Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์ไทย

ประวัติศาสตร์ไทย

Published by Praewpan Klankham, 2021-05-19 14:26:46

Description: ประวัติศาสตร์ไทย

Search

Read the Text Version

สงั คมแมวสม้ ประวตั ศิ ำสตรไ์ ทย 1. บทนำ หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ทย ตานาน เร่อื งเล่าในอดตี ทถ่ี า่ ยทอดสบื ตอ่ กนั มาอย่างยาวนาน (เก่าแก่สุด) พงศาวดาร บนั ทกึ เรอ่ื งราวทเ่ี กย่ี วกบั ราชวงศห์ รอื พระมหากษตั รยิ ์ แบ่งเป็นฉบบั ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ จดหมายเหตุ ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนิติ ์ ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ ฉบบั พระราชหตั ถเลขา ฉบบั บรติ ชิ มวิ เซยี ม โดยพงศาวดารฉบบั ทน่ี ักประวตั ศิ าสตรใ์ หก้ ารเช่อื ถอื วา่ แมน่ ยา ทส่ี ดุ คอื ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนิติ ์ (ตงั้ ชอ่ื ตามผทู้ ค่ี น้ พบ) เอกสารหนังสอื บนั ทกึ เรอ่ื งราวหรอื เหตกุ ารณ์ต่างๆ จารกึ บนั ทกึ ลงวสั ดทุ ค่ี งทน เชน่ ศลิ าจารกึ จดหมายและบนั ทกึ สว่ นตวั เอกสารทบ่ี อกเล่าถงึ เน้อื หาของผทู้ เ่ี ขยี นบนั ทกึ เช่น พระราชหตั ถเลขาของ เอกสารราชการ รชั กาลท่ี 5, สาสน์ สมเดจ็ เป็นจดหมายโต้ตอบกนั ทางความรรู้ ะหว่างสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพกบั สมเดจ็ ฯ กรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ เอกสารเกย่ี วกบั การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (ใบบอก สญั ญา ประกาศ กฎหมาย) บนั ทกึ ของชาวตา่ งชาติ บนั ทกึ ของชาวตา่ งชาตเิ กย่ี วกบั สง่ิ ทไ่ี ดพ้ บเหน็ ประวตั ศิ าสตรน์ พิ นธ์ งานเขยี นทางวชิ าการ เชน่ บทความ หนังสอื วทิ ยานิพนธ์ ความเป็ นมาของชนชาติไทย 1. ชนชาติไทยเดิมอพยพมาจากเทือกเขาอลั ไต (ทฤษฎนี ้ีไม่ไดร้ บั การเช่อื ถอื อกี ตอ่ ไป) หมอวลิ เลยี ม คลฟิ ตนั ดอดด์ เขยี นหนังสอื The Tai race : Elder brother of the Chinese กบั ขุนวจิ ติ รมาตรา เขยี นหนังสอื หลกั ไทย เสนอว่าคนไทยสบื เชอ้ื สายมาจากมองโกล ต่อมาถูกจนี รุกรานจงึ อพยพสดู่ นิ แดนไทยใน ปัจจบุ นั ทฤษฎนี ้ีไม่เป็นทน่ี ่าเช่อื ถอื อกี ต่อไป เน่ืองจากเหน็ ว่าเทอื กเขาอลั ไตนัน้ อย่หู ่างไกลเกนิ ไป ประกอบกบั มี ลกั ษณะเป็นทะเลทราย มสี ภาพอากาศทร่ี อ้ นจดั กบั หนาวจดั 2. ชนชาติไทยเดิมอพยพมาจากทางตอนกลางของจนี มเี พยี งเอกสารจนี โบราณกลา่ วถงึ ความน่าเช่อื ถอื น้อย 3. ชนชาติไทยเดิมอยทู่ างตอนใต้ของจนี (ทฤษฎนี ้ีไดร้ บั ความเช่อื ถอื มากทส่ี ดุ ) เอกสารจนี กลา่ วถงึ ชนชาตไิ ท (Tai) วา่ เป็นชนชาตหิ น่งึ ทอ่ี ย่กู ระจดั กระจายอยทู่ างตอนใต้ของจนี และมลี กั ษณะ ทางภาษาศาสตร์ ขนบธรรมเนยี มประเพณี วฒั นธรรมคลา้ ยคลงึ กบั กลุ่มชนทอ่ี าศยั อยทู่ างตอนใตข้ องจนี 220

สงั คมแมวสม้ 4. ชนชาติไทยเดิมอย่ใู นประเทศไทยปัจจบุ นั ขดุ คน้ พบโครงกระดกู มนุษยว์ ่าเหมอื นกบั โครงกระดูกคนไทยปัจจุบนั เกอื บทุกแห่ง กบั หลกั ฐานทางโบราณคดี ไดแ้ ก่ เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผา เคร่อื งมอื เครอ่ื งใช้ เครอ่ื งประดบั อาวุธ บ่งชถ้ี งึ ว่าดนิ แดนแถบน้ีมผี คู้ นตงั้ ถน่ิ ฐานมานาน 5. ชนชาติไทยเดิมอยบู่ ริเวณคาบสมทุ รมลายู ใชห้ ลกั ฐานทางการแพทย์ พบวา่ กลุ่มเลอื ด ยนี และฮโี มโกลบนิ ของคนไทยตรงกบั คนเกาะชวามากกว่าชาวจนี 2. อำณำจักรโบรำณ - ดนิ แดนประเทศไทยในปัจจบุ นั เขา้ สยู่ คุ ประวตั ศิ าสตรจ์ ากการคน้ พบจารกึ เขาน้อย ซง่ึ ถอื วา่ เป็นจารกึ ทป่ี รากฏ หลกั ฐานศกั ราชเก่าแกท่ ส่ี ุดทพ่ี บในประเทศไทย ใชอ้ กั ษรปัลลวะระบุปี พ.ศ.1180 - ปัจจยั การตงั้ ถนิ่ ฐาน 1. ทร่ี าบลุม่ แมน่ ้า เหมาะแก่การอยอู่ าศยั และเพาะปลูก 2. มแี ร่ธาตสุ าคญั เครอ่ื งเทศ และของป่า ทาใหเ้ กดิ การตดิ ตอ่ คา้ ขายแลกเปลย่ี นกบั โลกภายนอก - อาณาจกั รโบราณส่วนมากไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากอารยธรรมอนิ เดยี ทงั้ ทางดา้ นการเมอื งการปกครอง ความเช่อื ทางศาสนา ตวั อกั ษร สง่ิ ก่อสรา้ งต่างๆ แต่เราทราบถงึ เร่อื งราวของอาณาจกั รโบราณได้จากเอกสารบนั ทกึ ของ ชาวจนี ทเ่ี คยเดนิ ทางผ่านมา - มพี ฒั นาการจาก ชุมชน >> เมอื ง >> แว่นแควน้ >> อาณาจกั ร 1. ฟนู ัน - เป็นอาณาจกั รโบราณแหง่ แรกในภูมภิ าคน้ี เรม่ิ รบั อารยธรรมอนิ เดยี (พทุ ธศตวรรษท่ี 3-7) - จดหมายเหตุราชวงศฮ์ นั่ กลา่ วถงึ อาณาจกั รบรเิ วณสามเหลย่ี มปากแม่น้าโขง - คน้ พบแหล่งโบราณคดเี มอื งออกแกว้ บรเิ วณเวยี ดนามตอนใตใ้ นปัจจบุ นั - เช่อื ว่ามอี าณาเขตบางสว่ นอย่ใู นประเทศไทยปัจจบุ นั - ต่อมาถกู อาณาจกั รเจนละยดึ ครอง (อาณาจกั รเจนละพฒั นาเป็นเขมรตอ่ มา) 2. ทวารวดี - ตงั้ อยบู่ รเิ วณภาคกลางและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยในปัจจุบนั (พุทธศตวรรษท่ี 9-11) - มเี มอื งสาคญั ทน่ี ครปฐม คบู วั อทู่ อง ศรเี ทพ ฟ้าแดดสงยาง - พบชอ่ื “ทวารวด”ี จารกึ อย่บู นเหรยี ญเงนิ เป็นภาษาสนั สกฤต - เชอ่ื วา่ เป็นกลมุ่ เมอื งอสิ ระ ไม่พบรอ่ งรอยวา่ เป็นอาณาจกั รขนาดใหญ่ทม่ี กี าร บงั คบั บญั ชาจากศูนยก์ ลาง นบั ถอื พุทธศาสนานกิ ายเถรวาท - นิยมสรา้ งเจดยี ์ เช่น เจดยี จ์ ลุ ปะโทน พระปฐมเจดยี ์ เจดยี ว์ ดั พระเมรุ - สรา้ งพระพุทธรปู ภาพชาดก เสมาหนิ ลกู ปัด ธรรมจกั รกบั กวางหมอบ 221

สงั คมแมวสม้ - มชี อ่ื ตามเอกสารจนี วา่ โตโลโปต่ี - เชอ่ื ว่าล่มสลายจากการรุกรานของอาณาจกั รเขมร 3. ละโว้ - อาณาจกั รเขมรขยายอานาจเขา้ มาแทนทท่ี วารวดี มศี ูนยก์ ลางอย่ทู ่ลี พบุรี (พุทธศตวรรษท่ี 12-17) (ละโว)้ มอี านาจครอบคลมุ บรเิ วณภาคกลางและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของ ไทยในปัจจุบนั - นับถอื ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู กบั พทุ ธศาสนานิกายมหายาน - มกี ารกอ่ สรา้ งศาสนสถานความความเช่อื ไดแ้ ก่ พราหมณ์-ฮนิ ดู นิกายไศวะ : ปราสาทหนิ พนมรงุ้ ปราสาทเขาพระวหิ าร พราหมณ์-ฮนิ ดู นิกายไวษณพ : ปราสาทหนิ นครวดั พุทธศาสนา นกิ ายมหายาน : ปราสาทหนิ พมิ าย - นิยมสรา้ งพระปรางคต์ ามคตคิ วามเชอ่ื ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู สอ่ื ถงึ เขาพระ สเุ มรุ สรา้ งศาลพระกาฬ เทวรปู พระพุทธรปู นาคปรก บาราย (สระกกั เกบ็ น้า) - สมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี 7 มกี ารกอ่ สรา้ งอโรคยาศาล (สถานทร่ี กั ษาโรค) พรอ้ ม กบั พระไภษชั ยครุ ุ (พระพุทธเจา้ ทร่ี กั ษาโรคในคตคิ วามเชอ่ื แบบมหายาน) - เรยี กรปู แบบศลิ ปะวา่ “ศลิ ปะลพบรุ ”ี หรอื “ศลิ ปะเขมรในประเทศไทย” - มชี ่อื ตามเอกสารจนี ว่าหลอฮู 4. ศรวี ชิ ยั - สนั นิษฐานว่ามศี ูนยก์ ลางทเ่ี มอื งไชยา ตงั้ อย่ทู บ่ี รเิ วณภาคใตข้ องไทยในปัจจบุ นั (พุทธศตวรรษท่ี 13-16) - ควบคุมเสน้ ทางการเดนิ เรอื และการคา้ ทางทะเลระหว่างจนี และอนิ เดยี - นับถอื ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดกู บั พทุ ธศาสนานิกายมหายาน - หลกั ฐานสาคญั คอื พระบรมธาตุไชยา พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร - มชี ่อื ตามเอกสารจนี วา่ ซลิ โิ ฟซิ 5. ตามพรลงิ ค์ - มศี นู ยก์ ลางอยทู่ เ่ี มอื งนครศรธี รรมราช ตงั้ อย่บู รเิ วณภาคใตข้ องไทยในปัจจบุ นั (พุทธศตวรรษท่ี 17-18) - มเี มอื งบรวิ าร 12 เมอื ง เจรญิ รุ่งเรอื งสงู สุดสมยั พระเจา้ ศรธี รรมโศกราชเป็น กษตั รยิ ป์ กครอง หลกั ฐานสาคญั คอื พระบรมธาตุเจดยี ท์ เ่ี มอื งนครศรธี รรมราช - นบั ถอื พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทจากลงั กา ต่อมาไดเ้ ผยแพร่ให้กบั สุโขทยั - มชี ่อื เรยี กตามเอกสารจนี วา่ ตน้ หม่าหลงิ 222

สงั คมแมวสม้ 6. โคตรบูรณ์ - มศี นู ยก์ ลางอยทู่ น่ี ครพนม บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทยในปัจจบุ นั (พทุ ธศตวรรษท่ี 12-16) - มหี ลกั ฐานจากตานานอุรงั คธาตุกล่าวถงึ ความเป็นมาของอาณาจกั ร และ ประวตั กิ ารสรา้ งพระธาตพุ นม 7. หรภิ ญุ ไชย - มศี ูนยก์ ลางอยทู่ ล่ี าพนู บรเิ วณภาคเหนอื ของไทยในปัจจบุ นั (พทุ ธศตวรรษท่ี 17-18) - ตานานกล่าวถงึ พระนางจามเทวเี ดนิ ทางจากลพบุรมี าตงั้ เมอื งหรภิ ญุ ไชย - หลกั ฐานคอื จารกึ ภาษามอญ พระเจดยี ก์ ูก่ ุด พระบรมธาตหุ รภิ ญุ ไชย 8. ลา้ นนา - เกดิ จากพญามงั รายแหง่ แควน้ โยนกนครเงนิ ยางเขา้ ยดึ ครองเมอื งหรภิ ุญไชย (พุทธศตวรรษท่ี 18-25) - เป็นอาณาจกั รของคนยวน ใชอ้ กั ษรไทยยวน ก่อตงั้ เมอื งเชยี งใหม่ เชยี งแสน - ใชก้ ฎหมายมงั รายศาสตร์ - ทาสงครามกบั อาณาจกั รสโุ ขทยั และอาณาจกั รอยธุ ยา โดยเฉพาะสงครามกบั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถแหง่ อยธุ ยา เป็นทม่ี าของลลิ ติ ยวนพ่าย - ตกเป็นประเทศราชในสมยั ธนบุรแี ละตน้ รตั นโกสนิ ทร์ ก่อนจะถกู รวมอานาจเขา้ สศู่ นู ยก์ ลางสมยั รชั กาลท่ี 5 - ตานานป่เู จา้ ลาวจก ชนิ กาลมาลปี กรณ์ จามเทววี งศ์ และตานานพน้ื เมอื งต่างๆ 3. สมยั สโุ ขทัย - สุโขทยั ตงั้ อย่บู รเิ วณลมุ่ แม่น้ายม เป็นเมอื งทต่ี กอย่ภู ายใตอ้ านาจเขมร มแี ม่ทพั ช่อื ขอมสบาดโขลญลาพงดแู ล ต่อมาพอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ยแ์ ละพอ่ ขนุ ผาเมอื งรว่ มกนั ขบั ไล่เขมรออกไปได้ กอ่ ตงั้ ราชวงศพ์ ระร่วง - มเี มอื งศรสี ชั นาลยั เป็นเมอื งแฝด เจรญิ ทดั เทยี มกนั - ในสมยั พ่อขนุ รามคาแหงใชร้ ปู แบบการปกครองแบบ “พ่อปกครองลกู ” - ในสมยั พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พญาลไิ ท) ไดแ้ สดงตนว่าผปู้ กครองเป็น “ธรรมราชา” ตามแนวความเช่อื ทาง พระพทุ ธศาสนา ทรงแตง่ เร่อื งไตรภูมพิ ระร่วงเป็นวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาสอนเกย่ี วกบั บาปบุญคณุ โทษ - เศรษฐกจิ สุโขทยั เป็นเศรษฐกจิ แบบยงั ชพี มกี ารคา้ ขายทต่ี ลาดปสาน (ตลาดในเมอื ง) - สมยั สุโขทยั มที าสเพยี งทาสเชลย - สุโขทยั เสอ่ื มอานาจลงจนกระทงั่ ถูกผนวกรวมเขา้ กบั กรงุ ศรอี ยุธยา ปัญหาทางการอธบิ าย นกั ประวตั ศิ าสตรต์ งั้ ขอ้ สงสยั ถงึ เรอ่ื งการปกครองแบบ “พ่อปกครองลูก” ทถ่ี ูกอธบิ าย ตอ่ เน่ืองกนั มาอยา่ งยาวนานโดยตงั้ คาถามวา่ จะปกครองกนั อย่างไร ปัจจุบนั ไดม้ กี ารยอมรบั กนั จากหลกั ฐาน ทางประวตั ศิ าสตรว์ ่าอาณาจกั รสุโขทยั ปกครองแบบกลมุ่ เครอื ญาตแิ ละสรา้ งสายสมั พนั ธก์ นั ผ่านการแต่งงาน 223

สงั คมแมวสม้ ภมู ิปัญญา - พ่อขนุ รามคาแหงประดษิ ฐ์ลายสอื ไทโดยดดั แปลงจากอกั ษรมอญกบั เขมร - ผลติ เคร่อื งปัน้ ดนิ เผาเป็นสนิ คา้ สง่ ออกช่อื เครอ่ื งสงั คโลก มเี ตาเผาช่อื เตาทเุ รยี ง นยิ มเคลอื บภาชนะแบบสเี ขยี วไขก่ า อาศยั ชา่ งฝีมอื ชาวจนี มาถ่ายทอดความรใู้ ห้ เครอ่ื งสงั คโลก - ทาระบบชลประทานสาหรบั กกั เกบ็ น้า เรยี กวา่ “สรดี ภงส”์ หรอื “ทานบพระรว่ ง” - นับถอื พุทธเถรวาทแบบลงั กา เรยี กว่า “ลทั ธลิ งั กาวงศ”์ - ไดร้ บั อทิ ธพิ ลการกอ่ สรา้ งเจดยี แ์ บบลงั กา เรยี กว่า “เจดยี ท์ รงระฆงั คว่า” หรอื “เจดยี ท์ รงลงั กา” - ตอ่ มาสุโขทยั ไดส้ รา้ ง “เจดยี ท์ รงพ่มุ ขา้ วบณิ ฑ”์ มลี กั ษณะรปู ทรงดอกบวั ตมู เป็นแบบเฉพาะของตวั เอง - นยิ มสรา้ งชา้ งลอ้ มรอบฐานเจดยี ์ - สรา้ งพระพทุ ธรปู สารดิ หลอ่ พระพทุ ธชนิ ราช พระอจั นะ พระพทุ ธชนิ สหี ์ พระศรศี ากยมนุ ี โดยพระพทุ ธรปู ปาง ลลี าไดร้ บั การยกย่องวา่ มคี วามงดงามมากทส่ี ดุ - เน่ืองจากสุโขทยั มสี ภาพภมู ปิ ระเทศค่อนขา้ งแหง้ แลง้ จงึ สรา้ งตระพงั (สระน้า) สาหรบั กกั เกบ็ น้ากบั ตรบี ูรเป็น คนู ้าลอ้ มรอบเมอื งสามชนั้ 4. สมยั อยธุ ยำ แ ภาพวาดกรงุ ศรอี ยธุ ยาโดยศิลปิ นชาวดตั ช์ - อาณาจกั รอยุธยาสถาปนาในปี พ.ศ.1893 โดยสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 1 (พระเจา้ อู่ทอง) เกดิ จากการรวมตวั กนั ของแวน่ แควน้ สองแควน้ คอื สพุ รรณภูมกิ บั ละโว้ - อยธุ ยามแี ม่น้าสามสายลอ้ มรอบ คอื แมน่ ้าเจา้ พระยา แม่น้าป่าสกั แมน่ ้าลพบุรี ตงั้ อย่บู นทร่ี าบลุ่มแม่น้าทอ่ี ุดม สมบรู ณ์ มชี ยั ภมู ดิ ปี ้องกนั ขา้ ศกึ มฤี ดนู ้าหลากในชว่ งฤดฝู น ทาใหน้ ้าไหลท่วมรอบเมอื งและขา้ ศกึ โจมตลี าบาก - อยุธยาเป็นศูนยก์ ลางอานาจ 417 ปี เสยี แก่พม่า 2 ครงั้ ครงั้ แรกในสมยั พระมหนิ ทราธริ าช ปี พ.ศ.2112 กบั ครงั้ ทส่ี องในสมยั พระเจา้ เอกทศั น์ในปี พ.ศ.2310 มพี ระมหากษตั รยิ ป์ กครอง 34 พระองค์ (นับขนุ วรวงศาธริ าช) - มี 5 ราชวงศป์ กครอง ไดแ้ ก่ ราชวงศอ์ ูท่ อง ราชวงศส์ ุพรรณภูมิ ราชวงศส์ ุโขทยั ราชวงศป์ ราสาททอง ราชวงศ์ บา้ นพลหู ลวง โดยราชวงศส์ ุพรรณภมู ปิ กครองนานทส่ี ุด 224

สงั คมแมวสม้ การเมืองการปกครองสมยั อยธุ ยา • คติการปกครอง อยุธยารบั เอาคติ “เทวราชาหรอื สมมุติเทพ” เช่อื ว่าพระมหากษตั รยิ ์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ซ่งึ เป็นความเช่อื ในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูเป็นแบบแผนการปกครอง แต่กใ็ ช้หลกั ของพระพุทธศาสนาอย่าง ทศพธิ ราชธรรมกบั จกั รวรรดวิ ตั รกากบั ใหเ้ ป็นไปตามธรรมนองคลองธรรม เรมิ่ ใชค้ าราชาศพั ทต์ ามแบบเขมร • สมยั พระเจ้าอ่ทู อง - สว่ นกลางใชร้ ะบบการปกครอบแบบจตุสดมภ์ จดั ระบบการปกครองใหม้ จี ตุสดมภ์ 4 ตาแหน่ง ทาหน้าทด่ี แู ล กจิ การภายในราชธานี 1. กรมเวยี ง ทาหน้าทด่ี แู ลความสงบเรยี บรอ้ ยของราชธานี 2. กรมวงั ดแู ลกจิ การในราชสานักและตดั สนิ คดคี วาม 3. กรมคลงั ทาหน้าทต่ี ดิ ต่อคา้ ขายกบั ต่างประเทศและการทตู เรยี กอกี ช่อื วา่ “พระคลงั สนิ คา้ ” 4. กรมนา ทาหน้าทด่ี แู ลการทานา เกบ็ เสบยี งอาหาร เกบ็ ภาษคี า่ นา - สว่ นหวั เมอื งแบง่ เป็น เมอื งลกู หลวง (ตงั้ อย่ใู กลก้ บั ราชธานี สง่ เจา้ นายไปปกครอง) เมอื งพระยามหานคร (เมอื งชนั้ นอก) เมอื งประเทศราช (เมอื งต่างภาษาใหส้ ง่ เคร่อื งราชบรรณาการ) • การปฏิรปู การปกครองสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ เพ่อื ปรบั ปรุงการปกครองใหเ้ หมาะสมกบั อาณาจกั รทก่ี าลงั ขยายใหญ่โตขน้ึ มจี ุดประสงคร์ วมศูนยอ์ านาจเขา้ สู่ ราชธานี ดงั น้ีคอื 1. ตงั้ ตาแหน่งสมหุ นายกทาหน้าทด่ี แู ลพลเรอื นกบั สมุหกลาโหมทาหน้าทด่ี แู ลทหาร เพอ่ื คานอานาจกนั 2. ยกเลกิ เมอื งลกู หลวงเน่ืองจากเกดิ ปัญหาแยง่ ชงิ ราชสมบตั ิ เปลย่ี นเป็นหวั เมอื งชนั้ ใน แต่งตงั้ ขนุ นางไป ปกครองในตาแหน่งผรู้ งั้ 3. ตราพระอยั การตาแหน่งนาพลเรอื นและพระอยั การตาแหน่งทหารหวั เมอื ง เรยี กวา่ ระบบศกั ดนิ า 4. ตรากฎมณเฑยี รบาล เกย่ี วกบั การสบื ราชสมบตั ิ • สมยั พระรามาธิบดีที่สอง ตงั้ กรมสรุ สั วดจี ดั ทาบญั ชหี างวา่ ว เพ่อื สารวจรวบรวมกาลงั ไพร่พลทงั้ หมดใน ราชอาณาจกั ร • สมยั พระเพทราชา ปรบั เปลย่ี นการปกครอง (ใชต้ ่อกนั มาจนถงึ ชว่ งการปฏริ ปู การปกครองของรชั กาลท่ี 5) 1. ใหส้ มหุ นายกแบ่งเขตดแู ลทงั้ ทหารและพลเรอื นของหวั เมอื งฝ่ายเหนอื 2. ใหส้ มหุ กลาโหมแบง่ เขตดแู ลทงั้ ทหารและพลเรอื นของหวั เมอื งฝ่ายใต้ 3. ใหเ้ จา้ พระยาพระคลงั แบง่ เขตดแู ลทหารและพลเรอื นหวั เมอื งชายทะเลตะวนั ออกซง่ึ เป็นเมอื งท่าการคา้ • การจดั ความสาคญั ของหวั เมอื ง - อยุธยาแบ่งความสาคญั ของเมอื งเป็นลาดบั ชนั้ คอื หวั เมอื งชนั้ เอก ชนั้ โท ชนั้ ตรี ชนั้ จตั วา โดยใหแ้ ต่ละเมอื งมี ตาแหน่งเจา้ เมอื งและมตี าแหน่งยกตระบตั รทาหน้าทช่ี ว่ ยตดั สนิ คดคี วาม - มหี วั เมอื งชนั้ เอก 2 เมอื ง คอื เมอื งพษิ ณุโลกและเมอื งนครศรธี รรมราช 225

สงั คมแมวสม้ สภาพสงั คม • ระบบศกั ดินา 1. เป็นเคร่อื งวดั สถานะทางสงั คม เพ่อื กาหนดสทิ ธิ หน้าท่ี และความรบั ผดิ ชอบ (ยง่ิ ศกั ดนิ าสูง ยง่ิ มหี น้าท่ี และความรบั ผดิ ชอบมาก) การใชร้ ะบบศกั ดนิ าจงึ ไมไ่ ดห้ มายความถงึ จานวนทน่ี าจรงิ ๆ 2. ใชเ้ ป็นหลกั ในการปรบั สนิ ไหม (ทรพั ยส์ นิ ) ใครมศี กั ดนิ ามากถ้าทาความผดิ ในลกั ษณะเดยี วกนั กต็ ้องถกู ปรบั มากกวา่ ผมู้ ศี กั ดนิ าน้อยกว่า (ศกั ดนิ าสงู ยง่ิ ปรบั สงู ) 3. แบ่งเป็นชนชนั้ ปกครอง (มากกว่า 400 ไร่ขน้ึ ไป) กบั ชนชนั้ ผถู้ ูกปกครอง (ต่ากว่า 400 ไร่) โดยสามารถ มกี ารเลอ่ื นชนชนั้ ได้ เจา้ นายถูกถอดออกเป็นไพรห่ รอื ไพรม่ คี วามดคี วามชอบไดข้ น้ึ เป็นขนุ นาง • ลาดบั ศกั ดินา 1. กษตั รยิ ์ - เป็นเจา้ ศกั ดนิ าทงั้ หมด (วงั หลวง) 2. เจา้ นาย - คอื เชอ้ื พระวงศ์ เจา้ นายทส่ี าคญั ทส่ี ุดคอื ตาแหน่งพระมหาอปุ ราช (วงั หน้า) มฐี านะเป็น สมเดจ็ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล มศี กั ดนิ า 100,000 ไร่ - พระอสิ รยิ ายศ ไดแ้ ก่ เจา้ ฟ้า พระองคเ์ จา้ หมอ่ มเจา้ ถา้ สามารถทางานราชการไดจ้ ะมี ตาแหน่งเรยี กวา่ ทรงกรม เชน่ กรมพระ กรมหลวง กรมขนุ กรมหมน่ื - ในช่วงตน้ อยธุ ยามกี ารแตง่ ตงั้ เจา้ นายไปปกครองหวั เมอื ง แต่หลงั จากนัน้ เป็นการแต่งตงั้ ขนุ นางใหไ้ ปดแู ลหวั เมอื งแทน 3. ขนุ นาง - มศี กั ดนิ าจานวน 10,000-400 ไร่ - มหี น้าทท่ี างานราชการตา่ งๆ - ยศ ไดแ้ ก่ เจา้ พระยา พระยา พระ ขนุ หลวง หมน่ื มศี กั ดนิ ากากบั (ตาแหน่งสมเดจ็ เจา้ พระยาเพม่ิ ขน้ึ มาในสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทร)์ - ราชทนิ นาม คอื ชอ่ื ทใ่ี หก้ บั ผดู้ ารงตาแหน่ง เชน่ ยมราช พลเทพ ทา้ ยน้า - ตาแหน่งขนุ นาง คอื หน้าทใ่ี นแต่ละหน่วยงาน เช่น สมหุ กลาโหม สมหุ นายก พระคลงั - ในช่วงประวตั ศิ าสตรอ์ ยุธยา มขี นุ นางทส่ี ามารถปราบดาภเิ ษกเป็นกษตั รยิ ค์ อื พระเจา้ ปราสาททองกบั พระเพทราชา - สามารถแต่งทนายมาว่าความแทนตนในศาลได้ (ตอ้ งศกั ดนิ าสงู กวา่ 400 ไร่ ขน้ึ ไป) 4. ไพร่ - คอื สามญั ชนทงั้ ชายกบั หญงิ มจี านวนมากทส่ี ุด ทาการผลติ และเป็นกาลงั ในยามทาศกึ สงคราม - มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ควบคมุ กาลงั คนใหพ้ รอ้ มสาหรบั ทาหนา้ ทต่ี ่างๆ ของบา้ นเมอื ง - มศี กั ดนิ าจานวน 25-10 ไร่ - กรมพระสุรสั วดจี ดั สง่ สสั ดไี ปทาหน้าทข่ี น้ึ ทะเบยี นสกั เลขไพรช่ ายในราชอาณาจกั ร 226

สงั คมแมวสม้ 5. ทาส - อย่ภู ายใตร้ ะบบมลู นายไพรห่ รอื ระบบสงั กดั มลู นาย หมายถงึ ระบบทเ่ี จา้ นายและขนุ นาง 6. พระสงฆ์ มอี านาจหน้าทใ่ี นการควบคมุ ไพร่ผา่ นความสมั พนั ธแ์ บบอุปถมั ภ์ ทาใหไ้ พรไ่ ดร้ บั การ คมุ้ ครองตามกฎหมาย - ไพรไ่ มส่ ามารถแตง่ ตงั้ ทนายความฟ้องรอ้ งได้ ตอ้ งใหม้ ลู นายเป็นคนแตง่ ตงั้ ทนายใหแ้ ทน - แบ่งเป็น 3 ประเภท คอื 1. ไพรห่ ลวง เป็นไพรข่ องพระมหากษตั รยิ ์ 2. ไพรส่ ม เจา้ นายและขนุ นางไดร้ บั ไพรต่ ามศกั ดนิ า 3. ไพร่สว่ ย สง่ สงิ่ ของหรอื เงนิ มาแทนการใชแ้ รงงาน - ไพรห่ ลวงและไพรส่ มตอ้ งมหี น้าทเ่ี ขา้ เดอื นออกเดอื น (ทางาน 1 เดอื น หยดุ พกั 1 เดอื น) - มศี กั ดนิ าจานวน 5 ไร่ - ทาสทส่ี ามารถซ้อื อสิ รภาพของตนเองคนื ได้ คอื ทาสสนิ ไถ่ (เป็นทาสทม่ี จี านวนมากทส่ี ุด) - ทาสทไ่ี ม่สามารถซอ้ื อสิ รภาพของตวั เองคนื ได้ คอื ทาสเชลยศกึ - สามารถเลอ่ื นชนชนั้ ขน้ึ ไดห้ ลายทาง เชน่ ไปบวช (ถอื วา่ เป็นอสิ ระทนั ท)ี ไปทาสงคราม แลว้ มคี วามดคี วามชอบ จดั เป็นชนชนั้ พเิ ศษ ไดร้ บั ความเคารพจากคนทุกชนชนั้ พ ะมหากษต ยิ ช ช้ กค อง ศกดิ า 400 ้ึ ไ เจ้านาย ช ช้ ผ้ถก กค อง ศกดิ าต่ำกว่า 400 ขนุ นาง ไพร่ ทาส 227

สงั คมแมวสม้ เศรษฐกิจ • สนิ คา้ สง่ ออกสาคญั คอื ของป่า ไดแ้ ก่ ไมฝ้ าง เครอ่ื งเทศ หนงั กวาง งาชา้ ง มขี อ้ หา้ มสง่ ออกขา้ วกบั ดนิ ปืน • การคา้ กบั ตา่ งประเทศใชร้ ะบบผกู ขาดทางการคา้ เรยี กวา่ ระบบพระคลงั สนิ คา้ ใหช้ าวตา่ งชาตติ ดิ ต่อคา้ ขายกบั พระคลงั สนิ คา้ เทา่ นัน้ โดยพระคลงั สนิ คา้ ทาหน้าทร่ี วบรวมสนิ คา้ มาขายเพ่อื หารายไดเ้ ขา้ ราชสานัก • แหลง่ ทม่ี าของรายได้ แบง่ เป็น 1. จงั กอบ เรยี กเกบ็ จากสนิ คา้ ในอตั รา 10 ชกั 1 (คดิ เป็น 10 เปอรเ์ ซน็ ต)์ หรอื เกบ็ เป็นเงนิ ตามขนาด ยานพาหนะทข่ี นสนิ คา้ ผา่ นด่านขนอนทางบกและทางน้า เรยี กอกี ช่อื หน่งึ ว่าภาษีปากเรอื (เรอื เปล่ากเ็ กบ็ ) 2. อากร เกบ็ จากการประกอบอาชพี ของราษฎร เชน่ อากรค่านา (ภาษหี างขา้ ว) อากรสมพตั สร (เกบ็ จาก ไมล้ ม้ ลุกและพชื ยนื ตน้ ) อากรบอ่ นเบย้ี (การเปิดบ่อนพนนั ) อากรสุรา (เกบ็ จากผผู้ ลติ สุรา) 3. ส่วย เป็นสง่ิ ทเ่ี กบ็ แทนการใชแ้ รงงาน 4. ฤชา เป็นเงนิ คา่ ธรรมเนยี มทร่ี ฐั เรยี กเกบ็ จากราษฎร การต่างประเทศ - พระคลงั สนิ คา้ ทาหน้าทด่ี ูแลการคา้ และการต่างประเทศ แบ่งเป็นกรมท่าซ้ายกบั กรมท่าขวา กรมท่าซา้ ยดูแล การตดิ ตอ่ และการคา้ ขายกบั จนี สว่ นกรมท่าขวาดแู ลการตดิ ตอ่ และการคา้ ขายกบั แขกและฝรงั่ - อยุธยาสมั พนั ธก์ บั จนี เป็นรฐั บรรณาการ เพ่อื ไดส้ ทิ ธกิ ารตดิ ต่อคา้ ขาย (จม้ิ กอ้ ง) ต้องส่งเคร่อื งราชบรรณาการ ไปถวายราชสานักจนี เป็นประจาเพอ่ื แลกกบั สทิ ธใิ นการคา้ เรยี กว่า “การคา้ แบบบรรณาการ” (Tribute System) - คขู่ ดั แยง้ สาคญั คอื พมา่ ทาสงครามเพ่อื แยง่ ชงิ อานาจเหนอื ดนิ แดนมอญและลา้ นนา - โปรตุเกสเป็นชาวตะวนั ตกชาตแิ รกเขา้ มาตดิ ตอ่ ในสมยั สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 2 เขา้ มาเป็นทหารรบั จา้ งใหก้ บั ราชสานัก ไดส้ ทิ ธกิ ารตงั้ ชุมชนพรอ้ มกบั อนุญาตใหเ้ ผยแพร่ศาสนาครสิ ต์ - เนเธอแลนดห์ รอื ชาวดตั ช์ (อยุธยาเรยี กวา่ ชาวฮอลนั ดา) เป็นพ่อคา้ เขา้ มาขอเปิดสถานีการคา้ เพ่อื หาซ้อื สนิ คา้ ไปขาย พระเจา้ เอกาทศรถสง่ ราชทตู ไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรที เ่ี นเธอแลนดเ์ ป็นครงั้ แรกทม่ี กี ารสง่ คณะทตู ไปยโุ รป - องั กฤษเขา้ มาตดิ ต่อคา้ ขายแตเ่ กดิ เหตขุ ดั แยง้ กนั จงึ มคี วามสมั พนั ธท์ ไ่ี ม่ราบร่นื - ยุคทองของการต่างประเทศคอื สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์ ส่งพระวสิ ตู รสนุ ทร (ต่อมาเป็นเจา้ พระยาโกษาธบิ ดี หรอื โกษาปาน) เป็นทตู เดนิ ทางไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั พระเจา้ หลุยสท์ ่ี 14 แหง่ ฝรงั่ เศส - ชาวต่างชาตบิ างสว่ นไดร้ บั การแต่งตงั้ ใหเ้ ป็นขนุ นางเพ่อื ทางานในราชสานัก เชน่ ออกญาเสนาภมิ ขุ (ยามาดะ นางามาซา ชาวญป่ี ุ่น) เจา้ พระยาวชิ าเยนทร์ (คอนสแตนตนิ ฟอนคอน ชาวกรกี ) ขนุ นางจนี เปอรเ์ ซยี เป็นตน้ - ชาวตะวนั ตกและแขกถ่ายทอดความรดู้ า้ นการก่อสรา้ งตกึ ทอ่ ระบายน้า ป้อมปราการ การใชป้ ืนใหญ่ ปืนไฟ - ชาวตา่ งชาตหิ ลายคนไดเ้ ขา้ มาเขยี นบนั ทกึ ทง้ิ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตร์ เช่น บนั ทกึ ของวนั วลติ (ช่อื ฟาน ฟลตี เป็นชาวดตั ช)์ บนั ทกึ ของลาลูแบร์ (ชาวฝรงั่ เศส) สาเภาแหง่ กษตั รยิ ส์ ไุ ลมาน (ชาวเปอรเ์ ซยี ) เรยี งลาดบั ชาวตะวนั ตกทเ่ี ขา้ มาตดิ ต่อ โปรตเุ กส ฮอลนั ดา องั กฤษ ฝรงั่ เศส 228

สงั คมแมวสม้ ความเจริญของกรงุ ศรอี ยธุ ยา - การคา้ อยุธยาเป็นตลาดแลกเปลย่ี นสาคญั ของภูมภิ าค มพี ระคลงั สนิ คา้ ทาหน้าทร่ี วบรวมสนิ คา้ สาหรบั คา้ ขาย - สถาปัตยกรรม บา้ นเรอื นมเี รอื นเคร่อื งผูกสาหรบั ราษฎรทวั่ ไป เรอื นเคร่อื งสบั สาหรบั ผดู้ คี นมฐี านะ สรา้ งพระ ปรางคต์ ามแบบศลิ ปะเขมร สรา้ งเจดยี ย์ อ่ มมุ ไมส้ บิ สองเป็นศลิ ปะอยธุ ยาแท้ (ภาพการย่อมมุ ไมส้ บิ สอง) - วรรณกรรม ลลิ ติ โองการแช่งน้า ลลิ ติ ยวนพ่าย อเิ หนา ขุนชา้ งขุนแผน มกี วสี าคญั คอื เจา้ ฟ้ากุง้ แต่งพระมาลยั คาหลวง นนั โทปนนั ทสตู รคาหลวง กาพยเ์ หเ่ รอื พระโหราธบิ ดแี ตง่ จนิ ดามณี (แบบเรยี นภาษาไทยเลม่ แรก) - ศลิ ปะ พระพุทธรปู ทรงเคร่อื งแบบกษตั รยิ ์ บานประตูประดบั มุก ตพู้ ระธรรมลายรดน้า เคร่อื งเงนิ เคร่อื งทอง - ศาสนา ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั บรมโกศไดส้ ง่ พระสงฆไ์ ปชว่ ยฟ้ืนฟูพระพุทธศาสนาทล่ี งั กา จงึ เกดิ พระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ขน้ึ ทล่ี งั กา ความเสื่อมสลาย ภายหลงั จากการทาสงครามนานเกอื บสองปี กรงุ ศรอี ยุธยาเสยี แกข่ า้ ศกึ ในปี พ.ศ.2310 พม่าไดท้ าลายเมอื งและ กวาดตอ้ นเชลยกลบั ทาใหอ้ าณาจกั รอยธุ ยาแตกสลาย ปัจจบุ นั มขี อ้ สรปุ ถงึ การเสยี กรุงศรอี ยุธยา ไดแ้ ก่ 1. ความขดั แยง้ ภายในของกลมุ่ การเมอื งระหว่างเจา้ นายดว้ ยกนั เอง 2. การหย่อนประสทิ ธภิ าพของระบบการเกณฑแ์ รงงาน 3. การพา่ ยแพท้ างยุทธศาสตรส์ งครามระยะยาวหลงั จากถูกปิดลอ้ ม ทาใหเ้ สบยี งอาหารหมด 5. สมยั ธนบุรแี ละรตั นโกสินทร์ตอนตน้ พระเจา้ กรงุ ธนบุรี - มเี พยี งรชั กาลเดยี วคอื พระเจา้ กรุงธนบรุ ี (พระเจา้ ตากสนิ ) ครองราชย์ 15 ปี พ.ศ.2310-2324 - ภายหลงั จากเสยี กรุงศรอี ยุธยา พระยาตากสนิ สามารถกอบกูก้ รุงศรอี ยุธยาคนื ไดภ้ ายในเวลา 7 เดอื น แต่พจิ ารณาเหน็ ว่ากรุงศรอี ยุธยาชารุดเสยี หายมากและมขี นาดใหญ่ไม่เหมาะสมกบั กาลงั ไพร่พลของ พระองค์ จงึ ตดั สนิ ใจยา้ ยเมอื งหลวงมาทธ่ี นบุรี ปราบดาภเิ ษกขน้ึ เป็นพระเจา้ แผน่ ดนิ - ในช่วงแรกทรงแกไ้ ขปัญหาความอดอยากทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยทรงรบั ซ้อื ขา้ วเพ่อื นามาเลย้ี งดรู าษฎร - พยายามรวบรวมดนิ แดนทเ่ี ป็นของกรุงศรอี ยุธยากลบั คนื มาโดยปราบเจา้ ชุมนุมต่างๆ - ทาสงครามกบั พมา่ ตลอดทงั้ รชั กาล สงครามครงั้ ใหญ่หลวงทส่ี ดุ คอื ศกึ อะแซหวุ่นก้ี - ขยายอานาจเขา้ ไปในลา้ นนา ลาว และกมั พชู า 229

สงั คมแมวสม้ รชั กาลที่ 1 - พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก - ยา้ ยราชธานีมาทบ่ี างกอก ตงั้ ชอ่ื ว่ากรงุ เทพมหานคร ฟ้ืนฟูตามแบบกรุงศรอี ยธุ ยา เน่อื งจากเหตผุ ลวา่ 1. พระราชวงั ของกรงุ ธนบุรมี อี าณาเขตคบั แคบ ตดิ กบั วดั อรณุ ราชวรารามและวดั โมลโี ลกยาราม ไม่อาจขยายพน้ื ทเ่ี พม่ิ เตมิ ได้ 2. บรเิ วณทต่ี งั้ ของกรงุ ธนบุรี แม่น้ากดั เซาะตลง่ิ พงั อยตู่ ลอดทาใหไ้ มส่ ามารถสรา้ งถาวรวตั ถุตา่ งๆ 3. กรุงธนบรุ ไี ม่เหมาะสมเชงิ ยุทธศาสตร์ เป็นเมอื งอกแตก มแี มน่ ้าเจา้ พระยาไหลผา่ นกลางเมอื ง - ฟ้ืนฟูวรรณคดแี ละแปลวรรณกรรมเลม่ สาคญั ๆ ไดแ้ ก่ รามเกยี รติ ์ สามกก๊ ราชาธริ าช - ทาสงครามเกา้ ทพั และสงครามทา่ ดนิ แดงกบั พม่าจนสามารถขบั ไล่พม่ากลบั ไปได้ - ชาวโปรตเุ กสเขา้ มาตดิ ตอ่ ตงั้ สถานกงสลุ เป็นชาตแิ รก - ลดระยะเวลาการเขา้ เดอื นออกเดอื นของไพร่จากปีละ 6 เดอื นเหลอื ใหเ้ ขา้ ทางานปีละ 4 เดอื น - โปรดใหช้ าระพระไตรปิฎกขน้ึ ใหม่ เรยี กวา่ ฉบบั ทองใหญ่ เน่ืองจากพระไตรปิฎกเดมิ นัน้ ถกู ทาลายไป - ทรงตรากฎหมายตรา 3 ดวง โดยรวบรวมเอากฎหมายเกา่ สมยั อยธุ ยามาชาระใหเ้ ป็นระเบยี บแบบแผน ประทบั ดว้ ยตราราชสหี ์ (ตราประจาตาแหน่งสมุหนายก) ตราคชสหี ์ (ตราประจาตาแหน่งสมุหกลาโหม) ตราบวั แกว้ (ตราประจาตาแหน่งพระคลงั ) รชั กาลที่ 2 - พระบาทสมเดจ็ พระเลศิ หลา้ นภาลยั - เป็นยุคทองของวรรณกรรม สนุ ทรภไู่ ดเ้ ป็นอาลกั ษณ์ในราชสานกั - สรา้ งสวนขวาในพระบรมมหาราชวงั เป็นสถานทส่ี าราญพระราชอริ ยิ าบถ - ลดระยะเวลาการเขา้ เดอื นออกเดอื นของไพรเ่ หลอื ใหเ้ ขา้ ทางานปีละ 3 เดอื น - เรม่ิ เกบ็ เงนิ คา่ ผกู ป้ีกบั ชาวจนี ทม่ี อี ายุ 20 ปีขน้ึ ไป เป็นคา่ ธรรมเนียมแทนการถกู เกณฑแ์ รงงาน รชั กาลที่ 3 - พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจา้ อย่หู วั - ก่อนขน้ึ ครองราชย์ พระนามเดมิ วา่ กรมหม่นื เจษฎาบดนิ ทร์ เคยคมุ กรมทา่ ทาการคา้ สาเภาร่ารวยจน ไดช้ ่อื วา่ เป็นเจา้ สวั - ทรงสรา้ งวดั ตามแบบจนี นับสบิ วดั เกดิ ศลิ ปะพระราชนิยม (ไทยผสมจนี ) ไม่มชี ่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาเคร่อื งถว้ ยชามของจนี มาประดบั ตกแต่งหน้าบนั โบสถ์ สรา้ งวดั ราชโอรสารามเป็นวดั ประจารชั กาล สรา้ งเจดยี ท์ รงสาเภาทว่ี ดั ยานนาวาเพ่อื เป็นทร่ี ะลกึ ถงึ การคา้ สาเภา 230

สงั คมแมวสม้ - สรา้ งโลหะปราสาททว่ี ดั ราชนดั ดารามวรวหิ าร - เรม่ิ ใชร้ ะบบเกบ็ ภาษผี ่านเจา้ ภาษนี ายอากร ใหเ้ อกชนประมลู การจดั เกบ็ ภาษี ทาใหร้ ฐั มรี ายไดแ้ น่นอน ซง่ึ คนทม่ี าประมลู ไดม้ กั เป็นคนจนี (ยกเลกิ ไปในสมยั รชั กาลท่ี 5 เมอ่ื รฐั บาลสามารถจดั เกบ็ ภาษไี ดเ้ อง) - เศรษฐกจิ ขยายตวั ทาน้าตาลทราย ปลกู ยาสบู พรกิ ไทย เป็นสนิ คา้ สง่ ออก พรอ้ มกบั ทงั้ จดั เกบ็ ภาษี ชนดิ ใหมๆ่ ไดอ้ กี 38 ชนดิ - ทาสงครามกบั ลาวเรยี กวา่ ศกึ เจา้ อนุวงศ์ เกดิ วรี กรรมทา้ วสรุ นารี - ทาสงครามกบั เวยี ดนามเพ่อื แยง่ ชงิ การมอี านาจเหนือกมั พชู า เรยี กวา่ สงครามอานามสยามยุทธ์ จนกระทงั่ สามารถเจรจาสงบศกึ กนั ได้ - ประกาศหา้ มสบู ฝ่ินเป็นเอกสารทางราชการของไทยทผ่ี ลติ โดยเคร่อื งพมิ พส์ มยั ใหมเ่ ป็นครงั้ แรก - จารกึ ความรตู้ ่างๆ ทางวรรณคดี ประเพณี พระพุทธศาสนา การแพทยท์ ว่ี ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม - ออกประกาศหา้ มสบู ฝิ่น นบั เป็นเอกสารทางราชการของไทยทผ่ี ลติ โดยเคร่อื งพมิ พส์ มยั ใหม่ครงั้ แรก - ภกิ ษุวชริ ญาณ (ต่อมาคอื รชั กาลท่ี 4) กอ่ ตงั้ ธรรมยตุ กิ นิกายทเ่ี น้นวตั รปฏบิ ตั เิ คร่งครดั - พระราชดารสั ก่อนเสดจ็ สวรรคต “การศกึ สงครามขา้ งญวนขา้ งพม่ากเ็ หน็ จะไม่มแี ลว้ จะมอี ย่กู แ็ ต่ขา้ ง ฝรงั่ ใหร้ ะวงั ใหด้ อี ย่าใหเ้ สยี ทแี ก่เขาได้ การงานสงิ่ ใดของเขาทด่ี คี วรจะเรยี นร่าเอาไวก้ เ็ อาอย่างเขาแต่ อย่าใหน้ ับถอื เลอ่ื มใสไปทเี ดยี ว” - เม่อื สน้ิ รชั กาลแลว้ มเี งนิ เหลอื เกบ็ สะสมช่อื เงนิ ถุงแดง เป็นเงนิ เหรยี ญเมก็ ซกิ นั ทเ่ี ก็บไดจ้ ากการคา้ ขาย ภายหลงั ในสมยั รชั กาลท่ี 5 นามาใชแ้ ลกเป็นคา่ ปฏกิ รรมสงครามใหก้ บั ฝรงั่ เศสในกรณี ร.ศ.112 ภาพวถิ ชี วี ติ ผ่านจติ รกรรมฝาผนงั สนธิสญั ญาเบอรน์ ี่ องั กฤษตอ้ งการไทยเป็นพนั ธมติ รร่วมทาสงครามกบั พมา่ จงึ แตง่ ตงั้ รอ้ ยเอกเฮนร่ี เบอรน์ ่มี าเป็นทตู เจรจากบั ไทย 1. เพอ่ื ขอใหช้ ่วยองั กฤษรบกบั พม่า 2. ใหเ้ กบ็ ภาษขี าเขา้ ในอตั ราทแ่ี น่นอนชดั เจน เรอื บรรทกุ สนิ คา้ มาขายใหเ้ กบ็ วาละ 1,700 บาท เรอื บรรทกุ เปล่า เกบ็ วาละ 1,500 บาท จากเดมิ ทเ่ี กบ็ แยกย่อยหลายอยา่ ง นับเป็นสนธสิ ญั ญาทางการคา้ กบั ตะวนั ตกฉบบั แรก โดยทไ่ี ทยไมเ่ สยี เปรยี บ ตอ่ มาองั กฤษตอ้ งการพยายามจะแกไ้ ขสนธสิ ญั ญาฉบบั น้ี แต่รชั กาลท่ี 3 เสดจ็ สวรรคตเสยี ก่อน 231

สงั คมแมวสม้ 6. สมยั รชั กำลท่ี 4-7 รชั กาลที่ 4 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั (ครองราชย์ พ.ศ.2394-2411) - สนใจความรตู้ ะวนั ตก ออกบวชก่อนขน้ึ ครองราชย์ กอ่ ตงั้ ธรรมยตุ กิ นิกาย นิยมสรา้ งเจดยี ท์ รงกลมแบบลงั กา - ตงั้ กษตั รยิ ข์ น้ึ มาอกี พระองค์หน่ึงคอื พระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกลา้ เจา้ อยหู่ วั - เรมิ่ ธรรมเนยี มใหข้ นุ นางสวมเสอ้ื ในเวลาเขา้ เฝ้า เป็นกษตั รยิ พ์ ระองคแ์ รกทด่ี ม่ื น้าพระพพิ ฒั น์สตั ยาร่วมกบั ขนุ นาง ออกรบั ฎกี ารอ้ งทุกขจ์ ากราษฎร - รเิ รมิ่ ใหม้ เี คร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ พระราชทานใหก้ บั บคุ คลทม่ี คี วามดคี วามชอบ - ออกราชกจิ จานุเบกษาเพ่อื เป็นแหล่งรวบรวมประกาศขา่ วสารราชการใหม้ คี วามถกู ตอ้ งเช่อื ถอื ได้ - ใชป้ ระกาศราชการในการบอกแนะนาขอ้ ปฏบิ ตั ติ า่ งๆใหก้ บั ราษฎร - ยกเลกิ การสง่ เครอ่ื งบรรณาการไปจนี สน้ิ สุดการคา้ ระบบบรรณาการ - สรา้ งโรงกษาปณ์ผลติ เหรยี ญตราแลกเปลย่ี นแทนเงนิ พดดว้ ง - เรมิ่ จา้ งครชู าวตะวนั ตกมาสอนภาษาองั กฤษ ครทู ม่ี ชี อ่ื เสยี งคนหน่ึงคอื แหม่มแอนนา เลยี วโนเวน - ส่งคณะทตู มพี ระยามนตรสี รุ ยิ วงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) เป็นหวั หน้าคณะทูต หม่อมราโชทยั เป็นล่าม อญั เชญิ เคร่อื ง ราชบรรณาการไปถวายทป่ี ระเทศองั กฤษ หมอ่ มราโชทยั กลบั มาแต่งนริ าศลอนดอนและเป็นหนังสอื เล่มแรกทม่ี ี การขายลขิ สทิ ธิ์ - รชั กาลท่ี 4 ทานายการเกดิ ขน้ึ ของสรุ ยิ ุปราคาไวล้ ว่ งหน้าและเสดจ็ ไปทอดพระเนตรสรุ ยิ ปุ ราคาเตม็ ดวงเม่อื ปี พ.ศ.2411 ณ บา้ นหวา้ กอ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ หลงั จากนัน้ ไมน่ านไดป้ ระชวรดว้ ยไขป้ ่าและเสดจ็ สวรรคต เซอรจ์ อหน์ บาวริง หน้าปกสนธิสญั ญาบาวริง 232

สงั คมแมวสม้ สนธิสญั ญาบาวริง (Bowring Treaty) เป็นสนธสิ ญั ญาทางการคา้ ระหว่างสยามกบั องั กฤษ ลงนามโดยเซอรจ์ อหน์ บาวรงิ (Sir John Bowring) ผแู้ ทน องั กฤษ 1. ยกเลกิ ระบบพระคลงั สนิ คา้ เปลย่ี นใหเ้ ป็นการคา้ แบบเสรซี ง่ึ จะคา้ ขายกบั ใครกไ็ ด้ 2. ยกเลกิ คา่ ปากเรอื ใหส้ ยามเกบ็ ภาษขี าเขา้ ไดเ้ พยี ง 3 เปอรเ์ ซน็ ต์ สยามถกู จากดั อานาจการเรยี กเกบ็ ภาษี 3. เสยี สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต หมายถงึ ชาวตา่ งชาตไิ ดร้ บั การพจิ ารณาคดใี นศาลกงสุลตามกฎหมายของตน 4. สนธสิ ญั ญาไมม่ กี ารระบุวนั สน้ิ สดุ (ขอ้ น้ีเสยี เปรยี บมากทส่ี ดุ ) ผลกระทบ 1. เกดิ การคา้ แบบเสรี มกี ารใชเ้ หรยี ญเงนิ ตะวนั ตกมาซ้อื ขายแลกเปลย่ี น 2. ขา้ วกลายมาเป็นสนิ คา้ สง่ ออกทส่ี าคญั ทส่ี ุด เกดิ การผลติ ขา้ วเพอ่ื การคา้ และสง่ ออก สง่ ผลใหเ้ กดิ การตงั้ โรงสี ขา้ วและโรงเล่อื ย เกดิ การขดุ คลองขยายพน้ื ทเ่ี พาะปลกู ขา้ ว 3. สนิ คา้ ดบี กุ และไมส้ กั กลายเป็นสนิ คา้ สง่ ออกสาคญั รองจากขา้ ว 4. ชาวองั กฤษและคนในบงั คบั ไดร้ บั สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต (คนในบงั คบั คอื คนชาตอิ น่ื ๆทอ่ี ยภู่ ายใตป้ กครอง ขององั กฤษ เชน่ คนพม่า คนอนิ เดยี คนจนี ) 5. ทาสนธสิ ญั ญาตามแบบลกั ษณะเดยี วกนั กบั ประเทศตะวนั ตกอกี หลายประเทศ เซอรจ์ อหน์ บาวรงิ ไดร้ บั แตง่ ตงั้ เป็นพระยามานุกลู กจิ สยามมติ รมหายศ ดารงตาแหน่งอคั รราชทตู ไทยคนแรก ประจากรงุ ลอนดอนและทวปี ยุโรป ความเปลี่ยนแปลงตามแบบตะวนั ตก โรงเกบ็ ภาษีรอ้ ยชกั สาม เรอื กลไฟ ในช่วงรชั กาลท่ี 4 เรมิ่ มคี วามเปลย่ี นแปลงตามแบบตะวนั ตก ไดแ้ ก่ - เกดิ สถาปัตยกรรมตามแบบตะวนั ตกขน้ึ ตามโบสถ์ อาคารบา้ นเรอื น สถานทร่ี าชการ - เกดิ การตดั ถนนตามแบบตะวนั ตกโดยมถี นนเจรญิ กรุง (New Road) เป็นถนนสายแรก - เกดิ เทคโนโลยใี หม่ๆ อย่างเรอื กลไฟ เคร่อื งสขี า้ ว นาฬกิ า กลอ้ งถ่ายรปู ตลอดจนอาวธุ ปืนตามแบบตะวนั ตก - ขรวั อนิ โขง่ วาดภาพสามมติ ติ ามแบบจติ รกรรมตะวนั ตก 233

สงั คมแมวสม้ - ปัลเลอกวั ช์ บาทหลวงชาวฝรงั่ เศส ไดร้ บั การแตง่ ตงั้ เป็นพระสงั ฆราชของโรมนั คาทอลกิ ประจาสยาม มผี ลงาน คอื การทาพจนานุกรมช่อื “สพั ะ พะจะนะ พาสา ไท” - หมอบรดั เลย์ มชิ ชนั นารโี ปรเตสแตนตห์ รอื หมอสอนศาสนา ชาวอเมรกิ นั มผี ลงานอยู่ 2 ดา้ น คอื 1. ทางดา้ นการพมิ พ์ : ตงั้ โรงพมิ พ์ ออกหนงั สอื พมิ พบ์ างกอกรคี อรเ์ ดอร์ (The Bangkok Recorder) รเิ รมิ่ การซอ้ื ลขิ สทิ ธเิ์ ป็นครงั้ แรกจากการซอ้ื ลขิ สทิ ธนิ์ ิราศลอนดอนของหม่อมราโชทยั 2. ทางดา้ นการแพทยร์ กั ษาโรค : เรมิ่ ตน้ แพทยแ์ ผนใหม่ ไดแ้ ก่ การปลกู ฝีดาษ การผา่ ตดั การฉีดวคั ซนี รชั กาลท่ี 5 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั (ครองราชย์ พ.ศ.2411-2453) - ขน้ึ ครองราชยต์ งั้ แต่ยงั ทรงพระเยาว์ อายุ 15 ชนั ษา จงึ ตอ้ งมสี มเดจ็ เจา้ พระยามหาศรสี ุรยิ วงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผสู้ าเรจ็ ราชการแผ่นดนิ ดแู ลไปก่อน เม่อื ทรงบรรลุนิตภิ าวะ อายุครบ 20 ชนั ษา จงึ ไดท้ าพธิ ขี น้ึ ครองราชย์ อกี รอบหน่งึ ทาใหต้ าแหน่งผสู้ าเรจ็ ราชการแผ่นดนิ เป็นอนั สน้ิ สดุ ลง - ในช่วงตน้ รชั กาลแบ่งกลุม่ การเมอื งออกเป็น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1. กลมุ่ สยามหนุ่ม นาโดยรชั กาลท่ี 5 2. กลมุ่ สยามอนุรกั ษ์ นาโดยสมเดจ็ เจา้ พระยามหาศรสี ุรยิ วงศ์ (ช่วง บุนนาค) 3. กลุม่ สยามเก่า นาโดยกรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญ (วงั หน้า) - ปี พ.ศ.2416 ทรงก่อตงั้ หอรษั ฎากรพพิ ฒั น์เพ่อื รวบรวมเงนิ รายไดแ้ ผ่นดนิ เขา้ มาอยทู่ แ่ี หล่งเดยี วกนั - ปี พ.ศ.2417 เกดิ วกิ ฤตการณ์วงั หน้าทาใหก้ รมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญถูกลดอานาจ - เม่อื กรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญเสดจ็ ทวิ งคตในปี พ.ศ.2428 แลว้ จงึ ทรงยกเลกิ ตาแหน่งวงั หน้าเดมิ และ แต่งตงั้ ตาแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร (crown prince) เป็นรชั ทายาทตามแบบตะวนั ตกขน้ึ แทน โดยมสี ยาม มกุฎราชกมุ ารพระองคแ์ รกคอื เจา้ ฟ้ามหาวชริ ุณหศิ ตอ่ มาเสดจ็ ทวิ งคต จงึ แตง่ ตงั้ ใหเ้ จา้ ฟ้ามหาวชริ าวธุ เป็น สยามมกุฎราชกมุ ารและไดข้ น้ึ ครองราชยต์ ่อมาเป็นรชั กาลท่ี 6) - ปี พ.ศ.2417 ตงั้ สภาทป่ี รกึ ษาขน้ึ 2 สภา ไดแ้ ก่ 1. สภาทป่ี รกึ ษาราชการแผ่นดนิ (Council of State) มพี ระเจา้ อย่หู วั เป็นประธานการประชุม 2. สภาทป่ี รกึ ษาสว่ นพระองค์ (Privy Council) ทาหน้าทถ่ี วายคาปรกึ ษาและความคดิ เหน็ ตอ่ พระเจา้ อย่หู วั 234

สงั คมแมวสม้ • การปฏิรปู ราชการแผ่นดิน - พม่ากบั สงครามแพอ้ งั กฤษและถกู ยดึ ครอง ทาใหเ้ กดิ การคดิ หาวธิ ที างไมใ่ หส้ ยามถกู ยดึ ครองเหมอื นเชน่ พม่า - ในปี พ.ศ.2428 พระองคเ์ จา้ ปฤษฎางค์ ราชทตู ประจายุโรปกบั เจา้ นายและขนุ นางทป่ี ระจาสถานทตู ทวปี ยุโรป ลงชอ่ื ในหนังสอื คากราบบงั คมทลู ร.ศ.103 ตอ่ รชั กาลท่ี 5 เสนอใหม้ กี ารปกครองพระมหากษตั รยิ ใ์ ตร้ ฐั ธรรมนูญ (constitutional monarchy) แต่รชั กาลท่ี 5 ทรงตอบว่าตอ้ งการปฏริ ปู การปกครอง (government reform) - ในปี พ.ศ.2435 ไดย้ กเลกิ ตาแหน่งสมุหนายก สมหุ กลาโหม และจตสุ ดมภ์ แบง่ เป็นกระทรวง 12 กระทรวง ต่อมายบุ เหลอื 11 กระทรวง ตาแหน่งทด่ี แู ลเรยี กวา่ เสนาบดี มวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื รวมอานาจเขา้ สสู่ ว่ นกลาง สมเดจ็ ฯ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ (ซา้ ย) รชั กาลท่ี 5 (กลาง) สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ (ขวา) - เสนาบดสี าคญั 2 พระองคค์ อื สมเดจ็ ฯ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ เสนาบดกี ระทรวงต่างประเทศ สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ เสนาบดกี ระทรวงมหาดไทย เปรยี บเหมอื นเป็นมอื ซา้ ยมอื ขวาของรชั กาลท่ี 5 การปกครองส่วนกลาง กระทรวง หน้าท่ี มหาดไทย ดแู ลเมอื ง มณฑลเทศาภบิ าล กลาโหม ดแู ลทหาร ต่างประเทศ กรมท่าเดมิ ดแู ลกจิ การตา่ งประเทศ สนธสิ ญั ญาตา่ งๆ นครบาล ดแู ลความสงบเรยี บรอ้ ยในกรงุ เทพฯ พระคลงั มหาสมบตั ิ ดแู ลทรพั ยส์ นิ การจดั เกบ็ ภาษี การจดั ทางบประมาณแผน่ ดนิ วงั ดแู ลราชสานัก พระราชพธิ ี เกษตราธกิ าร ดแู ลการเกษตร ยตุ ธิ รรม ดแู ลศาล การพพิ ากษาคดคี วาม โยธาธกิ าร ดแู ลการก่อสรา้ ง รถไฟ ถนน คคู ลอง ไปรษณีย์ โทรเลข ธรรมการ ดแู ลโรงเรยี นและวดั (ต่อมาเป็นเปลย่ี นชอ่ื เป็นกระทรวงศกึ ษาธกิ าร) มรุ ธาธร เกบ็ รกั ษาตราประทบั กฎหมาย และหนังสอื ราชการ 235

สงั คมแมวสม้ การปกครองส่วนภมู ิภาค - ประกาศยกเลกิ ระบบสบื ทอดตาแหน่งตามตระกลู เจา้ เมอื งมาเป็นระบบเทศาภบิ าล โดยใหส้ ง่ ขา้ ราชการจาก สว่ นกลางไปดแู ลขน้ึ ตรงตอ่ กระทรวงมหาดไทย - แบ่งเป็นเทศาภบิ าล เมอื ง อาเภอ ตาบล และหม่บู า้ น - มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื รวมอานาจเขา้ สศู่ ูนยก์ ลาง แตเ่ กดิ แรงต่อตา้ นอยา่ งกบฏเงย้ี วกบั กบฏผบี ญุ เทศาภบิ าล ขา้ หลวงใหญม่ ณฑลเทศาภบิ าล (รวบรวมเมอื งหลายๆเมอื ง มารวมกนั เป็นมณฑล) ผวู้ า่ ราชการเมอื ง นายอาเภอ เมอื ง (ตอ่ มาเปลย่ี นช่อื เป็นจงั หวดั ) อาเภอ ตาบลและหมบู่ า้ น ผใู้ หญ่บา้ น การปกครองท้องถิ่น - พ.ศ.2435 เรมิ่ ตน้ ใหเ้ ลอื กกานนั ผใู้ หญบ่ า้ นเพอ่ื ชว่ ยขา้ ราชการทาหน้าทใ่ี นทอ้ งถน่ิ - พ.ศ.2440 ตงั้ สขุ าภบิ าลแห่งแรกคอื สขุ าภบิ าลกรงุ เทพฯ ใหท้ อ้ งถนิ่ มกี รรมการสาหรบั ทาหน้าทด่ี แู ลตนเอง - พ.ศ.2448 ตงั้ สุขาภบิ าลนอกเขตกรุงเทพฯ แห่งแรก คอื สุขาภบิ าลทา่ ฉลอม • การต่างประเทศ - ช่วงตน้ รชั กาลเสดจ็ ประพาสสงิ คโปร์ ชวา อนิ เดยี - รชั กาลท่ี 5 เสดจ็ ประพาสยโุ รปสองครงั้ ครงั้ ท่ี 1 ปี พ.ศ.2440 ไปเพ่อื เจรจากบั ชาตติ ะวนั ตกและดคู วามเจรญิ ของต่างประเทศ ทาใหช้ าตติ ะวนั ตก ยอมรบั ว่าไทยมเี กยี รตยิ ศเสมอกบั นานาประเทศ ทรงพระราชนิพนธ์เร่อื งไกลบา้ น (เป็นจดหมายรายวนั ส่งถึง บุคคลทใ่ี กลช้ ดิ ) ครงั้ ท่ี 2 ปี พ.ศ.2450 ไปเพ่อื รกั ษาพระองคจ์ ากพระอาการประชวร - ทาสญั ญาหลายฉบบั กบั ฝรงั่ เศส ทาใหส้ ญู เสยี อานาจครอบครองเขมรและลาว - เกดิ เหตกุ ารณ์วกิ ฤตการณ์ ร.ศ.112 ฝรงั่ เศสสง่ เรอื รบเขา้ มากรุงเทพ เกดิ การสรู้ บกนั ขน้ึ กาลงั อาวธุ ของสยาม ไม่อาจตอ่ สไู้ ด้ ทาใหร้ ชั กาลท่ี 5 ตอ้ งเจรจายอมเสยี ดนิ แดนฝัง่ ลาวใหฝ้ รงั่ เศส • ทางด้านเศรษฐกิจ - มกี ารแบง่ แยกระหว่างทรพั ยส์ นิ ของแผ่นดนิ กบั ทรพั ยส์ นิ ทม่ี ไี วเ้ พ่อื ใช้จ่ายสว่ นพระองคซ์ ง่ึ จดั ตงั้ ขน้ึ มาเป็นกรม พระคลงั ขา้ งท่ี - เรมิ่ จดั ทางบประมาณแผน่ ดนิ ครงั้ แรกในปี พ.ศ.2439 236

สงั คมแมวสม้ - ประกาศยกเลกิ เงนิ พดดว้ งและหน่วยการนับแบบเก่าคอื เฟือง อฐั โสฬส ใหเ้ ปลย่ี นมาใชเ้ งนิ เหรยี ญและใหใ้ ช้ หน่วยนบั บาทและสตางค์ - การขดุ คลองขยายพน้ื ทเ่ี พาะปลกู ขา้ ว เพอ่ื ผลติ ขา้ วเป็นสนิ คา้ สง่ ออก • การเลิกไพร่ ขนั้ ท่ี 1 จ่ายเงนิ เดอื นแก่ขา้ ราชการแทนการพระราชทานไพร่ ขนั้ ท่ี 2 แปลงไพร่สมมาเป็นไพร่หลวง ขนั้ ท่ี 3 ออกพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะเกณฑท์ หาร ร.ศ. 124 กาหนดใหช้ ายอายุ 18 ปีบรบิ รู ณ์จะตอ้ งรบั ราชการ ทหารแทนการเป็นไพร่ ผใู้ ดทไ่ี ม่ไดร้ บั ราชการทหารต้องจา่ ยเงนิ ค่ารชั ชปู การ (เงนิ ช่วยราชการตามทเ่ี รยี กเกบ็ จากผชู้ ายทม่ี อี ายุตงั้ แต่ 18-60 ปี ทไ่ี ม่ไดร้ บั ราชการทหาร) • การเลิกทาส ขนั้ ท่ี 1 ออก “พระราชบญั ญตั พิ กิ ดั เกษยี ณลูกทาส-ลูกไท” กาหนดใหล้ ูกทาสทเ่ี กดิ ในรชั สมยั ของพระองค์ (ตงั้ แตป่ ี พ.ศ.2411) เป็นอสิ ระเมอ่ื อายคุ รบ 21 ปี ขนั้ ท่ี 2 พระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคไ์ ถถ่ อนทาสซง่ึ เป็นทาสมาครบ 25 ปีใหเ้ ป็นอสิ ระ ขนั้ ท่ี 3 ประกาศหา้ มไมใ่ หม้ กี ารซอ้ื ขายทาสอกี ขนั้ ท่ี 4 ออกพระราชบญั ญตั เิ ลกิ ทาส นบั เป็นการเลกิ ทาสทไ่ี ม่มกี ารสญู เสยี เลอื ดเน้ือ • เบด็ เตลด็ - ประกาศใชร้ ตั นโกสนิ ทรศ์ กซง่ึ ยดึ ตามปีทก่ี ่อตงั้ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ พ.ศ.2324 (ก่อนหน้านนั้ นยิ มใชจ้ ลุ ศกั ราช) - สรา้ งทางรถไฟ โทรเลข เรมิ่ มไี ปรษณยี ์ ไฟฟ้า น้าประปา กอ่ ตงั้ โรงพยาบาลศริ ริ าชตามแพทยต์ ะวนั ตก - ก่อตงั้ ธนาคารพาณิชยแ์ ห่งแรกช่อื บุคคลภั ย์ (Book Club) และเปลย่ี นชอ่ื มาเป็นแบงกส์ ยามกมั มาจล ปัจจบุ นั คอื ธนาคารไทยพาณิชย์ - เกดิ นักคดิ อย่างเทยี นวรรณกบั ก.ศ.ร.กุหลาบเรยี กรอ้ งใหม้ รี ฐั สภา - ประกาศใชก้ ฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ.127 เป็นประมวลกฎหมายทนั สมยั แบบตะวนั ตกฉบบั แรกของไทย • ราชสานัก - รชั กาลท่ี 5 นยิ มสง่ พระราชโอรสไปศกึ ษาทย่ี โุ รปโดยเฉพาะประเทศองั กฤษ ทาใหร้ ชั กาลท่ี 6 และรชั กาลท่ี 7 จบจากองั กฤษทงั้ สองพระองค์ - สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวงเป็นผสู้ าเรจ็ ราชการแทนพระองค์ เรยี กว่า “สมเดจ็ รเี ยนต”์ (The Queen Regent) เมอ่ื คราวทร่ี ชั กาลท่ี 5 เสดจ็ ประพาสยโุ รปครงั้ ท่ี 1 - รชั กาลท่ี 5 เสดจ็ ประพาสตน้ หลายครงั้ (ไปเทย่ี วเป็นการสว่ นพระองค์) - เสดจ็ สวรรคตเมอ่ื วนั ท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 (วนั ปิยมหาราช) สน้ิ สดุ รชั กาลทย่ี าวนานถงึ 42 ปี ช่วงรชั กาลท่ี 5 เป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ของรฐั สมบูรณาญาสทิ ธริ าชยแ์ ทนทร่ี ฐั ศกั ดนิ า เน่อื งจากพระมหากษตั รยิ ์ สามารถรวบรวมอานาจและทรพั ยากรใหเ้ ขา้ มาอยทู่ ศ่ี นู ยก์ ลางอานาจดว้ ยการปฏริ ปู การปกครองแผ่นดนิ 237

สงั คมแมวสม้ รชั กาลที่ 6 พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั (ครองราชย์ พ.ศ.2453-2468) - เป็นพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยพระองคแ์ รกทเ่ี รยี นจบจากตา่ งประเทศคอื ประเทศองั กฤษ - คณะบุคคลกลุ่มหน่ึงนาโดยรอ้ ยเอกขุนทวยหาญพทิ กั ษ์ (เหลง็ ศรจี นั ทร์) ไดร้ บั อทิ ธพิ ลทางความคดิ จากการ ปฏวิ ตั ชิ งิ ไหท่ จ่ี นี ตอ้ งการเปลย่ี นแปลงการปกครอง แตไ่ มส่ าเรจ็ เป็นเหตกุ ารณ์เรยี กวา่ กบฏเกก็ เหมง็ ร.ศ.130 - ส่งทหารเขา้ รว่ มกบั ฝ่ายพนั ธมติ ร (องั กฤษ ฝรงั่ เศส) ในสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 และไดร้ บั ชยั ชนะ หลงั จากสน้ิ สุด สงครามทาใหม้ โี อกาสขอแกไ้ ขสนธสิ ญั ญาทไ่ี ม่เป็นธรรมกบั ต่างประเทศ โดยมี ดร.ฟรานซสิ บแี ซร์ เป็นผแู้ ทน เจรจา สหรฐั อเมรกิ ายอมแก้ไขขอ้ ตกลงทไ่ี ม่เป็นธรรมเป็นประเทศแรกและสามารถกาหนดภาษศี ุลกากรเพม่ิ ขน้ึ จากรอ้ ยละ 3 เป็นรอ้ ยละ 5 - ตงั้ เสอื ป่า เพ่อื ฝึกฝนใหข้ า้ ราชการกบั พอ่ คา้ มที กั ษะทางการสรู้ บ สรา้ งสนามบนิ ทด่ี อนเมอื ง - กรมหมน่ื พทิ ยาลงกรณ์ทดลองระบบสหกรณ์โดยตงั้ สหกรณ์วดั จนั ทรไ์ มจ่ ากดั สนิ ใชเ้ ป็นสหกรณ์แหง่ แรก - ตราพระราชบญั ญตั ปิ ระถมศกึ ษาใหก้ ารศกึ ษาขนั้ บงั คบั ถงึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 - เกบ็ เงนิ ศกึ ษาพลจี ากผชู้ ายทม่ี อี ายุตงั้ แต่ 18-60 ปี เพ่อื นาไปใชบ้ ารงุ การศกึ ษา - เรม่ิ ใชธ้ งไตรงคเ์ ป็นธงประจาชาติ เปลย่ี นการนับศกั ราชจากรตั นโกสนิ ทรศ์ กมาเป็นพุทธศกั ราช - สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสเป็นสงั ฆราชทาการปรบั ปรงุ การศกึ ษาของคณะสงฆ์ - ทางการปกครองสว่ นภมู ภิ าค ไดเ้ ปลย่ี นการเรยี กช่อื “เมอื ง” เป็น “จงั หวดั ” และการจดั ตงั้ เป็น “ภาค” - ออกพระราชบญั ญตั นิ ามสกุล กาหนดใหค้ นไทยมนี ามสกุล - สถาปนาจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เป็นมหาวทิ ยาลยั แห่งแรก - เกดิ น้าทว่ มครงั้ ใหญท่ าใหส้ ง่ ออกขา้ วไมไ่ ดแ้ ละเกดิ วกิ ฤตเศรษฐกจิ ตกต่าหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 - ประกาศใชก้ ฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นประมวลกฎหมายทนั สมยั ตามแบบตะวนั ตกฉบบั ทส่ี องของไทย - ตงั้ ชนั้ ยศขา้ ราชการพลเรอื น 3 ระดบั คอื มหาอามาตย์ อามาตย์ รองอามาตย์ แตล่ ะระดบั แบ่งเป็นเอก โท ตรี ขอ้ ถกเถยี งเกย่ี วกบั ดสุ ติ ธานี ดุสติ ธานีเป็นเมอื งจาลองทร่ี ชั กาลท่ี 6 กบั มหาดเล็ก สรา้ งขน้ึ เพ่อื เป็นแบบอย่างของประชาธปิ ไตย แต่อกี กระแสหน่ึงตคี วามใหม่ว่าดุสติ ธานีไม่ไดเ้ ป็นการรเิ รม่ิ ประชาธปิ ไตย เป็นเพยี งความนิยมสร้างบา้ นจาลอง ตามแบบอยา่ งความนิยมในยุโรปขณะนนั้ มากกว่า 238

สงั คมแมวสม้ รชั กาลที่ 7 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอย่หู วั (ครองราชย์ พ.ศ.2468-2477) - จากภาวะเศรษฐกจิ ตกต่าสง่ ผลกระทบไปทวั่ โลก รชั กาลท่ี 7 จงึ ใชว้ ธิ ตี ดั ค่าใชจ้ ่ายดว้ ยการดุลขา้ ราชการออก - ยบุ หน่วยงานราชการลงเพอ่ื ประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย ยบุ มณฑลเทศาภบิ าลลงหลายมณฑล - ตงั้ อภริ ฐั มนตรปี ระกอบดว้ ยเจา้ นายผใู้ หญ่ 5 พระองคเ์ พ่อื ช่วยบรหิ ารราชการแผ่นดนิ - จดั งานฉลองกรุงรตั นโกสนิ ทรค์ รบรอบ 150 ปีในเดอื นเมษายน ปี พ.ศ.2475 กอ่ สรา้ งสะพานพระพทุ ธยอดฟ้า จุฬาโลกขา้ มแมน่ ้าเจา้ พระยากบั สรา้ งโรงภาพยนตรเ์ ฉลมิ กรุง - ใหร้ ่างรฐั ธรรมนูญขน้ึ 2 ฉบบั ทม่ี เี น้ือหาของร่างรฐั ธรรมนูญยงั ต้องการใหอ้ านาจเป็นของพระมหากษตั รยิ ์อยู่ แตย่ งั ไมเ่ ป็นทต่ี กลงกนั ในอภริ ฐั มนตรี จงึ ยงั ไม่ไดป้ ระกาศใช้ 1. ฉบบั ของพระยากลั ยาณไมตรี (ดร.ฟรานซสิ บแี ซร)์ 2. ฉบบั ของนายเรมอนด์ สตเี วนสก์ บั พระยาศรวี ศิ าลวาจา (เทยี นเลย้ี ง ฮุนตระกูล) ขอ้ ระวงั การอธบิ าย รชั กาลท่ี 7 จะใหป้ ระชาธปิ ไตย แต่เม่อื ดูจากร่างรฐั ธรรมนูญแลว้ ไม่อาจจะอธบิ ายไดต้ ามนัน้ - พอถงึ วนั ท่ี 24 มถิ นุ ายน พ.ศ.2475 เกดิ การเปลย่ี นแปลงการปกครอง 7. กำรเปลย่ี นแปลงกำรปกครอง พ.ศ.2475 การเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เป็นการสน้ิ สุดระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชยโ์ ดยคณะราษฎร ตอ้ งการเปลย่ี นแปลงใหเ้ ป็นระบอบประชาธปิ ไตยแบบรฐั สภาทม่ี รี ฐั ธรรมนูญเป็นกฎหมายสงู สุด • สาเหตุ 1. เกดิ การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งในหลายประเทศ เชน่ จนี ญป่ี ุ่น ตรุ กี รสั เซยี เยอรมนั 2. เกดิ การต่นื ตวั จากกลมุ่ นกั เรยี นนอก 3. ปัญหาเศรษฐกจิ ตกต่าทวั่ โลก รฐั บาลลดทอนคา่ ใชจ้ า่ ย มกี ารดลุ ขา้ ราชการออกจานวนมาก 4. ความไมเ่ ป็นธรรมระหวา่ งชนชนั้ ในสงั คมทช่ี นชนั้ เจา้ นายมอี ภสิ ทิ ธเิ์ หนอื ประชาชน อานาจจงึ กระจุกตวั อย่กู บั เจา้ นายพวกเดยี ว 5. การแสดงความคดิ เหน็ ผา่ นหนังสอื พมิ พ์ 239

สงั คมแมวสม้ • คณะราษฎร - เรม่ิ ตน้ ขน้ึ จากกลุม่ นักเรยี นนอก มผี รู้ ่วมกอ่ ตงั้ 7 คน ประชุมกนั ทก่ี รงุ ปารสี ประเทศฝรงั่ เศส ไดแ้ ก่ 1. รอ้ ยเอก ทศั นัยนยิ มศกึ 2. รอ้ ยโทแปลก ขตี ตะสงั คะ (จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม) 3. รอ้ ยโทประยรู ภมรมนตรี 4. หลวงสริ ิ ราชไมตรี 5. นายตวั้ ลพานุกรม 6. นายแนบ พหลโยธนิ 7. นายปรดี ี พนมยงค์ (มนั สมองของคณะราษฎร) - ไดด้ าเนนิ การชกั ชวนใหบ้ ุคคลอ่นื ๆเขา้ รว่ มดว้ ย จนแบง่ เป็น 3 สาย โดยเลอื กพนั เอกพระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน์ พหลโยธนิ ) เป็นหวั หน้าคณะราษฎร สายทหารบก นาโดยพนั เอกพระยาพหลพลหยุหเสนา (พจน์ พหลโยธนิ ) สายทหารเรอื นาโดยหลวงสนิ ธสุ งครามชยั (สนิ ธุ์ กมลนาวนิ ) สายพลเรอื น นาโดยหลวงประดษิ ฐม์ นูธรรม (ปรดี ี พนมยงค)์ 4 ทหารเสอื แหง่ คณะราษฏรเป็นนายทหารชนั้ ผใู้ หญข่ องคณะราษฎร ไดแ้ ก่ 1. พระยาพหลพลพยหุ เสนา 2. พระยาทรงสรุ เดช 3. พระยาฤทธอิ คั เนย์ 4. พระประศาสน์พทิ ยายทุ ธ • เหตกุ ารณ์วนั เปล่ียนแปลงการปกครอง - วนั ท่ี 24 มถิ ุนายน รชั กาลท่ี 7 ไม่ไดป้ ระทบั อยู่ในพระนคร เพราะแปรพระราชฐานประทบั อยู่ท่วี งั ไกลกงั วล หวั หนิ สมเดจ็ ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพนิ ิตเป็นผรู้ กั ษาพระนคร คณะราษฎรจงึ ทาการเขา้ ยดึ อานาจจบั กุมตวั เจา้ นาย ทาใหร้ ชั กาลท่ี 7 ตกลงยนิ ยอมทจ่ี ะสละอานาจ - วนั ท่ี 27 มถิ ุนายน ประกาศใชธ้ รรมนูญการปกครองแผ่นดนิ สยามฉบบั ชวั ่ คราว พ.ศ.2475 - วนั ท่ี 28 มถิ ุนายน เปิดประชุมสมาชกิ สภาครงั้ แรก เลอื กพระยามโนปกรณ์นิตธิ าดา (กอ้ น หตุ ะสงิ ห)์ ขน้ึ ดารง ตาแหน่งประธานคณะกรรมการราษฎร (ต่อมาเรยี กว่านายกรฐั มนตร)ี แต่งตงั้ กรรมการราษฎร 14 คน (ต่อมา เรยี กว่ารฐั มนตร)ี เจา้ พระยาธรรมศกั ดมิ ์ นตรเี ป็นประธานสภาผแู้ ทนราษฎรคนแรก - วนั ท่ี 10 ธนั วาคม รชั กาลท่ี 7 พระราชทานรฐั ธรรมนูญฉบบั ถาวรปี พ.ศ.2475 (ถอื เป็นวนั รฐั ธรรมนูญ) • ผลกระทบของการเปล่ียนแปลงการปกครอง 1. พระมหากษตั รยิ อ์ ย่ภู ายใตร้ ฐั ธรรมนูญ (constitutional monarchy) ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยส์ น้ิ สดุ ลง 2. เกดิ ระบบรฐั สภาทเ่ี ลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เกดิ ตาแหน่งนายกรฐั มนตรเี ป็นหวั หน้าฝ่ายบรหิ าร 3. คณะราษฎรประกาศหลกั 6 ประการเพ่อื เป็นหลกั การปกครอง ไดแ้ ก่ เอกราช ปลอดภยั เสรภี าพ เสมอภาค เศรษฐกจิ และการศกึ ษา 240

สงั คมแมวสม้ 8. ช่วงหลังปี พ.ศ.2475 • รฐั บาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา - พระยามโนปกรณ์นติ ธิ าดาเป็นอดตี ผพู้ พิ ากษา - หลวงประดษิ ฐม์ นูธรรมเสนอเคา้ โครงเศรษฐกจิ ช่อื สมุดปกเหลอื ง - รชั กาลท่ี 7 ตอบโตส้ มุดปกเหลอื งดว้ ยการออกสมดุ ปกขาวว่าเป็นแนวคดิ คอมมวิ นสิ ต์ - พระยามโนปกรณ์นิตธิ าดาประกาศงดใชร้ ฐั ธรรมนูญบางมาตราและปิด ประชุมสภา • รฐั บาลพระยาพหลพลพยุหเสนา พ.ศ.2476-2481 - พระยาพหลพลพยุหเสนาทารฐั ประหารขบั ไลพ่ ระยามโนปกรณ์นิตธิ าดา เปิดประชุมสภาขน้ึ ใหม่ - พระองคเ์ จา้ บวรเดชรวบรวมกาลงั ทหารจากหวั เมอื งเพ่อื ต่อสกู้ บั รฐั บาล เรยี กว่า “คณะกบู้ า้ นกเู้ มอื ง” แตพ่ า่ ยแพก้ ลายเป็นกบฏบวรเดช - ยกเลกิ ระบบมณฑลเทศาภบิ าล โดยเปลย่ี นเป็นจงั หวดั และอาเภอ - รชั กาลท่ี 7 สละราชสมบตั ิ รฐั สภาเลอื กรชั กาลท่ี 8 ขน้ึ ครองราชย์ - ไดร้ บั ยกยอ่ งวา่ เป็นเชษฐบุรษุ (elder statesman) • รฐั บาลจอมพลแปลก พิบลู สงคราม พ.ศ.2481-2488 (รอบแรก) - ประกาศใชน้ โยบายต่างๆ ผา่ นคาประกาศช่อื รฐั นยิ ม 12 ฉบบั - ทาสงครามไดด้ นิ แดนทส่ี ญู เสยี ไปจากฝรงั่ เศสกลบั คนื มา - สงวนอาชพี บางอาชพี สาหรบั คนไทย - เรมิ่ เศรษฐกจิ แบบทุนนิยมโดยรฐั เรยี กว่า “เศรษฐกจิ แบบชาตนิ ยิ ม” กอ่ ตงั้ รฐั วสิ าหกจิ - เปลย่ี นชอ่ื ประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” - ปรบั ปรุงวฒั นธรรมไทยอย่างเช่นการแต่งกาย การเลกิ กนิ หมาก การใหส้ วมหมวก - พยายามเปลย่ี นแปลงการใชภ้ าษาไทยแตไ่ มส่ าเรจ็ - ยกเลกิ การใชบ้ รรดาศกั ดิ ์ - ประกาศใหว้ นั ท่ี 1 มกราคมเป็นวนั ขน้ึ ปีใหมใ่ นปี พ.ศ.2484 จากเดมิ เป็นวนั ท่ี 1 เมษายน - ปลูกฝังความรกั ชาตผิ า่ นแนวคดิ ชาตนิ ิยม - หลวงวจิ ติ รวาทการมบี ทบาทในการแตง่ บทละคร เพลงปลุกใจ ปาฐกถา - เรม่ิ การใชค้ าว่า “สวสั ด”ี เป็นคาทกั ทายอย่างเป็นทางการ - เขา้ ร่วมสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 กบั ญป่ี ุ่น ประกาศสงครามกบั องั กฤษและสหรฐั อเมรกิ า - ในระหวา่ งสงคราม ใชค้ าขวญั เช่อื ผนู้ าชาตพิ น้ ภยั เช่อื ผนู้ าชาตไิ มแ่ ตกสลาย - จอมพล ป.พบิ ลู สงครามพน้ จากตาแหน่งนายกรฐั มนตรจี ากการทร่ี ฐั บาลแพญ้ ตั ตใิ นสภา 241

สงั คมแมวสม้ • ขบวนการเสรไี ทย - กอ่ ตงั้ ขน้ึ มาเพ่อื แสดงตนวา่ เป็นฝ่ายสมั พนั ธมติ รในชว่ งสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 คดั คา้ นการประกาศสงครามของ รฐั บาลจอมพล ป.พบิ ลู สงคราม โดยแบ่งเป็นหลายกลุ่ม คอื 1. เสรไี ทยสายประเทศไทย มนี ายปรดี ี พนมยงคเ์ ป็นผนู้ า ใชร้ หสั นามแฝงวา่ “รธู ” 2. เสรไี ทยสายสหรฐั อเมรกิ า มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นผนู้ า 3. เสรไี ทยสายองั กฤษ มพี ระนางเจา้ ราไพพรรณแี ละหม่อมเจา้ ศภุ สวสั ดวิ ์ งศส์ นิทเป็นผนู้ า - ดาเนินการเคลอ่ื นไหวตอ่ สกู้ บั กองทพั ญป่ี ุ่นในประเทศไทย โดยมลี กั ษณะเป็นกองกาลงั ตดิ อาวธุ - แต่ญป่ี ุ่นประกาศยอมแพส้ งครามโลกครงั้ ท่ี 2 ก่อนหน้าจะมกี ารต่อสู้ - บรรลุ “ความตกลงสมบรู ณ์แบบ” กบั ฝ่ายสมั พนั ธมติ ร ประเทศไทยไมต่ กเป็นประเทศผแู้ พส้ งครามแตต่ อ้ งทา ตามขอ้ สญั ญา คอื 1. การสง่ ขา้ วสารโดยไม่คดิ มลู ค่าเป็นจานวน 1 ลา้ น 5 แสนตนั ใหอ้ งั กฤษ 2. คนื ดนิ แดนทเ่ี คยยดึ ครองทงั้ หมดในชว่ งสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 - ขบวนการเสรไี ทยช่วยใหป้ ระเทศไทยรอดพน้ จากการตกเป็นประเทศผแู้ พส้ งครามและถูกยดึ ครอง - เกดิ ปัญหาเศรษฐกจิ ในชว่ งหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 สนิ คา้ ขน้ึ ราคาสงู ขา้ วของขาดแคลน โจรผรู้ า้ ยชุกชุม - ประเทศไทยสมคั รเขา้ เป็นสมาชกิ สหประชาชาตปิ ี พ.ศ.2489 นบั เป็นประเทศลาดบั ท่ี 55 • การสิ้นสุดบทบาทของคณะราษฎร “พวกเราตอ้ งช่วยกนั ทานบุ ารุงประเทศชาติใหเ้ จรญิ รุง่ เรืองยิ่งๆขนึ้ ไปจนเทา่ เทยี มหรอื เพียงใกลเ้ คยี งอารยประเทศ” พระยาพหลพลพยหุ เสนา ตามแนวทางการเขยี นอธิบายคณะราษฎรแต่เดมิ ให้ภาพว่าเป็นเร่อื งของกลุ่มนักเรียนนอกใจร้อน จงึ ทาการแย่งชงิ อานาจจากพระมหากษตั รยิ ์มาปกครองเอง แต่จากขอ้ อธบิ ายใหม่ๆในปัจจุบนั ทาให้เกดิ การ ปรบั เปลยี่ นความเขา้ ใจนอกเหนอื ไปจากการชงิ สกุ ก่อนห่าม หลงั เปลย่ี นแปลงการปกครองแล้ว ในทางการเมอื งได้เกดิ รฐั ธรรมนูญ ผูแ้ ทนราษฎรและรฐั สภาข้นึ ในทางเศรษฐกจิ คณะราษฎรไดพ้ ยายามฟ้ืนฟูเศรษฐกจิ ดว้ ยการหนั ไปใชแ้ นวทางเศรษฐกจิ แบบชาตนิ ิยมคอื ให้ รฐั บาลดาเนินธรุ กจิ เสยี เองเพ่อื ช่วยเหลอื คนสว่ นมากของประเทศ ในขณะเดยี วกนั กก็ ีดกนั ไม่ใหค้ นต่างชาตเิ ขา้ มาครอบงา พรอ้ มกบั ไดว้ างแผนอุตสาหกรรมต่างๆทย่ี งั อย่ใู นช่วงพง่ึ เรม่ิ ตน้ ส่วนผลงานอ่นื อย่างเช่นปรบั ปรุง กองทพั ใหเ้ ขม้ แขง็ เตรยี มพรอ้ มรบั กบั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 เจรจาลดดอกเบย้ี เงนิ กใู้ นสมยั สมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์ สามารถเจรจาแกไ้ ขสทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขตจนเสรจ็ สน้ิ ทงั้ หมดกบั ทุกประเทศและไดส้ ทิ ธกิ าหนดอตั ราภาษี ศลุ กากรไดเ้ อง ตลอดจนการขยายการศกึ ษาดว้ ยการก่อตงั้ โรงเรยี นไปทวั่ ประเทศ คณะราษฎรไมใ่ ชก้ ลุ่มก้อนทจ่ี ะมอี านาจปกครองทงั้ หมด จงึ ตอ้ งประสานร่วมมอื จากบุคคลอ่นื ๆดว้ ยใน การขบั เคล่อื นระบอบการปกครองแบบใหมใ่ หด้ าเนนิ ตอ่ ไป จดุ สน้ิ สดุ ของคณะราษฎรมหี ลายสาเหตุไม่วา่ จะเป็น การถงึ แก่กรรมของบรรดาสมาชกิ ความขดั แยง้ ภายในกลุ่มคณะราษฎรเอง แต่จุดทถ่ี อื กนั ว่าเป็นจดุ สน้ิ สุดของ คณะราษฎรคอื การทารฐั ประหารปี พ.ศ.2490 ทค่ี ณะรฐั ประหาร พ.ศ.2490 จะเขา้ มาเป็นผนู้ าแทนทค่ี ณะราษฎร และระบอบการปกครองแบบคณะราษฎรเอง รปู พานรฐั ธรรมนูญตงั้ อยหู่ น้าอาคารทท่ี าการสโมสรคณะราษฎร 242

ปี พ.ศ.2489 สงั คมแมวสม้ รฐั ประหาร พ.ศ.2490 พ.ศ.2491-2500 ประเทศไทยหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 พ.ศ.2500-2516 รชั กาลท่ี 8 เสดจ็ สวรรคตเม่อื วนั ท่ี 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2489 รชั กาลท่ี 9 ขน้ึ ยคุ เผดจ็ การทหาร ครองราชย์ เกดิ การทารฐั ประหาร พ.ศ.2490 นาโดยจอมพลผนิ ชณุ หะวณั ประกาศใช้ รฐั ธรรมนูญฉบบั ปี พ.ศ.2490 ปรดี ี พนมยงคล์ ภ้ี ยั ไปตา่ งประเทศ จอมพล ป.พิบลู สงครามหวนกลบั มาเป็นนายกรฐั มนตรี (รอบท่ี 2) - นารฐั ธรรมนูญฉบบั 10 ธนั วาคม พ.ศ.2475 กลบั มาใช้ - ออกพระราชบญั ญตั พิ รรคการเมอื ง พยายามรอ้ื ฟ้ืนประชาธปิ ไตย - ใชน้ โยบายเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยมโดยรฐั รฐั บาลกอ่ ตงั้ รฐั วสิ าหกจิ หลายๆแหง่ - การเมอื งแตกเป็นหลายกลุ่ม เชน่ กลมุ่ ราชครู กลุม่ จอมพลสฤษดิ์ธนะรชั ต์ - จดั งานฉลอง “กง่ึ พทุ ธกาล” เมอ่ื พระพุทธศาสนามอี ายุครบ 2,500 ปี - จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ไดช้ อ่ื ว่าเป็นการเลอื กตงั้ สกปรก จอมพลสฤษดิ์ธนะรชั ตท์ า รฐั ประหาร ทาใหจ้ อมพล ป.พบิ ลู สงครามสน้ิ สุดอานาจ จอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ - จอมพลสฤษดกิ์ ุมอานาจเบด็ เสรจ็ ยกเลกิ รฐั ธรรมนูญ พรรคการเมอื ง - การฟ้ืนฟูสถาบนั พระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชพธิ ตี ่างๆ เปลย่ี นวนั ชาตจิ ากวนั ท่ี 24 มถิ ุนายนเป็นวนั ท่ี 5 ธนั วาคมของทุกปี - ประกาศใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฉบบั ท่ี 1 - มงุ่ เน้นพฒั นาสาธารณูปโภคพน้ื ฐาน “น้าไหล ไฟสวา่ ง ทางดี มงี านทา” สรา้ ง เขอ่ื นภูมพิ ล เรม่ิ กอ่ ตงั้ มหาวทิ ยาลยั ภูมภิ าค (มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร)์ - เปลย่ี นนโยบายเศรษฐกจิ เป็นทุนนิยมเสรี ใหเ้ อกชนมบี ทบาททางเศรษฐกจิ เน้นพฒั นาอุตสาหกรรมเพ่อื ทดแทนการนาเขา้ - จอมพลสฤษดถิ์ งึ แกอ่ สญั กรรมขณะดารงตาแหน่งนายกรฐั มนตรี ปี พ.ศ.2506 จอมพลถนอม กิตติขจร - สบื ต่ออานาจจากจอมพลสฤษดิ์ - เกดิ วนั เสยี งปืนแตก เป็นการเปิดฉากต่อสกู้ บั พรรคคอมมวิ นิสตแ์ หง่ ประเทศไทย - ก่อตงั้ อาเซยี นปี พ.ศ.2510 ดว้ ยการลงนามปฏญิ ญากรงุ เทพ - ชว่ ยเหลอื สหรฐั อเมรกิ าทาสงครามเวยี ดนาม - ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญฉบบั ปี พ.ศ.2511 จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ - จอมพลถนอมประกาศยดึ อานาจปี พ.ศ.2514 และยกเลกิ รฐั ธรรมนูญ 243

สงั คมแมวสม้ เหตกุ ารณ์ 14 ตุลาคม วนั มหาวิปโยค เกดิ จากความไม่พอใจทท่ี หารสบื ต่ออานาจอยา่ งยาวนาน ตอ้ งการ พ.ศ.2516 เรยี กรอ้ งรฐั ธรรมนูญ ชุมนุมประทว้ งครงั้ ใหญ่ มกี ารใชก้ าลงั ปะทะทาใหค้ นบาดเจบ็ พ.ศ.2516-2519 เสยี ชวี ติ จอมพลถนอมลาออกจากตาแหน่งนายกรฐั มนตรี พ.ศ.2520-2523 รฐั บาลสญั ญา ธรรมศกั ด์ิ (รฐั บาลพระราชทาน) ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญปี พ.ศ.2523-2531 พ.ศ.2517 และจดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ รฐั บาล ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช เปิดสมั พนั ธไมตรกี บั สาธารณรฐั ประชาชนจนี พ.ศ.2531-2534 รฐั บาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จอมพลถนอมเดนิ ทางกลบั เขา้ มาในประเทศไทย นักศกึ ษาชมุ นุมประทว้ งเกดิ เหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 มกี ารใชก้ าลงั อาวุธ เหตกุ ารณ์พฤษภาคม ปราบปรามผชู้ ุมนุม และเกดิ รฐั ประหาร พ.ศ.2535 รฐั บาลธานินทร์ กรยั วิเชียร มชี ่อื เรยี กว่ารฐั บาลหอย เป็นรฐั บาลพลเรอื นทม่ี ี ความคดิ ขวาจดั ปราบปรามคอมมวิ นิสต์ รฐั บาลพลเอกเกรียงศกั ด์ิ ชมะนันทน์ ยดึ อานาจจากรฐั บาลธานินทร์ กรยั วเิ ชยี ร เรม่ิ ใชน้ โยบายผอ่ นปรนคอมมวิ นสิ ต์ โดยเปิดความสมั พนั ธก์ บั ประเทศคอมมวิ นิสต์ และจดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ รฐั บาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ - เป็นนายกรฐั มนตรที ไ่ี มส่ งั กดั พรรคการเมอื ง - ออกนโยบายการเมอื งนาการทหาร 66/23 ประกาศนริ โทษกรรมใหแ้ กผ่ ทู้ เ่ี ป็น คอมมวิ นิสต์ ปิดฉากสงครามตอ่ สกู้ บั คอมมวิ นิสต์ - เปลย่ี นแปลงนโยบายเศรษฐกจิ จากทดแทนการนาเขา้ เป็นสง่ เสรมิ การสง่ ออก - เกดิ โครงการพฒั นาพน้ื ทช่ี ายฝัง่ ทะเลตะวนั ออก Eastern Seaboard รองรบั การ ลงทุนจากตา่ งประเทศ ทาใหเ้ ศรษฐกจิ เตบิ โตเรยี กว่า “ยุคโชตชิ ่วงชชั วาล” - ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ รฐั บาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวณั - เศรษฐกจิ ไทยเตบิ โตมากทส่ี ดุ Boom มาก เกดิ เศรษฐกจิ ฟองสบู่ - ประเทศไทยไดช้ อ่ื ว่าเป็น “เสอื ตวั ทห่ี า้ แหง่ เอเชยี ” - สงครามเยน็ สน้ิ สดุ - ประกาศนโยบายเปลย่ี นสนามรบเป็นสนามการคา้ - เกดิ รฐั ประหารปี พ.ศ.2534 โดยคณะรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยแหง่ ชาติ (รสช.) อา้ งว่าคณะรฐั มนตรรี ่ารวยผดิ ปกติ (บุฟเฟ่คาบเิ นต) คณะรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยแห่งชาติ (รสช.) พลเอกสุจนิ ดา คราประยรู เคย ประกาศทจ่ี ะไม่รบั ตาแหน่งนายกรฐั มนตรี ไดข้ น้ึ เป็นนายกรฐั มนตรี โดยอา้ งเหตผุ ล ว่า “เสยี สตั ยเ์ พอ่ื ชาต”ิ ทาใหเ้ กดิ การชุมนุมประทว้ ง เกดิ การบาดเจบ็ ลม้ ตาย พลเอก สุจนิ ดายอมลาออกจากตาแหน่ง 244

สงั คมแมวสม้ พ.ศ.2535-2544 รฐั บาลพลเรอื นหลายชุด - รฐั บาลนายชวน หลกี ภยั (รอบแรก) พ.ศ.2544-2549 - รฐั บาลนายบรรหาร ศลิ ปอาชา พ.ศ.2550-2557 - รฐั บาลพลเอกชวลติ ยงใจยุทธ เกดิ วกิ ฤตเศรษฐกจิ ปี พ.ศ.2540 และประกาศใช้ รฐั ธรรมนูญฉบบั ปี พ.ศ.2540 การรฐั ประหารปี - รฐั บาลนายชวน หลกี ภยั (รอบสอง) พ.ศ.2557 รฐั บาลทกั ษิณ ชินวตั ร - เป็นรฐั บาลเสยี งขา้ งมากในสภา อยคู่ รบวาระ 4 ปี ดาเนนิ นโยบายประชานิยม - เกดิ กระแสต่อตา้ นและเกดิ การรฐั ประหารปี พ.ศ.2549 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรฐั มนตรหี น่งึ ปีแลว้ จงึ จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ใหม่ รฐั บาลพลเรอื นหลายชุด - รฐั บาลนายสมคั ร สนุ ทรเวช - รฐั บาลนายสมชาย วงศส์ วสั ดิ์ - รฐั บาลนายอภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชวี ะ - รฐั บาลนางสาวยงิ่ ลกั ษณ์ ชนิ วตั ร - คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยดึ อานาจจากรฐั บาลยงิ่ ลกั ษณ์ ชนิ วตั ร พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชาขน้ึ เป็นนายกรฐั มนตรี - รชั กาลท่ี 9 เสดจ็ สวรรคตเมอ่ื วนั ท่ี 13 ตลุ าคม พ.ศ.2559 รชั กาลท่ี 10 ขน้ึ ครองราชย์ - ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญฉบบั ปี พ.ศ.2560 - จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ปี พ.ศ.2562 ผลปรากฎวา่ พลเอกประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชาเป็น นายกรฐั มนตรตี ่อ หมายเหตุ นายกรฐั มนตรที ด่ี ารงตาแหน่งยาวนานทส่ี ดุ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม (15 ปี) บุคคลทไ่ี ดร้ บั การยกย่องเป็นรฐั บุรุษคอื 1. ปรดี ี พนมยงค์ (รฐั บุรุษอาวุโส) 2. พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ เปรียบเทียบระบบฟิ วดลั กบั ระบบศกั ดินาของไทย เร่อื งน้ีคนสงสยั กนั !! แมวเลยมาอธบิ าย ระบบฟิวดลั ระบบศกั ดนิ า ช่วงเวลา ยุคสมยั กลางของยุโรป สมยั พระบรมไตรโลกนาถจนถงึ สมยั กลางรชั กาลท่ี 5 ลกั ษณะ ขนุ นางมสี ทิ ธดิ แู ลทด่ี นิ อาณาเขตของตน จานวนศกั ดนิ าเป็นเรอ่ื งสทิ ธทิ ค่ี นๆนนั้ จะไดร้ บั กษตั รยิ ใ์ หท้ ด่ี นิ แก่ขนุ นางเพอ่ื แลกกบั หน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบทพ่ี งึ กระทา พรอ้ มกบั ความจงรกั ภกั ดี กาหนดบทลงโทษเพอ่ื ควบคุมพฤตกิ รรมของคน การสบื ต่อ ลูกชายสบื ต่อมรดก, เป็นของแต่งงาน ตอบแทนความดคี วามชอบ, ถอดออกจากศกั ดนิ า ลาดบั ชนั้ ใหย้ ศขนุ นางตามขนาดของแควน้ (ทด่ี นิ ) กษตั รยิ ์ เจา้ นาย ขนุ นาง ไพร่ ทาส 245

สงั คมแมวสม้ เก็บตกประวัตศิ ำสตรไ์ ทย • รปู แบบสถาปัตยกรรม วดั หมายถงึ สถานทท่ี างพระพุทธศาสนา ประกอบดว้ ยโบสถว์ หิ ารและทอ่ี ย่ขู องพระสงฆ์ สมยั สโุ ขทยั นยิ มสรา้ งวดั มหาธาตุ เป็นวดั สาคญั ทส่ี ุดตงั้ อยใู่ จกลางเมอื งแตล่ ะเมอื ง สมยั อยุธยา วดั พนญั เชงิ (มหี ลกั ฐานวา่ สรา้ งขน้ึ มากอ่ นสมยั อยธุ ยา) วดั หน้าพระเมรุ (ไม่ถูกพม่าเผา ทาลาย) วดั พระศรสี รรเพชญ์ (เป็นวดั หลวงประจาพระราชวงั ) สมยั ธนบรุ ี พระราชวงั ตงั้ อย่ขู นาบกบั วดั อรุณราชวรารามและวดั โมลโี ลกยาราม สมยั รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี 1 สรา้ งวดั พระศรรี ตั นศาสดารามเป็นวดั หลวงประจาพระราชวงั (วดั พระแกว้ ) และสรา้ งวดั เชตพุ นวมิ ลมงั คลารามเป็นวดั ประจารชั กาล รชั กาลท่ี 2 ตงั้ วดั อรณุ ราชวรารามราชวรมหาวหิ ารเป็นวดั ประจารชั กาล รชั กาลท่ี 3 ตงั้ วดั ราชโอรสารามราชวรวหิ ารเป็นวดั ประจารชั กาล รชั กาลท่ี 4 ตงั้ วดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสมี ารามราชวรวหิ ารเป็นวดั ประจารชั กาล บรู ณะ พระปฐมเจดยี ท์ เ่ี ป็นเจดยี เ์ ก่าแก่ตงั้ แต่สมยั ทวารวดดี ว้ ยการสรา้ งเจดยี ท์ รงลงั กาครอบไว้ รชั กาลท่ี 5 ตงั้ วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี ารามราชวรวหิ ารเป็นวดั ประจารชั กาล รชั กาลท่ี 6 ยกเลกิ ประเพณกี ารสรา้ งวดั ประจารชั กาล โดยสรา้ งโรงเรยี นวชริ าวุธขน้ึ แทน ปัจจุบนั มกี ารแบง่ ลาดบั ความสาคญั ของวดั จาแนกเป็นวดั ชนั้ เอก วดั ชนั้ โท วดั ชนั้ ตรี พระทน่ี งั่ หมายถงึ อาคารทป่ี ระทบั ของพระมหากษตั รยิ ์ ไทยดงั้ เดมิ พระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท พระทน่ี งั่ จกั รพรรดพิ มิ าน พระทน่ี ัง่ อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั ตะวนั ตก พระทน่ี งั่ อนันตสมาคม (ใชน้ ายช่างอติ าลสี รา้ ง เป็นแบบศลิ ปะอติ าล)ี ประยุกต์ เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวนั ตก เช่น พระทน่ี งั่ จกั รมี หาปราสาทไดช้ ่อื ว่าฝรงั่ สวมชฎา พระที่นัง่ จกั รีมหาปราสาท พระท่ีนัง่ อนันตสมาคม 246

สงั คมแมวสม้ • ศิลปวฒั นธรรม - ละครใน มเี ฉพาะผหู้ ญงิ เล่น - ละครนอก มเี ฉพาะผชู้ ายเลน่ - ละครดกึ ดาบรรพ์ เป็นละครรอ้ งสมยั ใหม่ทท่ี าใหค้ ลา้ ยกบั ละครโอเปรา่ ของตะวนั ตก - ช่างสบิ หมู่ เป็นงานชา่ งสมยั โบราณของไทย - สมเดจ็ ฯ กรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ ทรงมผี ลงานออกแบบพระเมรุ พระอุโบสถวดั เบญจมบพติ ร ภาพเขยี น สนี ้ามนั แต่งเพลงดนตรไี ทยและดนตรสี ากล ไดร้ บั สมญานามว่าสมเดจ็ ครูหรอื นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม - ศาสตราจารยศ์ ลิ ป์ พรี ะศรี เดมิ ชอ่ื คอรร์ าโด เฟโรชี เป็นชาวอติ าลเี ขา้ มารบั ราชการในสยาม มผี ลงานเด่นทาง ดา้ นประตมิ ากรรม ก่อตงั้ โรงเรยี นประณีตศลิ ปกรรม (ต่อมาคอื มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร) - วรรณกรรม ม.ร.ว.คกึ ฤทธิ์ ปราโมชเขยี นสแ่ี ผน่ ดนิ กุหลาบ สายประดษิ ฐเ์ ขยี นขา้ งหลงั ภาพ ยาขอบเขยี น ผชู้ นะสบิ ทศิ มาลยั ชพู นิ จิ เขยี นเรอ่ื งแผน่ ดนิ ของเรา พระพุทธรปู ทรงเคร่อื ง ผา้ บฏ - พระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งหรอื เรยี กอกี ช่อื ว่าพระพทุ ธรปู ทรงเคร่อื งกษตั รยิ ์ เป็นคตกิ ารสรา้ งพระพทุ ธรปู ตามแบบ องคพ์ ระมหากษตั รยิ ใ์ นสงั คมไทยสมยั อยุธยาถงึ ตน้ รตั นโกสนิ ทร์ - ผา้ บฏ คอื ผา้ เขยี นรปู แทนพระพุทธเจา้ • ที่ปรกึ ษาราชการแผ่นดิน เป็นตาแหน่งทว่ี า่ จา้ งคนตา่ งชาตผิ มู้ คี วามรคู้ วามสามารถมาชว่ ยเหลอื งานราชการ รชั กาลท่ี 4 เฮนร่ี อาลาบาสเตอร์ ทป่ี รกึ ษาสว่ นพระองค์ มผี ลงานทางดา้ นทาแผนทก่ี รุงเทพ การตดั ถนน (ชาวองั กฤษ) เจรญิ กรุง ก่อตงั้ กรมไปรษณยี แ์ ละกรมโทรเลข รชั กาลท่ี 5 โรลงั ยคั มนิ ส์ เป็นทป่ี รกึ ษาราชการแผ่นดนิ ทาหน้าทใ่ี หค้ าแนะนากบั พระมหากษตั รยิ ์ (ชาวเบลเยยี ม) และเสนาบดกี ระทรวงต่างๆ ไดร้ บั การแต่งตงั้ เป็นเจา้ พระยาอภยั ราชา สยามานุกูลกจิ (เทยี บเทา่ ตาแหน่งเสนาบด)ี สโตรเบล เป็นทป่ี รกึ ษากฎหมาย (ชาวอเมรกิ า) ดร.โทกชิ ิ มาซาโอะ รว่ มร่างกฎหมายลกั ษณะอาญาจนเสรจ็ สน้ิ ในช่วงปลายสมยั รชั กาลท่ี 5 (ชาวญป่ี ุ่น) ไดร้ บั แตง่ ตงั้ เป็นพระยามหธิ รมโนปกรณ์โกศลคณุ รชั กาลท่ี 6 ดร.ฟรานซสิ บแี ซร์ เป็นผเู้ จรจาแกไ้ ขสนธสิ ญั ญาบาวรงิ เร่อื งสทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขตและ (ชาวอเมรกิ า) ภาษศี ลุ กากร ไดร้ บั แตง่ ตงั้ เป็นพระยากลั ยาณไมตรี 247

สงั คมแมวสม้ • บุคคลสาคญั ของไทย องค์การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) พจิ ารณา รบั รองบุคคลสาคญั ของไทยจากการเสนอช่อื ของรฐั บาลไทยหรอื หน่วยงานต่างๆ โดยมสี มเดจ็ ฯ กรมพระยา ดารงราชานุภาพไดร้ บั การยกย่องเป็นพระองคแ์ รกเมอ่ื ปี พ.ศ.2505 1. สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ 2. สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ 3. พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั 4. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั 5. สุนทรภู่ 6. พระยาอนุมานราชธน 7. สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชติ ชโิ นรส 8. กรมหมน่ื นราธปิ พงศป์ ระพนั ธ์ 9. เจา้ ฟ้ามหดิ ล 10. พระบาทสมเดจ็ พระภูมพิ ลอดุลยเดช 11. สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราพระบรมราชนนี 12. ปรดี ี พนมยงค์ 13. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 14. หมอ่ มหลวงป่ิน มาลากลุ 15. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 16. กหุ ลาบ สายประดษิ ฐ์ 17. พทุ ธทาสภกิ ขุ 18. กรมหลวงวงศาธริ าชสนทิ 19. เออ้ื สนุ ทรสนาน 20. ม.ร.ว.คกึ ฤทธิ์ปราโมช 21. สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวี 22. หม่อมหลวงบุญเหลอื เทพยสุวรรณ 23. พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั 24. สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ 25. หมอ่ มหลวงงามจติ ต์ บุรฉตั ร ณ อยธุ ยา 26. ป๋ วย อง้ึ ภากรณ์ 27. เจา้ พระยาพระเสดจ็ สุเรนทราธบิ ดี 28. กาพล วชั รพล 29. สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส (ปี 2563) 30. พระอาจารยม์ นั่ ภรู ภิ ตั โต (ปี 2563) กข้อสอบประวตั ิศาสตรไ์ ทยก 1. หลกั ฐานในรปู พงศาวดารของไทยใหค้ วามสาคญั ตอ่ เรอ่ื งใด 1. สภาพทางเศรษฐกจิ 2. ความเป็นอยขู่ องคนทวั่ ไป 3. เรอ่ื งราวของพระมหากษตั รยิ ์ 4. รปู แบบการปกครองทอ้ งถน่ิ 2. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะสาคญั ของจดหมายเหตุ 2. เป็นบนั ทกึ เกย่ี วกบั เรอ่ื งราวหรอื เหตกุ ารณ์ 1. เป็นหลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศาสนา 4. เป็นเอกสารทอ่ี อกโดยราชการ 3. เป็นขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ของนกั วชิ าการ 3. พระราชนิพนธไ์ กลบา้ นในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั เป็นเอกสารทางประวตั ศิ าสตร์ประเภทใด 1. พงศาวดาร 2. จดหมายเหตุ 3. จดหมายสว่ นตวั 4. ใบบอก 248

สงั คมแมวสม้ 4. เรอ่ื งใดเป็นหลกั ฐานประเภทตานาน 2. ทา้ วแสนปม 1. พงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขา 4. รฐั ธรรมนูญ 3. มงั รายศาสตร์ 5. พระราชพงศาวดารฉบบั ใดทน่ี ักประวตั ศิ าสตรย์ อมรบั ว่ามขี อ้ มลู ถูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. ฉบบั บรติ ชิ มวิ เซยี ม 2. ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (เจมิ ) 3. ฉบบั สมเดจ็ พระพนรตั น์ 4. ฉบบั หลวงประเสรฐิ อกั ษรนิติ ์ 6. ขอ้ ใดไมส่ อดคลอ้ งกบั ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ 1. การทากลองมโหระทกึ เพอ่ื ตขี อฝน 2. การคน้ พบศลิ าจารกึ ทเ่ี ขาน้อย 3. การประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งมอื สารดิ ทบ่ี า้ นเชยี ง 4. การระบายสที ถ่ี ้าผาแตม้ 7. ทฤษฎคี วามเป็นมาของชนชาตไิ ทยทฤษฎใี ดทไ่ี ม่เป็นทย่ี อมรบั เชอ่ื ถอื อกี ต่อไป 1. คนไทยอพยพมาจากเทอื กเขาอลั ไต 2. คนไทยอยอู่ าศยั อย่ทู ป่ี ระเทศไทยปัจจุบนั 3. คนไทยอพยพมาจากตอนกลางของจนี 4. คนไทยอพยพมาจากตอนใตข้ องจนี 8. อาณาจกั รโบราณในดนิ แดนสวุ รรณภูมแิ ห่งแรกคอื ขอ้ ใด 1. ฟูนนั 2. ตามพรลงิ ค์ 3. เขมร 4. ทวารวดี 9. ธรรมจกั รกบั กวางหมอบเป็นโบราณวตั ถุในยุคใด 1. ฟูนัน 2. ละโว้ 3. ศรวี ชิ ยั 4. ทวารวดี 10. อาณาจกั รโบราณทางตอนใตท้ ม่ี อี าณาเขตครอบคลุมบรเิ วณพน้ื ทไ่ี ทย มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี ในปัจจบุ นั คอื ขอ้ ใด 1. ศรวี ชิ ยั 2. ตามพรลงิ ค์ 3. เขมร 4. ทวารวดี 11. ทต่ี งั้ ของแควน้ ตามพรลงิ คต์ รงกบั บรเิ วณใดในปัจจบุ นั 1. ไทรบรุ ี 2. นครศรธี รรมราช 3. สรุ าษฎรธ์ านี 4. ปัตตานี 12. ถา้ ตอ้ งการไปดโู บราณสถานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศลิ ปะลพบรุ ตี อ้ งไปทแ่ี หง่ ใด 1. วดั พระศรสี รรเพชญ์ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา 2. วดั พระธาตุหรภิ ุญชยั จงั หวดั ลาพนู 3. พระปฐมเจดยี ์ จงั หวดั นครปฐม 4. ปราสาทเมอื งสงิ ห์ จงั หวดั กาญจนบุรี 13. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ าณาจกั รโบราณทต่ี งั้ อย่ใู นดนิ แดนประเทศไทยปัจจบุ นั 1. พกุ าม 2. ทวารวดี 3. โคตรบูรณ์ 4. ลา้ นนา 14. พระราชนิพนธเ์ ร่อื ง “ไตรภูมพิ ระรว่ ง” ของพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลไิ ทย) ในสมยั สุโขทยั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจาก แนวคดิ ของศาสนาใดเป็นหลกั 1. พระพุทธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศ์ 2. พระพทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายาน 3. พระพทุ ธศาสนาลทั ธสิ ยามวงศ์ 4. ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู 249

สงั คมแมวสม้ 15. การทาเครอ่ื งสงั คโลกในสมยั สุโขทยั ไดร้ บั การถ่ายทอดมาจากชาตใิ ด 1. อาหรบั 2. มลายู 3. ชวา 4. จนี 16. สมยั สโุ ขทยั มภี มู ปิ ัญญาทท่ี รงคุณค่าเกดิ ขน้ึ หลายประการ ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. การประดษิ ฐต์ วั อกั ษร 2. การจดั การชลประทาน 3. การวาดภาพแบบ 3 มติ ิ 4. การทาเคร่อื งเคลอื บดนิ เผา 17. การสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยาเกดิ จากการรวมตวั กนั ของเมอื งใด 1. ละโว-้ พษิ ณุโลก 2. สพุ รรณภมู -ิ ละโว้ 3. พษิ ณุโลก-สุโขทยั 4. สุโขทยั -สุพรรณภมู ิ 18. ดนิ แดนทพ่ี อ่ คา้ ชาวโปรตเุ กสในสมยั อยธุ ยาเรยี กว่าลกิ อร์ (Ligor) สนั นษิ ฐานว่าตรงกบั เมอื งใด 1. ปัตตานี 2. จนั ทบรุ ี 3. นครปฐม 4. นครศรธี รรมราช 19. การทพ่ี ระมหากษตั รยิ ไ์ ทยทรงมฐี านะเป็นสมมตุ เิ ทพเป็นคตคิ วามเชอ่ื ใด 1. พราหมณ์-ฮนิ ดู 2. พุทธศาสนาแบบเถรวาท 3. พุทธศาสนาแบบมหายาน 4. คตดิ งั้ เดมิ 20. ขอ้ ใดไม่ใช่การปฏริ ปู ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ 1. เกดิ ศกั ดนิ าจากพระไอยการตาแหน่งนาพลเรอื น นาทหาร หวั เมอื ง 2. ลดฐานะของเมอื งลูกหลวงเป็นเพยี งหวั เมอื งชนั้ ในและสง่ ขนุ นางไปดแู ลเรยี กว่าผรู้ งั้ 3. ตงั้ กรมสรุ สั วดที าบญั ชกี าลงั คนในราชอาณาจกั ร 4. ตงั้ ตาแหน่งสมุหนายกดแู ลฝ่ายพลเรอื นและสมหุ กลาโหมดแู ลฝ่ายทหาร 21. การจดั ทาบญั ชคี วบคุมกาลงั คนหรอื บญั ชหี างวา่ วโดยกรมพระสุรสั วดเี รมิ่ ในสมยั รชั กาลใด 1. สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ 2. สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี 2 3. สมเดจ็ พระนเรศวร 4. สมเดจ็ พระนารายณ์ 22. “ไพร”่ ในสงั คมของอยุธยามฐี านะใกลเ้ คยี งกบั บคุ คลกล่มุ ใดในปัจจบุ นั 1. แรงงานรบั จา้ ง 2. สามญั ชน 3. ทหารเกณฑ์ 4. เชลย 23. เหตุผลขอ้ ใดทท่ี าใหไ้ พร่ตอ้ งมสี งั กดั 2. ความคุม้ ครองดา้ นความปลอดภยั 1. ความคุม้ ครองในเรอ่ื งทรพั ยส์ นิ 4. ความคุม้ ครองตามกฎหมาย 3. ความคุม้ ครองในเรอ่ื งการถอื ครองทด่ี นิ 2. เป็นการคา้ โดยขนุ นางระดบั สงู 24. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะการคา้ กบั ต่างประเทศในสมยั อยุธยา 4. เป็นการคา้ เสรภี ายใตก้ ารควบคุมของขนุ นาง 1. เป็นการคา้ ผกู ขาดโดยพระคลงั สนิ คา้ 3. เป็นการคา้ เสรโี ดยไมก่ ดี กนั ชาวตา่ งชาติ 250

สงั คมแมวสม้ 25. เงนิ ทเ่ี รยี กเกบ็ จากประชาชนในกรณีทม่ี าขอรบั บรกิ ารจากราชการสมยั อยธุ ยาเรยี กอะไร 1. ฤชา 2. อากร 3. จงั กอบ 4. สว่ ย 26. คาว่า “จม้ิ กอ้ ง” ตรงกบั ขอ้ ใด 1. ระบบการคา้ ระหว่างกรุงศรอี ยุธยากบั ชาตติ ะวนั ตก 2. ระบบการทตู ระหว่างจนี กบั ญป่ี ุ่น 3. การตดิ ต่อคา้ ขายระหว่างกรงุ ศรอี ยธุ ยากบั เปอรเ์ ซยี 4. รปู แบบการคา้ ระหว่างกรงุ ศรอี ยุธยากบั จนี 27. การทส่ี มหุ นายกรบั ผดิ ชอบหวั เมอื งฝ่ายเหนือทงั้ ฝ่ายพลเรอื นและทหาร สมุหกลาโหมรบั ผดิ ชอบหวั เมอื งฝ่ายใต้ ทงั้ ฝ่ายพลเรอื นและทหาร กรมท่ารบั ผดิ ชอบหวั เมอื งฝัง่ ตะวนั ออกทงั้ ฝ่ายพลเรอื นและทหาร เกดิ ขน้ึ ในสมยั ใด 1. สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ 2. สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง 3. สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช 4. สมยั สมเดจ็ พระเพทราชา 28. ระบบศกั ดนิ าทใ่ี ชใ้ นสงั คมไทยสมยั อยุธยาและรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ ดมากทส่ี ดุ 1. เกดิ การกระจายการถอื ครองทด่ี นิ 2. เกดิ การแบ่งชนชนั้ ในสงั คมไทย 3. เกดิ การแบง่ อานาจการปกครอง 4. เกดิ ระบบการควบคมุ การใชแ้ รงงาน 29. ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระราชนิยมศลิ ปะใหมๆ่ หลายประการ ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. การสรา้ งเจดยี ท์ รงกลมแบบลงั กา 2. การประดบั หน้าบนั โบสถด์ ว้ ยเครอ่ื งถว้ ยจนี 3. การวาดภาพเขยี นวรรณคดจี นี ในจติ รกรรมฝาผนัง 4. การปัน้ พระพทุ ธรปู ใหเ้ หมอื นมนุษยม์ ากขน้ึ 30. สงครามอานามสยามยทุ ธกบั เวยี ดนามเป็นเหตกุ ารณ์ทอ่ี ย่ใู นชว่ งรชั สมยั ใด 1. รชั กาลท่ี 1 2. รชั กาลท่ี 2 3. รชั กาลท่ี 3 4. รชั กาลท่ี 4 31. ขอ้ ใดคอื การเปลย่ี นแปลงในสยามหลงั การทาสนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ พ.ศ.2398 1. การปลูกขา้ วเพ่อื เป็นสนิ คา้ ออก 2. การเกดิ รฐั วสิ าหกจิ 3. เศรษฐกจิ ไทยตกต่า 4. รฐั บาลผกู ขาดการคา้ 32 ขอ้ ใดกล่าวถงึ “การเกบ็ ภาษปี ากเรอื ” ถกู ตอ้ ง 2. ระบบน้ีทาใหไ้ ทยเสยี เปรยี บตา่ งชาติ 1. เกบ็ ภาษตี ามความยาวของเรอื 4. เป็นการเกบ็ ภาษเี รยี กวา่ สว่ ย 3. เรม่ิ ใชห้ ลงั สนธสิ ญั ญาบาวรงิ 33. ขรวั อนิ โขง่ มผี ลงานเดน่ ดา้ นใด 2. การวาดภาพ 3 มติ ิ 1. การประดษิ ฐล์ ายปนู ปัน้ 4. การปัน้ พระพทุ ธรปู 3. การแกะสลกั บานประตูพระอโุ บสถ 34. ขอ้ ใดเป็นคุณูปการของหมอบรดั เลยท์ ม่ี ตี อ่ สงั คมไทย 2. การนาพชื สมนุ ไพรมารกั ษาโรค 1. การบกุ เบกิ สง่ิ พมิ พก์ บั การผา่ ตดั 4. การเป็นทป่ี รกึ ษาราชการแผ่นดนิ 3. การสอนหนังสอื กบั การเผยแผศ่ าสนาครสิ ต์ 251

สงั คมแมวสม้ 35. พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดทรงรเิ รม่ิ ธรรมเนียมการด่มื น้าพระพพิ ฒั น์สตั ยาร่วมกบั ขนุ นาง 1. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั 2. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 3. พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั 4. พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั 36. สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขตมคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด 1. ชาวต่างชาตไิ ดร้ บั การยกเวน้ ไมต่ อ้ งเสยี ภาษี 2. ชาวตา่ งชาตไิ ดร้ บั การยกเวน้ ไมต่ อ้ งถูกเกณฑแ์ รงงาน 3. ชาวตา่ งชาตแิ ละคนในบงั คบั ไดร้ บั การพจิ ารณาคดใี นศาลกงสลุ ตามกฎหมายของตน 4. ชาวตา่ งชาตสิ ามารถตงั้ ถน่ิ ฐานไดโ้ ดยเสรี 37. ขอ้ ใดไม่ใช่พระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั 1. เสดจ็ ประพาสตน้ 2. ตงั้ อภริ ฐั มนตรี 3. ตงั้ หอรษั ฎากรพพิ ฒั น์เพอ่ื รวบรวมเงนิ แผน่ ดนิ 4. ตงั้ สภาทป่ี รกึ ษาราชการแผ่นดนิ 38. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การปฏริ ปู การปกครองประเทศในสมยั รชั กาลท่ี 5 1. การจดั ตงั้ ภาค 2. การจดั ตงั้ มณฑลเทศาภบิ าล 3. การจดั ตงั้ สขุ าภบิ าล 4. การจดั การเลอื กตงั้ กานันผใู้ หญบ่ า้ น 39. ขอ้ ใดไมไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 1. การประกาศใชป้ ระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. การจดั ตงั้ กระทรวง 3. การปรบั ปรงุ กองทพั ใหท้ นั สมยั 4. การเสดจ็ ประพาสยุโรป 40. การปฏริ ปู การปกครองในรชั กาลท่ี 5 เกดิ จากสาเหตใุ ดน้อยทส่ี ดุ 1. ความเสอ่ื มของระบบมลู นายไพร่ 2. เหตกุ ารณ์วุ่นวายภายในประเทศ 3. โครงสรา้ งการปกครองเดมิ ลา้ สมยั 4. การคกุ คามจากจกั รวรรดนิ ิยมตะวนั ตก 41. ระบบเทศาภบิ าลทเ่ี รมิ่ ขน้ึ ในสมยั รชั กาลท่ี 5 มลี กั ษณะสอดคลอ้ งกบั การปกครองในขอ้ ใด 1. การปกครองทอ้ งท่ี 2. การปกครองทอ้ งถน่ิ 3. การปกครองสว่ นกลาง 4. การปกครองสว่ นภมู ภิ าค 42. ตามพระราชบญั ญตั พิ กิ ดั เกษยี ณอายุทาสทป่ี ระกาศใชใ้ น พ.ศ.2417 ลูกทาสทกุ คนจะไดร้ บั อสิ ระเม่อื อายุเทา่ ใด 1. 15 ปี 2. 18 ปี 3. 21 ปี 4. 25 ปี 43. ขอ้ ใดใหค้ าจากดั ความของ “เงนิ ศกึ ษาพล”ี ไดถ้ ูกตอ้ งมากทส่ี ดุ 1. เงนิ บารงุ การศกึ ษา 2. เงนิ สาหรบั จ่ายเงนิ เดอื นครู 3. เงนิ เกบ็ จากผชู้ ายเพ่อื สง่ เสรมิ การศกึ ษาภาคบงั คบั 4. เงนิ บรจิ าคในการจดั ตงั้ โรงเรยี น 44. นโยบายการแกป้ ัญหาเศรษฐกจิ ตกต่าในสมยั รชั กาลท่ี 7 คอื ขอ้ ใด 1. ลดค่าเงนิ บาท 2. ปลดขา้ ราชการออก 3. กอ่ ตงั้ รฐั วสิ าหกจิ 4. สง่ เสรมิ การใชส้ นิ คา้ ไทย 252

สงั คมแมวสม้ 45. ขอ้ ใดไม่ตรงกบั หลกั 6 ประการของคณะราษฎร 1. เอกราช 2. สามคั คี 3. เสมอภาค 4. การศกึ ษา 46. ทกุ ขอ้ ลว้ นเป็นปัจจยั ทน่ี าไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. เศรษฐกจิ ตกต่า 2. ราษฎรไทยมกี ารศกึ ษาเพมิ่ ขน้ึ 3. การคกุ คามจากลทั ธจิ กั รวรรดนิ ยิ ม 4. การปฏวิ ตั ใิ นรสั เซยี และจนี 47. การปลุกกระแสนิยมความรกั ชาตแิ ละความทนั สมยั เกดิ ขน้ึ ในสมยั นายกรฐั มนตรคี นใด 1. จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม 2. จอมพลสฤษดิ์ธนะรชั ต์ 3. จอมพลถนอม กติ ตขิ จร 4. พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ 48. ทกุ ขอ้ เป็นผลงานของจอมพล ป.พบิ ลู สงครามในยุคสรา้ งชาติ ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. การยกเลกิ การกนิ หมากและการใชค้ าวา่ “สวสั ด”ี 2. การเปลย่ี นช่อื ประเทศจากสยามเป็นไทย 3. การประกาศใชก้ ฎหมายอาชพี สงวนของคนไทย 4. การใชธ้ งไตรรงคเ์ ป็นธงชาตไิ ทย 49. ขอ้ ใดไม่ใชว่ ตั ถปุ ระสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ ของการก่อตงั้ ขบวนการเสรไี ทยในระหว่างสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 1. เพ่อื ตอ่ สกู้ บั กองทพั ญป่ี ุ่น 2. เพ่อื แสดงออกถงึ ความรกั ชาติ 3. เพอ่ื แสดงตนเป็นฝ่ายพนั ธมติ ร 4. เพ่อื สนับสนุนรฐั บาลจอมพล ป.พบิ ูลสงคราม 50. ไทยเรม่ิ ใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ แห่งชาตใิ นสมยั ใด 2. จอมพลสฤษดิ์ธนะรชั ต์ 1. จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม 4. นายสญั ญา ธรรมศกั ดิ์ 3. จอมพลถนอม กติ ตขิ จร เฉลย 1 3 2 2 3 3 4 2 5 4 6 2 7 1 8 1 9 4 10 1 11 2 12 4 13 1 14 1 15 4 16 3 17 2 18 4 19 1 20 3 21 2 22 2 23 4 24 1 25 1 26 4 27 4 28 4 29 1 30 3 31 1 32 1 33 2 34 1 35 1 36 3 37 2 38 1 39 1 40 2 41 4 42 3 43 3 44 2 45 2 46 3 47 1 48 4 49 4 50 2 พกั ผอ่ นเยอะๆ แลว้ มาอ่านตอ่ 253


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook