Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1

หน่วยที่ 1

Published by ศุภานัน กังคะพิลาศ, 2020-06-03 08:10:38

Description: หน่วยที่ 1

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 1 ชนิดลักษณะและคุณสมบตั ิของ เสน้ ใย เสน้ ดา้ ยและผืนผ้า วิชาการตดั เย็บเบ้อื งตน้ รหสั 20406-1001 ครูอุทยั พร กลุ ประดิษฐ์ แผนกวิชาคหกรรม วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี

ใบความรทู้ ่ี 1 ชอ่ื วชิ า การตดั เยบ็ เบือ้ งตน้ รหสั วิชา 20406-1001 สอนครั้งท่ี 1 รวม 4 ชั่วโมง หน่วยท่ี 1 ชือ่ หนว่ ย ชนิดลักษณะและคณุ สมบตั ขิ องเสน้ ใย เส้นด้ายและผืนผ้า จานวน 4 ชวั่ โมง ชื่อเรอื่ ง ชนิดลกั ษณะและคุณสมบตั ิของเส้นใย เส้นด้ายและผืนผ้า สาระสาคญั สง่ิ ของเครื่องใช้ในชีวิตประจาวนั รอบตวั เรา เช่น ชดุ ช้นั ใน เสื้อผ้า กระเปา๋ รองเทา้ ผ้ามา่ น ผ้าพันแผล พรม รวมถึงรถยนต์ท่มี เี ข็มขัดนิรภยั เบาะน่งั และอืน่ ๆ ซ่ึงผลิตมาจากส่งิ ทอ ฉะนัน้ หากมคี วามรู้เรอื่ งสงิ่ ทอ เขา้ ใจคณุ สมบตั ิของเส้นใย เส้นด้ายที่นามาผลิตเปน็ ผลติ ภัณฑ์ต่าง ๆสามารถเลือกสิ่งทอเหมาะสมกบั การใช้งาน และมคี วามทนทาน สาระการเรยี นรู้ 1. คุณลักษณะและคณุ สมบตั ขิ องเส้นใย เสน้ ด้ายและผืนผา้ 2. การใช้และดแู ลรกั ษาผา้ ชนิดตา่ ง ๆ ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวัง 1. ร้แู ละเข้าใจคณุ ลักษณะและคณุ สมบตั ขิ องเสน้ ใย เส้นดา้ ยและผืนผา้ 2. เลอื กใช้และดูแลรักษาผ้าชนดิ ต่าง ๆ ได้ ลักษณะและคุณสมบัตขิ องเน้ือผา้ ลักษณะและคุณสมบัตขิ องเน้ือผ้า โดยทั่วไปแล้วเสน้ ด้ายทใ่ี ช้ในการทอผ้าน้นั มีอยู่ 3 ประเภท คอื เสน้ ใยฝ้าย เปน็ เส้นใยธรรมชาตทิ ไ่ี ด้จากพืช คอื ดอกฝา้ ย สว่ นประกอบของเส้นใย คือ เซลลูโลส เส้น ใยฝา้ ยมีลกั ษณะคงทน ซึมซับนา้ ไดด้ ี เส้นใยฝา้ ยทนตอ่ สภาวะไดด้ ี เส้นใยไม่เปอ่ื ยหรอื ไม่ละลายในดา่ งท่เี ข้มขน้ และเจอื จางทุกชนดิ แต่จะละลายในกรดเข้มข้น และเปอื่ ยลงไดเ้ รว็ ในกรดอ่อน เสน้ ใยโพลเี อสเตอร์ ทาจากขบวนการทางเคมี เปน็ เสน้ ใยทีม่ คี วามเหนียว ทาเปน็ ผืนผ้าได้ดีไม่ซึมน้า เป็นเสน้ ใยที่ใช้ผลติ ผ้ากันมากท่ีสดุ ในโลก คุณสมบัตขิ องเส้นใยโพลีเอสเตอรค์ อื ทนกรดอ่อน ๆ ทกุ ชนิด จนกระท่งั กรดรนุ แรงอยา่ งเชน่ กรดกามะถนั เขม้ ข้นถึง70% แต่เส้นใยชนดิ นีจ้ ะไม่ทนต่อแมด้ ่างชนิดเจอื จางก็

2 สามารถทาใหเ้ สน้ ใยละลายจน กระท่งั เส้นใยบางลงในที่สุด ขอ้ เสียของเสน้ โพลีเอสเตอร์ก็คอื ยอ้ มสตี ดิ ยากที่สดู ต้องใชอ้ ุณหภูมถิ งึ 130 C เสน้ ใยผสม คือการนาเสน้ ใยมากกวา่ 1 ชนดิ มารวมกนั เพ่อื เพิ่มข้อดีและเปน็ การลดจดุ ด้อยของผ้าอกี ชนดิ ลงได้มีผูท้ ดลองนาข้อเสียของเส้นใยโพลเี อสเตอร์มาผสมขอ้ ดีของผา้ ฝ้าย จนเกดิ เสน้ ใยผสมโพลีเอสเตอร์ กบั ผา้ ฝา้ ยขึน้ นอกจากน้ันแลว้ ยงั มีการแบ่งประเภทของผา้ ตามสว่ นผสมของเส้นด้ายแล้ว และสามารถแบง่ ตามลาย ทอผ้า ได้ดังนี้ 1. แบบเนื้อเรียบ ลกั ษณะการทอ จะละเอียดแนน่ นยิ มทาเป็นเสื้อคอกลม เชน่ Jersey 2. แบบเนือ้ Lacoste และ จตู ิ - Lacoste ลักษณะการทอ จะมพี ้ืนผวิ ไมเ่ รยี บ แต่จะมีลายเหมือนรปู ข้าวหลามตดั เลก็ ๆ - จตู ิ ลกั ษณะการทอ จะมพี ้นื ผิวเรียบแต่ลกั ษณะเป็นรู เหมอื นรงั ผึง้ 3. แบบทอสองชน้ั ลักษณะทางกายภาพ ดา้ นนอกจะทอแบบ Jersey ดา้ นในทอแบบ Lacoste หรอื จูติ ทาใหม้ คี ุณสมบตั ใิ นการระบายอากาได้ดี เชน่ Dry tech ผ้าลายจูติ (Pique) หรอื Lacoste เป็น ช่ือเรียกชนดิ ของลายทอผา้ ซ่งึ คุณสมบัตขิ องผ้าชนิดน้ี จะ ข้นึ อยู่กับวัตถุดบิ หรอื สว่ นประกอบที่นามาทักทอข้นึ เปน็ ตัวผา้ โดยท่วั ไปแลว้ ผา้ ลายจตู ิ จะประกอบไปด้วย เสน้ ใยฝ้าย (Cotton) ผสมกับเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) ซง้ึ อัตราส่วนการผสมกนั นีจ้ ะทาให้ได้คุณสมบตั ิ ของผา้ ทแ่ี ตกตา่ งออกไป สาหรบั เนอ้ื ผา้ จูติท่ี www.smilepolodesign.com นาเสนอให้แก่ลูกคา้ เลอื กใชง้ าน นัน้ จะเปน็ เนื้อผา้ ท่ีมีสว่ นผสมของ เส้นใยฝ้าย (Cotton) และเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) ดังน้ี

ชนดิ เสน้ ด้าย วัตถุดบิ คณุ สมบตั ขิ องผา้ คุณลกั ษณะการใช้ 3 Cotton งาน การขึ้นขน ฝ้าย ธรรมชาติ มคี วามยดื หยนุ่ สงู มี CVC การระบายอากาศได้ ใสส่ บาย ดดู ซบั ไม่ข้ึนขนเป็นเม็ด cotton70%+ ดี เน้อื ผ้านุ่ม เห็นเสน้ เหง่ือ แต่มปี ญั หา ก้อน แต่จะฟูด้วย เสน้ ด้าย Polyester ใยฝา้ ยฟูบาง เรือ่ งผา้ หดตัว คณุ ลกั ษณะของ ผสม เสน้ ด้าย(เป็น 30% มคี วามยืดหยุ่นสูง มี ใส่สบายกวา่ TC ดดู ธรรมชาติของฝา้ ย) TC cotton30%+ การระบายอากาศได้ ซบั เหง่ือไมห่ ดตัว ไมข่ นึ้ ขนเป็นเม็ด Polyester ดี เนอ้ื ผ้านุ่ม เหน็ เสน้ เหมือน cotton ก้อน แต่จะฟดู ้วย ใยฝา้ ยฟูบาง คณุ ลักษณะของ 70% มคี วามยืดหยุน่ ปาน ใส่สบายกว่า TK ไม่ เส้นดา้ ย กลาง มีการระบาย มปี ัญหาการหดตวั พบการขึน้ ขนนอ้ ย อากาศไดไ้ ม่ค่อยดี มาก เกดิ จากการใช้ เนอ้ื ผ้าค่อนขา้ งนุ่ม งานระยะยาว เหน็ เสน้ ใยฝ้ายฟบู าง เสน้ ใย TK Polyester มคี วามยืดหยุ่น ไม่ค่อยซับเหงือ่ แต่ ใชง้ านระยะหนง่ึ จะ สงั เคราะห์ 100% น้อย มกี ารระบาย ไม่มีปัญหาการหดตวั เกดิ ขนเป็นเม็ดกอ้ น อากาศได้ไม่ดี เน้อื ผ้า ของผ้า ยับยาก เป็นมนั เงา ลกั ษณะ และคณุ สมบตั ขิ องผา้ ดังกล่าวเป็นเพียง ลักษณะโดยท่ัวไปเท่านน้ั เพราะในความเปน็ จรงิ แลว้ คณุ สมบตั ิของเสน้ ใยท่ีนามาผลิตดา้ ย และผา้ นั้นยงั มรี ายละเอยี ดอกี มากมาย เชน่ ดา้ ยท่ผี ลติ จากเส้นใยสัน้ ดา้ ย ทผ่ี ลติ จากเส้นใยยาว หรือถ้าวเิ คราะห์ตามคุณสมบัตขิ องเสน้ ใยทม่ี ผี ลต่อคุณสมบัตขิ องผ้า เราอาจจะตอ้ ง พจิ ารณา สมบตั ิความเปน็ มันวาว การทิง้ ตัวของผา้ เนื้อผ้า คุณสมบัติตอ่ ผิวสมั ผสั การทนแตแ่ รงเสยี ดสี ความ ทนตอ่ แรงดงึ การดดู ซบั นา้ เป็นตน้

4 ชนิดผ้าและคณุ สมบัตขิ องผ้า ชนิดผ้าและคุณสมบัตขิ องผ้าโดยท่วั ไปจะถกู จาแนกตามสว่ นผสมของสดั สว่ นเส้นใย ซงึ่ สามารถจาแนก ชนดิ ผ้าพอสงั เขป ไดต้ อ่ ไปนี้ 1. ผ้า TK หรอื ท่ีเรียกทวั่ ไปว่าผ้าใยสงั เคราะห์ (Polyester) เปน็ ผา้ ทีม่ สี ่วนผสมหลักเปน็ ผ้าใย สงั เคราะห์ประเภท Polyester ซง่ึ คอื เส้นใยสงั เคราะหช์ นดิ หน่ึงทมี่ นษุ ยส์ ร้างข้ึน เกิดจากสารประกอบ โพลีเมอร์ โดยมีลักษณะและคุณสมบัติ ดงั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ดี : 1. เปน็ ผ้าที่สามารถคืนรปู ง่ายไม่วา่ จะแห้งหรอื เปียก ดแู ลรักษาง่าย อยทู่ รง ไมค่ ่อยหดและยว้ ย 2. สีคอ่ นขา้ งสด และซีดยาก 3. สาหรบั ผา้ Polyester บางประเภท สามารถนามาเพิม่ คุณสมบตั ิตา่ งๆ ได้ เช่น คณุ สมบัตใิ นการซบั เหงื่อ หรือคณุ สมบตั ทิ ่ีทาใหส้ วมใสส่ บาย 4. โดยท่วั ไปราคาเสอ้ื ที่ทาจากผา้ TK จะมีราคาถูกเมอื่ เปรียบเทียบกับผา้ ชนิดอื่น 2. ผา้ TC เป็นผา้ ท่มี สี ว่ นผสมของ Cotton มาช่วยเพ่มิ ความนุ่มใหก้ บั Polyester ในสดั สว่ นการผสม ท่ี Polyester 65% กบั Cotton 35% ซ่งึ มีลกั ษณะและคุณสมบตั ิ ดังต่อไปนี้ ลกั ษณะเนือ้ ผา้ : มีความนุ่มกวา่ ผ้า TK เน่อื งจากประกอบด้วยสว่ นผสมของผ้า Cotton ซึง่ ถือเป็นเส้น ใยธรรมชาตจิ ากฝ้าย ชว่ ยเพมิ่ ความนุ่มให้แกเ่ นื้อผา้ ข้อดี : ระบายความร้อนได้ระดับหนง่ึ สวมใสส่ บายและการดูดซับเหงือ่ ดีพอใช้ เม่อื เทียบกบั ผ้า TK ข้อเสีย : ผา้ อาจมคี วามยว้ ยบ้างเมื่อผา่ นการซักหลาย ๆ ครง้ั

5 3. ผา้ CVC เป็นผา้ ทมี่ สี ่วนผสมของ Cotton 80% และ Polyester 20% ซงึ่ เป็นสัดส่วนที่ทาใหไ้ ด้ คณุ สมบัติผ้าทด่ี ีขึ้นเน่อื งจากเปน็ การนาเส้นใยธรรมชาติ( Cotton) มาผสมผสานกับเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) โดยลกั ษณะผา้ และคณุ สมบัติผา้ มีดังนี้ ลกั ษณะผ้า : เนื้อผ้าแน่น และนุ่ม เน้อื ผ้ามคี วามละเอยี ด ใส่สบาย ข้อดี : เป็นเนอื้ ผา้ ท่มี คี วามยืดหยุ่นสงู ระบายอากาศได้สงู ดดู ซบั เหงื่อได้ดี ขอ้ เสีย : ราคาคอ่ นข้างสงู เมื่อเทยี บกับผา้ TK และ TC 4. ผ้า Cotton 100% เป็นผ้าทีเ่ กิดจากเสน้ ใยฝ้าย (เปน็ เส้นใยธรรมชาติ 100%) นามาปนั่ ให้เปน็ เส้นด้าย แล้วนามาทอเป็นผนื ผ้า ซงึ่ คุณภาพของผ้าจะแตกต่างกนั ออกไป ทงั้ นี้ ขน้ึ อยกู่ ับหลายปัจจยั เช่น การเรยี งตวั กันของเส้นด้าย ความหนาของเส้นด้าย และอาจเป็นท่ีความบริสทุ ธขิ์ องเสน้ ดา้ ย เป็นตน้ โดยทถ่ี า้ จะแบ่งคุณภาพของผา้ Cotton ตามทอ้ งตลาดท่ัวไป สามารถแบ่งไดด้ ังน้ี 1. การแบง่ ตามชนดิ ของเบอร์เส้นด้าย สามารถจาแนกได้ 3 เบอร์ ดังนี้ 1.1 Cotton 100% ทีใ่ ช้เสน้ ด้าย No.20 ถือเปน็ เส้นด้ายทม่ี ขี นาดใหญก่ วา่ เสน้ ดา้ ยเบอร์ 32 ลักษณะเนอ้ื ผ้าจงึ มีความหนาและแขง็ กวา่ ผ้า Cotton 100% เบอร์ 32 1.2 Cotton 100% ท่ใี ชเ้ สน้ ด้าย No.32 มลี กั ษณะนมุ่ และใส่สบายกว่า เบอร์ 20 จึงนยิ มใช้ ทาเปน็ เสอ้ื ยืดมากกว่า แต่ท้ังน้ี กข็ ้นึ อยกู่ ับความชอบของแต่ละคน 1.3 Cotton 100% ท่ใี ช้เสน้ ดา้ ย No.40 ซึ่งถือเปน็ เสน้ ดา้ ยทมี่ ขี นาดเล็กมาก สว่ นใหญ่จึง ตอ้ งสง่ั ทอพเิ ศษ เพราะต้องอาศยั การผลติ จากเคร่อื งจักรและเปน็ การผลติ ทยี่ งุ่ ยากและสลบั ซับซอ้ น ทาให้มี ต้นทนุ การผลิตทสี่ งู ดงั นนั้ หากเรานามาผลิตเสื้อยดื กจ็ ะทาให้มีต้นทนุ ท่สี งู ตาม จงึ ยังไมเ่ ปน็ ที่พบเหน็ ใน ทอ้ งตลาดเท่าที่ควร 2. การแบง่ ตามกระบวนการผลิตเส้นด้าย เปน็ การแบ่งตามคุณภาพของการเรียงตวั ของเสน้ ดา้ ย ทวี่ ดั จากสม่าเสมอ ความหนาแนน่ และความ สะอาดของเสน้ ใย เพ่อื ไดเ้ ส้นดา้ ยทม่ี คี ณุ สมบตั ทิ ่ดี ีเมื่อนาไปทอเป็นผนื โดยการแบง่ คณุ ภาพดงั กลา่ วน้ี เราจะ เร่มิ กนั ตั้งแต่ กระบวนการผลิต / พนั ธข์ุ องฝา้ ยที่ เลอื กใช้ / การคดั แยกคุณภาพหลงั เก็บเกีย่ ว ส่งผลให้ไดเ้ กรด ผา้ ฝ้าย 3 เกรด ดังนี้ 2.1 Cotton OE เปน็ ผา้ ท่ไี มไ่ ดผ้ า่ นกระบวนการคดั คณุ ภาพของเสน้ ใยฝ้าย ทาใหผ้ ้าชนดิ น้มี คี วาม ทนทานค่อนข้างต่า ขาดงา่ ย 2.2 Cotton Semi เป็นผ้าทไ่ี ดจ้ ากการผา่ นกระบวนการคัดคณุ ภาพของเสน้ ใยฝา้ ย โดยวิธีการสางเสน้ ใยฝ้ายโดยใชเ้ ครอื่ งจกั ร ทาใหไ้ ดเ้ ส้นด้ายใยส้ันทม่ี ีขนาดเบอร์ 20-32 ซ่ึงทาใหผ้ ้ามีความนุม่ ขึ้นกวา่ OE 2.3 Cotton Comb เปน็ การคัดคณุ ภาพของเสน้ ใยโดยวธิ กี ารหวเี ส้นใยด้วยเครอ่ื งจกั ร ซงึ่ ถอื เป็น กระบวนการท่มี ีความละเอยี ดและซับซ้อนกว่าแบบสาง ส่งผลใหไ้ ด้เส้นด้วยท่ีมขี นาดเลก็ (คือเบอร์ 32 ขึน้ ไป)

6 อกี ทงั้ กระบวนการดังกล่า ว ยังสามารถขจดั สงิ่ สกปรกออกจากเสน้ ใยได้มาก จึงได้เสน้ ด้ายท่มี ีเสน้ ใยยาวกวา่ เมือ่ นามาทอผ้าเป็นผืน จึงไดผ้ ้าท่มี ีเน้ือนมุ่ เหนยี ว และทนทานขาดยากกว่ากวา่ OE และ Semi 5. ผ้า Endurance เปน็ ผ้าที่มสี ว่ นผสมของ Polyester 100% แตไ่ ด้มีการนานวตั กรรมนาโน เทคโนโลยมี าชว่ ยเพ่ิมคณุ สมบตั ิพเิ ศษบางประการใหก้ ับเน้ือผ้า เพอ่ื เพิ่มประโยชนแ์ กผ่ ใู้ ช้ โดยคุณสมบตั ิพเิ ศษ ดงั กล่าวทาให้ ผา้ Endurance เป็นผ้าทมี่ กี ารระบายอากาศไดด้ ี เน้ือผ้าไมต่ ดิ ตวั ไม่เหนยี วเหนอะหนะเวลา สวมใส่ ดแู ลงา่ ย อีกทงั้ ยังมคี ุณสมบัตพิ เิ ศษในการตอ่ ต้านแบคทเี รยี ทาใหไ้ ม่เกิดกล่ินเหม็นอับแม้วา่ เหงอ่ื ออกมาก 6. ผ้า Dry-Tech เป็นผ้าท่ใี ช้เทคโนโลยแี บบทอสองชัน้ เพ่ือเพมิ่ ประสิทธิภาพในการใชง้ าน ทาใหต้ วั ผ้ามีคุณสมบัตสิ ามารถดูดซบั เหงือ่ ได้ดีมากข้ึน โดยตัวผา้ จะดูดซบั เหงอ่ื จากรา่ งกายและส่งผา่ นไปยังผวิ ดา้ นนอก ชว่ ยให้ผ้าระบายอากาศได้ดี ใส่สบายแมว้ ันทอี่ ากาศรอ้ นกต็ าม เราจะเห็นวา่ ผา้ ชนิดตา่ ง ๆ ทเี่ ราสวมใสห่ รือใช้ ในชีวติ ประจาวันมาจากชนิดผ้าจาแนกตามส่วนผสมของสัดสว่ นเส้นใยปรบั ใหเ้ หมาะกับการใช้งาน เชน่ - ผ้าเทอร์รี่ ใช้ทาผา้ ขนหนู เกิดจากการป่นั เสน้ ด้ายให้เปน็ เกลียว แล้วนาไปทอใหเ้ กดิ ขน - “ผา้ ทวดี ” (Tweed) หน่ึงในผา้ ท่ีให้ลคุ หรหู ราและคลาสสกิ เป็นสัญลกั ษณ์ของความโก้หรู เหมาะกบั ลคุ ทตี่ ้องการดูภูมิฐานและดแู พง - ผา้ กามะหยี่ คอื หนึ่งในบรรดาเนอื้ ผา้ ที่ข้ึนชื่อเรื่องความหรูหราชนิดหนึง่ โดยใช้เสน้ ใยขนสตั ว์แบบ ดัง้ เดมิ เช่น โมแฮร์ ขนแกะ ไหม เปน็ ต้น รองลงมาเป็นเส้นใยจากพืช เชน่ เส้นใยฝา้ ย เสน้ ใยลนิ ิน ซ่ึงจะมสี ัมผัส และความเงางามทแี่ ตกต่างกนั ออกไป จนถงึ ผา้ กามะหยี่ท่ที าจากเส้นใยสังเคราะหล์ ว้ นหรอื ผสมกนั ระหว่างเสน้ ใยธรรมชาติและเส้นใยสงั เคราะห์ - ผา้ ผสม (ผา้ ฝา้ ย – โพลเี อสเตอร์, ผา้ ฝา้ ย – เรยอน) เป็นเสน้ ใยทีเ่ กิดจากการคน้ ควา้ และพฒั นาโดย นักวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสทิ ธภิ าพ คณุ สมบตั ิ และประโยชน์ใชส้ อยของเสน้ ใยไดห้ ลากหลายมากยิ่งขึน้ จาก เสน้ ใยปกตทิ ั่วไปที่ได้จากพชื และขนสตั ว์ เสน้ ใยผ้าซ่งึ จะเปน็ ตัวกาหนดคุณลกั ษณะของผ้านัน้ ๆ เราสามารถแบ่งเสน้ ใยผา้ ออกเปน็ ชนดิ ใหญ่ ๆ ได้ 3 ชนิด ได้แก่

7 1. เสน้ ใยทท่ี าจากธรรมชาติ100% (Natural fiber) ซง่ึ เส้นใยทส่ี าคัญที่เราควรรู้จักไดแ้ ก่ - เส้นใยไหม (Silk) ใยไหมมาจากโปรตีนของรังไหม แลว้ นามาปัน่ จนได้เป็นเส้นด้าย นามาทอ หรือถกั ได้เป็นผืนผา้ คุณสมบัติของผา้ ไหมนน้ั มีความนมุ่ มอื เงางามจบั ตา ไม่ยับง่าย หรอื ไม่ยบั เลย คงสภาพ ของผา้ ได้ดที ีเดยี ว ดูดความช้นื ไดด้ พี อสมควร และสามารถปรบั ตัวได้ในอุณหภมู ิทเี่ ปลีย่ นแปลง ใส่สบายมาก ฤดูหนาวกใ็ ส่แลอ้ บอนุ่ สามารถติดไฟได้ เวลาไหม้ผ้าจะหด และไหม้เป็นขี้เถา้ ตอ้ งซักด้วยสบทู่ ม่ี ฤี ทธิ์ออ่ น เทา่ นน้ั เพราะผงซกั ฟอกทมี่ ีกรดแรงจะทาลายเน้อื ผา้ กอ่ นรดี ตอ้ งนาผ้าฝ้ายมารอง - เส้นใยลนิ นิ (Linen) ผลติ จากเส้นใยของตน้ flax แลว้ นามาปน่ั จนไดเ้ ปน็ เสน้ ด้าย จากน้ัน จึงมาทอ หรอื การถัก ได้เปน็ ผืนผา้ ลินนิ นน้ั เสน้ ใยธรรมชาตทิ ่มี คี วามคงทน และความแขง็ แรงท่ีสุด โดยท่ี คุณสมบตั ขิ องผา้ ลนิ นิ นั้นจะยบั งา่ ย ซักได้ สามารถรีดได้ที่อุณหภูมิสูงลกั ษณะของจะมคี วามมนั เงาสวยงาม ผิว เรยี บแข็ง และดูดซึมน้าไดต้ ิดไฟได้ เวลาไหมจ้ ะเหมือนกระดาษ เวลาพบั ผา้ ลนิ นิ ตอ้ งใชก้ ารม้วนเท่าน้ัน เพราะ ถ้าพบั เส้นด้ายอาจหัก เสยี ทรงได้

8 - เส้นใยฝา้ ย (Cotton) ได้มาจากการนาเสน้ ใยของปุยฝ้ายนามาปัน่ จนเกิดเปน็ เส้นด้าย แล้ว จึงนามาทอ หรือถกั ได้เปน็ ผืนผ้า คณุ สมบตั ขิ องผ้าฝา้ ย หรอื ผา้ Cotton น้ันจะยับงา่ ย รดี ยาก หด ย้วย แต่ บางเบาหากผลิตเป็นเครอ่ื งนงุ่ ห่ม จะใสส่ บาย แตป่ จั จบุ ันมกี ระบวนการในการผลิตเสน้ ดา้ ยท่มี ี ประสิทธภิ าพ ทาให้คุณภาพของฝา้ ยดขี ้ึน จึงเป็นทนี่ ยิ มกันอย่างแพร่หลายสามารถซักได้ดว้ ยเครอื่ ง หรอื มือรดี ไดใ้ นอุณหภมู ิท่ีสูงได้ ไมไ่ หม้หรือเกดิ อาการหดตวั สามารถขึ้นราไดง้ ่าย เน่ืองจากเปน็ ใยฝ้ายติดไฟได้ ไมม่ ียาง เหนยี ว เวลาไหม้ลกั ษณะจะเหมอื นกระดาษไหม้ เป็นขเ้ี ถา้ - เสน้ ใยขนสัตว์ (Wool) ผา้ ขนสัตว์ คอื การนาขนสัตวน์ ามาปัน่ จนเกิด เป็นเส้นด้าย แลว้ จงึ มา ทอ หรอื ถักเปน็ ผนื ผ้าขนสัตว์ทนี่ ยิ มมาใช้ทาเปน็ ผา้ ท่สี ุด คือขนแกะ คณุ สมบตั ิของขนสัตว์ ขนสัตวน์ น้ั ดดู ความ รอ้ น และถ่ายเทความช้นื ได้ดี เวลาสวมใส่จงึ ใหค้ วามอบอุ่นได้ดี และไม่เหนอะหนะรา่ งกายเวลาสวมใส่ หดตวั มากเวลาเปียก จงึ ควรซักแห้งเท่านั้น หลังจากซกั แห้งควรเกบ็ ใสถ่ งุ พลาสติก เพือ่ ป้องกันมอด

9 2. เสน้ ใยสงั เคราะห์จากสารเคมี (Chemical Synthetic fiber) ซงึ่ สามารถแบง่ แยกเป็นประเภทได้ ดังน้ี - สแปนเดก็ ซ์ (Spandex) เปน็ ผา้ ท่ีมีความยืดหยนุ่ สูง เป็นผา้ เสน้ ใยสังเคร าะหน์ ยิ มนามาผลติ เสือ้ ผ้าทต่ี อ้ งการความยดื หยนุ่ เช่น ชดุ ช้ันใน มาทดแทนยางธรรมชาติท่อี ายุการใช้งานใช้ไม่ได้นานนัก - ไนลอน (Nylon) ไนลอน ไดม้ าจากกระบวนการรวมตวั ของปิโตรเคมี จาพวกเบนซนิ ฟนี อล ไฮโดรเจน แอมโมเนยี และมาผา่ นกรรมวธิ ีทางเคมี และผลติ เปน็ เส้ นด้ายดว้ ยการถักหรอื ทอ คุณลักษณะของ ผา้ ไนลอนน้ัน มคี วามทนทานมาก รูปร่างของผา้ ทรงตวั ไ ด้ดี สามารถซักผงซกั ฟอกได้ ทนต่อเชอ้ื ราและแมลง ทนตอ่ การขัดสี แตเ่ วลาใสไ่ ม่คอ่ ยสบายตัวนกั มกั ผลติ ขน้ึ มาใชเ้ ป็นเสื้อผ้าท่ีมีราคาไมส่ งู

10 - โพลเี อสเตอร์ ( Polyester) ไดม้ าจากกระบวนการรวมตัว จาพวกปิโตรเคมี จาพวก เอทานอล ผา่ นกรรมวิธีทางเคมไี ด้เปน็ เส้นดา้ ย แลว้ ผา่ นกระบวนการถักหรอื ทอแล้วไดเ้ ปน็ ผนื ผา้ เปน็ เส้นใยท่ี ผลิตขึ้นมาเพ่อื ใหม้ คี ณุ สมบตั ิคล้ายฝ้าย ลักษณะเป็นเส้นใยยาวนุ่ม เงามนั ดดู ความชนื้ ไดน้ อ้ ย ผ้ามคี วามเบา บาง ยับยาก จบั จบี ได้ แต่เมือ่ ใส่ไประยะนานผ้าจะเกดิ ขยุ ได้ 3. เสน้ ใยสังเคราะห์จากวสั ดุธรรมชาติ (Natural Synthetic fiber) – เรยอน (Rayon) ได้มาจากการนาเปลือกไมใ้ นธรรมชาติ ผา่ นกรรมวิธีทางเคมี ไดเ้ ป็น เส้นด้าย และผา่ นกรรมวิธี ด้วยการถักหรอื การทอ ผลิตขึน้ มาเพอ่ื ใหม้ ีคุณสมบัตเิ หมอื นกบั ฝ้าย คุณสมบตั ิ มคี วามนมุ่ มันเงา สามารถระบายความร้อน และดูดความช้นื ได้ แต่ถงึ อย่างไรก็ตาม กไ็ ม่สามารถเป็นผ้าทีด่ กี วา่ ฝา้ ยได้ ราคาคอ่ นขา้ งถกู นยิ มนามาทดแทนผ้าฝา้ ย

11 ความหมายและความสาคัญของการดูแลเส้ือผ้า ความหมายและความสาคัญของการดแู ลเสือ้ ผา้ การดูแลเสื้อผ้า หมายถึง การทาความสะอาดและเก็บรกั ษาเส้อื ผ้า โดยวิธีขจัดรอยเปื้อน ซัก ตาก รดี เกบ็ พับหรือแขวนในถุงเกบ็ เส้อื หรือในตู้เสือ้ ผ้าสาเรจ็ รปู ที่วางจาหนา่ ยทั่วไปในปจั จบุ ัน มีการออกแบบและตดั เยบ็ จาก ผา้ หลายประเภท บางครั้งตกแตง่ ด้วยเล่อื มลูกปัดใหด้ ูหรหู รา ซึง่ การที่ผา้ แต่ละประเภทมคี ุณสมบตั แิ ตกตา่ งกัน และมกี ารตกแต่งหรหู ราสง่ ผลให้ต้องดแู ลอย่างถูกวธิ แี ละใชค้ วามประณตี ร่วมด้วย การดูแลเส้อื ผา้ อยา่ งถูกวธิ ีและประณตี มีความสาคัญ ดังนี้ 1. ทาใหเ้ สอื้ ผ้าสะอาดไม่มีคราบสกปรกหรอื มกี ล่นิ เหมน็ จากเหงือ่ ไคล 2. ป้องกนั ไม่ให้เกิดโรคผิวหนงั อันเนอื่ งมาจากเส้ือผา้ สกปรก เชน่ หิด กลาก เกลอ้ื น ผดผน่ื คันเป็นต้น 3. ช่วยถนอมเนอื้ ผ้าให้ทนทานไมเ่ สอ่ื มสภาพ และมีอายกุ ารใช้งานยาวนาน 4. สง่ เสริมบุคลกิ ภาพของผู้สวมใสใ่ ห้ดดู ีสงา่ งามเป็นทช่ี น่ื ชอบของผพู้ บเห็น 5. ผสู้ วมใสเ่ กดิ ความมน่ั ใจ และภาคภมู ใิ จ 6. ปลูกฝังลักษณะนสิ ยั ใหเ้ ปน็ คนรักความสะอาดมีระเบียบวินัยประณตี สวยงาม

12 การซกั ตาก รดี และเกบ็ รกั ษาเส้อื ผ้าประเภทตา่ ง ๆ มีวิธกี าร เส้ือผา้ ไหม 1. การซกั เส้อื ผ้าไหม ส่วนใหญน่ ยิ มสง่ ร้านซักรดี เพราะมขี น้ั ตอนการซกั ทยี่ ุง่ ยาก และต้องพถิ ีพิถัน เป็นพเิ ศษ แตห่ ากจะซกั เองควรซักด้วยมือ หา้ มใชเ้ คร่ืองซักผ้า เพราะแรงเสยี ดสีของ เครอื่ งซกั ผ้าจะทาให้เสน้ ใย ชารดุ โดยการซักเสอ้ื ผา้ ไหมด้วยมือมขี น้ั ตอน ดงั นี้ 1) ใสน่ า้ ลงในกะละมังพอทว่ มผา้ ทจ่ี ะซัก นานา้ ยาซกั แหง้ เทใสน่ ้าในกะละมัง ใชม้ อื แกวง่ น้าจนนา้ ยาซักแหง้ แตกฟอง 2) นาผ้าไหมลงแช่ในนา้ สักครู่ ใช้มือกดผ้าใหเ้ ปยี กและจมนา้ ใชม้ ือขย้ีเบา ๆ ตรงที่สกปรก เชน่ ปกเสือ้ ปลายแขนเส้ือ และส่วนอ่นื ๆ ขยจ้ี นคราบเหงอ่ื ไคล ฝ่นุ และส่งิ สกปรกออก จนหมด ห้ามใช้แปรงขดั ถผู ้า ไหมเดด็ ขาด และผา้ ไหมบางชนดิ หา้ มซกั ดว้ ยสารซกั ฟอก เพราะจะทาลายความมนั ของเส้นไหม ปรมิ าณการ ใชน้ ้ายาซกั แหง้ ให้ดูตามคาแนะนาบนฉลากผลิตภณั ฑ์ 3) นาผา้ ไหมทซ่ี กั สะอาดแลว้ ขึน้ จากน้า ใชม้ ือบีบเบา ๆ ให้นา้ และนา้ ยาซักแหง้ ออกจนหมด 4) นาผา้ ท่ียกข้ึนจากนา้ แล้ว ไปลา้ งในนา้ สะอาด 2 ครงั้ จากน้นั แชใ่ นอา่ งน้าที่ผสมนา้ ยาปรบั ผา้ นมุ่ ไว้สกั ครู่ ปรมิ าณการใช้น้ายาปรับผ้านมุ่ ให้ดูตามคาแนะนาบนฉลากผลติ ภณั ฑ์ 2. การตากผ้าไหม ทาได้ดงั นี้ 1) ยกผ้าไหมขน้ึ จากน้ายาปรับผ้านุ่ม แลว้ บบี เบา ๆ ไลน่ า้ ออก หา้ มบดิ ผ้า เพราะจะทาใหผ้ ้าเปน็ รอยยบั เสยี รปู ทรง 2) สลัดผา้ เบา ๆ คลีอ่ อกใสไ่ มแ้ ขวน 3) นาเสอื้ ผ้าใส่ไมแ้ ขวน ไปแขวนกบั ราวตากผ้าในทรี่ ่ม ทม่ี ลี มพัดผา่ น

13 3. การรีดเสือ้ ผ้าไหม มขี ัน้ ตอนดังน้ี 1) นาผา้ ไหมที่ซักตากแห้งพอหมาด ๆ มาพรมนา้ หรอื ฉีดพ่นนา้ ยารีดผา้ เรยี บใหท้ ่วั มว้ นพบั เกบ็ ไวใ้ นช่องแช่แขง็ ของตเู้ ย็น นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพอ่ื ให้นา้ หรอื น้ายาท่ฉี ีดไว้ กระจายเข้าเนอื้ ผ้าจนท่ัวดี ไม่ ควรนาไปรดี หลงั พรมนา้ ทนั ที จะทาให้ผา้ ด่างและไมเ่ รียบ 2) นาผา้ ไหมทม่ี ้วนเก็บไวใ้ นตูเ้ ย็นมารีด โดยใชผ้ า้ ฝ้ายขนาดผา้ เช็ดหน้าวางทับบน ผ้าไหม แล้วจึง ใชเ้ ตารดี รีดบนผ้าฝา้ ย หากไมว่ างผ้าฝา้ ยทับบนผ้าไหมกอ่ น ความร้อนจากเตารีด จะทาให้ผา้ ไหมสไี ม่สดใส เป็น รอยเหลืองและเกา่ เร็ว นอกจากนี้ถ้าไมร่ ีดบนผ้าฝ้ายให้รีดด้วยอุณหภูมิตา่ หรือใชเ้ ตารีดไอน้า และไม่ควรรีดผา้ ไหมขณะทผ่ี า้ แห้ง เพราะจะทาใหผ้ ้าแข็งกระด้างเปน็ มันลืน่ 4. การเกบ็ รักษาผ้าไหม ทาไดด้ งั นี้ 1) หลงั จากรีดผ้าไหมเรียบรอ้ ยแลว้ ควรแขวนไว้กบั ไม้แขวนเสื้อ แล้วนาไปแขวน เกบ็ ไว้ในตู้ เสอ้ื ผา้ 2) ถา้ เปน็ เสือ้ ผา้ ไหมทใี่ ช้แลว้ และยังไมส่ กปรก ควรแขวนกับไม้แขวนและนาไปผ่ึงไว้ ในท่ีร่ม ที่ มอี ากาศถ่ายเทดี หากเสื้อผา้ ไหมสกปรกเล็กน้อย ควรทาความสะอาดเฉพาะจดุ นน้ั ทันที ใส่ไม้แขวนนาไปผ่ึงให้ แห้ง รีดใหเ้ รยี บกอ่ นนาไปเก็บ เสอ้ื ผา้ ฝา้ ย 1. การซักเสอ้ื ผ้าฝา้ ย เส้อื ผ้าฝา้ ยซักไดด้ ว้ ยมือหรอื เครอื่ งซักผ้า แต่การซกั ดว้ ยมือจะถนอมเน้อื ผ้า มากกว่า นอกจากนี้การซกั ผ้าอยา่ งถูกวิธจี ะชว่ ยปอ้ งกันราข้นึ เส้อื ผ้าได้ โดยมีขัน้ ตอนดังน้ี 1) แช่ผา้ ฝ้ายในนา้ เกลือ หรอื นา้ ส้มสายชู 1 คืน แลว้ นาขน้ึ บบี น้าออก 2) ใส่สารซักฟอก 1 ชอ้ น ต่อน้า 1 กะละมงั ใช้มอื แกวง่ จนเกดิ ฟอง นาผา้ ลงซักขย้ีเบา ๆ ยกขึ้นบีบน้าออกเบา ๆ นาไปล้างนา้ สะอาด 2 คร้งั

14 3) แชผ่ ้าฝา้ ยในอ่างนา้ ทผ่ี สมนา้ ยาปรับผ้านุ่มไว้สักครู่ ยกขน้ึ บบี น้าออก ถ้าเปน็ ผ้าฝ้ายสีขาวให้ ซกั ในนา้ สบหู่ รอื น้ายาฟอกขาว แต่ตอ้ งเป็นน้ายาฟอกขาวชนิดออ่ น ลา้ งด้วยน้าสะอาด จะปน่ั ใหแ้ หง้ ด้วยเครื่อง ซักผ้าก็ได้ 2. การตากเส้อื ผา้ ฝา้ ย ทาไดโ้ ดยนาเส้อื ผา้ ฝา้ ยท่ซี ักเสรจ็ แล้ว ผึ่งและสะบดั ให้คลอ่ี อก ใส่ไมแ้ ขวน ตาก แดดจดั ได้แตไ่ ม่ควรนานเกินไป เพราะจะทาใหเ้ สน้ ใยเสอื่ มคุณภาพและผ้าสซี ีด ถา้ เป็นผ้าสนี าไปแขวนในทร่ี ม่ มี ลมพดั ผา่ น ใชม้ ือดงึ ผา้ ใหต้ ึง อยา่ ใหม้ ีรอยยับ จะชว่ ยให้รดี ง่าย 3. การรีดผ้าฝา้ ย ทาไดโ้ ดยนาผา้ ท่ีตากไวพ้ อหมาด ๆ นาไปรีด ไม่ตอ้ งพรมน้า หรอื จะใช้นา้ ยารดี ผ้า เรียบกไ็ ด้ และรีดด้วยอุณหภูมิสูง ผา้ จึงจะเรยี บ 4. การเกบ็ รักษาผา้ ฝา้ ย ผา้ ฝา้ ยจะขึน้ ราไดง้ ่ายเมอ่ื อยู่ในท่ีอบั ช้ืน การดแู ลรกั ษาเส้อื ผ้าฝา้ ย หลังจากซกั แล้ว ควรใส่ไมแ้ ขวนแขวนไวใ้ นตเู้ ส้ือผา้ ซงึ่ วางไว้ในที่ท่มี อี ากาศถ่ายเทดี แหง้ และเยน็ ไม่ควรแขวนเสอ้ื ผา้ ในตู้ เสื้อผ้าให้แนน่ มากนกั ควรจะแขวนหลวม ๆ อีกทัง้ กอ่ นเกบ็ ไวใ้ นตคู้ วรให้เสื้อผา้ แห้งใหส้ นทิ กอ่ น เส้อื ผา้ ลนิ นิ 1. การซักเสือ้ ผ้าลินนิ ซักดว้ ยมือ เพราะไมท่ าให้ผ้ายับ รีดง่าย และการซกั ผา้ ลนิ ินสีขาว ควรซักในนา้ อุน่ ผ้าลนิ นิ สีให้ซกั ในน้าเยน็ และใช้สารซกั ฟอกที่มีส่วนผสมของเอนไซม์เพื่อชว่ ยขจัดคราบสกปรก การซกั ผ้าลนิ ินด้วยมือมขี ้นั ตอน ดงั น้ี 1) นาผ้าลินินแช่นา้ สักครูย่ กขึน้ บบี เบา ๆ นาผ้าไปแชใ่ นนา้ สารซักฟอกทเี่ ตรยี มไว้ แชไ่ วส้ กั ครู่ เพอื่ ให้สารซักฟอกขจดั สิง่ สกปรก จากนนั้ ใชม้ ือขยใี้ ห้สง่ิ สกปรกออกใหห้ มด แลว้ เอาขึน้ จากนา้ สารซักฟอก บบี น้าออกเบา ๆ ไมค่ วรบดิ ผา้ แรง ๆ เพราะจะทาใหเ้ กดิ รอยยับ นอกจากนยี้ งั ใช้สารฟอกขาวคลอรีนได้ 2) นาผ้าไปลา้ งในน้าสะอาด 2-3 ครัง้ จนหมดสารซกั ฟอก นาไปแชใ่ นอ่างนา้ ผสม นา้ ยาปรับผ้า น่มุ สกั ครยู่ กขน้ึ ไลน่ า้ ออก

15 2. การตากเสอ้ื ผา้ ลนิ ิน ทาไดโ้ ดยนาผา้ ลนิ นิ ที่ซกั เสรจ็ แล้วใส่ไม้แขวน ตากแดดจดั แต่ไม่นานเกินไป แลว้ ผ่ึงลมไว้พอหมาดจึงนาไปรดี 3. การรีดเส้ือผ้าลินิน ทาไดโ้ ดยนาเส้ือผ้าลนิ นิ ที่หอ่ ไว้ หรือผ่ึงลมพอหมาด ๆ ไปรีด โดยใชค้ วามรอ้ นสงู และใหร้ ีดดา้ นใน เพื่อให้ดา้ นนอกเป็นมนั 4. การเก็บรกั ษาเส้ือผา้ ลินิน หลังจากรดี เสรจ็ แล้วให้แขวนกับไมแ้ ขวน แลว้ นาไปเก็บไวใ้ นตูเ้ สอ้ื ผา้ เสื้อผา้ ขนสัตว์ เสื้อผา้ ขนสตั ว์ ดแู ลรกั ษายาก เพราะเมื่อถกู ความรอ้ นและชื้น ผา้ ขนสัตว์จะเชอื่ มติดกนั เปน็ แผน่ และ หดตัวทกุ คร้งั เมื่อเปยี ก จึงควรส่งร้านซกั รีดที่มคี วามชานาญในการซกั รีดจะดกี วา่ สาหรบั วธิ ีการดูแลรกั ษาเส้อื ผา้ ขนสตั วอ์ ยา่ งง่ายทสี่ ามารถทาได้ด้วยตนเอง มดี งั น้ี 1. ใชแ้ ปรงนมุ่ ๆ แปรงฝนุ่ ออกทุกคร้งั หลงั การใช้ ถา้ ถูกน้าใหส้ ะบดั ออก อยา่ แปรงขณะผ้าเปียก 2. แขวนเสอื้ ผ้าขนสตั ว์ในทีอ่ ากาศโปรง่ แหง้ และเยน็ หรือใสใ่ นถงุ พลาสติกแลว้ แขวนในต้เู สอ้ื ผ้า 3. หา้ มใชเ้ ส้อื ผ้าชุดเดยี วตดิ ต่อกนั นานหลายวนั เพราะเม่อื ขนสตั ว์มกี ารเสยี ดสีหรอื ถไู ปมานาน ๆ จะแข็ง เป็นมัน บางชนดิ ขนจะหลดุ

16 เสอ้ื ผา้ ใยสังเคราะห์ 1. การซักเสอ้ื ผา้ ใยสงั เคราะห์ สามารถซกั ไดด้ ว้ ยมอื และเครือ่ งซักผา้ แตซ่ ักมอื จะถนอมเน้ือผา้ มากกวา่ โดยการซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์มวี ธิ กี าร ดังนี้ 1) ควรแยกผา้ สี และผ้าขาวออกจากกนั ไม่ควรซักรวมกนั เพ่อื ปอ้ งกันสีตก 2) ซกั ในน้าธรรมดาหรือน้าอ่นุ ดว้ ยสารซกั ฟอกหรอื สารซักฟอกชนดิ ออ่ นอย่างเบามอื แล้วลา้ ง ด้วยน้าสะอาด 2-3 คร้ัง แลว้ บีบให้น้าแห้ง 3) ถ้ามคี วามจาเปน็ ต้องฟอกขาว ควรใชส้ ารฟอกขาวอยา่ งอ่อน 2. การตากเสื้อผ้าใยสงั เคราะห์ ตากแดดไดแ้ ตต่ ้องกลับเอาดา้ นในออก เพ่ือป้องกันไม่ให้สีซีดจาง และไม่ ควรตากนาน พอหมาดเกบ็ เข้าท่ีร่ม 3. การรีดเสอ้ื ผ้าใยสังเคราะห์ เสอ้ื ผา้ ใยสังเคราะห์เนือ้ ผ้าไมย่ ับ จึงไมจ่ าเปน็ ต้องรีดแต่หากจะรีด ควรใช้ อณุ หภมู ิต่า 4. การเกบ็ เส้ือผา้ ใยสังเคราะห์ ควรแขวนดว้ ยไม้แขวนแล้วเกบ็ ไวใ้ นตู้เส้ือผ้าเสือ้ ผ้าใยก่งึ สังเคราะห์

17 เสอื้ ผ้าใยกึ่งสังเคราะห์ 1. การซักเส้ือผ้าใยก่ึงสังเคราะห์ เสือ้ ผา้ ใยกึ่งสังเคราะหเ์ ม่อื ถกู น้าจะลดความเหนยี วและความทนทาน ไม่ทนกรด ถา้ เป้ือนยางผลไมห้ รอื น้าผลไม้ตอ้ งซกั ทนั ที ควรซักแห้งหรอื อาจซักนา้ ไดแ้ ตผ่ ้าจะยบั มาก เสยี เวลาซกั นาน อย่าแช่นา้ หรอื ทิง้ ไวใ้ นน้านาน และควรใชส้ ารซกั ฟอกชนดิ อ่อน ขณะซักไม่ควรขยห้ี รือบิดมาก จากนนั้ ลา้ งนา้ สะอาด 2-3 ครัง้ แลว้ บีบนา้ ให้หมาด 2. การตากเส้ือผา้ ใยก่ึงสงั เคราะห์ ควรแขวนตากในทีร่ ่ม 3. การรดี เสือ้ ผา้ ใยก่งึ สงั เคราะห์ ควรรีดด้วยอณุ หภูมิตา่ เพราะไม่ทนความร้อน ถา้ ความรอ้ นสูงจะ ละลาย 4. การเกบ็ เสือ้ ผา้ ใยสังเคราะห์ ควรแขวนด้วยไม้แขวน แล้วเก็บในต้เู ส้อื ผา้ นอกจากเสือ้ ผา้ ใย ธรรมชาติ ใยสังเคราะห์ และใยกึ่งสังเคราะหแ์ ล้ว ยงั มีเส้อื ผา้ ไหมพรม และเส้ือผ้าท่ีตกแตง่ ดว้ ยเลื่อมและลูกปัด ซ่งึ ต้องมีวธิ ีการดแู ลอย่างประณีต

18 เสื้อผ้าไหมพรม เสื้อผ้าไหมพรม เปน็ ผา้ ทีถ่ กั ทอจากเส้นไหมพรม มีลกั ษณะนุ่ม ไมย่ บั ยดื หยนุ่ ไดด้ ี สวมใส่อบอนุ่ ป้องกนั ความหนาวได้ดี 1. การซกั เสอ้ื ผ้าไหมพรม ทาไดโ้ ดยซกั มือหรือซักดว้ ยเครอ่ื งซักผา้ ได้ท้ังสองวธิ ี ควรใชน้ ้ายาซกั แห้งซัก ขยาเบา ๆ เมอื่ สะอาด หมดสง่ิ สกปรก นาไปล้างน้าใหส้ ะอาด 2-3 น้า นาไปแช่น้ายาปรับผา้ น่มุ สกั ครู่ ไมค่ วรนา เสอื้ ผา้ ไหมพรมตา่ งสีซักรวมกนั สีจะตกไดเ้ สอ้ื ผา้ ไหมพรมท่เี ปื้อนน้ามนั มีวิธีซกั โดยใชน้ ้าอุน่ ๆ ผสมนา้ สบหู่ รอื ผงซกั ฟอก ตจี นขึ้นฟอง นาเสือ้ ผ้าไหมพรมทีม่ ีรอยเปือ้ นแช่ลงไปประมาณ ๓๐ นาที แล้วขยาเบา ๆ จนสง่ิ สกปรก น้ามันหลดุ ออกหมด เอาไปลา้ งในน้าอ่นุ 2-3 ครั้ง จนสะอาด นาไปตาก หลังจากซกั เสอ้ื ผา้ ไหมพรม ปูเสอื้ ไหมพรม ลงบนพื้นโต๊ะ นาผ้าขนหนแู ห้ง ๆ ปูทาบกับตวั เสอื้ แล้วมว้ นไปพร้อม ๆกัน ผ้าขนหนูจะซับนา้ ในเส้ือไหมพรมให้ แหง้ โดยไม่ตอ้ งบดิ เพราะถา้ บดิ จะทาให้เสน้ ไหมพรมยับและยืด 2. การตากเส้ือผา้ ไหมพรม ทาไดโ้ ดยนาเสื้อผ้าไหมพรมทซี่ บั น้าจนแหง้ แลว้ วางราบบนแผ่นกระดานยาว ผงึ่ ใหแ้ ห้งในทร่ี ม่ ไม่ควรนาเสอื้ ไหมพรมตากบนราวตากผ้า เพราะผา้ ไหมพรมเป็นผ้าทมี่ นี ้าหนักและทิ้งตัว จะทาให้ ยดื ย้วย เสียรปู ทรง 3. การเกบ็ รักษาเส้อื ผา้ ไหมพรม ทาได้โดยพับเก็บไว้ในตเู้ ส้ือผ้า ไมค่ วรแขวน เพราะจะทาใหย้ ืดย้วย เสีย รปู ทรง

19 เสื้อผ้าท่ีปกั เลอื่ มและลูกปดั เส้อื ผ้าทปี่ กั เลือ่ มและลูกปัด สว่ นมากจะตดั เยบ็ โดยใชผ้ า้ ไหม ผา้ ป่านหรือผ้าลนิ ิน ซง่ึ ซกั รีดได้ยาก และ ตอ้ งระวังไมใ่ หเ้ ลอ่ื มหรือลกู ปัดหลดุ อกี ดว้ ย จึงต้องดูแลอย่างถกู วิธี ดงั นี้ 1. การซักเส้ือผา้ ท่ปี กั เลื่อมและลูกปัด ทาไดโ้ ดยก่อนซกั ให้ตรวจหาจดุ สกปรกกอ่ น จงึ นาไปแชส่ กั ครู่ ยกขน้ึ บบี นา้ ออกโดยไมบ่ ดิ จากนน้ั นาไปลงซักในกะละมังที่มีนา้ ผงซกั ฟอกท่ีตจี นข้นึ ฟอง ขยสี้ ่วนสกปรกออกให้ หมด ถา้ ตรงจดุ สกปรกเป็นทป่ี กั เล่อื มหรือลูกปดั ให้ขย้ีเบา ๆ แล้ว ยกขึน้ นาเสื้อผา้ ลงแชใ่ นอ่างน้าที่ผสมน้ายาซกั แหง้ สักครู่ และขยี้ตรงทีไ่ มม่ ลี กู ปัด ล้างน้า 1-2 คร้ัง ยกขนึ้ ไล่น้าออก ห้ามบดิ แล้วนาเสอ้ื ผา้ ลงแช่ในอ่างน้าผสมน้า ยาปรับผา้ นมุ่ สักครู่ ยกขึ้นไล่น้าออกโดยไม่บดิ 2. การตากเสือ้ ผา้ ปกั เล่อื มและลกู ปดั ทาไดโ้ ดยนาไปใส่ไมแ้ ขวน ผ่งึ ในทร่ี ่มท่ีมอี ากาศถ่ายเทดี อยา่ นาไป ตากแดด เพราะจะทาใหล้ ูกปัดบดิ และแตกหักง่าย 3. การรดี เส้อื ผา้ ปักเลือ่ มและลูกปดั ทาไดด้ ังน้ี 1) ฉดี พน่ นา้ ให้ทว่ั พอหมาด ๆ มว้ นพักไว้สักครู่ นาไปฉดี นา้ ยาเพอ่ื ใหผ้ า้ เรยี บ ม้วนให้นา้ ยารีดผา้ เรียบซมึ ซับจนทั่วจงึ นาไปรดี 2) การรีดผา้ ปกั เลอ่ื มและลูกปัด ใหก้ ลบั ดา้ นในออกนอก วางลงบนโตะ๊ รดี ใชผ้ ้าสาลูหรือผา้ ลนิ นิ ขนาดเทา่ ผา้ เชด็ หน้าชุบนา้ จนท่วั พอหมาด วางทาบตรงปักเลอื่ มและลกู ปดั รดี เบา ๆ จนเสอ้ื ผ้าปักเล่ือมลกู ปัดแหง้ ตอ่ จากน้ันใหก้ ลับดา้ นใชป้ ลายเตารีดค่อย ๆ รดี ผา้ ทอ่ี ยใู่ กลก้ ับเลอื่ มและลูกปดั เพ่ือให้เรยี บยิ่งข้นึ สว่ นตรงอนื่ ๆ ก็ ใช้ผา้ สาลูหรือผ้าลินินชบุ น้าพอหมาดวางทบั และรีดจนทว่ั ท้ังตวั โดยรดี ตรงปกและตวั เส้อื สาหรบั แขนเสื้อรีดเปน็ ส่วนสุดท้าย

20 วสั ดุ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมอื ในการดูแลเส้ือผ้า เสื้อผ้า จาเปน็ ตอ้ งมีความรเู้ กย่ี วกับวสั ดอุ ุปกรณ์และเคร่อื งมอื ในการดูแลเส้อื ผ้าเพ่อื ให้เลือกใช้ได้เหมาะสม กับลักษณะงาน ดังนี้ - สารซักฟอก ลักษณะงาน ใชท้ า ให้ผา้ ขาวสะอาดโดยสามารถใชก้ ับการซักมือหรอื ซักด้วยเครื่องซกั ผ้ามีทั้งชนดิ ผง และน้าก่อนใชง้ าน ควรศึกษาวิธีใชบ้ นฉลากหรอื บรรจภุ ัณฑ์แล้วปฏิบตั ติ ามเพื่อใหผ้ ้าสะอาดและไมเ่ สยี สภาพ - สารฟอกขาว (สารฟอกแบบคลอรีน สารฟอกขาวไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์) ลกั ษณะงาน ใช้ขจัดรอยเป้อื นทา ใหผ้ ้าขาวสะอาดมีหลายชนดิ ดังนี้ - สารฟอกขาวคลอรนี หรอื โซเดียมไฮเปอรค์ ลอไรด์ใช้กับผา้ ฝา้ ยผ้าลนิ นิ ไมค่ วรใชก้ บั ผ้าไหมและ ผ้าขนสตั ว์ - สารฟอกขาวไฮโดรเจนเปอร์ออกไซดใ์ ช้กับผ้าได้ทุกชนิดทา ให้ผ้าขาว สวยได้นานและไมเ่ กดิ สีหม่น ภายหลัง

21 - สารปรบั ผา้ นมุ่ ลักษณะงาน มสี ่วนผสมของนา้ มนั ช่วยเคลือบผนื ผา้ ลดความกระด้างของผ้าและชว่ ยลดการดดู ซึมของนา้ ควรใช้หลงั การซกั โดยผสมกับน้าตามอัตราส่วนท่ีระบไุ วบ้ นบรรจุภณั ฑ์แลว้ นาผา้ ลงแช่ประมาณ 10-15 นาที จงึ บดิ ผ้าตาก - สารตกแตง่ ผา้ ขาว (คราม) ลักษณะงาน ใชต้ กแต่งผ้าสขี าวใหข้ าวสดใส โดยนา ครามละลายกับนา้ แล้วนาผา้ ที่ซสั ะอาดไปแช่ทง้ิ ไว้ 5-10 นาที หลงั จากนั้นจึงบิดและนา ไปตาก

22 - สารตกแตง่ ให้ผา้ คงรปู ลักษณะงาน ใช้ตกแตง่ ให้ผ้าคงรูปมี๒ ชนดิ ดังน้ี 1. แป้งลงผา้ ใช้ไดก้ ับผ้าสผี ้าขาว และนิยมใช้กับผา้ ฝ้าย และผา้ ไหม โดยนาแป้งมนั สาปะหลงั ตม้ กบั น้า พอน้าแป้งสุกขน้ ใส กรองดว้ ยผา้ ขาวบาง ผสมกับน้าคนใหท้ ว่ั นาผา้ ลงแชบ่ ดิ แลว้ ตากใหแ้ หง้ 2. เจลลีใช้ได้กับผ้าทกุ ชนดิ โดยนา ไปตม้ ผสมกบั นา้ และกรอง จากนนั้ ผสมกบั น้าคนให้ท่ัวนาผา้ ลงแช่บดิ แล้ว ตากให้แหง้ - สารทีท่ าใหผ้ ้าเรียบหรือน้ายารีดผา้ เรยี บ ลกั ษณะงาน ใชฉ้ ดี พรมลงบนผ้าทตี่ อ้ งการให้เรยี บก่อนรดี มีส่วนผสมของฟิลม์ พอลิเมอร์ (ชว่ ยให้ผ้าเรียบอยทู่ รงนาน) ซลิ ิโคน (ทาใหผ้ า้ ล่ืนรดี งา่ ย) และน้าหอม (ชว่ ยใหผ้ า้ มีกลิ่นหอม)

23 - กะละมัง ลกั ษณะงาน ใชใ้ สน่ ้าเพือ่ ซักเสื้อผา้ - แปรงซักผ้า ลักษณะงาน ใชข้ ดั ถูเสื้อผา้ บรเิ วณทมี่ ีคราบหรือรอยเป้อื นท่ีซกั ออก ไดย้ าก เชน่ ปกเสื้อ ชายเส้อื แขนยาว และใชซ้ กั รองเทา้ ผา้ ใบ - ตะกร้าใส่ผ้า ลักษณะงาน ใชใ้ ส่ผ้าทีเ่ ตรยี มจะซักหรอื เสอ้ื ผา้ ท่ซี กั แล้วเตรียมจะตาก

24 - เครื่องซกั ผ้า ลกั ษณะงาน ใชซ้ กั เสอ้ื ผ้า โดยมีทง้ั ชนิดก่งึ อตั โนมตั ถิ งั คูแ่ ละแบบอตั โนมตั ิถังเด่ยี ว การใชง้ านเคร่อื งซกั ผา้ แตล่ ะรุ่นนั้นต้อง ศกึ ษาจากคู่มือการใช้งานที่แนบมากับตวั เครือ่ งเพื่อให้ใชง้ านไดถ้ ูกตอ้ ง และเกดิ ประสิทธิภาพสูงสดุ - เตารีด ลกั ษณะงาน ใช้รดี ผ้าให้เรียบ มที ัง้ ชนดิ เตารีดแหง้ เตารดี ไอนา้ และเตารีดแบบทบั ซง่ึ การใช้งานเตารีดแตล่ ะชนิดต้อง ศึกษาวธิ ใี ช้จากคูม่ ือที่แนบมากบั เตารีดให้เข้าใจและปฏิบัติตาม โดยมขี ้อควรคานงึ ที่สาคัญ คือ ปรบั ระดับอุณหภูมิ ของเตารดี ให้เหมาะสมกับชนดิ ของผา้ ทจ่ี ะรดี

25 - ขวดใสน่ ้ายารดี ผ้าเรยี บ ลกั ษณะงาน ใชใ้ ส่นา้ ยารีดผ้าเรยี บ แล้วปรบั หัวฉีดพน่ จากน้นั กด คันโยกพ่นน้ายารีดผ้าเรยี บลงบนผ้าทจี่ ะรดี พอช่มุ ชนื้ แต่ไมแ่ ฉะ - ทร่ี องรีด ลกั ษณะงาน ใชร้ องรดี เสือ้ ผา้ ทุกชนดิ มีลักษณะเหมือนโตะ๊ พับได้ มีหลายขนาด ปรับได้หลายระดบั ทงั้ แบบนงั่ พน้ื แบบน่งั เก้าอ้ี และแบบยนื สว่ นบนทาดว้ ยฟองน้าเนอ้ื แนน่ ห้มุ ดว้ ยผ้า สว่ นลา่ งเปน็ เหล็กพ่นสี

2 26 - หมอนรองรีด ลักษณะงาน ใช้รองรีดเสอื้ ผา้ ในส่วนท่ีเขา้ ถึงไดย้ าก เชน่ ปกเสอ้ื แขนเสอื้ จบี เกลด็ เป็นต้น - ไมแ้ ขวนเสื้อ ลกั ษณะงาน ใช้แขวนเส้ือตากให้แห้งหรอื แขวนเสอื้ ทรี่ ีดเสร็จแล้ว ไมใ่ ห้เสียรปู ทรง และไมย่ บั มที ้ังชนดิ ทีท่ าจากพลาสติก ทาจากลวดหุม้ พลาสติก และทาจากไม้ - ทห่ี นีบผ้า ลกั ษณะงาน ใชห้ นบี เสอ้ื ผา้ บนราวตากผ้า เพอื่ ไมใ่ หเ้ สื้อผ้าปลวิ เมื่อ ลมพดั และใชห้ นีบเสือ้ ผา้ ตดิ กบั ไม้แขวน

27 วิธีการดแู ลเสอ้ื ผ้าประเภทตา่ ง ๆ การดแู ลเสื้อผ้าแต่ละประเภทให้สะอาด คงสภาพดี ใชง้ านไดน้ านต้องรูจ้ กั วิธีการขจัดรอยเป้อื น ซกั ตาก รดี และเก็บรักษาท่ีถูกต้อง ดังน้กี ารขจดั รอยเป้อื นบนเสือ้ ผา้ การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ หรอื เหตุการณท์ ีเ่ กิดข้ึนใน ชีวิตประจาวัน เชน่ เล่นกีฬา ขนึ้ รถ ลงเรือ ทางาน รับประทานอาหาร เกิดอบุ ัติเหตุ อาจทาให้เสื้อผา้ ท่ีเราสวมใส่ เปรอะเปื้อนจากคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ ซึ่งหากไม่ขจัดทันที จะทาใหค้ ราบสกปรกเหลา่ นนั้ ฝงั แน่นในเสน้ ใยผา้ จนกระท่งั ไมส่ ามารถซกั ออกได้ รอยเปอื้ นบนเสื้อผ้าทีพ่ บเปน็ ประจามีวิธกี ารขจดั ดังน้ี 1. รอยเปือ้ นชา กาแฟ ถ้ารอยเปื้อนยังไม่แห้ง ใหน้ าแป้งขา้ วเจ้า แปง้ ข้าวเหนยี วหรอื แป้งฝ่นุ โรยลงบนรอย เปื้อน เพื่อให้แปง้ ดูดซบั รอยเปอ้ื น ทิง้ ไว้ใหแ้ หง้ ใช้แปรงขนออ่ นปดั แปง้ ออก แล้วนาไปซักด้วยสารซกั ฟอกตามปกติ 2. รอยเปอื้ นเลือด ถ้าเป็นผ้าฝา้ ยหรือลนิ นิ ใหแ้ ช่นา้ และใชแ้ อมโมเนยี เจอื จางเชด็ แลว้ นาไปซกั หรอื ใช้แป้ง มนั ผสมน้าใหเ้ ข้มข้นเหมือนแปง้ เปยี ก ทาตรงสว่ นรอยเปอื้ น ทงิ้ ไว้ประมาณ 4 ชวั่ โมง แปง้ มันจะดดู ซับรอยเปอ้ื น แล้วจึงนาไปซกั ตามปกติ 3. รอยเปื้อนหมากฝร่งั ขดู หมากฝรงั่ ออกด้วยสันมดี แลว้ ใช้น้าแข็งถู เพอ่ื ใหห้ มากฝรัง่ แขง็ ตัว แลว้ ค่อย ๆ แกะหมากฝรง่ั ออก จากนัน้ ใชส้ าลชี บุ แอลกอฮอลเ์ ชด็ รอยหมากฝรง่ั และนาไปซักในนา้ สบ่อู อ่ น 4. รอยเปื้อนครีม เนย นา้ มัน นาแปง้ ฝนุ่ ทาตวั มาโรยบนรอยเป้ือน ใช้กระดาษชาระหรือกระดาษบางอื่น ๆ วางทบั แล้ววางเตารีดท่ีร้อนพอสมควร ทบั บนกระดาษจนแป้งดดู คราบมัน ออกหมด จึงนาไปซกั ตามปกติ 5. รอยเปือ้ นนา้ หมกึ โรยเกลือป่นตรงรอยเป้ือน แล้วบบี น้ามะนาวลงไปใหช้ ่มุ ผึ่งแดดไว้ คร่ึงวนั จงึ ค่อย นาไปซัก 6. รอยเป้ือนสนิม นาผา้ ชุบนา้ ให้เปียกกอ่ น บีบน้ามะนาวลงไปบนรอยเปือ้ น ทิง้ ไว้สกั คร่แู ล้วจึงนาไปซกั ตามปกติ 7. รอยเป้ือนยางผลไม้ ใชส้ ารส้มถบู รเิ วณรอยเปื้อน แล้วนาไปซักดว้ ยสารซกั ฟอก 8. รอยเป้อื นโคลน ปล่อยใหโ้ คลนแห้ง แลว้ ใชแ้ ปรงปดั ออก จากน้นั ซกั ดว้ ยน้าเยน็ หลาย ๆ ครั้ง จนไมม่ ีน้า โคลนออกมา จึงนาผา้ ไปซักตามปกติ 9. รอยเปอ้ื นยาแดง เชด็ รอยเปื้อนดว้ ยแอมโมเนยี หรือซักดว้ ยน้าสม้ สายชผู สมนา้ 10. รอยเป้ือนรา (เลก็ น้อย) นาผ้าไปซักในน้าสบู่รอ้ น ๆ หรือบบี มะนาวลงไปตรงทม่ี รี าขน้ึ แล้วแชผ่ า้ ในสาร ซักฟอกซักครู่ จึงซักผา้ ตามปกติ 11. รอยเปอื้ นดนิ สอ ใช้ยาสฟี นั ป้ายลงบนรอยดนิ สอแลว้ ขย้ี จากนนั้ นาไปซักตามปกติ 12. รอยเปื้อนเหงอื่ ไคล ซกั ดว้ ยน้าผสมน้าส้มสายชเู ลก็ น้อย แล้วนาไปซักตามปกตกิ ารซกั ตาก รีด และเกบ็ เสื้อผา้

28 หลกั การดูแลเสื้อผ้า การดูแลเสื้อผา้ ให้ทนทานใชง้ านได้นานมหี ลักการดังนี้ 1. ขณะสวมใสเ่ สอ้ื ผา้ ต้องระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ ปรอะเปอ้ื นและถูกของแหลมคมเกี่ยวขาด 2. ไม่ควรใส่ของหนกั หรือของมีคมในกระเปา๋ เสือ้ กระเปา๋ กระโปรง กระเปา๋ กางเกง เพราะจะทา ให้ กระเป๋าขาดได้ 3. เสื้อผ้าเมื่อถอดแล้วจะสวมใส่อีก เชน่ เสอื้ กนั หนาว สูทไม่ควรแขวนไว้ท่ตี ะปเู พราะจะเสียรปู ทรงควร แขวนด้วยไม้แขวนเกบ็ ไว้ในทอ่ี ากาศถา่ ยเทได้ดี 4. สารวจสญั ลกั ษณบ์ นป้ายผ้าทตี่ ิดมากับเส้ือผา้ และดแู ลรกั ษาใหถ้ กู วธิ ดี งั ตัวอย่าง 5. สารวจชนิดของผา้ เพอ่ื ให้เลอื กใชว้ ัสดุอปุ กรณ์และเครื่องมือในการดแู ลรกั ษาไดเ้ หมาะสม 6. หยิบสิง่ ของออกจากกระเปา๋ เส้อื กระเป๋ากางเกงกระเปา๋ กระโปรงออกกอ่ นขจัดรอยเป้ือนและซกั 7. ขจัดรอยเปือ้ นทนั ทีทีพ่ บจะช่วยประหยดั แรงงานและเวลาในการซกั เสอ้ื ผา้ 8. ซอ่ มแซมเสื้อผา้ ทีช่ ารดุ กอ่ นซักทาความสะอาด 9. แยกผา้ สผี ้าขาว และผา้ สีตกไว้เพือ่ ความสะดวกในการซกั และป้องกนั เสอ้ื ผา้ สีหมน่ หรอื สีตกใส่กนั 10. ศึกษาวิธใี ชง้ านวสั ดุอปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมือในการดแู ลเสื้อผ้าใหเ้ ข้าใจจากการอ่านฉลากหรอื ขอ้ ความบน บรรจภุ ัณฑแ์ ละคมู่ อื แนะนาการใช้งานแลว้ ปฏิบตั ิตามอยา่ งเครง่ ครดั 11. จัดเก็บเสือ้ ผ้าอยา่ งถูกวิธีโดยไมใ่ หย้ บั หรือเสยี รปู ทรง หยบิ ใชส้ ะดวก ปราศจากฝ่นุ และแมลง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook