Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้ในสังคมพหุวัฒนธรรม

แหล่งเรียนรู้ในสังคมพหุวัฒนธรรม

Published by พงสน พนาพิทัก, 2019-06-10 11:13:36

Description: แหล่งเรียนรู้ในสังคมพหุวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

แหลง่ เรียนรู้ในสงั คมพหวุ ัฒนธรรม Learning Resources in Multicultural Society

คำ�น�ำ การเรียบเรีงเอกสารประกอบการสอนรายวิชาแหล่งเรยี นรู้ในสังคม พหุวัฒนธรรมเป็นสว่ นหนึ่งของการจดั การเรยี นการสอนในรายวิชา เทคโนโลยีส่อื สงิ่ พิมพ์ เรยี บเรยี งโดยนิสิตหลกั สตู รศิลปศาสตรบณั ฑติ (เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาลยั นเรศวร) ผู้เรียบเรยี งหวังวา่ การเรียบเรยี งคร้ังนีม้ ปี ระโยชน์ต่อผู้สนใจไมม่ ากก็น้อย เรียบเรยี งโดย พงศ์พล พนาพิทักษ์

สารบัญ บทท1่ี ความหมายของสงั คมพหวุ ฒั นธรรม การอยรู่ ่วมกนั ในสังคมและวิธีปฏิบัติ 6 อัตลักษณ์ของสังคมพหุวันธรรม 8 บทท2ี่ ภมู ิปญั ญาและ แหล่งเรยี นรู้ในทอ้ งถ่ินและสังคมพหุวัฒนธรรม เป้าหมายของการเรียนรู้ 12 การเรียนรู้ 15 การรกั ษาเอกลักษณ ์ 19 การเรียนรทู้ จ่ี ะอยู่รว่ มกัน 22 การจัดการเรียนรู้ 24 บทที่3 แนวทางการเสรมิ สร้างและการเรยี นรู้ร่วมกนั ใน สังคมพหวุ ฒั นธรรม การศกึ ษามิตติ ่างๆ 29 สังคมพหุวันธรรมสำ�หรับครใู นยคุ ศตวรรษท2่ี 1 32 สรปุ บทบาทครแู ละผูเ้ รยี น 35

บทท่1ี ความหมายของ สงั คมพหวุ ฒั นธรรม

บทท่ี 1 8 แหล่งเรยี นร้ใู นสังคมพหุวัฒนธรรม วัฒนธรรมเปน็ วิถขี องมนุษยใ์ นแต่ละสงั คม ซ่งึ มีการปฏิบัติ เลอื กสรร ปรบั เปลีย่ น ประยกุ ต์ และถา่ ยทอดสืบตอ่ กนั มา ทำ�ใหแ้ ต่ละสังคมยอ่ ม ตอ้ งมวี ัฒนธรรมย่อยของสงั คมนัน้ ทวีปเอเชียเปน็ ภูมิภาคทีม่ คี วามหลากหลายทาง วัฒนธรรมท่ีมากท่สี ดุ ภูมิภาคหน่งึ ของโลก จากความหลาก หลายทางวฒั นธรรมของประเทศตา่ งๆ ในภูมภิ าคเอเชยี จึงนบั ไดว้ ่าเอเชียเป็นภมู ิภาคทม่ี ลี กั ษณะของสังคมพหุ วฒั นธรรม สงั คมพหุวัฒนธรรม หมายถึง การอย่รู ว่ มกันของ คนกลุ่มคนทม่ี คี วามหลากหลายทางเชอ้ื ชาติ ศาสนา และ ประเพณปี ฏบิ ตั ทิ ่มี คี วามแตกตา่ งกัน ก่อให้เกดิ ประเพณี และวิถี ชวี ิตทีม่ ีความแตกต่างกนั ในสงั คม ท้ังด้านความคิด

บทที่ 1 9 ความเชื่อ และวิถีชวี ิต ประเทศไทยเป็นประเทศหนง่ึ ในภูมิภาคเอเชีย ใน ฐานะสมาชิกของสังคมไทย เราจงึ เปน็ สมาชิกของสงั คม เอเชียดว้ ย ดังนนั้ เราจงึ จ�ำ เป็นต้องเรยี นรู้วิธกี ารท่จี ะทำ�ให้ อยรู่ ่วมกบั สมาชิกสงั คมเอเชยี คนอื่นๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม มี การพึ่งพากันและกนั เพือ่ ทจ่ี ะสามารถอยูร่ ว่ มกันได้อย่าง เปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยและสงบสุข การอยู่รว่ มกันในสังคมพหวุ ัฒนธรรม อยา่ งสนั ติสุข ทุกคนตอ้ งเข้าใจและยอมรับความแตกตา่ งระหว่างกนั ร่วม กันขจัดความขัดแย้งดว้ ยสันตวิ ิธี โดยมวี ิธีการปฏบิ ตั ติ นดังน้ี 1 เคารพซง่ึ กนั และกัน เม่ือเราอยรู่ ว่ มกับบคุ คลอน่ื เราจะตอ้ งแสดงออกซง่ึ กันและกนั เช่น ไมก่ ้าวก่ายหรอื ละเมดิ ของผูอ้ ืน่ ใหเ้ กียรติผู้

บทท่ี 1 10 อื่น ฯลฯ 2 ไม่แสดงกิรยิ าและวาจาดหู มนิ่ ผู้อ่ืน วฒั นธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชียจะมคี วาม หลากหลายแตกตา่ งกัน ท�ำ ให้คนในภูมภิ าคน้มี วี ถิ ีชีวิตท่ีแตก ต่างกัน เราจงึ ไม่ควรแสดงกริ ิยาหรอื พดู จาดูหมิน่ ผอู้ ื่น 3)ชว่ ยเหลือซ่ึงกนั และกนั และแบง่ ปันกัน การชว่ ยเหลือซึ่งกันและกนั เป็นการท�ำ ความดหี รือ การปฏบิ ัตติ นท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อผ้อู ื่นด้วยความสมคั รใจ โดยท่ไี มห่ วงั ผลตอบแทนส่วนการแบง่ ปนั กนั คือ การเสยี สละสิง่ ทีเ่ ราสามารถให้ได้แกผ่ ู้อนื่ และส่ิงน้นั เป็นประโยชน์ แกผ่ รู้ ับ

บทท่ี 1 11 แนวทางการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะการจดั การเรยี นรู้วิชา สงั คมศกึ ษา เพอื่ การอยู่รว่ มกันในสังคมพหุ วัฒนธรรม ส�ำ หรบั ครใู นยุคศตวรรษที่ 21 ต้องมุ่งเน้นใหผ้ ู้เรียน สามารถปฏิบัติได้จริงตามศกั ยภาพให้ สังคมไทย เป็นสงั คม พหุวัฒนธรรม เพราะประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม การเรยี นรูค้ วามแตกต่างเพื่อปอ้ งกันความ แตกแยก จงึ เปน็ สิง่ ส�ำ คญั ท่ีคนไทยพงึ ปฏิบตั ิ เพอ่ื พัฒนาชาติ ไทยให้เจรญิ ก้าวหน้าและสงบสขุ 1.อัตลกั ษณข์ องสงั คมพหุวฒั นธรรม อัตลักษณ์ คอื ส่งิ สะท้อนความเป็นตัวตนของ บุคคลหรือสงั คมนน้ั ๆ สงั คมพหุวฒั นธรรมมอี ตั ลกั ษณ์ส�ำ คัญ คอื การอย่รู ่วมกนั ของผ้คู นทา่ มกลางความหลากหลาย อยา่ งกลมกลนื ซง่ึ ความหลากหลายที่ปรากฏในสังคมพหุ วฒั นธรรม ได้แก่ เชอ้ื ชาต/ิ ชาตพิ ันธ์ุ ศาสนา/ความเช่อื

บทที่ 1 12 ภาษา วิถีการดำ�เนินชีวิต ขนบธรรมเนยี ม วฒั นธรรม ประเพณี จารีต จากความหลากหลายขา้ งตน้ ทำ�ใหส้ ังคม พหุวัฒนธรรมมีความยดื หยุ่นสูง และเกิดการผสมผสาน ระหว่างวฒั นธรรมอยา่ งกลมกลืน 2. การเคารพและการยอมรบั ความหลากหลายในสงั คมพหุ วัฒนธรรม การอยู่ร่วมกนั ท่ามกลางความแตกต่าง สมาชกิ ใน สงั คมควรเปิดใจใหก้ ว้าง เพอ่ื ยอมรบั ความแตกตา่ งที่เกิด ขน้ึ และพยายามปรบั ตัวให้เขา้ กับคนทกุ เช้ือชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม มคี วามระมัดระวงั ในการกระท�ำ และคำ�พดู ท่ีอาจนำ�มาซ่งึ ความแตกแยกขดั แยง้ ตลอดจนเคารพใน หน้าท่ี สทิ ธิเสรภี าพของกนั และกัน การอย่รู ่วมกันอยา่ งสันติ ในสังคมไทย จึงควรยึดแนวทางปฏิบตั ิดังน้ี

บทท่ี 2 13 - เรียนรคู้ วามแตกต่าง เปดิ ใจใหก้ ว้าง พรอ้ มรับส่งิ ใหม่ ศึกษาวถิ ชี ีวิต วฒั นธรรม ความเชื่อ ศาสนา ภาษา ของชนก ลุม่ อน่ื ผา่ นแหลง่ ความรูท้ ่ีหลากหลาย และควรศกึ ษา ดว้ ย ใจท่เี ป็นกลาง ปราศจากอคติ - เขา้ รว่ มกิจกรรมแลกเปลี่ยนวฒั นธรรม หรอื กจิ กรรมทีม่ ีคน จากหลายวฒั นธรรมมาทำ�กจิ กรรมร่วมกนั - ยดึ มนั่ ในขันติธรรม มคี วามอดทนอดกล้ันต่อความแตกตา่ งปรบั วธิ คี ิดและทา่ ที ให้เป็นกลาง สอดคล้องกับสภาพสงั คมแห่งความหลาก หลาย - เคารพและใหเ้ กยี รตติ ่อความแตกตา่ งของเพ่อื นรว่ มสังคม โดยไมเ่ ยาะเยย้ ถากถาง หรือลบหลู่ดูหมน่ิ ความเป็นอตั ลกั ษณ์ของกันและกัน

บทที่ 2 14 - คำ�นึงถงึ หลกั สิทธมิ นุษยชน มีความยุติธรรม ไม่เลอื กปฏิบตั หิ รอื ใหส้ ิทธพิ เิ ศษเฉพาะคน กลมุ่ ใดกลมุ่ หน่งึ - ไม่กระทำ�การที่กอ่ ให้เกิดความเสยี หาย หรอื ความเจ็บปวด ทัง้ ทางรา่ งกายและทางจติ ใจ แกเ่ พือ่ นร่วมสังคม ปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ที่ สิทธิ เสรีภาพของตน โดยไม่ไปละเมดิ หน้าท่ี สิทธิ เสรีภาพของผู้อ่ืน1

บทที่ 2 15 บทที่2 ภมู ปิ ัญญาและ แหล่งเรียนรใู้ นท้องถ่ินและ สงั คมพหุวัฒนธรรม

บทท่ี 2 16 การด�ำ เนินชวี ิตในสงั คมยคุ โลกาภวิ ตั น์บนพื้นฐาน ความหลากหลาย โดยการเรยี นรู้เพอื่ ทจี่ ะอยกู่ ับผู้อน่ื และการ เรยี นรู้ท่สี ่ง เสรมิ กระบวนการคดิ ระดบั สงู มีทกั ษะการแลกเปลี่ยนเรียน รู้และทกั ษะทางสังคม ตลอดจนมี คณุ ลักษณะสมรรถนะ ท่ีพึงประสงค์ ซึ่งครูผสู้ อนเป็นผู้สนับสนนุ การจัดการเรยี น รใู้ ห้บรรลเุ ปา้ หมายดว้ ยวิธีการที่ หลากหลายจากการบู รณาการสาระรายวชิ าสงั คมศึกษา ผนวกกบั บรบิ ทท้องถ่ิน ชมุ ชนทผี่ เู้ รียนอาศัยอยู่ เพอ่ื เปน็ การสร้างความสำ�นกึ ใน ความหลากหลายทางวัฒนธรรมท้องถิน่ ตระหนกั ในอัต ลักษณท์ างวฒั นธรรมของตนเอง และผู้อื่น และขยายวง กว้างในการยอมรบั วฒั นธรรมทก่ี วา้ งข้ึน ซ่งึ จะช่วยใหผ้ ู้ เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และ เปน็ บคุ คลแหง่ การเรียน ร้เู พอ่ื การอยู่ร่วมกันในสังคมพหวุ ัฒนธรรมในอนาคตอยา่ ง

บทที่ 2 17 มีประสทิ ธิภาพ คำ�สำ�คญั : การจัดการเรียนร,ู้ สงั คมศกึ ษา, การอยู่รว่ มกัน, สงั คมพหวุ ัฒนธรรม ปจั จุบนั ขอบข่ายของการจดั การเรียนรู้ในรายวชิ า สงั คมศึกษาทนี่ ำ�มาจัดการเรยี นรู้ เพอ่ื ให้สอดคล้อง กบั เป้า หมายทีส่ �ำ คญั ของวชิ าสงั คมศกึ ษา คอื เน้นการพัฒนาความ เปน็ พลเมอื งดีมคี ณุ ธรรม สามารถนำ�ความรู้ ทักษะ และมี ค่านิยมที่พงึ ประสงค์มาใชใ้ นการแก้ปัญหาในชวี ิตประจำ�วัน ได้ ดังน้นั การจดั การเรียนร้วู ชิ าสงั คม ศกึ ษาจึงมปี ระเดน็ ใน การตอบโจทย์ทส่ี ำ�คญั ว่าควรจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ขณะ เดียวกันค�ำ ถามที่ตามมาก็คือ พลเมอื งดีในวันนี้กับพลเมือง ดใี นวันหน้าหรอื ในอนาคตของสังคมไทย และสงั คมโลกควร มีลักษณะอย่างไร ซ่งึ จาก การศึกษาของนกั วิชาการดา้ น สังคมศึกษาในแนวความคิดการจดั การเรียนร้สู งั คมศกึ ษา เพ่อื พัฒนาความเปน็ พลเมืองดมี ีหลายแนวทาง และทุก

บทท่ี 2 18 แนวทางจะครอบคลมุ การพัฒนาผ้เู รียนใน 3 ด้าน ได้แก่ การพฒั นาทกั ษะทาง ปัญญา การพัฒนาทกั ษะทางสังคม นาตยา ปลิ นั ธนานนท์. (2537) การพฒั นาเจตพสิ ัยและ คุณลกั ษณะคา่ นยิ มที่ พงึ ประสงคท์ ่ีน�ำ มาใชใ้ นการพัฒนา แตล่ ะด้านมปี ระเดน็ ส�ำ คัญพอสรปุ ได้ดงั น้ี 1. การจัดการเรียนรูส้ ังคมศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะ ทางปญั ญา เปน็ กระบวนการจัดการเรยี นรูท้ ่มี งุ่ ให้ ผู้เรยี น มีทักษะในการจัดการกบั ข้อมลู ความรอู้ ยา่ งฉลาดนัน่ คือ ความสามารถในการรูแ้ หลง่ ข้อมูลและทำ�ความ เขา้ ใจใน ขอ้ มูลน้ันไดอ้ ย่างชัดเจน ความสามารในการจัดขอ้ มูลให้ เป็นระเบยี บ และความสามารในการนำ�ขอ้ มลู ไป ใช้ไดอ้ ยา่ ง ฉลาดและมปี ระสทิ ธิภาพ ในรูปลักษณะตา่ ง ๆ ที่ตอ้ งอาศยั การคิดวิเคราะห์ ประเมิน ตดั สนิ ใจ และ แก้ปญั หา

บทท่ี 2 19 2. การจดั การเรียนรสู้ งั คมศึกษาเพ่อื พฒั นาทักษะทาง สังคม เป็นทกั ษะที่เกย่ี วขอ้ งกับการมี ปฏสิ ัมพนั ธ์ร่วมกบั ผู้ อ่ืน เปน็ เรอื่ งทม่ี ีความละเอียดอ่อน เพราะต้องสมั พันธก์ บั ข้อมลู ขอ้ เท็จจริงและอารมณ์ ความรู้สึกของบุคคลในเวลา เดียวกนั การพฒั นาทกั ษะน้จี ะต้องอาศัยการพฒั นาอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง สัง่ สมเป็นระยะ เวลานานจนคอ่ ย ๆ ซึมซบั ในตัวผู้ เรียน 3 ดา้ นน้จี ะเก่ียวข้องเชือ่ มโยงสมั พันธ์ซง่ึ กันและกนั ตลอดเวลา และมคี วามหมายท่ี สามารถช่วยใหผ้ ูเ้ รียนได้ รับสาระความรู้ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชนใ์ นการดำ�เนินชวี ิต ตลอดจนเกิดทกั ษะในการ ปฏิบัติงานร่วมกับผ้อู ่นื ไดอ้ ย่าง มีประสทิ ธิภาพ อกี ทัง้ เสรมิ สรา้ งคุณลกั ษณะคา่ นยิ มที่พึง ประสงค์พ้นื ฐานทด่ี ใี น อนาคตอย่างมีคณุ ภาพได้ สอดคล้อง กบั การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 (การเรียนรขู้ ุมทรัพย์ในตน)

บทท่ี 2 20 (คณะกรรมาธิการ นานาชาติว่าด้วยการศึกษาในศตวรรษ ท่ี 21, 2551) ของผ้เู รียนทยี่ ึดแนวทางการเรียนร4ู้ แบบ ที่เปน็ การเรยี นรู้ เพ่ือชวี ติ มงุ่ จัดการศึกษาใหก้ ับผูเ้ รียน สามารถดำ�รงชวี ติ อยู่ในสังคมไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ ดงั นี้ 1. การเรียนเพื่อรู้ (Learning to know) เป็นเครื่อง มอื การศึกษาที่ม่งุ พฒั นากระบวนการคดิ กระบวนการเรียน รู้การแสวงหาความรู้ และวธิ กี ารเรยี นรู้ของผ้เู รยี น เพ่อื ให้ สามารถเรยี นรู้ และพฒั นาตนเองได้ ตลอดชีวิต โดยการใช้ กระบวนการเรียนร้เู นน้ การฝกึ สตสิ มาธิ ความจ�ำ ความคิด ผสมผสานกับสภาพจรงิ และ ประสบการณใ์ นการปฏิบตั ิ 2. การเรยี นร้เู พอ่ื ปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ (Learning to do) เปน็ เครอื่ งมอื การศกึ ษาทมี่ ุ่งพัฒนา ความสามารถและความ ชำ�นาญรวมท้ังสมรรถนะทางด้านวชิ าชพี สามารถปฏบิ ัติ งานเปน็ หมคู่ ณะ ปรบั ประยุกต์ องคค์ วามรูไ้ ปส่กู ารปฏบิ ัติ

บทที่ 2 21 งานและอาชพี ได้อยา่ งเหมาะสม กระบวนการจัดการเรยี นรู้ บรู ณาการระหวา่ งความรู้ ภาคทฤษฎแี ละการฝกึ ปฏบิ ัตงิ าน ท่เี นน้ ประสบการณ์ตา่ งๆ ทางสงั คม 3. การเรียนรู้เพื่อชีวติ (Learning to be) เป็น เคร่อื งมือการศกึ ษาท่ีมงุ่ พัฒนาผู้เรยี นทุกดา้ นทั้ง จิตใจและ ร่างกาย สตปิ ญั ญา ให้ความส�ำ คญั กับจินตนาการและความ คิดสร้างสรรค์ ภาษา และวัฒนธรรม เพ่ือ พฒั นาความเปน็ มนษุ ยท์ ีส่ มบรู ณ์มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคมส่ิงแวดลอ้ ม ศลี ธรรม สามารถปรับตัวและปรบั ปรงุ บคุ ลกิ ภาพของตน เขา้ ใจตนเองและผู้อนื่ 4. การเรยี นรู้เพอ่ื ทีร่ ้เู พ่อื ท่จี ะอย่รู ว่ มกัน (Learning to live together) เป็นเครือ่ งมือการศึกษาที่ มุ่งให้ผเู้ รยี น สามารถดำ�รงชีวิตอย่รู ่วมกับผอู้ น่ื ในสงั คมพหวุ ัฒนธรรมได้ อยา่ งมีความสุขมคี วามตระหนักในการ

บทที่ 2 22 พ่งึ พาอาศัยซึง่ กันและกนั การแกป้ ัญหาการจดั การความ ขดั แย้งดว้ ยสันติวิธี ความเคารพสิทธิและศกั ดศ์ิ รีความ เปน็ มนษุ ย์ และเข้าใจความหลากหลายทางด้านวฒั นธรรม ประเพณี ความเช่อื ของแตล่ ะบคุ คลในสงั คม ดงั จะเหน็ ไดว้ า่ การเรียนรู้ขุมทรัพยใ์ นตนข้างตน้ ใน มุมมองใหมข่ องการศกึ ษาในศตวรรษที่ 21 ทถ่ี ูก ตีพิมพโ์ ดย องค์การศกึ ษา วทิ ยาศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมแหง่ ประชาชาติ หรือยูเนสโกในปี 1996 (UNESCO. 1998: 19-23) มุ่งเนน้ ใหบ้ ุคคลไดเ้ รยี นรู้ตลอดชวี ิตท้งั ดา้ นความรู้ ทักษะ และ เจตคติ พรอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลงในโลก โดยเฉพาะการ เปิดรับประเทศไปสปู่ ระชาคมอาเซยี นที่มีความซบั ซ้อนและ ตอ้ งพงึ่ พาอาศยั ซึง่ กนั และกนั สอดคลอ้ งกับ ธนวฒั น์ อรุณ สุขสวา่ ง (2558: 496) ทก่ี ลา่ วว่าการสง่ เสริมในการเตรยี ม ความพรอ้ มคนไทยใหม้ ี คณุ ภาพ

บทที่ 3 23 บทท่3ี แนวทางการเสรมิ สร้างและการเรียนรูร้ ว่ มกันใน สงั คมพหวุ ัฒนธรรม

บทท่ี 3 24 แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ เพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ในสังคมพหวุ ัฒนธรรม การเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ เพือ่ การ อยรู่ ่วมกันในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ต้องเนน้ การ ยอมรับความ แตกตา่ ง ทางภาษา ขนบประเพณี ความเชื่อ ศาสนา และ วถิ ีชีวติ บนพ้ืนฐานของการยอมรบั สิทธิ เสรภี าพ และหนา้ ท่ี ของแตล่ ะบคุ คล โดยให้โอกาสชนกล่มุ น้อยซ่งึ มชี วี ิตความ เปน็ อยทู่ ่ีแตกต่างกนั ได้รบั การ พฒั นาทุกดา้ น เพ่อื น าไปสู่ ความเท่าเทียมกนั ของทกุ คนในสังคม ซึง่ ในทา้ ยท่ีสุดจะเปน็ หนทางหน่ึงท่ชี ่วยน�ำ ไปสู่ ความเป็นสังคมที่มคี วามสมบูรณ์ มคี ุณค่าและความสวยงามบนความแตกต่าง หลากหลาย มี ศักยภาพ และ สามารถน�ำ ความแตกตา่ งมาสรา้ งความเจรญิ ก้าวหนา้ ได้อยา่ งมน่ั คงและยงั่ ยืนมแี นวทางท่ไี ด้ศกึ ษาดังน้ี Banks (1994: 60) กลา่ วว่าการศึกษาแบบพหุวัฒนธรรม

บทที่ 3 25 ม2ี รูปแบบคือ รูปแบบที่เน้นใหก้ ลุม่ คนใน วัฒนธรรมหลัก ยอมรบั ในความแตกต่างของบคุ คลอื่น (Enlightening Power Group Model) และรปู แบบท่ีเน้น ใหก้ ลมุ่ คนใน วัฒนธรรมย่อยเข้าใจตนเองในบรบิ ททางสังคมของตนเอง และวัฒนธรรมหลัก (Share Power Model) และได้กลา่ ว ถึงการศึกษามิติตา่ งๆ ดังตอ่ ไปน้ี 1. การบรู ณาการเนื้อหา เปน็ การปฏบิ ัตทิ ่คี รใู ช้ ตัวอย่างและเนื้อหาจากหลายๆ วฒั นธรรมและ กล่มุ คน หลายๆ กลมุ่ เพ่ือแสดงมโนทัศน์หลกั การ ทฤษฎีความเหน็ ในวิชาเรียนและแบบฝึกหัด 2. กระบวนการสรา้ งความรู้ เป็นกระบวนการทค่ี รู ช่วยใหน้ ักเรยี นเข้าใจรบั รู้ จ า เปรียบเทยี บ ประเมินคา่ เพื่อ คน้ หา แสวงหา พจิ ารณา และตัดสินใจที่จะสรปุ ความหมาย ทางวัฒนธรรม

บทที่ 3 26 3. การสอนท่ใี หโ้ อกาสอย่างสม่�ำ เสมอภาคเป็นการ สอนทีค่ รูปรบั ปรุงการสอนของครใู ห้ง่ายขึน้ เปน็ การสอนทม่ี ี หลากหลายรูปแบบ 4. การลดอคตเิ ป็นมิติที่จะช่วยอธิบายลกั ษณะของ ทศั นคติมตี อ่ เชื้อชาติและกลวธิ ขี องนกั เรียนท่ี สามารถช่วย ใหเ้ ด็กไดพ้ ัฒนาเจตคตแิ ละค่านิยมแบบประชาธิปไตย เพิ่ม สงู ข้นึ 5. อำ�นาจของวฒั นธรรมและโครงสร้างของสงั คม เปน็ มติ ิท่ีกล่าวถงึ การเป็นกลุม่ และการบอก ความเปน็ เช้ือ ชาติจะช่วยสนบั สนุนการมสี ว่ นร่วม จึงจำ�เป็นทจ่ี ะตอ้ งสร้าง ข้ึนในวฒั นธรรมของโรงเรียน เพื่อให้ พลังของนกั เรยี นจาก หลากหลายเช้อื ชาติชนกลุ่มน้อยและวฒั นธรรมกลุ่มต่างๆ เกดิ ข้นึ Baruth and Manning (1992: 51) กล่าวถงึ

บทที่ 3 27 แนวทาง 6 ประการมดี ังตอ่ ไปนี้ 1. การจดั การเรียนรู้ทีป่ ระกอบดว้ ยแนวคิดที่ เกย่ี วขอ้ งกบั กล่มุ ทางวฒั นธรรมตา่ งๆ ในองคร์ วม มากกวา่ ทจ่ี ะกล่าวถึงข้อเท็จจรงิ ทแ่ี ยกออกเป็นสว่ นๆ 2. การจดั การเรยี นรูโ้ ดยเน้นวฒั นธรรมรว่ มสมัยให้ มากเทา่ กับวัฒนธรรมทางประวัตศิ าสตร์ 3. การจดั การเรียนรู้ทเ่ี ปน็ ผลรวมของความพยายาม ของการนำ�วฒั นธรรมตา่ งๆ ใหแ้ พร่กระจาย ในทกุ กจิ กรรม และทกุ วนั ท่นี �ำ รปู แบบการสอนไปใช้ 4. การจดั การเรียนรทู้ ที่ ำ�ใหม้ ่ันใจวา่ ไมม่ ีการถือเพศ หนงึ่ เพศใดเปน็ ส�ำ คัญ 5. การจัดการเรยี นรู้โดยยอมรับลกั ษณะการศึกษาใน สงั คมสองภาษา และทศั นะทางการศึกษาท่ี ถกู ตอ้ งต่อสงั คม ท่ีมภี าษาหลากหลาย

บทท่ี 3 28 6. การจดั การเรียนรแู้ ละแนวคดิ ตา่ งๆ ทตี่ งั้ อยู่บนภมู ิ หลงั และประสบการณ์ในชวี ิตประจ�ำ วันของ เด็กหรือผเู้ รยี น Peggy (2006: 73) กลา่ วถงึ แนวทาง 5 ประการ (Five General Approaches) มีดังต่อไปน้ี 1. การจดั การเรยี นร้ใู นสภาพที่แตกต่างของความ สามารถพิเศษและวฒั นธรรมของผู้เรียน 2. การสรา้ งความสัมพนั ธไมตรใี นมนษุ ย์ 3. การสรา้ งหลกั สตู รหรือกจิ กรรมทีเ่ จาะจงหรอื เปน็ อนั หน่งึ อันเดียวกบั กลุ่มของผ้เู รยี น 4. การสร้างให้เกิดการศกึ ษาในลักษณะพหวุ ฒั นธรรม 5. การสง่ เสริมแนวทางพหวุ ฒั นธรรมให้เกดิ ขึน้ ใน สังคม ชุมศกั ดิ์ อนิ ทร์รกั ษ์ (2557: 10) การจดั การเรียนรู้ ตอ้ งอย่บู นพืน้ ฐานของหลักการ 6 ประการ (Instruction: Based on 6 Principles)

บทที่ 3 29 คอื 1) ความอยากรแู้ ละความสามารถในการเรียนและคดิ 2) สอดคลอ้ งกับแนวทางการเรยี นร้ขู องแตล่ ะบคุ คล 3) สรา้ งให้เกดิ องค์ความรใู้ นตวั ผ้เู รียน 4) สรา้ งใหผ้ ้เู รียนประสบความส�ำ เร็จตามระดบั ที่เปน็ จริงของแตล่ ะคน 5) ส่งเสริมให้เกดิ ความรว่ มมือและแบง่ ปันความรู้ 6) จดั ใหท้ ุกคนหรอื ทุกกลมุ่ มีส่วนร่วม สรุปได้วา่ ลกั ษณะของแนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการจดั การ เรียนรู้ เพื่อการอยู่รว่ มกนั ในสงั คม พหุวฒั นธรรมที่มคี วาม เหมาะสมในการน�ำ ไปใช้มากทส่ี ดุ คอื การบูรณาการใน การจัดการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายเพอ่ื ให้สอดคล้องกับวิถกี าร เนนิ ชวี ิตของตนเองในบริบททางสงั คมและวฒั นธรรมของ ตนเป็นหลัก แตข่ ณะเดยี วกนั กล่มุ คนในวัฒนธรรมหลกั ก็ ต้องยอมรับในความแตกต่างของบคุ คลอืน่ ด้วยเชน่ กัน จาก

บทท่ี 3 30 แนวคดิ ดงั กล่าวการสามารถน�ำ มาใช้เป็นแนวทางการเสริม สรา้ งสมรรถนะการจดั การเรยี นร้วู ิชา สงั คมศึกษา เพือ่ การ อยู่รว่ มกันในสงั คมพหวุ ฒั นธรรมสำ�หรบั ครูในยุคศตวรรษท่ี 21 ดังน้ี 1. ขัน้ การวางแผนการใชค้ �ำ ถาม (Planning Ques- tions) ผู้สอนควรจะมกี ารวางแผนไว้ลว่ งหน้า วา่ จะใช้ ค�ำ ถามเพ่อื วตั ถุประสงค์ใด รปู แบบหรือประการใดทจ่ี ะ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาสาระและวตั ถุประสงค์ของ บทเรียน เช่น ผเู้ รยี นศกึ ษาคน้ ควา้ คา่ นิยมหลักคนไทย 12 ประการ แลว้ น�ำ มาอภปิ รายในรปู แบบบทเพลง เกม เลา่ นิทาน สถานการณจ์ �ำ ลอง บทบาทสมมติ เขียนเรยี งความ ฯลฯ แลว้ น�ำ มาอภิปรายในรปู แบบรอ้ ยแกว้ ร้อย กรอง น าเสนอ โดยใช้กระบวนการกลุม่ แลว้ น าคา่ นยิ มหลกั คนไทย 12 ประการน�ำ มาวิเคราะห์คำ�ถาม

บทท่ี 3 31 2. ข้นั การเตรยี มค�ำ ถาม (Preparing questions) ผู้ สอนควรจะเตรียมค�ำ ถามทีจ่ ะใช้ในการจัด กจิ กรรมการเรียน รู้ โดยการสรา้ งค�ำ ถามอยา่ งมีหลกั เกณฑ์ เช่น คา่ นยิ มหลัก คนไทย 12 ประการสอดคล้องกบั ค่านยิ มของประเทศเพอื่ น บา้ นในกลุม่ ประเทศสมาชกิ อาเซียนหรอื ไม่อยา่ งไร มคี า่ นยิ มเอกลกั ษณ์ของแตล่ ะ ประเทศสมาชิกอาเซียนอะไรบ้าง นกั เรยี นคิดว่าคณุ ลักษณะของความเป็นพลเมอื งอาเซยี น ควรมหี น้าตาเป็น อย่างไร 3. ขัน้ การใช้ค�ำ ถาม (Questioning) ผูส้ อนสามารถ จะใชค้ ำ�ถามในทุกขัน้ ตอนของการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ และอาจจะสร้างค�ำ ถามใหม่ท่นี อกเหนือจากคำ�ถามท่เี ตรยี ม ไวก้ ไ็ ด้ ท้งั น้ตี อ้ งเหมาะสมกบั เนอื้ หาสาระ และสถานการณ์ นน้ั ๆ เช่น ผู้เรยี นเปรยี บเทยี บวฒั นธรรมไทยทง้ั 6 ภาค น าเสนอด้วยภาพของแตล่ ะภาคมี วฒั นธรรมท่เี ด่นชัดใน

บทท่ี 3 32 ด้านอะไรบ้าง อาทเิ ชน่ วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร วัฒนธรรมการประกอบอาชพี วถิ ี ชวี ติ การดำ�เนนิ ชวี ิต จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย อยา่ งไรเหมอื นหรือมีความแตกตา่ งจาก กล่มุ ประเทศสมาชิกอาเซยี นอยา่ งไร ผู้เรียนสามารถนำ� วัฒนธรรมต่างๆ เหลา่ นี้ มาปรับใช้ในท้องถิ่นของผ้เู รียนได้ อยา่ งไร 4. ขนั้ การสรุป (Summary) โดยการการสรุปบท เรียนผสู้ อนอาจจะใช้คำ�ถามเพอ่ื การสรุปบทเรยี น ก็ได้ เช่น ผเู้ รียนเรยี นรูอ้ ตั ลกั ษณแ์ ละความหลากหลายในสงั คมพหุ วฒั นธรรมท่เี กดิ ขึน้ ในสงั คมทงั้ ในอดีตและ ปจั จุบนั โดยการ สรุปแนวทางในการอย่รู ่วมกนั และการพงึ่ พากันในสงั คม ระหว่างครผู ูส้ อนและผูเ้ รยี น 5. ขน้ั การประเมินผล (Evaluation) ผู้สอนและผู้ เรยี นร่วมกนั ประเมินผลการเรียนรู้ โดยใชว้ ธิ ีการ ประเมินผล

บทท่ี 6 33 บรรณานกุ รม จีรติ ตงิ ศภทั ิย์ (แปลบทความของ Teorges Condominus) บททดลองเสนอว่าดว้ ย“ ววิ ฒั นาการของระบบการเมอื ง” วารสารสังคมศาสตรป์ ที ่ี 11 ฉบบั ที่ 2 พฤษภาคมมิถนุ ายน 2524 ฉัตรทพิ ย์ นาถสุภา มาแนวคดิ เศรษฐกจิ ชมุ ชนข้อเสนอทางทฤษฎีในบริบทต่างสงั คมพิมพ์คร้ังท่ี 1 บริษทั อมรินทร์พรนิ้ ต้งิ แอนด์พบั ลิชชง่ิ จ�ำ กดั (มหาชน) กรงุ เทพมหานครพ. ศ. 2544 ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย / พิมพค์ รงั้ ท่ี 1 สำ�นักพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั กรุงเทพ มหานครพ. ศ. 2543 ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยจนถงึ พ.ศ. 2434 พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 ส�ำ นกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตรก์ รุงเทพมหานคร พ.ศ. 2547 แนวคิดวฒั นธรรมและเศรษฐกิจชมุ ชนกับการเปล่ียนแปลงสงั คมไทย บริษัท สำ�นกั พิมพ์ สรา้ งสรรค์ จำ�กดั กรงุ เทพมหานครพ. ศ. 2545 ชวลติ วายภุ กั ตร์ การปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศไทย พ. ศ. 2475-2485” ในฉตั รทพิ ย์นาถ สุภาและสมภพมานะรงั สรรค์ (บรรณาธกิ าร) ประวัติศาสตรเ์ ศรษฐกิจไทยจนถึง พ. ศ. 2484 กรงุ เทพมหานครสำ�นกั พมิ พ์มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ 2527 ทองแถม นาถจ�ำ นง ทุนนยิ ม 4 ชั้นพมิ พค์ รัง้ ที่ 1 ส�ำ นักพมิ พส์ ุขภาพใจกรุงเทพมหานครพ. ศ. 2544 พรเพ็ญ ฮันตระกลู การใชจ้ า่ ยเงนิ แผน่ ดนิ ในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั (พ. ศ. 2453-2468) วทิ ยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรม์ หาบัณฑติ แผนกวิชาประวัติศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย 2517 โรบร์ต แลงกาต์ ประวัติศาสตรก์ ฎหมายไทย (กฎหมายท่ดี ิน) กรงุ เทพมหานครมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์และการเมอื ง 2483 สำ�นกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฉบับที่ 1 (พ. ศ. 2504-2509) ถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจแหง่ สงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 (พ. ศ. 2550-2554) สธุ ี ประศาสน์เศรษฐ“์ ววิ ฒั นาการระบบเศรษฐกิจไทยในรอบ 200 ปี” ปาจารยสาร9, 1 มกราคม 2525 ศุภชยั พานิชภกั ดิ์ มิตแิ นวคิดเศรษฐกจิ ไทย: แบบเสน้ ทางวิกฤตสู่อนาคตพิมพ์คร้งั ท่ี 1 โรงพิมพ์ แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั กรงุ เทพมหานคร 2547

บทที่ 6 34 ศริ พิ งษ์ วทิ ยวโิ รจน์ แปล เศรษฐวบิ ตั ิ จากงานเขยี น The Return of Depression Economics. โดย Paul Krugman ส�ำ นักพิมพม์ ติชนกรงุ เทพมหานคร พ. ศ. 2548 witit Sujjapong“ A Preliminary Study on Economic History of Premodern Thai- land” M. Econ. Thesis, hitotsubashi University. 1980

บทที่ 6 35


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook