Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โรคที่พบบ่อยในเด็ก

Description: โรคที่พบบ่อยในเด็กและแนวทางการป้องกันควบคุมโรค โดย นายแพทย์พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดราชบุรี

Search

Read the Text Version

โรคทพี่ บบ่อยในเด็ก และแนวทางการป้ องกนั ควบคุมโรค นายแพทย์พงศ์ธร ชาตพิ ทิ กั ษ์ รองผู้อานวยการสานักงานป้ องกนั ควบคุมโรคท่ี 4 จงั หวดั ราชบุรี

โรคท่ีพบบ่อยในเดก็ โรค มือ เทา้ ปาก อาหารเป็ นพษิ โรคหวดั ตาแดงหรือเยอ่ื บุ ตาอกั เสบ โรคไขห้ วดั ใหญ่ ตามฤดกู าล โรคไขเ้ ลือดออก

โรคมือ เทา้ ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease)

สถานการณ์โรคมอื เท้าปาก (Hand,foot and mouth disease) 140.00 124.55 อตั ราป่ วยต่อประชากรแสนคน ด้วยโรคมือเท้าปาก 120.00 จาแนกรายจังหวดั ต้งั แต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 2557 100.00 80.00 102.91 101.60 91.71 60.00 66.77 59.01 57.40 40.00 29.88 20.00 0.00 จานวนผู้ป่ วย โรคมอื เท้าปาก จาแนกรายเดือน ต้งั แต่เดือน ปี 2557 มีรายงานท้งั สิ้น 4,148 ราย คิดเป็นอตั ราป่ วย ม.ค. – พ.ย. 2557 เปรียบเทยี บค่ามธั ยฐาน 5 ปี (2552-2556) 81.14 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีรายงานผปู้ ่ วยเสียชีวติ รายงานผปู้ ่ วยสูงต้งั แต่ตน้ ปี และสูงกวา่ ค่ามธั ยฐานทุกเดือน 1000 มธั ยฐาน 5 ปี 2556 ต้งั แต่ปี 2554-25 พ .ย. 2557 ส่วนใหญ่กลุ่มอายทุ ่ีพบ สูงสุดคือกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี โดยเฉพาะปี 2557 จานวนผปู้ ่ วย 500 2557 เท่ากบั 2,742 ราย คิดเป็นร้อยละเท่ากบั 94.23 รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5 – 9, 10 – 14, 15 - 24 ปี และ 25-34 ปี ตามลาดบั 0 อาชีพท่ีมีจานวนผปู้ ่ วยสูงสุดคือ ไม่ทราบ/ในปกครอง ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. (ร้อยละ 89.24) รองลงมาคือ อาชีพนกั เรียน รับจา้ ง และ เกษตรกรรม

สาเหตุ จากการติดเช้ือไวรัสที่เจริญเติบโต ในลาไส้ เรี ยกว่า เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โรคน้ีพบบ่อยในเด็ก ทารกและเด็กเล็ก (อายุต่ากว่า 5ปี ) พบนอ้ ยมากในเดก็ วยั รุ่น

การติดต่อ มกั ตดิ ต่อโดยการได้รับเชื้อจากอุจจาระ ฝอยละอองนา้ มูก นา้ ลาย หรือ นา้ ในตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่ วยเข้าสู่ปาก การติดต่อทางนา้ หรืออาหารมโี อกาสเกดิ ได้น้อย การแพร่ตดิ ต่อเกดิ ขนึ้ ค่อนข้างง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่ วย และแม้อาการทุเลาลงแล้ว กย็ งั อาจแพร่เชื้อได้บ้าง

อาการ  หลงั จากไดร้ ับเช้ือ3-6 วนั จะเร่ิมแสดงอาการป่ วย เริ่มดว้ ยมีไขต้ ่าๆ อ่อนเพลีย  ต่อมาอีก 1-2 วนั จะพบตุ่มหรือผนื่ นูนสีแดงเลก็ (มกั ไม่คนั ) ที่ฝ่ ามือ นิ้วมือ (มกั อยทู่ ่ีดา้ นขา้ งของนิ้ว) ฝ่ าเทา้ (มกั อยทู่ ี่ส้นเทา้ ) อาจพบท่ี บริเวณอื่น เช่น หัวเข่า ขอ้ ศอก หรือกน้ ได้ ในปากจะพบเป็ นตุ่มแดงท่ีลิ้น เหงือก หรือกระพุง้ แกม้ ตุ่มน้ีจะกลายเป็ นตุ่มพองใส บริเวณรอบ ๆ อกั เสบ และแดงกดแลว้ เจบ็ ซ่ึงต่อมาจะแตกออกเป็ นแผลหลุมต้ืนๆ ระยะน้ีผปู้ ่ วยจะ มีอาการเจบ็ ปาก ทาใหร้ ับประทานอาหารไดน้ อ้ ย  อาการจะทุเลาและหายเป็นปกติไดเ้ อง ภายใน 7-10 วนั

ลกั ษณะตุ่มใสทพ่ี บบนฝ่ ามอื เท้า ในเพดานปาก ลนิ้

วธิ ีการรักษา รักษาตามอาการ หากมีไข้ กใ็ หย้ าลดไข้ ซ่ึงโดยปกติ ไขจ้ ะลดภายใน 2-3 วนั • สาหรับตุ่มท่ีข้ึนบริเวณมือและเทา้ หากเดก็ ไม่แกะเกาจนทาใหเ้ กิดการอกั เสบหรือ ติดเช้ือ กไ็ ม่จาเป็นตอ้ งทาอะไร เพราะจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ • แต่หากมีการแกะ เกา จนเกิดการติดเช้ือก็ ตอ้ งใชย้ าทารักษาต่อไป

การป้ องกนั โดยการรักษาสุขอนามยั ส่วนบุคคล เช่น การลา้ งมือดว้ ยน้าและสบู่ เป็น ประจาหลงั การขบั ถ่ายหรือเปล่ียนผา้ ออ้ มเด็ก และก่อนการรับประทาน อาหารหรือป้ อนอาหารเดก็ รวมถึงการไม่คลุกคลีใกลช้ ิด ใชภ้ าชนะอาหาร หรือของใช้ร่วมกับผูป้ ่ วย ร่วมกับการรักษาความสะอาดท่วั ๆไป การ จดั การสิ่งแวดลอ้ ม เช่น หอ้ งน้า หอ้ งสว้ ม หอ้ งครัวใหถ้ ูกสุขลกั ษณะ

หากพบเดก็ ป่ วยควรทาอย่างไร แยกเดก็ ป่ วยเพอ่ื ป้ องกนั ไม่ใหเ้ ช้ือแพร่ไปยงั เดก็ คนอ่ืน ผปู้ กครองควรรีบ พาเดก็ ไปพบแพทย์ และหยดุ รักษาตวั ที่บา้ นประมาณ 5 - 7 วนั หรือจนกวา่ จะ หายเป็นปกติ ระหวา่ งน้ีควรสงั เกตอาการผดิ ปกติท่ีอาจเกิดข้ึน แตห่ ากเดก็ มี อาการแทรกซอ้ น เช่น ไขส้ ูง ซึม อาเจียน หอบ เป็นตน้ ตอ้ งรีบพาไปรับการ รักษาท่ีโรงพยาบาลทนั ที

แนวทางการเฝ้ าระวงั ในศูนย์เดก็ เลก็ และโรงเรียนอนุบาล  ในศนู ย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนทมี่ ีเดก็ ป่วยเปน็ โรคมอื เทา้ ปาก ให้แจ้งเจ้าหน้าท่ี สาธารณสขุ ในพื้นทรี่ บั ผิดชอบทราบโดยเร็ว เพ่ือดาเนนิ การสอบสวน และ ควบคมุ ป้องกนั การแพร่กระจายเชือ้ โรค  หากมเี ดก็ ป่วยเปน็ โรคมือ เท้า ปาก ภายในห้องเรียนเดียวกัน มากกวา่ 2 ราย ใน 1 สปั ดาห์ ต้องปดิ ห้องเรยี นทีม่ ีเดก็ ป่วย และทาความสะอาด หอ้ งเรยี น  หากพบว่ามเี ดก็ ปว่ ยเป็นโรคมอื เท้า ปาก หลายหอ้ งเรยี น ควรพจิ ารณาปดิ ศูนย์ เดก็ เล็ก หรอื โรงเรียนประมาณ 5 วันทาการ (นับจากผปู้ ่วยรายสุดท้าย) เพ่อื ทา ความสะอาด และหลังเปิดศูนยเ์ ดก็ เลก็ ควรคัดกรองอาการของเดก็ อย่าง ละเอียด ทุกคน ทกุ วัน อยา่ งนอ้ ย 2 สปั ดาห์

โรคหวัด (Common cold)

โรคหวดั (Common cold)  โรคหวัด : เป็นโรคติดเช้ือระบบทางเดินหายใจท่ีพบบ่อยที่สุดในเดก็ เป็น การอกั เสบของเยอื่ บุจมกู และเยอื่ บุลาคอ  สาเหตุ : เกิดจากเช้ือไวรัสหลายชนิด ในการติดเช้ือแต่ละคร้ังไม่มีภูมิคุม้ กนั ถาวรเกิดข้ึนทาใหม้ ีโอกาสติดเช้ือ เป็นหวดั ซ้าไดห้ ลายคร้ังจากเช้ือเดิมหรือ เช้ือชนิดใหม่  อาการ : มีไขต้ ่าๆ น้ามูกไหล คดั จมกู ไอ จาม  การติดต่อ : โดยการหายใจเอาเช้ือหวดั ที่ฟ้ งุ กระจายอยใู่ นอากาศเขา้ ไปโดย การไอ หรือจามรดกนั และติดต่อทางออ้ ม โดยการใชข้ องร่วมกนั หรือมือ ไปสมั ผสั กบั ละอองน้ามูก น้าลายที่มีเช้ือไปขย้ตี าหรือจมูก

แนวทางการเฝ้ าระวงั ในศูนย์เดก็ เลก็ และโรงเรียนอนุบาล  แจง้ ผปู้ กครองใหม้ ารับกลบั บา้ น พกั รักษาตวั ที่บา้ น อยา่ งนอ้ ย 2-3 วนั หรือจนกวา่ จะหายปกติ  2-3 วนั แรกไม่ควรใหค้ ลุกคลีกบั เดก็ อื่นๆ ควรจดั ใหอ้ ยใู่ นหอ้ งแยก กรณี มีหอ้ งแยกใชผ้ า้ ม่านหรือฉากก้นั เป็นสดั ส่วน และแยกห่างจากเดก็ อื่น อยา่ งนอ้ ย 1 เมตร  แยกของเล่น และของใชต้ ่างๆ จากเดก็ อ่ืน เพอ่ื ลดการแพร่กระจายเช้ือและง่ายต่อการทา ความสะอาด

แนวทางการเฝ้ าระวงั ในศูนย์เดก็ เลก็ และโรงเรียนอนุบาล : ครูผู้ดูแลเดก็  ลา้ งมือดว้ ยสบ่หู รือเจลลา้ งมือทุกคร้ังก่อน-หลงั ดูแลเดก็ ป่ วย  สอนใหเ้ ดก็ เช็ดน้ามกู ดว้ ยกระดาษทิชชูและทิ้งลงขยะ หรือใชผ้ า้ เชด็ หนา้ ส่วนตวั เดก็ (ควรคลอ้ งติดตวั เดก็ )สาหรับเชด็ น้ามูก แลว้ ลา้ งมือดว้ ยสบู่ หรือเจลลา้ งมือทุกคร้ัง  ปิ ดปาก ปิ ดจมูกเวลา ไอ จาม แลว้ ลา้ งมือดว้ ยสบ่ทู ุกคร้ัง  แนะนาผปู้ กครองไม่ควรพาเดก็ ไปในสถานที่แออดั เช่น สนามเดก็ เล่น ตลาดทาความสะอาดของเล่น และ ของใชต้ ่างๆ ที่เดก็ ป่ วยสมั ผสั ทนั ที

โรคไข้หวดั ใหญ่ตามฤดูกาล (seasonal flu)  โรคไข้หวดั ใหญ่ตามฤดูกาล : เป็ นโรคตดิ เชื้อของระบบทางเดนิ หายใจ มกี าร ระบาดเป็ นคร้ังคราว เกิดไดท้ ุกเพศทุกวยั ท้งั เดก็ และผใู้ หญ่ มกั มีอาการ รุนแรงกวา่ ไขห้ วดั ธรรมดา อาการแทรกซอ้ นมากกวา่  สาเหตุ : เกดิ จากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ซึ่งอยู่ในนา้ มูก และเสมหะของผู้ป่ วย

อาการ  มีไขส้ ูงเฉียบพลนั หนาวสน่ั ปวดศีรษะ ปวดเม่ือยกลา้ มเน้ือ อ่อนเพลียมาก ไอแหง้ ๆ คอแหง้ เจบ็ คอ อาจมีอาการคดั จมูก น้ามกู ไหล จาม หรือมีเสมหะ มากและตาแดง ตาแฉะตามมา อาจพบอาการคล่ืนไส้ อาเจียนและอจุ จาระ ร่วงได้ ส่วนมากมีอาการรุนแรงและป่ วยนานกวา่ ไขห้ วดั ธรรมดาโดยทว่ั ไป มกั มีอาการดีข้ึนภายใน 5 วนั หลงั ป่ วย และหายเป็นปกติภายใน 7 – 10 วนั  การแพร่กระจายเช้ือ เหมือนไขห้ วดั

การรักษา ส่วนใหญ่รักษาตามอาการ สาหรับการดูแลเบ้ืองตน้ มีดงั น้ี  พกั ผอ่ นใหม้ ากๆ ในที่อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก อากาศอุ่น ไม่ช้ืนเกินไป  ด่ืมน้าอุ่นมากๆ งดน้าเยน็  รับประทานอาการอ่อน ยอ่ ยงาน และปรุงสุกใหม่  หากมีไขส้ ูง ใหล้ ดไขด้ ว้ ยการเชด็ ตวั ดว้ ยน้าอุ่น และรับประทานยาลดไข้ หากอาการไม่ดีข้ึนภายใน 2 วนั ควรรับไปพบแพทย์

การป้ องกนั  ไม่คลุกคลีใกลช้ ิดผปู้ ่ วย สวมหนา้ กากอนามยั ทุกคร้ังเมื่อตอ้ งคลุกคลีกบั ผปู้ ่ วย  ปิ ดปาก จมกู ทุกคร้ังเวลาไอจาม  ไม่ใช่แกว้ น้า ผา้ เช็ดหนา้ ของใช่ร่วมกบั ผอู้ ่ืน  ใชช้ อ้ น กลางทุกคร้ัง เม่ือรับประทานอาหารร่วมกบั ผอู้ ื่น  หมน่ั ลา้ งมือบ่อยๆ ดว้ ยน้าและสบู่

อาหารเป็ นพษิ (Food poisoning)

สถานการณ์โรคอาหารเป็ นพษิ (Food poisoning) อตั ราป่ วยต่อประชากรแสนคน โรคอาหารเป็ นพษิ จาแนกรายจงั หวัด ต้ังแต่มกราคม-พฤศจกิ ายน 2557 150 124.23 121.47 119.88 100 101.33 91.22 82.32 65.75 61.83 50 0 แสดงจานวนผู้ป่ วยโรคอาหารเป็ นพษิ จาแนกรายเดอื น ปี 2556, 2557 ปี 2557 ไดร้ ับรายงานผปู้ ่ วยจานวน 5,186 ราย เปรียบเทยี บ ค่ามธั ยฐาน 5 ปี (2552-2556) อตั ราป่ วยเท่ากบั 101.45 ต่อประชากรแสนคน ไม่มี รายงานเสียชีวิต 800 Median 600 2556 กลุ่มอายทุ ่ีพบสูงสุดคือกลุ่มอายุ 15 - 24 ปี ร้อยละ 400 2557 เท่ากบั 14.15 รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 25 - 34, 0-4, 35- 200 44 ปี ตามลาดบั อาชีพที่พบสูงสุดคือ รับจา้ ง ร้อยละ 35.44 รองลงมาไดแ้ ก่ ไม่ทราบ/ในปกครอง นกั เรียน 0 และเกษตรกรรม ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

จานวนเหตุการณ์ และ Settings เครือข่ายบริการสุขภาพท่ี 5 (มกราคม-ตุลาคม 2557) พบเหตุการณ์การระบาด ของโรคอาหารเป็นพิษ จานวน 13 เหตุการณ์ ซึ่ง 5 เหตุการณ์เกิดในนักเรียน สาเหตุ ปัจจัยเกดิ จากการรับประทานอาหารทปี่ ระกอบขนึ้ ในโรงเรียน นา้ และนม

โรคอาหารเปน็ พิษ โรคอาหารเปน็ พษิ (Food poisoning) เปน็ โรคติดตอ่ ทางอาหารและนา้ ท่เี กดิ จาก การรบั ประทานอาหารหรือดืม่ นา้ ท่ีมเี ชือ้ หรือสารพษิ ทีส่ ร้างจากเช้ือ ปนเปื้อนเข้าไป เชน่ สารพิษหรอื ท็อกซิน (Toxin) ที่แบคทีเรียสรา้ งไว้ในอาหาร สารเคมีต่างๆ เชน่ โลหะหนกั สารหรอื วตั ถุมพี ิษซึ่งพบในพชื และสตั ว์ จากการติดเช้อื แบคทเี รีย ไวรสั หรือ พยาธิ เชน่ อจุ จาระร่วงสาเหตจุ าก Escherichia coli,salmonellosis, shigellosis, viralgastroenteritis, trichinosis ฯลฯ สารพษิ จากสาหรา่ ยบางสายพนั ธ์ (harmful algae species) เชน่ ciguatera fish poisoning,paralytic shellfish poisoning ฯลฯ หรอื พษิ จากปลาปกั เป้า จากพชื พษิ เชน่ สบู่ดา เห็ดพษิ ฯลฯ

โรคอาหารเปน็ พิษ อาการทว่ั ไปของโรคอาหารเปน็ พิษ - ทอ้ งเสยี อาจเป็นนา้ มกู หรอื มูกเลอื ด - ปวดท้อง อาจมาก หรือ น้อย ขึ้นกับความรนุ แรงของโรค มกั เป็นการปวดบดิ - คล่นื ไส้ อาเจยี น - มีไขส้ งู อาจหนาวส่ัน แต่บางครัง้ มีไข้ตา่ ได้ - ปวดศีรษะ ปวดเมอ่ื ยเนอื้ ตวั อาจปวดขอ้ ข้ึนกบั ชนิดของเชอื้ หรือ สารพิษ

ปจั จยั เสยี่ งของเหตุการณ์ในกลมุ่ เส่ียงเนน้ นกั เรยี นในโรงเรยี น (อาหารและนม) ปี 2555-2556 อาหาร นม หมายเหตุ : เฉพาะเหตกุ ารณ์ที่สามารถวเิ คราะหไ์ ด้

ปัจจัยเสีย่ งของเหตุการณใ์ นกลมุ่ เส่ยี งเนน้ นักเรยี นเขา้ ค่าย ปี 2555-2556 หมายเหตุ : เฉพาะเหตกุ ารณท์ ีส่ ามารถวเิ คราะห์ได้

ปัญหาและแนวทางแกไ้ ขโรคอาหารเป็ นพษิ นกั เรยี น ชมุ ชน ผูป้ ระกอบการอาหาร ผูบ้ รหิ าร ร.ร. องคก์ รทอ้ งถนิ่ ผูน้ าชมุ ชน นมโรงเรยี น กลมุ่ เสยี่ ง ผเู้ กยี่ วขอ้ ง กบั ปจั จยั เสย่ี ง การ ลดปจั จยั สอบสวน เสยี่ ง หาสาเหตุ และการ ใหค้ วามรูผ้ ูเ้ กยี่ วขอ้ ง และ ป้ องกนั ในอนาคต ตดิ ตามกากบั อยา่ ง ตอ่ เนื่อง

กรอบแนวคิดของกรมควบคุมโรคในการลดการปว่ ย/การระบาดในนกั เรยี น ความรู้/กิจกรรม สุขาภิบาลฯ สุขอนามยั ส่วนบุคคล นกั เรียน <-> ครู <-> ผปู้ ระกอบการ ชุมชน กรมควบคุมโรค(กสธ.) สพฐ(กศธ.)

กรอบแนวคิด (Conceptual Framework) พัฒนาองคค์ วามรูแ้ ละ เจ้าหนา้ ท่ี มีทกั ษะใน ลดการเกดิ จานวนเหตุการณ์ แนวทางการเฝ้าระวงั การดาเนินงานเฝ้าระวงั โรคในกลุ่ม ระบาดลดลง ป้องกนั และควบคุมโรค ร้อยละ 50 ป้องกัน ควบคมุ โรค เส่ียง พฒั นาความรว่ มมอื ด้าน นกั เรียน การเฝา้ ระวังปอ้ งกนั และ ผู้ปรงุ อาหาร ผลิต อาหารทม่ี คี ุณภาพ ควบคุมโรค ครูกากับ ดูแลการให้ ตดิ ตามประเมนิ ผลการ อาหารทมี่ ีคุณภาพ เฝ้าระวังป้องกนั และ นักเรียน มคี วามรู้ และ ควบคมุ โรค ทักษะในการเลอื ก รับประทานอาหารที่มี คุณภาพ

การป้ องกนั การป่ วย/การระบาด  พนื้ ที่ (สาธารณสุข) : เร่ิมจากการทราบปัจจยั เส่ียง กลุ่มเสี่ยง พฤติกรรม เส่ียง ผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ ง (มีส่วนทาใหเ้ กิดความเสี่ยง) ฐานขอ้ มลู ความเส่ียง ระดบั ตาบล/อาเภอ ควรมี เพือ่ นามาใชใ้ นการวาง แผนการดาเนินงานเอง และนามาแลกเปลี่ยนในกลุ่มที่เก่ียวขอ้ ง จาก : การระบาดที่เกิดข้ึนแลว้ สารวจ ศึกษาบริบท ปัจจยั ภายนอก (การท่องเที่ยว ฯลฯ)

การป้ องกนั การป่ วย/การระบาด  พ้นื ที่ (โรงเรยี น) : ดาเนินการให้ความรู้/พัฒนาทกั ษะนักเรียน และ จัดระบบสุขาภบิ าลฯ ในโรงเรยี น แสวงหาความรว่ มมือจากหนว่ ยงานนอกพื้นที่ หรอื ฝา่ ยสาธารณสขุ ใน บางเร่ือง การสนบั สนนุ ดา้ นวชิ าการ การสอบสวนควบคุมโรคระบาดเบอ้ื งตน้ ฯลฯ  พนื้ ที่ (หน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง) : ร่วมกาหนด/วางแผน หามาตรการ การแกไ้ ข ระดมทรพั ยากร ดว้ ยตนเอง

มาตรการในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคอาหารเปน็ พิษในโรงเรียน • การจดั ระบบโรงอาหารในโรงเรียน • การตรวจรับนมและเกบ็ รักษานมใหม้ ีคุณภาพ • อาหารบริจาค • อาหารในกรณีนานกั เรียนเขา้ ค่ายหรือทศั นศึกษา • พืชพิษ • การประสานส่งต่อ และการส่ือสารความเสี่ยงเมื่อพบเดก็ ป่ วยหรือเกิด เหตุการณ์ระบาดในโรงเรียน

แนวทางการเฝ้ าระวงั ในศูนย์เดก็ เลก็  ใหโ้ ออาร์เอส 1/2 - 1 แกว้ / ถ่าย 1คร้ัง พร้อมแจง้ ผปู้ กครองใหม้ ารับกลบั บา้ น และควรหยดุ เรียน พกั อยทู่ ี่บา้ นจนกวา่ จะหายเป็นปกติ  จดั ใหน้ อนในหอ้ งแยก กรณีไม่มีหอ้ งแยกใชผ้ า้ ม่านหรือฉากก้นั เป็นสดั ส่วน และแยกห่างจากเดก็ อ่ืนอยา่ งนอ้ ย 1 เมตร  แยกของเล่น และของใชต้ ่างๆ จากเดก็ อื่น

กจิ กรรมสาคญั ท่ีส่งผลต่อการลดปัญหาสาหรับโรงเรียนสร้างความร่วมมอื ให้ครูและ นักเรียนมคี วามรู้ กจิ กรรม และการจัดการ เพอ่ื การป้ องกนั และลดโรค 1. ครัวโรงเรียน 4. พชื พษิ : สบ่ดู า เห็ดพิษ  การตรวจสอบคุณภาพสุขาภิบาล 5. อาหารในกจิ กรรมทศั นศึกษา สิ่งแวดลอ้ ม  คุณภาพน้าโดยเฉพาะในโรงอาหาร  การควบคุมคุณภาพอาหาร  การตรวจสอบคุณภาพอาหาร  การเลือกเมนูอาหารท่ีปลอดภยั 6. การแจ้งข่าวสาร และส่ือสารความเสี่ยง 2. นมโรงเรียน  ตามแนวทางอาหารปลอดภยั 3. อาหารบริจาค  ระยะเวลา (ปรุงเสร็จถึง รับประทาน)

สรุปโรคอาหารเป็ นพษิ  โรคอาหารเป็นพิษ ยงั เป็นปัญหา  จะเป็นอีกนาน  อาจมีเช้ือใหม่ๆ  การเฝ้ าระวงั ป้ องกนั ควบคุม  ควรมีการเร่ิมตน้ อยา่ งจริงจงั  ระหวา่ งหน่วยงาน ชุมชนและบุคคลท่ีเก่ียวขอ้ ง  ตามบทบาท  การลดจานวนเหตุการณ์  เนน้ ที่การป้ องกนั  โดยตอ้ งทราบสาเหตุก่อน  เนน้ กบั กลุ่มเส่ียง (จดั ลาดบั ความสาคญั )  การแกป้ ัญหาระยะยาว : ตาบล/อาเภอ ควรเป็นเจา้ ภาพ

สรุปโรคอาหารเป็ นพษิ ในโรงเรียน เร่ืองทค่ี วรเน้น กจิ กรรมสาคญั ทส่ี ่งผลต่อการลด ปัญหา 1. ครัวโรงเรียน 2. นมโรงเรียน  มีกระบวนการเรียนการสอนโดยสอดแทรก 3. อาหารบริจาค กจิ กรรมเพ่อื 4. พืชพษิ :  เสริมสร้างความรู้และทกั ษะในการป้ องกนั โรค 5. อาหารในกิจกรรมทศั นศึกษา อาหารเป็นพษิ ดว้ ยตนเอง 6. การแจง้ ขา่ วสาร และสื่อสารความเส่ียง  สามารถในการถา่ ยทอดเผยแพร่ความรู้แก่ ชุมชน  การตรวจสอบคุณภาพสุขาภิบาลฯในโรงอาหาร  การตรวจสอบคุณภาพอาหารและนมตาม แนวทางอาหารปลอดภยั  ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผปู้ รุงประกอบอาหาร ในโรงเรียน  การควบคุมคุณภาพอาหารและการเลือก เมนูอาหารท่ีปลอดภยั ในกิจกรรมการเขา้ ค่ายของ นกั เรียน

โรคตาแดงหรือเยอื่ บุตาอกั เสบ (Conjunctivitis)

โรคตาแดงหรือเยอื่ บุตาอกั เสบ (Conjunctivitis)  โรคตาแดง : เป็ นโรคตาทพ่ี บได้บ่อย เป็ นการอกั เสบของเยอื่ บุตา (conjuntiva) บริเวณตาบนและล่างรวมเยอ่ื บุตาบริเวณตาขาว เป็นไดท้ ้งั แบบเฉียบพลนั หรือเร้ือรัง

สาเหตุ  อาจเกดิ จากเชื้อแบคทเี รีย ไวรัส คลามายเดยี (Chlamydia) ภูมแิ พ้ หรือ สมั ผสั สารท่ีเป็นพษิ ต่อตา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเช้ือแบคทีเรียและเช้ือ ไวรัส โดย  ฤดูหนาว มีสาเหตุส่วนใหญ่จากเช้ือไวรัส  ฤดูร้อน มีสาเหตุมาจากเช้ือ แบคทีเรีย โรคตาแดงจากโรคภูมิแพม้ กั จะเป็น ตาแดงเร้ือรัง มีการอกั เสบของหนงั ตา ตาแหง้

การติดต่อ สามารถติดต่อโดยตรงจากมือสมั ผสั ข้ีตา น้าตาของ ผปู้ ่ วย แลว้ มาสมั ผสั ตาตวั เอง สามารถติดต่อไดง้ ่าย และระบาดได้ โดยเฉพาะในเดก็ นกั เรียน

การรักษาและการป้ องกนั การรักษา การป้ องกนั รักษาตามอาการ คือ ใช้ ยาหยอดตา เพอ่ื ลดอาการ • ลา้ งมือบ่อยๆ ดว้ ยน้าและสบู่ ระคายเคือง • หลีกเล่ียงการใชม้ ือแคะ แกะ เกาหนา้ ขย้ตี า • ไม่ลงเล่นน้าท่วมขงั • ผเู้ ป็นโรคตามแดงใหง้ ดลงสระวา่ ยน้า เพอื่ ป้ องกนั เช้ือแพร่กระจายในน้า

แนวทแานงวทในางกในากราปรป้ ้อองงกกนั นัควคบวคมุบโรคคุมโรค  เมื่อมีผปู้ ่ วยตอ้ งแยกจากคนที่อยรู่ ่วมกนั โดยใหห้ ยดุ เรียนหรือหยดุ งานทนั ที จนกวา่ อาการตาแดงจะหายเป็นปกติ ประมาณ ๑ - ๒ สปั ดาห์  หากพบวา่ มีการระบาดในโรงเรียน ใหป้ ิ ดโรงเรียน  เนน้ ใหส้ ุขศึกษาในเรื่องสุขวิทยาส่วนบุคคล เช่น ลา้ งมือบ่อยๆ ไม่ใชม้ ือขย้ตี า หลีกเล่ียง การอยรู่ วมกนั อยา่ งแออดั ไม่ใชข้ องร่วมกบั ผอู้ ่ืน  น้าท่ีอาบ/ลา้ งหนา้ ตอ้ งมีระดบั คลอรีนเพยี งพอ รวมถึงสระวา่ ยน้า  หากมีอาการเคืองตา น้าตาไหล และเยอ่ื บุเป็นสีแดง ปวดตา ควรรับพบแพทยท์ าการรักษา  หากพบการระบาดเป็นกลุ่มในโรงเรียน ขอใหแ้ จง้ เจา้ หนา้ ท่ีสาธารณสุข

โรคไข้เลอื ดออก (Dengue hemorrhagic fever)

สถานการณ์โรคไข้เลอื ดออก อตั ราป่ วยต่อประชากรแสนคน โรคไข้เลอื ดออก จาแนกรายจังหวดั ต้งั แต่ปี 2553- พฤศจิกายน 2557 400 2553 2554 300 2555 200 2556 2557 103.84 77.30 76.05 74.71 99.58 100 31.64 28.78 41.84 0 จานวนผู้ป่ วย โรคไข้เลอื ดออกจาแนกรายเดอื น ต้ังแต่เดอื น ม.ค.-พ.ย. 57 ปี 2557 มีรายงานท้งั สิ้น 3,291 ราย คิดเป็นอตั ราป่ วย 64.38 เปรียบเทยี บค่ามธั ยฐาน 5 ปี (2552-2556) ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผเู้ สียชีวติ 5 ราย อตั ราตายต่อ ประชากรแสนคนเท่ากบั 0.10 อตั ราผปู้ ่ วยตายเท่ากบั ร้อยละ 1000 2556 0.15 พบผปู้ ่ วยสูงสุดในเดือนกนั ยายนจานวนผปู้ ่ วยเท่ากบั 487 800 Median ราย มีเดือนที่มีจานวนผปู้ ่ วยต่ากวา่ ค่า Median ทุกเดือน 600 2557 กลุ่มอายุ ท่ีพบสูงสุด 15- 24 ปี คิดเป็นอตั ราป่ วยเท่ากบั 400 8.15 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 10-14 , 5–9 200 และ 25–34 ปี ตามลาดบั อาชีพที่มีจานวนผปู้ ่ วยสูงสุดอาชีพ นกั เรียน (ร้อยละ 49.97) รองลงมาคือ รับจา้ ง และไม่ทราบ/ 0 นปค. ตามลาดบั ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

โรคไข้เลอื ดออก (Dengue heamoragic fever)  เป็นโรคท่ีพบไดบ้ ่อยในประเทศที่อยใู่ นเขตร้อน มียงุ ลายที่เป็น พาหะนาโรค  ในประเทศไทยจะพบโรคไขเ้ ลือดออกไดป้ ระปรายตลอดท้งั ปี แต่ จะพบผปู้ ่ วยมากข้ึนในช่วงฤดูฝน  โรคน้ีจะพบในเดก็ ไดบ้ ่อยกวา่ ผใู้ หญ่

ในประเทศไทย ยงุ ทเ่ี ป็ นพาหะนาโรคไข้เลอื ดออก ได้แก่ ยงุ ลายบ้าน และ ยุงลายสวน

วงจรชีวติ ของยุงลาย ไข่ยงุ ลาย ลกู น้า 1-2 วนั ยุงลาย 7-10 วนั ตวั โม่ง อายุขยั 1-2 วนั ตวั ผู้ 1 สปั ดาห์ ตวั เมีย 4 - 6 สปั ดาห์

ยงุ ลายชอบดูดกินเลือดคน หลงั จากดูดกินเลือดอ่ิมแลว้ ยงุ ลายจะหาท่ีเกาะพกั รอใหเ้ ลือดยอ่ ยและพฒั นาไข่ใหเ้ จริญเติบโต ซ่ึงจะใชเ้ วลาประมาณ 3-5 วนั

การวางไข่ของยงุ ลาย ยงุ ลายวางไขต่ ิดกบั ผวิ ดา้ นในของภาชนะ โดยอยเู่ หนือระดบั น้าเลก็ นอ้ ย