中国的少数民族 โดยนางสาว พมิ พเ์ พชร จิตนฤนารถ
ชาวไตหรอื ไทลอ้ื (傣族)ชาวไต หรือไทลื้อมปี ระชากรประมาณ 1,158,989 คน นอกจากนย้ี งั มชี าวไทล้อื อีกกว่าสามแสนคนในประเทศไทยและลาว ชาวไทลอื้ มวี ฒั นธรรมและภาษาพดู ที่ใกลเ้ คียงกบั คนไทยโดยเฉพาะคนไทยในภาคเหนอื มากทส่ี ดุ จากกลมุ่ ชาตพิ นั ธต์ุ า่ งๆของจีน ชาวไตล้ือในจีนสว่ นมากอาศยั อย่ใู นอาเภอปกครองตนเอง ซ่ือชวงปัน่ นา่ หรือสบิ สองปันนาท่ีมีเมืองเหลืองชอื่ ว่าจิ่งหงหรือวา่ เชยี งรงุ้ ชาวไทลือ้นบั ถือพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทเชน่ เดยี วกบั คนไทยและก็มีชอื่ เสยี งเกี่ยวกบั ประเพณีสงกรานต์เชน่ เดยี วกบั คนไทยดว้ ย
ประวตั ิความเป็ นมาของชนชาติพนั ธไ์ุ ทล้อืล้ือ หรือ ลือ เป็ นกลมุ่ ชนชาตพิ นั ธ์ุ ท่พี ดู ภาษาตระกลู ไท คือ “ ไทลื้อ ” หรือ “ ไตลือ้ ” มถี ิ่นฐานดง้ั เดมิ อย่ใู นเขตสิบสองพนั นา ชาวไทลือ้ นยิ มตงั้ บา้ นเรือนอย่ตู ามทร่ี าบลมุ่ แมน่ า้ และทร่ี าบระหวา่ งหบุ เขา โดยมแี มน่ า้ โขง เป็ นแมน่ า้ สายสาคญั ซ่ึงชาวไทลอ้ื เรียกว่า “ นา้ ของ ”สว่ นจีนเรียกว่า แมน่ า้ ลา้ นชา้ ง และเรียกคนไทล้ือว่า “หล”ี่ หรือ “สยุ่ ไปอี่” ชาวลอ้ื หรือไทลอ้ื มวี ฒั นธรรมประเพณีและความเชอื่ ตลอดจนวิถีชวี ิตที่คลา้ ยคลึงกบั คนไทยลา้ นนา และคนลาวในลา้ นชา้ งทบี่ ริโภคขา้ วเหนยี วเป็ นอาหารหลกั และนบั ถือพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทเชน่ เดยี วกนั สาหรบั ประเทศไทย ไทลือ้ ไดอ้ พยพเขา้ มาตง้ั ถิ่นฐานตามหวั เมอื งตา่ ง ๆในภาคเหนอื ตอนบน ในจงั หวดั เชยี งราย พะเยา นา่ น แพร่ ลาปาง ลาพนู และเชยี งใหม่ตงั้ แตอ่ ดตี ซ่ึงเจา้ ผคู้ รองนครทม่ี ีอานาจ ไดก้ วาดตอ้ นไทลอื้ จากสิบสองปันนามาจานวนมาก บางส่วนไดอ้ พยพเขา้ มาเพิ่มเตมิ ภายหลงั เพ่ือคา้ ขาย ตดิ ตามญาตพิ ี่นอ้ ง แตง่ งานและแสวงหาที่ทากินท่ีเหมาะสม หรือหนภี ยั สงคราม รวมทงั้ อพยพเขา้ มาดว้ ยเหตผุ ลทางศาสนา และการจาริกแสวงบญุ ในเวียดนาม มชี มุ ชนไทลื้ออาศยั อยทู่ เ่ี มืองบินลหู ์ และบริเวณฝัง่ ตะวนั ตกของแมน่ า้ ดาตามแนวพรมแดนที่ตดิ ตอ่ กบั จีนวิถีชีวิตความเป็ นอยู่ท่ี ตง้ั บา้ นเรือน หรือหมบู่ า้ น จะหาทาเลท่ีมแี มน่ า้ ลาคลองอย่ใู กลห้ มบู่ า้ นและสะดวกในการเพาะปลกู ดาเนนิ ชวี ิตแบเรียบงา่ ย พอเพียง พึ่งพาตนเอง ชาวไทล้อื มกั จะอยรู่ วมกนั เป็ นกลมุ่ มคี วามเอ้ืออาทรซึ่งกนั และกนั การสรา้ งบา้ นเรือนแตล่ ะหลงั ในหมบู่ า้ น คนทงั้หมบู่ า้ นจะมาชว่ ยกนั
จดุ เด่นกบั ความภาคภมู ิใจของไทล้อื1. ความรกั หมคู่ ณะ และรกั ชาตกิ าเนดิ มีเอกลกั ษณท์ างภาษา การแตง่ กายเป็ นของตนเอง2. มีความรกั สงบ รรู้ กั สามคั คี มเี มตตา ซื่อสตั ย์3. มีความสนั โดษ มกั นอ้ ย4. มคี วามเพียร มงุ่ มนั่ ขยนั อดทน มมุ านะ5. ยึดมนั่ ใน ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ศิลปะการแสดงของไทล้ือฟ้ อน ดาบ ฟ้ อนเจิง ตบมะผาบ ฟ้ อนนก ฟ้ อนปอยบงั้ ไฟ ขบั เป่ าปี่ ขบั ป่ าหาโหล (เขา้ ป่ าหาฟื น) ขบั โลงนา้ โลงหนอง (ลงนา้ ..ขบั เกยี้ วบา่ ว-สาว)วฒั นธรรมประเพณี
วฒั นธรรมประเพณีบวช ลกู แกว้ ตานธรรม ตานกว๋ ยสลาก ตานเขา้ พรรษา ออกพรรษา ฮอ้ งขวญั ควายเลยี้ งผเี มือง เทวดาเรือน (เทวดาเรือน) ผหี มอ้ นง่ึ เตาไฟ ผิดผสี าว สบื ชาตาหลวง กินแขกประเพณีสงกรานต์ สมู าดาหวั ผเู้ ฒา่ ผแู้ ก่ผลติ ภณั ฑพ์ ้ืนบา้ นผา้ ทอ เคร่ืองจกั สาน ทาเคร่ืองเงนิ ทาเคร่ืองทอง ตเี หล็ก ตมี ีด ทาเคียว ปลกู พืชเล้ียงสตั ว์ ป้ันหมอ้
อาหารการกนินา้ หม่ี (นา้ พริก) ปู , นา้ หนอ่ , นา้ ผกั , มะเขอื สม้ , ถวั่ เนา่ , ปลา, แม้ (รถดว่ น), จ้ิน ฯลฯอาหารคาว/แกงจ้ินสา้ (ลาบ) แกงอ่อม, ปลาป้ิ งอบ, จ้ินไกอ่ บุ , ขา้ วเหลอื งเนอื้ ไก,่ จิ้นซาพริก, ซีจ้ิน (แกงสม้จิ้น) แกงหนอ่ ไม,้ ไกนา้ ของ , (ตะใคร่นา้ แมโ่ ขง) สม้ หนงั , นา้ หนงั , สม้ ผกั กมุ่ , สม้ ผกั กาด,จ้ินไกห่ มี่ (ตม้ ยาจิ้นไก)่ ตงุ่ ดา้ ง (แกงกระดา้ ง) แกงหนอ่ ไม,้ หลามบอน, เป๊ อะหว่าง (เลือดกระดา้ ง) ฯลฯอาหารว่างขนมปาด, ขา้ วโคบ, ขา้ วแคบ, ขา้ วแลง่ ฟื น, ขา้ วตอ่ , ขา้ วแตน๋ , ขา้ วเม็ดกา่ ย, ขา้ วลอดซอง(ลอดชอ่ ง), นา้ ออ้ ยกอ้ น, ขา้ วสว่ ย, ขา้ วฟื นนา้ ออ้ ย, ขา้ วเหลืองนา้ ออ้ ย, ขา้ วจ่ีงา, ขา้ วจี่หมวก ฯลฯ…..
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: