หน่วยท่ี 1 หลกั การทางานเบ้ืองตน้ ของระบบนิวแมติกส์ Pathana Suphaphuditsophon [COMPANY NAME] [Company address]
1 ใบความรู้หน่วยที่ 1 วิชา นวิ แมตกิ สแ์ ละไฮดรอลิกส์ รหัสวิชา 3100-0104 (2-2-3) ช่อื หนว่ ย หลักการทำงานเบ้ืองตน้ ของระบบนิวแมตกิ ส์ สอนคร้งั ท่ี 1 สปั ดาห์ที่ 1 จำนวนช่ัวโมง 2 ชว่ั โมง หัวข้อเรอื่ ง 1.1 คุณสมบตั ิทางฟิสกิ สข์ องอากาศ 1.2 เคร่อื งอัดอากาศ 1.3 ระบบลมอัด 1.4 ข้อด-ี ข้อเสียของระบบนวิ แมตกิ ส์ 1.5 การบำรงุ รกั ษา และแก้ปญั หาระบบลมอดั 1.6 สญั ลักษณ์อุปกรณร์ ะบบลมอดั 1.7 สรปุ จุดประสงค์ทัว่ ไป 1.1 รู้และเขา้ ใจคุณสมบตั ิทางฟสิ ิกส์ของอากาศ ระบบผลติ ลมอัด และระบบส่งจ่ายลมอดั 1.2 รู้และเข้าใจข้อดี-ข้อเสยี การบำรุงรักษา และการแก้ปญั หาระบบลมอัด 1.3 ร้แู ละเข้าใจการอา่ น และเขียนสญั ลกั ษณ์อุปกรณ์ระบบลมอดั จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1.1 คำนวณค่าตา่ ง ๆ ตามกฎทางฟสิ ิกส์ได้ 1.2 อธบิ ายหลกั การทำงานของเครอ่ื งอดั อากาศแบบต่าง ๆ ได้ 1.3 อธิบายหลักการเตรยี มลมอัด และการสง่ จ่ายลมอัดในระบบนิวแมติกสไ์ ด้ 1.4 บอกขอ้ ดี ข้อเสยี ของระบบนิวแมตกิ สไ์ ด้ 1.5 อธบิ ายวธิ กี ารบำรุงรักษาการแกป้ ญั หาระบบลมอัดได้ 1.6 เขียนสัญลกั ษณ์อุปกรณ์ระบบลมอดั ได้
2 สาระสำคญั ระบบนิวแมติกส์ คือ ระบบที่ใช้ลมอัดเป็นตัวกลางในการส่งกำลัง จึงมีความสัมพันธ์ เก่ียวขอ้ งกบั แรง ความดัน อุณหภูมิ ความชน้ื และคุณสมบัตขิ องอากาศ หลักการเบอ้ื งต้น ระบบ นวิ แมตกิ ส์ ประกอบด้วยสว่ นสำคัญ 2 สว่ น คือ ระบบผลติ ลมอัด และระบบสง่ จ่ายลมอดั ดังรปู ท่ี 1.1 ระบบ ติ มอัด กรองลมหลกั ระบบจ่าย มอดั เคร่อื งอดั อากาศ ทอ่ สง่ จ่ายลมอัด อปุ กรณท์ างาน กาจดั ความช้ืน ชุดบรกิ ารลมอัด ังเกบลม ระบายความรอ้ น ระบายน้า รปู ท่ี 1.1 แสดงระบบนิวแมตกิ ส์ ทม่ี า: ร่งุ โรจน์ รัตนวารนิ ทร.์ (2553: 11)
3 เนื้อหาสาระ นิวแมติกส์ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของลม หรืออากาศ ระบบนิวแมติกส์ กคือระบบการทำงานที่เกี่ยวกับระบบลมอัด เป็นระบบที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ระหว่าง ความดัน อณุ หภมู ิ แรง ความชนื้ และกฎของก๊าซ 1.1 คณุ สมบตั ิทางฟิสิกสข์ องอากาศ ก่อนที่จะศึกษาระบบนิวแมติกส์ ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐาน หรือคุณสมบัติ ทางฟสิ ิกส์ของอากาศ ดังลำดบั ตอ่ ไปน้ี 1.1.1 ความดนั (Pressure) หมาย ึง แรงต่อหนึ่งหนว่ ยพนื้ ทท่ี ่กี ระทำ ณ จุดใด ๆ แรงในท่ีนี้ อาจเปน็ นำ้ หนกั ของของเหลว หรือกา๊ ซทกี่ ดทับอยบู่ นพน้ื ท่ี ณ จุดน้นั ๆ (1) ความดันบรรยากาศ (Atmospheric pressure : Pat) หมาย ึง น้ำหนักของ อากาศทงั้ หมดทีก่ ระทำต่อหน่งึ หน่วยพน้ื ท่ี อตั ราระหว่างน้ำหนกั ของบรรยากาศตอ่ หนง่ึ หน่วยพื้นท่ี บนผิวโลกวัดที่ระดับน้ำทะเล 1 at = 101325 Pa = 101.325 kPa = 1.01325 bar = 1.03323 kgf/cm2 = 760 mmHg= 760 torr = 29.92 inHg = 14.7 psi ดังรปู ที่ 1.2 29.92 in 30 สุญญากาศ ปรอท (Hg) 20 10 1.01325 bar 760 mmHg 0 1 atm = 1.033 kgf/cm2 รูปที่ 1.2 แสดงความดนั บรรยากาศ (2) ความดันสัมบูรณ์ (Absolute pressure: Pabs) คือ ความดันจริงซึ่งอาจจะมากกว่า หรือน้อยกว่าความดันบรรยากาศ ขึ้นอยู่กับความดันที่เกจวัดได้ การบอกค่าความดันจะกำหนด ความดนั ทศ่ี นู ย์สมั บูรณเ์ ป็นบรรทดั ฐาน ความดันสมั บรู ณ์ = ความดนั บรรยากาศ + ความดนั เกจ (3) ความดันเกจ (Gauge pressure: Pg) คือความดันท่ีสูงกว่าความดันบรรยากาศ เรียก ความดันเหนอื บรรยากาศ (เกจวัดมคี า่ เปน็ บวก)
4 (4) ความดนั สญุ ญากาศ (Vacuum pressure: Pvac) คอื ความดนั ที่ต่ำกว่าความดัน บรรยากาศ (เกจวดั มีค่าเปน็ ลบ) แต่มากกวา่ ความดันศนู ยส์ ัมบรู ณ์ (5) ความดันศูนย์สัมบูรณ์ (Absolute zero pressure; Pabsz) คือ ความดันที่มีค่า เป็นศนู ย์จรงิ ไม่มคี วามดนั อยเู่ ลย ือว่าเปน็ ความดนั สัมบรู ณ์ต่ำสุด ระดับความดันคา่ ต่าง ๆ ดงั รูปท่ี 1.3 Pabs Pabs = Patm + Ppsig Ppsig Patm Patm Pabsz 0 psia รูปที่ 1.3 แสดงระดบั ความดนั (6) หน่วยวัดความดนั ในทางเทคนคิ โดยท่วั ไป คอื กิโลปอนด์ตอ่ ตารางเซนติเมตร (kp/cm2) หรือวดั เป็นบรรยากาศทางเทคนิค (at) 1 at = 1 kp/cm2 ดงั ตารางที่ 1.1 ตารางที่ 1.1 ตารางเปรียบเทยี บหนว่ ยวัดความดัน unit Pa bar kgf/cm2 atm mmH2O mmHg psi Pa 1 1x10-5 1.01972x10-5 9.86923x10-6 1.01972x10-1 7.50062x10-3 1.45038x10-4 bar 1x105 1 1.01972 9.86923x10-1 1.01972x10-4 7.50062x10-2 1.45038x10 Kgf/cm2 9.80665x104 9.80665x10-1 1 9.67841x10-1 1x104 7.35559x102 1.42234x10 atm 1.01325x105 1.01325 1.03323 1 1.03323x104 7.60x102 1.46960x10 mmH2O 9.80665 9.80665x10-5 1x10-4 9.67841x10-5 1 7.35559x10-2 1.42234x10-3 mmHg 1.33322x102 1.33322x10-3 1.35951x10-3 1.31579x10-3 1.35951x10 1 1.93368x10-2 psi 6.89473x103 6.89473x10-2 7.03065x10-2 6.80457x10-2 7.03067x102 5.17147x10 1 ท่ีมา: (ณรงค์ ตนั ชวี ะวงศ์. 2554: 9) 1.1.2 อณุ หภมู ิ (Temperature: T) หมาย งึ คุณสมบตั ิทแี่ สดง งึ ความรอ้ นของสารตัวกลาง ที่สภาวะต่าง ๆ อุณหภูมิสูงขึน้ ทำให้อากาศขยายตัว อุณหภูมิลดลงทำให้อากาศหดตัว เปรียบเทยี บ อุณหภมู ิ ดงั รูปท่ี 1.4
5 K = 0 °C + 273 K คอื เคลวนิ (Kelvin) °C คือ องศาเซลเซียส (Degree celsius) เซลเซยี ส เคลวิน 100 °C 373.15 K 0 °C 273.15 K -273.15 °C 0K รปู ที่ 1.4 แสดงการเปรยี บเทียบหนว่ ยวดั อณุ หภูมิ 1.1.3 แรง (Force: F) คือ สิ่งที่กระทำตอ่ วตั ุในรูปของการพยายามดึง หรือดันใหว้ ัต นุ ั้น เคล่อื นที่ F = m×a F คอื แรงมหี นว่ ยเป็นนวิ ตัน (N) หรือกโิ ลกรัมเมตรตอ่ วินาที (kgm/s2) m คอื มวล (kg) a คอื ความเร่ง (m/s2) F = 1 N = 0.102 kP = 1 kgm/s2 ในการคานวณ 1 kP = 10 N 1.1.4 ความชื้น (Humidity) คือ สภาวะอากาศทีม่ ีไอน้ำกลั่นตวั เป็นหยดน้ำได้ การกล่ันตวั ขึ้นอยกู่ บั ความช้ืนสมั พัทธ์ อณุ หภมู ิ และสภาวะอากาศ (1) ความชนื้ สมั บรู ณ์ (Absolute humidity) คือ ปริมาณไอนำ้ ที่มอี ยู่ในอากาศจรงิ มีหนว่ ยเปน็ มวลของไอน้ำตอ่ ปริมาตรอากาศ (g/m3) (2) ปริมาณความอิ่มตัวของไอน้ำ (Saturation quantity) คือจำนวนไอน้ำ ที่อากาศสามาร รับไวไ้ ด้จน งึ จดุ อม่ิ ตวั (g/m3) (3) ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative humidity หรือ RH) คือ อัตราส่วนของปริมาณ ไอน้ำที่มอี ยู่จริงในอากาศตอ่ ปรมิ าณไอนำ้ ท่ีจะทำใหอ้ ากาศอมิ่ ตัว ณ อณุ หภูมเิ ดยี วกัน มีหนว่ ยเป็น (%) ความชื้นสัมพทั ธ์ 100% หมาย งึ ความชืน้ ทีม่ ไี อน้ำอย่เู ตมอากาศ เรียกวา่ อากาศอมิ่ ตวั ความช้ืนสมั พทั ธ์ = ปรมิ าณไอนำ้ ในอากาศ x 100 ปรมิ าณอม่ิ ตวั ของไอนำ้
6 ความสมั พันธ์ระหว่างความช้ืนของอากาศกบั ปริมาณนำ้ ในลมอัด (1) ปริมาณไอน้ำหรือไอน้ำอิ่มตัวที่ปะปนอยู่ในอากาศนั้น จะมากหรือน้อย ขนึ้ อยู่กับสภาวะของอากาศ เชน่ อณุ หภมู ิ และความดันดนั ของอากาศอดั ดังตารางที่ 1.2 ตารางท่ี 1.2 แสดงปรมิ าณไอน้ำอ่มิ ตวั ในอากาศ (g/m3) ของลมอัดทอี่ ณุ หภูมแิ ละแรงดันตา่ ง ๆ อณุ หภูมิ ความดันลมอดั , ความดนั เกจ (bar) อากาศ 1 bar = 105 Pa = 1.013 N/m3 (˚C) 0 0.4 0.63 1.0 1.6 2.5 4.0 6.3 7.0 8.0 10.0 12.5 16.0 20.0 0 4.85 3.45 2.97 2.42 1.87 1.39 0.97 0.67 0.62 0.54 0.44 0.36 0.29 0.23 5 6.79 4.93 4.24 3.46 2.68 1.99 1.39 0.95 0.89 0.77 0.63 0.52 0.41 0.33 10 9.40 6.74 5.80 4.73 3.66 2.72 1.90 1.30 1.22 1.06 0.87 0.70 0.56 0.45 15 12.8 9.08 7.83 6.39 4.94 3.67 2.56 1.76 1.66 1.43 1.17 0.95 0.76 0.61 20 17.3 12.5 10.7 8.75 6.77 5.02 3.51 2.41 2.26 1.95 1.60 1.30 1.04 0.84 25 23.0 16.9 14.6 11.9 9.18 6.82 4.77 3.27 3.03 2.65 2.17 1.77 1.40 1.14 30 30.3 21.8 18.8 15.3 11.9 8.81 6.16 4.22 3.99 3.43 2.81 2.29 1.81 1.47 35 39.6 27.9 24.0 19.6 15.2 11.3 7.87 5.40 5.10 4.38 3.59 2.92 2.32 1.88 40 51.5 35.5 30.6 24.9 19.3 14.3 10.0 6.87 6.16 5.57 4.55 3.72 2.95 2.39 45 65.3 45.5 39.2 31.9 24.7 18.3 12.8 8.79 8.28 7.13 5.84 4.76 3.77 3.06 50 65.3 45.5 39.2 31.9 24.7 18.3 12.8 8.79 8.28 7.13 5.84 4.76 3.77 3.06 ท่มี า: (อาจหาญ ณ นรงค.์ 2541: www.thailandindustry.com) ตวั อยา่ งที่ 1.1 ลมอดั ปริมาตร 1 m3 ท่คี วามดันบรรยากาศ อณุ หภมู ิ 20 ˚C เมื่อคอมเพรสเซอร์ อัดอากาศเป็นลมอัดที่ความดัน 6.3 bar อุณหภูมิ 50 ˚C จงหาค่าปริมาณไอน้ำอิ่มตัวอยู่ในอากาศ ปรมิ าณไอนำ้ อ่ิมตัวในลมอัด และปรมิ าณไอน้ำกลน่ั ตวั กลายเปน็ นำ้ ออกมาเท่าไร วธิ ีทำ ท่อี ณุ หภมู ิ 20 ˚C ปริมาณไอนำ้ อม่ิ ตัวปนอยใู นอากาศ = 17.3 g/m3 ที่ความดัน 6.3 bar อุณหภมู ิ 50 ˚C ปรมิ าณไอน้ำอิ่มตัวในลมอัด = 11.2 g/m3 ปริมาณไอน้ำทกี่ ลนั่ ตวั เป็นน้ำออกจากลมอัด = 17.3 - 11.2 = 6.1 g/m3 (2) ข้ันตอนการหาปรมิ าณนำ้ ท่ีกลน่ั ตวั ในลมอัด 1) อุณหภูมิและความชื้นของอากาศที่ไหลเข้าสู่เครื่องอัดอากาศ เนื่องจาก ความชื้นและอุณหภูมิของอากาศสูง จะมีปริมาณไอน้ำอิ่มตัวมาก หรือปริมาณไอน้ำปนอยู่ใน อากาศมาก
7 2) อุณหภูมิของอากาศที่ผ่านชุดระบายความร้อน (After cooler) เนื่องจาก อณุ หภมู ิท่ีผ่านชดุ ระบายความรอ้ นย่ิงตำ่ ปริมาณน้ำท่ีกลัน่ ตวั ออกมาจะย่งิ มาก 3) อัตราการไหลของอากาศทีไ่ หลเข้าสเู่ ครื่องอัดอากาศ ปรมิ าณไอน้ำท่ีปะปน มมี าก หรอื น้อยขน้ึ อยกู่ ับปรมิ าณอากาศ ดังนั้นปริมาณอากาศมากปรมิ าณน้ำทีก่ ลน่ั ตวั กมากเช่นกนั ปริมาณไอน้ำสูงสุดที่อากาศจะรับไว้ได้ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ า้ อากาศมีอณุ หภูมสิ งู จำนวนไอน้ำท่ีอากาศสามาร อุ้มไว้ไดก้ จะยงิ่ สูงตามไปด้วย ดงั ตารางท่ี 1.3 ตารางท่ี 1.3 แสดงปรมิ าตรการกลน่ั ตัวของไอน้ำ (g/m3) ทีค่ วามชนื้ สัมพทั ธ์ 100 % อณุ หภูมิ ทุก ๆ อณุ หภมู ิ ทุก ๆ 1 ˚C 10 ˚C 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 90 420.1 433.6 448.5 464.3 480.8 496.6 614.3 532.0 550.3 569.7 80 290.8 301.7 313.3 325.3 337.2 349.9 362.5 375.9 389.7 404.9 70 197.0 204.9 213.4 222.1 231.1 240.2 249.6 259.4 269.7 280.0 60 129.8 135.6 141.5 147.6 153.9 160.5 167.3 174.2 181.6 189.0 50 82.9 86.9 90.9 95.2 99.6 104.2 108.9 114.0 119.1 124.4 40 51.0 53.6 56.4 59.2 62.2 65.3 68.5 71.8 75.3 78.9 30 30.3 32.0 33.8 35.6 37.5 39.5 41.6 43.8 46.1 48.5 20 17.3 18.3 19.4 20.6 21.8 23.0 24.3 25.7 27.2 28.7 10 9.40 10.0 10.6 11.3 12.1 12.8 13.6 14.5 15.4 16.3 0 4.85 5.19 5.56 5.95 6.35 6.80 7.26 7.75 8.27 8.82 ท่มี า: (สริ วิ ฒั น์ ไวยนติ ย.์ 2557: www.9engineer.com) ตวั อย่างท่ี 1.2 อากาศทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 ˚C ความชน้ื สัมพทั ธ์ 60% ไหลเขา้ สู่เคร่ืองอัดอากาศ ูกอดั เป็นลมอัดทีค่ วามดัน 7 bar ลดอุณภูมิที่เคร่อื งระบายความรอ้ น 25 ˚C จงหาปรมิ าณนำ้ ทีก่ ลน่ั ตวั วิธที ำ ใช้ตารางท่ี 1.2 และ1.3 อากาศทีอ่ ณุ หภมู ิ 30 ˚C ท่ีความชน้ื สมั พทั ธ์ 100% มปี รมิ าณไอน้ำ 30.3 g/m3 อากาศทีอ่ ุณหภมู ิ 30 ˚C ทค่ี วามชืน้ สมั พทั ธ์ 60% มปี ริมาณไอนำ้ = 30.3 g/m3 × 60 % 100 % = 18.8 g/m3
8 ลมอัดที่ความดัน 7 bar ที่อุณหภูมิ 20˚C มีปริมาณไอน้ำปนอยู่จน ึงจุดอิ่มตัว 2.21 g/m3 ปรมิ าณน้ำท่ีกลัน่ ตวั ออกจากลมอดั เพ่ือระบายทงิ้ = 18.8 g/m3 - 2.21 g/m3 = 15.97 g/m3 ใช้ตาราง 1.3 และการคำนวณ ลมอัดทีค่ วามดนั 7 bar ท่ีอุณหภูมิ 20˚C มีปริมาณไอน้ำปนอยจู่ น ึงจุดอ่มิ ตัว 17.3 g/m3 = 17.3 g/m3 × 1.033 kgf/cm2 7 + 1.033 kgf/cm2 = 2.22 g/m3 1.1.5 กฎของก๊าซ (Gas law) กฎของก๊าซ คือความสัมพันธ์ของความดัน ปริมาตร และอณุ หภูมิ ดังน้ี (1) กฎของบอยล์ (Boyle's law) ขณะทอี่ ุณหภมู ิคงท่ี ปริมาตรก๊าซจะเปลยี่ นแปลง เป็นอัตราส่วนผกผนั กับความดนั กา๊ ซ ดังรปู ที่ 1.5 P1V1 = P2V2 = k P1 = คา่ ความดันสัมบรู ณ์เริ่มตน้ (N/m2) P2 = คา่ ความดันสมั บูรณ์สดุ ทา้ ย (N/m2) V1 = ปริมาตรเริ่มต้น (m3) V2 = ค่าปรมิ าตรสุดทา้ ย (m3) k = คา่ คงท่ี ปรมิ าตร 6 ความดัน ปรมิ าตร 6 ความดัน 5 5 อุณหภมู ิ 4 1.0 1.5 อณุ หภมู ิ 4 1.0 1.5 0.5 2.0 0.5 2.0 200 300 3 0 2.5 200 300 3 0 2.5 100 400 2 100 400 2 0 500 0 500 1 1 รูปที่ 1.5 แสดงปรมิ าตรและความดนั ตามกฎของบอยล์ ทม่ี า: The editors of encyclopædia britannica. (2558). www.britannica.com
9 (2) กฎของชาร์ล (Charles's law) เมื่ออากาศจำนวนหนึ่งมีปริมาตร V1และอุณหภูมิ T1 ูกทำให้รอ้ น หรอื ูกทำใหเ้ ยนเป็นอุณหภมู ิ T2 ภายใต้ความดันคงที่ จะได้ปรมิ าตรอากาศใหม่ คือ V2 ความสมั พนั ธด์ งั น้ี V1 = V2 = V2 = k T1 T2 T2 V1 = ค่าปรมิ าตรเริ่มตน้ (m3) V2 = คา่ ปรมิ าตรสดุ ท้าย (m3) T1 = อณุ หภูมิเริมตน้ (K) T2 = คา่ อณุ หภมู ิสดุ ทา้ ย (K) K = คา่ คงที่ หมายความว่า ณ ค่าความดันอากาศคงท่ีค่าหนึ่ง ปริมาตรของอากาศจำนวนหนึ่ง จะแปรผนั เปน็ สดั สว่ นกบั อณุ หภมู สิ มั บูรณข์ องอากาศ คอื การเปล่ียนปลงของอุณหภมู ทิ ำให้ปรมิ าตร ของอากาศเปลี่ยนแปลงไปดว้ ย ดงั รปู ท่ี 1.6 ปรมิ าตร (V1) ปรมิ าตร (V2) อุณหภมู ิ (T1) อณุ หภมู ิ (T2) รูปท่ี 1.6 แสดงปรมิ าตรและอุณหภมู ติ ามกฎของชารล์ ท่ีมา: Venngage. (2556). www.infograph.venngage.com (3) กฎของเกย์-ลูสแซก (Gay-Lusac’s law) ได้ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่าง ความดนั กบั อณุ หภูมิของแกส๊ เมือ่ ปรมิ าตรคงท่ี พบวา่ ความดนั แปรผนั ตรงกับอุณหภมู ิ ้าความดัน และอุณหภูมิของก๊าซเปลี่ยนแปลงจาก P1 และT1 ไปเป็น P2 และT2 ตามลำดับ จากกฎของ เกย์-ลสู แซก จะได้ P ∝T P1 = P2 = P3 = k T1 T2 T3
10 เมื่อรวมกฎของบอยล ชาร์ล และเกย ลุสแซก เข าด วยกัน จะได ความสัมพันธ ระหว าง ความดัน ปริมาตร และอุณหภูมิของก าซ เมื่อมวลของก าซมคี าคงท่ี ดังนี้ PV ∝ T P1V1 P2V2 P3V3 T1 = T2 = T3 = k 12 1.0 1.5 TP11 < TP22 1.0 1.5 < 0.5 2.0 0.5 2.0 0 2.5 0 2.5 V คงที่ รปู ท่ี 1.7 แสดงความดันและอุณหภมู ิตามกฎของเกย์-ลสู แซก ทีม่ า: Chem.libretexts. (2557). www. chem.libretexts.org. ตัวอย่างที่ 1.2 อากาศ 1.2 m3 อุณหภูมิ T1 = 293 K กู ความร้อนจนมอี ุณหภูมิ T2 = 353 K จะมปี ริมาตรเพ่มิ ขึน้ เท่าไร วธิ ที ำ V2 = V1 + V1 (T1 - T0) 273 1.2 m3 = 1.2 m2 + 273 K (353 K - 293 K) = 1.46 m3 ตวั อยา่ งท่ี 1.3 งั เกบลมมีปริมาตรภายใน งั 2 m3 เกบลมอดั ความดนั 6 bar อณุ หภูมิ 298 K งั เกบลมใบน้เี กบปรมิ าตรอากาศสภาวะปกติไวเ้ ทา่ ไร วิธีทำ ข้นั ที่ 1 กฎของบอยล์
11 V1 = P2 × V2 = P1 6 bar × 2 m3 1 bar = 12 m3 ขั้นที่ 2 กฎของเกย์-ลสู แซก V0 = 11V132.m+9 m32V731+312(2T71m3-K3T0(2)98 = K - 273 K) = 1.1.6 หน่วยวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ระบบ SI การใช้หน่วยวัดในปริมาณทางฟิสิกส์ มีการ กำหนดหน่วยวัดมาตรฐานสากลขึ้นมาใช้ เรียกว่า ระบบหน่วย SI (System international of units) หนว่ ยวดั และการเปรียบเทียบหน่วยวดั ท่ีใชใ้ นระบบนวิ แมตกิ ส์ ดงั ตารางท่ี 1.4 ตารางท่ี 1.4 ตารางเปรียบเทียบหนว่ ยวัดทางฟิสิกส์ ปรมิ าณ สัญลักษณ์ หนว่ ย การเปรียบเทียบหน่วย พ้ืนท่ีหนา้ ตดั A m2 1 m2 = 10,000 cm2 อณุ หภูมิ T ความดนั P K 0˚c = 273 K Pa 1 at = 1.033 kgf/cm2 1 at = kp/cm2 = 1 bar 1 bar = 1 kp/cm2 1 Pa = 1 N/m2 = 10-5 bar 105 Pa = 105 N/m2 = 1 bar แรง F N 1 N = 0.102 kp = 1 kgm/s2 1 kp = 9.81 N ปรมิ าตร V m3 1 m3 = 1,000 l
12 อัตราการไหล m m3/s 1 l = 1,000 cm3 1 l/min = 1.667x10-5 m3/s = 0.06 m3/hr 1 m3/s = 60,000 l/min ท่ีมา: (รงุ่ โรจน์ รตั นวารนิ ทร.์ 2553: 13) 1.2 เครอ่ื งอดั อากาศ (Air compressor) เครือ่ งอัดอากาศ ทำหนา้ ท่เี ป็นแหล่งผลิตพลังงาน นั่นคอื มหี น้าท่ีดดู อากาศเข้ามาทางท่อทางดูด แล้วอัดอากาศให้มีความดันสูงขึ้น (มากกว่า 1 kgf/cm2) จากนั้นจะนำเอาอากาศอัดที่ ูกอดั ตัวจนมี ความดันสงู ขึน้ นไ้ี ปใช้งาน แบง่ ตามลกั ษณะการเคลือ่ นท่ีของลูกสบู ออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ชนิด เคลื่อนท่ตี ามแนวเสน้ ตรง และชนิดเคล่ือนทีต่ ามแนวเสน้ รอบวง 1.2.1 ชนิดเคลื่อนทตี่ ามแนวเสน้ ตรง (Reciprocating) (1) เครอ่ื งอดั อากาศแบบลกู สบู (Piston air compressor) เป็นเครือ่ งอัดอากาศทมี่ ี ขนาดเลก สว่ นใหญ่ใชแ้ หลง่ ตน้ กำลังจากมอเตอร์ หรอื เคร่อื งยนต์ขนาดเลก โดยมีสายพาน ่ายทอด กำลังงานไปสู่เครื่องอัด เพื่อใหล้ ูกสูบเคลื่อนที่อัดอากาศให้มปี ริมาตรเลกลง และความดันของอากาศ สูงขนึ้ แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คือ 1) ชนิดลูกสูบอดั ชั้นเดียว (Piston single stage) เครื่องอัดอากาศขนาดเลก แบบลูกสูบอัดชั้นเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศ สามาร อัดอากาศได้ ึงความดัน 10 bar อัตราสง่ ลมสงู งึ 30,000 m3/h การทำงาน ขณะลกู สูบเคลือ่ นที่ลงจะดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาทางลิ้น ดูด และขณะลกู สูบเคลือ่ นทข่ี ้ึน จะอดั อากาศให้มคี วามดนั สงู ข้นึ เนื่องจากปริมาตรนอ้ ยลง เป็นผล ใหใ้ นล้นิ ปดิ ปล่อยใหอ้ ากาศซงึ่ มคี วามดนั สงู ออกสู่ภายนอก ส่วนลิน้ ดูดจะ ูกปิด ดงั รูปท่ี 1.8 อากาศเขา้ อากาศออก ทิศทางการหมุน รูปที่ 1.8 แสดงลักษณะและการทำงานของลกู สูบอัดชั้นเดยี ว
13 ที่มา: Vivek Bhardwaj. (2557). www.aermech.com 2) ชนดิ ลกู สูบอัดสองชั้น (Piston two stage) เปน็ ระบบอัดอากาศสองจงั หวะ ระบายความรอ้ นดว้ ยอากาศ สามาร อัดอากาศได้ ึง 70 bar อัตราส่งลมสงู ึง 30,000 m3/h การทำงาน จังหวะที่หนึ่ง ลูกสูบที่หนึ่งจะดูดอากาศจากภายนอกเข้ามา ภายในห้อง สว่ นลกู สบู ทีส่ องรบั อากาศจากลูกสบู ท่ีหน่ึง อัดอากาศทำให้ความดันสงู ขึ้น และไหลออกไป ภายนอก จังหวะที่สองลูกสูบที่หนึ่งจะเริ่มอัดอากาศ และไหลออกไปตามท่อผ่านอุปกรณ์ระบาย ความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิก่อนไหลเข้าลกู สูบที่สอง ลกู สูบทีส่ องเริ่มดูดอากาศเข้ามาภายในห้อง ลกู สูบ ทำการอดั อากาศในจังหวะตอ่ ไป และการทำงานจะสลบั กนั ไปมา ดงั รปู ที่ 1.9 ทอ่ ระบายความร้อน อากาศเข้า อากาศออก ลกู สูบที่ 1 ลกู สบู ท่ี 2 ทศิ ทางการหมนุ ของเพลา รปู ที่ 1.9 แสดงลักษณะและการทำงานของลกู สูบอดั สองช้นั ที่มา: รงุ่ โรจน์ รัตนวารนิ ทร.์ (2553: 38) (2) เครื่องอัดอากาศแบบไดอะแฟรม (Diaphragm air compressor) เป็นชนิด ลูกสูบ ภายในห้องดูดอากาศ ูกปิดกั้นด้วยแผ่นไดอะแฟรม อากาศจึงปราศจากน้ำมันหล่อล่ืน อากาศท่ี กู อัดสะอาด เหมาะสำหรบั อตุ สาหกรรมเคมี ยา และอาหาร การทำงาน เมื่อลกู สบู เคลื่อนท่ีลง แผ่นไดอะแฟรมจะดูดอากาศจากภายนอก ผ่านวาล์วไอดีเขา้ มาในหอ้ งเกบลม เมอ่ื ลกู สบู เคลอื่ นที่ขึน้ แผน่ ไดอะแฟรมจะอัดอากาศภายในห้อง เกบลมใหม้ คี วามดนั สูงขึ้น และไหลออกไปภายนอกทางวาล์วไอเสีย ดังรูปท่ี 1.10
14 อากาศเขา้ อากาศออก แผน่ ไดอะเฟรม ทิศทางการหมนุ รูปที่ 1.10 แสดงการทำงานเครื่องอดั อากาศแบบไดอะแฟรม ทมี่ า: The laboratory people. (2558). www.camblab.info.com 1.2.2 เครอ่ื งอัดอากาศแบบโรตารี (Rotary air compressors) (1) เครื่องอัดอากาศแบบใบพดั เลอ่ื น (Sliding vane air compressors) คุณสมบัติ เครื่องอัดอากาศแบบใบพดั เลือ่ น จะหมุนเรียบสม่ำเสมอ การอัดอากาศเป็นไปอย่างคงที่ เสียงไม่ดงั ความสามาร ในการผลติ ลมอัด สามาร ทำได้ 4-100 m3/min ความดันที่ทำได้ 4-10 bar หลักการทำงาน ตัวใบพัดเลื่อนจะติดกับชุดตัวหมุน (Rotor) ซึ่งวางเย้ืองศูนย์ กับตัวเรือน เมื่อชุดแกนหมุนทำงานตัวใบพัดจะ ูกแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง สลัดออกมาติดกับผนัง ตวั เรอื น อากาศจะ ูกดูดเข้าทางดา้ นซา้ ย ส่งออกไปทางดา้ นขวา ดงั รปู ท่ี 1.11 ทศิ ทางการหมุน อากาศเขา้ อากาศออก รูปที่ 1.11 แสดงลกั ษณะและการทำงานของเครอื่ งอดั อากาศแบบใบพัดเล่อื น ท่ีมา: รงุ่ โรจน์ รัตนวารนิ ทร.์ (2553: 24) (2) เคร่ืองอัดอากาศแบบสกรู (Screw air compressors) จะมเี พลาสกรูสองเพลา ที่หมุนขบกัน เรียกว่า เพลาตัวผู้และเพลาตัวเมีย โดยเพลาสกรูทั้งสองจะประกอบอยู่ในตัวเรอื น เดยี วกันโดยหมนุ ด้วยความเรวรอบเกือบเท่ากัน เพลาตวั ผหู้ มนุ เรวกว่าเพลาตวั เมียเพยี งเลกน้อย
15 การทำงานโดยใหเ้ พลาสกรสู องตัวหมุนเข้าหากนั ดูด-อดั อากาศผา่ นเกลียวสกรู ใช้เเบริง่ ช่วยลดเเรงเสียดทาน และรองรับนำ้ หนักรับเพลาให้เที่ยงตรง ทั้งแนวรัศมี และแนวแกน ปอ้ งกันไมใ่ หส้ กรสู องตวั สมั ผัสกัน การระบายความรอ้ นขณะทำงาน มใี ชท้ ง้ั อากาศ น้ำ และน้ำมนั สกรทู ี่มฟี ันเวา้ ทิศทางการหมุน แกนหมุน ทศิ ทางการหมนุ อากาศออก อากาศเขา้ รูปท่ี 1.12 แสดงลกั ษณะการทำงานของเคร่ืองอดั อากาศแบบสกรู ทม่ี า: ร่งุ โรจน์ รตั นวารินทร.์ (2553: 24) (3) เครอ่ื งอดั อากาศแบบใบพดั หมนุ (Root air compressor) เครื่องอัดอากาศชนิดนี้จะมีอุปกรณ์ในการอัดอากาศเป็นลอน (Lobe) 2 ชิ้น หมุนด้วยความเรวรอบทีส่ ัมพนั ธ์กันเพื่ออัด และส่งอากาศไปยังระบบต่อไป อากาศท่ีอัดได้ในระบบนี้ จะมคี วามดนั ต่ำมาก การทำงาน เมื่อโรเตอร์ทั้งสองหมุน อากาศจะ ูกดูดจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน หนงึ่ โดยไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงปริมาตร ทำให้อากาศไม่ กู อดั ตวั ดงั รปู ท่ี 1.13 แต่อากาศ ูกอัดตัว ขณะส่งไป งั เกบลม ดังนัน้ ต้องมีการระบายความร้อน และอุณหภมู ิที่ดี ไม่มีลนิ้ ไม่ตอ้ งการการหล่อลื่น ขณะทำงาน ปริมาตรลมออกจะเทา่ กับลมเข้า อากาศเขา้ อากาศออก รูปท่ี 1.13 แสดงลกั ษณะและการทำงานของเคร่อื งอัดอากาศแบบใบพัดหมุน ท่ีมา: Pdblowers, Inc. (2558). www.pdblowers.com
16 (4) เครื่องอัดอากาศแบบกังหัน (Radial and axial flow compressor) จะอัด อากาศโดยหลักการของกังหันใบพัด เหมาะกับงานที่ต้องการอัตราไหลของลมอัดสูง คือ สามาร ผลิต อตั ราการจา่ ยลมไดต้ ้ังแต่ 170-2000 m3/min แตค่ วามดันไมส่ งู 4-10 bar การทำงาน ใบพัดกังหันดูดอากาศเข้ามาจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง โรเตอร์ หมุนด้วยความเรวสูง ลกั ษณะของใบพดั เป็นสว่ นท่ีสำคัญสำหรบั อตั ราการจา่ ยลมทมี่ าก ดงั รูปท่ี 1.14 ทางลมเข้า ทางลมออก รปู ท่ี 1.14 แสดงลกั ษณะและการทำงานของเครือ่ งอดั อากาศแบบกังหัน ทีม่ า: บรษิ ทั กิจก้าวหน้า เทรดด้ิง จำกัด. (2558). www.kijkaona.tarad.com 1.3 ระบบ มอัด ลมอัด คือ อากาศที่ ูกเกบไว้ในแหล่งที่มีความดันสูงกว่าความดันบรรยากาศ โดยอากาศ จะ ูกบบี หรอื อัด ด้วยเครอื่ งอดั อากาศ และเกบไว้ใน ังพัก เพ่ือนำไปใช้เปน็ แหล่งกำลังงาน 1.3.1 ังเกบลม (Air receiver tank) มีหน้าที่เกบปริมาณลมอัดให้เพียงพอกับปริมาณ การใช้งาน และจา่ ยลมอัดไปใชง้ านด้วยความดนั สมำ่ เสมอ ตลอดจนแยกไอน้ำท่ีมากับลมอดั ให้กลั่นตัว เปน็ หยดน้ำ โดยแยกใหอ้ ยดู่ า้ นล่างของ ัง เมอ่ื มคี วามดันสูงเกดิ ขึ้นภายใน งั เกบลมจะต้องมีการระบาย ออกสู่บรรยากาศด้วยวาล์วจำกัดความดัน (Pressure relief valve) ทีต่ ดิ ต้ังไว้บน งั เกบลม โดยทั่วไป ขนาดของ ังเกบลมขึ้นอยู่กบั ขนาดของเครื่องอัดอากาศ และปริมาณลมที่ใช้ ังเกบลม แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คอื แบบต้ัง ใช้กับเครื่องอดั อากาศขนาดใหญ่ ดังรปู ที่ 1.15 (ก) และแบบนอน ใช้กับเคร่ืองอัด อากาศขนาดเลก ดงั รปู ท่ี 1.15 (ข) ังเกบลมต้องมคี วามสัมพันธก์ ับเคร่อื งผลติ ลมอดั ทเ่ี กดิ จากการอัดตัวให้มอี ณุ หภูมิต่ำ ปริมาณไอน้ำทปี่ ะปนมากับลมอดั จะกลนั่ ตัวเปน็ หยดนำ้ อุปกรณท์ ่ีจำเปน็ ตอ้ งติดตัง้ กับ ังเกบลม ดงั นี้ (1) วาลว์ นิรภยั (Safety valve) เพ่อื ระบายความดนั ท่ีสูงกวา่ กำหนดออกส่บู รรยากาศ (2) เกจวัดแรงดนั (Pressure gauge) สำหรับวัดค่าแรงดนั (3) ตัวระบายนำ้ อตั โนมตั ิ (Auto drain) เพ่อื ระบายนำ้ ที่เกิดจากการกลน่ั ตวั ของไอน้ำ
17 วาลว์ นิรภยั เกจวดั อณุ หภูมิ ทอ่ ทางออก เกจวดั ความดนั วาลว์ นริ ภยั ท่อทางออก ท่อทางเขา้ วาล์วปิด-เปดิ ทอ่ ทางเข้า เกจวัดความดัน ระบายน้า ระบายนา้ ช่องทาความสะอาด (ก) งั เกบลมแนวตัง้ (ข) งั เกบลมแนวนอน รูปท่ี 1.15 แสดง ังเกบลมและอปุ กรณ์ติดตงั้ ที่มา: เดชฤทธ์ิ มณีธรรม. (2548: 33) 1.3.2 การเตรียมลมอัด คือ การนำลมอดั ไปใช้งาน ต้องมีชุดต้นกำลังผลิตลมอัดให้มีความดัน สูงตามตอ้ งการ และมปี รมิ าณลมอดั เพยี งพอ ซง่ึ ขนึ้ อยกู่ ับชนิดของเครอื่ งอัดอากาศ และระบบควบคุม การผลิตลมอัด เคร่ืองอัดอากาศจะอัดอากาศจากความดันปกติ ไป ึงความดันสูง สง่ ต่อไป งั เกบลม และส่งต่อตามท่อจ่ายลม ผ่านชุดปรับปรุงคุณภาพลมอัด ไปยังอุปกรณ์ทำงาน เช่นกระบอกลม หรือมอเตอร์ลม ความดันที่นาไปใช้งานจาเป็นต้องปรับความดันให้มีความเหมาะสมกบั อุปกรณ์ใชง้ าน ตง้ั แต่ 4–15 bar ข้นึ ไป ดงั รูปที่ 1.16 กรองลมหลัก กรองความชนื้ กรองลมแหง้ ลมใช้งาน ระบายความรอ้ น เคร่ืองอัดอากาศ ังเกบลมชืน้ กาจัดความช้นื งั เกบลมแหง้ รูปที่ 1.16 แสดงระบบการผลิตลมอัด
18 ท่มี า: บรษิ ทั อคั ร โซลชู ั่น จำกัด. (2558). www.ปม๊ั ลม com 1.3.3 การปรับปรุงคุณภาพลมอัด เป็นกระบวนการปรับปรุงคณุ ภาพลมอัดกอ่ นนำไปใช้งาน ปกติลมอัดจะมีสิ่งสกปรก ความชื้น ละอองน้ำ และฝุ่นละอองตา่ ง ๆ ปะปนอยู่ ส่งผลกระทบโดยตรงกับ ท่อ ข้อต่อ วาล์ว และลูกสูบ ให้เกิดความเสียหาย อายุการใช้งานสัน้ ลง การปรับปรงุ คณุ ภาพลมอดั แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 4 สว่ น ดังนี้ (1) อุปกรณ์ระบายความร้อน (After cooler) ลมอัดที่ผ่านการอัดจากคอมเพรสเซอร์ จะมีความร้อน โดยมีอุณหภูมิ และความดันที่สูง ้านำเอาลมอัดนี้ไปใช้งานโดยตรงจะทำให้อายุ การใช้งานอุปกรณ์นิวแมติกส์สั้นลง เพราะสิ่งสกปรก ไอน้ำ และความชื้นที่ปนมากับลมอัด จะกัดกร่อน ชนิ้ สว่ นตา่ ง ๆ ภายในวาลว์ จงึ มีความจำเป็นต้องใหล้ มอดั ผา่ นเครือ่ งระบายความร้อน เพอื่ ทำการลด อุณหภูมิให้ต่ำลง โดยที่ไอน้ำจะกลั่นตัวกลายเปน็ หยดน้ำ ทำให้มีปริมาณไอน้ำลดลง เครื่องระบาย ความรอ้ นแบ่งตามลกั ษณะของการระบายความรอ้ น ดงั นี้ 1) แบบใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน (Air cool) เมื่อลมอัดที่มีอุณหภูมิสูง ไหลผา่ นท่อ ซงึ่ มคี รีบชว่ ยระบายความร้อน พดั ลมจะเปา่ ระบายความร้อน เพ่อื ให้อณุ หภมู ิลดลง อยา่ งอยา่ งรวดเรว ทำใหไ้ อนำ้ กลัน่ ตวั ไหลไปท่ีชดุ ดักน้ำ ดงั รปู ท่ี 1.17 ลมร้อนเขา้ เทอร์โมมเิ ตอร์ พดั ลม ลมเยนออก ระบายความร้อน ชดุ ดักนา้ รูปท่ี 1.17 แสดงอุปกรณร์ ะบายความรอ้ นแบบใชพ้ ดั ลมเปา่ ระบายความรอ้ น ทีม่ า: วนั ชยั จันทรวงศ.์ (2548: 23) 2) แบบใช้น้ำหล่อเยน (Water cool) ลมอัดที่มีอุณหภูมิสูงจะไหลผ่านท่อ ซึ่งมีน้ำหล่อเยนไหลเวียนอยู่ภายใน โดยที่ทิศทางการไหลของลมอัด และน้ำหล่อเยนจะมี ทิศทางตรงขา้ มกัน ดังรปู ท่ี 1.18
19 ลมรอ้ นเขา้ ทางนา้ หลอ่ เยนเขา้ ทางน้าหลอ่ เยนออก ลมเยนออก ระบายนา้ รูปที่ 1.18 แสดงอปุ กรณร์ ะบายความร้อนแบบใช้นำ้ หลอ่ เยนระบายความรอ้ น ท่ีมา: วนั ชยั จันทรวงศ.์ (2548: 24) (2) อุปกรณ์กำจัดความชื้น (Air dryer) เป็นอุปกรณ์กำจัดความชื้นในลมอัด ภายหลังจากผ่านอุปกรณร์ ะบายความรอ้ นมาแล้ว เน่ืองจากการระบายความร้อนไมส่ ามาร กำจัด ความชื้น หรือไอน้ำไดห้ มด จึงจำเป็นตอ้ งใช้เครื่องกำจัดความชื้น วิธีการกำจัดความช้ืนโดยการให้ ลมอัดไหลผ่านวัสดุที่มพี ื้นผวิ เป็นรูพรุน เช่น เมดซิลิกาเจล หรืออลูมินา ซึ่งทำหน้าที่ดักจับความชื้น และจะกล่นั ตวั เป็นหยดน้ำ ดงั รปู ท่ี 1.19 ลมอดั แห้ง ลมอัดช้นื ลมอัดชน้ื ลมอัดแห้ง วสั ดุกาจัดความช้นื กลน่ั ตัวเป็นหยดน้า ระบายน้าท้งิ รปู ที่ 1.19 แสดงระบบอปุ กรณก์ ำจัดความชื้น ทีม่ า: Van air system. (2559). www.moistureboss.com (3) อุปกรณก์ รองลมหลัก (Main line filter) เป็นอปุ กรณ์กรองลมขนาดใหญ่ ดังรูปท่ี 1.20 ทำหน้าทีก่ รองฝนุ่ ละอองต่าง ๆ รวมทง้ั น้ำออกจากลมอัด ควรตดิ ตั้งไว้หลงั ังเกบลม
20 ลมเข้า ลมออก ไส้กรองอากาศ ้วยกระเปาะแกว้ แผน่ กระบงั ลม สกรู ่ายนา้ ทิ้ง รูปท่ี 1.20 แสดงโครงสรา้ ง และลกั ษณะตัวกรองลมหลกั ทีม่ า: A staff report. (2559). www.hydraulicspneumatics.com (4) ชุดบริการลมอัด (Air service unit) เป็นชุดอุปกรณ์เตรียมลมขั้นสุดท้าย กอ่ นท่จี ะนำไปใช้งาน จะติดต้ังอุปกรณ์น้ีไวเ้ พ่ือทาความสะอาดลมอดั ทำหน้าทกี่ รองฝนุ่ ละออง และดักน้ำ ท่ียังหลงเหลอื อย่ใู นลมอัด รวมทัง้ รกั ษาขนาดของแรงดนั ใหไ้ ด้ตามความตอ้ งการ และจ่ายสารหลอ่ ลืน่ ใหก้ ับอปุ กรณ์ทำงาน ชุดบริการลมอดั ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ 4 สว่ น ดงั รปู ที่ 1.21 เกจวัดความดัน 1.0 1.5 0.5 2.0 0 2.5 ลมเขา้ ลมออก ตัวกรองลมอดั ตัวปรับความดัน ตัวผสมนา้ มนั หลอ่ ล่ืน รูปที่ 1.21 แสดงโครงสร้างชุดบริการลมอดั ที่มา: รงุ่ โรจน์ รตั นวารนิ ทร.์ (2553: 38) 1) ตัวกรองลมอัด (Air filter) ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกที่ติดมากับลมอัด ให้สะอาด โดยมีไสก้ รองสำหรบั กรองฝุ่นละออง และไอนำ้ ไม่ให้ปะปนไปกบั ลมอดั ท่จี ะนำไปใชง้ าน
21 การทำงาน ลมอดั ไหลเขา้ ทางท่อลมเข้า ไหลผ่านไปทตี่ ัวกรองมคี วามดันสูง ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนศี ูนยข์ องลมอัด ปะทะกับผนังของกระเปาะแก้ว อากาศที่สะอาดไหลผ่าน ไส้กรองออกทางทอ่ ลมออก จังหวะทล่ี มไหลลงด้านล่าง นำ้ สง่ิ สกปรก หรอื มวลสารทมี่ นี ้ำหนักตก ลงด้านลา่ ง สว่ นละอองนำ้ ทตี่ ดิ อย่ผู นงั ของกระเปาะแก้ว จะไหลมารวมกนั อยดู่ ้านล่าง เม่อื ปริมาณ นำ้ ภายในกระเปาะสูง งึ ขดี จำกดั จะ ูกระบายทิ้งอตั โนมัติ หรอื คลายสกรู ดงั รปู ท่ี 1.22 ลมเข้า ลมออก ว้ ยกระเปาะแก้ว ไส้กรองอากาศ สกรู ่ายน้าทง้ิ รปู ที่ 1.22 แสดงโครงสร้างตวั กรองลมอดั ทมี่ า: A staff report. (2559). www.hydraulicspneumatics.com 2) ตัวปรับความดันลมอัด (Air regulator) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม ความดนั ในการใชง้ านใหค้ งทอ่ี ยเู่ สมอ หรือปรับความดันตามความต้องการใชง้ าน การทำงาน เมื่อความดันลมออกมาจากตัวกรองลมอัด จะต่อมาเข้ากับ ตัวปรับความดนั เพือ่ ปรับความดันลมใหม้ ีคา่ คงท่ี ด้วยการปรับแรงสปรงิ ดว้ ยสกรู เพ่ือเปดิ -ปดิ บา่ วาล์ว โดยการเลื่อนขึ้นลงของแผ่นไดอะแฟรม ความดันด้านออกจะกดลงบนแผ่นไดอะแฟรม ส่วนดา้ นล่างของแผน่ ไดอะแฟรมจะมแี รงสปริงตา้ นอยู่ ดังรปู ที่ 1.23
22 ซีลแผ่นกลม เกจวดั ความดนั ลิน้ วาลว์ kp แผน่ ไดอะแฟรม สปรงิ สกรปู รบั ความดัน รูปที่ 1.23 แสดงโครงสรา้ งตัวปรับความดันลมอัด ทีม่ า: รุ่งโรจน์ รตั นวารินทร.์ (2553: 40) 3) เกจวัดความดันลมอัด (Pressure gauge) สาหรับวัดความดันลมอัดที่จา่ ย ใหก้ บั อุปกรณ์ทำงาน ติดตงั้ อยกู่ ับวาล์วควบคมุ ความดนั ลมอัดด้านออก การแสดงค่าความดนั ของเกจ เกดิ จากลมอดั ผ่านเข้าทางท่อสปรงิ ขดกลม ทำใหท้ อ่ สปริงยืดตัวออก กลไกจะขับเฟอื งให้เคลื่อนที่ทำให้ เขมชีเ้ บย่ี งเบนบนสเกลหน้าปดั ดังรูปที่ 1.24 สเกล ท่อสปริง เขมชี้ กระเดื่อง ความดนั เฟืองเสี้ยวและเฟืองตาม รปู ที่ 1.24 แสดงโครงสรา้ งเกจวัดความดนั ที่มา: รงุ่ โรจน์ รตั นวารินทร.์ (2553: 28) เกจวัดความดันแบบไดอะแฟรม เกจวัดแบบนี้ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรม ประเภทอาหาร อุตสาหกรรมเคมี และงานวดั ความดันสารทมี่ ีความเขม้ ข้น หรือสารทม่ี กี ารกัดกรอ่ น เกจวดั แบบไดอะแฟรมสามาร อดลา้ งทำความสะอาดได้ ดงั รูปท่ี 1.25
23 สเกล ทอ่ สปริง เขมช้ี ไดอะแฟรม รปู ท่ี 1.25 แสดงโครงสร้างเกจวดั ความดันแบบไดอะแฟรม ท่มี า: SIKA Siebert & Kühn GmbH & Co. (2558). www.sika.net 4) ตวั ผสมนำ้ มันหล อลนื่ ในลมอัด (Air lubricator) ทำหน้าที่ดูดน้ำมันท่ีอยู่ ใต้สดุ ของ ว้ ยตัวจา่ ยน้ำมัน นำ้ มันที่ กู ดดู มาด้านบนสดุ จะ ูกลมแรงพดั ไปในท่อลมทำให้น้ำมันอยู่ใน สภาพละอองเลกมาก ๆ ผสมในลมอัด เพื่อหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน และป้องกันอุปกรณ์ท่ีเคลื่อนท่ี สัมผสั กนั โดยตรง ดงั รปู ที่ 1.26 การทำงาน เมื่อลมอัดทีผ่ ่านการควบคุมจากวาล์วควบคุมความดันมาแล้ว จะไหลเข้าอุปกรณ์ผสมน้ำมันหล่อลื่น โดยอาศัยหลักการของคอคอดที่ความดันแตกต่างกัน คือ ความเรวของลมอัดที่ไหลผ่านคอคอดมีความเรวสูง จึงทาให้เกิดการดูดน้ำมันขึ้นมาผสมกับลมอัด เกิดฝอยละอองนำ้ มันหล่อล่ืน จา่ ยผ่านเขา้ สรู่ ะบบการทำงาน ทด่ี ปู ริมาณน้ามันหยด ลนิ้ กันกลบั แบบทรงกลม สกรปู รบั ลมออก ลมเข้า ทอ่ น้ามนั สกรู า่ ยน้า รูปที่ 1.26 แสดงโครงสรา้ ง และตัวผสมน้ำมันหลอ่ ล่ืน ท่มี า: นวิ ไฮด์ Rexrothbosch Group. (2558). www.pneu-hyd.co.th 1.3.4 การส่งจ่ายลมอัด (Air distribution) เริ่มตั้งแต่วิธีการเดินท่อจ่ายลมอัด การเลือก ขนาดทอ่ จา่ ยลมอดั ใหม้ คี วามสัมพันธ์กับปรมิ าณความต้องการลมอัด เพ่อื แก้ปญั หาความดันตกคร่อม
24 ที่จะเกิดขึ้นในท่อ ดังนี้ ท่อเมนมีข้องอมากเกินไป เครื่องอัดอากาศออกแบบไม่สัมพันธ์กับอุปกรณ์ ทำงาน ขนาดท่อส่งจ่ายลมอัดไม่ ูกต้อง และมีการเพ่มิ เครอ่ื งจกั ร อปุ กรณ์ทำงานภายหลัง (1) การติดตั้งท่อส่งลมอัด ในการวางท่อตามแนวนอน จะวางท่อให้มีมุมเอียงลาด ประมาณ 1-2% ของความยาวท่อลมอัด และท่จี ดุ ปลายต่ำสุดต้องติดตง้ั วาล์วระบายน้ำทิ้งท่ีเกิดจาก การกลั่นตัวภายในท่อส่งลมอัด ดงั รูปที่ 1.27 1-2% รปู ที่ 1.27 แสดงระบบท่อส่งลมอัด การแยกท่อใช้งานจากท่อลมหลัก จะต่อขึ้นทางด้านบน โดยทำมุมประมาณ 30 องศากับท่อเมน และงอโค้งประมาณ 5 เท่า ของเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ ดังรูปที่ 1.28 แต่ ้าไม่มีท่อโคง้ 30 องศา ใหใ้ ชท้ อ่ สนั้ ๆ ตอ่ จากด้านบนของทอ่ เมน แล้วจงึ ใช้ขอ้ ต่อ ขอ้ งอ ตอ่ ลงมา ดงั รปู 1.28 (ก) แต่ห้ามต่อตรง ซึ่งเป็นวิธีการต่อที่ผิด เพราะ ้าคุณภาพของลมไม่ดีพอจะทำให้เกิดการกลั่นตัว ของไอน้ำท่ปี นไปกบั ลม นำ้ จะลงไปทำความเสียหายแกอ่ ปุ กรณ์ทำงานได้ ดงั รูป 1.28 (ข) ท่อลมหลกั 30˚ (ก) ชดุ บรกิ ารลมอัด r = 5D D วาลว์ จ่ายลมใช้งาน (ข) ดักน้า/ระบายน้าทง้ิ รปู ท่ี 1.28 แสดงการแยกท่อใชง้ านจากทอ่ ลมหลกั ในการเดินท่อควรจะมีการหกั งอให้น้อยที่สุด เพราะ ้ามกี ารหักงอมากเท่าไร จะเกิดความดันตกคร่อมในท่อทางมาก ในทางปฏิบัติความดันตกคร่อมในท่อทางจ่ายลมอัด
25 ไม่ควรเกิน 5% ของความดันใช้งาน ในกรณีที่ไม่สามาร หลีกเลี่ยงการใช้ข้องอได้ ไม่ควรใช้ข้องอ แบบมุมหักฉาก 90 องศา แต่ควรจะใชข้ อ้ งอโค้ง 90 องศาแทน เม่อื มสี ิ่งกดี ขวาง เชน่ คาน เสา หลกี เลย่ี งได้ โดยการเดินท่อ ดงั รูปท่ี 1.29 (ก) และบริเวณสว่ นท่ตี ่ำทีส่ ุดจะต้องติดต้งั กับดักน้ำระบายอัตโนมัติไว้ เพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ใหน้ ้ำมาขงั อยบู่ รเิ วณดังกล่าว ดงั รปู ที่ 1.29 (ข) (ก) เดนิ ทอ่ ขา้ มเสา (ข) เดนิ ทอ่ ข้ามคาน รูปท่ี 1.29 แสดงการตดิ ตงั้ ท่อผ่านสง่ิ กดี ขวาง (2) การวางรปู แบบระบบทอ่ สง่ จา่ ยลมอดั โดยทว่ั ไปในโรงงานนน้ั มหี ลกั ใหญ่ ๆ คือ ขนาดของโรงงาน จำนวนเครอ่ื งจกั ร และอัตราการใช้ลมอดั การวางรปู แบบระบบทอ่ สง่ จา่ ยลมอัด ทน่ี ยิ มใชใ้ นปจั จุบนั มีดังน้ี 1) การวางแบบกริด (Grid system) เหมาะกับไลน์ หรือกลุ่มเครื่องจักรเลก ๆ ที่มีอัตราการใช้ลมน้อย และระยะการจ่ายลมจากเครื่องอัดอากาศไปจน ึงท้ายไลน์ไม่ไกลมากนัก โดยท่อเมนท่ีต่อออกจาก ังเกบลมมีขนาดใหญแ่ ล้วคอ่ ย ๆ ลดขนาดให้เลกลงในตอนทา้ ย ดังรปู ท่ี 1.30 รปู ท่ี 1.30 แสดงการวางทอ่ ส่งจา่ ยลมอัดแบบกรดิ 2) การวางแบบวงท่อ (Loop piping system) ระบบนี้ใช้กับไลน์ หรือกลุ่ม เครือ่ งจักรทีม่ ีขนาดใหญ่ หรอื ครอบคลมุ พนื้ ท่มี าก มีอตั ราการใช้ลมมาก และทอ่ ลมมคี วามยาวมาก
26 การจดั วางไลนท์ อ่ ลมจะเชอ่ื มตอ่ กันทัง้ หมด การวางท่อไม่มีหัวไลน์ และทา้ ยไลน์ ดังรูปท่ี 1.31 จึงทำให้ การสมดุลแรงดนั เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ปญั หาความดันลมตกนอ้ ยกวา่ ระบบอ่นื เม่อื เกิดการใช้ลม ที่ส่วนท้ายของวงท่อเป็นปริมาณมาก ลมจะวิ่งจากจุดจ่ายไปยังจุดที่ต้องการใช้ลม โดยผ่านท่อ ทั้งสองด้านของวง ทำใหส้ ามาร รองรบั ปริมาณการใชล้ มทม่ี ากกวา่ เมอ่ื เทยี บกบั ท่อขนาดเดียวกัน รูปท่ี 1.31 แสดงรปู แบบการวางท่อสง่ จ่ายลมอัดแบบวงท่อ (3) ท่อทางลมอดั (Pipe line) วงจรลมอัด ส่วนมากใช้งานที่ความดนั ต่ำกว่า 7 bar การตดิ ตั้งทอ่ จงึ ไมม่ ีอุปกรณท์ ่ียุ่งยาก สงิ่ สำคัญที่ต้องคำนงึ ึงในการจ่ายลมอดั คอื ระยะทางระหว่าง ท่อกับวาล์วต้องมีระยะสั้นที่สุด ขนาดของท่อต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่พอดีที่สุด ส่งจ่ายลมอัด ไดต้ ามความต้องการของอปุ กรณท์ ำงานน้ัน ๆ เพอื่ ให้เกดิ การสญู เสยี ความดันจากแรงเสยี ดทานน้อยท่ีสุด ดงั รปู ที่ 1.32 รูปที่ 1.32 แสดงการติดตัง้ วงจรทอ่ ลมอดั เพ่ือลดการสญู เสยี ความดนั (4) วสั ดทุ ่อสง่ จา่ ยลมอดั ทอ่ ส่งจา่ ยลมอัด ทอ่ เมน ทอ่ หลัก แบง่ ตามลักษณะของการใชง้ าน ดังนี้
27 1) ท่อเหลกดำ เป็นท่อแบบไม่มีตะเขบทำจากเหลกดึงขึ้นรูป มีความแขงแรง ทนต่อการกัดกร่อน ดังรูปที่ 1.33 (ก) ในการต่อท่อเข้าด้วยกันให้ใช้ปลอกแหวนสวมอัด จะไม่ใชว้ ิธกี ารเชือ่ ม เพราะจะทำใหเ้ กิดสะเกดตกค้างอยูภ่ ายในท่อ 2) ท่ออลูมิเนียม ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดงั รปู ท่ี 1.33 (ข) ไม่เกิดการ กดั กรอ่ น การตอ่ ท่อเขา้ ดว้ ยกนั จะมีอปุ กรณป์ ระกอบทอ่ แบบสวมอดั 3) ท่อทองแดง สำหรบั ตดิ ตัง้ เพ่ือการตอ่ ใชง้ านชว่ั คราว ดังรูปท่ี 1.33 (ค) 4) ท่อกัลป์วาไนซ์ ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเลก และขนาดกลาง ดังรูป ที่ 1.33 (ง) ท่อชนดิ นเ้ี มื่อใชไ้ ปนาน ๆ สังกะสที เ่ี คลอื บท่อจะเกิดการกะเทาะ หลุดออกมาเป็นแผ่น ทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งเป็นปัญหากับการปรับสภาพลม และสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ ทเี่ คลอ่ื นที่ (ก) ท่อเหลกดา (ข) ทอ่ อลมู เิ นียม (ค) ทอ่ ทองแดง (ง) ท่อกัลป์วาไนซ์ รูปท่ี 1.33 แสดงลกั ษณะทอ่ ส่งจ่ายลมอัดแต่ละชนดิ ท่ีมา: Airlink compressors.co.uk. (2558). www.airlinkcompressors.co.uk (5) วัสดุท่อเชอื่ มต่ออปุ กรณท์ ำงาน ท่อสำหรบั ต่อเชอื่ มระหวา่ งวาล์วตา่ ง ๆ กบั อุปกรณ์ ทำงาน จะเป็นทอ่ อ่อนจำพวกไนลอน หรือวัสดุอื่น ๆ ท่อออ่ นเหมาะกบั งานท่มี ีการเคลื่อนไหวไปมา คำนึง ึงความสะดวกในการติดตั้ง คือ ต่อง่าย ราคา ูก และง่ายต่อการบำรุงรักษา สามาร อด และใส่ได้สะดวก สีของท่ออ่อนมีอยู่หลายสีด้วยกัน เช่น ขาว ดำ น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง โดยทว่ั ไปท่อสีแดงใช้กบั ความดันสงู วัสดทุ ีใ่ ช้ในการทำท่ออ่อนมีอยหู่ ลายประเภท และแต่ละประเภท ต้องเลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกับงาน ดังน้ี
28 1) ไนลอน (Nylon tube ; NL) ท่อลมไนล่อน จะมีความเหนียว และคงทน ต่อการสึกหรอของผิวได้ดีเปน็ พิเศษ ทอ่ ลมไนลอ่ นไดร้ ับความนยิ มใช้งานในระบบนิวเมตกิ ส์ ไนลอน เบอร์ 12 จะแขงเกนิ ไป และไนลอนเบอร์ 6 จะอ่อนเกินไป ดงั รูปท่ี 1.34 (ก) 2) โพลยี รู ิเทน (Polyurethane tube ; PU) ทอ่ ลมพียู มีความยืดหยุ่น และทนต่อ แรงดงึ สูง แรงต้านในการไหลตำ่ เนือ่ งจากดา้ นในมีผนังเรยี บ ทนไฟ ปลอดสารพษิ ทนการกระแทก ทนทานตอ่ การเสยี ดสี ท่อลมพียูสามาร บิดงอได้โดยท่ีไมเ่ กดิ ความเสียหาย และง่ายต่อการตดิ ต้งั ทำงานได้ตลอดอายุภายใต้ความดันคงที่ ทนความร้อน -25 C ึง +80 C แรงดันทะลุ 30 bar หรือ 450 psi ดงั รูปที่ 1.34 (ข) 3) เทปลอน (Teflon tube ; PTFE) วัสดปุ ระเภทนีจ้ ะใชก้ ับงานอุตสาหกรรม ประเภทอาหาร และยา ในประเทศทเ่ี จรญิ แลว้ จะบงั คบั ให้ใช้วัสดปุ ระเภทน้ี ดงั รูปท่ี 1.34 (ค) 4) โพลีเอททีลีน (Polyethylene ; PE) วัสดุประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้นอก อาคาร และนิยมใช้ใกล้กับแหล่งความร้อน เนื่องจากทนต่อรังสี UV และทนความร้อนได้ดี เชน่ บรเิ วณใกลฮ้ ตี เตอร์ หรอื เตาอบ ดังรูปท่ี 1.34 (ง) (ก) ไนลอน ; NL (ข) โพลยี ูรเิ ทน ; PU (ค) เทปลอน ; PTFE (ง) โพลีเอททลี นี ; PE รปู ท่ี 1.34 แสดงทอ่ เชอื่ มตอ่ แบบออ่ น ที่มา: บริษทั นวิ ม่าซสิ เตม จำกดั . (2554). www pneuma.nanasupplier.com 1.4 ขอ้ ดีขอ้ เสียของระบบนิวแมติกส์ ระบบนิวแมตกส์ในปัจุบัน ูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย การนำระบบลมอัดใช้ร่วมกับระบบ ควบคุมอตั โนมัติ จึงต้องศึกษาขอ้ ดี ขอ้ เสยี ของระบบลมอดั ก่อนทจี่ ะนำไปใชด้ ังต่อไปน้ี 1.4.1 ข้อดีของระบบนิวแมติกส์ (1) ระบบลมอัดทใี่ ชง้ านทว่ั ไปไมม่ กี ารระเบดิ หรือลุกไหมเ้ ปน็ เปลวไฟ จงึ ประหยัด ค่าใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั อุปกรณป์ ้องกนั ความปลอดภัย (2) ระบบลมอัดมีความเรวสูง สามาร ปรับความเรวในระบบได้ ลูกสูบมคี วามเรว 1-2 m/sec และลกู สบู ชนดิ พเิ ศษมคี วามเรวสงู ึง 10 m/sec
29 (3) ระบบการส่ง ่ายลมอัด สามาร ส่ง ่ายลมอัดไปตามท่อในระยะทางไกล ๆ ลมอัด ที่ใชแ้ ล้วระบายทิง้ ปล่อยสูบ่ รรยากาศได้เลย ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมที อ่ นำกลบั จึงประหยัดคา่ ใช้จ่าย (4) ระบบการทำงานสามาร ทำงานไดต้ ่อเน่อื ง เน่ืองจากมรี ะบบเกบลมอัดไว้ใน งั เกบลมตามปรมิ าณของการใชล้ ม (5) อปุ กรณ์ทใี่ ชก้ บั ระบบลมอดั จะมคี วามปลอดภยั และไม่เกิดการเสยี หาย เนื่องจาก การทำงานเกินกำลัง (6) สามาร ปรบั ความเรวในการทำงานของลกู สบู ด้วยวาลว์ ควบคมุ อตั ราการไหลของลม (7) ควบคุมความดนั ลมอัดให้มีคา่ มากน้อยตามต้องการ ด้วยวาล์วควบคุมความดนั (8) ลมอัดมีความสะอาดมาก เนื่องจากมชี ุดปรับคุณภาพลมอัดที่ปราศจากความชืน้ จึงทำให้อปุ กรณ์ในระบบมคี วามสะอาด และสามาร ทำงานไดด้ ที รี่ ะดบั ความแตกต่างของอณุ หภูมสิ งู (9) การตง้ั ระยะชักของกา้ นสูบ สามาร ปรับแต่งระยะหยุด หรือช่วงชกั ของลูกสูบ ได้ทกุ ตำแหน่ง จากน้อยสุดจน ึงมากสดุ ได้ตามความต้องการ (10) อุปกรณท์ ่ีใช้งานมีความกะทดั รัด ทนทาน นำ้ หนักเบา ซ่อมบำรงุ ดูแลรักษาไดง้ า่ ย 1.4.2 ขอ้ เสยี ของระบบนิวแมตกิ ส์ (1) การเพิ่มเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ทำงานเข้ามาในวงจร โดยไม่คำนึง ึง ความสามาร ของเคร่ืองอัดอากาศ ซึง่ อาจจะทำให้เคร่ืองจกั รทำงานคลาดเคลอื่ นได้ และในบางครง้ั ้าอปุ กรณท์ ำงานอยูห่ า่ งจากอปุ กรณค์ วบคุมเกนิ กวา่ 5 เมตร จะทำให้เกดิ ปญั หาในการทำงาน (2) ลมอัดสามาร อดั ตวั ได้ ทำให้การเคลื่อนทข่ี องลูกสูบไมส่ มำ่ เสมอ (3) ลมที่ได้มาจากการอดั ตัวในระบบนิวแมติกส์จะมคี วามชืน้ ปนอยู่ และเมื่อความดนั ลดลงจะทำให้เกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำภายใน ังเกบลม และท่อลม ทำให้ความชื้นเข้าไปในระบบ ควบคุม ทำให้วาล์วต่าง ๆ เกิดสนิม ซ่ึงสง่ ผลใหอ้ ปุ กรณใ์ นระบบมอี ายกุ ารใช้งานส้ันลงกวา่ เดมิ (4) การทำงานของระบบนิวแมตกิ ส์จะมเี สียงดัง เนือ่ งจากการจ่ายลมอัดเข้าระบบ การควบคมุ การทำงานต่าง ๆ ของระบบจะตอ้ งระบายลมออกทางวาลว์ ควบคุม จึงเกิดเสยี งดงั ึงแม้วา่ วาล์วควบคุมจะมตี ัวเกบเสียงติดอยกู่ ตาม กยงั มีเสยี งดงั ขณะเครอ่ื งจักรทำงาน (5) ความดันของลมอัดในระบบนิวแมติกส์จะเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิ า้ อณุ หภูมสิ ูงความดนั ของลมอดั จะเพิ่มขึ้น และ ้าอุณหภูมติ ำ่ ความดันของลมอดั จะลดลง (6) การผลิตกระบอกสูบมีข้อจำกัด ้าต้องการแรงในการใช้งานมากตามต้องการ ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางของลูกสูบจะตอ้ งมีขนาดโตข้ึน การออกแบบจึงมีขอ้ จำกัดเกี่ยวกับขนาด (7) อุปกรณ์มีข้อจำกดั ในการผลติ และติดตั้ง เช่น กระบอกสูบ หากต้องการแรง ท่ีสง่ จากอุปกรณ์มาก จะต้องมขี นาดท่ีใหญข่ ึน้ ซ่ึงในบางกรณนี ั้น ไมส่ ามาร ติดตั้งในพน้ื ทที่ จี่ ำกัดได้
30 1.5 การบำรงุ รกั ษาแ ะแก้ปญั หาระบบ มอัด การทำงานในระบบนิวแมติกส์ มักจะพบกันอยู่เป็นประจำว่า มีการใช้งานที่ผดิ วิธี หรือขาดการ บำรงุ รกั ษาที่ กู ตอ้ งเหมาะสม ทำให้การใช้งานไม่เตมประสิทธิภาพ และมีผลตอ่ อายกุ ารใชง้ าน 1.5.1 การบำรงุ รักษาเคร่ืองอดั อากาศ การบำรุงรักษา ลักษณะการใชง้ าน 1. การวางเคร่ืองอัดอากาศ - ระบายความรอ้ นไดด้ ี 1.1 หา่ งจากกำแพงประมาณ 30 cm - สะดวกในการซ่อมบำรงุ 1.2 วางเคร่อื งอดั อากาศในห้องทปี่ ดิ มิดชิด - ภายในหอ้ งตอ้ งมีการระบายอากาศได้ดี เพอ่ื ใหก้ ารทำงานมีประสิทธภิ าพสงู สุด - ไม่ให้เกิดน้ำภายในระบบ 2. มอเตอร์ - อย่าให้ กู น้ำ และมีความชน้ื - ตรวจดจู ุดตอ่ สายไฟเพ่ือไม่ใหเ้ กดิ อันตราย ในระหว่างท่มี อเตอรท์ ำงาน 3. เกจวัดความดัน - ตรวจสอบความดนั เกจ ตอ้ งไม่เกนิ มาตรฐานของ งั เกบลม (7-10 bar) 4. วาลว์ นิรภัย - ตรวจสอบดว้ ยการดงึ วาลว์ นิรภัย ใหม้ นั่ ใจวา่ วาล์วทำงานปกติ 5. สายพาน และพูลเล่ย์ - มชี ดุ ปอ้ งกนั อันตราย - ตรวจสอบความตงึ ของสายพาน - ปรับระดบั ความตึงตามระยะกำหนด - ตรวจสอบรอยแตกร้าวสายพาน - สายพานแตกรา้ ว หรอื ชำรดุ ควรเปลย่ี นใหมท่ ันที 6. กรองอากาศ - อดออกเป่าทำความสะอาดทุ ๆ 2 เดือน - เปลยี่ นกรองใหมท่ กุ ๆ 6 เดือน 7. น้ำมนั หลอ่ ล่นื - เปลยี่ น ่ายนำ้ มนั หล่อลื่นตามชั่วโมงการใช้งาน - เปล่ียนกรองนำ้ มนั หลอ่ ลืน่ ตามชวั่ โมงการใชง้ าน 8. ระบายนำ้ - ่ายน้ำที่ขังอยภู่ ายใน งั เกบลมออกทกุ ๆ วัน - ไมใ่ ห้มีละอองน้ำออกมาในขณะใช้ลม - ปอ้ งกันสนมิ ขึ้นภายใน ังเกบลม
31 ตรวจสอบสายพาน ชดุ ปอ้ งกนั อัตราย ทาความสะอาดกรองอากาศ ตรวจสอบมอเตอร/์ จุดต่อสาย ตรวจสอบสวิตซค์ วามดนั วางหา่ งผนงั 30 เซนติเมตร ตรวจสอบความดนั เกจ ตรวจสอบวาล์วนริ ภัย เปลย่ี น ่ายนา้ มันหล่อลนื่ 1.5.2. การบำรุงรกั ษาชดุ บริการลมอดั ลักษณะการใช้งาน การบำรงุ รกั ษา 1. ตัวกรองลมอดั - ทำความสะอาดตามกำหนดเวลา - อดเปลี่ยนไสก้ รองตามอายกุ ารใชง้ าน ปลี ะ 1 ครั้ง 1.1 ไส้กรอง - ทำความสะอาดดว้ ยนำ้ อนุ่ ผสมน้ำยาทำความ 1.2 ้วยกรอง สะอาด แล้วล้างออกดว้ ยนำ้ สะอาด 1.3 ระบายนำ้ ทง้ิ - ตรวจสอบทุกวันเพ่อื ให้ม่ันใจว่าสภาพปกติ - 2. ตัวปรบั ความดัน ระบายนำ้ ทง้ิ อย่างนอ้ ยอาทิตยล์ ะ 1 คร้งั - เมือ่ ปรบั คา่ ความดันใชง้ านตามท่ีต้องการแลว้ 3. เกจวัดความดนั ควรลอกมอื หมนุ ปรับค่าทกุ ครั้ง - มอื หมนุ ปรับคา่ ตดิ ตัง้ ให้ ูกตอ้ ง 4. ตวั ผสมน้ำมันหล่อลนื่ - ไม่ต้งั ความดนั สูงเกนิ กวา่ ขดี กำหนด - กอ่ นจ่ายลม ควรคลายตวั ต้ังความดันใหต้ ่ำสดุ แลว้ คอ่ ย ๆ ปรบั เพมิ่ ข้ึนจน ึงค่าท่ีตอ้ งการปอ้ งกนั การสะบดั กระแทก ของเขมชี้และชดุ กลไกภายใน - ว้ ยนำ้ มันเป็นโลหะ เลือกใช้นำ้ มันหล่อลืน่ ทีม่ คี า่ ความหนืดเหมาะสม - นำ้ มนั สามาร ดูดผสมกบั ลมอัดได้ - ห้ามใชน้ ้ำมนั สงั เคราะห์ หรอื น้ำมนั ที่ใชแ้ ล้ว
ลักษณะการใชง้ าน 32 5. การติดตงั้ ชุดบรกิ ารลมอัด การบำรงุ รักษา - เพอื่ ประสทิ ธภิ าพการสง่ น้ำมันท่ีดี ทอ่ ที่ตอ่ ออก จากอปุ กรณ์ ไมค่ วรสูงเกิน 2 เมตร - การติดตั้ง ข้องอไม่ควรเกนิ 5 ตวั - ไม่ควรต่อข้องอทนั ทแี ละยกสงู ขน้ึ ไป ระยะไมเ่ กิน 2 m 1.5.3 การแก้ไขปญั หาเคร่อื งอดั อากาศ ข้อบกพรอ่ ง สาเหตุ วธิ ีแกไ้ ข -ปรับต้ังสายพานใหพ้ อดี 1. มอเตอรร์ อ้ น -สายพานตงึ -ตรวจสอบทำความสะอาด -เปลย่ี นซีลยางวาลว์ -ทางลมออกตัน -ทำการ อดฝาสูบ 2. ลมออกนอ้ ย -เกิดจากซลี ยางวาล์วขาด - ่ายน้ำมันออก ระดบั พอดี -ระบบวาลว์ ลิน้ อดั ลม มีปญั หา -ตรวจสอบหาจดุ ร่ัวซมึ -เติมนำ้ มนั เครอ่ื ง 3. นำ้ มนั รัว่ ออกมากบั ลม -เติมนำ้ มันเกินระดบั -เปลี่ยนใหม่ 4. มอเตอรท์ ำงานตลอด -ระบบชดุ จ่ายลมมีการรั่วซึม 5. ตวั เครอื่ งรอ้ น -น้ำมันเครือ่ งขาด 6. เกจวดั แรงดนั เขมคา้ ง -ระบบกลไกภายในมีปญั หา 1.5.4 การแก้ไขปญั หาชดุ บรกิ ารลมอดั ขอ้ บกพรอ่ ง สาเหตุ วิธีแก้ไข -ล้าง เปล่ยี นน้ำมนั ใหม่ 1. กระเปาะน้ำมนั หลอ่ ลื่น -มีนำ้ ผสมอย่กู ับนำ้ มัน -ตรวจสอบคมู่ ือปรบั อตั รา สขี นุ่ ขาว หรอื เทา การหยดให้ ูกตอ้ ง 2. นำ้ มันหลอ่ ลืน่ แหง้ เรว -ปรบั อตั ราการหยดไม่เหมาะสม
33 ขอ้ บกพรอ่ ง สาเหตุ วธิ ีแก้ไข 3. กรองอากาศ รรู ะบายนำ้ -คราบสงิ่ สกปรกท่ีปนอยู่กับนำ้ - อดชุดลูก ้วยออกมาลา้ ง ด้านลา่ ง ชุดลกู ลอยตัน ตดิ เปน็ ตะกรันอยูบ่ ริเวณกน้ ของ และเปา่ ลมทำความสะอาด กระเปาะด้านล่าง 1.6 สัญ ักษณอ์ ุปกรณ์ระบบ มอัด สญั ลกั ษณ์ ชือ่ อปุ กรณ์ เกจวัดความดัน งั เกบลม วาล์วเปิด-ปิด ระบายนำ้ ด้วยมือ ระบายนำ้ อตั โนมตั ิ กำจดั ความชืน้ ระบายความรอ้ นแบบใชพ้ ดั ลม ระบายความรอ้ นแบบใชน้ ำ้ หล่อเยน วาล์วนิรภัย งั เกบลมอดั
34 ชือ่ อุปกรณ์ สญั ลักษณ์ ควบคุมความดนั กรองอากาศ ผสมน้ำมนั หล่อล่นื ชุดบริการลมอัด การตอ่ ทอ่ แยกจากท่อเมน 1.7 สรปุ ระบบนิวแมตกิ ส์ คอื ศาสตรท์ ่ีวา่ ด้วยคณุ สมบตั ทิ างฟิสกิ ส์ อากาศ อากาศ คือสว่ นผสมของก๊าซตา่ ง ๆ และไอนำ้ ความชืน้ ของอากาศ ปรมิ าณไอนำ้ ในอากาศ ความช้นื อากาศมาก อากาศมไี อน้ำมาก เรยี กวา่ อากาศอ่ิมตัวด้วยไอน้ำ จดุ อม่ิ ตัวของไอน้ำในอากาศ ไอน้ำสว่ นทีเ่ กนิ จะเริ่มกล่ันตัวกลายเปน็ หยดน้ำ ความชืน้ สัมพทั ธ์ 100 % สภาวะท่มี ีปรมิ าณไอน้ำในอากาศจำนวนมากทีส่ ุด ที่อากาศ สามาร รองรับไวไ้ ดท้ อี่ ุณหภมู ินนั้ ๆ อุณหภมู หิ ยดนำ้ ค้าง อุณหภมู ทิ คี่ วามชน้ื ในอากาศเรม่ิ กล่ันตัวเปน็ หยดนำ้ เม่อื (Dew point temperature) อากาศ กู ลดอณุ หภูมทิ ี่แรงดนั คงที่ แรงดันอากาศ แรงอากาศกดลงบนผิวของวตั ุทกุ ทิศทุกทาง หน่วย N/m2 ความดนั อากาศ แรงที่อากาศกระทำตอ่ หนง่ึ หน่วยพืน้ ที่
35 ระบบนิวแมติกส์ ระบบจะเริ่มต้นจากเครื่องอัดอากาศ ผลิตลมอัด จ่ายลมอัดผ่านท่อ สง่ จ่าย เข้าสูช่ ุดบริการลมอัด และจ่ายลมอดั ตามทอ่ สาขาไปยังอุปกรณ์ทำงาน เชน่ กระบอกสบู ตวั กรองลม อปุ กรณ์ทางาน อากาศ ตวั ปรบั ความดัน กรองอากาศ ทอ่ สง่ จา่ ยลมอดั ตัวผสมนา้ มันหล่อลน่ื ทอ่ สาขา อัดอากาศ งั เกบลมอัด ชดุ บรกิ ารลมอดั กระบอกสบู ต้นกาลงั มอเตอร์ไฟฟา้ อปุ กรณท์ างาน เครื่องอดั อากาศ แบง่ ตามลกั ษณะการทำงาน ดงั น้ี เครือ่ งอัดอากาศ เคล่อื นทต่ี ามแนวเสน้ ตรง เคล่ือนท่ีในลักษณะการหมนุ แบบใบพดั เลอื่ น แบบลูกสบู แบบไดอะแฟรม แบบใบพัดหมนุ แบบสกรู แบบลกู สูบชนั้ เดียว แบบกังหัน แบบลูกสบู สองช้ัน ระบบลมอัด ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ ดงั นี้ อปุ กรณ์ หน้าที่ 1. ังเกบลมอัด 1.1 งั เกบลม สะสมความดัน 1.2 ทอ่ ทางเข้า เปน็ ทอ่ สำหรบั ลมอัดไหลเขา้ ัง 1.3 ทอ่ ทางออก เป็นทอ่ ทางออกของลมอัดเพือ่ นำไปใช้งาน 1.4 เกจความดัน แสดงคา่ ความดนั และปรบั ต้ังความดนั 1.5 วาล์วปดิ -เปดิ ปิด-เปดิ ลมใช้งาน 1.6 วาลว์ นิรภัย ป้องกนั ความดนั เกนิ มาตรฐาน 1.7 วาลว์ ระบายนำ้ ทงิ้ ระบายน้ำออกจาก ังเกบลมอัด 1.8 ชอ่ งทำความสะอาด สำหรับทำความสะอาดและซอ่ มบำรงุ
36 อุปกรณ์ หนา้ ที่ 2. ระบบปรบั ปรุงคุณภาพลมอัด 2.1 ระบายความร้อน -ระบายความรอ้ นของลมอดั 2.2 กำจดั ความช้นื -กำจัดความช้ืนของลมอัด 2.3 กรองลมหลกั -กรองฝุน่ ละอองต่าง ๆ 2.4 ชดุ บริการลมอัด - ชว่ ยทำความสะอาดลมอดั อีกครงั้ หนง่ึ กอ่ น ึงอุปกรณ์ ทำงาน 2.4.1 ตัวกรองอากาศ -กำจัดน้ำและสง่ิ สกปรก 2.4.2 ตวั ปรบั แรงดัน -ปรับความดนั การใชง้ าน 2.4.3 ตวั ผสมน้ำมนั หล่อลน่ื -ผสมน้ำมันกบั ลมอดั 2.4.4 เกจวดั ความดนั -แสดงค่าความดนั การสง่ จ่ายลมอดั การติดตัง้ ท่อ รูปแบบการเดินท่อ วัสดทุ ่อลม อัตราลาดเอยี ง 1-2 % แบบกรดิ ทอ่ ส่งจ่าย ทอ่ เชื่อมต่ออปุ กรณ์ การต่อทอ่ แยก ทามุม 30 องศา แบบวงท่อ เหลกดา ไนลอน อลมู ิเนยี ม โพลียูลิเทรน ทองแดง เทปลอน กลั วาไนต์ โพลีเอททีลนี
37 แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1 เรื่อง หลักการทำงานเบ้ืองต้นของระบบนิวแมติกส์ คำชี้แจง มีคำ าม 10 ขอ้ ให้นักเรยี นตอบคำ ามโดยการบรรยายให้ได้ใจความสมบรู ณ์ 1. จงเขียนแผนภาพแสดงหลักการทำงานของระบบนิวแมติกส์ 2. จงเขียนสัญลักษณ์ของชุดบริการลมอัด
38 3. อธิบายการบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. อธิบายหน้าที่ของอุปกรณ์ ังเกบลมอัด 1. เกจความดัน………………………………………………………………………………………………………. 2. วาล์วนิรภัย………………………………………………………………………………………………………… 3. วาล์วระบายนำ้ ทิง้ ………………………………………………………………………………………………. 5. อธิบายข้อดีข้อเสียของระบบนิวแมติกส์ ขอ้ ดี 1. ………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสยี 1. ………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ………………………………………………………………………………………………………………………… 6. อธิบายชนิดของเครื่องอัดอากาศและหลักการทำงาน …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
39 7. จงเขียนสัญลักษณ์ของ ังเกบลมอัด 8. เขียนแผนภาพแสดงกระบวนการปรับปรุงคุณภาพลมอัด 9. อธิบายหน้าท่ีของชุดบริการลมอัด 1. ตัวกรองลมอดั ................................................................................................................. 2. ตวั ควบคุมความดนั …………………………………………………………………………………………….. 3. ตัวผสมนำ้ มันหลอ่ ลื่น...................................................................................................... 10. จงเขียนแผนภาพรูปแบบการวางระบบท่อส่งจ่ายลมอัดแบบกริด
40 ใบมอบงานหน่วยที่ 1 เร่ือง หลักการทำงานเบ้ืองต้นของระบบนิวแมติกส์ คำช้แี จง มีคำ าม 2 ข้อ จงแสดงวิธที ำอย่างละเอียด 1. จากข้อมูลด้านล่างจงคำนวณหาค่าตามข้อคำ าม เครือ่ งอัดอากาศ ปรมิ าณนา้ ระบายท้งิ เท่าไร อุณหภูมิอากาศเขา้ T = 35˚ ความดันอากาศอดั P = 7 bar ความสามาร รบั นา้ 100% = 39.5 g/m3 คา าม 1. ังเกบลมเกบปรมิ าตรของอากาศในสภาวะปกตไิ ดเ้ ทา่ ไร 2. ปรมิ าณไอน้าใน ังเกบลม 3. ไอน้ากล่ันตัวเป็นหยดนา้ ใน งั เกบลม …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………………………………………
41 2. จากรูปและขอ้ มูลดา้ นลา่ งจงคำนวณหาค่าปรมิ าณไอน้ำแต่ละจุด นำผลลพั ธ์ท่ีได้ใส่ลงในช่องว่าง ความชน้ื สมั พัทธ์ 100% ความชื้นสัมพทั ธ์ 100% ปริมาณไอน้า . g/m3 ปรมิ าณไอน้าท่ีมใี นลมอัด ..... g/m3 ปรมิ าณไอน้าที่มใี นลมอัด ..... g/m3 ความชน้ื สมั พทั ธ์ 100% T=55˚C ปริมาณไอนา้ ทีม่ ใี นลมอัด ..... g/m3 3m3/min After T=5˚C P=8bar cooler compressor P=8 bar P=8bar P=8bar T=45˚C T=37˚C air dryer T=37˚C ความช้นื สัมพัทธ์ 50% drain drain ปรมิ าณไอน้า .. g/m3 ปรมิ าณน้าท้ิง.... ......g/m3 ปรมิ าณนา้ ทิง้ .... .......g/m3 …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….…………………………………………… …………………………………………………………………………………………….……………………………………………
42 บรรณานุกรม ณรงค์ ตนั ชีวะวงศ์. (2554). นวิ แมติกสแ์ ะไฮดรอ ิกสเ์ บ้ืองต้น. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท พมิ พด์ ีกาพมิ พ์จำกัด. เดชฤทธิ์ มณธี รรม. (2547). คัมภีรร์ ะบบนิวแมติกส์ (Pneumatics System). นครปฐม : เพชรเกษมพร้ินต้งิ กรปุ๊ จำกดั . นิวไฮด์ Rexrothbosch Group. (2558). “อปุ กรณ์นิวเมตกิ ส์ (PNEUMATIC COMPONENT).” (ออนไลน์). สืบคน้ จาก : http://www.pneu-hyd.co.th. [4 เมษายน 2559] บริษัทกจิ กา้ วหนา้ เทรดดงิ้ จำกดั . (2558). “ปัม๊ ลมประเภทตา่ ง ๆ.” (ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก : http://kijkaona.tarad.com/article/?id=117780&lang=th บริษทั นวิ ม่าซิสเตม จำกดั . (2554). “สายลม.” (ออนไลน์). สืบค้นจาก : http://www pneuma.nanasupplier.com . [22 มกราคม 2558] บริษัท อัคร โซลูชนั่ จำกัด. (2558). “วธิ ีการดแู ลบำรุงรกั ษาปัม๊ ลม.” (ออนไลน์). สบื ค้นจาก https://www.ปมั๊ ลมราคา ูก.com xn--12cf8cs4aaoo0iob9fwk.com/. [12 มกราคม 2558] ปานเพชร ชนิ นิ ทร และ ขวัญชยั สนิ ทิพย์สมบรู ณ์. (2554). นวิ แมตกิ สอ์ ตุ สาหกรรม. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ซเี อดยูเคช่ัน จำกัด (มหาชน). รงุ่ โรจน์ รตั นวารนิ ทร์ และคนอ่ืน ๆ. (2553). เรียนรู้นิวแมติกส์. ปทุมธานี : บรษิ ทั สกายบ๊กุ ส์ จำกดั . วันชยั จันทรวงศ.์ (2553). ระบบนิวแมตกิ สแ์ ะไฮดรอ กิ ส์. กรุงเทพมหานคร : ศนู ย์ผลิต ตำราเรียน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สิริวฒั น์ ไวยนติ ย์. (2558). “กฎเบอ้ื งต้นของระบบนวิ แมติกส์.” (ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก http://www.9engineer.com/index.php?m=article&a=print&article_id=434. [10 มีนาคม 2559] อาจหาญ ณ นรงค์. (2541). “คณุ ภาพของลมอัดกับอุณหภูมิหยดน้ำค้าง.” (ออนไลน์). สบื คน้ จาก http://www.thailandindustry.com/indust_newweb/articles_preview.php?cid =16208 A staff report. (2559). “Air Filter.” (ออนไลน์). สืบคน้ จาก : http://www.hydraulicspneumatics.com/200/TechZone/AirFiltersandFR/Articl e/False/6456/TechZone-AirFiltersandFR. [3 เมษายน 2559]
43 Airlink Compressors.co.uk. (2558). “Air net aluminum compressor air pipe.” (ออนไลน)์ . สืบค้นจาก : http://www.airlinkcompressors.co.uk/products/airnet- aluminium-compressed-air-pipe. [6 พฤษภาคม 2558] Chem.libretexts. (2557). “Gay-Lussac's Law.” (ออนไลน์). สืบค้นจาก : https:chem.libretexts.org/Textbook_Maps/Introductory_Chemistry_Textbook _Maps/Map%3A_Introductory_Chemistry. [15 มกราคม 2558] Pdblowers, Inc. (2558). “Roots universal RAI Blowers.” (ออนไลน์). สืบคน้ จาก :https://www.pdblowers.com/c9-universal-rai-roots-blower-urai.php. [8 พฤษภาคม 2558] Sika Siebert & Kuhn Gmbh & Co. (2558) “Diaphragm pressure gauges.” (ออนไลน์). สืบคน้ จาก : https://www.sika.net/en/measuringcategories/pressure/mechanical- pressure-gauges/diaphragm-pressure-gauges.html. [1 เมษายน 2559] The Editors of Encyclopædia Britannica. (2558). “Boyles-law.” (ออนไลน์). สบื คน้ จาก : https://www.britannica.com/science/Boyles-law. [18 มีนาคม 2559] The laboratory people. (2558). “Vacuum pumps? What is the difference betweenrotary vane and diaphragm.” (ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก : http://camblab.info/wp/index.php /what-is-the-difference-between-rotary-vane-and-diaphragm-vacuum-pumps/. [1 กุมภาพันธ์ 2558] Van air system. (2559). “After cooler filter for 185 cfm air compressor, coolpak, van air systems.” (ออนไลน์). สบื คน้ จาก : http://moistureboss.com/aftercooler-filter-for-185-cfm-air-compressor- coolpak-van-air-systems. [1 เมษายน 2559] Venngage. (2556). “Ideal gas laws.” (ออนไลน์). สบื ค้นจาก : https://infograph.venngage.com/p/90009/ideal-gas-laws. [16 มกราคม 2558] Vivek bhardwaj. (2557). “Reciprocating compressors and its types.” (ออนไลน)์ . สืบคน้ จาก : http://aermech.com/reciprocating-compressors-and-typesworking- principleengineering-explained/. [22 มกราคม 2558]
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: