LW014149-คำอธิบายวิธีจัดทำรายงานวิจัย-2-อ.อัษฎาวุธ-26-2-2565

1 Research Methodology in Law Guide KKU โครงการวจิ ัย เร่ือง …………ช่อื เร่ืองต้องตรงหรือสอดคลอ้ งกบั หวั ข้อการเรียนรู้ ชื่อผวู้ จิ ยั ……………………………. ปีการศึกษา ……………………………. ๑. หลักการและเหตุผล (๑ หนา้ ) สามารถเขยี น ๓ ย่อหนา้ หรือ ๒ ย่อหน้า ตัวอยา่ งองค์ประกอบสว่ นน้ี เช่น - เขียนถงึ ความเป็นมาหรอื ความสาคัญของเรื่องทจ่ี ะทา - เขียนถงึ เครื่องมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั สภาพปัญหาท่ีเกดิ ขึน้ ในปจั จุบัน หรอื แนวโนม้ ของปัญหาท่อี าจเกดิ ข้ึน - สรุปวา่ เพ่อื เป็นการแกไ้ ขปัญหาดังกล่าว จะต้องดาเนนิ การอยา่ งไร มีข้อดีอยา่ งไร ๒. วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษาวจิ ยั ผู้วจิ ัยตอ้ งกาหนดวัตถปุ ระสงค์ในการศึกษาวิจยั ให้ชดั เจนและสอดคล้องกับเร่อื งหรือประเด็นทีจ่ ะ ศกึ ษาวิจัย ทง้ั นี้การเขยี นสมมตฐิ านในการวิจยั จะต้องมีความเปน็ ไปได้ในการทดสอบหรือค้นหาคาตอบของการ วิจัย โดยอาจกาหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษาวจิ ัยเปน็ ประเด็นยอ่ ย ๆ ใหค้ รอบคลุมกบั เร่ืองทท่ี าวจิ ัย ดังน้ี - เพอื่ ศึกษาทฤษฎี/หลกั การ……………………………. - เพอ่ื ศึกษาขอ้ มลู /ปัญหา ในประเดน็ ของการวจิ ัยท่เี กี่ยวกับองค์กร/หน่วยงาน/บรกิ าร/กฎหมายหรืออื่นๆ ทผ่ี วู้ จิ ยั เลือก - เพ่อื เสนอแนะ/กาหนดแนวทาง ในการแก้ไขปญั หาเกย่ี วกบั ……………………………. ๓. ประเด็นปัญหาที่เก่ียวขอ้ ง (๑๐-๑๕ หน้า) โดยควรกาหนดเนื้อหาให้ครอบคลุมในประเดน็ ต่อไปนี้ - ประเด็นปัญหา ผู้วิจัยต้องแสดงให้เห็นถึงส่ิงที่ต้องการจะทาการวิจัยว่ามีความเป็นมาอย่างไร และ ประเด็นปัญหาน้ัน มีความสาคัญจนนาไปสู่การศึกษาวิจัยอย่างไร พร้อมทั้งการอธิบายหัวข้อน้ีต้องครอบคลุม ประเด็นที่ต้องการศึกษา โดยมีการค้นคว้าถึงเหตุผลและข้อสนับสนุนในการวิจัยท่ีเพียงพอ และมีการอ้างอิงท่ีมา ของขอ้ มูลทถ่ี กู ตอ้ งครบถว้ น - ขอ้ มลู ด้านกฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ ง - สมมตฐิ านหรือแนวทางในการแก้ไขปญั หา - ขอ้ มลู ที่จาเปน็ อน่ื - บทวิเคราะห์

2 ๔. ระเบยี บวิธีวจิ ยั และวิธกี ารวจิ ัย (Research Methodology) เปน็ การใหร้ ายละเอยี ดเกีย่ วกับข้นั ตอนในการดาเนนิ การวิจัยวา่ แตล่ ะขั้นตอนจะทาอยา่ งไร โดยทวั่ ไปให้ เป็นการให้รายละเอียดในเรือ่ งต่อไปน้ี คอื ๑) วิธีวิจัย จะเลือกใช้วิธีวิจัยแบบใด เช่น การวิจัยเอกสาร การวิจัยแบบทดลอง การวิจัยเชิงสารวจ การ วิจัยเชิงคณุ ภาพ หรอื จะใชห้ ลาย ๆ วิธรี วมกนั ซ่ึงจะต้องระบไุ วใ้ หช้ ัดเจนว่า จะใช้วธิ ีอะไรบ้าง ๒) แหล่งข้อมูล จะเก็บข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง เช่น ข้อมูลทุติยภูมิ จากทะเบียนราษฎร์ สมุดสถิติรายปี สามะโนประชากรและเคหะ ฯลฯ หรือข้อมูลปฐมภูมิ จากการสารวจ การสนทนากลุ่ม การสังเกต การสัมภาษณ์ เชงิ ลกึ ฯลฯ เป็นต้น ๓) ประชากรท่ีจะศึกษา ระบุให้ชัดเจนว่า ใครคือประชากรท่ีจะศึกษา และกาหนดคุณลักษณะของ ประชากรที่จะศึกษาให้ชัดเจน เชน่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ศาสนา เขตทอ่ี ย่อู าศัย บางครงั้ ประชากรท่ีต้องการ ศกึ ษา อาจไมใ่ ช่ปจั เจกบคุ คลก็ได้ เช่น อาจเป็นครวั เรอื น หมู่บ้าน อาเภอ จงั หวัด ฯลฯ ก็ได้ ๔) วิธีการสุ่มตัวอย่าง ควรอธิบายว่า จะใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบใด ขนาดตัวอย่างมีจานวนเท่าใด จะ เก็บข้อมลู มาจากทีไ่ หน และจะเขา้ ถึงกลมุ่ ตวั อย่างไดอ้ ย่างไร ๕) วิธีการเก็บข้อมูล ระบุว่า จะใช้วิธีการเก็บข้อมูลอย่างไร มีการใช้เคร่ืองมือและทดสอบเคร่ืองมือ อย่างไร เช่น จะใช้วิธีการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ การสัมภาษณ์แบบมีแบบสอบถาม การสังเกต หรือการ สนทนากลมุ่ เปน็ ตน้ ๖) การประมวลผลข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ระบุการประมวลผลข้อมูลจะทาอย่างไร จะใช้ เคร่ืองมืออะไรในการประมวลผลข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลหรือการทดสอบสมมติฐานจะทาอย่างไร จะใช้สถิติ อะไรบ้างในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อใหส้ ามารถตอบคาถามของการวจิ ัยไดถ้ ูกต้อง ๕. บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาวจิ ยั ได้ข้อสรุปในประเดน็ ตามวัตถุประสงค์อยา่ งไร การให้ข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่า จะเปน็ ข้อเสนอแนะดา้ นกฎหมาย หรือนโยบาย ท่เี กยี่ วข้องกบั ประเด็นปัญหา ๖. เอกสารอา้ งองิ หลกั การเขยี นเอกสารอา้ งอิง ประยกุ ต์จากรปู แบบ APA Style, 5th ed. 2001 บางส่วน ใช้ตัวอักษร TH Sarabun ขนาด 14 point ดังน้ี - เคร่ืองหมาย / หมายถึง การเวน้ ระยะ ๑ ตวั อักษร - บรรทดั แรกของแต่ละรายการ จะพมิ พ์ชดิ ขอบ โดยไมเ่ ว้นระยะ แต่ถ้ารายการน้ันพิมพ์ไม่จบในบรรทดั

3 เดียว ให้พมิ พ์ตอ่ ไปในบรรทดั ที่ ๒ โดยเว้นเข้าไป ๐.๕ นิว้ การอ้างอิงในเนอื้ หา (Cite in Text) ใหใ้ ช้ นาม-ปี โดยกาหนด ดงั นี้ ๑. กรณี ผแู้ ตง่ ๑-๓ คน ให้กาหนด (ชือ่ คนที่ ๑, ชอื่ คนท่ี ๒, และ & ชอื่ คนท่ี ๓, ปพี มิ พ์) ๒. กรณี ผู้แต่งมากกวา่ ๓ คน ให้กาหนด (ช่อื คนท่ี ๑ และคณะ et al., ปีพมิ พ์) ๓. กรณี ผแู้ ตง่ ต่างชาติ ให้ใส่ (ชอ่ื สกลุ , ปีพมิ พ์) ผ้แู ตง่ คนไทย ใหใ้ ส่ (ชอื่ นามสกลุ , ปีพมิ พ์) ๔. กรณเี อกสารอา้ งองิ ๒ รายการหรือมากกวา่ ท่ีมีช่ือผู้แต่งและปพี ิมพเ์ ดียวกนั แตช่ อ่ื เร่ืองตา่ งกัน ให้เติม อกั ษร ก ข ค.... หรอื a b c… ตอ่ ทา้ ยปีพมิ พ์ เพ่ือให้ทราบว่า เปน็ เอกสารแตกต่างกัน การอ้างองิ ทา้ ยบท (Reference) ๑. หวั ข้อให้ใช้ คาว่า เอกสารอ้างอิง (Reference) ๒. การจดั เรียง เรียงรายการอา้ งอิง เรียงภาษาไทยก่อนภาษาอังกฤษ และแต่ละรายการเรียงตามลาดบั อักษร ก-ฮ และ A-Z ๓. คาว่า “และคณะ” “et al.” ใชก้ รณีท่ีมชี ื่อผู้แต่งมากกว่า ๖ คน ข้ึนไป ให้ใช้ ดงั น้ี ๓.๑ ผู้แต่ง ๑-๖ คน ใหใ้ ส่ ผแู้ ต่งคนท่ี ๑, ผแู้ ตง่ คนท่ี ๒, ผู้แต่งคนที่ ๓, ผแู้ ต่งคนที่ ๔, ผ้แู ต่งคนที่ ๕, และ/& ผ้แู ตง่ คนที่ ๖. (ปพี ิมพ์). ๓.๒ ผ้แู ต่ง มากกวา่ ๖ คน ใหใ้ ส่ ผแู้ ต่งคนท่ี ๑, ผู้แตง่ คนที่ ๒, ผแู้ ต่งคนที่ ๓, ผู้แตง่ คนที่ ๔, ผแู้ ตง่ คนที่ ๕, ผ้แู ต่ง คนที่ ๖ “และคณะ”/“et al.” (ปพี มิ พ)์ . ๔. กรณเี อกสารอ้างอิง ๒ รายการหรือมากกวา่ ทม่ี ีช่อื ผแู้ ต่งและปีเดียวกนั แต่ช่อื เรื่องต่างกัน ใหเ้ ติม อกั ษร ก ข ก ค.... หรอื a b c ตอ่ ทา้ ยปีพมิ พ์ เพื่อใหท้ ราบว่า เป็นเอกสารแตกต่างกัน เชน่ การอ้างอิงท้ายบทของประเวศ วะสี ๒ รายการ คอื (ดูการอา้ งอิงภายในเน้ือหา ที่ “การอา้ งอิงในเนื้อหา ข้อ ๔)” ) ประเวศ วะส.ี (๒๕๔๗ก). กระบวนการนโยบายสาธารณะ. ประเวศ วะส.ี (๒๕๔๗ข). การพัฒนาต้องเอาวฒั นธรรมเป็นตวั ตัง้ . ๕. รปู แบบการเขียนอ้างอิงท้ายบท ๕.๑ หนังสอื ช่ือผ้แู ต่ง./(ปีพิมพ์)./ชอ่ื หนังสือ/(คร้ังทพ่ี ิมพ์)./สถานท่ีพมิ พ์:/สานักพิมพ์.

4 ๕.๒ บทความในหนังสือ (หนังสอื รวมบทความหลายเรื่อง ผู้แตง่ หลายคน) ชอ่ื ผู้เขยี นประจาบท./(ปพี ิมพ์)./ช่อื บทความ./ใน/ช่อื ผู้แตง่ /(บรรณาธกิ าร)./ช่ือหนังสอื /(คร้ังท่พี ิมพ์, หน้า -)./ สถานทพ่ี ิมพ์:/สานักพิมพ.์ ๕.๓ บทความในวารสาร ชื่อผเู้ ขยี นบทความ./(ปีพิมพ)์ ./ช่ือบทความ./ช่ือวารสาร,/ปีท(ี่ ฉบับท่ี),/เลขหนา้ . ๕.๔ บทความในวารสารออนไลน์ และมตี วั เล่ม ชื่อผ้เู ขยี นบทความ./(ปีพิมพ)์ ./ชื่อบทความ [ฉบบั ออนไลน]์ [Electronic version]./ช่อื วารสาร,/ปที (่ี ฉบบั ท่ี),/เลข หนา้ . ๕.๕ วิทยานพิ นธ์ ชอ่ื -นามสกุลผเู้ ขยี น./(ปีพิมพ์)./ช่ือวทิ ยานพิ นธ์./วิทยานพิ นธ์มหาบณั ฑิต/วิทยานิพนธ์ดษุ ฎีบณั ฑติ ชอื่ สาขาวชิ า ชื่อสถานศึกษา. ๕.๖ เอกสารทไี่ มต่ ีพมิ พเ์ ผยแพร่ ชอื่ ผเู้ ขียน./(ปพี มิ พ)์ ./ชอื่ เรื่อง./สถานทพี่ ิมพ์:/สานักพิมพ์./(เอกสารอัดสาเนา). ๕.๗ การอา้ งอิงขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต ชื่อผู้แต่ง./(ปพี ิมพ์)./ชื่อเร่ือง/คน้ เมอื่ /วนั เดือนปที ่ีคน้ ,/จาก/URL. ----------------------------- ตัวอย่างรูปแบบการพิมพ์เอกสารอ้างอิง (Reference) หนังสอื กติ ติพงษ์ กิตยารักษ, ชาติ ชยั เดชสุรยิ ะ, & ณฐั วสา ฉัตรไพฑูรย. (๒๕๔๗). มาตรฐานองคการ สหประชาชาติวา่ ด้วยกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา. กรงุ เทพฯ: มลู นิธพิ ัฒนากระบวนการยุตธิ รรม. ประสพสุข บญุ เดช. (๒๕๖๐). หลักกฎหมายครอบครวั . กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์วิญญูชน. หยุด แสงอทุ ยั . (๒๕๕๖) กฎหมายอาญา ภาค ๒–๓ (พิมพค์ รัง้ ที่ ๑๑). กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. Bravo, E., & Cassedy, E. (1979). The 9 to 5 guide to combating sexual harassment. Connecticut: John Willey & Son. บทความในวารสาร ต่อพงศ์ กติ ตยิ านุพงศ.์ (๒๕๖๒). การปะทะกันแห่งคุณค่าในกฎหมายรัฐธรรมนญู ไทย. วารสารนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๔๘(๓), ๔๓๙-๔๔๑.

5 McNamara, L., & Quilter, J. (2019). Criminalising protest through the expansion of police ‘move- on’ powers: a case study from Australia. International Journal of Law, Crime and Justice, 58, 22-34. วทิ ยานิพนธ์ สุทัศน์ ทองสถติ ย.์ (๒๕๕๙). การใชม้ าตรการทางภาษแี ละกฎหมายในการจดั การปัญหาสง่ิ แวดล้อม : ศกึ ษา เฉพาะกรณแี บตเตอรแี่ ละของเสียอนั ตราย. วิทยานพิ นธป์ ริญญานติ ศิ าสตรมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ นต็ ดนยา สุเวทเวทิน. (๒๕๖๒). หญิงทอ้ งไม่พรอ้ มคอื ผู้ป่วย เปิดทางเลือกเข้าถงึ ยุติครรภ์ปลอดภัย. ค้นเมอื่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒, จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/47430-/'หญงิ ทอ้ งไม่พรอ้ มคือผู้ป่วย/'% 20เปิดทางเลอื กเข้าถึงยตุ ิครรภ์ปลอดภัย.html. สานกั งานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ. (๒๕๕๗). กรมสุขภาพจติ แนะวธิ ีดูแลผ้ปู ่วยจติ เวช. ค้นเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒, จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/25039-กรมสขุ ภาพจิตแนะวิธดี แู ลผ้ปู ่วย จติ เวช.html.