ชอ่ื เรื่องงานวิจัย โครงร่างงานวิจยั ชื่อนกั ศึกษา การศึกษาอัตราการดูดซับสีย้อมของเส้นผม โดยใช้สารสกัดสีธรรมชาติ จากใบเทยี นก่ิง และกากกาแฟเหลอื ท้ิง ปรญิ ญา Study of Hair Color Adsorption Rate Using Natural Color Extract สาขาวิชา from Henna Leaves and Spent Coffee Grounds อาจารย์ทีป่ รกึ ษา นายกวินภพ เย็นแย้ม ปกี ารศึกษา นางสาวสุธาทิพย์ กลนั่ แตง ครศุ าสตรบณั ฑติ (ค.บ.) วทิ ยาศาสตร์ (เคมี) อาจารย์ ดร.สุพัตรา รกั ษาพรต 2562 สาขาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั ราไพพรรณี
2 1. ความสาคญั และที่มาของปัญหาทีท่ าการวิจัย ในทุกวนั น้ีมีผู้คนหลากหลายกลมุ่ ให้ความสนใจในเรื่องของการย้อมสผี มเพื่อปกปดิ ผมหงอกที่เกิดข้นึ มาเอง ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของวัยรุ่น วัยกลางคนหรือวัยผู้สูงอายุทั้งเพศชายและหญิง ซึ่งในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ย้อมผมมีมากมายหลากหลายย่ีห้อและส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ย้อมผมท่ีหาซ้ือได้ท่ัวไปตามท้องตลาดจะเป็น ชนิดที่มีแต่สารเคมีเป็นองค์ประกอบ ซ่ึงอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สุปรียา ยืนยงสวัสด์ิ (ม.ป.ป.) กล่าวว่ามี การศึกษาย้อนหลังจากผู้ป่วยท่ีเป็นโรคมะเร็งเต้านม พบว่าการเป็นโรคมะเร็งสัมพันธ์กับการย้อมสีผม และพบว่า คนย้อมผมเปน็ เวลานานกวา่ หรือย้อมบอ่ ยกว่าจะมีโอกาสเสีย่ งเปน็ โรคมะเร็งมากกว่า โดยเฉพาะคนมอี ายมุ ากกว่า 50 ปีหรือคนท่ีย้อมผมมากกว่า 10 ปีจะมีโอกาสเส่ียงสูง ผลการวิจัยล่าสุดพบว่าการย้อมสีผมจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อ โรคมะเรง็ เต้านม และมะเรง็ ตอ่ มน้าเหลือง การย้อมสีผมโดยเลือกใช้สีจากวัตถุดิบทางธรรมชาตินับว่าเป็นทางเลอื กที่ดีส้าหรับคนที่ชื่นชอบการย้อมสี ผมและรักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะในปัจจุบันการดูแลสุขภาพของผู้คนได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนหันมา ออกก้าลังกายดูแลสุขภาพ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติซึ่งเป็นอันตรายน้อยที่สุด ซึ่งจาก การศึกษาค้นคว้าพบว่าสีจากธรรมชาติที่น้ามาย้อมผมได้ และนิยมใช้กันมากคือใบของต้นเฮนน่าหรือท่ีไทยเรา เรียกว่า เทียนก่ิงหรือเทียนย้อม เทียนกิ่งเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะของต้นเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ดอกสีขาว หรือสีแดงกล่ินหอม เป็นพืชวงศ์ Lythraceae มีชื่อทางพฤกษศาสตร์วา่ Lawsonia inermis L. มีช่ือไทยหลายชื่อ เช่น เทียนขาว เทยี นกิ่ง เทยี นไม้ เทยี นยอ้ ม เป็นต้น โดยใบเทยี นกงิ่ สามารถน้ามาย้อมผมได้โดยสีที่ไดจ้ ะมีสนี ้าตาล เขม้ ออกแดง เนอ่ื งจากเทยี นก่ิงเป็นสมุนไพรท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติจึงปลอดภัยจากสารเคมี และเป็นอนั ตรายน้อย มาก จึงเหมาะแก่การน้ามาท้าเป็นผลิตภัณฑ์ย้อมผม นอกจากนี้เทียนก่ิงยังสามารถน้ามาผสมกับสีอ่ืน ๆ ใน ธรรมชาติเพ่ือให้ได้สีท่ีแปลกใหม่ เช่น สีของกากกาแฟ ซ่ึงจากการศึกษาพบว่ากากกาแฟมีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่ จะน้ามาใช้ย้อมผม เน่ืองจากในกากกาแฟประกอบไปด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ กรดไขมัน โปรตีน คาเฟอีน สารประกอบฟีนอล และแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาค้นคว้าที่แน่นอนว่าสีของใบ เทยี นก่ิงทเ่ี มือ่ นา้ มาผสมกบั สีของวตั ถดุ ิบจากธรรมชาติอ่ืน ๆ แลว้ จะสามารถตดิ อยู่กบั เส้นผมนั้นได้นานเทา่ ใด ดังน้ันผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษาอัตราการดูดซับของเส้นผม โดยใช้สารสกัดธรรมชาติจากสีของใบเทียนกิ่ง และกากกาแฟ เพ่ือเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการดูดซับสีย้อมบนเส้นผมระหว่างสีของใบเทียนกิ่ง สีของกาก กาแฟ และสีของใบเทยี นกิ่งทผี่ สมกับกากกาแฟ เพอื่ ให้ทราบระยะเวลาท่ีใช้ในการย้อมผม และความคงทนของสีท่ี ติดอยู่บนเส้นผม และเพ่ือให้ทราบความเข้มข้นต้่าสุดของสารสกัดที่สามารถท้าให้เส้นผมติดสีย้อมได้ เพื่อความ ประหยัด และลดต้นทุนในการเตรียมวัตถุดิบจากธรรมชาติ ซ่ึงงานวิจัยคร้ังนี้สามารถน้าไปต่อยอดเพ่ือผลิตเป็น ผลิตภัณฑย์ ้อมผมโดยสามารถระบรุ ะยะเวลาในการย้อมติดสีผม และระบรุ ะยะเวลาความคงทนของสีที่จะสามารถ ติดอยบู่ นเส้นผมท่ีแน่นอนไดใ้ นอนาคต
3 2. วัตถุประสงค์ของโครงการวิจยั 2.1 เพ่อื ศึกษาจลนพลศาสตร์ และอตั ราการดูดซบั สีย้อมของเสน้ ผม โดยใช้สารสกดั ธรรมชาตจิ ากสขี องใบ เทยี นก่ิง และกากกาแฟเหลือทิ้ง 2.2 เพอ่ื เปรียบเทียบประสทิ ธภิ าพของการดดู ซบั สยี ้อมบนเส้นผมระหวา่ งสขี องใบเทียนกิ่ง สขี องกากกาแฟ เหลือท้ิง และสขี องใบเทยี นกงิ่ ทผ่ี สมกบั กากกาแฟเหลอื ทง้ิ 2.3 เพ่อื ศกึ ษาความคงทนของสีที่ติดอยู่บนเสน้ ผม 2.4 เพ่อื ศึกษาหาความเขม้ ข้นต้า่ สดุ ของสารสกัด ท่ีสสี ามารถติดอยู่บนเส้นผมได้ 3. ขอบเขตของการวจิ ัย การวิจัยครงั้ น้ี คณะผ้วู จิ ยั ได้ก้าหนดขอบเขตของการวจิ ยั (Scope of Research) ไว้ดงั นี้ 3.1 ขอบเขตดา้ นเนื้อหา / ตวั แปร 3.1.1 ขอบเขตด้านเนือ้ หา / ตัวแปรทเ่ี ปลี่ยนแปลง 3.1.1.1 เวลาท่ีใช้ในการดูดซับของเส้นผม : 10 ถึง 120 นาที 3.1.1.2 ความเข้มข้นของสารสกัดจากสขี องใบเทยี นกง่ิ : 5 7.5 10 มลิ ลิกรัมตอ่ มลิ ลิลติ ร และความเข้มข้นสงู สดุ 3.1.1.3 ความเข้มขน้ ของสารสกัดจากสีของกากกาแฟ : 5 7.5 10 มิลลิกรมั ต่อมลิ ลลิ ิตร และความเข้มข้นสงู สุด 3.1.1.4 ความเข้มข้นของสารสกัดจากสขี องใบเทียนก่งิ และกากกาแฟในอัตราส่วน 15 ตอ่ 1 : 5 7.5 10 มิลลกิ รมั ต่อมิลลิลติ ร และความเข้มข้นสูงสุด 3.1.1.5 ตัวดดู ซบั : เสน้ ผมที่ผ่านการฟอกสี และเส้นผมธรรมชาติ 3.1.2 ขอบเขตดา้ นเนื้อหา / ตวั แปรท่ีไมเ่ ปลี่ยนแปลง 3.1.2.1 ตัวผสาน : ไขแ่ ดงจากไขไ่ ก่ ขนาดเบอร์ 0 ยห่ี ้อซีพี และน้ามะนาว สายพันธ์ทุ ะวาย ปริมาตร 4 มลิ ลิลติ ร 3.1.2.2 ตัวท้าละลาย : น้า 3.2 ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 3.2.1 ใบเทียนกิ่ง จากอ้าเภอเมือง จงั หวัดตราด 3.2.2 กากกาแฟ พันธุ์โรบัสต้า ยี่ห้อซีพีออล จากร้านสะดวกซ้ือ 7-11 สาขาหอนาฬิกาท่าใหม่ อ้าเภอทา่ ใหม่ จังหวดั จันทบรุ ี 3.3 ขอบเขตดา้ นสถานที่ ช้นั 3 ตกึ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ร้าไพพรรณี
4 3.4 ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาในการทา้ วิจยั 10 เดือน นับตั้งแต่เดอื นมกราคมถงึ ตลุ าคม พ.ศ.2562 4. การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศ (Information) ทเี่ กี่ยวขอ้ ง 4.1 ธรรมชาตขิ องผม 4.1.1 ความหมายและหน้าทข่ี องผม เส้นขนในแต่ละส่วนของร่างกายคนมีลักษณะไม่เหมือนกัน คนมีขนหลายชนิด ขนบนหนังศีรษะ เรียกว่า “ผม” แต่ขนท่ีอ่ืนเรียกว่า “ขน” ส่วนภาษาอังกฤษเรียกว่า Hair ทั้งหมดไม่ว่าผมหรือขนน้ันจะอยู่บริเวณ ไหนของรา่ งกาย ขนทเี่ ป็นเสน้ หนาและท้าให้ศรี ษะแลดูดี เรยี กว่าขนเทอร์มินัล (Terminal hair) ขนชนดิ นี้ยังพบท่ี หัวหน่าว รักแร้ และหน้าอก นอกจากนั้นยังมีขนเวลลัส (Vellus hair) เป็นขนอ่อนที่มักพบตามหน้า ล้าตัว และแขนขาของเด็ก และผู้หญิง ขนอีกชนิดหน่ึงคือขนลานูโก (Lanugo hair) เป็นขนที่อยู่ตามตัวทารกแรกเกิด มักไม่มีสี แม้ว่าขนชนิดน้ีจะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก แต่เป็นต้นตอท่ีจะเจริญพัฒนาไปเป็นขนเทอร์มินัลหรือขน เวลลัสได้ เส้นผมน้ีเป็นเซลล์สว่ นที่ตายแล้วไม่มีชีวติ และความรู้สึก หนังศีรษะของคนเรามีต่อมผม (Hair follicle) ประมาณ 80,000 ถงึ 1,200,000 ต่อม พันธกุ รรมเปน็ ตัวก้าหนดจา้ นวน ชนิด และสขี องเส้นผม แมว้ า่ เสน้ ผมจะไม่ มีหน้าที่เก่ียวกับความอยู่รอดของชีวิต แต่ผมก็มีความส้าคัญในด้านความสวยงาม ซึ่งมีผลต่อจิตใจผู้ที่มีปัญหาผม รว่ ง ผมบาง ศีรษะลา้ น หรอื ผมขาว อาจทา้ ให้ไมม่ ั่นใจในตนเอง มภี าวะซึมเศรา้ เส้นผมมหี น้าทหี่ ลักคือการป้องกัน ไม่ให้ผิวหนังได้รับอันตราย ป้องกันไม่ให้แสงแดดท้าลายผิวหนัง และป้องกันไม่ให้ศีรษะสูญเสียความร้อนมาก เกนิ ไป (นริศ เจนวิรยิ ะ, 2546; สมยศ จารวุ ิจติ รรตั นา, 2548) 4.1.2 โครงสรา้ งของผม ผมของคนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือรากผม และเส้นผม ซึ่งรากผมจะอยู่ใต้ผิวหนัง ส่วนเส้นผมจะ เปน็ ส่วนที่โผลพ่ น้ จากผิวหนงั เส้นผมประกอบดว้ ยเคอราติน (Keratin) รอ้ ยละ 80 เคอราตนิ เป็นโปรตีนทไ่ี มล่ ะลาย น้า และสารเคมี ผมแต่ละเส้นงอกจากเดอร์มัลแปปิลลา (Dermal papilla) ไปเป็นเซลล์ที่เรียกว่าแมทริกซ์ (Matrix) ซึ่งเป็นเน้ือเยื่อที่ผลิตเซลล์ผม เมื่อเซลล์นี้แบ่งตัวมากข้ึนจะดันเซลล์นี้ข้ึนไปข้างบนจนอยู่เหนือผิวหนัง เซลล์ผมท่ีถูกดันข้ึนมาเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ ตาย ขณะเดียวกันก็ผลิตเคอราตินพอกพูนข้ึน สารเคอราตินน้ีจะเรียงตัว เป็นเส้นขนาน แต่ละเส้นของเคอราตินจะถูกยึดติดกันด้วยพลังไดซัลไฟด์บอนด์ (Disulfide bond) เมื่อสาร เคอราตินถูกผลักให้สูงขึ้น ๆ จะมีการเรียงตัวแบ่งออกเป็น 3 ช้ันอย่างชัดเจน ชั้นแกนกลาง เรียกว่าชั้นใน (Medulla) ชน้ั ถัดออกไป เรียกวา่ ชนั้ กลาง (Cortex) ส่วนผวิ นอกสุด เรียกวา่ ชนั้ นอก (Cuticle) 4.2 เทียนกงิ่ เทียนก่ิง (Lawsonia inermis L.) เป็นพรรณไม้จากต่างประเทศ มีถิ่นก้าเนิด และเขตการกระจาย พันธุ์อยู่ทางตอนเหนือของแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย โดยจัดเป็นไม้พุ่มก่ึงรอเลื้อยขนาด
5 กลาง มีความสูงของต้นประมาณ 3 - 6 เมตร ล้าต้นแตกกิ่งก้านสาขามากเป็นพุ่มกว้าง ลักษณะของก่ิงก้านเม่ือ ยงั อ่อนจะมีสีเขียวนวล กิ่งเมื่อแก่จะมีหนาม เปลอื กล้าต้นเรยี บมีสนี ้าตาลอมสีเทา ผวิ ขรขุ ระ ขยายพันธุ์ดว้ ยวิธีการ เพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้เร็ว ขึ้นได้ดีในดินทุกชนิดท่ีมีความช้ืนปานกลางถึงต้่า เป็นพืชวงศ์ Lythraceae ชื่อ วิทยาศาสตร์ Lawsonia inermis L. ซ่ึงเทียนกิ่งมีชื่อท้องถิ่นอ่ืน ๆ ว่า เทียนขาว เทียนแดง เทียนไม้ เทียน ต้น เทียนข้าวเปลือก เทียนย้อม เป็นต้น จากการทดลองพบว่าในใบเทียนก่ิงมีสารเคมีแนพโทควิโนน (Naphthoquinone) ที่ชื่อว่า “ลอว์โซน” (Lawsone) (2-Hydroxy-1,4-naphthoquinone) อยู่ประมาณร้อยละ 0.5 - 0.9 (Lemmens and Wulijarni-soetjipto, 1992) เทียนก่ิงเป็นพืชที่มีการศึกษาวิจัยกันมาก ท้ังในด้าน องค์ประกอบทางเคมี การออกฤทธ์ิทางเภสัชวิทยา รวมท้ังการน้ามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างย่ิง ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผม (นันทวัน บุณยะประภัศน์ และอรนุช โชคชัยเจริญพร, 2541) ในสมัยอดีตได้มีการน้าเอา ภูมิปัญญาชาวบ้าน คือใบเทียนก่ิงมาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น ย้อมสีผม ย้อมขน คิ้ว หนวดเครา เล็บมือ ใช้เขียน ลายบนฝ่าเท้า ผิวหนังได้อย่างปลอดภัย ไม่มีพิษ ไม่ท้าให้เกิดอาการระคายเคือง นอกจากนี้ใบเทียนกิ่งยังใช้ ประโยชน์ไดใ้ นด้านของเครอื่ งส้าอาง การบา้ รุงผวิ พรรณ หรือใช้ในการท้าความสะอาดผิว เป็นตน้ 4.3 กากกาแฟ กากกาแฟ (Spent coffee grounds) เป็นเมล็ดกาแฟที่ผ่านการชง คั่ว บด ซ่ึงคนส่วนใหญ่มักจะท้ิง มากกว่าเลือกเก็บ แต่กากกาแฟที่เหลือทิ้งน้ัน สามารถน้าไปแปรรปู ต่อยอดได้อีกมาก เช่น น้ากากกาแฟมาเป็นปุ๋ย ให้ต้นไม้หรือน้ามาสครับผิว เป็นต้น (อภิกานต์ คุ้มเพชร และ มนัสวี ใจซื่อ, 2558) กากกาแฟประกอบไปด้วย โพลีแซคคาไรด์ กรดไขมัน โปรตีน คาเฟอนี สารประกอบฟนี อล และแรธ่ าตุต่าง ๆ สารเหล่าน้ไี ดม้ าจากวธิ ีการที่ แตกต่างกันออกไปตามคุณสมบัติของสาร ซึ่งจะถูกน้ามาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาหาร ยา หรือสุขภาพ (รพีพรรณ กองตมู , 2560) สารอาหาร และแร่ธาตตุ ่าง ๆ ท่อี ยใู่ นกากกาแฟถือเป็นสารอาหารส้าคัญที่ จะช่วยในการบ้ารุงเส้นผมให้แข็งแรง มีสุขภาพดี ลดอาการผมร่วง และยังท้าให้ผมมีน้าหนัก หนา นุ่มเป็นเงางาม ดังน้ันหากน้าคุณสมบัติของกากกาแฟในด้านสารอาหาร และแร่ธาตุท่ีส้าคัญของเส้นผมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยน้ากากกาแฟมาผลติ เป็นผลิตภัณฑย์ ้อมสีผม จะทา้ ให้ผมท่ผี ่านการยอ้ มมสี ีน้าตาลเข้มดูแปลกใหมเ่ ป็นธรรมชาติ และยังชว่ ยบ้ารุงเสน้ ผมไมใ่ หเ้ สียอีกด้วย 4.4 กระบวนการดูดซบั กระบวนการดูดซับ (Adsorption process) เป็นปรากฏการณ์ที่สารถูกดูดซับในสภาวะท่ีเป็น ของเหลวหรือแก๊สมาเกาะกับพื้นผิวท่ีเป็นของแข็งที่เป็นสารดูดซับ ความสามารถในการดูดซับข้ึนอยู่กับชนิดของ สารดูดซับ และสารถูกดูดซับ ลักษณะของการดูดซับแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือการดูดซับทางกายภาพ และ การดูดซับทางเคมี ซ่ึงท้ังสองลักษณะน้ีมีแรงกระท้าต่อพื้นผิวของสารดูดซับในรูปแบบท่ีแตกต่างกัน กระบวนการ ดูดซับเป็นกระบวนการท่ีเกิดข้ึนบนพ้ืนผิว คุณสมบัติที่ส้าคัญของสารดูดซับท่ีส่งผลต่อความสามารถในการดูดซับ คอื พนื้ ทีผ่ ิวจ้าเพาะ ซ่ึงพน้ื ทผี่ วิ ทมี่ คี วามจ้าเพาะจะตอ้ งขึ้นอยู่กับความพรนุ ของสารดูดซับนั้น ๆ ดว้ ย
6 4.4.1 ประเภทของการดดู ซบั การดูดซับโดยท่ัวไปจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท (Gregg and Sing, 1982) คือการดูดซับทาง กายภาพ และการดดู ซับทางเคมี 4.4.1.1 การดูดซับทางกายภาพ (Physical adsorption หรือ Physisorption) กระบวนการ ดูดซับประเภทนี้ถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง การดูดซับทางกายภาพเกิดจากแรงดึงดูดระหว่าง โมเลกุลอย่างอ่อน ที่เรียกว่าแรงแวนเดอร์วาลส์ (Van der Waals force) ซ่ึงเกิดจากการรวมแรง 2 ชนิด คือแรง กระจาย (Dispersion force) และแรงไฟฟ้าสถิต (Electrostatics force) ซึ่งเป็นแรงดึงดูดอย่างอ่อน ส่งผลให้เกดิ การคายความรอ้ นค่อนข้างต่้า โมเลกลุ ท่ถี กู ดูดซบั ไมเ่ กดิ การเปลีย่ นแปลง ท้าใหเ้ กดิ การผนั กลับของกระบวนการได้ ง่าย โดยสารทถ่ี ูกดดู ซบั นน้ั สามารถดูดซบั เปน็ แบบหลายชั้น (Multilayered) 4.4.1.2 การดูดซบั ทางเคมี (Chemical adsorption หรอื Chemisorption) เปน็ การดูดซบั ที่ เกิดขึ้นเม่ือตัวถูกดูดซับกับสารดูดซับท้าปฏิกิริยากัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของตัวถูกดูดซับเดิม ซ่ึง เป็นการสร้างพันธะเคมีระหว่างสารท่ีไปดูดซับกับพ้ืนผิวของสารดูดซับ พันธะเคมีเป็นพันธะท่ีแข็งแรงจึงท้าให้มี ความร้อนของการดูดซบั สูง ทา้ ใหก้ ารกา้ จัดตัวถูกดูดซบั ออกจากพ้ืนผิวท้าได้ยาก และการดูดซับประเภทน้ีเป็นการ ดูดซับแบบช้ันเดยี ว (Monolayer) เทา่ นั้น 4.4.2 ชนิดของสารดดู ซบั ในสารดูดซับแต่ละชนิดมีคุณสมบัติท่ีแตกต่างกัน การเลือกสารดูดซับท่ีเหมาะกับการใช้งานจึงเป็น สิ่งทีส่ า้ คัญ ความสามารถในการดดู ซับนอกจากจะข้นึ อยู่กับพื้นทผ่ี วิ จา้ เพาะแลว้ ยังขน้ึ อยกู่ บั การกระจายขนาดของ รพู รนุ (Pore size distribution) อกี ดว้ ย ชว่ งของการกระจายขนาดของรูพรนุ นน้ั ถกู แบง่ ออกเปน็ 3 ชว่ ง ไดแ้ ก่ 4.4.2.1 รูพรนุ ขนาดเลก็ (Micropores) มีขนาดเลก็ กว่า 2 นาโนเมตร 4.4.2.2 รพู รุนขนาดกลาง (Mesopores) มขี นาด 2 - 50 นาโนเมตร 4.4.2.3 รพู รนุ ขนาดใหญ่ (Macropores) มีขนาดใหญ่กวา่ 50 นาโนเมตร นอกจากนี้ รพู รุนขนาดเลก็ ยงั ถูกแบ่งยอ่ ยออกเปน็ 3 ชว่ ง ได้แก่ 1) อัลตราไมโครพอร์ (Ultramicropores) มขี นาดเลก็ กวา่ 0.5 นาโนเมตร 2) ไมโครพอร์ (Micropores) มขี นาด 0.5 - 1.4 นาโนเมตร 3) ซปุ เปอรไ์ มโครพอร์ (Supermicropores) มขี นาดใหญก่ วา่ 1.4 - 2 นาโนเมตร การดูดซับส่วนใหญ่จะเกิดข้ึนที่รูพรุนขนาดเล็กเนื่องจากการดูดซับภายในรูพรุนขนาดเล็ก โมเลกุล ของสารถูกดูดซับจะอยู่ใกล้กับผนังของสารดูดซับมาก ส่งผลให้มีแรงดึงดูดที่มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากน้ีการที่ สารดูดซับมีรพู รุนขนาดเลก็ มาก จะมีพืน้ ท่ผี ิวจ้าเพาะมากเมื่อเทยี บกับรูพรุนขนาดอืน่ ๆ การดูดซับที่เกิดข้ึนภายใน รพู รุนขนาดเลก็ เปน็ การดดู ซบั ทเ่ี รียกว่า การเติมเตม็ ในรูพรนุ (Pore filling) สว่ นรูพรนุ ขนาดกลาง และรูพรุนขนาด ใหญ่จะมีผลต่อการดูดซับแก๊สน้อยมาก แต่จะมีความส้าคัญมากหากสารถูกดูดซับเป็นของเหลว ในการดูดซับแก๊ส
7 รูพรุนขนาดกลาง และรพู รุนขนาดใหญ่จะทา้ หน้าทเี่ ป็นทางผ่านเพ่ือน้าแกส๊ เข้าไปเกิดการดูดซับกับรูพรุนขนาดเล็ก ทอ่ี ยู่ภายในของสารดดู ซบั ดังนั้นสารดดู ซบั ท่ดี จี ึงต้องมปี รมิ าณของรูพรุนแตล่ ะขนาดทเ่ี หมาะสม 4.5 อตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี อตั ราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี (Reaction rate) หมายถึง การเปล่ยี นแปลงปริมาณสารในหนง่ึ หน่วยเวลา ของการเกดิ ปฏิกริ ิยาของสารนั้น 4.5.1 ชนดิ ของอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี 4.5.1.1 อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉล่ีย หมายถึง อัตราการเกิดปฏิกิริยาท่ีค้านวณจากการ เปลย่ี นแปลงปรมิ าณสารท้ังหมดในหนงึ่ หน่วยเวลา 4.5.1.2 อัตราการเกิดปฏิกิริยา ณ ขณะใดขณะหน่ึง หมายถึง อัตราการเกิดปฏิกิริยาท่ี คา้ นวณจากการเปลยี่ นแปลงปริมาณสารในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง 4.5.2 ปัจจัยทม่ี ผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี 4.5.2.1 ธรรมชาตขิ องสารตั้งต้น และผลิตภัณฑ์ 4.5.2.2 ความเขม้ ข้นของสารตงั้ ต้น และผลิตภัณฑ์ 4.5.2.3 พ้ืนที่ผวิ 4.5.2.4 อณุ หภมู ิ 4.5.2.5 ความดัน 4.6 งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้อง กานดา หวังอีน และคณะ (2557) ศึกษาผลิตภัณฑ์เปล่ียนสีผมจากสารสกัดใบเทียนก่ิงเพ่ือน้ามาผลติ เป็นครีมเปลี่ยนสีผม จากการทดลองสกัดสีจากใบเทียนก่ิงด้วยวิธีการสกัดเย็น และสกัดร้อน โดยใช้ตัวท้าละลาย ชนิดต่าง ๆ พบว่า สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต (Sodium carbonate, Na2CO3) ที่ความเข้มข้นแรก คือร้อยละ 5 โดยมวลต่อปริมาตร เป็นตัวท้าละลายที่มีประสิทธิภาพในการสกัดสูงสุด รองลงมาคือสารละลายโซเดียม คาร์บอเนต (Na2CO3) ที่ความเข้มข้นร้อยละ 2.5 โดยมวลต่อปริมาตร น้า และสารละลายเอทานอลเข้มข้นรอ้ ยละ 95 โดยมวลต่อปริมาตร ตามล้าดับ แต่การสกัดด้วยน้าให้ผลการย้อมติดสีผมดีที่สุด น้าจึงเป็นตัวท้าละลายท่ี เหมาะสมทสี่ ุด ในการสกดั ดว้ ยวิธกี ารสกัดร้อน จากการศึกษาสตู รครีมเปลย่ี นสผี มทงั้ 7 สตู ร พบวา่ ที่กรดเบส (pH) 6 สูตรท่ี 3 ที่มีปริมาณ Emilium Delta และ MCT ท่ีพอเหมาะจะให้ค่าความหนืดเท่ากับ 2001 cP เมื่อเทียบกับ ครีมเปลี่ยนสีผมในท้องตลาด ซ่ึงมีค่าความหนืดเท่ากับ 1860 cP จากการทดลองหาปริมาณที่เหมาะสมของสาร สกัดจากใบเทียนก่ิง พบว่าสารสกัดใบเทียนกิ่ง 0.40 ในครีมเปล่ียนสีผมสูตรที่ 3 ให้ผลการทดลองที่มีค่าการย้อม ติดสผี มทดี่ ีท่ีสดุ ที่ความเขม้ สี 561 จุฬาลักษณ์ กิ่งรัตน์ (2556) ศึกษาและพัฒนาสารย้อมผมธรรมชาติจากใบเทียนกิ่ง โดยศึกษาการ พัฒนาสูตรน้ายาย้อมผมด้วยเทคนิคยูวี และวิสิเบิลสเปกโทรโฟโตเมทรี (UV-VIS Spectrophotometry) รวมถึง
8 ศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดด้วยเทคนิคฟลูเรียร์ทรานสฟอร์ม อินฟราเรดสเปคโทรเมทรี (FTIR Spectrometry) และเทคนิคนิวเคลียร์แมกเนติกเรโซแนนซ์สเปกโตรสโคปี (NMR Spectroscopy) การสกัดสาร ออกจากตัวอย่างใบเทียนก่ิงใช้เอทานอลเป็นตัวท้าละลาย การวิเคราะห์หาองค์ประกอบของสารผสมด้วยเทคนิค ฟลูเรียร์ทรานสฟอร์ม อินฟราเรดสเปคโทรเมทรี ที่ช่วงความถี่ 4000-500 cm-1 ลักษณะของสเปกตรัมที่ปรากฏท่ี เลขคลื่นเท่ากับ 3,339.42 cm-1 พบว่ามีการแสดงหมู่ฟังก์ชันของ O-H stretching ท่ีเลขคล่ืนเท่ากับ 2,973.98 cm-1 พบว่ามีการแสดงของ sp3 C-H stretching ที่เลขคล่ืนเท่ากับ 1,653.65 cm-1 พบว่ามีการแสดงหมู่ฟังก์ชัน ของ C=C stretching ที่เลขคล่ืนเท่ากับ 1,380.54 cm-1 พบว่ามีการแสดงหมู่ฟังก์ชันของ CH2 bending ที่เลข คลื่นเทา่ กับ 1,087.24 cm-1 และ 1,045.01 cm-1 พบวา่ มีการแสดงหมู่ฟงั ก์ชันของ C-O stretching การวเิ คราะห์ หาองค์ประกอบของสารผสมด้วยเทคนิคนิวเคลียร์แมกเนติกเรโซแนนซ์สเปกโตรสโคปี ที่ Chemical Shift ประมาณ 1 - 3 ppm จะเห็นว่าพีคเกาะกลุ่มกันอยู่ท่ี High Feild ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มท่ีเป็น Aliphatic Hydrocarbon และท่ี Chemical Shift ประมาณ 3.8 ppm จะแสดงกลุ่มท่ีเป็น Unsaturated การพัฒนาสูตร น้ายาย้อมผมด้วยเทคนิคยูวี และวิสิเบิลสเปกโทรโฟโตเมทรี ท่ีความยาวคล่ืนสูงสุด 410 นาโนเมตร เพ่ือทดสอบ การติดสีบนเส้นผม เม่ือท้าการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนระหว่างเทียนกิ่ง (พืชหลัก) และกาแฟ (พืชรอง) พบว่าสูตรที่ เหมาะสมท่ีสุดคือ เทียนก่ิง: กาแฟ: กรด: เวลา (กรัม: กรัม: มิลลิลิตร: ช่ัวโมง) เท่ากับ 60: 4: 4: 8 ซึ่งมีค่าการ ดูดกลืนแสง (Absorbance) เท่ากับ 0.088 เม่ือท้าการปรับเปล่ียนอัตราส่วนของกรด (มะนาว) ในน้ายาย้อมผม พบว่าสตู รทเ่ี หมาะสมทส่ี ุดคือ เทียนกิง่ : กาแฟ: กรด: เวลา (กรัม: กรัม: มิลลลิ ติ ร: ช่ัวโมง) เท่ากบั 60: 4: 6: 8 ซึง่ มี ค่าการดูดกลืนแสงเท่ากับ 0.070 และเม่ือท้าการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนของเวลาในน้ายาย้อมผม พบว่าสูตรท่ี เหมาะสมท่ีสุดคือ เทียนกิ่ง: กาแฟ: กรด: เวลา (กรัม: กรัม: มิลลิลิตร: ชั่วโมง) เท่ากับ 60: 4: 4: 8 ซึ่งมีค่า การดดู กลนื แสงเท่ากบั 0.092 Gonzalez, et al. (2018) ศึกษาการย้อมสีผมโดยใชเ้ ครื่องอัลตรา้ ซาวด์ในกระบวนการย้อมสีผมด้วย ผลิตภณั ฑ์ทางธรรมชาติของใบเทียนกิง่ ซง่ึ การใช้เครื่องอลั ตร้าซาวด์ในกระบวนการย้อมสีผมจะช่วยเพิ่มการดูดซับ สีย้อม และลดเวลาการย้อมสีผมได้ โดยการทดลองน้ีได้ใช้เส้นใยของแพะเป็นตัวอย่างแทนเส้นผมของมนุษย์ การศึกษาน้ีได้เลือกใช้พารามิเตอร์อัลตร้าโซนิคที่เหมาะสม ซึ่งพิจารณาจากผลกระทบของเวลาในการสั่นด้วยคลนื่ เสยี ง (Sonication) (5 10 และ 15 นาท)ี ความถี่ (44 400 และ 1000 kHz) และเวลายอ้ มสีท้งั หมด (30 60 และ 120 นาที) โดยความเสียหายของพ้ืนผิวเส้นผมจะได้รับการตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน เพ่ือหา ความแตกต่างของเสน้ ผมทย่ี ้อมสี และเพ่อื หาปริมาณของการดูดซับสยี ้อมด้วยเทคนิคยวู ี และวิสเิ บลิ สเปกโทรโฟโต เมทรี ซ่ึงจากการศึกษาการเพ่ิมสีเส้นผมของแพะด้วยการใช้พลังงานอัลตร้าโซนิค พบว่าการสั่นด้วยคลื่นเสียงที่ 400 kHz เป็นเวลา 10 นาที โดยใช้เวลาการย้อมสีท้ังหมด 60 นาที เป็นสภาวะการย้อมสีที่เหมาะสม และมี ประสิทธิภาพทส่ี ุดโดยทไ่ี มท่ า้ ให้เกิดความเสียหายต่อเส้นผม
9 5. เอกสารอา้ งอิงของโครงการวจิ ัย การดา หวังอนี อรพรรณ ทองประสงค์ และรัชกฤช ปัทมโสภากลุ . 2557. ผลติ ภณั ฑ์เปลย่ี นสีผมจากสารสกดั ใบเทยี นกิง่ . ปริญญานิพนธ์หลักสูตรวทิ ยาศาสตรบัณฑิต. มหาวิทยาลยั รังสติ , ปทมุ ธาน.ี จฬุ าลักษณ์ ก่ิงรัตน.์ 2556. การพฒั นาสารยอ้ มผมธรรมชาตจิ ากเฮนน่า. ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑติ (เคมี). มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ : 35-36 นนั ทวัน บุณยะประภศั น์ และอรนชุ โชคชยั เจริญพร บรรณาธิการ. 2541. สมุนไพรไม้พนื้ บ้าน. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. นรศิ เจนวริ ยิ ะ. 2546. ความรเู้ รอ่ื งเส้นผม. นิตยสารใกล้หมอ. 27(6) : 20-35. มุกดา หน่ยุ ศรี และกรองกาญจน์ ศริ ิภักด.ี 2554. ความรแู้ ละพฤติกรรมการใช้ยาย้อมผมของประชาชนในอา้ เภอ ปากเกรด็ จงั หวัดนนทบุรี. รายงานสบื เน่ืองจากการประชมุ วชิ าการ “ราชพฤกษ์วิชาการ”ประจาป2ี 554. ณ วทิ ยาลัยราชพฤกษ์. : 291-304. รพีพรรณ กองตมู . 2560. กากกาแฟ. มูลคา่ เพิม่ การใช้ประโยชน์. รายงานสืบเนือ่ งจากการประชุม วิชาการ ระดับชาติ ครงั้ ที่ 5. ราชบรุ ี : ราชภฏั หมูบ่ ้านจอมบึง สุปรียา ยืนยงสวัสด์ิ. ม.ป.ป. ยายอ้ มผมจากธรรมชาติ. ภาควิชาเภสชั เวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะ เภสชั ศาสตร.์ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร.์ สมยศ จารวุ จิ ติ รรตั นา. 2541. โรคของหนังศรี ษะและเส้นผม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์วัชรินทรส์ าสน์ รัชดา. อภกิ านต์ คุ้มเพชร และมนสั วี ใจซอ่ื . 2558. โครงการสิ่งประดษิ ฐค์ นรนุ่ ใหม.่ สาขาวิชาวารสารศาสตร์ ดจิ ิทลั . วทิ ยาลยั นิเทศศาสตร์. Gonzalez, V., Wood, R., Lee, J, Taylor, S., and Bussemake, M.J. 2018. Ultrasound-Enhanced Hai Dye Application for Natural Dyeing Formulations. Ultrasonics Sonochemistry. 18 : 5-40. Gregg, S.J. and Sing, K.S.W. 1982. Adsorption, Surface Area and Porosity. Academic Press Inc. 24 : 1-39 Lemmens, R.H.M.J. and Wulijarni-Soetjipto, N. 1992. Prosea : Plant Resources of South-East Asia. The Netherlands. pp: 23. 6. วิธดี าเนินการวิจยั และสถานที่ทาการทดลอง/เกบ็ ข้อมลู 6.1 การวางแผนงานวจิ ยั 6.1.1 ทา้ การศึกษา และรวบรวมข้อมลู 6.1.2 คน้ คว้าหางานวิจัยที่เก่ียวข้อง
10 6.1.3 วางแผนการทดลอง 6.2 การเตรยี มตวั อย่าง 6.2.1 เก็บตัวอย่างใบเทียนกิ่ง ในอ้าเภอเมือง จังหวัดตราด และตัวอย่างกากกาแฟ จากร้านสะดวก ซอ้ื 7-11 สาขาหอนาฬิกาทา่ ใหม่ ในอ้าเภอท่าใหม่ จงั หวัดจันทบุรี 6.2.2 น้าใบเทียนกิง่ มาลา้ งใหส้ ะอาดแลว้ นา้ ไปตากให้แห้ง จากนั้นน้าใบเทียนกงิ่ ทแ่ี หง้ กบั กากกาแฟ ไปอบอีกครง้ั ทอ่ี ณุ หภมู ิ 60 องศาเซลเซยี ส เพื่อท้าการไล่น้าออกใหห้ มด 6.2.3 บดใบเทียนกิ่ง และกากกาแฟที่แห้งสนิทให้ละเอียดเป็นผง และร่อนดักขนาดให้มีขนาดเล็ก กวา่ 600 ไมครอน (Micron) หรือ 30 เมช (Mesh) 6.2.4 น้าผงของใบเทียนกิ่งท่ีบดละเอียดมาผสมกับน้าร้อนในอัตราส่วน 1 : 1 คนให้เข้ากันเป็นเวลา 5 นาที และพักสารท้ิงไว้ 1 ชั่วโมง แล้วจึงน้าน้าท่ีแช่ผงของใบเทียนกิ่งไว้ไปกรอง จากนั้นน้ามาเตรียมเป็นความ เข้มขน้ เท่ากบั 5 7.5 10 มลิ ลกิ รัมตอ่ มลิ ลิลิตรและความเข้มขน้ สูงสดุ ตามลา้ ดับ 6.2.5 ท้าซ้าข้อ 6.2.4 โดยเปลี่ยนผงของใบเทียนก่ิงเป็นผงของกากกาแฟ และสารผสมของผง ใบเทียนกิ่ง และกากกาแฟที่บดละเอียดแล้วรวมกันในอัตราส่วน 15 : 1 ตามล้าดับ ปรับปรุงมาจากงานวิจัยของ (จุฬาลักษณ์ กิ่งรัตน์. 2556.) 6.2.6 น้าสารสกัดท่ีได้ในข้อ 6.2.4 และ 6.2.5 มาผสมกับไข่แดงจากไข่ไก่ ขนาดเบอร์ 0 ยี่ห้อซีพี และน้ามะนาว สายพันธ์ุทะวาย ปริมาตร 4 มิลลิลิตร ปรับปรุงมาจากงานวิจัยของ (มุกดา หนุ่ยศรี และ กรองกาญจน์ ศริ ภิ กั ดี, 2554) 6.2.7 เตรียมเส้นผมที่ผ่านการฟอกสี โดยน้าตัวอย่างเส้นผมสีด้าท่ีรวบรวมได้มาท้าการฟอกสีผมให้ เปน็ สขี าว 6.2.8 เตรียมเสน้ ผมทม่ี สี ขี าวโดยธรรมชาติ 6.3 ศกึ ษาจลนพลศาสตร์ และการดดู ซบั สีของเส้นผม โดยปรบั เปลี่ยนปจั จัยท่ีมผี ล ดงั นี้ 6.3.1 ความเข้มขน้ ทใ่ี ช้ศึกษาการดดู ซับสยี อ้ มบนเส้นผมคือความเข้มขน้ เท่ากบั 5 7.5 10 มิลลกิ รมั ต่อมิลลิลิตร และความเข้มข้นสูงสุด ตามล้าดับ และเปรียบเทียบสีของเส้นผมในแต่ละความเข้มข้น เพื่อหาความ เข้มขน้ ต่้าสดุ ของสารสกัดทีส่ ีย้อมสามารถตดิ เส้นผมได้ 6.3.2 เวลาทใี่ ช้ศกึ ษาการดดู ซับสีย้อมบนเส้นผมคือ 10 ถึง 120 นาที โดยใช้เส้นผมทีผ่ ่านการฟอกสี จากร้านเสริมสวยในจังหวดั จันทบุรี โดยใช้ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในการทดสอบหาอัตราการดูดซับ และเปรียบเทียบ ระยะเวลาท่ที ้าให้เส้นผมเกิดการดดู ซบั สยี อ้ มไดด้ ีทส่ี ดุ 6.3.3 เปรียบเทียบจลนพลศาสตร์ และอัตราการดูดซับสีย้อมบนเส้นผมระหว่างสีของใบเทียนก่ิง สีของกากกาแฟ และสขี องใบเทียนกงิ่ ท่ผี สมกบั กากกาแฟ
11 6.3.4 เปล่ียนมาใช้เส้นผมธรรมชาติท่ีไม่ผ่านการฟอกสี โดยย้อมเส้นผมธรรมชาติท่ีสภาวะท่ีดีท่ีสุด ของเสน้ ผมทีผ่ า่ นการฟอกสี ในขอ้ 6.3.1 6.3.2 และ 6.3.3 6.4 วิธวี เิ คราะห์การดดู ซบั บนเสน้ ผม 6.4.1 ใช้เคร่ืองอัลตราไวโอเลต และวิสิเบิลสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ สแกนหาความยาวคลื่นสูงสุดของ สารสกัด และวัดค่าการดูดกลืนแสงของสีย้อมจากสารสกัดใบเทียนกิ่ง กากกาแฟ และใบเทียนก่ิงที่ผสมกับกาก กาแฟในแต่ละความเข้มข้น และแต่ละช่วงเวลาต่าง ๆ ทั้งก่อน และหลังการเกิดกระบวนการดูดซับบนเส้นผม เพื่อให้ไดค้ ่าการดูดซับบนเสน้ ผมจากสารสกัดสีย้อมที่จางหายไป 6.4.2 วัดค่าการดูดซับสีบนเส้นผมด้วยแอปพลิเคช่ัน Pixel Picker ในมือถือสมาร์ทโฟนเพื่อวัดค่า ความเขม้ ของสที ่ีเพิ่มขึน้ ของเส้นผมตามระยะเวลา และความเข้มข้นท่แี ตกตา่ งกนั 6.5 ทดสอบความคงทนของการตดิ สี ทดสอบความคงทนของการติดสี โดยสระด้วยแชมพูสระผม และนับจ้านวนคร้ังของการสระจนกว่า สีย้อมจะหลดุ ออกหมด 6.6 สรปุ ผลการทดลอง
12 7. ระยะเวลาทาการวจิ ัย และแผนการดาเนนิ งานตลอดโครงการวจิ ยั
13 8. ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รับ 8.1 เพื่อให้ทราบสภาวะทด่ี ที ่สี ดุ ทส่ี ยี อ้ มจากสารสกดั ใบเทียนกง่ิ และกากกาแฟจะตดิ อยู่บนเส้นผม 8.2 เพือ่ ลดปญั หาทางดา้ นสุขภาพจากการใช้ผลติ ภณั ฑย์ อ้ มสีผมในรูปแบบท่วั ไปทใี่ ช้สารเคมี 8.3 เพ่ือลดปัญหาภาวะโลกร้อน โดยหันกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบทางธรรมชาติท่ีสามารถหาได้ใกล้ตัว และ เป็นการนา้ เอาวัตถดุ บิ เหลือท้งิ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด 8.4 เพ่ืออนุรักษ์ และรักษาภูมิปัญญาชาวบ้านท่ีมีมาต้ังแต่สมัยโบราณ และเพ่ือให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึง ประโยชน์ของธรรมชาติ ในการน้าเอาใบเทียนกิ่ง และกากกาแฟมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมโดยไม่พึ่งพา สารเคมี 8.5 เพื่อลดค่าใชจ้ ่ายจากการซอ้ื ผลิตภัณฑย์ ้อมสผี มส้าเรจ็ รูปในรปู แบบทัว่ ไปทใี่ ช้สารเคมีราคาแพง 9. การลงนามรับรองโดยนักศึกษา และอาจารย์ที่ปรึกษา ลงชอื่ ............................................... นักศกึ ษาผเู้ สนอโครงการวิจัย (นายกวนิ ภพ เย็นแยม้ ) ............/................./.............. ลงชื่อ ............................................... นกั ศึกษาผู้เสนอโครงการวิจัย (นางสาวสธุ าทิพย์ กล่ันแตง) ............/................./.............. ลงชอื่ ............................................... อาจารย์ทป่ี รกึ ษาโครงการวจิ ยั (อาจารย์ ดร. สุพัตรา รักษาพรต) ............/................./..............
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: