ก
ก รายงานฝกึ ปฏบิ ัติวชิ าชพี (การวจิ ยั ) จดั ทาโดย นายนันทวัฒน์ ขนั สขุ 6301105001021 กลุ่มเรยี น 63009.151 เสนอ นางสาวปญั จา ชชู ว่ ย รายวชิ าการฝกึ ปฏบิ ัติวชิ าชีพเพื่อการประกันคุณภาพการศกึ ษาและการวิจยั )ECI0204( ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี
ก คานา คู่มือการฝึกประสบการณ์ภาคสนาม รายวิชา ECI0204 การฝึกปฏิบัติวิชาชีพเพื่อการประกันคุณภาพ การศึกษาและการวิจัย (Professional Practice for Quality Assurance of Education and Research) จดั ทาขึ้นสาหรบั นักศึกษาชั้นปีท่ี 2 หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต (4 ปี) โดยคณะอาจารย์ผู้สอน เพ่ือให้นกั ศึกษา ใชเ้ ปน็ แนวทางในการฝึกประสบการณ์ภาคสนามในโรงเรยี น จานวน 45 ชัว่ โมง การฝึกปฏิบัติวิชาชีพเพ่ือการประกันคุณภาพการศึกษาและการวิจัยเป็นรายวิชาหน่ึงในกลุ่มวิชา ฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้โครงสร้างและบริบทของสถานศึกษา เ พ่ื อ ใ ช้ ท า ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ร ะ บ บ ก า ร ป ร ะ กั น คุ ณ ภ า พ ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า แ ล ะ ก า ร วิ จั ย เ พื่ อ พั ฒ น า ก า ร เ รี ย น รู้ โดยการสังเกต สัมภาษณ์ และบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ตามแบบบันทึกท่กี าหนดไว้ ฝึกปฏิบตั ิการออกแบบการวิจัย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ทั้งน้ีภายหลังกลับจากการฝึกประสบการณ์ภาคสนามแล้ว นักศึกษาจะได้ร่วมกัน ถอดบทเรยี น แลกเปล่ยี นเรียนรู้ และนาเสนอเคา้ โครงการวจิ ัย นนั ทวฒั น์ ขันสุข 2565
ขก สารบญั หนา้ เรอ่ื ง ก คานา ข 3 สารบัญ 4 คาอธบิ ายรายวิชา 5 จดุ ม่งุ หมายของประสบการณ์ภาคสนาม 6 กิจกรรมของนักศึกษา 7 แนวปฏบิ ตั ใิ นการฝกึ ปฏิบตั วิ ิชาชพี ระหว่างเรียน 9 บทบาท หนา้ ท่ี การประเมินผล 15 สว่ นที่ 1 16 - ข้อมลู สว่ นตวั - ข้อมลู สถานศึกษา 18 ส่วนที่ 2 - แบบสัมภาษณ์ครผู ้สู อนเกี่ยวกบั การวิจัยเพื่อพฒั นาการเรียนรู้ 20 สว่ นที่ 3 - เคา้ โครงการวจิ ัยเพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ 31 สว่ นที่ 4 32 - การสะท้อนตนเอง - แนวทางการแก้ไข ภาคผนวก
ก
6 คาอธบิ ายรายวิชา การปฏิบัติการนานวัตกรรมและเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยไปทดลองปฏิบัติในสถานศึกษา การศึกษาและ วิเคราะห์งานพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ฝึกปฏิบัติการออกแบบนวัตกรรมเกี่ยวกับการ ประกันคุณภาพท่ีสอดคล้องกับสถานศึกษาร่วมกับครูพี่เล้ียงหรือบุคลากรในสถานศึกษา วิเคราะห์และนาเสนอ แนวทางในการพัฒนาตนเองให้มีความเป็นครูมืออาชีพท่ีมีความเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงท้ังทางด้านศาสตร์ วชิ าชพี ครูและศาสตรว์ ิชาเอก ผา่ นกระบวนการสังเกต วิเคราะห์และการปฏบิ ัติ การถอดบทเรยี นจากประสบการณ์ การเรียนรู้ในสถานศึกษา นาผลจากการเรียนรู้ในสถานศึกษาไปประเมินสะท้อนกลับเป็นรายบุคคลและร่วม แลกเปล่ียนเรียนรู้ในรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้ และนาไปพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ทันสมัยและทันต่อการ เปลย่ี นแปลง
7 จุดประสงค์ 1 เพือ่ ใหน้ ักศกึ ษาเรียนรู้โครงสรา้ ง และบรบิ ทของสถานศึกษา 2 เพอื่ ให้นักศกึ ษาเรียนรู้และทาความเข้าใจระบบการประกัน คุณภาพของสถานศึกษาและการวิจยั เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ 3 เพอ่ื ใหน้ ักศึกษาเรียนร้แู ละสรุปบทบาทหน้าทข่ี องครใู นการ ดาเนนิ งานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาและการวจิ ยั เพื่อ พฒั นาการเรียนรู้ 4 เพือ่ ให้นกั ศึกษาได้ฝกึ ปฏิบตั ิการออกแบบการวิจยั เพื่อพฒั นาการ เรียนรู้
8 กิจกรรม การฝกึ ปฏบิ ัตวิ ิชาชพี ของนกั ศกึ ษา 1. สัมภาษณผ์ อู้ านวยการสถานศึกษาและบุคลากรในสถานศึกษาทีเ่ กยี่ วข้อง รวมถึงศกึ ษาเอกสาร และบรบิ ทสถานศกึ ษา และระบบการประกนั คุณภาพของสถานศึกษา 2. สังเกตและสัมภาษณ์ครูพี่เลี้ยง ถึงบทบาทหน้าท่ีของครูในการดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา และการวิจัย และแนวทางการปฏิบัติที่ดีเพื่อการดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาและการวิจัย ให้ประสบ ความสาเร็จ 3. วิเคราะห์ความสอดคล้องของผลการประเมินคุณภาพการศึกษากับแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ของ สถานศกึ ษา 4. วิเคราะห์ปัญหาการจัดการเรียนรู้ หาวิธีการหรือนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วย กระบวนการวิจัยเพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ หรอื วจิ ัยในชนั้ เรยี น และนาเสนอเค้าโครงการวิจัยหรือบทความวิจัย
9 แนวปฏิบตั ิ การฝกึ ปฏบิ ตั วิ ิชาชีพของนกั ศกึ ษา รบั การปฐมนเิ ทศจากฝา่ ยฝึกประสบการณ์วิชาชีพครแู ละโรงเรยี นฝกึ ฯ ศึกษารายละเอียดจากค่มู อื และเอกสารทกุ ฉบับท่ีใชใ้ นการฝกึ ปฏบิ ตั วิ ิชาชีพระหวา่ งเรยี น พบผูบ้ รหิ ารหรือผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย และเริม่ ฝึกปฏิบตั วิ ชิ าชพี ระหว่างเรียน ดงั น้ี ศึกษาบริบทสถานศึกษา สภาพการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาตามสาขาและระดับชั้น กลุ่มเปา้ หมายสัมภาษณ์ครูผู้สอน รวมทั้งวเิ คราะหป์ ญั หาการจดั การเรียนรู้ สัมภาษณค์ รูผ้สู อนเกย่ี วกบั การวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาการเรียนรู้ วิเคราะหแ์ ละเลอื กปญั หาเพ่อื หาแนวทางการแก้ปญั หาดว้ ยกระบวนการวจิ ยั ศึกษา ค้นคว้าเอกสารงานวิจัยท่ีเกยี่ วข้องกบั วิธีการ หรือนวัตกรรมที่จะนาไปใช้ ในการแก้ปัญหา และยกร่างวธิ ีการหรอื นวัตกรรมท่จี ะนาไปใชก้ บั นกั เรียนกลุม่ เป้าหมายรว่ มกบั ครพู ่ีเลี้ยง ปฏิบตั กิ ารเขียนเคา้ โครงการวิจัย ศึกษา เรียนรู้เอกสารท่ีเก่ียวข้องกับข้อมูลและบริบทสถานศึกษา และระบบการประกันคุณภาพ ของสถานศกึ ษา สังเกต สัมภาษณ์บทบาทหน้าที่ของครูในการดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา และแนว ปฏิบตั ทิ ่ดี เี พื่อการดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา สัมภาษณ์ผู้อานวยการสถานศึกษา ผู้บริหารและบุคลากรในสถานศึกษาท่ีเก่ียวข้องกับการ ดาเนินงานประกันคุณภาพสถานศึกษา และวิเคราะห์ความสอดคล้องของผลการประเมิน คณุ ภาพการศึกษากับแผนพัฒนาการจัดการศกึ ษา ปฏิบัติการถอดบทเรียนจากประสบการณ์การเรียนรู้ในสถานศึกษา นาผลจากการเรียนรู้ใน สถานศึกษาไปประเมินสะท้อนกลับ เป็นรายบุคคลและร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้และนาเสนอเค้า โครงการวิจัยหรอื บทความวิจัย
10 บทบาทหน้าที่ การฝกึ ปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี ของนักศกึ ษา ฝ่ายฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู 1) ประสานงานกับทุกฝา่ ยที่เกยี่ วข้อง 2) สารวจและจดั เตรยี มโรงเรยี นทีจ่ ะใช้เป็นหน่วยฝึก 3) จัดกิจกรรมให้แก่นักศึกษาในด้านต่าง ๆ เพ่ือเตรียมความพร้อมก่อนออกฝึกปฏิบัติวิชาชีพ เพ่ือการประกัน คุณภาพการศึกษาและวิจยั และจัดปฐมนิเทศนักศึกษากอ่ นการปฏิบัตงิ านวชิ าชีพครใู นสถานศึกษา 4) ทาหนังหนงั สือแจ้งโรงเรียน/สถานศกึ ษาเพื่อขอความรว่ มมือล่วงหน้า และรวบรวมใบตอบรับ จากสถานศกึ ษา 5) ทาหนังสือส่งตัวนกั ศึกษาเพื่อออกฝึกปฏิบัติวิชาชีพเพ่ือการประกันคณุ ภาพการศึกษาและวิจัย ยงั สถานศึกษา ตา่ ง ๆ 6) รวบรวมแบบประเมินผลการฝกึ เพื่อมอบให้อาจารยป์ ระจารายวิชากลุ่มตัดสนิ ผลการเรียนของนักศกึ ษาต่อไป 7) กาหนดการนิเทศติดตามนักศึกษาขณะปฏิบัติงานในสถานศึกษาและเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถติดต่อ ประสานงานกับอาจารย์ประจารายวชิ าและฝ่ายฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครูในกรณีมีปัญหารุนแรงเกิดข้ึน เพื่อ ทางคณะจะได้ชว่ ยดาเนนิ การแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลอื ตอ่ ไป
11 ผอู้ านวยการโรงเรยี น 1) ดาเนินการจัดปฐมนิเทศให้แก่นักศึกษาเม่ือไปถึงโรงเรียน เพื่อช้ีแจงรายละเอียดด้านต่าง ๆ ได้แก่การแนะนา โรงเรียน บุคลากรของโรงเรยี น ชุมชน การจดั การบริหารโรงเรียน และระเบยี บ ในการปฏบิ ตั ิงานเปน็ ต้น 2) แนะนาครูพ่ีเลี้ยงท่ีนักศึกษาจะต้องไปร่วมงานด้วย และส่งตัวนักศึกษาให้ครูพี่เลี้ยงดูแลเพ่ือให้ร่วมศึกษาและ สงั เกตงาน 3) ติดตามผลการปฏบิ ัติงานของนักศึกษา ใหค้ าแนะนา ให้ข้อเสนอในการปรับปรงุ และประเมินผลการปฏิบตั งิ าน ของนักศึกษาตามแบบประเมนิ และส่งผลการประเมินเม่อื สนิ้ สุดการปฏิบตั งิ านวชิ าชีพเพอื่ การประกันคุณภาพ การศึกษาและวจิ ยั ครูพี่เลย้ี ง 1) มีวฒุ ิการศึกษาทางการศึกษาไมต่ ่ากว่าระดับปริญญาตรี 2) มีประสบการณ์ในการสอนตรงตามวฒุ ไิ มน่ ้อยกวา่ 3 ปี 3) มคี วามรู้ ความเขา้ ใจงานประกันคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา 4) มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการทางานวจิ ัยเพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ 5) มีคณุ ลกั ษณะและเป็นแบบอยา่ งทดี่ ีเหมาะสมกับความเป็นครู 6) ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารโรงเรยี นให้เป็นผดู้ แู ลนกั ศึกษา 7) ควบคุม ดูแลนักศกึ ษาท่ใี หป้ ฏบิ ตั ติ นและปฏบิ ัตงิ านตามข้นั ตอนต่าง ๆ ที่มหาวทิ ยาลยั กาหนด 8) ใหค้ าแนะนา ชว่ ยเหลอื เป็นที่ปรึกษาให้นักศึกษาตลอดระยะเวลาของการการฝึกปฏิบัติวิชาชีพ 9) ประเมินผลการปฏิบัติงานของนักศึกษาตามแบบฟอร์มที่กาหนด และนาส่งหัวหน้าสถานศึกษาเพื่อส่งผลการ ประเมินการฝกึ ปฏบิ ตั ิวชิ าชีพของนักศึกษาใหก้ บั มหาวทิ ยาลัยต่อไป
12 เกณฑก์ ารประเมนิ การฝึกปฏิบตั วิ ิชาชพี ของนักศึกษา ประเมินการบรรลุผลการเรียนรู้ของนักศึกษาจากแบบบนั ทึก สมั ภาษณ์ แบบบันทึกผลการปฏิบัตงิ านเค้า โครงการวิจัยหรอื บทความวิจัย และการนาเสนอผลการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น 8 ระดับตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย ดงั นี้ ช่วงคะแนน ผลการเรียน ค่าระดับ ความหมาย 90 - 100 A 4.00 ดเี ลศิ Excellent 85 – 89 B+ 3.50 ดมี าก Very Good 80 - 84 B 3.00 ดี Good 70 – 79 C+ 2.50 ดีพอใช้ Fairly Good 60 - 69 C 2.00 พอใช้ Fair 55 - 59 D+ 1.50 อ่อน Poor (ตอ้ งออกฝึกปฏิบตั ิฯใหม)่ 50 – 54 D 1.00 อ่อนมาก Very Poor (ต้องออกฝึกปฏิบัตฯิ ใหม)่ 0 – 49 E 0.00 ตก Failure (ต้องออกฝึกปฏบิ ตั ฯิ ใหม)่ *หมายเหตุ 1. นกั ศกึ ษาต้องมีเวลาเรยี น/มชี ัว่ โมงในการฝกึ ปฏิบัติวิชาชพี ฯ อย่างน้อย 80% ขนึ้ ไป 2. การฝึกปฏิบัติวิชาชีพเพ่ือการประกันคุณภาพการศึกษาและวิจัย เป็นส่วนหน่ึงของวิชาฝึกปฏิบัติวิชาชีพ ระหว่างเรียน นักศึกษาจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินผลการเรียนในรายวิชาน้ีไม่ต่าหว่า “C” จึงจะถือว่าผ่านการฝึก ปฏบิ ัตวิ ิชาชพี ระหวา่ งเรียน
13 กระบวนการประเมินผล 1) ประเมินจากการปฏิบัติงานและเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา โดยนกั ศกึ ษาจะต้องมีระยะเวลา การปฏิบัตงิ าน และเรยี นรู้ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของระยะเวลาทง้ั หมด 2) ประเมินจากการฝึกปฏิบัติวิชาชีพของนักศึกษาและจากผลงาน/รายงาน ท่ีได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ ในระหวา่ งฝกึ ปฏิบตั ิวชิ าชีพเพอื่ การประกันคุณภาพการศกึ ษาและวิจยั 3) ประเมนิ ผลการนาเสนอผลการเรยี นรใู้ นสถานศึกษา 4) ประเมินผลการปฏบิ ัติงานจากผ้อู านวยการโรงเรียนและครูพ่เี ลี้ยง
สัดส่วนการประเมนิ 14 รายการประเมนิ คะแนน 35 คะแนน แบบบันทึกการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา - แบบบันทึกขอ้ มูลสถานศึกษาและบรบิ ทชมุ ชน 10 คะแนน - แบบบันทึกระบบการประกันคณุ ภาพของสถานศึกษา 25 คะแนน - แบบบันทกึ บทบาทหนา้ ที่ครใู นการดาเนนิ งานประกันคุณภาพการศกึ ษา 20 คะแนน - การวเิ คราะห์ความสอดคล้องความสอดคล้องของผลการประเมินคุณภาพ 10 คะแนน การศึกษากบั แผนพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา 100 คะแนน แบบสมั ภาษณ์ครผู ู้สอนเกย่ี วกบั การวิจยั เพ่ือพฒั นาการเรยี นรู้ เค้าโครงการวิจยั หรือบทความวิจัย แบบประเมินผลการปฏิบัติงานในสถานศกึ ษา (ผ้อู านวยการโรงเรยี นและครูพ่เี ลยี้ ง) การนาเสนอผลการเรยี นรู้จากสถานศกึ ษา รวม
15 แบบบันทกึ ขอ้ มูลสถานศึกษาและบริบท
16 ขอ้ มูลอาจารย์ผู้สอน ข้อมูลครูพ่เี ลีย้ ง ขอ้ มลู นักศกึ ษา ----------------------------- 1. ข้อมลู อาจารยผ์ สู้ อน ชอ่ื – สกลุ นางสาวปญั จา ชชู ว่ ย ดร.ญาณศิ า บญุ จติ ร์ ดร.ณิชาภัทร จาวสิ ูตร 2. ข้อมลู ครพู ่ีเลี้ยง ช่ือ – สกุล นางวรรณดี ปานดี วิชาทสี่ อน ภาษาไทย ทีป่ รกึ ษาประจาชัน้ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/3 ระยะเวลาในการเปน็ ครู 29 ปี ระดบั การศกึ ษา ระดับปริญญาตรี ศษ.บ. ภาษาไทย มหาวิทยาลยั รามคาแหง ระดับปริญญาโท - ระดบั ปรญิ ญาอก - ความเช่ียวชาญ หลักการใชไ้ วยากรณต์ ามหลกั ภาษาไทย และการจดั ทาบญั ชี ประสบการณ์การทาวจิ ัย 29 ปี 3. ขอ้ มลู นกั ศกึ ษา ช่อื – สกุล นายนันทวัฒน์ ขันสุข รหสั นักศกึ ษา 6301105001021 กลมุ่ เรยี น63009.151 สาขาวิชา วชิ าภาษาไทย เบอรโ์ ทร 083-842-7879 E-mail [email protected]
17 ข้อมลู สถานศึกษา ชือ่ สถานศึกษา โรงเรียนศึกษาสงเคราะหส์ ุราษฎรธ์ านี สังกดั สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ ทีอ่ ยสู่ ถานศึกษา 55 หมู่ 9 ตาบลขนุ ทะเล อาเภอเมือง จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี 84100 เปดิ สอนระดับ ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง มธั ยมศึกษาปีที่ 6 จานวนนักเรียน 615 คน ขนาดของโรงเรยี น เลก็ กลาง ใหญ่ ใหญ่พิเศษ แผนผงั โครงสร้างการบรหิ ารของฝา่ ยต่าง ๆ ในโรงเรียน นายชาญวิทย์ เกดิ ขมุ ทอง ผ้อู านวย)การโรงเรยี น คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน งานบริหารวชิ าการ งานบรหิ ารงบประมาณ งานบริหารบุคลากร งานบริหารทว่ั ไป (นางสาวนษิ ธยา ทองจนั ทร์) (นางฉัตรชนก ทิมธรรม) (นางนฤมล ขวัญแกว้ ) (นายชไรนนั ต์ ประคา) 1. การพัฒนาหลกั สตู ร 1. การจดั ทาแผนบรหิ าร 1. การวางแผนอัตรากาลงั 1. การดาเนนิ งานธรุ การ สถานศกึ ษา งบประมาณ 2. การสรรหาบคุ ลากร 2. งานเลขานกุ ารกรรมการสถา 2. การจดั การและพัฒนา 2. การบริหารจัดการทางการเงิน 3. การเสรมิ สรา้ งประสิทธิภาพ ศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กระบวนการเรยี นรู้ 3. การรบั เงิน การจ่ายเงนิ การ ในการปฏิบัตริ าชการ 3. งานพฒั นาระบบและเครือ 3. การวดั ประเมินผลและเทยี บ รกั ษาเงนิ 4. วนิ ัยและการรักษาวนิ ยั คา่ ยขอ้ มลู สาระสนเทศ โอนผลการเรียน 4. การบริหารพสั ดแุ ละสนิ ทรพั ย์ 5. การออกจากราชการ 4. การจัดระบบบริหารและ 4. การวจิ ัยเพือ่ พฒั นาคุณภาพ 5. การควบคมุ พสั ดุและ พัฒนาองค์กร การศึกษา สนิ ทรพั ย์ 5. งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ 5. การพฒั นาส่ือนวตั กรรมและ 6. การระดมทรพั ยากร 6. การดแู ลอาคารสถานที่และ เทคโนโลยีทางการศกึ ษา 7. การกากบั ควบคมุ สภาพแวดลอ้ ม 6. การพฒั นาแหล่งเรยี นรู้ การ ประเมินผลและจดั ทารายงาน 7. งาน พ.ร.บ. การศกึ ษาภาค นเิ ทศการศกึ ษา 8. การวางระบบตรวจสอบ บงั คับ 7. การพัฒนาระบบประกนั ภายใน 8. การประชาสมั พันธท์ าง คณุ ภาพการศึกษา การศึกษา 8. การแนะแนวการศึกษา 9. การบริการสาธารณะ 9. กิจกรรมส่งเสริมการเรยี นรู้ 10. งานกจิ กรรมนกั เรยี น แก่นกั เรยี น ครอบครัว ชุมชน
18 แบบสัมภาษณ์ครูผสู้ อน เก่ียวกบั การวจิ ยั เพือ่ พฒั นาการเรยี นรู้
19 สว่ นท่ี 2 แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนเกย่ี วกับการวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรียนรู้ คาชี้แจง 1. แบบสมั ภาษณฉ์ บบั นี้ จัดทาขึ้นเพอ่ื ศึกษาความคิดเหน็ ของครูผ้สู อนเกย่ี วกบั การวจิ ัยเพือ่ พฒั นาผูเ้ รยี น 2. แบบสัมภาษณ์แบง่ เป็น 2 ส่วน คือ สว่ นท่ี 1 ข้อมูลส่วนตัวของผ้ใู หส้ ัมภาษณ์ ส่วนที่ 2 ประเดน็ สัมภาษณ์ 3. แนวทางการสมั ภาษณ์ 3.1 แนะนาตวั อธิบายวตั ถุประสงค์ของการสมั ภาษณ์ 3.2 อธิบายขอบเขตของการสัมภาษณ์ 3.3 ขออนญุ าตบนั ทกึ เทป ส่วนท่ี 1 ข้อมลู ส่วนตัวของผู้ใหส้ ัมภาษณ์ ชื่อผ้ใู ห้สมั ภาษณ์: นางไพรหงส์ มาปอ้ ง ตาแหนง่ : ครู คศ. 3 ประสบการณส์ อน: 24 ปี วนั ท่สี มั ภาษณ์ 24 เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 10.15 น. ถึงเวลา 11.30 น. ผสู้ ัมภาษณ:์ นายนนั ทวฒั น์ ขนั สุข สว่ นท่ี 2 ประเดน็ สัมภาษณ์ 1. ในภาคเรียนน้ีท่านได้รับมอบหมายให้ทาการสอนสาระการเรียนรู้ในระดับชั้นใดบ้าง? รวมทั้งหมดมีจานวนกี่ คาบ/สัปดาห์? ปฏิบัติหน้าที่การสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 16 คาบ/ สปั ดาห์ 2. คณุ ภาพของผู้เรียนตามจุดประสงคห์ รือตัวชวี้ ัดตามสาระการเรียนรู้ในรายวิชาท่ีทา่ นสอนภาคเรยี นนี้โดยรวมอยู่ ในระดบั ใด? เพราะเหตใุ ด? อยู่ในระดับดี เพราะมีการวิเคราะหม์ าตรฐาน ตัวชี้วัด มีการวิเคราะหผ์ ู้เรียนรายบุคคล มีการจัดการเรียน การสอนตรงตามตัวชีว้ ดั และมกี ารวัดประเมนิ ผลตามความจริง
20 3. ท่านคิดว่าจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดตามสาระการเรียนรู้ในรายวิชาท่ีท่านสอนในภาคเรียนน้ี 3 อันดับแรก ที่ควร นามาพจิ ารณาในการพฒั นาผู้เรยี น ไดแ้ ก่อะไรบ้าง? เพราะเหตใุ ด? ท 4.1 ม.5/5 อธิบายและวเิ คราะห์หลักการสร้างคาในภาษาไทย ม.5/7 วเิ คราะห์และประเมนิ การใชภ้ าษาจากสื่อสิ่งพิมพ์และสือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ท 1.1 ม.5/2 ตคี วาม แปลความ และขยายความเร่ืองท่อี ่าน เพราะเป็นตัวช้ีวัดท่ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนยังไม่ดีเท่าที่ควร ผู้เรียนควรได้รับการพัฒนา เพื่อใหม้ ผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นทด่ี ีขึน้ 4. การออกแบบการวิจยั ในชั้นเรียน หรอื การวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ หรือการวิจยั เพ่ือพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนของ นกั ศึกษาฝึกประสบการณ์ในคร้ังน้ี ท่านคิดว่าควรเปน็ อยา่ งไรจึงจะแก้ไขได้ตรงกับสภาพปัญหา การเรียนรู้หรือ การพฒั นาผเู้ รียนตามตามจดุ ประสงค์หรือตวั ชว้ี ดั ? 4.1 วิธีการจัดการเรยี นรู้และแผนจัดการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้ โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ท่ีมีความหลากหลายสอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน และมุ่ง พัฒนาผ้เู รียนให้ตรงตามตัวชว้ี ดั 4.2 สือ่ เทคโนโลยี นวตั กรรม และสภาพแวดลอ้ มในการเรียนรู้ สอื่ มีความหลากหลาย ทันสมยั และเหมาะสมกบั วยั ของผู้เรยี น สอื่ มคี วามสอดคล้องกับตวั ช้วี ัด 4.3 เครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง (ด้านความรู้/พุทธิพิสัย ด้านคุณลักษณะ/ จิตพิสัย ดา้ นกระบวนการปฏบิ ตั /ิ ทักษะพสิ ัย) เคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผลมคี วามหลากหลาย ตรงตามตัวชี้วัด 5. กระบวนการวิจยั ของนกั ศึกษาในครัง้ นี้ ประกอบด้วย 1) การวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไข2) การออกแบบ วจิ ยั และ 3) การดาเนนิ การวจิ ยั ท่านคดิ ว่าควรได้รับการสนับสนนุ อย่างไรบ้าง? เพราะเหตใุ ด? ให้ความรู้และคาปรึกษาในข้ันตอนและกระบวนการดาเนินการวิจัย เพ่ือให้นักศึกษาได้ดาเนินการวิจัยได้ ถูกตอ้ งตามกระบวนการ ขอขอบคุณเป็นอยา่ งสงู ท่ีใหค้ วามร่วมมือในการสมั ภาษณ์ในครั้งน้ี ยตุ ิการสมั ภาษณ์เวลา 11.30 น.
21 เค้าโครงการวิจยั เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้
22 สว่ นที่ 3 เคา้ โครงการวิจัยเพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ เค้าโครงการวจิ ัยเพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ 1. ปัญหาการวิจยั : นกั เรยี นขาดทักษะในการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศ ผลการทดสอบการ จาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาตา่ งประเทศตา่ กวา่ เกณฑ์ 2. ปญั หาการวิจยั ด้าน พทุ ธิพิสยั จิตพิสยั ทกั ษะพสิ ัย 3. สาเหตขุ องปัญหา 1) การจาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาตา่ งประเทศมหี ลักการจาที่คอ่ นขา้ งมาก 2) การจาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาตา่ งประเทศเปน็ เร่ืองทีย่ าก และมงุ่ สอนด้วยวธิ ีการแบบทอ่ งจาเป็น หลัก 3) ผู้เรียนไมม่ คี วามสนใจในการเรียน เรื่อง การจาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาต่างประเทศ 4. คาถามการวิจยั 1) การพฒั นาทกั ษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศดว้ ยการจดั การเรียนรู้แบบอปุ นัย ร่วมกบั ส่อื มัลติมีเดีย ท่ีคณะผู้วิจัยสร้างข้ึน มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กาหนด (E1/E2) หรือไม่ อยา่ งไร 2) การพฒั นาทกั ษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศ ก่อนและหลังเรยี นด้วยการจัดการ เรียนรู้แบบอปุ นยั ร่วมกับส่ือมัลตมิ ีเดีย มีความแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร 3) นักเรยี นมีความพึงพอใจต่อการเรยี นด้วยการจัดการเรียนรู้แบบอปุ นยั ร่วมกับสอ่ื มลั ติมีเดีย อย่ใู นระดับ ใด 5. ประเดน็ การวิจยั 1) ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นหลังการใช้การจดั การเรียนรแู้ บบอุปนัยรว่ มกบั สื่อมลั ตมิ เี ดยี 2) ความพงึ พอใจต่อการเรยี นโดยการใช้การจัดการเรยี นรู้แบบอปุ นยั รว่ มกับส่ือมัลติมเี ดีย 6. นวัตกรรม: การจดั การเรยี นรูแ้ บบอุปนัยรว่ มกับสื่อมลั ติมีเดีย 7. ประเภทของนวัตกรรม ส่งิ ประดิษฐ์ เทคนคิ การสอน 8. ชอื่ เรอื่ งวิจัย: การพฒั นาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศด้วยการจดั การเรียนรู้ แบบอปุ นยั รว่ มกบั ส่ือมลั ติมีเดีย สาหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์สรุ าษฎร์ธานี จงั หวดั สุราษฎร์ ธานี 9. จดุ ประสงคข์ องการวจิ ัย 1) เพ่ือพฒั นาทกั ษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศดว้ ยการจัดการเรียนรูแ้ บบอุปนัย รว่ มกับสื่อมัลติมีเดีย สาหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์สรุ าษฎร์ธานี จังหวดั สุราษฎร์ ธานี ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ท่ีกาหนด (E1/E2)
23 2) เพ่ือเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธข์ิ องผู้เรยี นในการพัฒนาทกั ษะการจาแนกคาไทยแท้ และคาภาษาตา่ งประเทศดว้ ยการจดั การเรียนร้แู บบอปุ นัยร่วมกบั สอ่ื มัลติมีเดยี สาหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี 3) เพ่ือศึกษาความพงึ พอใจในการพัฒนาทักษะการจาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาต่างประเทศดว้ ยการ จดั การเรียนรแู้ บบอปุ นัยร่วมกบั ส่อื มัลติมีเดีย สาหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์ สรุ าษฎรธ์ านี จังหวดั สุราษฎรธ์ านี 10. สมมติฐานของการวิจัย 1) การพัฒนาทกั ษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศดว้ ยการจัดการเรียนรู้แบบอปุ นยั รว่ มกับสอื่ มัลติมีเดีย สาหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ที่กาหนด (E1/E2) 2) ผลสมั ฤทธขิ์ องผู้เรียนในการพฒั นาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศด้วยการ จัดการเรียนรู้แบบอปุ นัยรว่ มกบั สื่อมลั ติมีเดีย สาหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์สุ ราษฎรธ์ านี จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี หลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรยี น 3) ความพึงพอใจต่อการพฒั นาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศดว้ ยการจัดการเรียนรู้ แบบอปุ นัยรว่ มกับสอื่ มลั ติมีเดีย สาหรบั นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์สรุ าษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ในระดับดมี าก 11. ประชากร: นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์สุราษฎรธ์ านี จงั หวดั สุราษฎร์ธานี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 12. กล่มุ ตวั อย่าง: นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/3 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี จงั หวัดสุราษฎร์ธานี จานวน 28 คน ซึง่ ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)เนื่องจากเป็นชนั้ เรียนท่มี ีทักษะการ จาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาตา่ งประเทศต่ากวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนดและต้องการพฒั นานวตั กรรมสาหรบั ชั้นเรยี นตรง กับกลุ่มเป้าหมาย 13. ตวั แปร ตัวแปรต้น: การจัดการเรยี นรู้แบบอุปนยั รว่ มกบั สอื่ มลั ตมิ ีเดีย ตัวแปรตาม: ทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศ ความพงึ พอใจต่อการใช้การจดั การเรียนรแู้ บบอุปนยั ร่วมกบั สอ่ื มลั ติมีเดีย 14. ขอบเขตเน้ือหา: เนอื้ หาท่ใี ช้ในการวจิ ัยคร้ังน้ี เปน็ เนื้อหาที่ครอบคลมุ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ในสาระที่ 4 หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจ ธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และ รักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ตัวชี้วดั ม.2/5 รวบรวมและอธบิ ายความหมาย ของคาภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย 15. ขอบเขตเวลา: ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
24 16. ประโยชน์/ความสาคัญของการวิจยั 1. การจัดการเรยี นรแู้ บบอปุ นัยรว่ มกบั ส่ือมัลติมีเดีย สาหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 มีคุณภาพ และ ประสิทธภิ าพ สามารถนาไปใชพ้ ฒั นาทกั ษะการจาแนกคาไทยแทแ้ ละคาภาษาตา่ งประเทศได้ 2. นักเรยี นมที กั ษะในการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาตา่ งประเทศดีขน้ึ 3. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน หลังจากท่ีเรียนโดยการใช้การจัดการเรียนร้แู บบอุปนัยรว่ มกับสอ่ื มัลตมิ ีเดีย เรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย สาหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 สูงกวา่ กอ่ นเรยี น 17. นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 1. ทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศ 2. การจัดการเรียนรูแ้ บบอปุ นัย 3. สือ่ มัลตมิ เี ดีย 4. การจดั การเรยี นรู้แบบอปุ นัยร่วมกับส่ือมัลติมีเดีย 5. ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ (E1/E2) 6. ความพึงพอ 18. หัวข้อเอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ียวข้อง 1. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542 (แก้ไขเพมิ่ เตมิ พุทธศกั ราช 2545) 2. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 2.1 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย และหลักสตู ร สถานศกึ ษาโรงเรยี นสุราษฎรธ์ านี 2.1.1 ความสาคัญของวิชาภาษาไทย 2.1.2 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 2.1.3 ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง 2.1.4 โครงสร้างรายวิชา 2.2 การจดั การเรยี นรู้ 2.2.1 หลักการจัดการเรียนรู้ 2.2.2 กระบวนการเรยี นรู้ 2.2.3 บทบาทของผสู้ อนและผ้เู รียน 2.3 สอ่ื การเรียนรู้ 2.4 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. คาไทยแท้ 4. คาภาษาตา่ งประเทศ 4.1 ภาษาบาลี 4.2 ภาษาสันสกฤต 4.3 ภาษาเขมร 4.4 ภาษาจีน 4.5 ภาษาอังกฤษ
25 5. การจัดการเรยี นรู้แบบอปุ นัย 5.1 ความหมายของการจัดการเรยี นรู้แบบอปุ นยั 5.2 วัตถปุ ระสงค์ของการจัดการเรียนรู้แบบอปุ นยั 5.3 ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.4 ขอ้ ดแี ละข้อจากดั 6. ส่ือมลั ติมเี ดีย 6.1 ความหมายของส่ือมลั ติมีเดยี 6.2 ความเป็นมาของส่ือมัลติมีเดยี 6.3 บทบาทของสื่อมลั ตมิ ีเดีย 6.4 องค์ประกอบของสื่อมัลติมเี ดีย 6.5 ประโยชน์ของสอื่ มัลตมิ ีเดีย 7. งานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง 7.1 สมหมาย มณีโชติ, (2556) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง ความรู้ เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิก สาหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผวู้ จิ ัยมีความตอ้ งการทจี่ ะพัฒนาสื่อบทเรียนมลั ติมีเดียท่ีจะเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนในรายวิชา ระบบมัลติมีเดียเบื้องต้น มีจุดประสงค์การเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนได้มีความรู้เก่ียวกับความรู้พื้นฐาน ในทฤษฏีที่ เกยี่ วกับ ระบบภาพ ภาพเคล่ือนไหว เสียง ซ่ึงเนื้อหาในการเรยี นการสอนจะเน้นการสอน แบบบรรยาย โดยอา้ งอิง ทฤษฎีเป็นหลัก เพ่ือท่ีจะให้ผู้เรียนมีความรู้พ้ืนฐานทางด้านมัลติมีเดียท่ีจะใช้ในการศึกษาเน้ือหาที่สูงต่อไป การออกแบบบทเรียนมัลติมีเดียที่นาเสนอเนื้อหาจากพื้นฐานท่ีง่ายไปสู่เน้ือหา ท่ียากข้ึนเป็นลาดับ และส่ิงสาคัญ บทเรียนมัลติมีเดียน้ันสามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี ดังน้ันผู้วิจัยจึงเล็งเห็นว่าสื่อ มัลติมีเดียนั้นเหมาะสมท่ีจะนามาสร้างเป็นบทเรียนมัลติมีเดีย ในรายวิชา ระบบมัลติมีเดียเบ้ืองต้น เร่ือง ความรู้ เบื้องต้น 7.2 สายใจ ฉิมมณี, (2556) ได้ศกึ ษาเก่ียวกับการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย การอ่าน วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนวัดบางช้างใต้ ผู้วิจัยมีแนวคิดท่ีจะสร้างบทเรียน คอมพิวเตอร์มัลติมีเดียการอ่านวิชาภาษาอังกฤษ ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 และเปรียบเทียบความสามารถ ทางด้านการอ่านภาษาอังกฤษของผู้เรียนท่ีเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เน่ืองจากบทเรียน คอมพิวเตอร์มัลติมีเดียเป็นสื่อท่ีมีความน่าสนใจ และเพ่ือต้องการให้ผู้เรียนมีการพัฒนาในด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษซึง่ จะสง่ ผลให้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึน้ ดว้ ย 7.3 นุชนาฏ ใจดารงค,์ (2562) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เรื่อง มาตราตัวสะกดที่ไม่ตรงตามมาตรา วิชาภาษาไทย สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 ผู้วิจัยได้ศึกษาวิธีการ แก้ปัญหา โดยทาการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ทาการปรับปรุง เปล่ียนแปลงกิจกรรมการเรียน การสอนที่ สามารถดึงดูดความสนใจ สร้างแรงจูงใจในการเรียนวิชาภาษาไทยให้เกิดขึ้นกับนักเรียนเพ่ือแก้ปัญหาการอ่าน การเขียน และพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในการเรียนวิชาภาษาไทยใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากข้นึ การจดั การศึกษา ในอนาคตจาเป็นต้องมีการนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ในรูปแบบของสอ่ื การเรียนการสอนแบบ ต่าง ๆ ท่ใี ช้เป็นเคร่อื งมือชว่ ยประกอบการสอนหรือการศึกษาทผ่ี เู้ รยี นสามารถเรยี นรูไ้ ด้ด้วยตนเองมากที่สุด
26 7.4 สุทธิณี ภาพพิมพ์ใจ, (2561) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยใช้ชุด กจิ กรรมมัลตมิ ีเดยี เรอื่ ง เทคโนโลยีนา่ รสู้ าหรบั นกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 ผวู้ ิจัยได้ร่วมประชมุ กับครอู าจารย์ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ส่วนของคอมพิวเตอร์ โดยระดมสมองวิเคราะห์หาสาเหตุและหาแนว ทางการแก้ไข พบว่า สื่อมัลติมีเดียนั้นยังมีโปรแกรมสาเร็จรูปที่ยังไม่ทันสมัยเท่าท่ีควร และยังขาดโปรแกรมท่ี จาเป็น จึงส่งผลต่อปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเร่ืองเทคโนโลยีน่ารู้ แนวทางการ แก้ไขท่ีทาให้ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูงข้ึนได้ที่น่าสนใจก็คือ การสร้างส่ือการเรียนการสอนโดยการสร้างส่ือจาลอง ในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น ชุดทดลอง ชดุ ฝึก ชุดสาธติ และบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ส่วนแนวทางที่เหมาะสมกค็ ือ การสร้างสอ่ื มัลติมีเดีย เพราะเปน็ เทคโนโลยีสมยั ใหม่ทส่ี ามารถ จะนามาช่วยดงึ ดูดความสนใจและชว่ ยแก้ไข ปญั หาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นตา่ ได้ 7.5 วลัยลักษณ์ ภักดีกาจรและ อัญญปารย์ ศิลปนิลมาลย์, (2558) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพัฒนา บทเรยี นมัลติมีเดีย เรอื่ ง การสร้างหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ดว้ ยโปรแกรม Desktop Author สาหรับชัน้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ผู้วิจัยได้พัฒนาบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรมDesktop Author สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี 6 ข้ึน เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี และพัฒนาวิธีการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการเรียนการ สอนท่ีเกิดขึ้น และให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ เห็นความสาคัญ เกิดทักษะและมีจิตสานึกในการใช้เทคโนโลยีใน ชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม 7.6 สุเจตนี ศรีคา, (2558) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาบทเรียนสาเร็จรูปแบบมัลติมีเดีย เรื่อง ชนิดของคา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 การเรียนการสอนภาษาไทยในช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนควรได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในด้านการใช้ภาษาไทย วิธีการสอนทักษะการใช้ ภาษาไทยมหี ลายวิธี ปัจจุบันสถานศกึ ษามีความพยายามท่ีจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอน หลายวิธี แต่น้อยมากที่จะมกี ารทาบทเรียนสาเร็จรูป ในการเรยี นการสอนวิชาภาษาไทย ผู้วิจัยจงึ เห็นว่าการนาเอา บทเรยี นสาเร็จรปู แบบมลั ติมเี ดยี เร่อื ง ชนิดของคา มาเปน็ สื่อการสอน จะช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษา เรื่อง ชนิด ของคา ของนกั เรียนให้ดียิง่ ข้ึน อนั จะส่งผลใหผ้ ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นสูงขึน้ ตามไปด้วย 7.7 สิริวิมล โขมะจิตร, (2557) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาบทเรียนวิชาภาษาไทยบนเว็บ เพ่ือ เสรมิ การอ่านของนักเรยี นระดับประถมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรียนบญุ คมุ้ ราษฎร์บารุง จังหวัดปทมุ ธานี ผู้วจิ ยั จงึ ตอ้ งการ พัฒนาบทเรียนวิชาภาษาไทยบนเว็บ ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบุญคุ้มราษฎร์บารุง เนื่องจากพบว่า นักเรียนมีปัญหาด้านการอา่ น และขาดความสนใจในการฝกึ ฝนพัฒนาความสามารถด้านการอ่านของตนเอง ทาให้ นักเรียนอ่านหนังสือไม่ออกและมีปัญหาในการเรียนในช้ันเรียนท่ีสูงขึ้น การส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน โดยใช้บทเรียนบนเว็บประกอบไปด้วย ภาพเคล่ือนไหว มีการใช้ ภาพลายเส้น ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการสร้าง บรรยากาศ มีความสนุกสนานเพลิดเพลินช่วยสร้างความกระตือรือร้นของนักเรียนในการเรียนให้มากยิ่งขึ้น บทเรียนบนเว็บจงึ เหมาะสมอย่างยิ่งในการสง่ เสรมิ ให้นักเรยี น มีความสามารถด้านการอ่านทีด่ ี 7.8 ธนั ยช์ นก มะลิทอง, (2555) ได้ศึกษาเกยี่ วกบั การพัฒนาบทเรียนคอมพวิ เตอรม์ ัลตมิ ีเดีย วิชา ภาษาไทย เรื่อง การสะกดคา สาหรับชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 ในเรื่องของการเขียนคาในภาษาไทยน้ันมีสาเหตุท่ีทา ให้นักเรียนเกิดความยุ่งยากสับสนในการเรียน สะกดคา อยู่มาก อาทิเช่น ภาษาไทยมีพยัญชนะ ถึง 44 ตัว แต่มี เสียงพยัญชนะเพียง 20 เสียง ซึ่งทาให้ภาษาไทยมีเสียงจากันมาก โดยที่มีความหมายแตกต่างกันด้วย ถ้าหากขาด การสังเกตและจดจาในหลักเกณฑ์ โอกาสท่ีนักเรียนจะเขียนสะกดคาผิดย่อมมีมากเช่นกัน ผู้วิจัยได้ตระหนักใน
27 ความสาคัญและปัญหาดังกล่าว จึงได้คิดแก้ปัญหาโดยผู้วิจัยมีความสนใจ ในการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย จึงเลือกเนื้อหาวิชาภาษาไทยมาพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เร่ืองการสะกดคา สาหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้อีกแหล่งหนึ่ง ท่ีผู้เรียน จะสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่จากัดเวลา และเพอื่ เป็นแนวทางในการพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รียนให้มีประสิทธิภาพท่ดี ยี ่ิงขนึ้ 7.9 เกยี รติสุดา ชปู ระสทิ ธิ์, (2559) ไดศ้ ึกษาเกี่ยวกับผลการใช้วิธสี อนแบบบทเรยี นผ่านเว็บควบคู่ กับการใช้สื่อมัลติมีเดียท่ีมีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) ผู้เรียนอ่านแล้วไม่เข้าใจในสาระสาคัญของ เร่ืองท่ีอ่าน ไม่สามารถสรุปความจากเร่ืองท่ีอ่านได้ เพราะครูมุ่งให้นักเรียนท่องจา ทาให้นักเรียนเบื่อหน่ายเพราะ นักเรียนไม่มีโอกาสร่วมกิจกรรม ครูไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและไม่ใช้เทคนิคในการสอนแบบต่างๆ ใช้วิธีสอนวิธีเดียว ไม่คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ทาให้เด็กเก่งเบ่ือหน่ายเด็กเรียนช้าตามไม่ทันเพื่อนครูภาษาไทยไม่เห็น ความจาเป็นของการใช้สื่อ ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนอยู่ในระดับไม่น่าพอใจจากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึง สนใจที่จะพัฒนาการสอนภาษาไทย โดยนาศักยภาพของอินเทอร์เน็ตท่ีมีอยู่มากมาย นามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับ การศึกษา เพราะปัจจุบันถือว่าเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้วิจยั จึงมคี วามสนใจที่จะพฒั นาความสามารถ ในการอ่านจับใจความ และผลสัมฤทธ์ิวิชาภาษาไทย โดยนาวิธีสอนแบบบทเรียนผ่านเว็บควบคู่กับการใช้ส่ือ มัลติมีเดียเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาไทย สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 เนื่องจากบทเรียนดังกล่าวเป็นส่ือการเรียนการสอนที่ออกแบบในลักษณะที่นักเรียนสามารถศึกษาเน้ือหาโดยการ อ่าน ฟงั สงั เกต การบรรยายเพ่อื ส่งเสริมให้ครผู ูส้ อนไดพ้ ัฒนาการสอนของตน 19. เคร่อื งมอื /นวัตกรรมท่ใี ช้ (ระบุรายละเอียด) 1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้การจดั การเรยี นรู้แบบอปุ นัย จานวน 2 แผน รวม 6 ชวั่ โมง 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์รายวิชาภาษาไทย เร่ือง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แบบปรนัย ชนิด เลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 30 ขอ เปน็ ขอ้ สอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี นเป็นแบบคู่ขนาน 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรแู้ บบอุปนัยร่วมกับส่ือมลั ตมิ ีเดยี โดยมี หัวข้อในการประเมนิ 5 ด้าน คือ ด้านผ้สู อน ด้านผู้เรียน ดา้ นวิธกี ารจัดการเรยี นรู้ ด้านการวดั และประเมินผล ด้าน ประโยชน์ที่ผูเ้ รียนไดร้ ับ โดยแต่ละด้านจะมีหัวขอ้ ยอ่ ยในการประเมิน ด้านละ 4 หวั ข้อยอ่ ย รวม 20 ขอ้ 20. การหาคณุ ภาพเครอื่ งมอื /นวัตกรรมทใ่ี ช้ในการวจิ ัย เครอื่ งมอื ท่ี 1 : นาแผนการจดั การเรยี นรทู้ ป่ี รบั ปรุงแลว้ นาเสนอต่อผูเ้ ช่ียวชาญ 3 ทา่ น ตรวจพิจารณา ความถกู ตอ้ งและความเทีย่ งตรง ความสอดเชงิ เน้ือหา (Content Validity) ได้แก่ สาระสาคญั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การเรยี น และการวัดประเมินผลของแผนการจัดการเรียนรู้ พรอ้ มแสดงความคดิ เห็นให้ข้อเสนอแนะ โดยกาหนดเกณฑก์ ารพิจารณาประเมนิ คา่ ความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ ดงั นี้ +1 เมือ่ แน่ใจวา่ แผนการจัดการเรยี นรู้วดั ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ 0 เมอ่ื ไมแ่ น่ใจว่าแผนการจัดการเรียนรวู้ ัดไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ -1 เม่ือแน่ใจวา่ แผนการจดั การเรยี นรวู้ ัดไมต่ รงตามวตั ถุประสงค์
28 เกณฑ์การตัดสนิ ค่า IOC ถ้ามีค่า 0.50 ขนึ้ ไป แสดงว่า แผนการจัดการเรียนรู้วดั ได้ตรงตาม วตั ถปุ ระสงคน์ น้ั แสดงว่าแผนการจดั การเรยี นรนู้ น้ั ใช้ได้ เกณฑ์การตดั สิน คา่ IOC ถ้ามคี า่ ตา่ กวา่ 0.50 แสดงว่าแผนการจดั การเรียนรูน้ น้ั ใช้ไมไ่ ด้ (เกษม สาหร่ายทพิ ย์, 2540 : 194) เครอื่ งมือท่ี 2 : 1. นาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรอื่ ง คาภาษาต่างประเทศใน ภาษาไทยทปี่ รบั ปรงุ แล้วนาเสนอต่อผเู้ ช่ียวชาญ 3 ทา่ น ตรวจพิจารณาความถกู ต้องระหว่างขอ้ คาถามและ จุดประสงค์การเรยี นรู้ โดยกาหนดเกณฑ์การพิจารณาประเมนิ ค่าความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบ วัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนรายวชิ าภาษาไทย ดังน้ี +1 เมื่อแนใ่ จวา่ ข้อคาถามนน้ั สอดคล้องกับจุดประสงค์ 0 เมือ่ ไม่แน่ใจว่าขอ้ คาถามน้ันสอดคล้องกับจุดประสงค์ -1 เมื่อแนใ่ จว่าข้อคาถามน้ันไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ เกณฑ์การตัดสนิ ค่า IOC ถ้ามีคา่ 0.50 ขึ้นไป แสดงว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น รายวิชาภาษาไทยวัดได้ตรงตามจดุ ประสงคน์ ้นั และแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนรายวชิ า ภาษาไทยน้ันใช้ได้ เกณฑ์การตัดสนิ คา่ IOC ถา้ มีคา่ ตา่ กวา่ 0.50 แสดงวา่ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ ทางการ เรียนรายวชิ าภาษาไทยนนั้ ใช้ไมไ่ ด้ (เกษม สาหรา่ ยทิพย์, 2540 : 194) 2. นาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นรายวชิ าภาษาไทย เร่อื ง คาภาษาต่างประเทศใน ภาษาไทย แบบปรนยั ชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ขอ มาหาค่าความยากงา่ ยของแบบทดสอบ โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ คา่ ระหว่าง 0.00 - 0.19 แปลคา่ ไดว้ ่า ยากมาก ค่าระหวา่ ง 0.20 - 0 .39 แปลคา่ ไดว้ า่ ค่อนข้างยาก คา่ ระหวา่ ง 0.40 - 0 .60 แปลคา่ ไดว้ ่า ยากง่ายปานกลาง คา่ ระหวา่ ง 0.61 - 0.80 แปลคา่ ไดว้ า่ ค่อนข้างงา่ ย ค่าระหว่าง 0.81 - 1.00 แปลค่าไดว้ ่า ง่ายมาก 3. นาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นรายวชิ าภาษาไทย เร่อื ง คาภาษาต่างประเทศใน ภาษาไทย แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 30 ขอ มาหาค่าอานาจจาแนก โดยมีเกณฑ์ ดังน้ี คา่ มากกว่า 0.40 ถือว่าข้อคา้ ถามข้อนนั้ มีอานาจจาแนกดมี าก ค่าอย่รู ะหวา่ ง 0.30 - 0.39 ถือวา่ ข้อคา้ ถามข้อน้นั มีอานาจจาแนกดี คา่ อย่รู ะหวา่ ง 0.20 - 0.29 ถือวา่ ขอ้ ค้าถามข้อนน้ั ควรปรบั ปรุงใหม่ ค่าต่ากว่า 0.20 ถือวา่ ข้อคา้ ถามข้อนัน้ มคี า่ อานาจจาแนกไม่ดี (อารยา องคเ์ อย่ี ม, พงศธ์ ารา วจิ ิตเวชไพศาล 2561: 41) 4. นาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรอ่ื ง คาภาษาต่างประเทศใน ภาษาไทย แบบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 30 ข้อ มาหาค่าความเชือ่ มน่ั KR-20
29 เคร่ืองมือที่ 3 : 1. นาแบบสอบถามความพงึ พอใจมาเสนอตอ่ ผู้เช่ียวชาญ จานวน 3 ท่าน โดยประเมนิ คา่ ความ สอดคลอ้ ง (IOC) ของแบบสอบถามความพึงพอใจดังนี้ +1 เมื่อแนใ่ จวา่ รายการการประเมินความพงึ พอใจมีความสอดคล้อง 0 เมอื่ ไมแ่ นใ่ จวา่ รายการการประเมนิ ความพึงพอใจมีความสอดคลอ้ ง -1 เมื่อแนใ่ จว่ารายการการประเมนิ ความพงึ พอใจไม่มีความสอดคลอ้ ง 2. นาแบบสอบถามความพงึ พอใจ จานวน 20 ข้อ มาหาคา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง (Index of ItemObjectives Congruence: IOC) เกณฑ์การตดั สนิ ค่า IOC ทีม่ ีค่า 0.50 ขึ้นไป แสดงว่า รายการการประเมนิ ความพึงพอใจ มีความสอดคลอ้ ง ใชไ้ ด้ เกณฑ์การตัดสนิ ค่า IOC ถ้ามีคา่ ตา่ กวา่ 0.50 แสดงว่ารายการประเมินความพึงพอใจ ประเด็นน้นั ใชไ้ มไ่ ด้ (เกษม สาหรา่ ยทิพย์, 2540 : 194) 3. นาแบบสอบถามความพึงพอใจ จานวน 20 ข้อ มาหาค่าความเชื่อมัน่ ของแบบสอบถามความ พงึ พอใจ โดยใช้สูตรสมั ประสิทธ์แิ อลฟาของครอนบรคั (Cronbach’s alpha coefficient) โดยหากคา่ สัมประสิทธ์ิแอลฟามากกว่า 0.7 ถอื ไดว้ า่ แบบสอบถามฉบบั นมี้ ีความนา่ เชอ่ื ถือ 21. ข้ันตอนการดาเนินการวจิ ยั /เก็บรวบรวมข้อมูล 1. กาหนดปัญหาหวั ขอ้ การวจิ ัย 2. ศกึ ษาเอกสารและงานที่เก่ียวขอ้ ง 3. วางแผนการวจิ ัย: เขยี นเคา้ โครงการวิจยั 4. สร้างนวตั กรรม / เครอ่ื งมือ 5. ผู้วิจยั ดาเนินการกับกลุม่ ตัวอยา่ ง โดยใช้การจดั การเรียนรู้แบบอปุ นัยร่วมกับสอื่ มลั ติมเี ดีย เรอ่ื ง คา ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย สาหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ที่พัฒนาขึ้น จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนใช้ เวลา 3 สปั ดาห์ จานวน 9 ชัว่ โมง 6. นกั เรียนประเมินความพึงพอใจต่อการจดั การเรยี นรูแ้ บบอุปนยั ร่วมกบั ส่ือมัลตมิ ีเดียเรื่อง คา ภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย สาหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โดยใชแ้ บบประเมินความพงึ พอใจ 7. รวบรวมคะแนนจากแบบทดสอบก่อน - หลงั เรยี น และรวบรวมผลการประเมนิ ความพึงพอใจของ นกั เรียน 8. นาขอ้ มูลมาวเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถติ ิ t-test เพือ่ ตรวจสอบสมมติฐาน และหาค่าประสทิ ธภิ าพโดยใช้ E1/E2 จากนน้ั วเิ คราะห์แบบประเมนิ ความพึงพอใจดว้ ยวิธที างสถิติ โดยใช้คา่ เฉลีย่ (x̅) และสว่ นเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) 9. วิเคราะห์ขอ้ มูลและแปลผลการวเิ คราะห์ 10. จัดพมิ พ์ฉบบั สมบูรณ์ เผยแพรผ่ ลงานวิจยั 22. แบบแผนการวิจัย
30 การวจิ ัยคร้งั นเ้ี ปน็ วิจัยกึ่งทดลอง และใชแ้ บบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียว วัดก่อน - หลังการทดลอง (The One –Group, Pretest-Posttest Design) โดยกาหนดกลมุ่ ตวั อยา่ งเพยี งกลมุ่ เดียวทม่ี กี ารวัด หรือสงั เกตตวั แปรตามคือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2 คร้งั คือ กอ่ นและหลังการทดลองด้วยการจัดการเรยี นรู้แบบ อปุ นัยรว่ มกบั สื่อมัลติมเี ดยี ที่ผูว้ จิ ัยได้สรา้ งข้นึ แล้วนาผลจากการวัดท้งั สองครั้งมาเปรยี บเทียบกัน (ประสทิ ธิ์ สวุ รรณรกั ษ์, 2542 : 182 – 183) โดยมรี ปู แบบ ดงั น้ี กลุม่ Pre-test Treatment Post-test ทดลอง O1 X O2 สัญลกั ษณท์ ่ีใชใ้ นแบบแผนการทดลอง มีดังน้ี O1 หมายถึง การทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) X หมายถึง การจดั การเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกบั ส่ือมัลติมเี ดีย O2 หมายถึง การทดสอบหลงั การทดลอง (Post-Test) 23. สถติ ิที่ใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล จุดประสงคข์ ้อที่ 1 เพ่ือพัฒนาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคาภาษาต่างประเทศดว้ ยการจดั การเรยี นรู้ แบบอปุ นยั รว่ มกบั ส่อื มัลติมเี ดีย สาหรบั นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี จงั หวดั สุราษฎรธ์ านีใหม้ ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ท่กี าหนด (E1/E2) ซง่ึ สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู คอื คา่ ดัชนี ความสอดคล้องเชงิ เน้ือหา และประสทิ ธภิ าพ จดุ ประสงคข์ ้อท่ี 2 เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนในการพฒั นาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคา ภาษาต่างประเทศด้วยการจัดการเรยี นรู้แบบอุปนัยร่วมกับสือ่ มัลตมิ ีเดยี สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนศกึ ษาสงเคราะห์สรุ าษฎร์ธานี จังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี ซง่ึ สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความสอดคลอ้ ง ค่าความยาก ค่าอานาจจาแนก หาคา่ ความเชื่อมน่ั ประสทิ ธภิ าพ จดุ ประสงคข์ ้อท่ี 3 เพ่ือศกึ ษาความพงึ พอใจในการพฒั นาทักษะการจาแนกคาไทยแท้และคา ภาษาต่างประเทศดว้ ยการจัดการเรยี นรูแ้ บบอปุ นัยรว่ มกับสอ่ื มัลตมิ เี ดยี สาหรับนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สรุ าษฎร์ธานี จงั หวดั สุราษฎร์ธานซี ง่ึ สถิติท่ใี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล คอื คา่ เฉลีย่ และสว่ น เบีย่ งเบนมาตรฐาน คา่ สมั ประสิทธ์แิ อลฟา
31 ผลสะทอ้ นตนเอง
32 ส่วนท่ี 4 ผลการสะท้อนตนเอง สิ่งที่ได้รับ และความรู้สกึ /สาเหต/ุ แนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข สิ่งทไี่ ดร้ ับและความร้สู กึ จากการฝึกปฏิบัติวิชาชีพในรายวิชาการฝึกปฏิบัติวิชาชีพเพ่ือการประกันคุณภาพ การศกึ ษาและการวิจัย ณ โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์สรุ าษฎรธ์ านี จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี ระหว่าง วันท่ี 23 - 1 มิถุนายน 2565 เป็นระยะเวลา 8 วัน เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับ ตัวเองเพราะหลายเทอมท่ีลงฝึกปฏิบัติวิชาชีพก็จะลงในโรงเรียนขนาดเล็ก แต่เทอมน้ีรู้สึกท้า ทายตนเองอีกโรงเรียนหนึ่งเพราะลงโรงเรียนระดับจังหวัด ซ่ึงเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ การลง ฝกึ ในครัง้ น้ีได้ประสบการณ์มากมายทั้งในดา้ นวิชาชีพครู และสง่ิ ต่าง ๆ ที่สามารถนามาปรับใช้ ในวิชาเรยี นได้ และได้รับการต้อนรับจากทางโรงเรียนเป็นอยา่ งดี คณุ ครูใจดี น่ารัก เป็นกนั เอง และคอยให้ความชว่ ยเหลือ เปน็ อกี โรงเรียนทีร่ สู้ ึกประทับใจ การฝึกปฏิบัติในครั้งน้ีเป็นการเรียนรู้งานด้านการประกันคุณภาพของสถานศึกษา สัมภาษณ์ครูและผู้บริหารในการดาเนินงานด้านการวิจัย ศึกษาและวิเคราะห์เล่มการทาวิจัย ของคุณครู วิเคราะหป์ ัญหาการวิจัย และผลการวิจยั ก่อนและหลังจากทาวิจยั เพ่ือพฒั นาทักษะ ความสามารถของผู้เรยี นใหม้ ปี ระสิทธิภาพ จากประสบการณ์ครั้งนี้จะนาไปสู่การพัฒนาตนเอง ในการเรียนและนาไปใช้ได้ อนาคต ซ่งึ รายวิชานี้มคี วามสาคญั และเป็นสงิ่ จาเป็นท่ีจะตอ้ งเรยี นรู้ ซ่ึงความรู้ที่ได้เรียนและได้ ลงมือปฏิบัติน้ันจะช่วยฝึกฝนให้เรามีความชานาญ เป็นผู้มีความรู้ ส่ิงที่ได้เรียนรู้นี้จะสามารถ นาไปปรับใช้ในการเป็นครูได้ในอนาคต และจะทาให้การจัดการเรียนการสอนน้ันมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้เรียนรู้บทบาทของครูผู้สอนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมทางการศึกษาท่ีทันสมัยกับการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน ทาให้เห็นว่าวิจัยและ นวัตกรรมมีความสาคัญต่อการศึกษาหลายประการ เนื่องจากเราอยู่ในโลกของยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความก้าวหน้าทั้งด้าน เทคโนโลยีและสารสนเทศ การศึกษาจึงจาเป็นต้องมีการพัฒนาเปล่ียนแปลงจากระบบ การศึกษาท่ีมีอยู่เดิม เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคมที่ เปลย่ี นแปลงไป
33 แนวทางการแกป้ ัญหา การวิจัยในช้ันเรียนมีความสาคัญต่อวงการวิชาชีพครูเป็นอย่างย่ิง เนื่องจากครู จาเปน็ ตอ้ งพัฒนาหลกั สตู ร วิธีการเรยี นการสอน การจงู ใจให้ผูเ้ รยี นเกิดความอยากรอู้ ยากเรียน การพัฒนาพฤติกรรมผู้เรียน การเพ่ิมสัมฤทธิผลการเรียน และการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิจัยในชั้นเรียนเป็นการเปลี่ยนแปลงบทบาท ดั้งเดิมของครูที่มีความเชี่ยวชาญและสนใจเร่ืองการสอนโดยเน้นเนื้อหาสาระของบทเรียน จึง ทุ่มเทการศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูล ทฤษฎี ท่ีเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร มากกว่าการศึกษา วิธีการพัฒนาหรือปรับปรุงการเรียนรู้ของผู้เรียน ผลงานของอาจารย์ส่วนใหญ่จึงเป็นผลงาน หนังสือ ตารา บทความหรือเอกสารทางวิชาการมากกว่าผลงานวิจัยการออกแบบการวิจัย ๆ เพื่อใช้แก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะ เข้ามามบี ทบาทสาคัญอยา่ งมาก แต่การอบรมส่ังสอนของครใู นดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม จะต้อง มีควบคู่กันไปตลอดเวลาในการช่วยเตรียมให้นักเรียนมีความพร้อมในการ ปรับตัวเพื่อการ ดารงชีวิตอยู่อย่างเหมาะสมกับลักษณะที่เป็นไปในสังคมแวดล้อมท่ีเปล่ียนแปลงไป ครูต้อง ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพราะความรู้และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วและ ล้าสมยั เรว็ เชน่ กัน การฝึกประสบการณ์ในคร้ังน้ีถือเป็นการส่ังสมประสบการณ์ก่อนที่เราจะออกไปเป็น คุณครูจริง ๆ ซ่ึงบางคนอาจคิดว่าฝึกงานเพราะเป็นข้อบังคับในการเรียนจบของมหาวิทยาลัย หรือบางคนอาจจะอยากฝึกงานเอง จริง ๆ แล้วการฝึกงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาและ ประสบการณ์ที่ล้าค่าท่ีสามารถนาไปปรับใช้ในการเป็นครูที่ดีพัฒนาการจัดการเรียนการสอนท่ี ทันสมัยเละครทู ีม่ ีคณุ ภาพในอนาคตเลยทีเดยี ว
34 ภาพถ่ายกับครูพี่เล้ียง นางวรรณดี ปานดี ตาแหนง่ ครู ค.ศ.3 ชานาญการพเิ ศษ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี
35 ภาพถา่ ยร่วมกับท่านผู้อานวยการโรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะหส์ รุ าษฎร์ธานี และคณะผูบ้ ริหาร
36 ภาพประกอบการสัมภาษณ์และการสงั เกตุจากสภาพจรงิ ของสถานศึกษา
37 ภาพประกอบการสัมภาษณ์และการสงั เกตุจากสภาพจรงิ ของสถานศึกษา
38
39
40
41
42
43
44
45
46
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: