2. ความลกึ ของผลติ ภณั ฑ์ สายท่ี 2 ผลิตภณั ฑ์ในครัวเรอื น ประกอบด้วย 2) ผลติ ภณั ฑ์ถนอมผ้า ไฮคลาส ไดแ้ ก่ นา้ ยาซกั ผา้ นา้ ยาปรับผ้านุ่ม สเปรยร์ ดี เรยี บ
2. ความลึกของผลติ ภัณฑ์ สายที่ 3 ผลติ ภณั ฑส์ ว่ นบคุ คล ประกอบดว้ ย 1) ยาสฟี นั ซอลส์ มี 3 สูตร
2. ความลึกของผลติ ภัณฑ์ สายท่ี 3 ผลิตภณั ฑ์ส่วนบคุ คล ประกอบด้วย 2) ผลติ ภณั ฑซ์ ิสเท็มมา ไดแ้ ก่ แปรงสฟี นั ยาสีฟนั น้ายาบ้วนปาก
2. ความลกึ ของผลติ ภัณฑ์ สายที่ 3 ผลติ ภณั ฑ์ส่วนบุคคล ประกอบด้วย 3) ผลติ ภณั ฑ์โชกุบสุ ซึ โมโนกาตาริ
2. ความลกึ ของผลติ ภัณฑ์ สายที่ 3 ผลิตภณั ฑ์ส่วนบคุ คล ประกอบดว้ ย 4) ครมี ปกป้องผวิ ชว่ งต้ังครรภไ์ อนิว
2. ความลกึ ของผลติ ภณั ฑ์ สายท่ี 4 ผลติ ภณั ฑเ์ ด็ก ประกอบดว้ ย 1) ผลติ ภณั ฑเ์ ดก็ โคโดโม ไดแ้ ก่ สบเู่ หลว สบู่กอ้ น แป้ง แชมพู โลช่ัน ยาสฟี นั
2. ความลึกของผลติ ภณั ฑ์ สายท่ี 4 ผลติ ภณั ฑเ์ ด็ก ประกอบดว้ ย 2) ผลติ ภณั ฑเ์ ซนตแ์ อนดรวู ์ ไดแ้ ก่ แป้ง สบเู่ หลว แปรงสฟี ัน ยาสฟี นั น้ายาซกั ผ้า
2. ความลกึ ของผลิตภัณฑ์ สายที่ 5 ผลติ ภณั ฑ์ใหม่ ประกอบด้วย 1) ผลติ ภณั ฑ์อาหารเสริม Q 10 (i-Healt)
2. ความลึกของผลติ ภัณฑ์ สายท่ี 5 ผลิตภณั ฑ์ใหม่ ประกอบดว้ ย 2) ครมี โฟมล้างหนา้ ไบโอนิค
2. ความลึกของผลติ ภณั ฑ์ สายที่ 5 ผลติ ภัณฑ์ใหม่ ประกอบดว้ ย 3) กระดาษเช็ดหนา้ BSC
การพจิ ารณาสว่ นประสมของผลิตภณั ฑ์ ประกอบด้วย 3. ความยาวของผลิตภณั ฑ์ (Product Length) หมายถึง ผลรวมของ จานวนรายการท้ังหมดในทุกสายผลติ ภัณฑ์ทีก่ จิ การมีไว้จาหนา่ ย หรอื อาจกลา่ วได้ ว่าสนิ คา้ ท้งั หมดทกุ ประเภททุกรายการรวมทัง้ สิน้ ของบรษิ ัท
การพิจารณาสว่ นประสมของผลติ ภณั ฑ์ ประกอบด้วย 4)ความสอดคล้องของผลิตภณั ฑ์ (Product Line Consistency) หมายถึง ความ สมั พันธท์ ่ีเขา้ กนั ได้ของผลติ ภณั ฑ์ ทัง้ ทางดา้ นการผลิต การจดั จาหน่าย กล่มุ ลกู ค้าเปา้ หมาย และการดาเนนิ การดา้ นการตลาด
กลยทุ ธท์ ่ีควรใช้ คือ การสร้างความแตกตา่ งระหวา่ งสินคา้ ของตนกบั คูแ่ ขง่ ขนั การสร้างตราสินคา้ ตอ้ งจดจาง่าย โดดเดน่ และไมซ่ ับซอ้ น เปน็ การสรา้ งความ น่าเชอื่ ถอื ใหก้ ับตราสนิ ค้า เพอ่ื ให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจจากผู้บรโิ ภค ตลอดจน กิจกรรมทางการตลาดนน้ั จะเดนิ ควบคู่ไปบนเสน้ ทางเดยี วกัน ประกอบด้วย
1. ตราสนิ คา้ (Brand) หมายถงึ ชอ่ื คา เคร่อื งหมาย สญั ลกั ษณ์ การออกแบบ ซง่ึ ผผู้ ลิต สรา้ งข้ึนมาใชก้ บั ผลิตภัณฑข์ องตนเอง เพอ่ื แสดงใหเ้ ห็นถึงความแตกต่างระหวา่ งผลิตภณั ฑท์ ่ี ออกจาหนา่ ยกบั ผลติ ภัณฑข์ องค่แู ขง่ ขนั ทาใหผ้ บู้ ริโภคจดจาตัวสนิ คา้ ได้ สามารถเลือกซือ้ ได้ อยา่ งถกู ต้อง
2. ช่อื ตราสนิ คา้ (Brand Name) หมายถงึ ส่วนของตราสนิ คา้ ที่เปน็ ชอื่ คาพูดหรอื ขอ้ ความ สามารถออกเสียงได้ เพื่อใช้เรียกชือ่ สนิ ค้า
3. เครอ่ื งหมายตราสนิ คา้ (Brand Mark) หมายถึง สว่ นของตราสินคา้ ท่สี ามารถจดจา ได้ ไม่สามารถอ่านออกเสียงได้ แต่เปน็ สัญลักษณ์ สี รปู ภาพ รูปแบบทป่ี ระดษิ ฐต์ า่ งๆ
4. เครือ่ งหมายการค้า (Trade Mark) หมายถึง ตราสนิ ค้าท่นี าไปจดทะเบยี นและได้รบั การคมุ้ ครองทางกฎหมาย เพื่อป้องกนั การลอกเลยี นแบบและค้มุ ครองสิทธค์ิ วามเปน็ เจา้ ของ เครอ่ื งหมายการคา้ มี 4 ประเภท 1) เครอ่ื งหมายการคา้ (Trademark) 2) เครอ่ื งหมายบรกิ าร (Service Mark) 3) เครอ่ื งหมายรับรอง (Certification Mark) 4) เครอื่ งหมายร่วม (Collective Mark)
1) เครอื่ งหมายการค้า (Trademark) ใช้กากับสนิ คา้ เพ่อื แสดงวา่ สินค้าทใี่ ช้ เคร่อื งหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าอ่ืน
2) เครือ่ งหมายบริการ (Service Mark) เคร่อื งหมายทีใ่ ช้กับกบั ธรุ กจิ บรกิ าร เพ่อื แสดง วา่ บริการทีใ่ ชเ้ คร่อื งหมายนั้นแตกตา่ งกบั บรกิ ารทใ่ี ช้เคร่อื งหมายของผูอ้ น่ื
3) เครอื่ งหมายรบั รอง (Certification Mark) เปน็ เครือ่ งหมายที่ใชร้ ับรองคุณภาพใน สนิ ค้าหรอื บรกิ ารของผู้อื่น เชน่ เชลลช์ วนชมิ เครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (มอก.)
4) เครอื่ งหมายรว่ ม (Collective Mark) เป็นเคร่อื งหมายการคา้ หรือบรกิ ารท่ีใชโ้ ดย บรษิ ัท สมาคม สหกรณ์ สมาพันธ์ หรือรัฐวสิ าหกจิ องคก์ รในกลมุ่ เดียวกัน
- เครื่องหมายการคา้ อาจมกี ากบั ด้วยตวั อักษร
5. โลโก้ (Logo) หมายถงึ เครือ่ งหมาย หรือสัญลักษณ์ ท่ีใช้ส่อื สารใหล้ ูกคา้ ไดร้ ับรู้ เปน็ สิ่งที่ช่วยสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ทโ่ี ดดเด่นของบรษิ ทั ทาใหส้ ะท้อนถงึ บคุ ลกิ ภาพ ของตราสนิ ค้า บ่งบอกถงึ ความนา่ เช่ือถอื ความเชือ่ มนั่ ในความสาเรจ็ ของบรษิ ทั
6. คาขวญั (Slogan) หมายถึง ข้อความทแี่ สดงถงึ ลักษณะเฉพาะของผลติ ภณั ฑ์ ซึ่งเปน็ ขอ้ ความสน้ั ๆ งา่ ยต่อการจดจา
7. ลขิ สทิ ธิ์ (Copyright) หมายถงึ สทิ ธิแตผ่ เู้ ดยี วทีก่ ฎหมายรบั รองให้ ผู้สรา้ งสรรค์กระทาการใดๆ เก่ียวกบั งาน ท่ีตนได้ทาขน้ึ โดยจะแสดงสญั ลกั ษณ์ C
8. ป้ายฉลาก (Label) หมายถงึ สว่ นหนึ่งของผลติ ภณั ฑ์หรือบรรจภุ ณั ฑ์ ซึ่งเปน็ ขอ้ ความท่แี สดงขอ้ มูล ขา่ วสาร รายละเอยี ดต่างๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกับผลติ ภัณฑ์ เพอ่ื ให้ผูบ้ รโิ ภค ได้รบั รู้ ปา้ ยฉลาก สามารถแบง่ เปน็ 3 สว่ นคือ 1) ปา้ ยฉลากแสดงตราสนิ ค้า (Brand Label) 2) ปา้ ยฉลากแสดงคุณภาพสินค้า (Grade Label) 3) ปา้ ยฉลากแสดงรายละเอยี ดของสนิ คา้ (Descriptive Label)
8. ป้ายฉลาก (Label) 1) ป้ายฉลากแสดงตราสนิ คา้ (Brand Label)
8. ป้ายฉลาก (Label) 2) ปา้ ยฉลากแสดงคณุ ภาพสินคา้ (Grade Label)
8. ป้ายฉลาก (Label) 3) ป้ายฉลากแสดงรายละเอยี ดของสนิ คา้ (Descriptive Label)
9. บาร์โค้ด (Barcode) หมายถึง สญั ลกั ษณร์ หสั แท่งท่ีมีเลขหมายประจาตัวของสนิ ค้า เปน็ รหสั ตวั เลขทเ่ี ป็นระบบมาตรฐานสากล เพอ่ื ใชแ้ ทนขอ้ มลู เกย่ี วกบั ประเทศท่ผี ลติ ผู้ผลติ ชนิดและราคาสนิ ค้า
รหสั แทง่ ของบาร์โค้ดเปน็ ลกั ษณะแถบเสน้ สีดา ทมี่ คี วามหนาบางแตกต่างกนั วางเรียง ในแนวตงั้ บนพ้นื สขี าวทเ่ี ปน็ ความหา่ งของแถบ ความหนาบางของเส้นสีดาและระยะห่างจะ ถูกกากับโดยตวั เลขทอี่ ยขู่ ้างลา่ ง รหสั แทง่ ทแี่ สดงขอ้ มลู ของสินค้าหรอื บารโ์ ค้ดทน่ี ยิ มใช้แบ่ง ออกเปน็ 2 ระบบ คือ 9.1 ระบบ UPC (Universal Product Code) 9.2 ระบบ EAN (European Article Number)
9.1 ระบบ UPC (Universal Product Code) เป็นบารโ์ ค้ดระบบแรกของโลก นยิ ม ใชใ้ นประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (แบบมาตรฐานมี 12 หลกั )
9.2 ระบบ EAN (European Article Number) เป็นระบบบารโ์ คด้ ท่พี ัฒนาขน้ึ ใน แถบยุโรป (แบบมาตรฐานมี 13 หลัก) ตวั เลข ความหมาย 3 ตัวแรก รหสั ประเทศ 4 ตวั ถัดจากรหัสประเทศ รหัสสมาชิก 5 ตัว ถัดจากรหัสสมาชกิ รหัสประจาตวั สินค้า 1 ตวั สุดท้าย รหัสตรวจสอบการอา่ นถูกตอ้ ง
ประเภทของตราสนิ คา้ (Types of Brand) ตราสินคา้ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี 1. ตราสินคา้ ของผ้ผู ลิต (Manufacturers Brand) หมายถึง ตราสินค้าทผี่ ผู้ ลติ กาหนด ขนึ้ ใช้สาหรับผลติ ภัณฑข์ องตน มีการจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์กระจายสผู่ บู้ ริโภคอย่างท่วั ถึง และมี การโฆษณาแพรห่ ลาย เรยี กวา่ ตราสนิ คา้ ระดบั ชาติ (National Brand)
ประเภทของตราสนิ คา้ (Types of Brand) 2. ตราสินค้าของผจู้ ัดจาหนา่ ย (Dealer Brand or Private Brand) หมายถงึ ตรา สนิ ค้าที่ผู้จาหนา่ ยซง่ึ ไมไ่ ดเ้ ป็นผผู้ ลติ กาหนดขึ้นมาใช้กบั ผลิตภณั ฑ์ทมี่ กี ารวา่ จ้างให้โรงงาน อตุ สาหกรรมเป็นผ้ผู ลติ เพ่ือจาหนา่ ยภายในกิจการของตนเอง จาหนา่ ยราคาท่ตี ่ากวา่ ตรา สินคา้ ของผ้ผู ลิต
การเลอื กใช้ตราสินคา้ 1. ตราสินคา้ เดยี ว (Family Brand) เป็นการใช้ตราสนิ ค้าเดยี วกนั สาหรบั ผลิตภณั ฑ์ หลายชนดิ ในกิจการหรอื ในสายผลิตภัณฑเ์ ดียวกัน เรยี กว่าเปน็ ตราสนิ ค้าครอบครวั ชว่ ยลด ต้นทนุ ทางการตลาด คอื ทาการส่งเสรมิ การตลาดเพยี งคร้งั เดยี วกค็ รอบคลุมไดท้ ุกชนดิ
การเลอื กใช้ตราสนิ คา้ 2. ตราสินค้าเฉพาะผลติ ภณั ฑ์ (Individual Brand) เปน็ การใช้ ตราสนิ คา้ เฉพาะสาหรับแต่ละ ผลติ ภัณฑ์ เปน็ การสรา้ งความ แตกต่างใหเ้ หน็ ชดั เจน ชว่ ยให้ กจิ การขยายสายผลติ ภณั ฑไ์ ด้ กว้างขนึ้ โดยใช้ตราสนิ คา้ ใหม่
การเลอื กใชต้ ราสนิ คา้ 3. ตราสินค้าเดยี วแยกกันสาหรับผลิตภณั ฑแ์ ต่ละกลุ่ม (Separate Family Brand for all Product) เป็นการกาหนดตราสินค้าเดียวกนั ในสายผลติ ภณั ฑ์ เดียวกนั ใหม้ ีความแตกตา่ งกับกลมุ่ สายผลิตภัณฑ์อื่น
ตราสนิ ค้าเดียวแยกกันสาหรับผลติ ภัณฑ์แตล่ ะกล่มุ เครอื เจรญิ โภคภัณฑ์ กลุ่มการเกษตร การส่อื สารและ การคา้ ปลีกและ อสังหารมิ ทรพั ย์ และอาหาร โทรคมนาคม คา้ สง่
การเลือกใชต้ ราสินคา้ 4. ตราสนิ ค้าเฉพาะผลิตภัณฑ์ รว่ มช่อื กบั กจิ การ (The Company Combine with on Individual Brand) เปน็ การนาช่ือของกิจการ มาใช้รว่ มกบั ตราสินค้าเฉพาะผลิตภณั ฑ์
บรรจภุ ัณฑ์ (Package) บรรจภุ ัณฑ์ หมายถึง สง่ิ ที่หอ่ ห้มุ ผลิตภัณฑเ์ พ่อื ปอ้ งกันความเสียหาย ให้สามารถรักษา คณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์ อานวยความสะดวกในการเคล่ือนยา้ ยขนสง่ และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกบั คณุ สมบตั ิของผลติ ภัณฑ์ รวมท้งั มบี ทบาทสาคัญทีช่ ว่ ยในการสง่ เสริมการขายดว้ ย
บรรจุภณั ฑ์ (Package) หนา้ ทข่ี องบรรจุภัณฑ์ มีดงั นี้ 1. หนา้ ที่ปกป้องคมุ้ ครองผลิตภณั ฑ์ (Protection) 2. หนา้ ท่ีอานวยความสะดวก (Convenience) 3. หนา้ ที่ส่ือสารการตลาด (Marketing Communication) 4. หนา้ ที่ส่งเสรมิ การขาย (Sale Promotion) 5. หน้าที่เพิ่มคณุ คา่ (Value Added)
บรรจุภณั ฑ์ (Package) ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. บรรจุภัณฑ์ชน้ั แรก หรอื บรรจภุ ณั ฑ์ปฐมภูมิ (Primary Package or Individual) เปน็ บรรจภุ ณั ฑ์ทีอ่ ยตู่ ดิ กับผลติ ภณั ฑ์ ทาหนา้ ทห่ี อ่ หมุ้ ตวั ผลติ ภัณฑ์เพือ่ ป้องกนั ความเสยี หาย
บรรจุภณั ฑ์ (Package) ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 2. บรรจุภัณฑช์ น้ั ใน หรอื บรรจุภณั ฑ์ทตุ ิยภูมิ (Inner Package or Secondary Package) เปน็ บรรจุภัณฑท์ ี่อยถู่ ัดออกมาจากบรรจุภณั ฑช์ นั้ แรก ทาหน้าท่หี ่อหมุ้ บรรจภุ ณั ฑ์ ชั้นแรกอีกชนั้ หน่ึง เพอื่ สะดวกในการหยบิ จบั และกระตุ้นการสง่ เสริมการขาย
บรรจภุ ัณฑ์ (Package) ประเภทของบรรจุภณั ฑ์ 3. บรรจุภณั ฑ์ชนั้ นอก หรอื บรรจภุ ณั ฑเ์ พ่ือ การขนสง่ (Outer Package or Shipping Package) เป็นบรรจุภณั ฑท์ หี่ อ่ หมุ้ บรรจภุ ณั ฑ์ ชน้ั ใน ทาหน้าทร่ี วบรวมบรรจุภัณฑ์แต่ละหน่วย ไว้ดว้ ยกนั เพอ่ื ความสะดวกและความปลอดภยั ในการขนสง่ และเก็บรกั ษา
1. ขั้น 2. ขั้น แนะนา เจรญิ เตบิ โต วงจรชวี ติ ผลติ ภณั ฑ ์ 4. ขั้น 3.ขน้ั ถดถอย อ่ิมตวั
วงจรชวี ิตผลิตภณั ฑ์ (Product Life Cycle = PLC) วงจรชวี ติ ผลติ ภัณฑ์ ประกอบดว้ ยวงจร 4 ขนั้ ตอน คือ 1. ขั้นแนะนาผลิตภณั ฑ์ (Product Introduction) ผลิตภัณฑใ์ หมท่ เ่ี ริ่มนาออกสตู่ ลาด ยงั ไมเ่ ป็นที่รู้จักของผูบ้ ริโภค ตอ้ งอาศัยการส่งเสริมการตลาด เพ่ือตดิ ต่อส่ือสารกบั ผบู้ รโิ ภค กลยุทธใ์ นขนั้ แนะนาผลิตภณั ฑ์ 1) การตงั้ ราคาสงู อยา่ งฉบั พลนั 2) การตั้งราคาสูงอยา่ งชา้ 3) การตงั้ ราคาต่าอยา่ งฉับพลัน 4) การตัง้ ราคาอยา่ งช้า โฮมโปร เปิดตวั นวตั กรรม ต้อู บ UV-C KIOSK ฆ่าไวรสั โควคิ -19
วงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์ (Product Life Cycle = PLC) 2. ขนั้ เจรญิ เตบิ โต (Growth) การยอมรบั ในตวั ผลิตภัณฑ์ จะส่งผลใหย้ อดขายเพม่ิ สงู ข้นึ และเพมิ่ ในอัตราทเี่ รว็ ทาให้ได้รบั ผลกาไรที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากไม่มีค่แู ขง่ แต่มักจะมีโอกาส ได้ไม่นาน เพราะคูแ่ ขง่ ขันจะเร่ิมเขา้ มามสี ว่ นแบ่งการตลาดเพ่ิมข้ึนเรือ่ ยๆ กลยทุ ธใ์ นขน้ั เจรญิ เตบิ โต 1) การเพิม่ รปู ลกั ษณ์ใหมข่ องสนิ คา้ 2) การขยายชอ่ งทางการจาหนา่ ย 3) การสง่ เสริมการตลาดใหเ้ กิด ความชอบในตราสินค้า
วงจรชวี ติ ผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle = PLC) 3. ขั้นอิ่มตัว (Maturity) เกิดจากลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์มาบริโภคอย่างท่ัวถึง และมีคู่แข่ง ขันมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทาให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อผลิตภัณฑ์ เร็วขน้ึ คู่แข่งขนั ทเี่ พิม่ จานวนมากข้ึนเรือ่ ยๆ เกดิ จากแรงจูงใจด้านกาไรท่ีดี จะทาให้ส่วนแบ่ง ของตลาดท่ผี ้ผู ลติ แตล่ ะรายได้รบั ลดนอ้ ยลง ผูซ้ อ้ื สนใจน้อยลง ทาใหย้ อดขายน้อยลง กลยทุ ธใ์ นขนั้ อ่มิ ตวั 1) การปรับปรงุ ตลาด 2) การปรับปรงุ ผลติ ภัณฑ์ 3) การปรับปรงุ ส่วนประสม ทางการตลาด
วงจรชีวิตผลติ ภัณฑ์ (Product Life Cycle = PLC) 4. ข้ันถดถอย (ตกตา่ ) (Sale Decline) เม่ือผลติ ภัณฑใ์ หม่ขน้ึ ถงึ จุดอิ่มตัว หากไมแ่ กไ้ ข ผลิตภณั ฑ์ นัน้ จะเริม่ มียอดขายลดลงเรอ่ื ยๆ จะทาใหส้ ว่ นแบ่งตลาดลดลง ถา้ เป็นผผู้ ลติ ราย เลก็ ๆ ทม่ี ที นุ น้อยจะค่อยๆ ถอนตัวออกจากตลาด เพราะไม่สามารถรบั ภาระการขาดทุนได้ กลยุทธ์ขั้นถดถอย(ตกตา่ ) 1) เร่งระบายสนิ ค้าออกจากตลาด 2) การเก็บเก่ยี วผลประโยชนจ์ ากตลาด 3) การออกจากตลาด
Search