล่ือนยายผูปว ยดวยวิธอี ุมสามคนเรยี ง ปองกันอคั คภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ประจาํ ป 2565 12
วธิ ีท่ี 2 การใชค น 3 คน วิธนี ใ้ี ชในรายท่ผี ูบ าดเจ็บนอนหงายหรือนอนคว่าํ กไ็ ด ใหค างของผบู าดเจ็บยกสงู เพ่ือเปด ทางเดินหายใจ 1. ผูปฐมพยาบาล 2 คนคุกเขาขางลําตัวผูบาดเจ็บขางหนึ่งอีกขางหนึ่งผปู ฐมพยาบาลอีก 1 คน คุกเขาขางลําตัว ผูบาดเจบ็ 2. ผปู ฐมพยาบาลคนท่ี 1 ประคองทศ่ี ีรษะและไหลผูบาดเจบ็ มืออีกขางหน่งึ รองสว นหลังผบู าดเจบ็ 3. ผูปฐมพยาบาลคนท่ี 2 อยูตรงขามคนที่ 1 ใชแขนขางหน่ึงรองหลงั ผูบาดเจ็บเอามือไปจับมือคนที่ 1 อีกมือหนึ่ง รองใตสะโพกผูบ าดเจ็บ 4. ผูปฐมพยาบาลคนท่ี 3 มอื หนง่ึ อยใู ตตนขาเหนอื มือคนท่ี 2 ที่รองใตสะโพก แลวเอามือไปจับกับมือคนท่ี 2 ที่รอง ใตสะโพกนนั้ สว นมืออีกขางหน่งึ รองที่ขาใตเขา 5. มือคนที่ 1 และคนท่ี 2 ควรจับกันอยูระหวางก่ึงกลางลําตัวสวนบนของผูบาดเจ็บ ผูปฐมพยาบาลจะตอง ใหส ญั ญาณลุกข้นึ ยืนพรอมๆกนั ภาพ การเคล่อื นยายผูปว ยดว ยวธิ ีใชคน 3 คน การเคลื่อนยายผูปว ยโดยใชผ าหม ใชก รณที ีไ่ มมีเปลหามแตไมเหมาะกบั ผปู ว ยที่ไดร บั บาดเจ็บบริเวณหลงั วิธีเคล่ือนยาย พับผาหมตามยาวทบกันเปนช้ันๆ 2-3 ทบ โดยวิธีการพับผาหมพับเชนเดียวกับการพับกระดาษ ทําพัด วางผาหมขนาบชิดตัวผูปวยทางดานขาง ผูชวยเหลือคกุ เขาลงขางตวั ผูปวยอีกขางหน่ึง จับผูปว ยตะแคงตัว เพ่ือใหนอนบนผาหมแลวดึงชายผาหมทั้งสองขางออกเสร็จแลวจึงมวนเขาหากัน จากนั้นชวยกันยกตัวผูปวยข้ึน ผูชวยเหลือคนหนึ่งตอ งประคองศีรษะผปู ว ย โดยเฉพาะผปู ว ยทส่ี งสัยวาไดรับบาดเจบ็ ทีค่ อหรือหลงั ปองกนั อคั คภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจาํ ป 2565 13
ภาพ การเคลือ่ นยายผูปว ยโดยใชผ าหม การเคล่อื นยายผูปวยโดยใชเปลหาม เปลหรือแครมีประโยชนในการเคลือนยายผูปว ย อาจทาํ ไดงายโดยดัดแปลง วัสดุ การใชเปลหามจะสะดวกมากแตจ ะยุงยากขณะที่อุมผูปว ยวางบนเปลหรืออุมออกจากเปล วธิ กี ารเคล่ือนยาย เรม่ิ ตนดว ยการอุมผูปว ยนอนราบบนเปล จากน้ันควรใหผ ูชวยเหลือคนหนึ่งเปนคนออกคําส่ังให ยกและหามเดนิ เพ่อื ความพรอมเพรยี งและนุมนวล ถามีผูช ว ยเหลือสองคน คนหนึ่งหามทางดานศีรษะ อกี คนหาม ทางดานปลายเทา และหันหนา ไปทางเดียวกัน ซ่งึ หมายความวาผูชวยเหลือที่หามทางดานปลายเทาจะเดินนําหนา หากมผี ูช ว ยเหลือ 4 คน ชวยหามอีก 2 คน จะชวยหามทางดานขางของเปลและหันหนาเดนิ ไปทางเดียวกัน ภาพ การเคลือ่ นยายผูป วยโดยใชเปลหาม การชว ยฟนคืนชพี CPR การชวยฟนคืนชีพ (CPR : Cardiopulmonary resuscitation) หมายถึง การปฏิบัติการเพ่ือชวยฟน การทํางาน ของระบบไหลเวียนเลือดที่หยุดทํางานอยางกระทันหัน เพ่ือใหหัวใจกลับมาเตนเองไดตามปกติ โดยไมเกิดความ พิการของสมอง วตั ถุประสงคของการชว ยฟน คนื ชพี 1. เพม่ิ ออกซิเจนใหก บั รางกายและเนอ้ื เยอื่ 2. ปองกันสมองตายโดยการทาํ ใหโ ลหติ ไปเลีย้ งสมองไดเพยี งพอ ปองกนั สมองตายโดยการทาํ ใหโลหิตไปเลี้ยงสมอง ไดเ พียงพอ 3. คงไวซง่ึ การไหลเวียนของโลหิตในขณะหัวใจหยุดเตน เพื่อนําออกซิเจนไปสูสมอง หัวใจและเน้ือเย่ือสวนตางๆ ของรา งกาย 4. ดูแลผูปวยใหกลบั สูสภาวะปกติ หลังจากที่หัวใจกลับเตนใหมแ ลว ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนีไฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจาํ ป 2565 14
การทํา CPR ขั้นพน้ื ฐาน ( BCLS ) เมือ่ พบผปู วยหมดสตหิ รือไมเ คล่ือนไหวตอ งสาํ รวจข้ันพน้ื ฐาน ดังนี้ 1. ตรวจดวู าผูป ว ยหมดสตจิ รงิ หรอื ไม โดยการเขยาตัวเบาๆ ซึง่ อาจพูดวา “คุณๆ ตน่ื ๆ เปน อะไรหรอื เปลา” 2. เรียกขอความชวยเหลือจากผูอ่ืนๆ เพราะในการชวยเหลือผทู ่ีหยุดการหายใจหรือหัวใจหยุดเตนในระยะอันสั้น ควรมีคนมาชวยมากกวา 1 คน เพอื่ จะไดช ว ยติดตอเจาหนาที่ผเู กยี่ วของมาชวยเหลอื ตอ ไป เชน พดู วา “ชวยดว ยๆ มีคนหมดสติ” และเรียกขอความชวยเหลือหรือเรียกบริการการแพทยฉุกเฉินจากหนวยงานตาง ๆ ทันที เชน ศูนยเอราวัณ (เฉพาะในพืน้ ที่ กทม.) โทร. 1646 , สถาบนั การแพทยฉุกเฉนิ แหงชาติ โทร. 1669 (ทั่วประเทศ) 3. จัดทาผูปวย ควรจัดทาผูปวยใหนอนหงายราบบนพ้ืนแข็งเพื่อความสะดวกในการกดหนาอกหรือนวด หัวใจ การทํา CPR จะตองใหผูปวยนอนหงายหลังตรง ศีรษะจะตองไมสูงกวาระดับหัวใจจึงจะทํา CPR ไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ ในการสาํ รวจและจดั ทาผปู วยนจี้ ะตองใชเวลาไมเกนิ 10 วินาที การชวยฟน คืนชีพข้นั พืน้ ฐาน (Basic Life Support: BLS) แนวทางการปฏิบัติการชวยฟนคืนชีพข้ันพ้ืนฐานประกอบไปดวย 3 ข้ันตอนสําคัญ C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing) โดยวิธปี ฏิบัติคอื กดหนา อก (C) 30 ครงั้ >> เปด ทํางเดินหายใจ (A) >> ชว ยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30:2 ท้งั นีใ้ หท ํา CPR ไปจนกวากูชพี จะมาถงึ หรอื จนกวาผปู วยจะรสู กึ ตวั ปอ งกันอคั คีภยั และอพยพหนีไฟศนู ยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ ประจาํ ป 2565 15
วิธที าํ CPR ทีถ่ ูกตอง C : Chest compression คือการกดหนาอก ปมหัวใจชวยใหผูบาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในรางกาย อีกคร้ังหน่ึง ทั้งน้ีหลักในการปมหัวใจ คือ ตองกดใหกระดูกหนาอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทําใหหัวใจท่ีอยูระหวางกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปดวย ทําใหมีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงรางกาย เสมือนการบีบตวั ของหวั ใจ ซ่งึ มีขน้ั ตอนในการปมหัวใจตามน้ี 1. ใหผบู าดเจบ็ นอนราบกับพ้ืนแข็งๆ หรือใชไ มก ระดานรองท่หี ลังของผบู าดเจ็บ ผูปฐมพยาบาลคกุ เขาลงขางขวา หรือขางซายบริเวณหนาอกผูบาดเจ็บ คลําหาสวนลางสุดของกระดูกอกท่ีตอกับกระดูกซี่โครง โดยใชนิ้วสัมผัส ชายโครงไลขึ้นมา (หากคุกเขาขางขวาใชมือขวาคลําเพ่ือหากระดูกอก แตหากคุกเขาขางซายใหใชมือซายคลํา) 2. วางนิ้วชี้และน้ิวกลางตรงตําแหนงที่กระดูกซ่โี ครงตอกบั กระดูกอกสวนลางสุด วางสันมอื อีกขางบนตําแหนง ถัดจากนิ้วช้ีและนิ้วกลางน้ัน ซ่ึงตําแหนงของสันมือที่วางอยูบนกระดูกหนาอกน้ีจะเปนตําแหนงท่ีถูกตองใน การปมหัวใจตอไป * หากไมแนใจวาตําแหนง กระดูกซี่โครงอยูตรงไหน งายที่สุดก็คือ ใหวางสนมือ (ขางท่ีไมถนัด) ตรงกลางหนาอก ระหวางหัวนมทง้ั สองขาง ปอ งกนั อคั คีภยั และอพยพหนีไฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 16
3. วางมืออีกขาง (ควรเปนมือขางท่ีถนัด) ทับลงบนหลังมือท่ีวางในตําแหนงท่ีถูกตอง แลวเหยียดนิ้วมือตรง จากน้ันเก่ียวนิว้ มือทั้ง 2 ขางเขาดวยกัน เหยียดแขนตรง โนมตัวต้ังฉากกับหนาอกผูบาดเจ็บ ทิ้งนํ้าหนกั ลงบนแขน ขณะกดหนาอกผูบาดเจบ็ กดใหล กึ อยางนอ ย 2 น้วิ (5 เซนตเิ มตร) 4. เพอ่ื ใหช วงเวลาการกดแตละครงั้ คงท่ี และจงั หวะการสูบฉีดเลอื ดออกจากหัวใจพอเหมาะกับทร่ี างกายตองการ ใหใชวิธีนับจํานวนคร้ังท่ีกด ดงั นี.้ ..หน่ึง และสอง และสาม และส่ี และหา...โดยกดทุกคร้ังท่ีนับตัวเลข และปลอย ตอนคาํ วา “และ” สลับกนั ไป ใหไดอ ตั ราการกดอยางนอ ย 100 ครั้งตอนาที (ถานอยกวานจี้ ะไมไ ดผ ล) เม่ือกดสุดใหผอนมือข้ึนโดยท่ีตําแหนง มือไมตอ งเลื่อนไปจากจุดท่กี ําหนด และกอนการกดหนาอกคร้ังตอไปตองทาํ การกดทนั ทีทห่ี นาอกคืนตวั กลบั จนสุด ขณะกดหนาอกปมหวั ใจ หามใชนว้ิ มือกดลงบนกระดกู ซี่โครงผูบาดเจบ็ 5. ควรกดหนาอก 30 คร้ัง สลับกับการผายปอด 2 คร้ัง และควรมีผูชวยเหลืออยางนอย 2 คน เพราะพบวา ผูปฏิบัติจะเริ่มเหนื่อยและประสิทธิภาพในการกดหนาอกลดลงหลังจากทําไปประมาณ 1 นาที ดังนั้นในกรณี มีผชู ว ยเหลอื อยางนอย 2 คน ใหเปลี่ยนบทบาทผูทาํ การกดหนาอกทุกๆ 2 นาที หรือกดหนาอกสลบั การชวยหายใจ ครบ 5รอบ (30:2) และทําตอเนอื่ งไปจนกระทั่งเคร่ืองช็อกไฟฟาหวั ใจมาถึง และพรอมใชงาน หรือมีบุคลากรทาง การแพทยเขามาดูแลผูป ว ย A : Airway หมายถงึ การเปดทางเดนิ หายใจใหโลง เพราะโดยมากผูบาดเจบ็ ท่ีหมดสตจิ ะมภี าวะโคนล้ิน และกลอง เสียงตกลงไปอดุ ทางเดนิ หายใจสวนบน ดังน้นั จึงตองเปดทางเดนิ หายใจใหโลง โดยพิจารณาจาก - หากผูปว ยไมมกี ารบาดเจ็บทศี่ รี ษะหรือคอ จะใชว ิธีการแหงนหนาและเชยคาง (Head tilt - Chin lift) - หากสงสยั วาผูปวยมอี าการเจ็บของไขสันหลัง ใหใ ชวิธี Manual Spinal Motion Restriction โดยการวางมอื สอง ขา งบรเิ วณดานขางของศรี ษะ เพ่ือปองกันการเคลอ่ื นของศีรษะ - หากสงสัยวาผูปวยมีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังบริเวณคอใหเปดทางเดินหายใจดวยวิธียกขากรรไกร (Jaw Thrust) คอื ดึงขากรรไกรทัง้ สองขางข้ึนไปดา นบน โดยผูชว ยเหลือจะอยเู หนอื ศรี ษะของผูปว ย ปองกนั อคั คีภยั และอพยพหนไี ฟศูนยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ ประจําป 2565 17
B : Breathing หมายถงึ การชว ยหายใจ ดว ยการรกั ษาระดบั ออกซเิ จนใหเ พยี งพอและขับกาซคารบ อนไดออกไซด ดังน้ันในผูปวยท่ีหัวใจหยุดเตนเน่ืองจากการขาดอากาศ เชน จมน้ํา จึงตองรีบกดหนาอกและชวยหายใจ 5 รอบ หรือ 2 นาที กอนการรองขอความชวยเหลือ เนื่องจากผูปวยกําลังมีระดับออกซิเจนท่ีต่ํากวาปกติ ซึ่งออกซิเจน ท่ีเปาออกไปน้ันมีออกซเิ จนประมาณ 16-17 % ซึง่ เพยี งพอสาํ หรบั ใชในรางกาย ท้ังน้ี ในการชวยหายใจ ไดกําหนดขอปฏิบตั ิใหเ ริ่มจากการกดหนาอก (C) ไปกอน 30 ครั้ง แลวจึงสลับกบั การชวยหายใจ (B) 2 ครง้ั ตามสตู ร 30:2 โดย - ชว ยหายใจมากกวา 1 วินาทีในแตล ะคร้งั - ใหปริมาตรเพียงพอท่ีเห็นหนาอกเคลื่อนไหว แตไ มควรชวยหายใจมากเกินไป เพราะเส่ียงตอการสําลัก อาหาร และยังทําใหแ รงดนั ภายในทรวงอกเพิ่มขึ้น สงผลใหเลอื ดทีก่ ลับไปเลีย้ งหัวใจลดลง - ใชอตั ราการกดหนาอก 30 ครัง้ ตอ การชวยหายใจ 2 ครัง้ (30:2) - เม่ือมีการใสท อชวยหายใจขั้นสงู แลว ใหชวยหายใจ 1 ครั้ง ทุก 6-8 วินาที (8-10 ครั้งตอนาที) โดยที่ไม ตองหยุดขณะทที่ ําการกดหนาอก ปอ งกนั อคั คภี ยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจําป 2565 18
1.5 ความรเู กย่ี วกับแกสหุงตม (LPG) รปู ภาพ ลักษณะของแกสหงุ ตมทีใ่ ชตามครวั เรอื น 1. ถังแกสหุงตมน้ําหนัก 15 กิโลกรัม แบบใชตาม ครัวเรอื นทวั่ ไป มี ๒ แบบ แบบที่ 1 แบบวาลวหมุน นิยมใชในครัวเรือน มากกวา 90 % เวลาเปดควรหมุนเพียงสุดขอมือ หรือ1 รอบเทาน้ัน และการปดแกสควรปดที่วาลวกอน ปดที่หัวเตาเสมอ วิธีจํางาย ๆ คือ หมุนไปทางนิ้วกอย คอื ปด แบบที่ 2 แบบหัวสวม นิยมใชนอยกวาแบบที่ 1 และมักจะเสยี งายกวา 2. ถังแกส ขนาด 48 กโิ ลกรมั รานอาหารใหญ ๆ มักนิยม ใช 3. ถงั แกสปกนกิ เปนถงั ชนดิ เดยี วทไ่ี มใชแรคคเู รเตอร และนยิ มไปเตมิ ตามปมแกส เพราะไมม ีที่เปล่ยี น คอนขา ง อนั ตราย 4. ถังแกส กระปุกลุกนํา้ หนัก 7 กโิ ลกรัม เปน ถังแกส ทเ่ี กดิ เหตุบอยกวาถังชนิดอ่ืน ๆ ปองกนั อคั คีภยั และอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดุสติ ประจําป 2565 19
คุณสมบตั ิของแกส หงุ ตม (LPG) มดี งั น้ี 1. แกสหนักกวา อากาศแตเ บากวานาํ้ 1 – 1.5 เทา 2. เปนของเหลวสามารถขยายตัวเรว็ ถึง 250 – 300 เทา 3. ไมม ีสี กลิ่น แตทีไ่ ดก ลิน่ เพราะมีการเตมิ กลิ่นเอซิทนิ เปอรแคปเทน เพอื่ ใหร เู ม่ือเกิดการร่ัวไหล 4. เปนตวั ทาํ ละลายตามธรรมชาติ 5. มีระยะเวลาตดิ ไฟ 0.3 วนิ าที ขอควรระวังวธิ ีการตดิ ตั้งและใชแ กสในการประกอบอาหาร 1. ไมลมถงั แกส เม่อื แกสใกลหมด เพราะจะทําใหก าซขยายตวั จาก 1 เทา เปน 250 เทา 2. ควรใชแกส จากศูนยบรกิ าร เพราะศนู ยจะมีการตรวจเชค็ กอนออกวางจําหนาย และไมค วรเตมิ แกสทป่ี ม แกส 3. การติดตั้งสายใหไ ดมาตรฐานตอ งหา งจากตัวถังไมนอยกวา 2 เมตร 4. ถา ตัวปอกแปกเปดแกส เสยี ไมควรใชไ ฟแช็คเปดแทน 5. การปด แกสควรปด แกส ท่วี าลวปรบั แรงดันกอนปด ทต่ี วั ปอ กแปก เพื่อกนั ลมื 6. ถาเขามาในบานแลวไดกลิ่นแกส หามเปด ไฟ พัดลม อะไรก็ตามท่ีจะทําใหเกิดประกายไฟ ใหเปดหนาตาง ระบายอากาศแลว ใหโ บกแกสทีพ่ ้นื ต่ํา และใหใชไ มกวาดชุบน้าํ กวาดทพ่ี น้ื 7. ถาเปดแกส และเหน็ แกสวิ่ง หามจดุ หรอื เปด แกส เดด็ ขาด เพราะมีการเตมิ แกสเตม็ ถงั เกินไป 8. ในถังแกสไมมีออกซิเจนอยู ดังน้ัน เม่ือเกิดไฟไหม แกสไมว่ิงเขาสูถัง เพราะองคประกอบของไฟไมครบ ขาดออกซิเจนนน่ั เอง 9. แกสมีระยะทางว่ิงประมาณ 800 เมตร แตถายอนกลับมาหาถังแลวระเบิดจะมีความแรงเทากับระยะทาง 1.5 กโิ ลเมตร ขน้ั ตอนการปดเตาแกส ท่ถี กู ตอ งมี 3 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. หลังจากทาํ อาหารใกลเ สร็จแลว ใหกะเวลาสกั ประมาณ 1 นาที แลว จึงปดวาลวทถ่ี ังแกส กอ น 2. ประกอบอาหารตอไปจนเสรจ็ ไฟก็จะดบั พอดี 3. ปดวาลวท่เี ตาแกส เพื่อไมใหม แี กสหลงเหลืออยภู ายในสายและทีข่ าดไมไ ด คอื หมนั่ ตรวจสอบทงั้ หวั วาลว ท่ีตวั ถัง และเตาแกสใหอยูในสภาพพรอมใชง าน เพอ่ื ความปลอดภัยสูงสุด ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจาํ ป 2565 20
วิธีการตรวจสอบถงั แกส หุงตม (LPG) 2. ซีลผนึกวาลว หวั ถังตอ งมีสภาพสมบูรณ 1. ตองมเี ครื่องหมายการคา ของผูผลติ และมเี ลขกาํ กบั ชดั เจน 3. ตองมี เดือน ป ที่ทดสอบคุณภาพถงั แกส 4. ตองไมม รี อย บุบ บวม และเปนสนิม และทดสอบครง้ั สุดทายไมเ กิน ๕ ป 5. ตองไดรบั การรบั รองมาตราฐาน มอก. 6. มขี อความระบุ วัน เดือน ป ทถี่ งั หมดอายุ 7. มีชื่อผผู ลติ ถงั แกสและชอ่ื บริษทั ผูต รวจสอบประทับท่ีบริเวณหูถังอยา งถาวรชัดเจน ปอ งกนั อคั คีภยั และอพยพหนีไฟศนู ยวทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจาํ ป 2565 21
2. การฝก ปฏิบตั ิการดบั เพลิงเบอ้ื งตน และการอพยพหนีไฟ การวางแผนซอ มอพยพหนไี ฟ 1. อาคารที่พกั จะมีธงสีประจําชั้นของแตล ะชัน้ 2. เมอ่ื เกิดเหตุไฟไหมและสญั ญาณไฟไหมดงั ขนึ้ ผูที่มหี นาทีถ่ ือธงตองรบี ไปถือธง แลวทกุ คนจะตอ งวง่ิ ตามธง 3. ควรจับเวลาในการหนีไฟไปยังจดุ รวมพลท่ีไดก าํ หนดไว 4. ควรนบั และเช็คจํานวนคนของแตล ะสีวาหนีออกมาครบหรอื ไม 5. เมื่อเช็คจํานวนคนแลวใหผูท่ีถือธงแจงเจาหนาท่ีดับเพลิงรับทราบ หากธงสีไหนคนขาดก็จะมีการสง เจาหนา ท่ดี ับเพลงิ เขา ไปดําเนนิ การคน หา 6. หากพบผูบาดเจบ็ จะตองนาํ ผบู าดเจ็บสงมายังหนวยปฐมพยาบาลเบอื้ งตน ท่ีประจําจุดอยู ปองกนั อคั คภี ัยและอพยพหนีไฟศนู ยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ประจาํ ป 2565 22
แผนผงั การปฏิบตั เิ มือ่ ประสบเหตเุ พลงิ ไหมในอาคาร ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนีไฟศูนยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสติ ประจาํ ป 2565 23
แผนผงั การระงับอคั คีภยั การอพยพหนีไฟ ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศนู ยวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต ประจาํ ป 2565 24
ภาคผนวก ปอ งกันอคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประจําป 2565 25
ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 26
ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 27
ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 28
ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 29
ปอ งกนั อคั คภี ัยและอพยพหนไี ฟศูนยว ทิ ยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจําป 2565 30
สาํ นักงานบรกิ ารอาคารวิทยาศาสตร มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ ถนนสิรนิ ธร อาจารย บุคลากร และนักศึกษา ขอขอบพระคณุ สํานักปอ งกันและบรรเทาสาธารณภยั สถานดี บั เพลิงและกูภยั บางออ ทมี่ อบความรูใ หก บั ทกุ ทานในครง้ั น้ี ปองกันอคั คภี ัยและอพยพหนีไฟศูนยว ิทยาศาสตร มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ ประจาํ ป 2565 31
สำนักงานบริการอาคารวิทยาศาสตร์ 204/3 ถนนสิรินธร แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 โทรศัพท์ : 02-423-9400 ต่อ 9490 โทรสาร : 02-423-9497 http://dormitorysdu.dusit.ac.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: