Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 7 กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน

บทที่ 7 กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน

Published by Wilawan S, 2021-12-31 15:16:38

Description: คู่มือการอนุรักษ์พลังงาน V.2022
กลุ่มวิจัย EnConLab
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

Keywords: e-book, enconlab, energy, saving

Search

Read the Text Version

บทที่ 7 กลยุทธ์ในการขบั เคลือ่ น กิจกรรมอนุรักษ์พลงั งาน คู่มอื การอนุรกั ษ์พลงั งาน 7-1 V.2022

เครื่องมอื วดั ดา้ นพลงั บงทาทน่ี 2 เครอ่ื งมือวัดเป็นอุปกรณ์สาคัญในงานตรวจวัดด้านพลังงาน ซึ่งจะมีผลต่อความถูกต้องของการ วิเคราะห์ เคร่ืองมือที่นามาใช้ในงานตรวจวัดจะต้องมีท้ังความถูกต้อง(Accuracy) และความเท่ียงตรง (Precision) โดยเมอ่ื นาไปใช้งานในการวดั ขนาดหรือค่าทีต่ ้องการ ค่าที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขบนเครื่องมือ วัดเหล่านี้ต้องมีความเช่ือถือได้ ในบทที่จะกล่าวถึงการใช้งานของเครื่องวัดที่สาคัญในด้านพลังงาน ดังต่อไปนี้ 7-2 กล่มุ วจิ ยั EnConLab มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

กลยทุ ธใ์ นการขับเคล่ือนกจิ กรรมอนุรักษ์พลบังทงทาี่น7 การขับเคลื่อนกิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน ให้ได้ผลเป็นไปตามเป้าหมายและยั่งยืน จะต้องคานึงการ บริหารจัดการปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการใช้พลังงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองของเทคโนโลยี เคร่ืองจักร อุปกรณ์ งบประมาณความคุ้มค่าในการลงทุน และท่ีสาคัญที่สุดคือทีมงานและผู้เกี่ยวข้องที่มีส่วนในการ กาหนดนโยบายการใช้พลังงานหรือตัวผู้ปฏิบัติงานท่ีมีส่วนในการใช้พลังงานในองค์กรด้วย ดังนั้นการ กาหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานในองค์กรจึงควรจะคานึงถึงปัจจัยและแนวทาง ต่างๆ ดังตอ่ ไปน้ี คูม่ อื การอนุรักษ์พลังงาน 7-1 V.2022

7.1 การบริหารจัดการกิจกรรมการอนรุ กั ษ์พลังงานดว้ ย PDCA วงจรบริหารงานคุณภาพ PDCA หรือระบบบริหารงานของเดม่ิง (Deming Cycle) เป็นวงจรการ ควบคุมปรับปรุงคุณภาพในการทางานอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) เพื่อนาไปสู่การ ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น (Quality Improvements) ตลอดเวลา ด้วยการกาหนดมาตรฐานตัวชี้วัด ท่ีสูงขึ้นเร่ือย ๆ เพื่อ  การปรับปรุงการทางานอย่างต่อเน่ือง และเป็นระบบ  สามารถทาให้งานบรรลุผลท่ีต้องการ  ประหยัดกาลังงาน เวลา ค่าใช้จ่าย และทรัพยากรต่าง ๆ  สร้างความพึงพอใจ มั่นใจต่อผลงานที่ออกมา  มีการพัฒนาบุคลากรในระบบการทางานให้ดียิ่งขึ้น 7-2 กล่มุ วิจัย EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

วงจรบริหารงานคณุ ภาพ PDCA ประกอบดว้ ย 4 ข้ันตอน คอื 1.) Plan คือ ขนั้ ตอนการวางแผนการดาเนินงาน จะครอบคลุมกจิ กรรมต่างๆ คือ  การจัดต้งั ทมี งาน กาหนดผู้รับผดิ ชอบในกจิ กรรมอยา่ งชัดเจน  การกาหนดโครงสร้างผู้รบั ผดิ ชอบในแต่ละกิจกรรม และมอบหมายความรับผดิ ชอบ  การประชมุ ระดมสมอง ของทมี งานอยา่ งตอ่ เนือ่ งสม่าเสมอ  การสารวจและเก็บข้อมูล วิเคราะห์รายละเอียดของปัญหา ณ สถานการณ์ปัจจุบัน โดยใช้หลัก 5W2H (What, Why, Who, When, Where, How & How much)  กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ และขอบเขตการดาเนนิ งาน  กาหนดตัวช้ีวัดความสาเร็จ และตั้งเป้าหมาย กาหนดวันเวลาในการดาเนินการและการ ประเมนิ ผล  กาหนดทรพั ยากร และงบประมาณในการดาเนินงาน  วางแผนการดาเนนิ งานอย่างรอบคอบ ลักษณะแผนงานท่ีดี  เปน็ รูปธรรมชัดเจน สามารถปฏิบัตติ ไิ ด้ (Realistic)  สามารถเข้าใจได้ (Understandable)  สามารถวดั ผลไดใ้ นแตล่ ะข้นั ตอน (Measurable)  มีการกาหนดพฤติกรรมประกอบ (Behavioral)  สามารถทาใหส้ าเร็จได้ (Achievable) 2.) Do คอื การปฏิบตั ิตามแผนทไี่ ด้วางไว้ ประกอบดว้ ยกิจกรรมตา่ งๆ คอื  การดาเนินการตามแผนท่ีไดว้ างไว้  ลงมอื ปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงตามทางเลือกทไี่ ด้กาหนดไว้ในข้ันตอนของการวางแผน  ตรวจสอบระหวา่ งการนาแผนไปปฏิบัติด้วยว่าได้ดาเนินไปในทิศทางที่ได้กาหนดไว้หรือไม่ จะต้อง มีการปรบั แผนหรือระยะเวลาในการดาเนนิ การใหม่หรอื ไม่  สอื่ สารให้ผเู้ กี่ยวขอ้ งรบั ทราบถงึ การปฏบิ ตั งิ าน และเป้าหมายตามแผนท่ไี ดว้ างไว้  รณรงค์สง่ เสริม ให้ความรู้ ประชาสัมพันธใ์ หผ้ ูเ้ กย่ี วขอ้ งได้รบั รู้ผ่านช่องทางท่ีเหมาะสม  มีผลลพั ธข์ องการดาเนินงานออกมา หลังจากการปฏิบัติตามแผนเสร็จสิ้นลง เพ่ือสามารถนาไป ประเมินผลสาเร็จของการดาเนินงานในขัน้ ตอนต่อไปได้ คูม่ ือการอนุรกั ษ์พลังงาน 7-3 V.2022

3.) Check คือ การตรวจสอบการดาเนนิ งานจากข้นั ตอนที่ 2  การประเมนิ แผนท่ีได้นาไปปฏบิ ัตจิ รงิ ว่าควรปรบั ปรุงแกไ้ ขตรงจุดใดบ้าง  ตรวจสอบสถานการณข์ องงานทเ่ี ป็นอยู่ เทียบกับแผนและตัวชี้วัดท่ีไดว้ างไว้  ติดตามผลการดาเนินงาน และเทียบกบั เป้าหมายเดิมท่ีไดว้ างไวว้ า่ สามารถได้ผลลัพธ์เป็นไปตาม เป้าหมายท่ีได้วางไว้หรือไม่  หาสาเหตุของปัญหาในการทางานจรงิ ขอ้ ดขี ้อเสียในการปฏิบตั ิงานตามแผนทไ่ี ดว้ างไว้  สรุปผลการดาเนินงานในอุปสรรค ปัญหา ในการดาเนินงานตามแผนท่ีวางไว้แต่ต้น และ ผลสาเร็จท่ไี ด้เป็นไปตามเปา้ หมาย ตัวชว้ี ดั ท่ไี ด้กาหนดไว้หรือไม่ 4.) Act คือ การนาผลของการตรวจสอบการดาเนินงานในข้อ 3. มาขยายผล ปรับปรุงแก้ไข มาตรฐานการทางานใหด้ ขี ึ้น ในหวั ขอ้ นี้จะประกอบดว้ ยกจิ กรรมตา่ งๆ คอื  การนาผลวิเคราะห์สดุ ทา้ ยของการปฏบิ ตั ิงาน นาเสนอผลการดาเนนิ งานตอ่ ผู้บรหิ าร  หากการดาเนินงานยงั ไม่บรรลุเป้าหมายที่ได้ต้ังไว้ ให้วิเคราะห์ถึงสาเหตุและพิจารณาแนวทางใน การแกไ้ ขปรับปรุง  สรุปแนวทางในการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน เพ่ือกาหนดแนวทางในการทางานใหม่ กาหนด ตัวชว้ี ัดใหมท่ คี่ รอบคลมุ การทางานในทุกมติ มิ ากขึ้น  ถ้าเปน็ ไปได้ในงานทป่ี ระสบผลสาเร็จดใี ห้กาหนดมาตรฐาน (Standardize) ตัวช้ีวัดใหม่ให้สูงขึ้น ในการทางานครงั้ ตอ่ ไป  ปรบั ปรงุ พัฒนาระบบ วิธีการทางานให้ดียงิ่ ข้นึ  รวบรวมประเด็นปัญหาในการดาเนินงาน และแนวทางปฏิบัติงานที่ดี เป็นคู่มือ นาไปเผยแพร่ อบรมให้กบั ผู้ปฏิบตั ิงาน กาหนดเปน็ มาตรฐานของการปฏบิ ตั ิงาน การทางานในองคก์ รท่ีไม่ไดม้ ีการแก้ไขปญั หาในการทางาน ส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุที่ไม่ได้มีการ ควบคุม ติดตามการทางานให้ครบเป็นวงจร มักจะไม่ได้ทาข้ันตอนของ Check และ Act จึงทาให้เกิดการ พัฒนาและความไม่ยังยืนในการทางาน เกดิ ปญั หาสะสม ท้ังน้ีด้วยสาเหตุว่าไม่ได้กาหนดทีมงานผู้รับผิดชอบ ในการทา PDCA ไม่ได้เผ่ือเวลาในการทา PDCA มีงานที่ต้องทาเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้มีการวิเคราะห์ ถึงปัญหาและไมน่ าไปสูก่ ารปรบั ปรงุ การทางานให้ดขี ้ึน จนปัญหาเกิดลุกลามสะสม 7-4 กลุ่มวจิ ยั EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี

7.2 การสรา้ งทีมงานเพื่อกิจกรรมการอนุรักษ์พลงั งาน การจดั ต้ังทีมงานเพือ่ ดาเนินการอนุรกั ษพ์ ลังงานในองค์กร ถอื เปน็ สิ่งสาคัญทีส่ ุดในการทาให้องคก์ ร เกดิ การอนุรกั ษพ์ ลังงานอย่างได้ผลและย่งั ยืน บางคร้งั สาคญั กวา่ เงนิ ทนุ เทคโนโลยี หรืออุปกรณป์ ระหยดั พลงั งาน เพราะการจะเสรมิ สร้างบรรยากาศของการอนรุ กั ษพ์ ลังงานในองคก์ รได้น้นั จาเป็นท่ีจะตอ้ งมีการ สอ่ื สารทาความเข้าใจกบั ฝ่ายต่างๆ หากมที ีมงานท่ีแข็งแกร่ง มีทศั นคติทด่ี ตี อ่ การอนุรกั ษ์พลังงานในองค์กร แล้วย่อมเป็นการงา่ ยท่ีจะผลักดันให้เกดิ การอนรุ ักษ์พลังงานในองคก์ รอยา่ งกวา้ งขวางยั่งยืน การอนุรักษ์พลังงานบางกิจกรรม อาจจะไม่ตอ้ งใช้เงินลงทุนท่ีสงู อะไร เช่น การใชง้ าน การบารุงรกั ษา อุปกรณ์ท่ีใช้พลังงานอย่างมีความรู้ความเข้าใจ การลดจุดรั่วไหลของพลังงานในการทางาน เป็นต้น นอกจากนี้ทีมงานท่ีมีจิตสานึกในการอนรุ กั ษพ์ ลังงาน ยังสามารถขนขวายในการหาแหลง่ เงนิ ทุน และการ สนบั สนุนการอนรุ ักษ์พลังงานจากภายนอกองค์กรเขา้ มาช่วยในองคก์ รของตนไดด้ ้วย ถา้ มที ีมงานบุคลากรท่มี ีจติ สานกึ ในการอนุรักษพ์ ลงั งานก็สามารถแสวงหาความรู้ในด้านเทคโนโลยี ใหม่ๆ อปุ กรณ์ทปี่ ระหยดั พลังงานเข้ามาใชใ้ นองค์กรได้ อีกทั้งยังเรยี นรแู้ ละเข้าใจการใช้งาน การบารุงรกั ษา อุปกรณป์ ระหยดั พลังงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี การสร้างทีมงานอนุรักษ์พลังงานท่ีดคี วรประกอบด้วยบุคลากรท่หี ลากหลายความชานาญ มาจาก แผนกต่างๆ ในองคก์ ร ไม่จาเปน็ ทีจ่ ะต้องเป็นเพียงกลมุ่ เทคนิควศิ วกรรมเท่านน้ั เพื่อให้เกดิ ความหลากหลาย ของมติ ิในการพจิ ารณาประเดน็ ปัญหาท่เี กิดขึน้ อกี ทงั้ ยังสามารถเป็นตัวแทนในการส่ือสารกิจกรรมด้านการ อนรุ กั ษ์พลังงานกับคนในแผนกตา่ งๆ ไดอ้ ย่างดี ทีมงานอนุรกั ษ์พลังงานในองค์กรควรได้รบั การแต่งตั้งอย่าง เปน็ ทางการจากผู้บรหิ าร มจี ัดประชุมกันเป็นประจาโดยมผี บู้ ริหารเข้ารว่ มประชุมด้วยอย่างสม่าเสมอ เพื่อ แสดงถงึ ความสาคัญของนโยบายด้านการอนรุ กั ษ์พลังงานให้กับทีมงานอนุรักษพ์ ลังงาน 7.2.1 การวางแผนบุคลากร 7.2.1.1 การวางแผนความตอ้ งการทรพั ยากรบคุ คล  การกาหนดบุคลากรท่ีเหมาะสมและจาเปน็ สาหรับการบรรลุเป้าหมาย โดยการกาหนดจานวน และประเภทของพนกั งาน  วางแผนบคุ ลากรบนพน้ื ฐานของข้อมลู ทเี่ ป็นปัจจุบัน ถกู ต้องและเช่อื ถอื ได้  พจิ ารณาปริมาณงาน เวลา ค่าใช้จ่าย ที่จาเป็นในการปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จ รวมถึงการฝกี อบรมและพฒั นา  กาหนดทกั ษะและคุณสมบตั ิของบุคลากรท่ีต้องการให้มาเป็นทีมงาน ใหพ้ ิจารณาถงึ ความสมดลุ และความแข็งแกร่งของทมี งาน  เขา้ ใจขอ้ จากัดขององคก์ ร ทมี่ ผี ลกระทบต่อแผนบุคลากร เช่นการจัดสรรงบประมาณ ภาระงาน นโยบายขององค์กร หรือข้อจากัดทางกฎหมายตา่ งๆ คู่มอื การอนรุ กั ษ์พลังงาน 7-5 V.2022

 ปรกึ ษาหารือกับเพ่อื นรว่ มงานและพนกั งานในองคก์ ร เพ่อื หาแนวทางทเ่ี หมาะสม  นาเสนอแผนบคุ ลากรอยา่ งเหมาะสมในแงข่ องเวลา ภาระงาน และรายละเอยี ดตา่ งๆ ตอ่ ผบู้ รหิ าร 7.2.1.2 การจดั ทาขอ้ กาหนดรายละเอยี ดตาแหน่งงาน  เข้าใจภาระงานในแตล่ ะตาแหนง่ อย่างชดั เจน ชี้ให้ผ้รู บั ตาแหนง่ เข้าใจจุดประสงค์ในภาระหนา้ ท่ี ของตน ตอ่ องค์กรและตอ่ ทีมงาน  ระบุรายละเอียดของงานในแต่ละตาแหนง่ อย่างเพยี งพอ  ระบุประเภทของบุคลากรท่ีต้องการ เกยี่ วกับความรู้ความสามารถ และคุณสมบตั ิของบคุ ลากรที่ ต้องการ  หารือกบั ผู้รว่ มงาน ผูช้ านาญการ และพนักงาน เกย่ี วกับทักษะความชานาญ ความรู้ และ คุณภาพของบุคลากรที่ต้องการในตาแหนง่ นน้ั ๆ  ตรวจสอบว่าข้อกาหนดรายละเอียดตาแหน่งงานมีความชัดเจนถกู ต้อง และเป็นตามกฎระเบียบ ขององค์กรหรือตามขอ้ กฎหมายหรือไม่  หาขอ้ สรุปเกย่ี วกับข้อกาหนด รายละเอียดตาแหนง่ งานร่วมกบั ผู้เก่ียวขอ้ ง  ทาการทบทวนข้อกาหนดรายละเอียดของตาแหน่งงานอย่างสมา่ เสมอ เพ่ือให้มั่นใจว่า ข้อกาหนดเหล่านั้นสนองความตอ้ งการของทีมและองค์กรได้ 7.2.2 การพฒั นาทมี งานและรายบคุ คล 7.2.2.1 การพฒั นาทมี งาน  ให้สมาชิกทกุ คนในทีมงานมีส่วนรว่ มในการประเมนิ ความต้องการพัฒนาทีมของตน สมาชกิ ทุก คนมสี ่วนรว่ มในการระบถุ งึ จุดแข็งและจุดออ่ นของตนเอง  ประเมินถงึ จดุ แข็งและจดุ อ่อนของทีมงาน โดยจากประสบการณใ์ นการทางานของพนักงาน รายบคุ คลและโดยรวมของทมี งาน เพอ่ื ใชใ้ นการประเมินและแจ้งให้ทีมงานทราบถึงจุดแข็งและ จดุ ออ่ นของทมี ทงั้ ท่ีเป็นอยู่ในปัจจบุ ันและอาจเกดิ ได้ในอนาคต  ปรึกษากบั สมาชิกทุกคนในทมี ว่า จะทาการพัฒนาทมี งานตามที่ต้องการได้อยา่ งไร ควรทาให้ ทมี งานยอมรับและให้ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน โดยทมี งานมสี ่วนร่วมในการ วางแผนพัฒนาทมี งานของตนเอง  วางแผนใชท้ รัพยากรในกิจกรรมการพฒั นาบคุ ลากรอย่างคุ้มคา่ มีประสทิ ธิภาพ  ลดความขัดแยง้ ทไี่ ม่สร้างสรรคใ์ นทีมงานให้น้อยท่ีสดุ ด้วยการมีมติรว่ มกัน  ทบทวนแนวทางการพัฒนาบคุ ลากรในทมี อยา่ งสมา่ เสมอ 7-6 กลุ่มวิจัย EnConLab มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

7.2.2.2 การพฒั นารายบคุ คล  ให้พนักงานแตล่ ะคนมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ในการพัฒนาตนเองตามที่ต้องการ เปิด โอกาสให้พนกั งานรว่ มระบุถึงจุดออ่ น และจุดแข็งของตนเอง  แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นร่วมกับพนักงาน เก่ยี วกบั แผนการพัฒนาตนเอง เพ่ือใหเ้ กิดการ ยอมรบั ในแผนการพฒั นาตนเอง  มเี ป้าหมาย วัตถปุ ระสงค์ ของแผนพฒั นาบคุ ลากรท่ชี ดั เจน ทีพ่ นักงานสามารถเข้าใจและทาได้ จรงิ  ตอ้ งรักษาความเหมาะสมของภาระงานของบคุ ลลากรในองคก์ รและความต้องการในการพฒั นา ตนเองของพนักงาน  พิจารณาการใชท้ รพั ยากรอยา่ งคมุ้ คา่ มีประสิทธภิ าพ ในการนามาใชใ้ นการพัฒนาบุคลากร  ทบทวนแผนการพัฒนาบุคลากรรว่ มกับพนักงาน ผู้รว่ มงานกลมุ่ ต่างๆ ผู้เชยี่ วชาญอย่าง สมา่ เสมอ 7.2.2.3 การพฒั นาตนเอง  ต้องมีความรับผิดชอบในการพฒั นาตนเอง ตอ้ งมั่นใจวา่ ไดพ้ ฒั นาทักษะความชานาญที่ จาเป็นต้องใช้ เพื่อบรรลเุ ป้าหมายของงานตามท่ตี อ้ งการ  พจิ ารณาจุดแขง็ จดุ อ่อนของตนเอง ดูว่าตอ้ งการทกั ษะความชานาญทยี่ งั ขาดอยู่ในปัจจุบนั ด้วย การเทียบกับมาตรฐานท่เี หมาะสม และโดยรับขอ้ คดิ เห็น จากผู้จัดการในสายงาน ผู้รว่ มงานและ ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชา  กาหนดเปา้ หมายของการพัฒนาตนเองให้ชดั เจน เปน็ เป้าหมายท่ีสามารถบรรลุได้ มีความเปน็ ไป ได้ และมคี วามท้าทาย  ต้องคานงึ ถึงความตอ้ งการขององคก์ รด้วยวา่ ตอ้ งการความรคู้ วามชานาญในแนวทางไหนบ้าง  พิจารณาเวลา และทรัพยากรทใ่ี ช้ในการพัฒนาตนเองอย่างเพียงพอ เพ่ือให้การพัฒนาตนเอง บรรลเุ ปา้ หมาย  ทบทวนความกา้ วหน้าและผลการพัฒนาตนเองอย่างสม่าเสมอ  เปรยี บเทยี บผลการพฒั นาตนเองท่ีสะทอ้ นมาจากความเหน็ ของผู้เกีย่ วขอ้ ง เพ่อื นาความคิดเห็น มาปรบั แผนการพฒั นาตนเองต่อไป คมู่ ือการอนรุ ักษ์พลงั งาน 7-7 V.2022

7.2.3 การอบรม สัมมนา  วางแผนการพฒั นาตนเองของพนกั งานแตล่ ะคน เพ่อื ประเมินแนวทางในการอบรม  ตกลงร่วมกันระหว่างผ้อู บรมและผ้เู ขา้ รบั การอบรมถึงเปา้ หมายการเรียนรู้จากการอบรม  จัดแยกกลุม่ ของพนกั งานตามทักษะ ความร้คู วามชานาญเพือ่ ให้การอบรมเหมาะสมทส่ี ุดกบั ผู้ อบรม  รวบรวมอุปสรรค ปัญหาในการอบรม และการเรียนรูข้ องผเู้ ข้าอบรม  ตรวจสอบความกา้ วหน้าของผเู้ ข้ารับการอบรมอย่างสม่าเสมอ เพอื่ ปรับปรงุ เนื้อหาวิธกี าร อบรมใหเ้ หมาะสมย่ิงข้ึน  ให้ขอ้ คิดเห็น ถงึ การรบั รขู้ องผู้เข้าอบรมอย่างสร้างสรรค์และเปน็ กาลังใจใหผ้ ู้รบั การอบรม  รับขอ้ คิดเหน็ จากผ้เู ขา้ อบรม ทง้ั ความรสู้ ึกในการเขา้ อบรม ความรูท้ ่ีได้รับ การพัฒนาทกั ษะที่ ไดจ้ ากการอบรม เพื่อนาผลไปปรับปรงุ การอบรมในลาดบั ต่อไป 7-8 กลุ่มวจิ ยั EnConLab มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

7.2.4 การใชร้ ะบบทมี และระบบพเ่ี ลยี้ ง  กาหนดเป้าหมายที่ผูร้ ับการอบรมทกุ คนต้องเรยี นรู้ แจ้งเปา้ หมายในการเรียนรขู้ องพนกั งาน แต่ละคนใหผ้ มู้ คี วามรแู้ ละทักษะท่สี ูงที่สุดในทมี รับทราบ กาหนดใหเ้ ป็นหัวหน้าทีมเพ่ือให้ คาแนะนา คาปรึกษากับพนักงานคนอื่นๆ ในทมี  ตกลงข้อจากดั ปัญหาตา่ งๆ ในการสนบั สนนุ ทรัพยากรในการถ่ายทอดความรู้ต่อหัวหน้าทมี  สง่ เสรมิ การพัฒนาความสัมพนั ธใ์ นการทางานด้วยกันอย่างมีประสทิ ธิภาพ ของหวั หน้าทีมและ ลูกทมี  ให้แนวทาง คาแนะนา ในการปฏบิ ตั ิทถี่ กู ตอ้ ง ทันเวลามีความเหมาะสม ต่อหัวหนา้ ทมี  สง่ เสริมให้เกดิ การตดั สินใจอยา่ งอสิ ระของหวั หนา้ ทมี เมือ่ มีลกู ทมี เสนอแนะการปรับแนว ทางการปรับปรุงพัฒนาทีม  อานวยความสะดวก สนบั สนุนในการถา่ ยทอดความรู้ ความชานาญและทกั ษะจากหัวหน้าทีม กับลกู ทมี และสนับสนุนให้มีการประเมินผลการเรียนรู้ในทมี  ใหข้ อ้ คดิ เห็นอย่างสร้างสรรค์ และใหก้ าลังใจหัวหน้าทีม และลกู ทมี ในความก้าวหน้าของการ เรยี นรู้และพัฒนาตนเอง  ทบทวนกระบวนการของระบบทีม เม่ือถึงเวลาทเี่ หมาะสม เพื่อปรับปรุงตามความเหมาะสม 7.2.5 การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงการฝึกอบรมและการพฒั นาบคุ ลากร  วตั ถปุ ระสงคแ์ ละตัวชวี้ ดั ของการอบรมและการพัฒนาบคุ ลากรตอ้ งชดั เจน  ตรวจสอบผลจากผูเ้ ขา้ อบรม ผู้ร่วมพัฒนาบุคลากร ในเร่ืองความรู้ ประโยชน์ที่ได้รับ ความพึง พอใจในการเขา้ รว่ มการอบรม  หาแนวทางใหม่ๆ กรณีท่ีการอบรมไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าอบรม พฒั นาบคุ ลากร  ปรับปรุงแผนการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร เม่ือพบว่าแผนการอบรมเดิมไม่สามารถทาได้ ปรึกษาและหาขอ้ ตกลงในการปรบั เปล่ียนแผน ร่วมกบั ทีมงานและผ้เู กีย่ วข้อง  ถ่ายทอดประสบการณ์ ปรึกษาแลกเปล่ียนจุดแข็งและจุดอ่อน ของกระบวนการฝึกอบรมกับ ผู้ชานาญการ ผรู้ ว่ มงาน เพื่อใหเ้ กิดการเรยี นร้ปู ระสบการณ์  นาประสบการณ์จากการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากร เพื่อกาหนดแนวทางการฝึกอบรม และการพัฒนาบคุ ลากรใหเ้ หมาะสมกวา่ เดิม คมู่ ือการอนรุ ักษพ์ ลังงาน 7-9 V.2022

7.2.6 การบรหิ ารทีมงานและรายบุคคล 7.2.6.1 การวางแผนการทางาน  วางแผนการทางานเพอ่ื บรรลเุ ปา้ หมายขององคก์ ร  ประเมินระดับการกาหนดแนวทางการทางาน ที่จะส่ือสารต่อพนักงานแต่ละคน เพ่ือช่วยเหลือ และสรา้ งความเชื่อม่นั ในการทากิจกรรมด้านอนรุ ักษ์พลังงาน  กระตุน้ ใหพ้ นักงานแต่ละคนไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ในการวางแผนกจิ กรรมและวิธปี ฏิบัติ  รวบรวมข้อเสนอแนะของพนักงานไปกาหนดเป็นวิธีการทางาน การใช้ทรัพยากร และเวลา เพ่อื ให้พนักงานเกิดการยอมรับ และร่วมมอื ในกจิ กรรมการอนรุ ักษ์พลงั งานท่ีจะเกิดข้ึน  เลอื กวธิ ีและกิจกรรมท่ที าใหก้ ารทางานตอบสนองตอ่ เป้าหมายการปฏบิ ัตแิ ละการพัฒนาตา่ งๆ  เลือกวธิ กี ารทางานท่ีใชง้ บประมาณอย่างคุ้มคา่ ที่สดุ  ปรึกษาขอคาชี้แนะ จากผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาภายนอกองค์กร กรณีที่เกิดข้อขัดแย้ง ระหว่างขอ้ กาหนดด้านกฎหมายและเป้าหมายการพัฒนาองคก์ ร 7.2.6.2 การมอบหมายงาน  จดั แบง่ งานตามปรมิ าณทรัพยากรและตามทกั ษะของพนกั งานที่มอี ยู่อย่างเหมาะสม  กาหนดหนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบและขอบเขตอานาจสงั่ การของทีมงานแต่ละคน โดยพนักงานต้อง เข้าใจถึงความรับผิดชอบและขอบเขตอานาจหน้าที่ของตนเองและของผู้ที่ร่วมทางานใกล้เคียง กัน เพื่อหลีกเล่ียงความขัดแย้งท่ีอาจเกิดจากการทางานท่ีซ้าซ้อนกัน หรือละเลยงานที่มี ความสาคญั เนื่องจากเกดิ ความเข้าใจผดิ ระหว่างกนั  ให้โอกาสในการเรียนรู้และการพัฒนาแก่พนักงานท่ีได้รับมอบหมายงานให้ปฏิบัติ เพ่ือให้ พนกั งานเกิดทักษะความชานาญใหม่ๆ จากการทางาน  สรปุ ผลการทางานของพนักงานใหร้ ับทราบอย่างเหมาะสม  อานวยความสะดวก แนะนาให้พนักงานสามารถเข้าปรึกษาผเู้ ช่ยี วชาญ ผู้มีทักษะความชานาญที่ สงู กว่า เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายในการทางานและพฒั นาตนเอง  ให้การกากับดแู ลพนกั งานที่ได้รับมอบหมายงานในระดับทเ่ี หมาะสม  ต้องมั่นใจว่าผู้ที่ได้รับมอบหมายงานสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้จริง โดยพิจารณา จากทรพั ยากรและเวลาที่มอบให้ผ้รู ับมอบหมายงานนาไปใช้ไดอ้ ย่างเพยี งพอ  ทาการทบทวนมอบหมายงานใหม่ที่ได้ปรับตามความเหมาะสม ในกรณีงานท่ีมอบหมายไว้เดิมมี ปัญหาและไมส่ ามารถปฏบิ ตั ไิ ด้จริง  บันทึกผลของการมอบหมายงานให้กับพนักงานว่าเหมาะสม และสามารถทาได้ลุล่วงตาม เป้าหมายทว่ี างไวห้ รือไม่ เพือ่ เปน็ ขอ้ มูลในการวางแผนการมอบหมายงานในอนาคตทดี่ ียิ่งข้ึน 7-10 กลุ่มวิจัย EnConLab มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

7.2.6.3 การกาหนดเปา้ หมายการทางาน  พยายามให้พนกั งานมสี ่วนรว่ มในการตงั้ เป้าหมายในการทางาน  กาหนดเป้าหมายท่ีชัดเจน เช่น ตกลงกับพนักงานว่าจะใช้หลักการ SMART ในการทางานของ พนักงาน ซงึ่ หมายถึง  เฉพาะเจาะจง (Specific) ต้องมีความเจาะจง เป้าหมายของงานท่ีจะต้องทาให้สาเรจ็  วัดผลได้ (Measurable) เพอ่ื การตดิ ตามประเมินผลวา่ ได้บรรลุเปา้ หมายแล้วหรอื ยัง  การเห็นพอ้ งรว่ มกัน (Agreed) เปน็ ขอ้ ตกลงร่วมกันระหว่างพนกั งานและคณะทางาน  ปฏบิ ตั ไิ ดจ้ ริง (Realistic) สามารถทางานใหบ้ รรลเุ ป้าหมายที่ต้ังไว้ไดจ้ รงิ  มกี าหนดระยะเวลา (Time Bound) ตอ้ งบรรลุเป้าหมายภายในระยะเวลาท่ีกาหนด  อธบิ ายเปา้ หมายของงานอยา่ งชดั เจน และเหมาะสมกบั พนื้ ฐานประสบการณข์ องพนกั งานแตล่ ะคน  สอบทานความเขา้ ใจของพนกั งานท่ีได้รับมอบหมายงานไป เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเข้าใจในงานที่ มอบหมายไปทตี่ รงกนั  ทบทวน และปรับเป้าหมายงานให้เป็นตามสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ เพ่ือให้เหมาะสมกับภาระ งานของพนกั งานและทีมงาน และตามการเปลย่ี นแปลงไปตามองค์ประกอบสาคญั ในองค์กร  ตรวจสอบการบรรลเุ ป้าหมาย ตามช่วงเวลาท่ไี ดต้ กลงไว้กบั ผู้ได้รับมอบหมายงาน  ให้ข้อมูลผลการดาเนินงานแก่ผู้ได้รับมอบหมายงาน เพ่ือเป็นการกระตุ้นพนักงานให้มีการ พัฒนาในการทางานตอ่ ไปในอนาคต 7.2.6.4 การแจง้ ผลการทางานให้พนกั งานทราบ  แจง้ ผลการทางานของทมี งานและรายบคุ คลได้รับทราบ ทัง้ อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพ่ือให้เกดิ การปรบั ปรงุ พัฒนาการทางานในอนาคต  เลอื กเวลาและสถานทีท่ ่เี หมาะสมในการแจง้ ผลการทางานของพนักงาน  แสดงความช่ืนชมยินดกี ับผลการทางานทีบ่ รรลุเป้าหมายได้อย่างดี  ให้คาแนะนาและกระตุ้นเตือนอย่างสร้างสรรค์ เพ่ือให้พนักงานเกิดทัศนคติท่ีดี มีการปรับปรุง การทางานของตนเองให้ดยี ง่ิ ขึ้น  กระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการประเมนิ ผลงานของตนเอง  ให้ข้อมูลผลการทางานอย่างละเอียดเพียงพอด้วยวิธีการเหมาะสมแก่พนักงานแต่ละคนและ กล่มุ งาน เพอ่ื พิจารณาข้อบกพร่องและนาไปสู่การปรับปรงุ แกไ้ ข  กระตุ้นใหพ้ นกั งานซกั ถาม เพอื่ ทวนความเขา้ ใจว่าถูกต้องตรงกนั หรอื ไม่  กระตุ้นให้พนักงานเสนอข้อเสนอแนะเก่ียวกับระบบหรือข้ันตอนการทางานท่ีสามารถปรับปรุง ให้ดีขึน้ ได้  บันทึกรายละเอยี ดการทางานต่างๆ ทไ่ี ด้ตกลงกันไว้ เพ่ือเป็นเกณฑ์อ้างอิงช้ีวัดระดับการทางาน ของพนักงาน  ตดิ ตาม ทบทวนผลการปฏบิ ัติงานย้อนหลงั เพ่ือดพู ัฒนาการในการทางานของพนักงาน คู่มอื การอนุรักษพ์ ลังงาน 7-11 V.2022

7.3 การจดั ทา จดั เกบ็ ขอ้ มูลอปุ กรณ์ และการใชพ้ ลังงานขององค์กร ข้อมูลเครื่องจักรอุปกรณ์ การใช้พลังงานของอุปกรณ์ พฤติกรรมลักษณะการใช้งานอุปกรณ์ ข้อมูลการบารุงรักษา ลว้ นเปน็ ข้อมูลสาคญั ท่ีจะช่วยประกอบการตัดสินใจในการทากิจกรรมอนุรักษ์พลังงาน ได้อยา่ งถกู ต้องและคุ้มคา่ กลุ่มขอ้ มลู ทีเ่ ราควรเก็บบันทึกควรคานึงถึงข้อมูลท่ีสามารถนามาตอบคาถามของ เราได้ เช่น  รายการอปุ กรณ์ กิจกรรม ทีใ่ ช้พลังงานสูงในองคก์ รในปัจจุบัน  ลกั ษณะพฤตกิ รรมของการผลติ และการใช้พลังงาน  ประวตั ิการดแู ลบารุงรกั ษาอปุ กรณ์  สถานะปัจจบุ นั ของการผลิตและการใชพ้ ลงั งาน  การวิเคราะห์จดุ สูญเสยี สน้ิ เปลือง จดุ รวั่ ไหล ของการใชพ้ ลงั งาน  สมมตุ ฐิ านของปัญหาทเ่ี กิดขึน้ ในการใชพ้ ลงั งาน ในขบวนการผลิต  ชนิด สัดสว่ น ปริมาณ ตน้ ทนุ ของพลังงานหรือเชือ้ เพลงิ ทีอ่ งค์กรใชอ้ ยู่  การวิเคราะหศ์ ักยภาพ ในการพฒั นาปรบั ปรงุ อปุ กรณ์ การผลิตและการใช้พลงั งาน 7.3.1 การจดั ทาข้อมูล 7.3.1.1 การได้มาและประเมนิ ความถูกต้องของข้อมูล  ระบุว่าข้อมลู ใดบ้างที่เราตอ้ งการ  ทบทวนแหล่งข้อมูลอย่างสม่าเสมอ ว่าแหล่งข้อมูลน้ันมีประโยชน์ เช่ือถือได้และคุ้มค่าในการ รวบรวมจดั เกบ็  สรา้ งเครอื ขา่ ยงานการจดั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในบคุ คล แผนกตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ ผดู้ แู ลหรอื เปน็ เจา้ ของขอ้ มลู  มน่ั ใจว่าได้รวบรวมขอ้ มลู ท่ีต้องการไว้ครอบคลุมท้งั หมดแล้ว  หากมีอุปสรรคในการรวบรวมข้อมูลที่ต้องการ ให้หาแนวทางอื่นๆ ข้อมูลเทียบเคียงอ้างอิงอื่นๆ มาทดแทน  การรวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ ตอ้ งใหไ้ ดเ้ หมาะสมทันเวลาที่จะนาไปใช้งาน  รวบรวม และนาเสนอข้อมูลในรูปแบบท่ีเหมาะสมเพอ่ื ใช้ในการประกอบการตดั สนิ ใจ  จดั ทาบทสรุปทเี่ หมาะสม  ทบทวนวธิ ีการจดั หาข้อมลู อยา่ งสม่าเสมอ และหาแนวทางปรบั ปรงุ ใหด้ ีขึ้น 7.3.1.2 การบนั ทกึ และการจัดเกบ็ ขอ้ มลู  บนั ทึกข้อมูลใหถ้ กู ต้อง พร้อมกบั ตรวจสอบคณุ ภาพในการบันทกึ  บันทึกข้อมูลใหม้ รี ายละเอยี ดเพยี งพอเหมาะสมกับการนาไปใช้งาน 7-12 กลุ่มวิจยั EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

 บนั ทกึ และจัดเกบ็ ขอ้ มลู ในรปู แบบ ระบบ และวธิ ีการเปน็ ที่ยอมรับและเปน็ มาตรฐานในองคก์ ร  ขอ้ มลู ทบ่ี ันทึกไว้สามารถเรยี กกลับมาใช้งานได้ในเวลาที่ต้องการ  ทบทวนวิธีการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลอย่างสม่าเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าการบันทึกและจัดเก็บ ขอ้ มลู เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสทิ ธิผล  พิจารณาการบนั ทึกจัดเกบ็ ข้อมลู ดว้ ยวธิ กี ารใหมๆ่ เสมอ  วเิ คราะห์และแก้ไขขอ้ ขดั ข้องตา่ งๆ ท่พี บในการบนั ทึกและจัดเกบ็ ขอ้ มลู  ขอ้ มูลท่จี ดั เก็บสามารถนามาใช้อ้างอิงได้ตามข้อกาหนดของกฎหมาย 7.3.2 การใช้ข้อมูล 7.3.2.1 การพยากรณแ์ นวโนม้ และการพัฒนาตา่ งๆ  ทาการประเมินโดยใช้ข้อมูลท่ีดีท่ีสุดท่ีมีอยู่ ตามข้อจากัดของเวลาและความเหมาะสมของ ทรัพยากรท่มี ี  ทาการประมาณการแนวโน้มและการพัฒนาต่างๆ ในเวลาท่ีเหมาะสม อาจจะต้องมีการประเมิน และประมาณการดังกลา่ วก่อนหนา้ การวางแผน โดยการประมาณการต่างๆ ต้องสอดคล้องทัน ตอ่ เหตกุ ารณ์  ให้ขอ้ มูลท่มี ากเพียงพอตอ่ การตัดสนิ ใจในการกาหนดโครงการ การจดั สรรทรัพยากรตา่ งๆ ได้  แสดงสมมุติฐานที่ใช้ในการประเมิน และประมาณการ  แสดงระดับความไม่แน่นอนของการประเมนิ และประมาณการ  แสดงผลกระทบ แนวโน้ม และการพัฒนาต่างๆ ท่ีมีผลต่อการปฏิบัติงาน และการบรรลุ เปา้ หมายขององคก์ รไดอ้ ยา่ งไร  ทบทวนการวเิ คราะห์ ประเมนิ และประมาณการ ในประเด็นของสาเหตุท่ีทาให้เกิดความไม่แม่นยา เพือ่ ทาการปรับปรุงการวิเคราะห์ขอ้ มลู ให้ดีขึ้นในอนาคต 7.3.2.2 การนาเสนอข้อมูลและคาแนะนา  หาโอกาสในการส่อื สาร เผยแพรข่ ้อมลู และคาแนะนา  มั่นใจว่าข้อมลู ยังทนั สมยั มคี วามถูกตอ้ งในสถานการณป์ ัจจุบนั  ตรวจสอบขอ้ ความการนาเสนอ คาแนะนา วา่ สอดคลอ้ งกบั นโยบายและเปน็ ประโยชนต์ อ่ องคก์ ร  ชแ้ี จงและใหข้ อ้ มูลทสี่ นบั สนุนคาแนะนาที่นาเสนอ  การนาเสนอข้อแนะนาต่างๆ ควรคานึงถึงกลุ่มผู้ฟังว่าคาแนะนาต่างๆ เหล่าน้ันมีผลกระทบเชิง บวกเชิงลบ หรอื เปน็ ประโยชน์กับผ้ฟู งั กลุ่มใดบ้าง  ตรวจสอบความเข้าใจของกลุ่มผู้ฟังและคาแนะนาที่ได้รับว่า ตีความลบ หรือเป็นประโยชน์กับ ผู้ฟังกลุ่มใดบ้างและสรุปข้อความท่ีได้ส่ือสารไปนั้นได้ดีเพียงใด ด้วยการตั้งคาถามหรือขอ ความคิดเห็นจากผู้ฟัง คมู่ ือการอนรุ ักษพ์ ลังงาน V.2022 7-13

7.4 การบรหิ ารจัดการงบประมาณในกจิ กรรมหรอื มาตรการด้านการอนุรกั ษ์พลังงาน การทากจิ กรรมหรอื มาตรการดา้ นการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน จาเปน็ อยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะพจิ ารณาความคมุ้ คา่ ในการ ลงทนุ ไม่วา่ จะเป็นการลงทนุ ท่ีเปน็ ตวั เงนิ หรอื การลงทนุ ทเ่ี ปน็ เวลา ทรพั ยากรตา่ งๆ ในองคก์ ร ซง่ึ ความคมุ้ คา่ ใน การเลอื กกจิ กรรมและมาตรการดา้ นการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน จะตอ้ งพจิ ารณาในหลายๆ มติ ปิ ระกอบกนั เชน่  ดูจากการใชพ้ ลังงาน เป็นส่วนที่ก่อให้เกิดต้นทุนด้านพลังงานในหน่วยงานเป็นสัดส่วนท่ีสูง เมื่อ ดาเนนิ การปรบั ปรุงแล้วช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มาก  มีระยะเวลาคนื ทนุ ของโครงการทรี่ วดเรว็  ใชง้ บประมาณไม่สูงมากนัก  ดาเนินการแลว้ มีความย่งั ยนื  สามารถหาแหล่งเงนิ ทนุ สนับสนนุ จากภายนอก  สามารถหาแหล่งเงนิ กู้ดอกเบยี้ ตา่  สามารถหาผู้ร่วมลงทุน แบ่งผลประโยชน์ 7.4.1 การบริหารการเงิน เปน็ เรอ่ื งทีเ่ กีย่ วกับการจัดเตรยี มและการตกลงกันเก่ยี วกับงบประมาณท่ีใชใ้ นการลงทนุ พฒั นา ขบวนการผลิตให้ใชพ้ ลังงานอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพยิ่งข้นึ ดว้ ยการลงทนุ ไปในการปรับปรุงอุปกรณ์ ปรับปรุง การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการพฒั นาทรัพยากรบุคคลในองคก์ ร ใหเ้ กดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจและ จิตสานกึ ในการใช้พลงั งานท่ีดี 7.4.1.1 การบรหิ ารงบประมาณ เป็นแนวทางในการควบคุมงบประมาณให้สามารถสนับสนุนกิจกรรมการอนรุ กั ษ์พลังงานในองคก์ ร ใหด้ าเนนิ ไปได้จนแล้วเสร็จในงบประมาณที่กาหนดไว้ จดั ทาประมาณการรายได้และรายจ่ายบนพ้นื ฐานของ ขอ้ มูลที่สามารถรวบรวมมาได้ เจรจา ความจาเปน็ ความเหมาะสม ความคุ้มค่าในการจัดทางบประมาณ กับผู้ ทีท่ าหนา้ ทอี่ นุมตั ิงบประมาณ ตรวจสอบผลการใช้เงิน เทยี บกับงบประมาณที่ได้รบั อย่างใกล้ชดิ สม่าเสมอ และปรบั เปล่ยี นการใช้เงินตามความเหมาะสม ก. การจดั เตรยี มงบประมาณ  จัดทาประมาณการรายรบั รายจ่าย และต้นทนุ ให้ครอบคลมุ ในทกุ กจิ กรรม  ประเมินทางเลอื กในการปฏบิ ัติงานทเ่ี หมาะสมคมุ้ ค่าท่ีสดุ  พยายามให้พนักงานมีส่วนร่วมในการจัดเตรียมงบประมาณ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานเกิดการ ยอมรบั ให้ความรว่ มมือเพื่อให้การดาเนินกิจกรรมสามารถขับเคล่ือนไปได้ด้วยงบประมาณท่ีได้ วางแผนไว้ 7-14 กลมุ่ วิจัย EnConLab มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี

 ช้ีถึงผลประหยดั ทจ่ี ะเกดิ ข้ึนจากกจิ กรรมในแตล่ ะชว่ งเวลา  แสดงสมมุติฐาน และเหตปุ จั จยั ตา่ งๆ ที่นามาใชใ้ นการวางแผนอย่างชดั เจน  มีการเผื่อถึงความเสี่ยงในประเด็นต่างๆ ท่ีอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบต่อรายจ่าย และผลประหยดั จากโครงการเอาไว้ด้วย  ให้แต่ละกลุ่มงานได้เปรียบเทียบงบประมาณซึ่งกันและกัน เพ่ือให้การใช้งบประมาณสอดคล้อง กนั และมปี ระสทิ ธิภาพมากทสี่ ดุ  เตรียมข้อมลู สนบั สนนุ ใหค้ รบถว้ นสาหรบั การชแ้ี จงขอ้ ซกั ถามต่อผ้อู นุมตั ิงบประมาณ  บันทึกผลการใช้จ่ายงบประมาณ ผลประหยัดพลังงานจากโครงการท่ีเกิดข้ึนจริง เปรียบเทียบ การประมาณการผลประหยัดที่ได้คานวณไว้ในข้ันการของบประมาณในตอนแรก เพื่อหา ความคลาดเคลอ่ื นท่เี กดิ ข้นึ ระหว่างผลจากการประมาณการกับผลทไี่ ด้จากการดาเนินการจรงิ ข . การเจรจาตอ่ รองและการขออนมุ ตั ิงบประมาณ  จดั ประชุมผ้เู กี่ยวขอ้ งกับการอนมุ ัตงิ บประมาณ ผรู้ ่วมทางาน เพื่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความ คดิ เหน็ เกย่ี วกับสมมตุ ฐิ าน ประมาณการและการจัดทางบประมาณของโครงการ  แสดงสมมตุ ฐิ าน ประมาณการ และปจั จยั เสยี่ งตา่ งๆ ในโครงการ ทไ่ี ดว้ เิ คราะหแ์ ละประเมนิ เอาไว้  นาเสนองบประมาณอย่างชัดเจนและกระชบั  ทาประมาณการให้มีความถูกตอ้ งแม่นยามากที่สดุ เท่าที่จะทาได้ โดยใช้ขอ้ มูลตา่ งๆ ทม่ี มี าชว่ ย สนบั สนนุ  ให้เวลามากพอในการพูดคุยเจรจาตอ่ รองงบประมาณ ควรนาเสนองบประมาณไว้ล่วงหนา้ นาน พอสมควรเพื่อมเี วลาในการให้ข้อมูลเพิม่ เตมิ กับผ้อู นุมตั ิงบประมาณ  เจรจาตอ่ รองงบประมาณด้วยความมงุ่ มั่นต้ังใจทดี่ ี แสดงใหเ้ ห็นถึงความมงุ่ ม่ันในการบรรลุ ข้อสรุปท่ที กุ ฝ่ายเห็นพอ้ งต้องกัน  พยายามหาความชดั เจนในประเดน็ ท่ยี งั ไม่มีขอ้ สรุป หรือไดร้ บั การคัดค้าน  แจง้ ผลการตอ่ รองและตดั สินใจเกีย่ วกับงบประมาณโครงการใหผ้ ู้เกี่ยวขอ้ งไดร้ ับทราบโดยเรว็ เพื่อให้ได้รับความเชอ่ื มัน่ และให้ความร่วมมอื ในการใชง้ บประมาณ ง. การตดิ ตามการใชง้ บประมาณ  ดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตที่ไดต้ กลงกันไว้ จะต้องมีความชดั เจนถงึ ขอบเขตของการ ใช้งบประมาณคืออะไร และมีการใชจ้ ่ายอยูใ่ นขอบเขตน้ัน และตรวจสอบการใชง้ บประมาณใน โครงการเปน็ ไปตามนโยบายและวธิ ีปฏบิ ัติขององคก์ ร  กาหนดระยะเวลาของการใช้จา่ ย และใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเวลาทีไ่ ด้วางแผนไว้ เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณไม่เปน็ ไปตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ จะทาให้เกิดผลเสียตอ่ คูม่ อื การอนุรกั ษ์พลงั งาน V.2022 7-15

กระแสเงนิ สดหมนุ เวยี นของโครงการและองค์กรได้  ตรวจสอบรายรับรายจา่ ยท่เี กิดข้ึนจริงเทียบกบั งบประมาณ  รายงานคา่ ใชจ้ ่ายที่มแี นวโน้มว่าจะสูงหรือตา่ กวา่ งบประมาณทไี่ ด้กาหนดไว้ โดยแจ้งให้ ผู้เกย่ี วขอ้ งรับทราบโดยเร็ว  วิเคราะหแ์ ละหาเหตุผล เพอ่ื อธบิ ายความคลาดเคล่ือนของรายรับรายจ่ายจริงกับงบประมาณที่ กาหนดไว้  ใหห้ าแนวทางแก้ไขความคลาดเคล่อื นของรายรับรายจา่ ยจรงิ กบั งบประมาณทก่ี าหนดไว้ โดยเรว็  ขออานาจในการปรับเปลย่ี นโยกยา้ ยงบประมาณในหมวดหมตู่ ่างๆ จากผมู้ ีอานาจอนมุ ตั ิ เม่ือมี ความจาเป็นในการใช้จ่ายมากขึ้นหรอื น้อยลง ในงบประมาณในหมวดหมู่ตา่ งๆ  ขอความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงแผนงบประมาณในช่วงปีงบประมาณ จากผู้มีอานาจอนุมตั ิ 7.4.2 การควบคมุ ตน้ ทนุ การควบคุมต้นทุนทาให้ทีมงานตระหนักว่าจะช่วยควบคุมและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร ต้องพยายาม ควบคุมค่าใช้จ่ายอยา่ งเคร่งครัด และรบี หาทางแก้ไขเมื่อคา่ ใชจ้ า่ ยมีแนวโน้มจะสงู ขนึ้ มากจนควบคมุ ไม่ได้ การควบคมุ ตน้ ทนุ คา่ ใช้จ่ายในกจิ กรรมต่างๆ  ทาให้สมาชกิ ทกุ คนในทีมงานอนุรักษ์พลังงาน ตระหนักว่าตนเองสามารถช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย ไดอ้ ยา่ งไร โดยร่วมกนั พจิ ารณาวา่ มตี น้ ทนุ ค่าใช้จ่ายในกจิ กรรมใดบา้ งท่ีสามารถลดได้  ควบคมุ ค่าใชจ้ า่ ยให้อยูใ่ นงบประมาณที่ตกลงกันไว้  หากพบว่ามีค่าใชจ้ ่ายในส่วนใดอยู่นอกเหนือจากความรับผิดชอบ ให้เสนอขอความร่วมมือจาก ผู้เกี่ยวขอ้ งโดยเรว็  ให้มกี ารบันทกึ การใช้จา่ ยไว้ อย่างถกู ตอ้ ง ครบถว้ น ตรวจสอบได้  ประเมินข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และการใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างรอบคอบ มีการ ทบทวนค่าใชจ้ ่ายอยา่ งสมา่ เสมอ เพือ่ ช่วยในการตัดสินใจในการลดค่าใช้จ่าย หรือใช้ทรัพยากร ต่างๆ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ คมุ้ คา่  พยายามมองหาส่ิงที่จะปรับปรุงได้ เพ่ือแนะนาให้ทีมงานปรับปรุงประสิทธิผล ลดค่าใช้จ่ายและ ทรพั ยากรใหไ้ ดร้ วดเรว็ ที่สดุ  รีบแก้ไขเม่ือคาดว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่างบประมาณท่ีได้ตั้งไว้ โดยรายงานให้ผู้เก่ียวข้องทราบ ทนั ที และดาเนินการแกไ้ ขใหเ้ กิดผลกระทบต่อโครงการให้นอ้ ยท่ีสดุ  รีบแก้ไขเมื่อคาดว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่างบประมาณที่ได้ตั้งไว้ โดยรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ทันที และดาเนนิ การแกไ้ ขใหเ้ กิดผลกระทบต่อโครงการให้น้อยที่สุด 7-16 กลมุ่ วิจัย EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

7.5 การสร้างแรงจูงใจ และความย่งั ยนื ในการทากจิ กรรมอนุรักษ์พลังงานในองคก์ ร คนในองค์กรทุกระดบั ทกุ กล่มุ งาน ล้วนแล้วแตม่ ี ความสาคัญต่อความสาเรจ็ และความย่ังยืนในการทากิจกรรม มาตรการหรอื โครงการการอนุรกั ษพ์ ลังงาน ในองคก์ รเป็นอย่างยิ่ง เน่ืองจากคนในองคก์ รเปน็ ผใู้ ชพ้ ลงั งานโดยตรง หรอื อยใู่ กลช้ ิดกับกจิ กรรมท่ีใช้ พลังงานในองคก์ ร ยอ่ มเห็นถงึ การใช้พลังงาน ความสน้ิ เปลือง จดุ ร่วั ไหลของพลงั งานอย่ทู ุกเมื่อเช่อื วนั ดงั นัน้ กลยทุ ธ์ที่สาคญั คอื การสร้างทศั นคติทด่ี ี การสรา้ งจิตสานึก การให้ความรู้ที่ถกู ตอ้ ง การสร้างแรง บนั ดาลใจ และการสรา้ งบรรยากาศของความกระตอื รือรน้ ในการทากิจกรรมอนรุ ักษ์พลงั งานจงึ เป็นกญุ แจ สาคัญในการทากิจกรรมอนุรกั ษพ์ ลังงานใหม้ กี ารพัฒนาการไปในทางทด่ี แี ละยัง่ ยืนไดม้ ากท่ีสดุ การกาหนด กลยทุ ธ์ในการดาเนินการเพ่ือผลักดันกิจกรรมอนรุ ักษพ์ ลงั งานกบั บคุ ลากรในองคก์ รควรพจิ ารณาแนวทาง ตา่ งๆ ดังน้ี 7.5.1 การสรา้ งแรงจงู ใจ การสรา้ งแรงจงู ใจ เป็นจติ วทิ ยาพืน้ ฐานในการนาเสนอประโยชนท์ ี่เป็นความต้องการพ้นื ฐานของคน แต่ละกลมุ่ ซงึ่ มีเปา้ หมายของความสาเร็จ ความพงึ พอใจท่แี ตกตา่ งกนั ไป ทมี งานจะตอ้ งเขา้ ใจความตอ้ งการ พืน้ ฐานของคนท่จี ะสรา้ งแรงจูงใจให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมอนรุ กั ษ์พลังงานว่าก่อใหเ้ กิดข้อดีและ เกยี่ วพันกบั ประโยชนท์ ่ีเขาจะไดร้ ับอย่างไร 7.5.1.1 การสรา้ งแรงจงู ใจในบคุ ลากรระดบั ผบู้ รหิ าร บคุ ลากรระดบั ผูบ้ ริหารมคี วามสาคญั อยา่ งยงิ่ ในการทากิจกรรมอนุรักษพ์ ลังงานในองค์กร เนอ่ื งจาก นโยบายจากผู้บริหารจะเป็นตัวช้ีทิศทาง การปฏิบัติงานของคนทั้งองค์กร และผู้บริหารสามารถอนุมั ติ สนับสนนุ ด้านงบประมาณ และทรพั ยากรต่างๆ ในกิจกรรมอนรุ ักษพ์ ลังงานได้  การสรา้ งผลกาไร ลดตน้ ทนุ การผลติ จุดมุ่งหมายพ้นื ฐานทั่วไปทผ่ี ู้บรหิ ารจะตอ้ งคานึงถึงผลกาไรและความอยรู่ อดขององคก์ ร ดงั นนั้ การชี้ประเดน็ ปัญหาของความส้ินเปลือง การร่วั ไหลของพลังงานในองคก์ รซึ่งนาไปส่ตู ้นทุนท่ี สูงข้ึนโดยเปล่าประโยชน์ จะช่วยดึงความสนใจของผู้บริหารให้มาสนใจโครงการที่จะช่วยในการ อนุรักษ์พลังงานได้มากข้ึน หากสามารถนาเสนอแผนมาตรการท่ีจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน ระยะเวลาคืนทุน ให้กับผู้บริหารได้เห็นภาพอย่างชัดเจน ก็จะได้รับการยอมรับและสนับสนุน งบประมาณในการดาเนินการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานได้ง่ายข้ึน คู่มือการอนรุ กั ษ์พลังงาน 7-17 V.2022

 การสรา้ งภาพลกั ษณ์องคก์ ร ภาพลักษณ์ช่ือเสียง มาตรฐานขององค์กรก็เป็นส่ิงหน่ึงท่ีผู้บริหารให้ความสนใจ หาก สามารถชป้ี ระเด็นในการปรับปรุงระบบ รปู แบบของการใชพ้ ลงั งานภายในองคก์ รแลว้ นาไปสกู่ าร ไดร้ บั การรบั รอง การเชดิ ชู การเป็นแบบอย่างในสังคมวงกว้าง ก็สามารถสร้างแรงจูงใจใหผ้ ู้บริหาร ใสใ่ จ และตัดสินใจในการทากิจกรรมการอนุรักษพ์ ลังงานไดโ้ ดยงา่ ย  การผลติ สนิ คา้ ทดี่ มี คี ณุ ภาพ เป็นท่ีนยิ ม การชูประเด็นเร่ืองของคุณภาพสินค้า ขบวนการผลิตสินค้าท่ีดี เช่น การปรับปรุง ขบวนการผลิต การพลังงานท่ีลดลง การใช้พลังงานทดแทน เป็นการแสดงถึงความใส่ใจใ น สง่ิ แวดลอ้ ม การนาไปสกู่ ารรับรองมาตรฐานของสินคา้ ทาให้สนิ ค้าเปน็ ท่นี ิยม ก็เป็นประเด็นท่ี สามารถนาเสนอและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริหารได้ ซ่ึงเป็นความคุ้มค่าอย่างหน่ึงในการลงทุน ปรับปรงุ การใช้พลังงานในการผลิต 7.5.1.2 การสรา้ งแรงจงู ใจในบคุ ลากรระดบั ผปู้ ฏบิ ตั กิ าร  การกาหนดภารกจิ การกาหนดกิจกรรมการอนุรกั ษพ์ ลงั งานเป็นภาระหน้าท่ีของบคุ ลากรในระดับผ้ปู ฏบิ ัติการ ทมี งาน ถือวา่ เปน็ การสร้างแรงจูงใจและความรบั ผิดชอบ ความตระหนักรเู้ ก่ียวกบั นโยบายในการ อนุรักษ์พลังงานได้เป็นอย่างดี และไม่เพียงเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ปฏิบัติงานหรือทีมงาน อนุรักษ์พลังงานเท่าน้ันแต่กลายเป็นหน้าที่หนึ่งที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทาตลอดไป พัฒนาไปสู่ วฒั นธรรมขององคก์ รไปในที่สดุ  การกาหนดตวั ชว้ี ดั การกาหนดตัวชี้วัดในการประหยัดพลังงานของหน่วยงานหรือองค์กร เป็นตัวชี้วัดในการ ประเมนิ ผลงานของพนกั งาน เปน็ ตวั กระตนุ้ ให้บุคลากรระดับผู้ปฏบิ ัตกิ ารเกดิ ความกระตอื รอื ร้นท่จี ะ ทากิจกรรมอนรุ ักษ์พลังงานอยา่ งมเี ป้าหมาย และพฒั นาข้นึ อย่างตอ่ เนอ่ื ง  การไดร้ บั การสง่ เสริม ผลงาน และคา่ ตอบแทน เม่ือกาหนดเป็นภาระหน้าท่ี และกาหนดกจิ กรรมอนุรักษ์พลังงานเป็นหนึง่ ในตวั ชี้วดั ในการ ทางานของทีมงานแล้ว เมื่อมีผ้สู ามารถทางานไดบ้ รรลเุ ปา้ หมายและสูงกว่ามาตรฐานทไี่ ด้กาหนดไว้ ควรไดร้ ับการช่ืนชม การส่งเสริม หรอื รางวัลจากผูบ้ ริหารเพอ่ื เป็นขวญั กาลงั ใจความภาคภมู ิใจใน การทางาน และเปน็ ตัวอย่างท่ดี ที จ่ี ะใหผ้ ูอ้ ื่นไดท้ าตาม 7-18 กลุ่มวิจยั EnConLab มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี

 การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม พยายามสร้างการมีส่วนร่วมของทีมงาน บุคลากรระดับผู้ปฏิบัติการ ในทุกข้ันตอน โดยเฉพาะขนั้ ตอนของกิจกรรมที่ต้องการยอมรับ และความร่วมมือในการดาเนินกิจกรรม 7.5.1.3 การสรา้ งแรงจงู ใจในบคุ ลากรระดบั ผใู้ ชพ้ ลงั งานทวั่ ไป ในองค์กรนอกจากผบู้ ริหาร ทมี งานอนรุ กั ษ์พลังงาน แล้วยังประกอบดว้ ยผู้ใช้พลงั งานทอี่ ยู่ ในส่วนงานต่างๆ หากมกี ารปรับปรุง ปรบั เปลย่ี นอุปกรณ์ ระเบียบกติกาในการใช้พลังงานอยา่ งใด อย่างหน่งึ คนเหลา่ น้ีย่อมได้รับผลกระทบในการดารงชวี ิตและการทางาน อาจเปน็ ได้ท้งั เชิงบวกหรอื เชิงลบ การช้ีแจงทาความเข้าใจทาให้ทัศนคติต่อการอนุรักษ์พลังงานต่อบุคลเหล่านี้เป็นไปในเชิง บวกย่อมสรา้ งการยอมรับความรว่ มมอื ในการอนรุ ักษพ์ ลงั งานได้เปน็ อย่างดี และมีความยง่ั ยืน  การสรา้ งความเขา้ ใจ การสร้างความเข้าใจต่อผู้ใช้พลังงานท่ัวไปในองค์กร จะเป็นการปรับแนวคิด ความเช่ือใน ความเข้าใจท่คี ลาดเคลื่อนในการทากิจกรรมอนุรักษ์พลังงานให้เปน็ ไปในทางท่ดี ีถกู ต้องมากขึ้น ให้ ความรู้ความเข้าใจว่าเราสามารถอนุรักษ์พลังงานได้โดยไม่ต้องลดคุณภาพชีวิต และคุณภาพใน การทางานได้หากเราทาอย่างถกู วธิ ีและมีความเขา้ ใจที่ถูกต้อง  การสรา้ งจติ สานกั พยายามแสดงให้เห็นถึงความสาคัญของต้นทุนด้านพลังงานที่มีต่อรายรับรายจ่ายขอ ง องค์กร ต่อประเทศและต่อโลก แสดงให้เห็นว่าการใช้พลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพก่อใหเ้ กิด ผลเสียเปน็ วงกว้างไดอ้ ยา่ งไร และแตล่ ะคนสามารถแก้ไขปญั หาตา่ งๆ เหลา่ นั้นได้อยา่ งไร  การสรา้ งผลประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จบั ต้องได้ พนักงานในองค์กรท่ีได้ร่วมรณรงค์อนุรักษ์พลังงานจนเกิดผลประหยัด ลดการรั่วไหล สญู เสยี พลังงานในองคก์ ร ควรได้รบั ผลตอบแทนบางอย่างเปน็ รางวัล อาจจะอยู่ในรปู ของสิ่งของ คาชน่ื ชม หรอื แม้แต่เป็นแตม้ บวกในการประเมนิ ผลงานประจาปี ที่ทางองคก์ รสามารถตอบแทน ใหก้ ับผู้ใส่ใจในเร่อื งการประหยัดพลงั งานใหก้ ับองค์กรในรูปของการเพิ่มเป็นโบนัสหรือเงินเดอื น  สรา้ งความภาคภมู ใิ จ ความสามคั คี ควรเชิดชู ชืน่ ชม ให้กบั ทีมงานทม่ี ีผลงานในดา้ นการอนรุ ักษ์พลงั งานในองคก์ ร เพ่ือสรา้ ง ความภาคภมู ิใจ สร้างความสามคั คีเป็นทมี ซงึ่ ไมเ่ พียงเป็นการสร้างทีมทใี่ สใ่ จในเรอื่ งการอนรุ ักษ์ พลังงานในหน่วยงานให้เข้มแข็งข้ึน ยังเป็นตัวอย่างให้กับกลุ่มงานต่างๆ ได้ตระหนักถึงการให้ ความสาคญั ดา้ นการอนุรักษพ์ ลังงานของผู้บรหิ าร คู่มือการอนรุ กั ษ์พลงั งาน 7-19 V.2022

 การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม พยายามใหม้ กี ารประชุมสัมมนาในประเด็นการอนรุ กั ษ์พลังงานขององค์กร ให้มีการจัดต้ัง ทมี ท่ีดแู ลเร่อื งการอนรุ ักษพ์ ลงั งานในแต่ละกลุ่มงาน ซ่ึงตวั แทนเหล่านีส้ ามารถเข้าร่วมประชุมและ แสดงความคิดเหน็ เปน็ ส่ือกลางถ่ายทอดความคิดเห็น ข้อปฏิบัตทิ ่ีเหมาะสมจากทีมงานอนรุ ักษ์ พลังงานไปสู่พนักงานผู้ปฏิบัติงานในพ้ืนที่ และจากพนักงานผู้ปฏิบัติงานในพ้ืนที่กลับมาสู่ทีมงาน อนุรักษ์พลังงานขององค์กร ก่อให้เกิดความมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมอนุรักษ์พลังงานร่วมกัน ต้งั แตก่ ารรวบรวมข้อมูล การวเิ คราะห์ประเดน็ ปญั หา แนวทางการแกป้ ัญหา ไปจนถงึ การลงมือ ปฏบิ ตั ิให้ได้ผลตามเป้าหมาย โดยลดข้อขดั แยง้ ในการดาเนินงานให้น้อยท่ีสุด  การสรา้ งบรรยากาศ การกาหนดใหก้ ารอนรุ กั ษ์พลังงานเปน็ วาระของหน่วยงาน การมีนโยบายจากผู้บริหาร มี การประกวดแข่งขนั การอนรุ ักษพ์ ลังงานกันในองคก์ ร จะสรา้ งบรรยากาศของการอนรุ กั ษ์พลังงาน ในองคก์ รได้ บุคลากร ทมี งานกจ็ ะมีเรือ่ งพูดคยุ กันในประเดน็ ของการใชพ้ ลงั งานในหน่วยงาน การ ทากจิ กรรมอนรุ ักษ์พลงั งาน นอกเหนือจากการพูดคุยกันในเร่ืองงานทต่ี นเองรับผดิ ชอบอยู่ สร้าง บรรยากาศของการเรียนรเู้ ทคโนโลยีการใชพ้ ลงั งานที่ดี ด้วยการใหม้ กี ารอบรม สัมมนา ดงู านนอก สถานท่ี เกี่ยวกับการอนรุ ักษ์พลังงาน 7.5.2 การสรา้ งการมีสว่ นรว่ ม การสรา้ งการมสี ่วนรว่ มของบุคลากรตา่ งๆ ในการทากิจกรรมการอนรุ ักษ์พลงั งาน เป็นแนวทาง หนึ่งที่จะทาใหผ้ ทู้ ่มี ีสว่ นร่วมในกจิ กรรมตา่ งๆ เกิดความเป็นเจ้าของ เกดิ ความรับผิดชอบในส่วนท่ีตนเองได้ เสนอแนะแล้วได้รับการนาไปปฏิบัติ อีกทั้งยังอยากให้สิ่งท่ีตนเสนอแนะ สิ่งท่ีตนเองได้ร่วมทา มี ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล เกิดการยอมรับสนบั สนุนไม่ต่อตา้ น อกี ท้งั ยังชว่ ยชักชวนโนม้ น้าวให้บุคลากร อื่นๆ เห็นข้อดีและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้วย การสร้างการมีส่วนร่วมสามารถสร้างได้ในทุกข้ันตอน ทุกกจิ กรรมในการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน ต้ังแตก่ ารรว่ มค้นหาศกั ยภาพในการอนุรักษ์พลังงาน ร่วมคดิ มาตรการ รว่ มประเมินคา่ ใช้จ่าย รว่ มหางบประมาณ ร่วมดาเนินมาตรการ ไปจนถึงการร่วมนาเสนอผลงาน 7.5.2.1 การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มระดบั ผบู้ ริหาร  การให้มสี ว่ นในการรว่ มคดิ พยายามนาเสนอประเด็นปัญหาด้านพลงั งาน ความรุนแรงของปญั หาด้านพลังงานภายใน องคก์ รให้ผู้บรหิ ารได้รบั ทราบอย่างสมา่ เสมอ เสนอแนวทางแกไ้ ขปญั หา เทคโนโลยีใหมๆ่ ในการใช้ พลงั งานอย่างมปี ระสิทธภิ าพ 7-20 กลมุ่ วจิ ัย EnConLab มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

 การใหม้ สี ่วนในการรว่ มตดั สนิ ใจ เสนอทางเลือก วิธีการตา่ งๆ ในการแก้ปัญหา งบประมาณท่ีใช้ ระยะเวลาคืนทุนในแตล่ ะ มาตรการ เสนอข้อคิดเห็นที่จาเปน็ ขอ้ ดีขอ้ เสียประกอบการตัดสินใจใหก้ บั ผบู้ ริหาร ในการเลอื กทา กจิ กรรม หรอื มาตรการอนรุ ักษพ์ ลังงานตา่ งๆ  การให้มสี ว่ นในการรว่ มกาหนดนโยบาย ชขี้ อ้ ดีในการดาเนนิ นโยบายอนุรกั ษ์พลังงานในองค์กร นอกจากการปฏิบัติตามกฎหมาย เปน็ พื้นฐานแลว้ การกาหนดการอนรุ ักษพ์ ลงั งานเปน็ นโยบายที่ชัดเจนจะช่วยใหเ้ กิดความรว่ มมือใน องค์กร และทาการกิจกรรมอนรุ ักษ์พลงั งานขับเคลอื่ นไปสู่เป้าหมายท่ีตง้ั ไวไ้ ด้โดยง่าย  การใหม้ สี ว่ นในการรว่ มดาเนินการ จะเป็นผลดีอย่างมากถ้าผู้บริหารได้เข้าร่วมประชุม สัมมนา ดูงาน หรือเป็นประธานใน กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานต่างๆ นอกจากจะสร้างความกระตือรือร้นให้กับพนักงานในการเข้าร่วม กจิ กรรมอนุรักษ์พลังงานต่างๆ แล้ว ผู้บรหิ ารจะได้เห็นความพร้อมเพรยี ง สามัคคีของพนักงานใน หนว่ ยงานของตนด้วย 7.5.2.2 การสรา้ งการมสี ่วนรว่ มระดบั ผปู้ ฏบิ ตั กิ ารทมี งานอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน ผู้ปฏิบัติการหรือทีมอนุรักษ์พลังงานในองค์กร มีความสาคัญในการขับเคล่ือนกิจกรรมอนุรักษ์ พลังงานในองคเ์ ปน็ อยา่ งมากเน่ืองจากเป็นแกนกลางระหว่างผูบ้ ริหารกับพนักงาน ในการผลกั ดันนโยบาย จากผูบ้ รหิ าร และการสร้างความรว่ มมือของพนักงานในองค์กรดว้ ย การสร้างจติ สานกึ ความมีส่วนร่วม ของทีมอนุรกั ษพ์ ลังงานจึงเป็นจุดเริ่มตน้ ของการรณรงค์อนรุ กั ษ์พลังงานในองค์กร และถา้ ทีมงานอนรุ กั ษ์ พลังงานของหน่วยงานใดมีความแข็งแกรง่ หน่วยงานนั้นกจ็ ะมกี ิจกรรมการอนุรักษ์พลงั งานท่ีย่ังยืนไปด้วย  การให้มสี ่วนในการรว่ มคดิ ทีมงานอนุรักษ์พลังงานควรได้มีส่วนในการร่วมประชุม คิดวิเคราะห์ระดมสมองใ ห้ ขอ้ คดิ เห็น ในการวางแผนงาน การศึกษาหาแนวทางในการแกป้ ัญหาการใช้พลงั งานในองค์กรมา ต้ังแต่ต้น ซึ่งจะทาให้ทีมงานอนุรักษ์พลังงานทุกคนถือเป็นพันธกิจของตนในการร่วมผลักดัน กิจกรรมอนรุ กั ษพ์ ลังงานในองคก์ รใหเ้ ปน็ ผลสาเร็จ และจะพยายามรักษามาตรฐานการใช้พลังงาน ขององค์กรที่ได้ร่วมคิดร่วมทามาในระยะยาวต่อไป ทั้งน้ีการมีส่วนร่วมในการคิดการแช ร์ ประสบการณ์กนั ในทีมจะทาให้เกดิ แนวทางทด่ี ีในการนาไปปฏบิ ัติร่วมกัน คมู่ อื การอนุรกั ษพ์ ลังงาน 7-21 V.2022

 การให้มสี ว่ นในการรว่ มทา ทมี งานอนรุ ักษ์พลงั งานทีไ่ ด้มสี ่วนรว่ มในการดาเนินการดา้ นการอนุรกั ษ์พลงั งานในองคก์ ร จะทราบถึงปัญหาอุปสรรคในการนาแผนลงมาปฏิบัติงานจริง สามารถให้ข้อมูลและส่งเสริมทีมให้ แก้ไขปัญหาร่วมกัน เกิดเป็นทักษะในการปฏิบัติงานและการทางานเป็นทีม เสริมให้เกิดความ แขง็ แกรง่ ของทมี งานอนรุ ักษพ์ ลังงานในองคก์ รนั้น 7.5.2.3 การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มระดบั ผู้ใชพ้ ลงั งานทวั่ ไปในองคก์ ร ผใู้ ชพ้ ลงั งานท่วั ไปในองคก์ ร เป็นคนกลุ่มใหญท่ ่มี พี ้ืนฐานความรู้ความเขา้ ใจ และทัศนคติ ต่อการอนุรักษ์พลังงานที่แตกต่างกัน ทีมงานอนุรักษ์พลังงานจะต้องทาการส่ือสาร ทาให้เกิด ความรูค้ วามเขา้ ใจ สรา้ งจิตสานึกที่ดี สร้างทศั นคตทิ ด่ี ใี ห้กับผู้ใช้พลังงานทั่วท้ังองค์กรให้อยู่ใน ระดบั ทีใ่ กลเ้ คียงกนั เพื่อใหก้ ารดาเนนิ มาตรการการอนรุ กั ษพ์ ลังงานในองค์กรเป็นไปได้ด้วยความ ราบร่ืนไมเ่ กดิ ความขัดแยง้ และไดแ้ รงสนับสนุนจากพนักงานในองคก์ รโดยรวม ทาให้เกิดความ ยั่งยืนของมาตรการการอนุรกั ษพ์ ลังงาน ทีมอนรุ กั ษพ์ ลังงานจะต้องคานงึ ถึง  การให้มสี ่วนในการรว่ มคดิ ควรให้มีทมี งานอนรุ ักษ์พลงั งานที่เป็นตัวแทน ของกลุ่มงานทุกสว่ นในองคก์ ร ท่สี ามารถรบั เสยี งสะทอ้ นข้อคดิ เหน็ ข้อแนะนา ในการคดิ มาตรการอนุรกั ษพ์ ลังงานไดใ้ นระดบั แผนกย่อย ที่จะ สง่ ผลลงไปโดยตรงกบั ผใู้ ช้พลังงานหนว่ ยทเ่ี ลก็ ท่สี ุดในองคก์ ร เปน็ ผ้ทู ่ีสัมผสั เป็นผใู้ ช้พลงั งานจรงิ ในพื้นที่ การสนับสนุนให้พนักงานท่ีอยู่หน้างานได้ร่วมแสดงความคิดเห็นจะได้ข้อมูล วิธีการท่ี นาไปใช้งานได้จริง และมาตรการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานทีก่ าหนดขนึ้ จะไดร้ บั การยอมรับจากผู้ปฏบิ ัติยง่ิ ข้ึน  การให้มสี ว่ นในการรว่ มทา การผลกั ดนั ใหพ้ นกั งานหนา้ งาน หรอื ตัวแทนกลุ่ม ไดเ้ ข้ามาร่วมในการดาเนินงานอนรุ ักษ์ พลังงานด้วย จะทาให้เกิดความรู้สึกว่ากิจกรรมอนุรักษ์พลังงานเหล่านี้เขาเหล่าน้ันมีความเป็น เจา้ ของ มสี ว่ นในความสาเร็จของโครงการ มภี าระหน้าท่ีที่จะผลักดนั กิจกรรมอนรุ กั ษพ์ ลงั งานตา่ งๆ เหล่านั้นให้สาเร็จตามเป้าหมาย ทาให้พนักงานมองข้ามอุปสรรค ความยากลาบากในการปฏิบัติ ตามมาตรการการอนรุ กั ษพ์ ลังงานท่ีไดก้ าหนดมา  การให้มสี ว่ นในการรว่ มไดร้ บั รผู้ ลกระทบทเี่ กดิ ไม่ว่าการดาเนินกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานในองค์กรท่ีพนักงานทุกคนได้ร่วมกันทามา จะประสบผลสาเร็จหรือล้มเหลว ควรให้แจ้งผลให้พนักงานได้รับรู้ หากการดาเนินงานอนุรักษ์ 7-22 กลมุ่ วจิ ยั EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี

พลงั งานขององค์กรเกดิ ความสาเร็จ เกิดผลประหยดั ผลประหยัดที่เกิดข้นึ ควรตอบแทนกลับไปยัง พนักงานในสัดส่วนที่เหมาะสม หรอื หากความสาเร็จเป็นไปในรูปของ ชอ่ื เสียง มาตรฐานทีเ่ ป็นท่ี ยอมรบั จากองคก์ รภายนอก พนักงานก็ควรไดร้ ่วมแสดงความชนื่ ชมยนิ ดี ในทางกลับกันหากการ ดาเนินกิจกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย พนักงานก็อาจจะต้องรั บ ผลกระทบเหล่านั้นไปดว้ ย 7.5.3 การสรา้ งบรรยากาศในการทากจิ กรรมอนรุ กั ษพ์ ลงั งานในองคก์ ร การสร้างบรรยากาศในการทากจิ กรรมอนรุ กั ษพ์ ลงั งานในองค์กร เปน็ อีกข้นั หนึ่งของการรณรงค์ ให้เกดิ กจิ กรรมการอนรุ ักษ์พลังานที่ยังยนื สร้างทั้งความมสี ่วนรว่ ม การมงุ่ มั่นพฒั นาทั้งบคุ คลและองคก์ ร ผลักดันยกระดบั องค์กรใหม้ ีความก้าวหนา้ มนั่ คงในเรอ่ื งของการอนุรกั ษ์พลังงาน ขั้นตอนนคี้ วรไดผ้ า่ น ขบวนการในการพัฒนาบคุ ลากร การปรบั ปรุงอปุ กรณ์ เทคนคิ วิธีการใชพ้ ลังงานมาพอสมควรแล้ว เปน็ ข้นั ตอนของการเชดิ ชผู ู้มสี ่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์พลงั งาน ให้เปน็ แบบอย่าง ได้รับการยอมรับทัง้ ภายในและ ภายนอกองคก์ ร สรา้ งความภาคภูมิใจเป็นนา้ หนึ่งใจเดยี วกนั ใหก้ ับพนักงานขององค์กร 7.5.3.1 การเชดิ ชู ช่นื ชม เป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ผลงานการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงาน สร้างผล ประหยัดพัฒนาการผลิตให้กับทั้งองค์กร เพ่ือเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ได้รับการยก ยอ่ ง และเป็นตัวอย่างท่ีดีให้พนักงานอน่ื ๆ ได้ทาตาม การยกย่องเชิดชู ชนื่ ชม ทาได้ตั้งแตก่ ารกล่าว ชื่นชมในการประชุม การประกาศเสียงตามสาย การตดิ ประกาศในบอรต์ ประชาสัมพันธ์ขององค์กร ไปจนถึงการลงประกาศทางสอ่ื ตา่ งๆ ขององคก์ ร 7.5.3.2 การมอบรางวลั เปน็ การเชดิ ชูช่นื ชมยกยอ่ ง ในลักษณะเปน็ รูปธรรม ทาไดต้ ั้งแต่การมอบเปน็ เกยี รติบตั ร โลร่ างวัล ไปจนถึงรางวัลที่มีคุณค่า หรือเปน็ ตัวเงิน ท้ังนีค้ วรแจ้งให้พนักงานทกุ คนทราบล่วงหนา้ ว่า เกณฑ์การมอบรางวัลเป็นเช่นใด หรือกาหนดให้พนักงานท้ังหมดมีส่วนลงคะแนนคัดเลือก บคุ คลท่คี วรได้รบั รางวัลน้ี 7.5.3.3 การสรา้ งบรรยากาศการแขง่ ขนั เป็นการสร้างความต่ืนตัวเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในองค์กร วัตถุประสงค์หน่ึงคือทาให้ เกิดการสร้างสมั พันธภาพท่ีดีระหว่างบคุ คล มีกิจกรรมท่ไี ดท้ าร่วมกันมากกว่างานท่ีเป็นภาระหลกั อยเู่ ป็นประจา การแข่งขนั ในกิจกรรมการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานมกั ทาในลกั ษณะเป็นทีม เพอื่ ให้เกิดการ มสี ่วนรว่ มของคนจานวนมากและครอบคลุมกิจกรรมการใชพ้ ลงั งานทีม่ ีผลกระทบเป็นวงกว้าง คมู่ อื การอนรุ กั ษพ์ ลังงาน 7-23 V.2022

 การสรา้ งบรรยากาศการแขง่ ขนั ภายในองคก์ ร การจัดการแข่งขันในองค์กรมักสืบเนื่องมาจากการจัดต้ังตัวแทนอนุรักษ์พลังงานในกลุ่ ม งานต่างๆ การแข่งขนั ในกิจกรรมการอนุรักษพ์ ลังงานในองค์กร มกั จะไดแ้ นวคดิ ใหม่ๆ มาตรการ ใหม่ๆ ในมิติท่ีแตกต่างออกไปจากการดาเนินงานทางวิศวกรรมเพียงอย่างเดียว และกิจกรรม อนุรกั ษ์พลงั งานเหล่านั้นมักทาได้จรงิ เพราะเกดิ จากความคิดของผู้ใช้พลงั งานหน้างาน การสร้าง บรรยากาศการแขง่ ขันการอนรุ กั ษ์พลังงานภายในองคก์ ร จะทาให้เกิดความคดิ สร้างสรรค์ มีการ ปฏสิ ัมพันธพ์ ดู คยุ ปรกึ ษาหารือกนั ในเรอื่ งของการใช้พลงั งาน มีการค้นหาวธิ กี ารใช้พลงั งานใหม่ให้ มีประสทิ ธิภาพ ถอื เป็นการกระต้นุ บุคลากรให้มกี ารคดิ วเิ คราะห์ เก็บข้อมูล และประเมนิ ผล ทาให้ เกิดผลดีในกิจกรรมอนุรกั ษ์พลงั งานในระยะยาว  การสรา้ งบรรยากาศการแขง่ ขนั ภายนอกองคก์ ร เปน็ การยกระดับมาตรฐานองค์กร ประชาสัมพนั ธ์องค์กร ในเร่อื งของการทากจิ กรรมของ องค์กรท่ีมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบรับรอง การสร้างบรรยากาศการแข่งขันด้านการ อนรุ ักษพ์ ลงั งานภายนอกองคก์ รจะชว่ ยสรา้ งความเป็นอนั หนึ่งอนั เดียวกันของพนักงานท้ังองคก์ ร ที่จะตอ้ งร่วมกันทากิจกรรมอนรุ ักษ์พลงั งาน โดยมีองคก์ รอน่ื ๆ ทอ่ี าจเปน็ คู่แขง่ ทางธรุ กิจ เป็นคู่ เปรียบเทียบ ทาให้คนในองคก์ รเกิดความตนื่ ตัวและรว่ มมือซง่ึ กนั และกันมากขึ้น ซ่ึงได้รางวัลหรอื ได้รับการรับรองจากภายนอกก็จะสร้างความภาคภูมิใจกับทีมงานและพนักงาน แต่ท้ังนี้ทีมงาน จะตอ้ งส่ือสารประชาสมั พนั ธ์ภายในองคก์ รใหท้ ราบทั่วกันถงึ การประกวดแขง่ ขนั ด้านการอนรุ ักษ์ พลงั งานกบั องค์กรภายนอก ตงั้ แตก่ ารเร่ิมสมคั รเขา้ ประกวดแขง่ ขนั ความคบื หน้าระหว่างการ แข่งขนั ไปจนถึงผลการตัดสนิ การแข่งขัน ซ่ึงถ้าหากผลการตดั สนิ ออกมาว่าองค์กรไมช่ นะ ก็จะตอ้ ง ชี้แจงจุดด้อยที่มี และจะทาอย่างไรในการพัฒนาให้ดขี ึ้นในการแขง่ ขนั ต่อๆ ไป การแขง่ ขนั ด้านการอนุรกั ษ์พลงั งานมีการจัดอยูเ่ สมอ และจัดโดยหลายสถาบัน ท้ังในและ ต่างประเทศ ทีมงานสามารถเลือกสมัครการแข่งขันท่ีมีกติกาไม่ยุ่งยากซับซ้อนก่อน ซ่ึงจะทาให้ องค์กรสามารถได้รับรางวัลและเป็นขวัญกาลังใจในการแข่งขันท่ียากข้ึนในลาดับต่อไป ทาให้ พนักงานมกี ารคดิ วิเคราะห์ พัฒนาในแนวทางทล่ี ะเอยี ดซบั ซอ้ นขน้ึ เร่ือย ๆ ส่งผลให้การอนุรกั ษ์ พลังงานในองค์กรเกดิ ข้นึ อยา่ งไมส่ ้ินสุด 7-24 กลุม่ วิจัย EnConLab มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี

เอกสารอา้ งองิ คู่มอื ผู้จัดการพลังงานทีด่ ี หมายเลข 1 เอกสารเผยแพร่ แนวทางการปฏบิ ัติงานทด่ี ี กรมพฒั นาพลงั าน ทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน (ISBN 974-9822-09-9) พมิ พ์คร้ังที่ 2 พ.ศ.2549 คู่มอื การอนรุ ักษ์พลังงาน 7-25 V.2022