กศน.ตำบลด่ำนทับตะโก ศนู ย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอจอมบึง สำนกั งำนสง่ เสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยจังหวัดรำชบรุ ี สำนกั งำนสง่ เสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัย สำนักงำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธิกำร กระทรวงศึกษำธิกำร
คำนำ ด้วย กศน.ตำบลด่ำนทับตะโก ได้ดำเนินกำรจัดทำภูมิปัญญำในท้องถ่ินให้กับประชำชนในพื้นที่ ตำบลด่ำนทับตะโก เพื่อเพิ่มพูนควำมรู้ซ่ึงควำมรู้และทักษะกำรในกำรดำเนินชีวิตแบบพอเพียง สำมำรถเรียนรู้ และฝึกฝนได้ท้ังจำกกำรศึกษำด้วยตนเองและรับกำรถ่ำยทอดจำกคนอื่น กำรนำภูมิปัญญำมำเผยแพร่เพื่อให้ ประชำชนในพ้ืนที่ได้นำไปใช้และเรียนรู้ เพื่อเพ่ิมอำชีพและประสบกำรณ์ให้กับตนเองและครอบครัว ให้มีกำร เจริญเติบโตอย่ำงต่อเน่ืองและเกื้อกูลในกำรผลิตซ่ึงกันและกัน โดยกำรใช้ทรัพยำกรที่มีอยู่และไม่มีสำรพิษ เช่น ดิน น้ำ แสงแดด อย่ำงเหมำะสมเกิดประโยชน์สูงสุง มีควำมสมดุลย์ของสภำพแวดล้อมอย่ำงต่อเนื่อง และเกิดผลในกำรเพิ่มพูนควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกร ธรรมชำติด้วย กศน.ตำบลด่ำนทับตะโก หวังว่ำเอกสำรเลม่ น้ีคงม้ปี ระโยชนต์ อ่ ผอู้ ำ่ นปละผปู้ ฎบิ ัตงิ ำนต่อไป กศน.ตำบลด่ำนทบั ตะโก กุมภาพันธ์ 2563
สำรบัญ คานา หน้ำ สารบญั กศน.ตาบลด่านทบั ตะโก 1 6 - ภมู ปิ ญั ญาสำนตะกร้ำจำกเสน้ พลำสตกิ : คณุ นำงกรรณกิ ำร์ กิตตวิ ณั ณกสุ มุ ำ 10 - ภมู ิปัญญาสมนุ ไพร : คณุ สมนึก ปูก่ ง - ภูมิปญั ญากำรปลกู สมนุ ไพร : คณุ ประนอม สมั พันธวงศ์ คณะผู้จัดทา 13
1 แบบบันทึกชุดข้อมลู คลังปญั ญา-ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ชื่อภมู ิปัญญำ กำรสำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสติก ช่ือ นำงกรรณิกำร์ นำมสกุล กิตติวัณณกสุ ุมำ วันเดือนปเี กดิ 20 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2521 ท่อี ยู่ปจั จบุ นั (ท่สี ำมำรถติดตอ่ ได้) บ้ำนเลขท่ี 53/2 หม่ทู ี่ 19 ตำบล/แขวง ด่ำนทับตะโก อำเภอ/เขต จอมบึง จังหวัด รำชบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ 70150 โทรศัพท์ 082 - 2496295 Line ID 082 - 2496295 E-mail address - Facebook ปำย ปำย ควำมเปน็ มำของภมู ิปัญญำ เน่ืองจำกคุณกรรณิกำร์ กติ ติวัณณกุสุมำ เป็นชำวบ้ำน ท่ีอยู่ในชุมชนบ้ำนหนองครก หมู่ 19 ตำบล ด่ำนทับตะโก อำเภอจอมบึง จงั หวัดรำชบุรี พืน้ ของชุมชนบำ้ นหนองครกนั้น ชำวบ้ำนส่วนใหญ่ทำกำรเกษตร ส่วนใหญ่จะทำนำ ปลกู ผกั ปลูกกลว้ ย บำ้ นของพก่ี รรณกิ ำรน์ ั้น ทำกำรค้ำขำย และปลูกผักปลอดสำรพิษ ใน สังคมปัจจุบันถึงเวลำนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่ำ ไม่รู้จักปรำกฏกำรณ์สำคัญของโลกที่เรียกว่ำ ภำวะโลกร้อน (Global warming) ปีท่ีผ่ำนมำ ภำคเหนือและภำคอีสำนของประเทศไทยต้องเผชิญกับอำกำศหนำวจัดกว่ำ หลำยปีท่ีผ่ำนมำ ขณะท่ีภำคกลำงประสบกับปัญหำน้ำท่วมหนักอย่ำงที่ไม่เคยเจอมำก่อน ส่วนภำคใต้ก็เจอกับ พำยุท่ีรุนแรงขึ้น ปัญหำทะเลกัดเซำะชำยฝั่งเข้ำมำลึกมำกข้ึน คงไม่ต้องย้ำกันอีกรอบ ตำมที่วันชัย ตันติวิทยำ พิทักษ์แห่งนิตยสำรคดี บอกว่ำ ภำวะโลกร้อนได้มำเคำะประตูบ้ำนของเรำแล้ว ถุงพลำสติกที่เรำใช้รองรับสิน และอำหำร ผลิตจำกเมด็ พลำสติก จำกอุตสำหกรรม ปิโตรเคมี ท่ีใช้เพลิงฟอสซิลเป็นวัตถดุ ิบกำรผลิตถงุ พลำสติก สำมำรถทำได้อย่ำงรวดเร็ว ในปริมำณมำก และดว้ ยตน้ ทุนที่ต่ำ เม่อื นำมำใช้จะมีอำยุกำรใชง้ ำนสัน้ และสว่ นใหญ่ เป็นกำรใชเ้ พยี งครั้งเดียว โดยเฉพำะถงุ ขนำดเล็กและบำงถุงท่ีผ่ำนกำรใช้งำนแล้วและถูกนำไปทิ้งจะเป็นภำระใน กำรเก็บขน และจัดกำรเป็นอย่ำงมำก เน่ืองจำกคุณลักษณะที่เบำบำง และมีปริมำณมำกปะปนกับมูลฝอย ประเภทอ่ืนๆ จะทำให้กำรย่อยสลำยมูลฝอย เป็นไปได้ยำกมำกย่ิงข้ึน ป้ำกรรณิกำร์จึงเล็งเห็นว่ำควรมีกำรลดใช้ ถุงพลำสตกิ จึงคิดประดิษฐ์ตะกรำ้ จำกเสน้ พลำสติก เพ่ือใช้เป็นในครัวเรือน และยังเป็นกำรสร้ำงรำยได้อกี ทำง หนง่ึ ดว้ ย จดุ เดน่ ของภูมิปญั ญาท้องถนิ่ - เป็นสถานท่ีถ่ายทอดความรู้ - เปน็ แหลง่ ศึกษาดูงาน - เปน็ แหลง่ ฝึกทดลองงานด้านหัถตกรรม วัตถุดิบทใี่ ชป้ ระโยชน์ในการผลติ ทเี่ กดิ จากภมู ิปัญญา ซ่ึงพ้ืนที่อนื่ ไม่มี - ลวดเส้นพลาสติกทแี่ ขง็ แรง และมีลวดรายทีส่ วยงาม - ขัน้ ตอนการสานตะกรา้ จากเส้นพลาสติกท่ีคดิ รูปแบบเอง
2 รายละเอยี ดของภูมิปญั ญาท้องถิ่น - รูปแบบการถ่ายทอดความรู้ด้านการศึกษาดูงาน ด้านการอบรมให้ความรู้ ฝึกปฎิบัติในพื้นที่จริง ประโยชนท์ ่ีได้รับจากภมู ปิ ัญญาคอื สามารถนาไปปฎบิ ตั ไิ ด้จรงิ รูปแบบและลกั ษณะการถ่ายทอด การประชาสัมพนั ธ์ เผยแพร่ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ยังไมเ่ คยมกี ารเผยแพร/่ ใช้เฉพาะบคุ คล เคยเผยแพร่เฉพาะในชมุ ชน มีการเผยแพร่ผ่านส่อื มวลชนและส่ืออื่นอย่างแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบคุ คลภายนอกจานวน........ครั้ง จานวน........คน มกี ารนาไปใช้ อน่ื ๆ ( ระบุ ) ลักษณะของภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ การพฒั นาต่อยอดภมู ปิ ญั ญาใหเ้ ป็นนวัตกรรม คุณคา่ และความภาคภูมิใจ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น/นวัตกรรมที่คดิ ค้นขึน้ มาใหม่ ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ดั่งเดิมได้รบั การถา่ ยทอดมาจาก ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ทีไ่ ดพ้ ฒั นาและตอ่ ยอด แบบเดิมคือ สานตะกร้าเม่ือก่อนใช้ไม้ไผ่ในการสาน และการสานแบบพลาสติกก็จะเป็นแบบไม่ใส่ โครงเหล็ก สานให้เปน็ ทรงสีเหลีย่ ม การพัฒนานาต่อยอดคือ ตะกร้าสานจากเส้นพลาสติก เป็นการประยุกต์การสานตะกร้าจากไม้ไผ่ เพราะในปจั จุบนั ไม้ไผ่น้ันหายากมาก และคนท่ีจะจักตอกไม้ไผ่ก็หายากเช่นกัน จงึ ได้มีการนาเส้นพลาสติกมา จักสานเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นตะกร้าเป็นต้น การทาเครือ่ งจักสานในประเทศไทย มกี ารทาสืบต่อกันมาตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตรน์ ักโบราณคดีได้พบหลกั ฐานสาคัญเกย่ี วกับการทาเคร่ืองจักสานในยคุ หินใหม่ทีบ่ รเิ วณถ้า แห่งหน่ึงในเขตอาเภอศรีสวัสด์ิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งทาด้วยไม้ไผ่เป็นลายขัดสองเส้นประมาณว่ามีอายุราว 4,000 ปี มาแล้ว การทาเคร่ืองจักสานยุคแรก ๆ มนุษย์จะนาวัตถุดิบจากธรรมชาติเท่าที่จะหาได้ใกล้ตัวมาทาให้เกิด ประโยชน์ เช่น การนาใบไม้ ก่ิงไม้ ต้นไม้ประเภทเถานามาสานมาขัดเป็นรูปทรงง่ายๆ เพ่ือใช้เป็นภาชนะหรือมา สานขัดกันเป็นแผ่นเพื่อใช้สาหรับปูรองน่ัง รองนอน ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นเคร่ืองจักสานท่ีมีความประณีตในยุค ต่อๆ มา เครื่องจักสานเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มนุษย์คิดวิธีการต่างๆ ข้ึนเพื่อใช้สร้างเครื่องมือเครื่องใช้ใน ชวี ิตประจาวันด้วยวธิ กี ารสอดขดั และ สานกันของวสั ดุ ทเี่ ป็นเสน้ เป็นรวิ้ โดยสรา้ งรูปทรงของสง่ิ ที่ประดิษฐข์ น้ึ น้ัน ตามความประสงค์ในการใช้สอยตามสภาพภูมิศาสตร์ ประสานกับขนบธรรมเนียมประเพณีความเชอื่ ศาสนาและ วัสดุในท้องถิ่นน้ันๆ การเรียกเครื่องจักสานว่า “จักสาน” น้ัน เป็นคาท่ีเรียกข้ึนตามวิธีการที่ทาให้เกิดเคร่ืองจัก สาน เพราะเคร่ืองจักสานต่างๆ จะสาเรจ็ เปน็ รปู รา่ งที่สมบูรณ์ไดน้ ้นั ตอ้ งผ่านกระบวนการ ดงั นี้ 1. การจัก คือการนาวัสดุมาทาให้เป็นเส้น เป็นแฉก หรือเป็นริ้วเพ่ือความสะดวกในการสาน ลักษณะ ของการจักโดยทั่วไปนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของวัสดุแต่ละชนิดซึ่งจะมีวิธีการเฉพาะท่ีแตกต่างกันไป หรือบางคร้ัง การจักไม้ไผ่หรอื หวายมักจะเรยี กว่า “ตอก” ซ่งึ การจกั ถือได้วา่ เป็นข้นั ตอนของการเตรียมวัสดใุ นการทาเคร่ืองจัก สานขัน้ แรก
3 2. การสาน เปน็ กระบวนการทางความคดิ สร้างสรรคข์ องมนษุ ย์ทีน่ าวสั ดุธรรมชาตมิ าทาประโยชนโ์ ดยใช้ ความคดิ และฝมี ือมนุษยเ์ ปน็ หลกั การสานลวดลายจะสานลายใดนัน้ ขนึ้ อยู่กบั ความเหมาะสมในการใชส้ อย ซ่ึงมี ด้วยกัน 3 วธิ ี คอื - การสานดว้ ยวิธีสอดขดั - การสานด้วยวิธีการสอดขัดด้วยเสน้ ทแยง - การสานดว้ ยวธิ ขี ดเป็นวง 3. การถกั เป็นกระบวนการประกอบที่ช่วยให้การทาคร่ืองจักสานสมบูรณ์ การถักเครอ่ื งจักสาน เช่น การ ถักขอบของภาชนะจักสานไม้ไผ่ การถักหูภาชนะ เป็นต้น การถักส่วนมากจะเป็นการเสริมความแข็งแรงของ โครงสร้างภายนอก เชน่ ขอบ ขา ปาก กน้ ของเคร่อื งจักสาน และเปน็ การเพม่ิ ความสวยงามไปดว้ ย มลู เหตทุ ี่ทาใหเ้ กิดเคร่ืองจักสานที่สาคัญ 3 ประการดังนี้ 1. มูลเหตุจากความจาเป็นในการดารงชีวิต การดารงชีวิตในชนบทจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องอาศัย เคร่ืองมือเคร่ืองใช้พื้นบ้าน ท่ีสามารถผลิตได้เองมาช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย โดยเฉพาะผู้มีอาชีพ เกษตรกรรม ซ่ึงสามารถจาแนกออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ ตามหนา้ ที่ใช้สอยดังน้ี 1.1 เครอ่ื งจักสานทใ่ี ชใ้ นการบรโิ ภค ไดแ้ ก่ ซ้าหวด กระต๊ิบ แอบข้าว หวดนึ่งข้าวเหนยี ว ก่องข้าว กระชอน กระดง้ ฯลฯ 1.2 เครื่องจักสานท่ใี ชเ้ ป็นภาชนะ ได้แก่ กระบุง กระจาด ซา้ กระทาย กระบาย กะโล่ กระดง้ ชะลอม ฯลฯ 1.3 เครอ่ื งจักสานทใ่ี ช้เป็นเคร่ืองตวง ได้แก่ กระออม กระชุ กระบุง สดั ฯลฯ 1.4 เครื่องจักสานที่ใช้เปน็ เคร่ืองเรือนและเครือ่ งปูลาด ไดแ้ ก่ เส่ือต่าง ๆ 1.5 เคร่ืองจักสานที่ใช้ปอ้ งกันแดดฝน ได้แก่ หมวก ก๊บุ งอบ ฯลฯ 1.6 เครื่องจักสานทใี่ ชใ้ นการดักจับสตั ว์ ไดแ้ ก่ ลอบ ไซ อีจู้ ชะนาง จั่น ฯลฯ 1.7 เครอื่ งจักสานทีใ่ ช้เกี่ยวกับความเช่อื ประเพณีและศาสนา ไดแ้ ก่ กอ่ งข้าวขวญั ซ้าสาหรับใสพ่ าน สลาก ฯลฯ 2. มูลเหตุท่ีเกิดจากส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติตามสภาพภูมิศาสตร์ เพราะชาวไทยส่วนใหญ่มีอาชีพทาง เกษตรกรรม จงึ จาเปน็ ตอ้ งทามาหากนิ กันตามสภาพสิ่งแวดล้อมและสภาพภมู ิศาสตร์ของท้องถิ่นนน้ั ๆ ดังน้ันการ ทาเครือ่งจักสานที่เห็นได้ชัด คือ เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับปลาและสัตว์น้าจืด ได้แก่ ลอบ ไซ ชะนาง โดยทา ด้วยไม้ไผแ่ ละหวาย ซึ่งรปู แบบและโครงสร้างจะสร้างข้ึนให้เหมาะสมกบั การใช้สอย และครุ ใช้สาหรับตีข้าวของ ทางภาคเหนอื เป็นต้น 3. มูลเหตุที่เกิดจากความเชื่อ ขบธรรมเนียมประเพณี และศาสนา เคร่ืองจักสานจานวนไม่น้อยเกิดขึ้น จากผลของความเชอ่ื ของทอ้ งถ่นิ ซ่ึงจะเห็นไดจ้ ากการสานเสื่อปาหนันเพอ่ื ใชใ้ นการแต่งงานของภาคใต้ เป็นต้น นอกจากข้อมูลอันสาคัญท้ัง 3 ประการแล้ว ปัจจุบันพบว่าในหลายท้องถิ่น เครื่องจักสานได้กลายมาเป็นอาชีพ รองจากการทาไร่ ทานา เพ่ือจาหน่ายเปน็ รายได้พิเศษในช่วงต่อไป วัสดุท่ใี ชท้ าเครือ่ งจักสาน 1. ไม้ไผ่ เป็นไม้ที่ใช้ทาเคร่ืองจักสานมากมายหลายชนิด มีลักษณะเป็นไม้ปล้อง เป็นข้อ มีหนาม และ แขนงมาก เมอื่ แก่จะมสี เี หลอื ง โดยจะนาส่วนลาต้นมาใช้จกั เปน็ ตอกสาหรบั สานเป็นภาชนะตา่ งๆ
4 2. กก เป็นพันธ์ุไม้ชนิดหน่ึงท่ีชอบขึ้นในท่ีช้ืนและมีขึ้นท่ัวไป เช่น ในนา ริมหนอง บึง และท่ีน้าท่วมแฉะ ลาต้นกลมหรือสามเหลี่ยม มีท้ังชนิดลาต้นใหญ่ยาว และลาต้นเล็กและส้ัน ส่วนมากนามาทอเสื่อมากกว่านามา สานโดยตรง 3. แหย่ง มีลักษณะคล้ายไม้ไผ่แต่อ่อนนุ่มกวา่ ไม่มีข้อ แข็งกว่าหวายใช้ได้ทนกว่ากก ชอบข้ึนตามท่ีแฉะ มผี วิ เหลืองสวย ใช้สานเสอ่ื ทาฝาบา้ น เปน็ ต้น 4. หวาย จะขนึ้ ในปา่ เป็นกอๆ ส่วนมากจะใช้ประกอบเครือ่ งจักสานอนื่ ๆ แต่ก็มีการนาหวายมาทาเคร่อื ง จกั สานโดยตรงหลายอยา่ ง เชน่ ตะกรา้ หิ้ว ถาดผลไม้ เป็นตน้ 5. ใบตาลและใบลาน ลาตน้ สงู คลา้ ยมะพร้าว ใบเป็นแผงใหญ่คล้ายพดั จะนามาทาเครอื่ งจกั สานโดยจัก ในออกเป็นเส้นคลา้ ยเส้นตอก แต่ตอ้ งใช้ใบออ่ น สว่ นใหญ่จะใชส้ านหมวกและงอบ 6. ก้านมะพร้าว ใช้ก้านกลางใบของมะพร้าว เหลาใบออกให้เหลือแต่ก้าน แล้วนามาสานเช่นเดียวกับ ตอก สว่ นมากสานเป็นตะกรา้ กระจาดผลไมเ้ ล็กๆ 7. ย่านลิเภา มีลักษณะเป็นเถาวัลย์ชนิดหน่ึง มีขนาดเท่าหลอดกาแฟ ขึ้นตามภูเขา เทือกเขา และป่า ละเมาะ ในการใช้ต้องนาลาต้นมาลอกเอาแต่เปลือกแล้วจักเป็นเส้นๆ ย่านลิเภาส่วนใหญ่จะนามาสานเป็นลาย เช่ยี นหมาก พาน เปน็ ตน้ 8. กระจูด เป็นพันธุ์ไม้ตระกูลเดียวกับกก ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ลักษณะลาต้นเป็นต้นกลมๆ ขนาด นวิ้ กอ้ ย กอ่ นนามาสานจะตอ้ งนาลาต้นมาผ่ึงแดดแล้วทบุ ให้แบนคลา้ ยเส้นตอกก่อน แล้วจึงสาน 9. เตยทะเล เป็นต้นไมจ้ าพวกหน่ึงใบยาวคล้ายใบสบั ปะรดหรือใบลาเจียก ขึ้นตามชายทะเล ใบมีหนาม กอ่ นนามาสานต้องจักเอาหนามรมิ ใบออกแล้วย่างไฟ แช่น้า แล้วจึงจักเป็นเส้นตอก 10. ลาเจียก หรือปาหนนั เป็นต้นไม้จาพวกเดียวกบั เตย 11. คล้า เปน็ ตน้ ไมช้ นิดหนงึ่ คล้ายตน้ ข่า หรอื กก มผี วิ เหนียว ใช้สานภาชนะเชน่ เดียวกับหวายและไมไ้ ผ่ ซ่ึงปจั จบุ นั ไดม้ ีการนาเส้นพลาสติกมาสาน เพราะเปน็ วสั ดุที่หาได้งา่ ยและไม่บาดมอื คนจักสานพร้อม กันนน้ั ยงั เป็นทนี่ ิยมของท้องตลาดอกี ด้วย
5 รูปภาพเจ้าของภูมิปญั ญา นำงกรรณิกำร์ กิตติวณั ณกสุ ุมำ ( เจ้าของภูมปิ ัญญา สำนตะกร้ำจำกเสน้ พลำสติก ) รปู ภาพภูมิปญั ญา การสานเส้นพลาสตกิ ในรปู แบบตา่ ง ๆ ขน้ั ตอนการสานเข่งพลาสตกิ
6 แบบบันทกึ ชุดข้อมลู คลังปญั ญา-ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ตาบลด่านทบั ตะโก อาเภอจอมบงึ จังหวัดราชบุรี ชอ่ื ภมู ปิ ัญญำ สมุนไพรไทย ชอื่ นำยสมนกึ นำมสกลุ ปู่กง วนั เดือนปีเกดิ 2 พฤษภำคม พ.ศ. 2506 ทีอ่ ยู่ปจั จบุ นั (ที่สำมำรถติดตอ่ ได้) บ้ำนเลขท่ี 33 หมู่ท่ี 13 ตำบล/แขวง ด่ำนทบั ตะโก อำเภอ/เขต จอมบึง จังหวดั รำชบรุ ี รหสั ไปรษณี 70150 โทรศพั ท์ 081 – 0170726 Line ID - E-mail addrese - Facebook - ความเป็นมาของบคุ คลคลงั ปญั ญา เนื่องจำกคุณสมนึก ปู่กง ( ลุงนึก ) มีอำชีพทำกำรเกษตรกรรม ปลูกผัก ปลูกอ้อย และปลูกพืช สมุนไพร สมุนไพร คือ วัตถดุ ิบจำกธรรมชำติที่ใช้รกั ษำโรคหรือบำรุงร่ำงกำย ข้อมูลและควำมรู้เกี่ยวกับสมุนไพร ไทยพืชใกล้ตัว สรรพคุณและโทษ กรมกำรแพทย์แผนไทย พร้อมคำแนะนำในกำรใช้ กระทรวงวิทยำศำสตร์ได้ บรรจุกำรพัฒนำสมุนไพรอยู่ในแผยพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ นอกจำกนี้บ้ำนของลุงนึกยังเป็นศูนย์ สมุนไพรประจำหมู่บ้ำน และประจำตำบลด่ำนทับตะโกด้วย ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนที่น่ำสนใจ ศูนย์ สมุนไพรไทยเป็นแหลง่ ศกึ ษำดูงำนที่มีคนมำดูงำนอย่ำงมำกมำย และยงั ได้มีกำรผลิตสมุนไพรไทยจำนวนอีกทำง หน่งึ ด้วย จุดเด่นของภูมปิ ัญญาท้องถิ่น - เป็นสถานท่ีถ่ายทอดความรู้ - เปน็ แหล่งศกึ ษาดูงาน - เปน็ แหล่งฝกึ ทดลองงานสมนุ ไพร วตั ถุดบิ ท่ใี ช้ประโยชน์ในการผลิตที่เกิดจากภมู ปิ ัญญา ซึ่งพืน้ ที่อ่นื ไม่มี - วสั ดุ อุปกรณท์ ่ใี ชเ้ ปน็ แบบธรรมชาติ - ปลกู สมุนไพรด้วยวิธีการธรรมการ - การแปรรูปสมนุ ไพรด้วยวิธกี ารธรรมชาติ รายละเอยี ดของภูมิปัญญาท้องถนิ่ - รูปแบบการถ่ายทอดความรู้ด้านการศึกษาดูงาน ด้านการอบรมให้ความรู้ ฝึกปฎิบัติในพ้ืนท่ีจริง ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากภูมปิ ัญญาคอื สามารถนาไปปฎิบตั ไิ ดจ้ ริง
7 รูปแบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ ยงั ไมเ่ คยมีการเผยแพร/่ ใช้เฉพาะบคุ คล เคยเผยแพร่เฉพาะในชมุ ชน มกี ารเผยแพรผ่ า่ นสอื่ มวลชนและส่อื อนื่ อยา่ งแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบุคคลภายนอกจานวน........ครัง้ จานวน........คน มีการนาไปใช้ อน่ื ๆ ( ระบุ ) ลกั ษณะของภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ การพัฒนาตอ่ ยอดภมู ปิ ญั ญาใหเ้ ป็นนวัตกรรม คณุ คา่ และความภาคภูมใิ จ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ /นวตั กรรมที่คดิ ค้นขน้ึ มาใหม่ ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินด่ังเดมิ ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาจาก ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ทีไ่ ดพ้ ฒั นาและต่อยอด แบบเดิมคือ เพาะปลกู แบบปลอ่ ยใหโ้ ตเองตามธรรมชาติ และนาสมนุ ไพรมาใช้แบบสดๆ การพัฒนานาต่อยอดคือ ใช้ทำยำรักษำโรค หรือ บำรุงร่ำงกำย ซ่ึงได้จำกธรรมชำติ คือ พืช สัตว์ และ แร่ธำตุ จำกนั้นนำวัตถุดิบต่ำงๆมำแปรรูปให้อยู่ในรูปแบบต่ำงๆ เช่น ของเหลว ของแข็ง กึ่งของเหลวของแข็ง และ รูปแบบไอน้ำหรือรมควัน เป็นต้น รูปแบบของสมุนไพร กำรนำพืช สัตว์ หรือ แร่ธำตุ มำใช้เพ่ือเป็น สมนุ ไพร ในกำรรกั ษำโรค น้นั วตั ถุดิบตำ่ งๆจะถูกแปรรปู ให้อยู่ในรูปแบบตำ่ งๆ 4 ลักษณะ คอื ของเหลว ของแข็ง กง่ึ ของแข็งของเหลว และ รปู แบบอบไอนำ้ หรือรมควัน รำยละเอียดของรูปแบบตำ่ งๆของสมุนไพร มีดงั น้ี รปู แบบของเหลว ลักษณะของกำรตม้ กับน้ำ หรือ ค้ันเอำน้ำจำกวัตถุดบิ รวมถึงนำมำดองกับสุรำเป็นยำ ดอง เป็นต้น รปู แบบของแข็ง ลักษณะนำวัตถุดิบมำตำกแห้ง หรือ ใช้ส่วนท่ีมีควำมแข็ง นำส่วนผสมต่ำงๆมำบดเป็น ผงและผสมกับนำ้ ผง้ึ และป้นั เป็นกอ้ น เรยี ก ยำลกู กลอน ใช้รบั ประทำนเปน็ เม็ด รูปแบบกง่ึ แขง็ กง่ึ เหลว ลกั ษณะยำฟอก โดยนำพชื มำตำให้แหลก ให้มคี วำมชืน้ และ พอกท่ีร่ำงกำย รปู แบบอบหรือรมคสัน ลักษณะกำรใช้กำรต้มหรือเผำสมุนไพร และใช้ไอน้ำหรือควันจำกพชื นั้นๆมำใช้ ในกำรรกั ษำโรค หลกั กำรใชส้ มนุ ไพร สำหรับกำรใช้สมุนไพรในกำรรักษำโรคหรือบำรุงร่ำงกำย ต้องใช้อย่ำงถูกต้องและอย่ำงเหมำะสม ทั้ ง คุณภำพของวัตถุดิบ ลักษณะกำรใช้งำน และ ปริมำณของพืชที่ใช้ในกำรรักษำโรค สำมำรถสรุปหลักกำรใช้ สมุนไพรเพ่อื ประโยชนส์ งู สดุ มดี งั นี้ หำกเกดิ อำกำรแพ้ หรือ รำ่ งกำยผิดปรกตจิ ำกกำรใช้สมนุ ไพรให้หยดุ กำรใชง้ ำนทันที ห้ำมใช้ในปริมำณทม่ี ำกหรอื ใช้ตดิ ต่อกนั นำนเกินไป สำหรับอำกำรของโรคบำงโรคไม่ควรใช้สมุนไพรในกำรรักษำ เช่น มีไข้สูงผิดปรกติ มีอำกำรซึม ไม่ รู้สึกตัว มีอำกำรปวดอย่ำงรุนแรง อำเจียนเป็นเลือด ตกเลือด เป็นต้น ลักษณะอำกำรต่ำงๆเหล่ำน้ีควร นำสง่ แพทยเ์ พ่อื รับกำรรกั ษำ ไมค่ วรใช้สมนุ ไพรรกั ษำโรคทไ่ี ม่ทรำบสำเหตขุ องกำรเกิดโรค
8 ประเภทของสมุนไพร สำหรับกำรกำหนดประเภทของสมุนไพรไทย นั้น เรำใช้กำรแบ่งประเภทของสมุนไพรได้หลำยลักษณะ ซง่ึ กำรจำแนกของประเภทสำมำรถจำแนกจำกลักษณะของภมู ิประเทศและช่วงเวลำ ลักษณะคุณสมบตั ิของพืชท่ี ใชร้ ักษำโรค ลกั ษณะของวัตถุดบิ ท่ีใช้ในกำรทำยำ และ รสชำตขิ องสมุนไพร โดยรำยละเอียด มดี งั น้ี ประเภทของสมนุ ไพรแบ่งตำมชว่ งเวลำและภูมิประเทศ กำรแบ่งสมุนไพรดว้ ยศำสตร์กำรแพทย์ตำมช่วงสมัย แบ่งได้ 2 ประเภท คอื สมุนไพรแผนโบรำณ และ สมุนไพร แผนปจั จุบัน โดยรำยละเอยี ด มรี ำยดังน้ี สมุนไพรแผนโบรำณ คือ วัตถุดิบท่ีใช้ในกำรรักษำโรคด้วยสมุนไพร ตำมตำรำโบรำณที่ถ่ำยทอดจำก บรรพบุรุษในอดีตสู่ปัจจบุ ัน ผ่ำนทำงตำรำกำรแพทยแ์ ผนโบรำณ และ ภูมิปัญญำท่ีถ่ำยทอดจำกร่นุ สู่รุ่น สำมำรถแบ่งเปน็ 2 ลักษณะ คอื สมนุ ไพรไทยแผนโบรำณ และ สมนุ ไพรจีนแผนโบรำณ สมุนไพรแผนปัจจุบัน คือ กำรรักษำโรคจำกกำรสกัดสำรท่ีมีประโยชน์จำกพืช สัตว์ หรือ แร่ธำตุ และ แปรรปู ให้อย่ใู นรปู แบบยำสมยั ใหม่ เช่น ยำเมด็ รบั ประทำน ยำทำ เปน็ ตน้ ประเภทของสมนุ ไพรแบง่ ตำมลกั ษณะของวตั ถุดิบ สำหรับวัตถุดิบในกำรนำมำทำสมุนไพรเพื่อรักษำโรค เรำสำมำรถแบ่งได้จำกแหล่งของวัตถุดิบ คือ พืช สัตว์ และ แร่ธำตุ โดยรำยละเอยี ด มดี ังน้ี พืชสมุนไพร คือ พืชต่ำงๆที่ใช้ในกำรทำยำ โดยพืชเป็นวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในกำรทำสมุนไพร โดยใช้ สว่ นต่ำงๆของพืชมำทำยำรกั ษำโรค เช่น แกนไม้ รำก ใบ ผล เมล็ด เป็นต้น กำรแปรรูปพืชเพื่อนำมำใช้ เป็นสมุนไพร จะอยู่ในลักษณะต่ำงๆ เช่น ตำกแห้ง สับให้มีขนำดเล็กลง บดให้เป็นผง และ สะกัดน้ำมัน หอมระเหย เป็นตน้ สัตว์สมุนไพร คือ กำรใช้ส่วนประกอบบำงอย่ำงของสัวต์เพ่ือนำมำใช้รักษำโรค เช่น เปลือกหอย เขำ ควำย เนอื้ ตุ๊กแก ดงี ู หฉู ลำม รังนกนำงแอ่น รังผ้งึ น้ำผึ้ง เป็นต้น แร่ธำตุสมนุ ไพร คอื กำรใชแ้ รธ่ ำตจุ ำกธรณีเพ่ือใชร้ กั ษำโรค เช่น สำรสม้ พมิ เสน เกลอื เปน็ ต้น ประเภทสมุนไพรแบง่ ตำมรสชำติ สมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยำส่วนใหญ่จะมีรสขม แต่พืชต่ำงๆท่ีใช้ในกำรรักษำโรคมีรสชำติต่ำงๆหลำกหลำย และ รสชำตขิ องพชื สำมำรถบง่ บอกคณุ สมบตั ิในกำรรกั ษำโรคไดด้ ้วย รำยละเอียด ดงั นี้ พชื รสฝำด มสี รรพคุณด้ำนกำรรักษำแผล ชว่ ยสมำนแผล ช่วยห้ำมเลอื ด เป็นต้น พืชรสหวำน ชว่ ยบำรุงรำ่ งกำย เพม่ิ กำลงั วงั ชำ ทำให้กระชุม่ กระชวย เป็นตน้ พชื มฤี ทธ์เมำ ช่วยในกำรขับของเสยี ออกจำกรำ่ งกำย แกพ้ ษิ เป็นตน้ พชื รสขม ชว่ ยเจรญิ อำหำร กระตุน้ ต่อมนำ้ ลำย แก้กระหำยนำ้ และ บำรงุ เลอื ด เป็นต้น พชื รสเผ็ดร้อน ชว่ ยบำรงุ ธำตุขนั ช่วยขบั ลม บำรุงระบบทำงเดินอำหำร เป็นตน้ พชื รสมนั ชว่ ยแก้อำกำรปวดเม่อื ย บำรงุ เส้นเอ็น แก้ปวดเข่ำปวดขอ้ เป็นตน้ พชื รสหอมเยน็ ช่วยบำรุงหวั ใจ แกอ้ อ่ นเพลยี แก้ไข้ แกร้ อ้ นใน แกก้ ระหำยนำ้ เป็นตน้ พืชรสเคม็ ชว่ ยรกั ษำโรคผวิ หนัง แกล้ มพิษ เป็นต้น พืชรสเปรยี้ ว ชว่ ยแก้ไอ ขเั สมหะ บำรงุ เลือด เปน็ ตน้
9 รูปภาพเจ้าของภูมิปญั ญา นำยสมนกึ ปูก่ ง ( เจา้ ของภูมิปัญญา สมุนไพรไทย ) รปู ภาพภูมปิ ญั ญา ขนั้ ตอนการแปรรูปสมนุ ไพร การตากสมนุ ไพรในโรงตาก
10 แบบบันทกึ ชุดข้อมลู คลงั ปญั ญา-ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ตาบลด่านทบั ตะโก อาเภอจอมบึง จงั หวดั ราชบุรี ช่อื ภูมิปัญญำ กำรปลกู สมุนไพร ช่อื นำงประนอม นำมสกลุ สมั พันธวงศ์ วนั เดือนปีเกดิ 28 ธันวำคม พ.ศ. 2505 ทอ่ี ยู่ปจั จบุ นั (ท่ีสำมำรถตดิ ตอ่ ได้) บ้ำนเลขท่ี 4/1 หมู่ที่ 13 ตำบล/แขวง ด่ำนทบั ตะโก อำเภอ/เขต จอมบงึ จังหวดั รำชบรุ ี รหสั ไปรษณยี ์ 70150 โทรศัพท์ 065 – 0328944 Line ID - E-mail addrese - Facebook - ความเปน็ มาของบุคคลคลังปัญญา คุณประนอม สัมพันธวงศ์ ( พ่ีนอม ) เป็นชาวบ้านชุมชนบ้านท่าอีปะ หมู่ 13 ตาบลด่านทับตะโก อาเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็นผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถในเรื่องของปลูกสมุนไพร พืชสมุนไพร เปนพืชท่ีมีวัตถุประสงคหลักในการนาไปใชประโยชนเปนยารักษาโรค เครื่องสาอาง และผลิตภัณฑอาหารเสริม ซซ่ึงในปัจจุบันกระแสความนิยมเรื่องสมนุไพรมีมากขึ้นตามลาดับ และมีแนวโนมจะขยายตัวมากข้ึนตอไป เน่ืองจากมีการนาเอาขบวนการทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนให พืชสมุนไพรมีความนาเช่ือถือ เชน มีงานวิจัย รับรอง มีรูปแบบท่ีทันสมัย สะดวกต่อการใช และท่ีสาคัญมีความปลอดภัยต่อผุ้บริโภคมากขึ้น ถึงแมการใช สมุนไพรจะมีมาเปนเวลานานแลวแตการปลูกพืชสมุนไพร เป็นการจัดเป็นพืชใหม่อยู่ ท้ังน้ีเนื่องจากผลผลิตสมนุ ไพรทผ่ี ่านมาสว่ นมากก็เกบ็ มาจากแหล่งธรรมชาติ ไมเพียงพอกับความตองการของตลาดที่ีมผ่ ลผลิต เพ่ือการค้า เพื่อการค้า ดังน้ันการปลูกพืชสมุนไพรไทย เนนใหมีการกระจายการผลิตสมุนไพรเปนการคาในจังหวัดและให ความรูแกเกษตรกรท่วั ไป ในดา้ น ความรเู้ ทคโนโลยกี ารปลกู การดแู ลรักษา และการปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเกย่ี ว จดุ เด่นของภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ - เป็นสถานทีถ่ ่ายทอดความรู้ - เปน็ แหล่งศกึ ษาดงู าน - เป็นแหลง่ ฝกึ ทดลองงานการปลกู สมนุ ไพร วัตถดุ ิบที่ใช้ประโยชนใ์ นการผลิตทเ่ี กดิ จากภมู ปิ ัญญา ซ่ึงพ้นื ทีอ่ น่ื ไม่มี - สมุนไพรท่ปี ลูกมรี สชาดไม่เหมอื นท่อี ่ืน - สขี องสมุนไพรท่ีปลูกไมเ่ หมอื นกบั ที่อ่ืน รายละเอียดของภูมิปญั ญาท้องถ่ิน - รูปแบบการถ่ายทอดความรู้ด้านการศึกษาดูงาน ด้านการอบรมให้ความรู้ ฝึกปฎิบัติในพื้นท่ีจริง ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากภมู ิปัญญาคอื สามารถนาไปปฎิบัติได้จริง
11 รูปแบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสมั พนั ธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ยังไมเ่ คยมีการเผยแพร่/ใช้เฉพาะบคุ คล เคยเผยแพร่เฉพาะในชมุ ชน มีการเผยแพรผ่ า่ นสือ่ มวลชนและส่ืออืน่ อยา่ งแพร่หลาย มกี ารดงู านจากบุคคลภายนอกจานวน........ครงั้ จานวน........คน มกี ารนาไปใช้ อื่น ๆ ( ระบุ ) ลกั ษณะของภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน การพัฒนาตอ่ ยอดภมู ิปัญญาใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คณุ ค่า และความภาคภูมิใจ ภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน/นวัตกรรมทค่ี ดิ ค้นขน้ึ มาใหม่ ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ดง่ั เดิมได้รบั การถา่ ยทอดมาจาก ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินทีไ่ ดพ้ ฒั นาและต่อยอด แบบเดิมคอื ปลูกดว้ ยวิธีการปลอ่ ยใหโ้ ตเองตามธรรมชาติ การพัฒนานาต่อยอดคือ กำรปลกู และกำรดูแลรกั ษำพืชสมุนไพร หลักกำรทวั่ ไปของกำรปลูกและกำร ดูแลรักษำพืชทั่วไปและพืชสมุนไพรไม่แตกต่ำงกันแต่ ควำมอุดมสมบูรณ์ของพืชสมุนไพรจะเป็นเครื่องชี้บอก คุณภำพของสมุนไพรได้ พืชสมุนไพรต้องกำรกำรปลูก และกำรดูแลรักษำใกล้เคียงกับลักษณะธรรมชำติของพืช สมุนไพรนั้นมำกที่สุด เช่นว่ำนหำงจระเข้ ต้องกำรดินปนทรำย และอุดมสมบูรณ์ แดดพอเหมำะ หรือ ต้นเหงือก ปลำหมอ ชอบขึ้นในท่ีดินเป็นเลนและที่ดินกร่อยชุ่มช้ืน เป็นต้น หำกผู้ปลูกสมุนไพรเข้ำใจสิ่งเหล่ำน้ีจะทำให้ สำมำรถเลือกวิธีปลูกและจัดสภำพแวดล้อมของต้นไม้ได้เหมำะสมพืชสมุนไพรก็จะเจริญเติบโตดี เป็นผลทำให้ คุณภำพพืชสมุนไพรท่ีนำมำรักษำโรคมีฤทธ์ิดีขึ้นด้วย กำรปลูกและกำรบำรุงรักษำพืชสมุนไพร โดยอำศัยวิธีกำร ทำงวิทยำศำสตร์ในประเทศไทย ยังไม่จริงจังเท่ำท่ีควร บำงประเทศได้ทดลองเพ่ือหำคำตอบว่ำ สภำพแวดล้อม อย่ำงไรจึงจะทำให้สำระสำคัญในพืชสมุนไพรชนิดนั้น ๆ มำกที่สุด ซ่ึงต้องอำศัยควำมร่วมมือมำกกว่ำหน่ึง หน่วยงำน หรือกำรหำคำตอบว่ำวิธีกำรขยำยพันธุ์พืชสมุนไพรแต่ละชนิดจะทำอย่ำงไร จึงจะเหมำะสมและ ประหยัดมำกท่ีสุด ในประเทศไทยหน่วยงำนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีงำนวิจัยด้ำนน้ีอยู่บ้ำงและกำลัง ค้นคว้ำไปต่อไป กำรปลูกพืชสมุนไพรเป็นกำรนำเอำส่วนของพืช เช่น เมล็ด หน่อ ก่ิง หัว ผ่ำนกำรเพำะหรอื กำร ชำหรือวธิ ีกำรอื่นๆ ใสล่ งในดนิ หรอื วสั ดุอน่ื เพ่อื ให้งอกหรอื เจรญิ เติบโตต่อไป
12 รปู ภาพเจ้าของภูมิปญั ญา นำงประนอม สัมพนั ธวงศ์ ( เจา้ ของภูมปิ ัญญา ปยุ๋ ชวี ภาพ ) รปู ภาพภูมิปัญญา การปลกู ฟา้ ทะลายโจร การปลกู ว่านชักมดลูก
13 คณะผู้จัดทำ ที่ปรึกษำ แจ้งหมน่ื ไวย์ ผอ. กศน.อำเภอจอมบึง นำยนพรัตน์ ศรีพรหมทอง ครผู ู้ช่วย นำงศนั สุนีย์ รำ่ ง/เรียบเรยี งและจัดพิมพ์ นำงมัณฑนำ นิลอร่ำม ครู กศน.ตำบลดำ่ นทบั ตะโก
14 ปกหลงั
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: